ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 จูบรสสตอเบอร์รี่ (ถ้าเขียนผิด โปรดบอกด้วย)
บทที่ 1 จูบรสสตอเบอร์รี่
...........................................
สถานที่ผมได้มาเหยียบย่ำเป็นครั้งแรกก็คือ โลกมนุษย์ หลังจากได้รับงานชิ้นหนึ่งจากผู้เป็นบิดาให้ขึ้นมาทำงานพร้อมกับเพื่อนชายที่เป็นยมฑูตด้วยกันถึง 4 คน และส่วนงานที่ผมได้รับมอบหมายนั่นก็คือ ให้มาเก็บวิญญาณหญิงสาวที่หลบหนีการจับกุม ซึ่งมีจำนวนเยอะมากจนแทบจะล้นโลกแล้วด้วยซ้ำ ความจริงมันก็ไม่ยากเท่าไหร่นักหรอก กับอีแค่จับยัดใส่ขวดกักวิญญาณก็ซะสิ้นเรื่อง วิธีนี้มันง่ายก็จริงแต่พวกวิญญาณสาวๆนะสิ ล้วนเป็นพวกที่บ้าหนุ่มหล่อๆกันทั้งนั้น แค่เพียงได้กลิ่น วิญญาณสาวก็จะพากันเข้ารุมปู้ยี้ปู้ยำหนุ่มหล่อจนซะเละไม่มีชิ้นดี สมมุติว่าถ้าเกิดเป็นผมที่ได้เจอแบบนั้น คงจะน่ากลัวยิ่งกว่าตายทั้งเป็นเสียอีก คิดแล้วก็น่าขนลุกขนพองจนแทบอยากจะกลับบ้านเสียด้วยซ้ำ
\"เฮ้ย! อย่าคิดมากอย่างนั้นสิเพื่อนยาก เพิ่งจะมาถึงบนโลกไม่กี่นาทีเอง จะยอมแพ้แล้วหรือยังไง\"
คนที่พูดปลอบผมอยู่นั้นเป็นเพื่อนของผมเอง คารุซะ โมอิ ชื่อของเจ้าหมอนี่ ช่างไม่เหมาะสมกับหน้าที่แสนโครตจะหล่อของมันเอาเสียเลย ชื่อผู้ชายมีเยอะพอถมเถไปกลับไม่เอา ดันเอาชื่อผู้หญิงมาตั้งซะได้ แล้วก็เรื่องสีผมของเจ้าหมอนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันช่างแสบตาพวกผมเสียจริง คนอะไรไม่รู้บ้าย้อมสีผมตัวเองเป็นสีแดงแป๊ด ถ้าไม่นับรวมถึงเสื้อผ้าที่มันใส่ด้วยละนะ
\"ใครว่ายอมแพ้ฟ่ะ! โมอิ แกอย่ากล่าวหากันมั่วๆสิ คนอย่างฉันนะหรือจะกลัววิญญาณผู้หญิง ไม่มีวันซะหรอก\"
\"อ้าว! ใครจะไปรู้ละ ก็เห็นยืนตัวสั่นแบบนั้นนึกว่าจะกลัวซะอีก จริงไหมเฟร์ย่า\"
โมอิหันหน้าไปขอความเห็นจากเพื่อนอีกคนที่ยืนอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ \"ไม่รู้สิ\" คำตอบสั้นๆจากคนที่ชื่อว่า เฟร์ย่าตอบกลับโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามอง \"ชิ! อะไรๆก็ไม่รู้ทุกทีเลยนะนายเนี่ย\" โมอิบ่นพึมพำและรู้สึกน้อยใจเฟร์ย่านิดหนึ่ง มันก็สมควรอยู่หรอกที่ไม่ตอบกลับ ทำไงได้ล่ะ คนอย่างหมอนี่ ชิโนะ เฟรย์ หรือ เฟร์ย่า มันเป็นพวกหนอนหนังสือนี่นะ คงจะยากที่จะหันเหความสนใจจากหนังสือขึ้นมาตอบ
\"แล้วนายละ รูนซ์\"
\"เอ่อ ไม่รู้สิ พอดีฉันไม่ได้ฟังที่พวกนายพูดกัน\" รูนซ์ หรือ มาคาซะ รูนซ์ ตอบกลับไปขณะที่เจ้าตัวยังยืนชมทิวทัศน์ของตึกสูงระฟ้าอยู่ เจ้าหมอนี่เป็นคนไม่ค่อยฟังใครเช่นเดียวกับเฟร์ย่า เพราะฉะนั้นถ้าจะคุยกับสองคนนี้ต้องทำใจเอามากๆ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เคยหัวเสียกับเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วน หลังจากที่โมอิเห็นว่าสองคนนี้ไม่ยอมช่วย จึงหันไปมองเพื่อนอีกคนที่เหลือ
\"อย่าเพิ่งหลับสิ! คิล ลุกขึ้นมาช่วยฉันก่อน\" นี่ก็อีกคนเหมือนกัน ไม่รู้เป็นอะไรหนักหนามาถึงก็เอาแต่หลับลูกเดียว ดูมันทำเข้าสิ ขนาดยืนยังหลับได้เลย! ผมคิดแล้วก็ปวดกบาล ใครก็ได้ช่วยเอายาดมมาให้ผมที จะเป็นลมตายอยู่แล้ว
