ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1/2 ผู้ชายนะค่ะ

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 พลังที่แอบแฝง ( อัพ 100% )

    • อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 49


                   บทที่ 7 พลังที่แอบแฝง



                   .....................................



                   "มะ...มะ...หมาย...คะ...ความว่าไงนะ โทรุ ที่ว่า...ฉะ...ฉัน...มี..ตะ..ตาสีแดง...เหมือนเลือดงั้นเหรอ ล้อเล่นหรือเปล่า" 



                   เขาพูดเสียงตะกุกตะกักคล้ายกับคนติดอ่างก็ไม่เชิง ก็อย่างที่เห็นแหละ ไม่ว่าใครฟังแล้วก็ย่อมตกใจไม่มาก็น้อย ยกตัวอย่างเช่นมาโกโตะ แทบจะบ้าคลั่งแต่ก็ไม่เท่ากับร่างกายตอนเป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นเรื่องที่มากเกินพอที่มาโกโตะจะรับมันไหว ส่วนคนฟังก็ส่ายหน้าปฎิเสธทันควัน 



                   "ลองมองกระจกนี่สิมาโกโตะ แล้วเธอก็จะรู้ว่าจริงหรือเปล่า"  



                   มิสเทรสกล่าวเล็กน้อยก่อนโยนกระจกไปหามาโกโตะ เขารับมันมาไว้ในมือทั้งสองข้าง ความรู้สึกหวาดกลัวกับภาพที่จะได้เห็นในไม่ช้านี้ มันจะเกิดขึ้นเองถ้าเขามองไปที่กระจกแล้วส่องดูที่ดวงตานั่น เขาไม่อยากจะยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดแล้วนี่นะ จะไปกลับแก้ไขก็ไม่ได้ ...จะว่าไปแล้วสีแดงบนดวงตาเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือว่าจะเป็นเพราะเวทมนตร์ที่เขาร่ายออกมาตะกี้นี้กัน คิดแล้วคิดอีกก็ปวดหัวเปล่าๆ มาโกโตะถอนหายใจเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็เพ่งมองไปที่กระจกเพื่อดูสีของดวงตาตนเองอย่างหวาดๆ ทันทีเขาเห็นก็สะดุ้งตกใจจนเกือบทำกระจกที่ถือเอาไว้ตกแตก 



                   "ทำไมถึงเป็นสีแดงแบบนี้ได้กันนะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ" 



                   เขาบ่นพึมพำให้กับตนเองโดยที่ไม่สนใจเด็กสาวกับเด็กหนุ่มข้างๆ รวมถึงทุกคนในบริเวณนั้นที่กำลังยืนจ้องมาโกโตะราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ 



                   "มาโกโตะ ..ฉะ...ฉันว่านายอย่ามัวแต่สนใจสีตาของนายอยู่เลย ลองเงยหน้าขึ้นมามองทุกคนในตอนนี้สิ" 



                   โทรุกระซิบเสียงเบา มาโกโตะได้ยินก็เงยหน้าขึ้นตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เป็นดังเหมือนที่โทรุว่าเอาไว้จริงๆ ทุกคนต่างมองเขาคล้ายกับไม่ชอบขี้หน้ายังไงยังนั้นแหละ 



                  "เจ้าเป็นใครกันแน่!? บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!"



                   "จะเป็นใครก็ไม่สำคัญทั้งนั้นพะยะคะเจ้าชายเฟรย์ พระองค์จะทรงแข่งขันกับหลานของข้าน้อยได้หรือยัง ...ถ้าไม่ละก็ ข้าน้อยขอตัวหลานชายสองคนนี้กลับบ้าน" 



                   สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้คือการเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเจ้าชายเฟรย์ ถามอะไรก็ไม่รู้จักถามเอาเสียเลย ดันมาถามเรื่องประวัติของพวกเขาสองคนซะได้ ขืนบอกไปมีหวังโดนลากส่งกลับโลกเก่าเป็นแน่ ใบหน้าเจ้าชายเฟรย์ที่กำลังหัวเสียกับคำตอบของมิสเทรสแบะปากเล็กน้อย ไม่ทันไรก็งอนซะแล้ว เป็นเจ้าชายประสาอะไรกัน เห็นทีว่าโลกเวทมนตร์คงจะปกครองยากเสียแล้วกระมัง 



                   "แข่งต่อสิ! ใครว่าไม่แข่งกันเล่าเจ้าคนปากไม่สร้างสรรค์! ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยนะว่าใครเป็นใคร! มีหน้ากล้ามายืนเสนอหน้าอยู่อีกรึ! จะไปไหนก็ไป..ไป๊!" 



                   เสียงตวาดของเจ้าหญิงนั้นยิ่งกว่านักร้องโอเปร่าอีก มันดังไปแปดหลอดเก้าหลอดทั่วสนามแล้ว จนนกที่บินอยู่บนฟ้าสูงราวตึก 20 ชั้นก็ยังมิวายทนฟังไม่ได้ถึงกับร่วงหล่นลงมาตาย 



                   "แน่นอนว่าข้าน้อยจะไม่ยืนตรงนี้ตามคำสั่งของพระองค์แน่"



                   มาโกโตะกับโทรุนึกว่ามิสเทรสจะออกไปนอกสถานที่นี้เสียอีก ที่ไหนได้กลับกระโดดลอยตัวขึ้นสูงเหนือศีรษะ แล้วมาเหยียบลงบนพื้นกลางสนามซอกเกอร์เวจ 



                   "ข้าน้อยขออาสาเป็นผู้ตัดสินแทนเอง" 



                   ว่าแล้วก็หันไปบอกกับผู้ตัดสินที่ยืนอยู่ด้านหลัง มาโกโตะยืนมองมิสเทรสด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจในการกระทำครั้งนี้ หรือว่ามิสเทรสไม่ไว้วางใจให้เขากับโทรุแข่งโดยที่ยังคงเหมือนเด็กฝึกหัดไร้พลังเวทย์กันแน่ 



