คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทนำ:จงพานพบและลาจาก(ภาคเรทานอล)
จงพานพบและลาจาก
ในวันนั้น พบก็ได้พบกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
ในตอนเช้าตรู่ที่ยังคงไร้แสงอาทิตย์ ผมเดินขึ้นไปหาอาหารป่าบนภูเขาหลังชานเมืองเพื่อเอามาทำเป็นอาหารเช้าไว้ประทังชีวิตผมพร้อมกับตะเกียงคู่ใจ ซึ่งมันก็เป็นเหมือนกับทุกๆวันที่ผมชักจะเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับมันเสียแล้วสิ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันก็ไม่น่าเบื่อเท่ากับการเมืองในปัจจุบันนี้ที่มีแต่พวกพ่อมดแม่มด ปีศาจ และอสูรกายเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดและคอยกดขี่ข่มเผงมนุษย์ที่ไม่มีทางสู้อย่างเราเสมอมา ถึงแม้จะมีการปฏิวัติของมนุษย์อยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถโค่นล้มระบอบการปกครองนี้ได้ นั่นแหละที่น่าเบื่อที่สุดในชีวิตของผมล่ะ
“ว่าไงเจ้าหนู ออกมาตั้งแต่เช้าแบบนี้ไม่กลัวโดนโจรป่าปล้นเอาบ้างหรือไงกัน”เสียงแหบห้าวที่ปะปนมากับไอหนาวในยามเช้าดังขึ้นมาพร้อมกับชายแก่ปริศนาที่ค่อยๆเดินออกจากจากเงาของต้นไม้ในป่า ชายแก่คนนั้นยิ้มให้กับผมพลางส่งเสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองออกมาจนทำให้ผมรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังเข้ามา
ผมที่เห็นท่าไม่ดีก็ค่อยๆถอยหลังออกไปให้ไกลจากชายแก่คนนั้นพร้อมกับสอดส่ายสายตาหาลู่ทางหนีจนตัวของผมไปชนกับอะไรบางอย่างเข้า ผมเงยหน้าขึ้นมองสิ่งนั้นด้วยความแปลกประหลาดใจ ก็พบกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยืนมองผมอยู่ด้วยสายตาที่เฉียบคมราวกับนกเหี่ยว
ผมรีบดันตัวของผมออกมาจากชายหนุ่มคนนั้นจนล้มลงกับพื้นทำให้ตะเกียงที่ผมถือมาดับไปพร้อมกัน และมารู้ตัวอีกทีก็กลับพบว่าผมกำลังตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มโจรป่าเสียแล้ว เสียงหัวเราะของชายหลายคนดังขึ้นมาพร้อมกันท่ามกลางความมืดเพื่อสั่นคลอนติของผม
“เอาล่ะเจ้าหนู ฉันจะไม่มากเรื่องล่ะนะ ส่งเงินและของมีค่ามาให้หมด”ชายแก่ผมสีขาวคนหนึ่งในกลุ่มโจรเดินเข้ามาจับคอเสื้อของผมแล้วดึงตัวของขึ้นมาถามถึงสิ่งที่เขาต้องการท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ยังคงดังสั่นประสาทผมอยู่ ในตอนนั้นผมรู้เพียงว่าผมกลัว กลัวจนทำอะไรไม้ถูก กลัวจนอยากจะให้ใครก็ได้มาช่วยผมที