\"พอเหอะโมอิ ฉันว่าพวกเราอย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย รีบๆแยกย้ายไปจัดการวิญญาณกันเลยดีกว่านะ\"
ทันทีที่ผมพูดจบ บรรดาหนังสือที่เฟร์ย่าถืออยู่ก็หายไปพริบตา รวมถึงรูนซ์ที่ชมทิวทัศน์ก็หันขวับมามองผม ส่วนอีกคนไม่ต้องพูดถึง เดมัส คิล ลืมตาตื่นขึ้นมาพลางบิดขี้เกียจหลังจากที่นอนหลับฝันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
\"แยกย้ายไปตามจุดต่างๆที่ฉันเคยบอกพวกนายเอาไว้นะ\" พวกนั้นฟังผมก่อนจะผงกหัวตอบแทนคำพูด \"แล้วเจอกันอีกทีที่นี่หลัง 6 โมงเย็นเอาล่ะ ไปได้!\" พูดจบ พวกนั้นก็หายแวบไปในทันที ส่วนตัวผมเอง เมื่อเห็นว่าเพื่อนๆไปแล้ว จึงเริ่มปฎิบัติการค้นหาวิญญาณโดยหยิบแว่นตาอันหนึ่งขึ้นมาสวมใส่ ฮันแน่! ผมเจอวิญญาณดวงหนึ่งเข้าแล้ว แหม! มานอนแผ่หลาตรงนั้นสบายใจเฉิบเลยเชียวนะ ว่าแล้วผมก็ค่อยเดินย่องเท้าอย่างช้าๆ ระแวดระวังมิให้วิญญาณหญิงสาวคนนั้นได้รู้สึกตัว ...5 เมตร 4...3...2....1
\"กรี๊ดดดดดดดดดดด!! ยมฑูตมา!!!\"
ไอ้เสียงไหนวะที่ทำให้ผมต้องสะดุ้ง พอผมหันไปมองต้นเสียงนั่น เข่าของผมก็อ่อนยวบยาบไปในทันที O_o\" วิญญาณสาวมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ แม่งโครตเยอะชะมัดยากเลย 1....2...3...5....10...20..ไม่สิ มีมากกว่านั้นอีก ผมนับแล้วนับอีกจนตาลายไปหมด แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อรู้สึกเหมือนว่ามีใครมากระตุกเสื้อ ว๊าก! ยัยวิญญาณสาวที่ผมจะจับตะกี้นี้นี่  ว่าแล้วยัยนั่นก็ฉีกยิ้มให้ผมอย่างอ่อนหวานหยาดเยิ้ม
\"แหม! เป็นยมฑูตก็ไม่บอกกันเลย รู้งี้จะได้ลุกขึ้นมาให้เร็วๆกว่านี้เสียก็ดีหรอก\" ยัยวิญญาณนุ่งน้อยห่มน้อยพูดยียวนกวนบาทาผมจนแทบขนลุก แถมมีการเอามือมาลูบที่แก้มใสๆของผมอีก -*- ผมสะดุ้งตกใจอีกรอบ รีบปัดมือยัยนั่นออกด้วยความรวดเร็ว \"ยะ...ยะ..อย่ามาเข้าใกล้ฉันนะ! ไม่งั้นฉันจะ..ฉันจะ..\"
\"ฉันจะทำไมเหรอจ๊ะ พ่อหนุ่มรูปหล่อของฉัน\" วิญญาณสาวอีกดวงมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ มายืนอยู่ด้านหลังแล้วเป่าลมใส่ที่ริมใบหูของผม -*- โอ้พระเจ้าจ๊อด! ผมกำลังจะโดนยัยพวกนี้รุมสะกำแล้ว หมดกันแน่คราวนี้ หมดกันกับความบริสุทธิ์ของผมที่สะสมมานานนับร้อยๆปี ต้องมาพังเพราะพวกวิญญาณสาวนี้ซะแล้ว T_T แต่พอนึกถึงคำพูดของโมอิขึ้นได้ ความรู้สึกโมโหก็ขึ้นพรวดพราด มีอย่างเหรอที่ผมจะต้องมายอมแพ้แค่นี้ ไม่มีวันซะหรอก
\"ปล่อยฉันนะ!!ยัยบ้า!!\"
ผมสะบัดตัวหลังจากที่ถูกยัยวิญญาณผมดำนั่นเกาะอยู่นาน พร้อมออกตัววิ่งทันทีโดยที่ไม่หันหลังกลับไปมองอีก ^^\" แฮ่กๆ เหนื่อยชะมัดยากเลย เมื่อไหร่พวกนี้จะหายไปซะทีนะ เล่นวิ่งตามอยู่ได้นั่นแหละ O_o\" จริงสิ ลืมไปว่ายัยพวกนี้วิ่งไม่ได้ ว่าแล้วผมก็หันกลับหลังไปมองอย่างหวาดๆ - - เฮือก! ยัยพวกนั้นกำลังลอยตัวดิ่งมาหาผมด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