                   เขามองมิสเทรสอยู่นานจนคนที่ถูกมองหันกลับมาจ้องตอบ 



                   "ข้าไม่คิดว่าเธอจะเป็นเด็กฝึกหัดไร้พลังเวทย์หรอกนะมาโกโตะ" 



                   เสียงกระซิบตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา เขาแทบสะดุ้งตกใจทันทีกับคำตอบที่ได้รับจากคนตรงหน้า มิสเทรสอ่านใจของเขาได้เหรอเนี่ย 



                   "ใช่ อ่านใจคนได้ แต่จะอ่านได้เฉพาะสำหรับคนที่เปิดใจให้คนอื่นเข้าอ่านได้โดยง่าย ...ที่มาเป็นผู้ตัดสินแทนก็เพราะเป็นห่วงเท่านั้นไม่มีอะไรมาก"



                   คำพูดทุกคำที่กลั่นออกมาซึ่งมาโกโตะฟังดูแล้วไม่ค่อยจะซาบซึ้งสักเท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกดีใจเล็กๆที่มิสเทรสยังคงเป็นห่วงในตัวเขากับโทรุพออยู่บ้าง 



                   "พูดจบกันแล้วใช่ไหมจะได้เริ่มแข่งกันเสียที" เจ้าหญิงที่แสนจะเอาแต่ใจที่ยืนนิ่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นแทรก 



                   "ครับ พวกผมพร้อมแล้ว" 



                   มาโกโตะตอบรับคำอย่างสุภาพ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบนิสัยในตัวเจ้าหญิงก็จริง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องฐานะกันแล้ว เขาต้องยอมถอยลดขั้นลงมาอย่างช่วยไม่ได้ คิดเสร็จแล้วเขาก็ไปยืนประจำตำแหน่งตรงตามที่โทรุบอกเอาไว้ รวมถึงผู้เล่นคนอื่นๆในทีมด้วย 



                   "ปรี๊ด!" 



                   เสียงนกหวีดดังลั่นแสดงให้ทุกคนได้ทราบว่า การแข่งขันซอกเกอร์เวจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว



                   .........................



                   ณ เวลานี้ที่ทุกคนกำลังทำการแข่งขันกีฬาซอกเกอร์เวจกันอยู่ ที่ด้านนอกสถานแข่งขันนั้น มีร่างกำยำตัวใหญ่สวมชุดสีดำปกคลุมใบหน้าดูแลน่ากลัวเดินย่ำเท้า จนใครผ่านไปผ่านมาก็ต่างตกใจกันยกใหญ่ อะไรจะน่ากลัวปานนี้ ถ้าไม่นับรวมกับจิตสังหารที่แผ่ออกมาด้วยละก็นะ แต่พอเหลือบไปเห็นอีกร่างที่นั่งอยู่บนบ่าของร่างกำยำนั่นด้วย ก็แทบจะไม่อยากเชื่อเลยว่า จะเป็นเด็ก! แถมเป็นเด็กชายแค่ 10 ขวบ น่าตาน่ารักน่าเอ็นดูเอามากๆ 



                   "คิกคิก!"



                   จู่ๆ เด็กชายเกิดหัวเราะออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย 



                   "วันนี้อารมณ์ขันดีจังเลยนะขอรับนายน้อย" 



                   น้ำเสียงเรียบๆถามขึ้น แต่ก็ไม่เงยหน้าขึ้นมามองเด็กชาย พลางก้าวเท้าไปต่อเรื่อยๆ                



                   "ก็ไม่เชิงหรอกนะ พอดีเจอเรื่องให้ขำนะคริส" เด็กชายตอบเสียงใส แอบเผยยิ้มออกมาโดยที่ชายนามว่าคริสไม่ทันได้เห็น 



                   "เรื่องขำ? เรื่องอะไรงั้นหรือขอรับ" 



                   การพูดจาระหว่างคนสองคนยังคงมีขึ้นต่อไปอยู่เรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง 



                   "ก็เรื่องที่คนอื่นมองคริสไง รู้สึกว่าจะมองตั้งแต่เราสองคนเข้ามาในเมืองแล้วนะ" 



                   เด็กชายเล่า จริงอยู่ที่เมืองนี้ไม่เคยเห็นชายแปลกหน้าที่แต่งกายชุดดำเช่นเดียวกับคริส แต่ก็เป็นสิ่งที่แปลกหรือของใหม่ของคนที่นี่ และหาดูได้ยากพอควร เนื่องจากเมืองนี้ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการตรวจคนเข้าออกเมืองเลยทีเดียว 



                   "นายน้อย ใครจะมองก็ปล่อยเขาไปเถอะขอรับ" 



                   ดูเหมือนว่าคริสจะไม่ยอมรับมุกตลกของเด็กชายซะเลยจึงทำให้เด็กชายรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา 



                   "ฮึ! ก็ข้าไม่ชอบนี่ มีแต่คนมองคริสทั้งนั้น ทำไม๊ ทำไม...คนอื่นถึงไม่มองข้าบ้างนะ" 



                   ว่าพลางก็เอามือกอดอกตัวเอง เด็กชายเริ่มงอนคริสขึ้นมาทุกขณะ 



                   "ทำไมจะไม่มีละขอรับนายน้อย  นู่นไงขอรับสองสามคนนั้นกำลังมองนายน้อยอยู่พอดี" พูดจบก็รีบชี้นิ้วให้เด็กชายดู ซึ่งมีผู้ชายและผู้หญิงสองสามคนกำลังมองมาทางนี้ 



                   "แค่นี้เองเหรอ น้อยจัง" 



                   เด็กชายบ่นพึมพำ 



                   "แค่นี้ก็ดีพอแล้วขอรับนายน้อย" คริสกล่าวเสียงราบเรียบ ตอนนี้หยุดเดินแล้ว "ไม่เอาอ่ะ ข้าอยากได้มากกว่านี้ อยากให้คนมองมากกว่านี้อีก"



