ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
                บทนำ
    ..............
    สิ่งแรกที่ฉันรู้สึกถึงได้ก็คือ อากาศเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ หนาว...หนาวชะมัด!! นี่ใครเปิดแอร์ทิ้งไว้นะ ทำไมไม่ยอมปิดกันซะบ้างเลย เห็นทีจะต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกว่าเล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับพิราวรรณสาวน้อยฉายาดินระเบิด หึหึ ว่าแต่...ก่อนหน้านี้ที่ห้องของฉันไม่เคยมีแอร์นี่!! แล้วทำไมถึงรู้สึกเย็นได้ล่ะ  หรือว่า......ที่นี่...ไม่ใช่ห้องนอนของฉัน!!
    “ใช่จริงๆด้วย ที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของฉัน”
    ฉันมองไปรอบๆห้องด้วยความแปลกประหลาดใจ เพราะในห้องนั้นเป็นห้องที่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอย่างกับห้องลูกผู้ดีมีชาติตระกูล  เฮ้ย! นี่ฉันมานอนอยู่ที่นี่ได้ไงฟ่ะ มันหรู...หรูเกินไปสำหรับสาวน้อยดินระเบิดอย่างฉันซะแล้วสิ ไม่ไหวๆ ฉันอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ถ้าใครมาเห็นเข้ามีหวังฉันโดนฆ่าตายโหงแหงมๆ
    ขณะที่ฉันลงจากเตียงและลุกขึ้นพรวดพราดนั้น ฉันก็รู้สึกมึนหัวตึ๊บอย่างบอกไม่ถูก อะไรกันเนี่ย!! จู่ๆ ก็หน้ามืด โอย! แค่ยืนก็ยังไม่ไหวเลย อย่างนี้จะหนีไปไหนรอดฟ่ะเนี่ย
    โอ้พระเจ้า!! ได้โปรดช่วยลูกช้างที่น่าสงสารคนนี้ด้วยเถอะค่ะ
    แกร่ก!
    แย่ละสิ! มะ..มะ..มีคนมา!! ฉันจะทำยังไงดี ในห้องนี้ไม่มีที่ซ่อนเสียด้วย ฮือๆๆ ...อ๊ะ! ได้การล่ะ หลบตรงนี้เลยก็แล้วกัน
    ฉันเข้าไปมุดซ่อนตัวอยู่ข้างใต้เตียง ซึ่งมีผ้าคลุมเตียงคอยบังไว้ไม่ให้คนข้างนอกเห็นได้
    “Oh my god! Rira!Where are you?!”
    จะอึ๋ย! พูดภาษาอังกฤษล้วนๆเลยแฮะ ดูท่าคนพูดคงจะเป็นคนต่างชาติแน่ ไหนๆแล้วก็ขอดูหน้าซักหน่อยหนึ่งละกัน อิอิ แต่ไม่ทันที่ฉันจะได้โผล่หน้าไปดู ผ้าคลุมเตียงตรงหน้าของฉันก็ถูกเปิดขึ้น...
    (^_^) - - - ใบหน้าของคนที่พูดภาษาอังกฤษ
    (O+O) - - - ส่วนอันนี้ใบหน้าของฉันเอง
    “เหวอ!!”
    ฉันร้องเสียงด้วยความตกใจพร้อมกับเสียงกระแทกดังปั๊ก! โอ๊ย! หัวของฉัน...เจ็บจังเลย ทำไมฉันช่างโชคร้ายอะไรอย่างนี้นะ
    “Hey! Are you O.K.? Rira”
    อะไรนะ! อาร์ยูโอเคย์? ...อ๋อ! ที่แท้เขาก็ถามว่าฉันสบายดีหรือเปล่านั่นเอง นึกว่าจะถามเรื่องอะไรซะอีก เฮ้อ!
    “ I’m fine, thanks” ฉันเองก็ไม่ค่อยจะเก่งอังกฤษสักเท่าไหร่ แต่พอฟังออกได้เป็นบ้างคำ ฉันตอบเสร็จ เขาก็ยื่นมือมาที่ฉัน เหมือนกับว่าจะให้ฉันจับแล้วคลานออกมาจากใต้เตียง พอฉันคลานออกมาจากใต้เตียง จู่ๆ เขาก็ใช้มือของตัวเองโอบกอดฉันทันที
    เฮ้ย! เล่นกอดแบบนี้ได้ไงฟ่ะ! ถึงนายจะเป็นคนต่างชาติแต่ก็ไม่มีสิทธิ์มากอดฉันได้นะย่ะ
    “อ๊ากกก ปล่อยฉันเซ่ ปล่อยยยยย ปล่อย...ฉัน...นะ”
    “Rira?...What did you said?”