\"เหวอออออ!\" ผมตะโกนเสียงดังลั่นก่อนที่จะหันกลับไปด้านหน้า และออกตัววิ่งต่อไปอีก - - ผมวิ่งอยู่ได้สักพักก็เริ่มสะดุดภาพรอบข้าง รถยนต์กำลังแล่นผ่านผมไป แน่ล่ะ ผมยืนอยู่ข้างริมถนนนี่นะ ส่วนด้านหน้าก็คงจะเป็น ....เมืองมนุษย์ นี่ผมเข้ามาในเมืองมนุษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย แต่ก็ช่างหัวมันเถอะ ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดจากพวกนี้ซะก่อน - - ว่าแล้วผมก็ไม่รีรออะไรอีก เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นก่อนที่จะเข้าไปในเมืองมนุษย์
\"แฮ่ก! แฮ่ก! เหนื่อยชะมัดยากเลย\" เมื่อเห็นว่าเข้ามาในกลุ่มคนเยอะๆแล้ว ผมจึงหยุดวิ่งแล้วพักหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ^^\" แต่อย่าเพิ่งคิดนะว่าผมจะรอดจากพวกนั้นได้ เพราะหลังจากที่ผมนั่งกองอยู่กับพื้นได้ไม่นาน เสียงกรีดร้องของยัยพวกบ้าหนุ่มหล่อก็ตามมา T_T โอ้!พระเจ้า อย่าบอกนะว่ามันจะเข้ามาในนี้นะ ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่ผมคิดเอาไว้ ยัยพวกวิญญาณนับร้อยกำลังลอยตรงดิ่งมาทางผมด้วยความเร็วสุดมหากาฬ
\"ไม่ให้พักกันมั่งเลยหรือไงเนี่ย!\"
ผมตวาดเสียงดังลั่นถนนก่อนที่จะเริ่มออกวิ่งอีกต่อ โดยที่ไม่สนใจสายตาพวกมนุษย์ที่จับจ้องผมด้วยความแปลกใจว่า หมอนี่เป็นบ้าอะไรของมัน อยู่ดีๆก็แหกปากร้องขึ้นมา แถมมีท่าทีดูเหมือนว่าจะวิ่งหนีใครมาอย่างนั้นแหละ - - ก็อย่างว่าแหละ ผมดูเหมือนคนบ้าที่วิ่งหนีสิ่งที่พวกมนุษย์นั้นมองไม่เห็น ผมวิ่งไปเรื่อยๆจนกระทั่งรู้ตัวว่าตัวเองได้เข้ามาถึงใจกลางเมืองของมนุษย์
\"อยากตายนักรึไง! ไอ้หนุ่ม!\" เสียงตะโกนของมนุษย์ที่นั่งอยู่บนรถด่าผมด้วยความไม่พอใจ แน่ละ ตอนนี้ผมยืนอยู่ตรงกลางสี่แยกถนนเลยนี่ \"ขอโทษครับๆ\" ผมก้มหัวพูดขอโทษก่อนที่จะวิ่งหลบรถขึ้นไปอยู่บนฟุตบาท - - ทำไมดวงผมถึงได้เฮงซวยอะไรอย่างนี้นะ เจอยัยพวกนั้นแล้ว ยังต้องมาเจอพวกมนุษย์ด่าอีกต่างหาก แต่ผมก็ยืนอยู่ได้ไม่นานนักหรอกนะ เพราะทันใดนั้นผมก็รู้สึกถึงความเย็นที่แผ่ปกคลุมไปทั่วเมือง O_o\" เหวอ! ยัยวิญญาณพวกนั้นมาทางนี้แหล่วววว!
\"รอฉันก่อนสิจ๊ะ พ่อหนุ่มยมฑูตสุดหล่อของฉัน!!\" ยัยคนที่ผมเจอเป็นคนแรกตะโกนเรียกผมอย่างสุดสวาท ตามมาด้วยวิญญาณสาวดวงอื่นๆนับร้อยดวงเป็นขบวน เรื่องอะไรที่ผมจะยืนโง่รอให้พวกนั่นมาถึงตัวกันละ ว่าแล้วก็ชักเท้าหนีอีกต่อไป โอย จะตามรังควานไปถึงเมื่อไหร่กันเนี่ย ยัยพวกนี้! วิ่งไปสักพักก็เห็นมุมตึกที่มีซอยเข้าไปข้างในได้ ^O^ ดีละ เข้าไปในนั้นเลยก็แล้วกัน ดูสิว่าพวกนี้จะตามเข้าไปได้อีกหรือเปล่า และมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ ยัยพวกวิญญาณนั่นไม่ดูอะไรเอาเสียเลย มัวแต่ห่วงกลัวไม่ได้ตัวผมก็เลยติดเป็นปาท่องโก๋อยู่ตรงหน้าปากซอยตรงนั้น
\"สมน้ำหน้า! ยัยพวกโง่เอ๋ย!\" ผมหยุดพลางแลบลิ้นกวนส้นใส่ยัยพวกนี้ด้วยความสะใจก่อนที่จะวิ่งหลบเข้าไปข้างในประตูบานหนึ่ง \"นี่แน่ะ! ต้องแปะยันต์เอาไว้ให้หมดเลย ยัยพวกนั้นจะได้เข้ามาไม่ได้\" ของที่ผมเอาติดตัวมาด้วยก็ขึ้นเอามาใช้จนหมด เสร็จจากนั้นก็นั่งลงกับพื้นบันไดที่ปูพรมสีแดงไว้อย่างดี ^^\" เหนื่อยชะมัดยากเลยแฮะ กว่าจะหนีพวกนี้ได้ ว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงกับพื้นหมายจะนอนเล่นสักระยะ...