ฉึบ! ลูกธนูที่มีเกล็ดสีขาวราวกับแท่งน้ำแข็งพุ่งเข้าปักหัวของชายหลายคนที่กำลังล้อมผมเอาไว้พร้อมกันอย่างรวดเร็วจนเหลือแค่ชายแก่ผมสีขาวที่จับคอเสื้อของผมเอาไว้
“บ้าเอ้ย นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย”ชายแก่ผมสีขาวรีบปล่อยตัวของผมลงกับพื้นแล้วชักกมีดสั้นที่เหน็บกับกางเกงของเขาออกมาพลางสอดส่ายสายตาไปรอบตัวอย่างตื่นตระหนกจนผมสังเกตให้ถึงดวงตาที่กำลังเบิกโพลงและปากที่กำลังสั่นกลัวอยู่ได้เลย
ความเงียบเริ่มปรากฏขึ้นมาทันที ชายแก่ผมสีขาวยังคงมองหาต้นเหตุของลูกธนูน้ำแข็งนั่นอยู่โดยไม่วางตาแล้วจู่ๆเด็กผู้หญิงผมยาวสีขาวราวกับนางฟ้าก็เดินออกมาจากเงามืดของป่าจนไปยืนอยู่ตรงหลังของชายแก่ผมสีขาวคนนั้นอย่างง่ายดายจนทำให้ชายแก่คนนั้นแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่ามีเด็กผู้หญิงจากที่ไหนไม่รู้มายืนอยู่ข้างหลังเขา
เด็กผู้หญิงผมยาวสีขาวหันมามองผมแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนจนผมคล้อยตามก่อนที่เธอจะหยิบมีดสั้นออกมาจากกระเป๋าของเธอแล้วใช้มีดปักลงไปที่หัวของชายแก่คนนั้นอย่างแรงจนเลือดของชายแก่ตนนั้นพุ่งกระฉูดแล้วชายแก่คนนั้นก็ค่อยๆล้มลงไปนอนกลับพื้นและไม่ขยับตัวอีกเลย
“เอ่อ...ขอบคุณครับ”ผมค่อยๆลุกขึ้นมาพร้อมกับขอบคุณเด็กผู้หญิงผมสีขาวคนนั้นอย่างมีมารยาท ส่วนเธอที่ได้ยินผมพูดแบบนั้นก็ส่งสายตามามองแล้วก้มเก็บมีดที่อาบไปด้วยของเธอขึ้นมาเช็ดกับต้นไม้
“พอมีอะไรที่ผมจะช่วยคุณได้หรือเปล่าครับ”ผมถาม
“ข้าวเช้า”เด็กผู้หญิงผมยาวสีขาวตอบผมกลับมาอย่างรวดเร็วจนผมฟังไม่ทัน
“อะไรนะ”ผมถามอีกครั้ง
“ข้าวเช้า ฉันอยากกินข้าว”เด็กผู้หญิงผมยาวสีขาวตอบผมกลับมาให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเพื่อให้ผมเข้าใจจนพยักหน้าตามด้วยความแปลกประหลาดใจ หลังจากนั้นพวกเราทั้งสองคนก็เดินลงภูเขาไปด้วยกันพร้อมกับอาหารป่าที่เต็มตะกร้า
“คุณชื่ออะไรหรอครับ”ผมถามเด็กผู้หญิงผมยาวสีขาวในขณะที่พวกเราสองคนกำลังเดินลงมาจากเดินเข้า
“เรนเนีย หรือจะเรียกฉันว่าเรนก็ได้นะ” ทำไมถึงตอบมาเป็นชื่อเล่นล่ะ!