    ดูเหมือนอีตานายฝรั่งจะไม่เข้าใจที่ฉันพูดเลยแฮะ ฉันคิดพลางใช้มือเกาหนังหัวของตัวเอง เฮ้อ! จะทำยังไงดีถึงจะคุยกับหมอนี่รู้เรื่องเนี่ย แต่ทว่า...เมื่อกี้นายนั่นเรียกฉันว่า Rira งั้นรึ! เอ๋!! ฉันไม่ใช่ชื่อนั้นซะหน่อย
    “ I’m Pirawan. Not Rira”
    ฉันพูดจนสุดความสามารถแล้วนะ ถ้านายไม่เข้าใจอีก ตัวฉันเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงต่อดี (เพราะฉันมันโง่ ไม่เก่งเรื่องด้านภาษานี่)
    “No! No I’m not an idiot. (ฉันไม่ใช่คนโง่นะ) You are Rira. (คุณคือริร่าต่างหาก)”
    หวาย! เอาไงละทีนี้ ดูท่าอีตาฝรั่งจะไม่ยอมรับว่าฉันคือพิราวรรณแฮะ โอ๊ย! กลุ้มใจจริงๆ
    “Are you with me?” อะไรนะ! อาร์ยูวิทมี? ไอแอมงงเต๊กหมดละทีนี้ ฉันฟังแล้วไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเขาพูดอะไรออกมา แล้วเขาก็ส่ายหน้าไปมา เหมือนกับว่ารำคาญที่ฉันฟังเขาพูดไม่รู้เรื่อง ก็มันจริงอ่ะ ฉันฟังไม่รู้เรื่องเลยสักตัวเดียว
   
    “Stand up Please!”
    อ่ะ! จะบอกว่าให้ฉันลุกขึ้นยืนงั้นหรือ เอ้า! ยืนก็ยืนฟ่ะ พอฉันลุกขึ้นยืน ความรู้สึกหน้ามืดก็มาอีกระรอบ หวายยย นี่ฉันยังไม่หายจากอาการบ้าๆนี่อีกเหรอเนี่ย
    “Rira!!”
    เอ๊ะ! ไม่ทันไรหมอนี่ก็แต๊ะอั๋งฉันอีกล่ะ แค่ฉันยืนเซนิดหน่อยก็รีบมาจับไม้จับมือของฉันเชียว บอกตามตรงๆนะว่าฉันเสียหายนะยะ เสียหายอ่ะ เข้าใจไหม
    “You’re as white as a sheet.(หน้าเธอซีดเหมือนไก่ต้มเลย)”
    “ว่าไงนะ ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูดเลย..เอ๊ย! ต้องพูดอังกฤษสิ ...I don’t understand.”
    ฉันพูดพลางส่ายหัวไปมา และหวังว่าคงจะเข้าใจที่ฉันบอกไปตะกี้นี้นะ
    “Ok! ...Ok  C’mon (งั้นมานี่ซิ)” ไอ้คำนี้ฉันพอจะเข้าใจนะ ว่าแต่เขาจะให้ฉันไปที่ไหนกันเหรอ  คงไม่คิดจะพาฉันไปส่งตำรวจหรือโรงพยาบาลบ้าหรอกนะ พอฉันเดินตามอีตาฝรั่งนั่นไปอีกฝากหนึ่งของห้อง ซึ่งเป็นที่ๆ ไว้สำหรับแต่งตัว (ฉันคิดไว้อย่างนั้นนะ) แล้วหมอนั่นก็หยุดเดินพร้อมกับชี้นิ้วไปที่กระจกบานหนึ่ง
    “ให้ฉันไปดูอะไรงั้นเหรอ”
    หมอนั่นพยักหน้าเหมือนกับเข้าใจคำที่ฉันพูด เฮ้อ! ฟังแล้วเข้าใจง่ายแบบนี้ได้ตลอดไปก็ดีสิ ฉันคิดแล้วก็กลุ้มซะจริงๆ แต่ก็ช่างเถอะ...ไปดูกระจกตามคำสั่งของเขาหน่อยละกัน
    “เหวอ! นี่มันอะไรกันเนี่ย!! ไม่อยากจะเชื่อเลย ”
    ฉันตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ยืนอยู่หน้ากระจกคือฉัน ใบหน้าโค้งเรียวได้รูป จมูกดั้งสวยเหมือนฝรั่ง ผิวขาวเนียนละเอียดดุจหิมะ ริมฝีปากอิ่มเอิ่บไปด้วยสีชมพูจาง ส่วนเรื่องดวงตาของฉันนะหรือ??...สวยโคตรๆ กลมใสสีฟ้าอย่างกับตุ๊กตาเลย
    “ไม่จริง! นี่มันเรื่องอะไรกัน...ร่างนี้เป็นใครกัน...แล้วฉันมาอยู่ได้ยังไงเนี่ย”
    ฉันพูดพลางใช้มือสัมผัสร่างกายของตนเอง หวาย! นอกจากจะสวยแล้วหุ่นก็ยังเพรียวเหมือนนางแบบอีกต่างหาก ทำไงดีๆ ใครก็ได้ช่วยฉันตอบทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น??
    “(ดูสภาพเธอสิ ซีดจะตายอยู่แล้วยังทำอวดดีอีกอยู่ได้!!)” (ขอให้เข้าใจว่าเขากำลังพูดภาษาอังกฤษละกัน)
    “เอ๋! พูดเร็วจัง ฉันฟังไม่ทันเลย”
    “(นี่เธอจะทำให้ฉันโมโหอีกรึไง!!)”
    นอกจากอีตาฝรั่งจะตะโกนแหกปากใส่ฉันแล้ว แถมยังจับข้อมือฉันฉุดกระชากลากถูตัวฉันให้เดินไปที่เตียง จากนั้นก็ใช้แรงอันน้อยนิดผลักร่างของฉันลงบนเตียง
    เจ็บนะอีตาฝรั่งบ้า! ฮือๆๆ แม่จ๋า พ่อจ๋า ช่วยหนูออกไปจากที่นี่ที
    “(ฉันรู้นะว่าเธอยังไม่พอใจเรื่องนั้นอยู่ แต่ไม่ต้องถึงกับขนาดทำตัวแบบนี้ก็ได้นี่!!)”