\"กรี๊ดดดด!!\"
เพียงเท่านั้นแหละ ผมก็แทบสะดุ้งโหยงลุกขึ้นยืนทันที - - เสร็จกัน! ยัยพวกวิญญาณนั่นเข้ามาได้หรือนี่! คิดเสร็จผมก็หันหลังไปมองต้นเสียงทันที ใบหน้าหญิงสาวที่โค้งมนเป็นรูปไข่ นัยน์ตาสีทองเป็นประกายประกอบกับผมหยิกยาวเป็นบลอนสีน้ำตาลถูกมัดรวบไว้สองข้างดูเหมือนเด็ก พอผมมองจนแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่พวกวิญญาณสาวนั่นแล้ว ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ...นึกว่าใคร ที่แท้ก็มนุษย์ผู้หญิงนี่เอง
\"นายเป็นใครกัน! เข้ามาที่นี่ได้ยังไง แล้วใครอนุญาตให้นายเข้ามา!\" คำถามยิงรัวออกมาเป็นชุดๆ จนผมฟังแทบไม่ทันจึงยกมือขึ้นมาปิดหู - -จะแหกปากอะไรกันนักกันหนาของยัยนี่ฟะ เดี๋ยวพวกวิญญาณนั่นก็ได้ยินซะหรอก ซึ่งก็เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้จริงๆ เสียงกรีดร้องของพวกยัยวิญญาณนั่นดังอยู่หน้าประตูนี่เอง ให้ตายสิ พวกนั้นหลุดเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย ว่าแล้วผมก็หันไปทางหญิงสาวที่เป็นมนุษย์
\"เธอนะ ช่วยเงียบๆหน่อยจะได้ไหม\" ผมขอร้องให้หล่อนช่วยหุบปากลง แต่หล่อนกลับไม่ทำตามที่ผมสั่ง แถมตีหน้ายักษ์ใส่ผมอีกต่างหาก \"ไม่! นายมีสิทธิ์อะไรที่จะมาสั่งให้ฉันเงียบได้ล่ะ เจ้าหัวขโมยเข้าบ้านคนอื่น!!!\"
\"ขอร้องล่ะ ช่วยเงียบๆก่อนได้ไหม\"
\"ไม่! ใครก็ได้ช่วยด้ว...อุ๊บ!\"
ผมรำคาญยัยปากมากก็เลยสวมกอดตัวของเธอก่อนที่จะใช้ริมฝีปากอันนุ่มๆของตัวผมเองประกบเข้าที่ริมฝีปากของหล่อน - - หืม? กลิ่นอะไรหอมๆนะ O_O หรือว่าจะเป็นกลิ่นสตอเบอร์รี่ที่มาจากปากของยัยนี่กันแน่ ...แต่ เฮ้อ! ช่างมันเถอะ ผมไม่สนเรื่องที่หล่อนจะทาอะไรไว้ที่ปากจนหอม เพราะมันช่างเย้ายวนจนผมอดใจไม่ไหวนะสิ ว่าแล้วก็ดันลิ้นสอดใส่เข้าปากฝ่ายตรงข้ามทันที ทันใดนั้นหล่อนก็สะดุ้งเฮือกจนผมรู้สึกได้ หึหึ! ชักสนุกแล้วสิ ผมคิดแล้วก็เอ้ามืออีกข้างที่กอดเธอไว้มาซุกเข้าข้างในเสื้อของหล่อน แต่ผมก็ไม่ได้ทำตามที่คิดเอาไว้ เพราะในตอนนี้ผมถูกยัยนั่นผลักหงายหลังท้องลงกับพื้น
\"นายจูบฉัน! น่าทุเรศมากเลยนะ เห็นปากคนอื่นเป็นของสาธารณะนึกจะมาจูบก็มาจูบกันได้ง่ายๆหรือไง ฮะ!\"
ว่าแล้วหล่อนก็ร้องไห้วิ่งกลับเข้าไปข้างในบ้าน ส่วนผมก็ได้แต่นั่งอยู่กับพื้นด้วยความอึ้ง นี่ผมทำอะไรลงไป ทีแรกจะจูบเพราะจะให้ยัยนั่นหยุดตะโกน แต่ที่ไหนได้กลับเผลอตัวลืมจนทำอะไรเกินเลยกับหล่อนซะได้ - ผมยกนิ้วมาแตะที่ริมฝีปากตัวเอง หอม? กลิ่นสตอเบอร์รี่นั่นยังหอมติดที่ปากผมอยู่เลย ผมนั่งเหม่อลอยอยู่นานจนสะดุ้งตกใจกับเสียงข้างนอก
\"สุดหล่อคนนั้นไม่อยู่ที่นี่! ไปกันเถอะพวกเรา\" เสียงของพวกยัยวิญญาณสาวนะเอง ในที่สุดพวกนี้ก็ไปได้ซะที เฮ้อ! ...จริงสิ ผมเองก็ต้องไปขอโทษผู้หญิงคนตะกี้นี้ด้วยนี่หว่า? ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปข้างใน - - บ้านใหญ่โตพอควรเหมือนกันแฮะ ดูท่าคงจะเป็นลูกเศรษฐีอย่างแน่นอน ระหว่างทางที่ผมตามหายัยนั่น ผมก็ไปเจอรูปๆหนึ่ง ซึ่งติดอยู่กับข้างฝาผนังตรงบันไดที่จะขึ้นชั้น 2 ดูคุ้นๆแฮะ เหมือนกับยัยนั่นไม่มีผิด หรือว่าจะเป็นแม่ของ....
\"ใครใช้ให้นายเข้ามาในบ้านของฉัน!! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ\"
\"ไม่! ฉันไม่ออกจนกว่าเธอจะขอโทษฉัน ที่เธอผลักฉันตะกี้เสียก่อน\" เอ้า! ปากผมเป็นอะไรไปกันแน่ แทนที่จะขอโทษเธอ กลับบอกให้เธอมาขอโทษผม T_T ผมมองเธออย่างสำนึกผิด แต่ดูเหมือนเธอจะไม่คิดอย่างนั้น ใบหน้าของเธอแดง ไอ้ที่แดงอย่างว่านี่ไม่ใช่เพราะเธออายผมหรอก เธอโกรธผมต่างหากเล่า ว่าแล้วหน้าผมก็หันไปทางขวาอย่างเร็ว O_o ผมโดนตบ ผมโดนเธอตบเข้าที่แก้มหรอกเหรอเนี่ย
\"มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยเร็วๆนะ! รีบ...รีบออกไปซะ!ก่อนที่ฉันจะโทรเรียกตำรวจมาจับนาย\" เธอตวาดพลางชี้นิ้วมาทางผม แน่ล่ะ มีหรือที่ผมจะโง่ยืนให้ตำรวจมาจับ ผมก็เลยรีบวิ่งออกไปตรงที่ที่ผมเคยเข้ามาในนี้ทันที แต่ก่อนหน้าที่ผมจะออกไป ผมนึกอะไรบางอย่างออกมาได้จึงหันหลังกลับมา
\"ฉัน นานาโอะ เรนยะ ยินดีที่ได้จูบเธอนะ!\" ให้ตายสิ นี่ผมพูดอะไรออกไปอีกเนี่ย แทนที่ผมจะพูดขอโทษเธอ ดันพูดแนะนำตัวแถมยังบอกว่ายินดีที่ได้จูบเธออีก บ้า...บ้าไปแล้ว ผมนี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ ด้วย ว่าแล้วก็หัวเราะให้กับตัวเองออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก่อนที่จะหายตัวไปอย่างเงียบๆ
.....................