                   เด็กชายดึงผ้าคลุมคริสไปมาจนผ้าคลุมนั่นหลุดออกทันที เผยให้เห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าและดวงตาสีเทาออกมาอย่างเด่นชัด ประกอบกับผมที่ยาวพริ้วไสวประบ่าสีขาวดูเหมือนคนแก่ ซึ่งทุกคนในที่นี้ลงความเห็นพ้องต้องใจกันเป็นเสียงเดียวว่า ชายคนนี้ต้องไม่ธรรมดา คงจะผ่านเรื่องต่อสู้มามาก ถึงได้มีแผลบนใบหน้าเต็มไปหมด 



                   "อย่าเอาแต่ใจสิขอรับนายน้อย" คริสกล่าวจบก็รีบหยิบผ้าคลุมที่หล่นบนพื้นขึ้นมาใส่เหมือนเดิม



                   "ข้าไม่ได้เอาแต่ใจนะคริส ก็ข้าอยากให้คนมองนี่นะ...นะ...นะ...ขอร้องล่ะคริส"



                   เด็กชายก็ยังคงพูดจาออดอ้อนชายหนุ่มต่อไปอีก จนทำให้คริสถึงกับใจอ่อนยอมแพ้กับความมุมานะของผู้เป็นนาย 



                   "ก็ได้ขอรับนายน้อย" 



                   ว่าพลางก็หันไปมองทุกคนที่ยืนมองเขาอยู่ ทุกคนในที่นั้นไม่รู้ว่าคริสจะทำอะไรจึงได้แต่ยืนมองด้วยความงุนงง 



                   "โปราดอน เพลสรูเรส ไดเวสลีพ ดายน์"



                   สิ้นเสียงร่ายเวทย์ของคริส จู่ๆก็เกิดลำแสงสีดำปรากฎขึ้นมาปกคลุมไปทั่วบริเวณที่สองคนยืนอยู่ ไม่นานพอสมควร..และแล้วแสงนั่นก็ดับลง เผยให้เห็นดวงตาเหม่อลอยคล้ายกับโดนสะกดจิตให้ทุกคน ณ ที่นั้นยืนอยู่กับที่ เด็กชายเห็นผลงานของคริสแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างน่าชื่นตาบาน 



                   "ดีมาก ดีมาก! คริส! ยอดเยี่ยมไปเลย ทุกคนกำลังมองข้า! กำลังมองข้า! ฮะ!..ฮะฮ่า!ฮ่า!" เด็กชายพูดเสียงดังลั่นแถมปรบมือแรงๆให้คริสเหมือนกับคนบ้า 



                   "แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกขอรับนายน้อย ..พวกชนชั้นต่ำห่วยแตกสมควรโดนอยู่แล้วขอรับ สมควรโดนในข้อหาที่ไม่มองนายน้อยให้อยู่ในสายตา" 



                   น้ำเสียงที่เยือกเย็นเปล่งออกมาเหมือนกับพูดประชดประชันใส่ร่างทุกร่างที่ถูกสะกดให้อยู่ในภายใต้อำนาจนั่น 



                   "ใช่แล้วละ คริส เจ้าพูดถูกเลยทีเดียว" เด็กชายพูดจบ ก็กระโดดลงจากบ่าของคริสทันที "ดูทุกคนนี่สิ จ้องข้ากันใหญ่เลย"



                   เด็กชายยิ้มและทำหน้าระรื่น ประกอบกับหัวใจกำลังพองโตด้วยความสุขกับการได้เห็นภาพเหล่านี้ เด็กชายก้าวเท้าไปหาคนที่ถูกสะกดซึ่งเป็นผู้หญิงที่สูงกว่าเขา 



                   "คนนี้คงจะเป็นแม่ของเด็กคนนี้สินะ" 



                   เด็กชายหมายถึงเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆหญิงสาวนั่นเอง "น่าอิจฉาคนที่มีแม่เสียจริง น่าอิจฉาเหลือเกิน" จากใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับบูดเบี้ยวคล้ายจะร้องไห้ออกมา 



                   "นายน้อย! ท่านร้องไห้"



                   ตั้งแต่เลี้ยงนายน้อยมา คริสเพิ่งจะได้เห็นน้ำตาของนายน้อยครั้งนี้เป็นครั้งแรก ไม่นึกไม่ฝันว่านายน้อยของคริสจะเศร้าถึงเพียงนี้ คิดแล้วก็ยิ่งเศร้าเข้าไปอีก ที่นายน้อยของเขาเป็นเช่นนี้ก็เพราะ...นายน้อยของเขาไม่มีแม่ 



                   "ข้าเปล่าร้องไห้นะคริส กำลังดีใจต่างหากเล่า ดีใจนะดีใจ เข้าใจไหม ดีใจที่เห็นเด็กคนนี้มีแม่กับเขาด้วยแหละ" 



                   เด็กชายพูดไปเรื่อยเปื่อยโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจที่จะพูด ความสนุกหายไป ความเศร้าก็เข้ามาแทน มือไม้สั่นระริกระรี้จนแทบเกร็งให้อยู่นิ่งไม่ได้ เด็กชายไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว ไม่อยากเห็นอีก ว่าแล้วก็แบมืออันน้อยนิดของตนไปที่ศีรษะของเด็กผู้หญิงนั่น 



                   "ลาก่อน ...เด็กน้อยผู้โชคดี"



                   สิ้นเสียงของเด็กชายเพียงแค่พริบตาเดียว มือที่เคยกุมศีรษะนั่นเอาไว้กลับบีบสิ่งนั่นให้ระเบิดเป็นจุล 



                   "ตูม!" 