    ฉันสุดจะทนกับความดื้อด้านของเขาเต็มทนแล้ว อะไรนิดอะไรหน่อยก็ด่า ได้! ถ้านายชอบเจ็บๆละก็ ฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้นายดู
    “ย๊ากกกก ลูกเตะคิ๊ก!!”
    พลั่ก!!..โครม!!
    ฮี่ๆๆ เป็นไงล่า เจอท่าไม้ตายลูกเตะก้านคอของสาวน้อยดินระเบิดคนนี้ถึงกับสลบไปเลย
    “What’s happened?” ดูเหมือนว่าจะมีบุคคลที่สามเข้ามาใหม่ พอเห็นร่างที่นอนสลบอยู่กับพื้นก็รีบถลาเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง “Erik!Are you Ok?”
    ฮ้า! หมอนี่ชื่อ Erik งั้นหรือเนี่ย ชื่อเท่ห์ไม่หยอกเลยนะแต่สู้เพื่อนผู้ชายของฉันไม่ได้หรอกนะ อิอิ
    คนที่เข้ามาใหม่มีบุคคลิกที่แปลกกว่าErik อีก แต่ก็เท่ห์น้อยกว่านิดหนึ่ง ผมสีน้ำตาลแดงยาวอย่างกับผู้หญิง  แถมสูงพุ่งปรี๊ดยิ่งกว่าเปรตเสียอีก คนอะไรก็ไม่รู้ สูงเป็นบ้า
    “(เธอทำอะไรกับอีริคอ่ะ)”
    อีตานี้เงยหน้าขึ้นมาถามฉัน เฮ้อ! เล่นถามแบบนี้ฉันจะฟังรู้เรื่องไหมเนี่ย เอาเถอะ ไหนๆก็ทำเรื่องยุ่งแล้วจะตอบก็ไม่ได้เสียด้วย เป็นไงเป็นกันฟ่ะ จะลองพยายามใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีตอบไปละกัน
    “I kick it.”
    “What?!! (หมอนี่เป็นแฟนของเธอนะ)”
    “ช่วยไม่ได้ ก็อยากด่าฉันก่อนนี่” ฉันพอจะฟังรู้เรื่องบ้างที่พูดมาตะกี้นี้ ฉันนะหรือเป็นแฟนของอีริคง่ะ ไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะ (-*-) แต่ก็จำเป็นต้องเชื่อละนะ ก็ในเมื่อร่างที่ฉันอาศัยอยู่ไม่ใช่ร่างของฉัน สงสัยผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นแฟนของอีริคแหงมๆ
    “...”
    “เป็นอะไรไปอีกละ ทำไมมองหน้าฉันอย่างนั้น...อ๊ะ! ลืมไปว่านายฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง”
    ฉันพูดพร้อมกับหัวเราะเยาะ หึหึ ท่าทางของฉันเหมือนนางยักษ์ไหมเอ่ย โหดมันฮาครบสูตรฉายาสาวน้อยดินระเบิดพอดีเลย
    “-O- ใครว่าฉันฟังไม่รู้เรื่องกันเล่า ยัยริร่าบ๊อง!”
    หา!! ตะกี้นายว่ายังไงนะ ฟังภาษาไทยของฉันออกได้ด้วยเหรอเนี่ย!!
    “ฉันว่าเธอไปพบจิตแพทย์ดีไหม เผื่อจะให้คำแนะนำอะไรดีๆกับเธอบ้าง”
    “นี่นายว่าฉันบ้าเหรอ!! ทุเรศเห็นแก่ตัวที่สุด”
    “เอ้า! มันก็จริงไม่ใช่หรือไง นิสัยของเธอมันเป็นนี้มาตั้งนานนมแล้วนี่” ดูมันว่าฉันสิ หาว่าฉันเป็นบ้าไปซะได้ นั่นมันริร่า! ไม่ใช่ฉันซะหน่อย แต่จะว่าไปแล้ว นี่ฉันมัวทำอะไรอยู่เนี่ย แทนที่จะได้ค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันมาอาศัยอยู่ร่างนี้ กลับกลายต้องมายืนทะเลาะกับคนที่ไม่รู้จัก
    “ขอโทษทีนะ พอดีฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ชื่อริร่าอย่างที่นายรู้จัก พิราวรรณต่างหากล่ะ ฉันพิราวรรณ กุลเศวตรา ลูกสาวคนเดียวของท่านรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยเข้าใจไหม!!”