จบ บทที่ 1 จูบรสสตอเบอร์รี่
ปล.เพิ่งเขียนเรื่องรักเป็นครั้งแรก
...........................................
สถานที่ผมได้มาเหยียบย่ำเป็นครั้งแรกก็คือ โลกมนุษย์ หลังจากได้รับงานชิ้นหนึ่งจากผู้เป็นบิดาให้ขึ้นมาทำงานพร้อมกับเพื่อนชายที่เป็นยมฑูตด้วยกันถึง 4 คน และส่วนงานที่ผมได้รับมอบหมายนั่นก็คือ ให้มาเก็บวิญญาณหญิงสาวที่หลบหนีการจับกุม ซึ่งมีจำนวนเยอะมากจนแทบจะล้นโลกแล้วด้วยซ้ำ ความจริงมันก็ไม่ยากเท่าไหร่นักหรอก กับอีแค่จับยัดใส่ขวดกักวิญญาณก็ซะสิ้นเรื่อง วิธีนี้มันง่ายก็จริงแต่พวกวิญญาณสาวๆนะสิ ล้วนเป็นพวกที่บ้าหนุ่มหล่อๆกันทั้งนั้น แค่เพียงได้กลิ่น วิญญาณสาวก็จะพากันเข้ารุมปู้ยี้ปู้ยำหนุ่มหล่อจนซะเละไม่มีชิ้นดี สมมุติว่าถ้าเกิดเป็นผมที่ได้เจอแบบนั้น คงจะน่ากลัวยิ่งกว่าตายทั้งเป็นเสียอีก คิดแล้วก็น่าขนลุกขนพองจนแทบอยากจะกลับบ้านเสียด้วยซ้ำ
\"เฮ้ย! อย่าคิดมากอย่างนั้นสิเพื่อนยาก เพิ่งจะมาถึงบนโลกไม่กี่นาทีเอง จะยอมแพ้แล้วหรือยังไง\"
คนที่พูดปลอบผมอยู่นั้นเป็นเพื่อนของผมเอง คารุซะ โมอิ ชื่อของเจ้าหมอนี่ ช่างไม่เหมาะสมกับหน้าที่แสนโครตจะหล่อของมันเอาเสียเลย ชื่อผู้ชายมีเยอะพอถมเถไปกลับไม่เอา ดันเอาชื่อผู้หญิงมาตั้งซะได้ แล้วก็เรื่องสีผมของเจ้าหมอนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันช่างแสบตาพวกผมเสียจริง คนอะไรไม่รู้บ้าย้อมสีผมตัวเองเป็นสีแดงแป๊ด ถ้าไม่นับรวมถึงเสื้อผ้าที่มันใส่ด้วยละนะ
\"ใครว่ายอมแพ้ฟ่ะ! โมอิ แกอย่ากล่าวหากันมั่วๆสิ คนอย่างฉันนะหรือจะกลัววิญญาณผู้หญิง ไม่มีวันซะหรอก\"
\"อ้าว! ใครจะไปรู้ละ ก็เห็นยืนตัวสั่นแบบนั้นนึกว่าจะกลัวซะอีก จริงไหมเฟร์ย่า\"
โมอิหันหน้าไปขอความเห็นจากเพื่อนอีกคนที่ยืนอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ \"ไม่รู้สิ\" คำตอบสั้นๆจากคนที่ชื่อว่า เฟร์ย่าตอบกลับโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามอง \"ชิ! อะไรๆก็ไม่รู้ทุกทีเลยนะนายเนี่ย\" โมอิบ่นพึมพำและรู้สึกน้อยใจเฟร์ย่านิดหนึ่ง มันก็สมควรอยู่หรอกที่ไม่ตอบกลับ ทำไงได้ล่ะ คนอย่างหมอนี่ ชิโนะ เฟรย์ หรือ เฟร์ย่า มันเป็นพวกหนอนหนังสือนี่นะ คงจะยากที่จะหันเหความสนใจจากหนังสือขึ้นมาตอบ
\"แล้วนายละ รูนซ์\"
\"เอ่อ ไม่รู้สิ พอดีฉันไม่ได้ฟังที่พวกนายพูดกัน\" รูนซ์ หรือ มาคาซะ รูนซ์ ตอบกลับไปขณะที่เจ้าตัวยังยืนชมทิวทัศน์ของตึกสูงระฟ้าอยู่ เจ้าหมอนี่เป็นคนไม่ค่อยฟังใครเช่นเดียวกับเฟร์ย่า เพราะฉะนั้นถ้าจะคุยกับสองคนนี้ต้องทำใจเอามากๆ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เคยหัวเสียกับเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วน หลังจากที่โมอิเห็นว่าสองคนนี้ไม่ยอมช่วย จึงหันไปมองเพื่อนอีกคนที่เหลือ
\"อย่าเพิ่งหลับสิ! คิล ลุกขึ้นมาช่วยฉันก่อน\" นี่ก็อีกคนเหมือนกัน ไม่รู้เป็นอะไรหนักหนามาถึงก็เอาแต่หลับลูกเดียว ดูมันทำเข้าสิ ขนาดยืนยังหลับได้เลย! ผมคิดแล้วก็ปวดกบาล ใครก็ได้ช่วยเอายาดมมาให้ผมที จะเป็นลมตายอยู่แล้ว
\"พอเหอะโมอิ ฉันว่าพวกเราอย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย รีบๆแยกย้ายไปจัดการวิญญาณกันเลยดีกว่านะ\"
ทันทีที่ผมพูดจบ บรรดาหนังสือที่เฟร์ย่าถืออยู่ก็หายไปพริบตา รวมถึงรูนซ์ที่ชมทิวทัศน์ก็หันขวับมามองผม ส่วนอีกคนไม่ต้องพูดถึง เดมัส คิล ลืมตาตื่นขึ้นมาพลางบิดขี้เกียจหลังจากที่นอนหลับฝันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