                   สิ่งที่เคยอยู่บนบ่าของเด็กผู้หญิงคนนั้น บัดนี้ได้หายไปเรียบร้อยแล้ว 



                   "นายน้อยขอรับ" 



                   คริสเองก็รู้สึกเห็นใจกับความรู้สึกของนายน้อยเช่นเดียวกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากพูดปลอบใจเพียงอย่างเดียว 



                   "ไม่เป็นไรนะขอรับนายน้อย" 



                   พูดจบก็เข้าไปโอบกอดร่างเล็กที่เต็มไปด้วยรอยคราบเลือดทั้งตัว 



                   "ข้า...ไม่เป็นไร" เจ้าตัวตอบสั้นๆ ก่อนที่จะดันคริสออก "จัดการทุกคนในที่นี้ให้หมด อย่าให้เหลือเด็ดขาด เข้าใจไหมคริส" 



                   เด็กชายสั่งพลางเช็ดคราบเลือดที่ติดบนใบหน้า 



                   "ขอรับนายน้อย" 



                   ว่าแล้วก็ไปจัดการตามคำสั่งของเด็กชายทันที ทำไมสวรรค์ช่างโหดร้ายกับข้าถึงเพียงนี้ ข้าแค่เพียงอยากมีแม่เป็นตัวเป็นตนกับเขาบ้าง ไม่ใช่แม่บุญธรรมในคราบปีศาจนักบุญอะไรนั่นเสียหน่อย เด็กชายคิดในใจก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีครามที่แสนจะเงียบสงบ



                   ...............



                   ย้อนกลับมาที่สนามซึ่งในตอนนี้โทรุกับมาโกโตะเป็นผู้เล่นกองหน้าของทีม เขาทั้งสองคนบอกให้ทุกคนไปประจำที่ตนเองและรอให้มาโกโตะหรือโทรุเป็นคนส่งลูกให้ 



                   "รับลูกด้วย!" 



                   โทรุตะโกนบอกกับผู้ร่วมทีมของเขา โดยที่อีกฝ่ายมาแย่งตามไม่ทัน ถ้าเป็นบนโลกของโทรุล่ะก็นะ แต่ก็โดนขวางด้วยคมดาบของฝ่ายตรงข้าม โทรุชะงักก่อนที่จะชักดาบคู่ที่อยู่ด้านหลังออกมาสู้บ้าง ดาบสองเล่มนี้หนักเอาการเลย ดีที่เขามีร่างกายแข็งแรง ไม่งั้นคงถือดาบเล่มนี้ไม่ไหวเป็นแน่ ว่าแต่จะต้องทำยังไงต่อดีกันน้า เรื่องฟันดาบนั้นตัวเขาเองก็ไม่เคยหัดมาก่อนเลยสักนิด 



                   "อย่ามัวแต่เหม่อสิ! โทรุ"



                   มาโกโตะใช้ไม้คฑาปัดป้องคมดาบของฝ่ายตรงข้ามไว้ได้ทันก่อนที่จะถูกศีรษะของโทรุ ส่วนคนที่เข้ามาเล่นงานโทรุ ก็ได้แต่กัดฟันกรอดๆแล้ววิ่งจากไป 



                   "ขอโทษ..." โทรุยังพูดไม่ทันจบ มาโกโตะก็พูดแทรกขึ้น "เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง! ..ชิ! ลูกบอลถูกแย่งไปจนได้! โทรุจัดการทีสิ" 



                   ด้วยสัญชาติญาณของอดีตนักกีฬาฟุตบอลเก่าของทั้งสองคน ซึ่งรู้ดีว่าจะต้องทำยังไงต่อ จึงรีบเร่งสปีดวิ่งเข้าไปแย่งทันที หลังจากที่แย่งลูกมาได้แล้ว โทรุก็วิ่งเตะลูกบอลหันหลังกลับไปฝ่ายตรงข้าม หมายจะทำประตูให้จงได้ 



                   "ทุกคนบุก! เริ่มแผน A ได้เลย"



                   โทรุออกคำสั่งกับเพื่อนร่วมทีมอย่างสั้นๆ ซึ่งทุกคนในทีมฟังแล้วก็ผงกศีรษะก่อนที่จะไปประจำที่ของตนตามแผนที่โทรุบอกเอาไว้ ส่วนตัวมาโกโตะเองก็วิ่งนำโทรุออกห่างพอประมาณ เสร็จจากนั้นโทรุก็วิ่งเลี้ยงบอลไปพร้อมกับเก็บดาบเอาไว้ด้านหลังตามเดิม ที่ด้านหลังของโทรุมีปลอกดาบไว้สำหรับเก็บดาบคู่อยู่ ทันที่โทรุจะส่งลูกบอลไปให้มาโกโตะ เจ้าหญิงตัวแสบก็เข้ามาขวางซะได้ 



                   "ไม่มีทางให้ไปแล้ว ส่งลูกบอลมาซะ" 



                   ว่าพลางชักไม้กระบองจากด้านหลังออกมา เผยให้เห็นกระบองสีแดงและห่อหุ้มผ้าหลายหลากสีอยู่ด้านบนดูสวยงาม - ทีแรกโทรุนึกว่าอาวุธของเจ้าหญิงตัวแสบเป็นไม้คฑา เพราะเห็นว่ามันคล้ายกับของมาโกโตะ แต่พอเห็นก็ไม่ใช่อย่างที่คิดเอาไว้  



                   "ไม่!" 



                   เขาพูดปฎิเสธรีบชักดาบสองเล่มออกมาเตรียมพร้อมที่จะสู้  ...ดูไปแล้วว่าดาบนี่ก็คล้ายกับพวกกีฬาเคนโด้เลย จะแปลกก็ตรงที่มีอาวุธสองชิ้น.... โทรุคิดได้จึงเก็บดาบข้างซ้ายเข้าปลอกดาบด้านหลังโดยเร็ว แล้วหันกลับมาจับดาบที่เหลือให้แน่นขึ้น 



                   "ไม่รึ! ดี! งั้นเตรียมตัวที่จะกระเด็นออกไปนอกสนามได้เลย เจ้าคนไร้มารยาท!" 