    หึหึ เป็นไงล่ะ ฟังแล้วอึ้งไปเลยละสิ คงจะไม่มีใครรู้จักรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยผู้ที่มีชื่อเสียงดังก้องข้ามโลกหรอกนะ แถมยิ่งกว่านั้น ข่าวของฉันที่เป็นลูกสาวของท่านที่ใครๆก็ต่างเรียกฉันว่า สาวดินระเบิด ก็ดังไปทั่วโลกเช่นกัน
    “เธอโกหกไม่เก่งเลยนะริร่า มีอย่างที่ไหนสาวดินระเบิดจะมาอยู่ในร่างของเธอได้”
    “ได้สิ! ทำไมจะไม่ได้”
    “งั้นช่วยแสดงหลักฐานให้ฉันดูหน่อยสิ ว่าเธอคือพิราวรรณ สาวน้อยดินระเบิด”
    จะเอายังไงดีละ ฉันจะไปหาหลักฐานที่ไหนมาแสดงให้อีตาบ้านี่ดูกันเนี่ย นึกๆเข้าสิพิราวรรณ หลักฐานอะไรก็ได้ที่จะแสดงให้หมอนี่ได้เห็นว่าฉันคือฉัน
    “ว่าไงล่ะ ฉันรอเธออยู่นานแล้วนะ รีบแสดงหลักฐานให้ฉันดูไวๆสิ”
    “เดี๋ยวก่อนสินาย! ให้เวลาฉันนึกก่อนหน่อยไม่ได้รึไง”
    “ได้ แต่อย่านานนักล่ะ เดี๋ยวอีริคจะคอยนาน” สิ่งที่ฉันมีแต่ริร่าไม่มีคืออะไรกันนะ คิดๆๆ โอ๊ย! คิดไม่ออกเลยจริงๆแฮะ
    อ๊ะ! จริงสิ ลืมไปซะสนิท ฮี่ๆ งั้นใช้วิธีนี้เลยละกัน
    “เฮ้ย! นั่นเธอจะทำอะไรของเธอนะริร่า จะคิดสั้นหรือไง!!” เขาด่าฉันทันทีที่เห็นว่าฉันกำลังจะเตรียมกระโดดออกนอกหน้าต่าง
    “ไม่ใช่ซะหน่อย นายน่ะยืนดูห่างๆก็พอ”
    “แต่นี่มันชั้นสามนะยัยบ๊อง!”
    “อ๊ะเหรอ แต่เผอิญฉันไม่สนอ่ะ ไปละเสียเวลา”
    ฉันไม่โง่พอที่จะรอให้นายนั่นมาขวางทางฉันกระโดดได้หรอก หึหึ ว่าแล้วก็กระโดดทิ้งตัวลงมาก่อนจะหมุนตีลังกาหนึ่งรอบ พอจะถึงพื้นดินฉันก็ใช้มือสองข้างแตะพื้นพร้อมกับตีลังกาไปข้างหน้าอีกสองสามรอบจนกระทั่งเห็นว่าตัวเองปลอดภัยจึงค่อยหยุดตี ว้าว!! อย่างนี้ให้คะแนนเต็มสิบไปเลยเจ้าค่า!!! อิอิ เป็นไงล่ะ ท่าของฉันสวยไหมล่ะ ฉันคิดเสร็จก็หันตัวกลับไปดูที่หน้าต่าง หึหึ เป็นไงล่ะ อึ้งไปเลยสิ ริร่าของนายคงจะทำแบบฉันไม่ได้หรอกนะจะบอกให้ โอ๊ะ! ลืมบอกไปว่าสาวน้อยดินระเบิดนอกจากฉายานี้จะดังในเรื่องการเรียนแล้ว(ยกเว้นภาษาอังกฤษ) ยังเด่นในเรื่องกีฬายิมฯอีกด้วย
    “เธอทำได้ไงอ่ะ เก่งจริงๆ”
    “อ๊ะ!...แน่นอน ก็ฉันมันพิราวรรณนี่”
    ฉันกล่าวประกาศด้วยความมั่นใจ แล้วหมอนั่นก็มองมาที่ฉันก่อนจะหัวเราะเบาๆ
    “หึหึฉันยอมเชื่อเธอจริงๆ เลยให้ตายสิ คนอะไรก็ไม่รู้เล่นเอาใจหายวาบ ดีนะที่ลงได้โดยไม่เป็นอะไร ไม่งั้นฉันโดนอีริคเล่นงานแย่แน่ๆ”
    “(ใครเล่นงานใครเหรอกฤษ)”
    เหวอ! นั่นเสียงอีริคนี่ หมอนั่นฟื้นแล้วเหรอเนี่ย
    “(ไม่มีอะไรหรอกอีริค ว่าแต่นายฟื้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน)”
    “(ก็ตั้งแต่นายหัวเราะเสียงดังไงกฤษ...อ้าว! นั่นริร่าไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไปอยู่ที่ข้างล่างได้ละ)”
    “(เอ่อ...คือว่า)” ดูท่าตานี่จะแย่ซะแล้ว โดนอีริครุมถามแบบนี้มีหวังโดนเล่นงานแน่ๆเลย...
    จี๊ด!!
    “โอ๊ย!” ฉันร้องพลางเอามือมากุมขมับ ทำไมจู่ๆก็ปวดหัวขึ้นมาได้เนี่ย ปวดแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว T_T ใครก็ได้ช่วยที “(ริร่า!! เธอเป็นอะไรไป)”
    อีริคร้องถามฉันด้วยความเป็นห่วง ฉันได้ยินและเข้าใจที่นายพูดอยู่หรอกนะ แต่ว่าฉันในตอนนี้ไม่รับรู้อะไรด้วยแล้ว ร้อนจัง เรี่ยวแรงที่มีก็หายไปดื้อๆ แถมมองอะไรก็มืดไปหมด
    “(ริร่า!)”
    ได้โปรดอย่ามาเรียกฉันว่าเรร่านะ ฉันพิราวรรณต่างหาก พิราวรรณ พิรา....
    แล้วต่อจากนั้นฉันก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
    .........................