“ผะ...ผมชื่อเรทานอล หรือจะเรียกผมว่าเรดก็ได้นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”และในตอนนั้นเอง ผมก็ได้พบกับเรน เด็กผู้หญิงที่เริ่มจะทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป
ผมและเรนเดินทางมาจนถึงถ้าบ้านของผมที่ทำมาจากไม้ มันเป็นบ้านหลังใหญ่ของผมที่ตั้งอยู่นอกชายเมืองที่ไม่มีใครสนใจ ซึ่งนั่นก็ดีแล้วล่ะ
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านของผมครับ เชิญเข้ามาได้เลยครับ”ผมพูดกับเรนด้วยความกระตือรือร้นพร้อมกับเปิดประตูต้อนรับเรนอย่างเป็นมิตร ทำให้เรนเริ่มส่งรอยยิ้มเล็กๆออกมาแล้วเดินเข้าไปในบ้านผมไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร ผมที่เดินตามหลังเธอไปก็รินน้ำใส่แก้วแล้ววางไว้บนโต๊ะให้เรนดื่มไปพลางๆก่อน
“รอเดี๋ยวก่อนนะครับคุณเรน ผมขอทำซุปเห็ดสูตรเด็ดของผมก่อน รับรองถ้าได้ทานแล้วไม่เสียใจแน่”ผมยืนทำอาหารอยู่อย่างตั้งใจเพื่อให้เรน เด็กผู้หญิงที่มาช่วยผมไว้ได้รับการตอบแทนที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้
แต่จะว่าไปแล้วทำไมเด็กผู้หญิงที่แสนน่ารักแบบนี้ถึงได้ไปทำอะไรในป่าบนภูเขาตั้งแต่เช้ามืดแบบนั้น แถมยังมีอาวุธครบมืออีกต่างหาก เด็กผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ แต่เป็นเพราะว่าเธอมาช่วยเราไว้ เราจึงต้องตอบแทนเธอและไม่คิดกับเธอในแง่ร้ายเด็จขาด
“เอาล่ะ เสร็จแล้วครับ”ผมตะโกนขึ้นพร้อมกับรีบยกซุปของผมไปวางบนโต๊ะอาหารที่เรนนั่งแล้วจ้องมองเธอชิมรสชาติซุปเห็ดของผมอย่างใจจดใจจ่อ เรนค่อยหยิบช้อนขึ้นมาตักซุปของผมใส่ปากจนได้ยินเสียงซดน้ำซุปของผม แล้วเธอก็กินจนหมดโดยไม่ได้พูดอะไร
“ปะ..เป็นยังไงบ้างครับ”ผมเอ่ยปากถามเรนอย่างกลัวๆว่ารสชาติอาหารของผมมันจะออกมาแย่จนถึงขั้นห่วยจนกินไม่ได้เลยทีเดียว
“อร่อยมาก”คำพูดที่มาพร้อมกับการชูนิ้วโป้งของเรนและรอยยิ้มที่แสนจะมีความสุขปรากฏขึ้นมานั้นทำให้ผมเริ่มรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยก็ได้ตอบแทนเรนไปแล้วครั้งนึงซึ่งก็มันไม่สามารถที่จะเทียบกับการที่เรนได้ช่วยชีวิตของผมเอาไว้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว และแล้วก็มีบางอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตของผมซึ่งดูเหมือนกับว่ามันจะเป็นขั้นแรกของการที่ชีวิตของผมได้เปลี่ยนแปลงไป...
“บอบคุณสำหรับการทำอาหารให้ฉันกินค่ะ แต่จะว่าไปแล้วการที่นายขึ้นไปเก็บอะไรก็ตามที่อยู่ภูเขานั่นมันอันตรายมาก ดังนั้นฉันจึงต้องสอนวิชาการต่อสู้เอาตัวรอดให้กับนาย”เรนรีบลุกพรวดขึ้นมาจากโต๊ะอาหารแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นซึ่งมาพร้อมกับดวงตาที่ลุกโชนอย่างน่าขนลุก เมื่อเรนพูดจบเรนก็ค่อยๆก้มมองลงมาที่ผมแล้วยกระชากตัวของผมออกไปที่หน้าบ้าน