                   สิ้นเสียงของเจ้าหญิง โทรุก็ก้าวเท้าขวาของตนเองไปด้านหน้าในท่าเตรียมของกีฬาเคนโด้ ตอนเรียนอยู่ชั้นประถมโทรุเคยอยู่ชมรมเคนโด้มาก่อน พลางยกดาบขึ้นในระดับอก มือทั้งสองข้างกุมที่จับดาบแน่น ต้องผ่านยัยเจ้าหญิงนี่ให้ได้เสียก่อน ไม่งั้นจะส่งลูกบอลนี้ไปให้มาโกโตะไม่ได้  โทรุคิดเสร็จก็ยืนมองรอเจ้าหญิงตัวดีเข้ามาโจมตี ส่วนลูกบอลนั่นไม่ต้องห่วง ในตอนนี้มันได้อยู่ข้างๆเท้าของเขาแล้ว รับรองว่าไม่มีใครมาแย่งได้แน่ ตามกฎของซอกเกอร์เวจ ในขณะที่ผู้ครองบอลกำลังต่อสู้อยู่ ห้ามเข้ามาแย่งลูกบอลโดยเด็ดขาด ซึ่งโทรุไม่ทราบกฎข้อนี้ด้วยซ้ำ



                   ว่าแล้วหญิงสาวก็พุ่งตัวเข้ามาหาเขาด้วยไม้กระบองอันนั้น โทรุสะดุ้งกับความเร็วของเจ้าหญิงจึงก้าวเท้าขวาถอยหลังเพื่อตั้งหลัก 



                   "เคร้ง! เคร้ง! ขวับ! ปึ่ก! พลั่ก!" 



                   เสียงอาวุธทั้งสองกระทบกันดังขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่โทรุได้ใช้ดาบขึ้นมาปัดป้องกระบองที่กำลังจะพยายามฟาดหัวของเขา  ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้แรงเยอะชะมัดยาก นึกไปบ่นพลางไป เขาค่อยๆก้าวเท้าถอยหลังหนีตั้งหลักเรื่อยๆ และไม่มีท่าทีว่าจะมีโอกาสให้เขาโต้กลับคืนด้วยซ้ำ 



                   "รับเก่งดีนี่! เจ้าคนถ่อย" 



                   ยัยเจ้าหญิงนั่นพูดชมเขา แถมแสยะยิ้มให้โทรุที่ไม่ค่อยอยากจะเห็นก็ดันได้เห็นซะได้ ...การกระทำของยัยนี่ไม่เข้ากับฐานะของตัวเองเอาเสียเลย เจ้าหญิงบ้า! 



                   "แต่นี่แค่ออมฝีมือให้เท่านั้น ต่อไปนี้ของจริงแท้แน่นอน - เตรียมรับมือซะ!" 



                   จู่ๆก็ประกาศขึ้นมาพรวดพราด ทำให้โทรุที่กำลังคิดในใจอยู่ก็สะดุ้งตกใจกับคำพูดนั่น  ออมฝีมือให้หรือเนี่ย! จะดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะ  ว่าแล้วความคิดก็ไม่ไวเหมือนสัญชาติญาณของคนที่เป็นนักกีฬาเคนโด้ เขาหันคมดาบฟาดเข้าที่ข้อมือน้อยๆของเจ้าหญิงด้วยความรวดเร็ว จนทำให้กระบองที่เจ้าตัวถืออยู่กระเด็นออกจากมือ 



                   "เป็นเจ้าหญิงแท้ๆ ดันหลงดีใจคิดว่าตัวเองจะเก่งกว่าคนอื่นเค้า ...แล้วตะกี้ที่เธอออมฝีมือให้ก็เท่ากับว่าไม่ให้เกียรติ์ผม - ผมยอมรับไม่ได้ ...มันทุเ รศสิ้นดี!"



                   โทรุตะคอกเสียงใส่ หมดกันพอดีกับความใจดีในคราบเด็กดีกับคนอย่างเขา เจ้าหญิงที่เอาแต่ใจและชอบดูถูกคนอื่นแบบนี้เห็นทีว่าเขาทำโทษให้รู้จักเข็ดหลาบจำเสียบ้าง ไฟที่เคยมอดลงกลับลุกขึ้นโหมด้วยความโมโหแค้นแสนสาหัส 



                   "โทรุอย่า!" มาโกโตะรู้ดีว่าโทรุเริ่มขาดสติและเปลี่ยนไปเป็นโหมดโหดซะแล้ว จึงรีบเข้าห้ามทันที "อย่าเข้ามายุ่งนะมาโกโตะ!" 



                   ไม่ทันที่มาโกโตะจะได้เข้าไปห้ามศึกครั้งนี้ ตัวของโทรุก็พุ่งไปถึงตัวเจ้าหญิง ส่วนดาบนั่นโทรุได้ทิ้งมันลงพื้นไปแล้ว 



                   "ใจเย็นๆโทรุ ฉันรู้ดีว่านายเกลียดเรื่องดูถูกคนมาก แต่ว่า..นั่นเจ้าหญิงเชียวนะ" 



                   มาโกโตะพูดพลางมองโทรุที่กำลังบีบลำคอของเจ้าหญิงที่ไร้ทางสู้ 




                   "แล้วไง เจ้าหญิงมีอะไรดีนักนะ คนอื่นถึงได้เอาใจกันมาก!" โทรุพูดเสียงสั่นด้วยความโมโห พร้อมกับเพิ่มแรงบีบมากขึ้นเรื่อยๆ 