\"แยกย้ายไปตามจุดต่างๆที่ฉันเคยบอกพวกนายเอาไว้นะ\" พวกนั้นฟังผมก่อนจะผงกหัวตอบแทนคำพูด \"แล้วเจอกันอีกทีที่นี่หลัง 6 โมงเย็นเอาล่ะ ไปได้!\" พูดจบ พวกนั้นก็หายแวบไปในทันที ส่วนตัวผมเอง เมื่อเห็นว่าเพื่อนๆไปแล้ว จึงเริ่มปฎิบัติการค้นหาวิญญาณโดยหยิบแว่นตาอันหนึ่งขึ้นมาสวมใส่ ฮันแน่! ผมเจอวิญญาณดวงหนึ่งเข้าแล้ว แหม! มานอนแผ่หลาตรงนั้นสบายใจเฉิบเลยเชียวนะ ว่าแล้วผมก็ค่อยเดินย่องเท้าอย่างช้าๆ ระแวดระวังมิให้วิญญาณหญิงสาวคนนั้นได้รู้สึกตัว ...5 เมตร 4...3...2....1
\"กรี๊ดดดดดดดดดดด!! ยมฑูตมา!!!\"
ไอ้เสียงไหนวะที่ทำให้ผมต้องสะดุ้ง พอผมหันไปมองต้นเสียงนั่น เข่าของผมก็อ่อนยวบยาบไปในทันที O_o\" วิญญาณสาวมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ แม่งโครตเยอะชะมัดยากเลย 1....2...3...5....10...20..ไม่สิ มีมากกว่านั้นอีก ผมนับแล้วนับอีกจนตาลายไปหมด แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อรู้สึกเหมือนว่ามีใครมากระตุกเสื้อ ว๊าก! ยัยวิญญาณสาวที่ผมจะจับตะกี้นี้นี่  ว่าแล้วยัยนั่นก็ฉีกยิ้มให้ผมอย่างอ่อนหวานหยาดเยิ้ม
\"แหม! เป็นยมฑูตก็ไม่บอกกันเลย รู้งี้จะได้ลุกขึ้นมาให้เร็วๆกว่านี้เสียก็ดีหรอก\" ยัยวิญญาณนุ่งน้อยห่มน้อยพูดยียวนกวนบาทาผมจนแทบขนลุก แถมมีการเอามือมาลูบที่แก้มใสๆของผมอีก -*- ผมสะดุ้งตกใจอีกรอบ รีบปัดมือยัยนั่นออกด้วยความรวดเร็ว \"ยะ...ยะ..อย่ามาเข้าใกล้ฉันนะ! ไม่งั้นฉันจะ..ฉันจะ..\"
\"ฉันจะทำไมเหรอจ๊ะ พ่อหนุ่มรูปหล่อของฉัน\" วิญญาณสาวอีกดวงมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ มายืนอยู่ด้านหลังแล้วเป่าลมใส่ที่ริมใบหูของผม -*- โอ้พระเจ้าจ๊อด! ผมกำลังจะโดนยัยพวกนี้รุมสะกำแล้ว หมดกันแน่คราวนี้ หมดกันกับความบริสุทธิ์ของผมที่สะสมมานานนับร้อยๆปี ต้องมาพังเพราะพวกวิญญาณสาวนี้ซะแล้ว T_T แต่พอนึกถึงคำพูดของโมอิขึ้นได้ ความรู้สึกโมโหก็ขึ้นพรวดพราด มีอย่างเหรอที่ผมจะต้องมายอมแพ้แค่นี้ ไม่มีวันซะหรอก
\"ปล่อยฉันนะ!!ยัยบ้า!!\"
ผมสะบัดตัวหลังจากที่ถูกยัยวิญญาณผมดำนั่นเกาะอยู่นาน พร้อมออกตัววิ่งทันทีโดยที่ไม่หันหลังกลับไปมองอีก ^^\" แฮ่กๆ เหนื่อยชะมัดยากเลย เมื่อไหร่พวกนี้จะหายไปซะทีนะ เล่นวิ่งตามอยู่ได้นั่นแหละ O_o\" จริงสิ ลืมไปว่ายัยพวกนี้วิ่งไม่ได้ ว่าแล้วผมก็หันกลับหลังไปมองอย่างหวาดๆ - - เฮือก! ยัยพวกนั้นกำลังลอยตัวดิ่งมาหาผมด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
\"เหวอออออ!\" ผมตะโกนเสียงดังลั่นก่อนที่จะหันกลับไปด้านหน้า และออกตัววิ่งต่อไปอีก - - ผมวิ่งอยู่ได้สักพักก็เริ่มสะดุดภาพรอบข้าง รถยนต์กำลังแล่นผ่านผมไป แน่ล่ะ ผมยืนอยู่ข้างริมถนนนี่นะ ส่วนด้านหน้าก็คงจะเป็น ....เมืองมนุษย์ นี่ผมเข้ามาในเมืองมนุษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย แต่ก็ช่างหัวมันเถอะ ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดจากพวกนี้ซะก่อน - - ว่าแล้วผมก็ไม่รีรออะไรอีก เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นก่อนที่จะเข้าไปในเมืองมนุษย์
\"แฮ่ก! แฮ่ก! เหนื่อยชะมัดยากเลย\" เมื่อเห็นว่าเข้ามาในกลุ่มคนเยอะๆแล้ว ผมจึงหยุดวิ่งแล้วพักหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ^^\" แต่อย่าเพิ่งคิดนะว่าผมจะรอดจากพวกนั้นได้ เพราะหลังจากที่ผมนั่งกองอยู่กับพื้นได้ไม่นาน เสียงกรีดร้องของยัยพวกบ้าหนุ่มหล่อก็ตามมา T_T โอ้!พระเจ้า อย่าบอกนะว่ามันจะเข้ามาในนี้นะ ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่ผมคิดเอาไว้ ยัยพวกวิญญาณนับร้อยกำลังลอยตรงดิ่งมาทางผมด้วยความเร็วสุดมหากาฬ