    จบ บทนำ
    ..............
    สิ่งแรกที่ฉันรู้สึกถึงได้ก็คือ อากาศเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ หนาว...หนาวชะมัด!! นี่ใครเปิดแอร์ทิ้งไว้นะ ทำไมไม่ยอมปิดกันซะบ้างเลย เห็นทีจะต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกว่าเล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับพิราวรรณสาวน้อยฉายาดินระเบิด หึหึ ว่าแต่...ก่อนหน้านี้ที่ห้องของฉันไม่เคยมีแอร์นี่!! แล้วทำไมถึงรู้สึกเย็นได้ล่ะ  หรือว่า......ที่นี่...ไม่ใช่ห้องนอนของฉัน!!
    “ใช่จริงๆด้วย ที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของฉัน”
    ฉันมองไปรอบๆห้องด้วยความแปลกประหลาดใจ เพราะในห้องนั้นเป็นห้องที่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอย่างกับห้องลูกผู้ดีมีชาติตระกูล  เฮ้ย! นี่ฉันมานอนอยู่ที่นี่ได้ไงฟ่ะ มันหรู...หรูเกินไปสำหรับสาวน้อยดินระเบิดอย่างฉันซะแล้วสิ ไม่ไหวๆ ฉันอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ถ้าใครมาเห็นเข้ามีหวังฉันโดนฆ่าตายโหงแหงมๆ
    ขณะที่ฉันลงจากเตียงและลุกขึ้นพรวดพราดนั้น ฉันก็รู้สึกมึนหัวตึ๊บอย่างบอกไม่ถูก อะไรกันเนี่ย!! จู่ๆ ก็หน้ามืด โอย! แค่ยืนก็ยังไม่ไหวเลย อย่างนี้จะหนีไปไหนรอดฟ่ะเนี่ย
    โอ้พระเจ้า!! ได้โปรดช่วยลูกช้างที่น่าสงสารคนนี้ด้วยเถอะค่ะ
    แกร่ก!
    แย่ละสิ! มะ..มะ..มีคนมา!! ฉันจะทำยังไงดี ในห้องนี้ไม่มีที่ซ่อนเสียด้วย ฮือๆๆ ...อ๊ะ! ได้การล่ะ หลบตรงนี้เลยก็แล้วกัน
    ฉันเข้าไปมุดซ่อนตัวอยู่ข้างใต้เตียง ซึ่งมีผ้าคลุมเตียงคอยบังไว้ไม่ให้คนข้างนอกเห็นได้
    “Oh my god! Rira!Where are you?!”
    จะอึ๋ย! พูดภาษาอังกฤษล้วนๆเลยแฮะ ดูท่าคนพูดคงจะเป็นคนต่างชาติแน่ ไหนๆแล้วก็ขอดูหน้าซักหน่อยหนึ่งละกัน อิอิ แต่ไม่ทันที่ฉันจะได้โผล่หน้าไปดู ผ้าคลุมเตียงตรงหน้าของฉันก็ถูกเปิดขึ้น...
    (^_^) - - - ใบหน้าของคนที่พูดภาษาอังกฤษ
    (O+O) - - - ส่วนอันนี้ใบหน้าของฉันเอง
    “เหวอ!!”
    ฉันร้องเสียงด้วยความตกใจพร้อมกับเสียงกระแทกดังปั๊ก! โอ๊ย! หัวของฉัน...เจ็บจังเลย ทำไมฉันช่างโชคร้ายอะไรอย่างนี้นะ
    “Hey! Are you O.K.? Rira”
    อะไรนะ! อาร์ยูโอเคย์? ...อ๋อ! ที่แท้เขาก็ถามว่าฉันสบายดีหรือเปล่านั่นเอง นึกว่าจะถามเรื่องอะไรซะอีก เฮ้อ!
    “ I’m fine, thanks” ฉันเองก็ไม่ค่อยจะเก่งอังกฤษสักเท่าไหร่ แต่พอฟังออกได้เป็นบ้างคำ ฉันตอบเสร็จ เขาก็ยื่นมือมาที่ฉัน เหมือนกับว่าจะให้ฉันจับแล้วคลานออกมาจากใต้เตียง พอฉันคลานออกมาจากใต้เตียง จู่ๆ เขาก็ใช้มือของตัวเองโอบกอดฉันทันที
    เฮ้ย! เล่นกอดแบบนี้ได้ไงฟ่ะ! ถึงนายจะเป็นคนต่างชาติแต่ก็ไม่มีสิทธิ์มากอดฉันได้นะย่ะ
    “อ๊ากกก ปล่อยฉันเซ่ ปล่อยยยยย ปล่อย...ฉัน...นะ”
    “Rira?...What did you said?”