                   "หยุดนะ! เจ้าคนถ่อย! จะทำอะไรกับน้องสาวของข้า ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!" เจ้าชายเฟรย์ที่เงียบมานานก็พูดขึ้นบ้าง แม้ว่าเจ้าชายเฟรย์วิ่งเข้าไปช่วยแต่ก็โดนโทรุใช้มืออีกข้างปัดจนกระเด็นออกเสียทุกครั้ง พอมาโกโตะหันไปมองเจ้าหญิงก็แทบสะดุ้ง ใบหน้าของเจ้าหญิงในตอนนี้เริ่มซีดอย่างเห็นได้ชัด



                   "อยู่ไปก็หนักแผ่นดินเปล่าๆ สู้ปล่อยให้ยัยนี่ถูกฉันฆ่าตายไปเลยจะไม่ดีดีกว่ารึไง! มาโกโตะ คำก็เจ้าหญิง สองคำก็เจ้าหญิง เธอมีอะไรดีมากนักหรือไง ผู้คนถึงบูชาเธอราวกับเทพพระเจ้า!" 



                   คราวนี้โทรุหันไปบ่นกับร่างเล็กที่สั่นไปทั้งตัว ความโกรธของโทรุถึงขั้นสูงสุดที่ไม่มีใครจะเยื้อยุดให้ลงได้ แม้แต่ตัวของมาโกโตะเองก็ตามที 



                   "ปล่อยน้องสาวข้าเดี๋ยวนี้นะ! เจ้าฆาตกร" เจ้าชายเฟรย์ยังไม่วายที่จะพูดต่อ แต่นั่นก็ไม่ทำให้โทรุหยุดลงมือได้สักนิด 



                   "ตายซะเถอะยัยเจ้าหญิงรกโลก!" พูดจบก็คว้าดาบที่เหลือออกมาพร้อมที่จะแทงร่างหญิงสาวตรงหน้า 



                   "จะบ้าไปถึงไหนกันโทรุ พอได้แล้วละ!"



                   น้ำเสียงดุดันราวกับฟ้าผ่าของคนที่ไม่คาดคิดว่าจะหยุดโทรุได้กลับดังขึ้น แววตาของโทรุเริ่มอ่อนลงจากคนที่เคยโมโหจัดราวกับคนบ้า และคนที่ห้ามไม่ให้โทรุใช้ดาบฆ่าหญิงสาวได้ก็คือ มิสเทรสนั่นเอง 



                   "คุณมิสเทรส ...ผม..ผมขอโทษครับ" 



                   พูดจบก็ปล่อยมือออกจากลำคอของเจ้าหญิง พลางลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเก็บดาบเข้าที่ ส่วนเจ้าชายเฟรย์ เมื่อเห็นว่าโทรุเดินออกห่างจากน้องสาวของตน จึงได้วิ่งเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง 



                   "ได้สติแล้วก็ดี ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหม" มิสเทรสกล่าวเสียงเรียบ ซึ่งแตกต่างจากตะกี้โดยสิ้นเชิง 



                   "ครับ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว" เขารู้ตัวดีว่าทำอะไรลงไป จึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับความผิดที่ก่อเอาไว้ 



                   "อืม ดีมาก ให้ได้อย่างนี้สิ" 



                   ในขณะที่มิสเทรสกับโทรุกำลังคุยกันอยู่ มาโกโตะก็เหลือบไปเห็นดาบเล่มใหญ่ของโทรุที่ปักอยู่บนพื้นสั่น เขามองอยู่ไม่ถึงนาทีดาบเล่มนั้นก็หลุดออก และจู่ๆ ก็ลอยขึ้นมาพร้อมกับหันด้านคมลอยพุ่งเข้าที่ด้านหลังของโทรุอย่างรวดเร็ว โดยที่โทรุกับมิสเทรสไม่ทันได้รู้สึกตัว 



                   "โทรุ! ระวัง!"



                   โทรุและมิสเทรสได้ยินจึงรีบหันไปมองมาโกโตะที่กำลังวิ่งมาทางด้านหลังของโทรุด้วยความงุนงง และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ดาบเล่มนั้นได้ปักเข้าที่กลางหลังของมาโกโตะอย่างจัง 



                   "มาโกโตะ!" 



                   โทรุรีบรับร่างของเพื่อนสนิท ซึ่งกำลังล้มลงกับพื้นอย่างเร็ว "เกิดอะไรขึ้นกันแน่! มาโกโตะ ทำไมดาบนั่นถึง..โอ๊ย! ไม่เข้าใจเลย" 



                   โทรุเริ่มสับสนกับเรื่องที่ชนกัน เขาไม่เข้าใจเลยว่าดาบของเขาจะพุ่งมาทางนี้แล้วมาโกโตะก็ดันเอาตัวเข้ามารับคมดาบแทนเขา 



                   "ช่วยถอยห่างได้ไหมโทรุ ฉันจะใช้เวทย์รักษามาโกโตะนะ" 



                   มิสเทรสพูดรัวและเร็วจนแทบไม่เป็นประโยค ว่าแล้วโทรุก็ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เลือดของมาโกโตะเริ่มออกมามากจนดูน่ากลัว ใครกันนะที่เป็นคนทำแบบนี้ โทรุยอมไม่ได้เสียแล้ว คิดเสร็จก็รีบหันไปมองข้างๆ ใครเป็นคนทำกันแน่ จะเป็นยัยเจ้าหญิงกับเจ้าชายเฟรย์ก็ไม่ใช่ เพราะสองคนนั้นกำลังคุยกันอยู่ ส่วนคนอื่นที่เหลือรวมถึงผู้ชมนั่น ตัวเขาเองก็ไม่อาจทราบได้ เพราะเยอะมากเสียจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ไม่นานนักเลือดที่ไหลอยู่ก็หยุดลง พร้อมกับดวงตาสีแดงที่เปิดขึ้นให้เห็น



                   "ละ..แล้ว..โทรุ เพื่อนของผม..เป็นไงบ้าง..ครับ" 