“เอาล่ะรับนี่ไป” เรนพูดพร้อมกับโยนกระบองที่ทำมาจากไม้ในกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของเธอมาให้ผมที่กำลังยืนงงอยู่ว่าเธอกำลังจะทำอะไร แล้วเรนก็เริ่มกระโจนเข้ามาใส่ผมพร้อมกับกระบองของเธออีกอันแล้วฟาดที่หัวผมเข้าเต็มเปาจนผมล้มลงกับพื้น
“โอ๊ย ผมเจ็บนะ ที่คุณทำอะไรครับเนี่ย”ผมอุทานขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่อยู่บนหัวแล้วค่อยถามเรนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ลุกขึ้นมา นายจะต้องเอาชนะฉันให้ได้ ไม่งั้นฉันจะฆ่านายให้ตายเพื่อที่นายจะได้ไม่ต้องเจออันตรายที่อยู่บนเขาอีก” อะไรนะ เล่นยื่นขอเสนออย่างนี้เลยหรอแม่คุณ แล้วทีนี้ผมจะทำยังไงดีล่ะที่มาเจอข้อเสนอสุดโหดแบบนี้ ไม่ใช่สิ ก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วนี่นาว่าจะต้องทำยังไง ใช่ เอาชนะเธอให้ได้ยังไงล่ะ
ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นพร้อมกับสายตาที่มุ่งมั่นพร้อมกับกำกระบองไม้เอาไว้แน่นแล้วยกกระบองไม้ขึ้นเพื่อจะฟาดไปที่เรนอย่างสุดแรงแต่ความไวของผมมาช้าไปเนื่องจากเรนได้ใช้กระบองของเธอฟาดมาที่ลำตัวของผมก่อนจนทำให้ผมต้องงอตัวลงพร้อมกับถอยออกไปสองก้าวด้วยความเจ็บปวดที่เพิ่มมาอีกที่นึง
“เป็นอะไรไปล่ะ อยากถูกฉันฆ่าตายหรือไง”เรนพูดพลางควงกระบองของเธออย่างชำนาญจนไม้กระบองมาชี้ตรงหน้าของผมซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่ผมกำลังคิดว่าผมควรจะยอมแพ้ดีหรือว่าควรจะสู้ต่อดีกันแน่ แต่ถ้าเราตายก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่นาเพราะว่าเมื่อเช้านี้เราก็เกือบตายพอตกเย็นเราก็จะโดนเด็กผู้หญิงที่ช่วยเราไว้ฆ่าตายมันก็สมเหตุสมผลดีอยู่แล้วนี่นา
“สู้สิ ถ้านายหยุดอยู่แค่นี้ ไม่พยายามต่อ นายก็จะไม่มีวันได้พบกับคำว่าการใช้ชีวิต ถ้านายมัวเอาแต่เป็นคนเก็บอาหารป่าไว้ปะทังชีวิตไปวันๆอยู่แบบนี้ นายก็จะไม่มีวันได้รู้ว่าชีวิตมันมีฆ่าแค่ไหน เพราะฉะนั้นฉันต้องฆ่านายให้ตายเพื่อทำให้นายได้รู้จักคำว่าคุณค้าของชีวิต” ใช่ คำพูดของเรนเมื่อกี้นี้ถูกต้องตรงแผงเอามากๆ เมื่อก่อน เราเอาแต่ใช้ชีวิตเก็บของป่ากินไปวันๆ ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม อยู่ไปเพื่ออะไรในยุคที่การเมืองเป็นเสมือนยิ่งที่คอยกดขี่เราอยู่แบบนี้ เราเอาแต่เมินหน้าหนี ไม่ยอมมองมัน ทั้งๆที่เราควรจะสู้กับมันแล้วเอาสันติภาพกลับคือมาให้ได้!
ผมคิดได้ขึ้นมาทันทีแล้วใช้กระบองฟาดไปที่ต้นขาของเรนอย่างแรงจนเรนล้มลงซึ่งมันทำให้ผมได้โอกาสจึงเอาไม้กระบองค้ำคอเธอไว้เพื่อแสดงให้เห็นว่าผมชนะเธอแล้ว ผมยื่นมองไปให้เรนจับแล้วดึงตัวของเธอขึ้นมาจากพื้นแล้วพาเธอไปทำแผลในบ้านของผมและเราทั้งสองคนก็แยกย้ายเข้านอนไปในยามราตรี
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาในตอนที่ผมกำลังนอนอยู่บนเตียง ซึ่งทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าเสียงเคาะประตูนั้นเรนเป็นคนทำ ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูออกก็เห็นเรนยืนมองหน้าผมอยู่โดยไม่ได้พูดอะไร