    ดูเหมือนอีตานายฝรั่งจะไม่เข้าใจที่ฉันพูดเลยแฮะ ฉันคิดพลางใช้มือเกาหนังหัวของตัวเอง เฮ้อ! จะทำยังไงดีถึงจะคุยกับหมอนี่รู้เรื่องเนี่ย แต่ทว่า...เมื่อกี้นายนั่นเรียกฉันว่า Rira งั้นรึ! เอ๋!! ฉันไม่ใช่ชื่อนั้นซะหน่อย
    “ I’m Pirawan. Not Rira”
    ฉันพูดจนสุดความสามารถแล้วนะ ถ้านายไม่เข้าใจอีก ตัวฉันเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงต่อดี (เพราะฉันมันโง่ ไม่เก่งเรื่องด้านภาษานี่)
    “No! No I’m not an idiot. (ฉันไม่ใช่คนโง่นะ) You are Rira. (คุณคือริร่าต่างหาก)”
    หวาย! เอาไงละทีนี้ ดูท่าอีตาฝรั่งจะไม่ยอมรับว่าฉันคือพิราวรรณแฮะ โอ๊ย! กลุ้มใจจริงๆ
    “Are you with me?” อะไรนะ! อาร์ยูวิทมี? ไอแอมงงเต๊กหมดละทีนี้ ฉันฟังแล้วไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเขาพูดอะไรออกมา แล้วเขาก็ส่ายหน้าไปมา เหมือนกับว่ารำคาญที่ฉันฟังเขาพูดไม่รู้เรื่อง ก็มันจริงอ่ะ ฉันฟังไม่รู้เรื่องเลยสักตัวเดียว
   
    “Stand up Please!”
    อ่ะ! จะบอกว่าให้ฉันลุกขึ้นยืนงั้นหรือ เอ้า! ยืนก็ยืนฟ่ะ พอฉันลุกขึ้นยืน ความรู้สึกหน้ามืดก็มาอีกระรอบ หวายยย นี่ฉันยังไม่หายจากอาการบ้าๆนี่อีกเหรอเนี่ย
    “Rira!!”
    เอ๊ะ! ไม่ทันไรหมอนี่ก็แต๊ะอั๋งฉันอีกล่ะ แค่ฉันยืนเซนิดหน่อยก็รีบมาจับไม้จับมือของฉันเชียว บอกตามตรงๆนะว่าฉันเสียหายนะยะ เสียหายอ่ะ เข้าใจไหม
    “You’re as white as a sheet.(หน้าเธอซีดเหมือนไก่ต้มเลย)”
    “ว่าไงนะ ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูดเลย..เอ๊ย! ต้องพูดอังกฤษสิ ...I don’t understand.”
    ฉันพูดพลางส่ายหัวไปมา และหวังว่าคงจะเข้าใจที่ฉันบอกไปตะกี้นี้นะ
    “Ok! ...Ok  C’mon (งั้นมานี่ซิ)” ไอ้คำนี้ฉันพอจะเข้าใจนะ ว่าแต่เขาจะให้ฉันไปที่ไหนกันเหรอ  คงไม่คิดจะพาฉันไปส่งตำรวจหรือโรงพยาบาลบ้าหรอกนะ พอฉันเดินตามอีตาฝรั่งนั่นไปอีกฝากหนึ่งของห้อง ซึ่งเป็นที่ๆ ไว้สำหรับแต่งตัว (ฉันคิดไว้อย่างนั้นนะ) แล้วหมอนั่นก็หยุดเดินพร้อมกับชี้นิ้วไปที่กระจกบานหนึ่ง
    “ให้ฉันไปดูอะไรงั้นเหรอ”
    หมอนั่นพยักหน้าเหมือนกับเข้าใจคำที่ฉันพูด เฮ้อ! ฟังแล้วเข้าใจง่ายแบบนี้ได้ตลอดไปก็ดีสิ ฉันคิดแล้วก็กลุ้มซะจริงๆ แต่ก็ช่างเถอะ...ไปดูกระจกตามคำสั่งของเขาหน่อยละกัน
    “เหวอ! นี่มันอะไรกันเนี่ย!! ไม่อยากจะเชื่อเลย ”
    ฉันตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ยืนอยู่หน้ากระจกคือฉัน ใบหน้าโค้งเรียวได้รูป จมูกดั้งสวยเหมือนฝรั่ง ผิวขาวเนียนละเอียดดุจหิมะ ริมฝีปากอิ่มเอิ่บไปด้วยสีชมพูจาง ส่วนเรื่องดวงตาของฉันนะหรือ??...สวยโคตรๆ กลมใสสีฟ้าอย่างกับตุ๊กตาเลย
    “ไม่จริง! นี่มันเรื่องอะไรกัน...ร่างนี้เป็นใครกัน...แล้วฉันมาอยู่ได้ยังไงเนี่ย”
    ฉันพูดพลางใช้มือสัมผัสร่างกายของตนเอง หวาย! นอกจากจะสวยแล้วหุ่นก็ยังเพรียวเหมือนนางแบบอีกต่างหาก ทำไงดีๆ ใครก็ได้ช่วยฉันตอบทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น??
    “(ดูสภาพเธอสิ ซีดจะตายอยู่แล้วยังทำอวดดีอีกอยู่ได้!!)” (ขอให้เข้าใจว่าเขากำลังพูดภาษาอังกฤษละกัน)
    “เอ๋! พูดเร็วจัง ฉันฟังไม่ทันเลย”
    “(นี่เธอจะทำให้ฉันโมโหอีกรึไง!!)”
    นอกจากอีตาฝรั่งจะตะโกนแหกปากใส่ฉันแล้ว แถมยังจับข้อมือฉันฉุดกระชากลากถูตัวฉันให้เดินไปที่เตียง จากนั้นก็ใช้แรงอันน้อยนิดผลักร่างของฉันลงบนเตียง
    เจ็บนะอีตาฝรั่งบ้า! ฮือๆๆ แม่จ๋า พ่อจ๋า ช่วยหนูออกไปจากที่นี่ที
    “(ฉันรู้นะว่าเธอยังไม่พอใจเรื่องนั้นอยู่ แต่ไม่ต้องถึงกับขนาดทำตัวแบบนี้ก็ได้นี่!!)”