                   มาโกโตะถามด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยอ่อน เขาจำได้แต่เพียงว่าตัวเองวิ่งเข้าไปรับดาบนั่นแทนโทรุ 



                   "ห่วงตัวเองก่อนเถอะหลานรัก บาดเจ็บหนักขนาดนี้อย่าพูดอะไรมากนักเลย" มิสเทรสรู้สึกโล่งใจมากขึ้นกว่าเดิมที่มาโกโตะ หลานรักของเขาฟื้นแล้ว แต่คำพูดของมิสเทรสก็ไม่ทำให้มาโกโตะยอมได้ 



                   "โทรุนายอยู่ที่ไหน" มาโกโตะถามด้วยเสียงอันแผ่วเบา เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย เจ็บมากเสียจนน้ำตาไหลเลยก็ว่าได้ โทรุได้ยินเสียงที่เพื่อนเรียกจึงรีบหันกลับไปดูด้วยความเป็นห่วง



                   "ฉันอยู่นี่แล้วมาโกโตะ" 



                   ว่าพลางจับมือของเพื่อนจนแน่น ถึงแม้เลือดจะหยุดไหลแล้ว แต่ดาบนั่นยังคงปักที่กลางหลังของมาโกโตะอยู่ 



                   "อดทนเข้าไว้นะ เดี๋ยวมิสเทรสจะเอาดาบนั่นออกจากหลังนายเอง ไม่ต้องเป็นห่วง" โทรุพูดพลางเม้มปากเสียจนเลือดออก เขาโกรธที่จับตัวคนร้ายไม่ได้ 



                   "คุณมิสเทรสครับ  คือว่า..." 



                   ดูเหมือนว่ามิสเทรสจะรู้ทันเท่าความคิดของเขา จึงได้แต่ผงกหัวก่อนที่จะล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากเสื้อคลุม 



                   "ฉันจะดึงดาบนั่นออกโทรุ เธอช่วยจับตัวมาโกโตะให้แน่นที อย่าให้หลุดได้ละ" พูดจบก็เอาไม้คฑายัดเข้าที่ปากของมาโกโตะ



                   "ห้ามคายมันออกนะมาโกโตะ ไม่งั้นเธอจะกัดลิ้นตัวเองขาดได้" 




                   สิ้นคำสั่งของผู้เป็นทวดของมาโกโตะ เขาผงกหัวให้หนึ่งทีก่อนที่จะเตรียมพร้อมรับความเจ็บปวดที่จะมาถึง 



                   "ดึงแป๊ปเดียว ไม่เจ็บมากเท่าไหร่หรอก" 



                   มิสเทรสพูดปลอบขวัญหลานรักที่กำลังสั่นด้วยความกลัว เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนที่จะใช้มือจับด้ามของดาบนั่น 



                   "อื๊อ!" 



                   แค่มิสเทรสจับดาบมันก็ทำให้มาโกโตะรู้สึกเจ็บเข้าเสียแล้ว มิสเทรสได้ยินก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับเสียงร้องของหลานรักตัวเอง "ฉันรู้ว่าเจ็บ แต่ทนเอาไว้หน่อยแล้วกัน" 



                   พูดจบก็รีบดึงดาบเล่มใหญ่นั่นออกด้วยความรวดเร็ว เพื่อที่จะให้มาโกโตะรู้สึกเจ็บแค่เพียงแป๊ปเดียว 



                   "พรวด! อื๊อ!!" เสียงดาบดังขึ้นให้รู้ว่าหลุดออกจากแผ่นหลังของมาโกโตะ ซึ่งมาพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเจ้าตัว 



                   "เสร็จแล้วละ โทรุช่วยเอาไม้นั่นออกจากปากของมาโกโตะให้ที" 



                   สิ้นคำสั่งของมิสเทรสโทรุก็รีบเอาไม้นั่นออกแล้วก็เอาผ้าเช็ดหน้าที่ติดตัวเอามาเช็ดเหงื่อให้เพื่อนของเขา 



                   "เหลือแต่ใช้เวทย์ปิดแผลเท่านั้นก็จบ" มิสเทรสกล่าวพลางเช็ดเลือดที่พุ่งออกมาพร้อมกับตอนที่ดึงดาบนั่น



                   "พอยน์รูสชั่น ชิลเทส โอมุรัส ชาช์



                   มิสเทรสร่ายเวทย์ใส่ที่ด้านหลังของมาโกโตะ รอยแผลจากคมดาบก็ค่อยเลือนหายไปจนเหลือแต่แผลเป็น 



                   "หมดเรื่องหายห่วงแล้ว คราวนี้มาหาตัวคนร้ายกันเถอะ ไม่ต้องลุกขึ้นมาช่วยหรอกมาโกโตะ นอนอยู่อย่างนั้นแหละดีแล้ว" 



                   มิสเทรสกล่าวพลางหันไปมองคนที่ลอบทำร้ายโทรุ ดูเหมือนว่ามิสเทรสจะคาดเดาได้ถูก ร่างๆหนึ่งที่เผยรอยแสยะยิ้มออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร ซึ่งผิดจากตอนแรกเอามากๆ 



                   "เจ้าชายเฟรย์กรุณาเดินมาหาข้าน้อยที ข้าน้อยจะมีเรื่องคุยด้วย" 



                   "เจ้ากล้าสั่งกับข้าถึงเพียงนี้เชียวรึ! เจ้าคนถ่อย ไม่รู้ฐานะว่าใครเป็นใครเลยงั้นหรือ" 



                   เจ้าชายเฟรย์กัดตอบอย่างไม่พอใจที่คนธรรมดาอย่างมิสเทรสจะกล้าสั่งคนอย่างเขา 




                   "ข้าน้อยต้องขออภัยที่พูดอะไรออกไป แต่นี่เรื่องสำคัญมากที่พระองค์จะต้องรู้ให้ได้" 