“เอ่อ..เรน มีอะไรหรือเปล่า”ผมกล่าวเปิดถามเรนด้วยความสงสัยว่าเธอมาเคาะประตูทำไม
“ขอเข้าไปหน่อย ฉันมีเรื่องอะไรจะพูดกับนาย”เรนพูดกับผมแล้วเดินผ่านผมไปนั่งอยู่บนเตียงอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ขอคำอนุญาตของผมก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
“มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมก่อนหรอครับ”ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆเรนพร้อมกับเตรียมฟังเรื่องที่เธอกำลังจะเล่าให้ผมฟัง ซึ่งผมก็อยากจะฟังเอามากๆด้วย
“ฉันไม่ใช่มนุษย์ ฉันเป็นลูกครึ่งเทพอสูรน้ำแข็งที่มีแต่คนรังเกียจ พ่อแม่ของฉันตายอย่างปริศนาจนฉันต้องออกเดินทางมาเรื่อยๆจนมาเจอนาย แล้วนายก็เป็นคนแรกที่ไม่รังเกียจฉันจนพาฉันมาเลี้ยงข้าวที่บ้าน ฉันต้องขอบคุณจริงนะ” อ้าว นี่เธอเป็นมนุษย์น้ำแข็งอย่างนั้นหรอเนี่ย มองไม่ออกเลยนะเนี่ย แต่ก็ช่าง เพราะเรื่องของเรื่องของเรนก็คือชีวิตของเธอมีแต่คนรังเกียจว่าเธอเป็นลูกครึ่งเทพอสูรน้ำแข็ง แต่พอเธอมาเจอเราที่โง่ ปัญญาอ่อนที่มองไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไรยื่นแขนต้อนรับเธออย่างเป็นมิตร ซ฿งนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าผมเริ่มตอบแทนเธอได้ขึ้นมานิดนึงแล้ว
ปึง ปึง ปึง!
เสียงทุบประตูไม้บานใหญ่หน้าบ้านของผมดังขึ้นมาขัดจังหวะเวลาคุยกันของผมและเรน ผมเดินลงไปที่หน้าประตูบ้านตามเสียงทุขประตูนั่นแล้วเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูก็สัมผัสได้ถึงความอันตรายที่อยู่หลังประตูบานนี้ แต่ยังไงซะความรู้สึกมันก็มาตัดสินอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ผมจึงรีบเปิดประตูออกมา
คนสวมเสื้อคลุมสีดำปาผงสีขาวใส่ผมจนมันทำให้ผมแสบตาจนต้องร้องโอดครวนด้วยความเจ็บปวด จนความเจ็บปวดนั้นเริ่มสลายหายไปผมก็กลับพบว่าตัวของผมมีขนขึ้นปกคลุมเต็มตัว อุ้มมือก็มีเล็บยื่นยาวออกมาราวกับหมาป่าพร้อมกับร่างกายที่สูงใหญ่ขึ้น
“เรด เรด นายเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันได้ยินเสียงนายร้องน่ะ”เสียงพูดและเสียงย่ำเท้าของเรนดังใกล้เข้ามาเรื่อยจนเสียงนั่นมาหยุดอยู่ข้างหลังผม ผมหันกลับไปมองเรนก็กลับพบว่าเธอมีสีหน้สที่กำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่ ใบหน้าของเรนในตอนนั้นทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัวตานเธอไปด้วย
“เรด นั่นนายหรอ”เรนเรียกผมในขณะที่กำลังมองหน้าผมอยู่
“ก็ใช่น่ะสิครับ ถ้าไม่ใช่ผมแล้วจะเป็นใครผมพูดพลางเดินเข้าไปหาเรนพร้อมกับรอยยิ้ม แต่เรนกลับถอยหนีผมออกไป
“เรน เป็นอะไรไป ทำไมถึงทำท่าเหมือนกลัวแบบนั้นล่ะ”ผมถามเรนด้วยความสงสัย เรนไม่ตอบอะไรผมกลับมาแต่กลับยื่นกระจกมาให้ผมส่อง และสิ่งที่ผมพบเห็ยก็คือใบหน้าของหมาป่าอยู่ในกระจกที่ผมส่องซึ่งหมาป่าตนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากผมเท่านั้น