    ฉันสุดจะทนกับความดื้อด้านของเขาเต็มทนแล้ว อะไรนิดอะไรหน่อยก็ด่า ได้! ถ้านายชอบเจ็บๆละก็ ฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้นายดู
    “ย๊ากกกก ลูกเตะคิ๊ก!!”
    พลั่ก!!..โครม!!
    ฮี่ๆๆ เป็นไงล่า เจอท่าไม้ตายลูกเตะก้านคอของสาวน้อยดินระเบิดคนนี้ถึงกับสลบไปเลย
    “What’s happened?” ดูเหมือนว่าจะมีบุคคลที่สามเข้ามาใหม่ พอเห็นร่างที่นอนสลบอยู่กับพื้นก็รีบถลาเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง “Erik!Are you Ok?”
    ฮ้า! หมอนี่ชื่อ Erik งั้นหรือเนี่ย ชื่อเท่ห์ไม่หยอกเลยนะแต่สู้เพื่อนผู้ชายของฉันไม่ได้หรอกนะ อิอิ
    คนที่เข้ามาใหม่มีบุคคลิกที่แปลกกว่าErik อีก แต่ก็เท่ห์น้อยกว่านิดหนึ่ง ผมสีน้ำตาลแดงยาวอย่างกับผู้หญิง  แถมสูงพุ่งปรี๊ดยิ่งกว่าเปรตเสียอีก คนอะไรก็ไม่รู้ สูงเป็นบ้า
    “(เธอทำอะไรกับอีริคอ่ะ)”
    อีตานี้เงยหน้าขึ้นมาถามฉัน เฮ้อ! เล่นถามแบบนี้ฉันจะฟังรู้เรื่องไหมเนี่ย เอาเถอะ ไหนๆก็ทำเรื่องยุ่งแล้วจะตอบก็ไม่ได้เสียด้วย เป็นไงเป็นกันฟ่ะ จะลองพยายามใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีตอบไปละกัน
    “I kick it.”
    “What?!! (หมอนี่เป็นแฟนของเธอนะ)”
    “ช่วยไม่ได้ ก็อยากด่าฉันก่อนนี่” ฉันพอจะฟังรู้เรื่องบ้างที่พูดมาตะกี้นี้ ฉันนะหรือเป็นแฟนของอีริคง่ะ ไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะ (-*-) แต่ก็จำเป็นต้องเชื่อละนะ ก็ในเมื่อร่างที่ฉันอาศัยอยู่ไม่ใช่ร่างของฉัน สงสัยผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นแฟนของอีริคแหงมๆ
    “...”
    “เป็นอะไรไปอีกละ ทำไมมองหน้าฉันอย่างนั้น...อ๊ะ! ลืมไปว่านายฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง”
    ฉันพูดพร้อมกับหัวเราะเยาะ หึหึ ท่าทางของฉันเหมือนนางยักษ์ไหมเอ่ย โหดมันฮาครบสูตรฉายาสาวน้อยดินระเบิดพอดีเลย
    “-O- ใครว่าฉันฟังไม่รู้เรื่องกันเล่า ยัยริร่าบ๊อง!”
    หา!! ตะกี้นายว่ายังไงนะ ฟังภาษาไทยของฉันออกได้ด้วยเหรอเนี่ย!!
    “ฉันว่าเธอไปพบจิตแพทย์ดีไหม เผื่อจะให้คำแนะนำอะไรดีๆกับเธอบ้าง”
    “นี่นายว่าฉันบ้าเหรอ!! ทุเรศเห็นแก่ตัวที่สุด”
    “เอ้า! มันก็จริงไม่ใช่หรือไง นิสัยของเธอมันเป็นนี้มาตั้งนานนมแล้วนี่” ดูมันว่าฉันสิ หาว่าฉันเป็นบ้าไปซะได้ นั่นมันริร่า! ไม่ใช่ฉันซะหน่อย แต่จะว่าไปแล้ว นี่ฉันมัวทำอะไรอยู่เนี่ย แทนที่จะได้ค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันมาอาศัยอยู่ร่างนี้ กลับกลายต้องมายืนทะเลาะกับคนที่ไม่รู้จัก
    “ขอโทษทีนะ พอดีฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ชื่อริร่าอย่างที่นายรู้จัก พิราวรรณต่างหากล่ะ ฉันพิราวรรณ กุลเศวตรา ลูกสาวคนเดียวของท่านรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยเข้าใจไหม!!”