\"ไม่ให้พักกันมั่งเลยหรือไงเนี่ย!\"
ผมตวาดเสียงดังลั่นถนนก่อนที่จะเริ่มออกวิ่งอีกต่อ โดยที่ไม่สนใจสายตาพวกมนุษย์ที่จับจ้องผมด้วยความแปลกใจว่า หมอนี่เป็นบ้าอะไรของมัน อยู่ดีๆก็แหกปากร้องขึ้นมา แถมมีท่าทีดูเหมือนว่าจะวิ่งหนีใครมาอย่างนั้นแหละ - - ก็อย่างว่าแหละ ผมดูเหมือนคนบ้าที่วิ่งหนีสิ่งที่พวกมนุษย์นั้นมองไม่เห็น ผมวิ่งไปเรื่อยๆจนกระทั่งรู้ตัวว่าตัวเองได้เข้ามาถึงใจกลางเมืองของมนุษย์
\"อยากตายนักรึไง! ไอ้หนุ่ม!\" เสียงตะโกนของมนุษย์ที่นั่งอยู่บนรถด่าผมด้วยความไม่พอใจ แน่ละ ตอนนี้ผมยืนอยู่ตรงกลางสี่แยกถนนเลยนี่ \"ขอโทษครับๆ\" ผมก้มหัวพูดขอโทษก่อนที่จะวิ่งหลบรถขึ้นไปอยู่บนฟุตบาท - - ทำไมดวงผมถึงได้เฮงซวยอะไรอย่างนี้นะ เจอยัยพวกนั้นแล้ว ยังต้องมาเจอพวกมนุษย์ด่าอีกต่างหาก แต่ผมก็ยืนอยู่ได้ไม่นานนักหรอกนะ เพราะทันใดนั้นผมก็รู้สึกถึงความเย็นที่แผ่ปกคลุมไปทั่วเมือง O_o\" เหวอ! ยัยวิญญาณพวกนั้นมาทางนี้แหล่วววว!
\"รอฉันก่อนสิจ๊ะ พ่อหนุ่มยมฑูตสุดหล่อของฉัน!!\" ยัยคนที่ผมเจอเป็นคนแรกตะโกนเรียกผมอย่างสุดสวาท ตามมาด้วยวิญญาณสาวดวงอื่นๆนับร้อยดวงเป็นขบวน เรื่องอะไรที่ผมจะยืนโง่รอให้พวกนั่นมาถึงตัวกันละ ว่าแล้วก็ชักเท้าหนีอีกต่อไป โอย จะตามรังควานไปถึงเมื่อไหร่กันเนี่ย ยัยพวกนี้! วิ่งไปสักพักก็เห็นมุมตึกที่มีซอยเข้าไปข้างในได้ ^O^ ดีละ เข้าไปในนั้นเลยก็แล้วกัน ดูสิว่าพวกนี้จะตามเข้าไปได้อีกหรือเปล่า และมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ ยัยพวกวิญญาณนั่นไม่ดูอะไรเอาเสียเลย มัวแต่ห่วงกลัวไม่ได้ตัวผมก็เลยติดเป็นปาท่องโก๋อยู่ตรงหน้าปากซอยตรงนั้น
\"สมน้ำหน้า! ยัยพวกโง่เอ๋ย!\" ผมหยุดพลางแลบลิ้นกวนส้นใส่ยัยพวกนี้ด้วยความสะใจก่อนที่จะวิ่งหลบเข้าไปข้างในประตูบานหนึ่ง \"นี่แน่ะ! ต้องแปะยันต์เอาไว้ให้หมดเลย ยัยพวกนั้นจะได้เข้ามาไม่ได้\" ของที่ผมเอาติดตัวมาด้วยก็ขึ้นเอามาใช้จนหมด เสร็จจากนั้นก็นั่งลงกับพื้นบันไดที่ปูพรมสีแดงไว้อย่างดี ^^\" เหนื่อยชะมัดยากเลยแฮะ กว่าจะหนีพวกนี้ได้ ว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงกับพื้นหมายจะนอนเล่นสักระยะ...
\"กรี๊ดดดด!!\"
เพียงเท่านั้นแหละ ผมก็แทบสะดุ้งโหยงลุกขึ้นยืนทันที - - เสร็จกัน! ยัยพวกวิญญาณนั่นเข้ามาได้หรือนี่! คิดเสร็จผมก็หันหลังไปมองต้นเสียงทันที ใบหน้าหญิงสาวที่โค้งมนเป็นรูปไข่ นัยน์ตาสีทองเป็นประกายประกอบกับผมหยิกยาวเป็นบลอนสีน้ำตาลถูกมัดรวบไว้สองข้างดูเหมือนเด็ก พอผมมองจนแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่พวกวิญญาณสาวนั่นแล้ว ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ...นึกว่าใคร ที่แท้ก็มนุษย์ผู้หญิงนี่เอง
\"นายเป็นใครกัน! เข้ามาที่นี่ได้ยังไง แล้วใครอนุญาตให้นายเข้ามา!\" คำถามยิงรัวออกมาเป็นชุดๆ จนผมฟังแทบไม่ทันจึงยกมือขึ้นมาปิดหู - -จะแหกปากอะไรกันนักกันหนาของยัยนี่ฟะ เดี๋ยวพวกวิญญาณนั่นก็ได้ยินซะหรอก ซึ่งก็เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้จริงๆ เสียงกรีดร้องของพวกยัยวิญญาณนั่นดังอยู่หน้าประตูนี่เอง ให้ตายสิ พวกนั้นหลุดเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย ว่าแล้วผมก็หันไปทางหญิงสาวที่เป็นมนุษย์