“ไม่ ไม่ มันเป็นไปไม่ได้”ผมอุทานขึ้นมาพร้อมกับเดินโซเซออกไปหน้าบ้านพร้อมกับความสิ้นหวังจนล้มลง
“เรด นายไม่เป็นอะไรใช้ไหม”เรนเดินมาจับไหล่ที่ปกคลุมไปด้วยขนสัตว์สีดำแล้วกล่าวคำปลอบใจผมซึ่งในตอนนั้นมีแต่ความสิ้นหวังเท่านั้นที่อยู่ในใจผม
ในเวลาไม่นานเสียงรถตำรวจก็ดังขึ้นมา ผมเงยหน้าขึ้นมองรับเสียงนั่นก็พบกับรถตำรวจที่กำลังพุ่งมาทางบ้านผม ซึ่งหมายความว่าความผิดนั้นกำลังมาหาผมเป็นแน่ และคนเดียวที่จะติดร่างแหไปกับผมก็คือเรนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหมือนกับผม แต่ยังไงผมก็ต้องช่วยเธอ ผมรีบวิ่งย่ำเท้าเสียงดังเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วราวกับลมเพื่อไปหยิบกระเป๋าเป้ของเธอพร้อมกับเสบียงอาหารของผมใส่กระเป๋าแล้วกลับออกมาหาเรนที่ยืนงงอยู่หน้าบ้านแล้วสะพายกระเป๋าเป้ให้กับเธออย่างรวดเร็ว
“เรดนี่นายจะทำอะไร”เรนถามผม ผมไม่ตอบอะไรที่เรนถาม ผมมองหน้าเรนอยู่พักหนึ่งแล้วบอกว่า
“เรนฉันได้เจอเธอแล้วนะ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย และในตอนนี้เราก็ต้องจากกันแล้ว”เมื่อผมพูดเสร็จผมก็ปาตัวของเรนไปให้ไกลเท่าที่จะไกลได้ซึ่งทันเวลาพอดีที่รถตำรวจมาจอดตรงหน้าบ้านผม
“สวัสดีครับคุณตำรวจ มีธุระอะไรกับผมหรอครับ”ผมเดินเข้าไปหาแสงไฟของรถตำรวจแล้วพูดคุยกับตำรวจทุกนายที่อยู่ตรงหน้าอย่างปกติ แค่ทว่าตำรวจทุกนายกลับไม่ตอบอะไรผมแล้วชักปืนพกสีดำที่ทำมาจากเวทย์มนต์แล้วลั่นไกลยิงผมจนผมต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเข้าป่าไป
ถึงผมจะวิ่งหนีออกมาจากดงกระสุนปืนได้แต่ก็ไม่สามารถออกมาได้อย่างปลอดภัย ผมโดนยิงที่แขนไปสองนัด แต่ผมก็ยังคงวิ่งต่อ วิ่งต่อไปอย่างไร้จนหมายจนแรงของผมหมดลงอย่างกระทันหัดแล้วผมก็หลับไป
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีท่ามกลางเสียงนกร้องในยามเช้าที่สดใสของอีกวัน ร่างกายของผมกลับมาดังเดิม ส่วนแผลบาดที่โดนยิงก็หายไปด้วยจนผมคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานเป็นความฝันไป แต่สิ่งที่ทำให้ผมคิดผิดก็ตกอยู่ข้างๆ นั่นก็คือลูกกระสุนสองลูกที่ตกอยู่ข้างตัวของผมนั่นเอง
ผมจึงอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานเพื่อครุ่นคิดถึงเรื่องต่างๆจนยอมรับกับมันได้และเริ่มใช้ชีวิตอยู่ในป่านั่นต่อไปและนึกถึงเรนเป็นบางครั้ง
“เรด เรด”เสียงของเรนดังขึ้น ใช่ ผมคงคิดถึงเรนมากไปสินะ
“เรด นั่นนายใช่ไหม”เสียงนั่นเริ่มชัดเจนขึ้นจนผมเริ่มมองหาต้นเสียงก็พบกับเรนได้ยืนอย่ตรงหน้าของผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร ท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตาที่ใส่ชุดสีดำยืนมองผมอยู่
“สวัสดีครับ ผมมาจาก...องค์กรลิออส”
.....จบ.....
นี่คือเนื้อเรื่องจุดเริ้มต้นของทุกคนก่อนที่จะมาเข้าในองค์กรลิออสนะครับ เดี๋ยวจะมีมาอีกครับ
ความคิดเห็น