    หึหึ เป็นไงล่ะ ฟังแล้วอึ้งไปเลยละสิ คงจะไม่มีใครรู้จักรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยผู้ที่มีชื่อเสียงดังก้องข้ามโลกหรอกนะ แถมยิ่งกว่านั้น ข่าวของฉันที่เป็นลูกสาวของท่านที่ใครๆก็ต่างเรียกฉันว่า สาวดินระเบิด ก็ดังไปทั่วโลกเช่นกัน
    “เธอโกหกไม่เก่งเลยนะริร่า มีอย่างที่ไหนสาวดินระเบิดจะมาอยู่ในร่างของเธอได้”
    “ได้สิ! ทำไมจะไม่ได้”
    “งั้นช่วยแสดงหลักฐานให้ฉันดูหน่อยสิ ว่าเธอคือพิราวรรณ สาวน้อยดินระเบิด”
    จะเอายังไงดีละ ฉันจะไปหาหลักฐานที่ไหนมาแสดงให้อีตาบ้านี่ดูกันเนี่ย นึกๆเข้าสิพิราวรรณ หลักฐานอะไรก็ได้ที่จะแสดงให้หมอนี่ได้เห็นว่าฉันคือฉัน
    “ว่าไงล่ะ ฉันรอเธออยู่นานแล้วนะ รีบแสดงหลักฐานให้ฉันดูไวๆสิ”
    “เดี๋ยวก่อนสินาย! ให้เวลาฉันนึกก่อนหน่อยไม่ได้รึไง”
    “ได้ แต่อย่านานนักล่ะ เดี๋ยวอีริคจะคอยนาน” สิ่งที่ฉันมีแต่ริร่าไม่มีคืออะไรกันนะ คิดๆๆ โอ๊ย! คิดไม่ออกเลยจริงๆแฮะ
    อ๊ะ! จริงสิ ลืมไปซะสนิท ฮี่ๆ งั้นใช้วิธีนี้เลยละกัน
    “เฮ้ย! นั่นเธอจะทำอะไรของเธอนะริร่า จะคิดสั้นหรือไง!!” เขาด่าฉันทันทีที่เห็นว่าฉันกำลังจะเตรียมกระโดดออกนอกหน้าต่าง
    “ไม่ใช่ซะหน่อย นายน่ะยืนดูห่างๆก็พอ”
    “แต่นี่มันชั้นสามนะยัยบ๊อง!”
    “อ๊ะเหรอ แต่เผอิญฉันไม่สนอ่ะ ไปละเสียเวลา”
    ฉันไม่โง่พอที่จะรอให้นายนั่นมาขวางทางฉันกระโดดได้หรอก หึหึ ว่าแล้วก็กระโดดทิ้งตัวลงมาก่อนจะหมุนตีลังกาหนึ่งรอบ พอจะถึงพื้นดินฉันก็ใช้มือสองข้างแตะพื้นพร้อมกับตีลังกาไปข้างหน้าอีกสองสามรอบจนกระทั่งเห็นว่าตัวเองปลอดภัยจึงค่อยหยุดตี ว้าว!! อย่างนี้ให้คะแนนเต็มสิบไปเลยเจ้าค่า!!! อิอิ เป็นไงล่ะ ท่าของฉันสวยไหมล่ะ ฉันคิดเสร็จก็หันตัวกลับไปดูที่หน้าต่าง หึหึ เป็นไงล่ะ อึ้งไปเลยสิ ริร่าของนายคงจะทำแบบฉันไม่ได้หรอกนะจะบอกให้ โอ๊ะ! ลืมบอกไปว่าสาวน้อยดินระเบิดนอกจากฉายานี้จะดังในเรื่องการเรียนแล้ว(ยกเว้นภาษาอังกฤษ) ยังเด่นในเรื่องกีฬายิมฯอีกด้วย
    “เธอทำได้ไงอ่ะ เก่งจริงๆ”
    “อ๊ะ!...แน่นอน ก็ฉันมันพิราวรรณนี่”
    ฉันกล่าวประกาศด้วยความมั่นใจ แล้วหมอนั่นก็มองมาที่ฉันก่อนจะหัวเราะเบาๆ
    “หึหึฉันยอมเชื่อเธอจริงๆ เลยให้ตายสิ คนอะไรก็ไม่รู้เล่นเอาใจหายวาบ ดีนะที่ลงได้โดยไม่เป็นอะไร ไม่งั้นฉันโดนอีริคเล่นงานแย่แน่ๆ”
    “(ใครเล่นงานใครเหรอกฤษ)”
    เหวอ! นั่นเสียงอีริคนี่ หมอนั่นฟื้นแล้วเหรอเนี่ย
    “(ไม่มีอะไรหรอกอีริค ว่าแต่นายฟื้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน)”
    “(ก็ตั้งแต่นายหัวเราะเสียงดังไงกฤษ...อ้าว! นั่นริร่าไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไปอยู่ที่ข้างล่างได้ละ)”
    “(เอ่อ...คือว่า)” ดูท่าตานี่จะแย่ซะแล้ว โดนอีริครุมถามแบบนี้มีหวังโดนเล่นงานแน่ๆเลย...
    จี๊ด!!
    “โอ๊ย!” ฉันร้องพลางเอามือมากุมขมับ ทำไมจู่ๆก็ปวดหัวขึ้นมาได้เนี่ย ปวดแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว T_T ใครก็ได้ช่วยที “(ริร่า!! เธอเป็นอะไรไป)”
    อีริคร้องถามฉันด้วยความเป็นห่วง ฉันได้ยินและเข้าใจที่นายพูดอยู่หรอกนะ แต่ว่าฉันในตอนนี้ไม่รับรู้อะไรด้วยแล้ว ร้อนจัง เรี่ยวแรงที่มีก็หายไปดื้อๆ แถมมองอะไรก็มืดไปหมด
    “(ริร่า!)”
    ได้โปรดอย่ามาเรียกฉันว่าเรร่านะ ฉันพิราวรรณต่างหาก พิราวรรณ พิรา....
    แล้วต่อจากนั้นฉันก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
    .........................
    จบ บทนำ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น