\"เธอนะ ช่วยเงียบๆหน่อยจะได้ไหม\" ผมขอร้องให้หล่อนช่วยหุบปากลง แต่หล่อนกลับไม่ทำตามที่ผมสั่ง แถมตีหน้ายักษ์ใส่ผมอีกต่างหาก \"ไม่! นายมีสิทธิ์อะไรที่จะมาสั่งให้ฉันเงียบได้ล่ะ เจ้าหัวขโมยเข้าบ้านคนอื่น!!!\"
\"ขอร้องล่ะ ช่วยเงียบๆก่อนได้ไหม\"
\"ไม่! ใครก็ได้ช่วยด้ว...อุ๊บ!\"
ผมรำคาญยัยปากมากก็เลยสวมกอดตัวของเธอก่อนที่จะใช้ริมฝีปากอันนุ่มๆของตัวผมเองประกบเข้าที่ริมฝีปากของหล่อน - - หืม? กลิ่นอะไรหอมๆนะ O_O หรือว่าจะเป็นกลิ่นสตอเบอร์รี่ที่มาจากปากของยัยนี่กันแน่ ...แต่ เฮ้อ! ช่างมันเถอะ ผมไม่สนเรื่องที่หล่อนจะทาอะไรไว้ที่ปากจนหอม เพราะมันช่างเย้ายวนจนผมอดใจไม่ไหวนะสิ ว่าแล้วก็ดันลิ้นสอดใส่เข้าปากฝ่ายตรงข้ามทันที ทันใดนั้นหล่อนก็สะดุ้งเฮือกจนผมรู้สึกได้ หึหึ! ชักสนุกแล้วสิ ผมคิดแล้วก็เอ้ามืออีกข้างที่กอดเธอไว้มาซุกเข้าข้างในเสื้อของหล่อน แต่ผมก็ไม่ได้ทำตามที่คิดเอาไว้ เพราะในตอนนี้ผมถูกยัยนั่นผลักหงายหลังท้องลงกับพื้น
\"นายจูบฉัน! น่าทุเรศมากเลยนะ เห็นปากคนอื่นเป็นของสาธารณะนึกจะมาจูบก็มาจูบกันได้ง่ายๆหรือไง ฮะ!\"
ว่าแล้วหล่อนก็ร้องไห้วิ่งกลับเข้าไปข้างในบ้าน ส่วนผมก็ได้แต่นั่งอยู่กับพื้นด้วยความอึ้ง นี่ผมทำอะไรลงไป ทีแรกจะจูบเพราะจะให้ยัยนั่นหยุดตะโกน แต่ที่ไหนได้กลับเผลอตัวลืมจนทำอะไรเกินเลยกับหล่อนซะได้ - ผมยกนิ้วมาแตะที่ริมฝีปากตัวเอง หอม? กลิ่นสตอเบอร์รี่นั่นยังหอมติดที่ปากผมอยู่เลย ผมนั่งเหม่อลอยอยู่นานจนสะดุ้งตกใจกับเสียงข้างนอก
\"สุดหล่อคนนั้นไม่อยู่ที่นี่! ไปกันเถอะพวกเรา\" เสียงของพวกยัยวิญญาณสาวนะเอง ในที่สุดพวกนี้ก็ไปได้ซะที เฮ้อ! ...จริงสิ ผมเองก็ต้องไปขอโทษผู้หญิงคนตะกี้นี้ด้วยนี่หว่า? ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปข้างใน - - บ้านใหญ่โตพอควรเหมือนกันแฮะ ดูท่าคงจะเป็นลูกเศรษฐีอย่างแน่นอน ระหว่างทางที่ผมตามหายัยนั่น ผมก็ไปเจอรูปๆหนึ่ง ซึ่งติดอยู่กับข้างฝาผนังตรงบันไดที่จะขึ้นชั้น 2 ดูคุ้นๆแฮะ เหมือนกับยัยนั่นไม่มีผิด หรือว่าจะเป็นแม่ของ....
\"ใครใช้ให้นายเข้ามาในบ้านของฉัน!! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ\"
\"ไม่! ฉันไม่ออกจนกว่าเธอจะขอโทษฉัน ที่เธอผลักฉันตะกี้เสียก่อน\" เอ้า! ปากผมเป็นอะไรไปกันแน่ แทนที่จะขอโทษเธอ กลับบอกให้เธอมาขอโทษผม T_T ผมมองเธออย่างสำนึกผิด แต่ดูเหมือนเธอจะไม่คิดอย่างนั้น ใบหน้าของเธอแดง ไอ้ที่แดงอย่างว่านี่ไม่ใช่เพราะเธออายผมหรอก เธอโกรธผมต่างหากเล่า ว่าแล้วหน้าผมก็หันไปทางขวาอย่างเร็ว O_o ผมโดนตบ ผมโดนเธอตบเข้าที่แก้มหรอกเหรอเนี่ย
\"มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยเร็วๆนะ! รีบ...รีบออกไปซะ!ก่อนที่ฉันจะโทรเรียกตำรวจมาจับนาย\" เธอตวาดพลางชี้นิ้วมาทางผม แน่ล่ะ มีหรือที่ผมจะโง่ยืนให้ตำรวจมาจับ ผมก็เลยรีบวิ่งออกไปตรงที่ที่ผมเคยเข้ามาในนี้ทันที แต่ก่อนหน้าที่ผมจะออกไป ผมนึกอะไรบางอย่างออกมาได้จึงหันหลังกลับมา
\"ฉัน นานาโอะ เรนยะ ยินดีที่ได้จูบเธอนะ!\" ให้ตายสิ นี่ผมพูดอะไรออกไปอีกเนี่ย แทนที่ผมจะพูดขอโทษเธอ ดันพูดแนะนำตัวแถมยังบอกว่ายินดีที่ได้จูบเธออีก บ้า...บ้าไปแล้ว ผมนี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ ด้วย ว่าแล้วก็หัวเราะให้กับตัวเองออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก่อนที่จะหายตัวไปอย่างเงียบๆ
.....................
จบ บทที่ 1 จูบรสสตอเบอร์รี่
ปล.เพิ่งเขียนเรื่องรักเป็นครั้งแรก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น