                   ไม่ทันที่เจ้าชายเฟรย์จะเถียงกลับ ความรู้สึกที่เขาสัมผัสมันได้ตอนนี้ก็คือ ตัวเขาเบาหวิวราวกับขนนก และแล้วร่างของเขาก็ลอยไปหามิสเทรสอย่างรวดเร็ว 



                   "จะทำอะไรกับพี่ชายของข้า! เจ้าคนต่ำช้าเลวทรามไร้มารยาท" 



                   หญิงสาวที่นั่งเงียบมานานก็พูดขึ้นบ้างหลังจากที่หายเจ็บคอจากการถูกโทรุบีบ



                   "เลิกเล่นละครน้ำเน่าเสียทีเถอะ เจ้าคนชั่วบาปหนา ริกล้าปลอมร่างเป็นเจ้าหญิงไอร์ช ดาร์เวสโก้ แห่งเฟิร์ชซิบีลิอันมาหลอกทุกคนได้ถึงเพียงนี้" 



                   มิสเทรสกล่าวเสียงราบเรียบ ทุกคนในที่นี้พอได้ยินจากที่มิสเทรสว่า ก็ต่างพากันตกใจกันยกใหญ่ 



                   "จะมากเกินไปแล้วนะ! บังอาจมาว่าข้าไม่ใช่เจ้าหญิง เจ้ามีหลักฐานอะไรมาว่าข้าได้" 



                   มิสเทรสเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะที่เปล่งออกมาอย่างขำขัน



                   "โอ๊ย! ให้ตายสิ ไม่รู้จักยอมรับเสียทีว่าเจ้าไม่ใช่เจ้าหญิง ถึงแม้คนอื่นจะดูไม่ออก แต่ข้าก็ดูออกนะ หลักฐานที่ยืนยันว่าเจ้าไม่ใช่เจ้าหญิงก็อยู่ที่นี่ไงเล่า" 



                   พูดจบก็ชี้นิ้วไปยังที่นิ้วนางของหญิงสาว ซึ่งมีแหวนเล็กๆถูกสวมอยู่ที่นิ้วนางนั่น 



                   "แหวนยังไงล่ะ หลักฐานออกโทนโท่! เจ้าหญิงตัวจริงจะไม่ใส่แหวนราคาถูกหรอกนะ แล้วก็ไม่ใช่แหวนที่มีประกายอยู่ตรงจุดเพชรเสียด้วย" 



                   เมื่อมิสเทรสพูดจบ ทุกคนต่างหันไปมองเจ้าหญิงตัวปลอมนั่นอย่างไม่น่าเชื่อสายตา สิ่งที่มิสเทรสกล่าวออกมานั้นเป็นจริง ซึ่งเจ้าชายเฟรย์ที่ยืนฟังอยู่ก็เข้าใจอย่างที่มิสเทรสว่า คนๆนี้ไม่ใช่น้องสาวของๆเขา  ถ้างั้นน้องสาวของเขาในตอนนี้หายไปไหนเสียแล้วล่ะ 



                   "หึหึ เดาเก่งได้อีกตามเคยเลยนะ มิสเทรส สมแล้ว...ที่เป็นปู่ของมาซาฮิโนะ" 



                   น้ำเสียงของเจ้าหญิงหายไป ถูกแทนที่ด้วยเสียงที่เยือกเย็นจนดูน่ากลัว ร่างนั่นลุกขึ้นยืนพลางฉีกหน้ากากเจ้าหญิงออกทันที เผยให้ใบหน้าค่าตาของผู้ร้ายคนนั้น พอทุกคนเห็นต่างก็ตกใจกันไปอีกรอบ เนื่องจากดวงตาและสีผมของคนร้ายที่บังอาจปลอมตัวเป็นเจ้าหญิงจะมีสีน้ำเงินเหมือนกันหมด 



                   "นี่เจ้าเป็นคนของเกาะเมฟัลงั้นรึเนี่ย!" 



                   เจ้าชายเฟรย์อุทานด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า เกาะเมฟัลที่ว่านั่น เป็นเกาะลึกลับแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครเคยพบเห็นหรือไปที่นั่นมาก่อน มีแต่เพียงรู้ลักษณะของคนที่นั่นว่าเป็นยังไง 



                   "เกาะเมฟัล? ชื่อเกาะของที่นี่เหรอครับคุณมิสเทรส" 



                   โทรุพูดกระซิบเบาๆ 



                   "อืม" มิสเทรสตอบสั้นๆ แต่ก็ไม่ได้หันมามองโทรุ "ช่วยไปอยู่ใกล้ๆมาโกโตะทีสิ โทรุ" 



                   "ครับ?" 



                   โทรุแปลกใจกับคำสั่งของมิสเทรส แต่ก็ไม่ใส่ใจอะไรมากนักจึงยอมแต่โดยดี 



                   "ไม่รู้ว่าเจ้าจะมาหาเรื่องที่นี่ด้วยเหตุผลใด แต่การที่เจ้าบังอาจปลอมตัวเป็นเจ้าหญิง มันก็ออกจะเกินหน้าเกินตาไปหน่อยละมั้ง ระวังหัวจะหลุดออกจากบ่าไม่รู้ด้วยนะ"



                   "หัวหลุดจากบ่า? เสียใจด้วยย่ะ! ข้าเป็นคนที่ไม่กลัวเรื่องพรรณนั้นหรอกนะ ที่ข้ากลัวก็คือกลัวไม่ได้ฆ่าคนอย่างเจ้านะสิ มิสเทรสเจ้าเก่งเกินหน้าเกินตาจนนายใหญ่ไม่พอใจและสั่งให้ข้ามาจัดการเจ้าด้วยตนเอง" 



                   คนร้ายพูดเสียงแหลมจนทุกคนในที่นั้นยกเว้นมิสเทรส ซึ่งฟังแล้วแทบอยากจะมุดดินหลบไปเสียเดี๋ยวนั้นเลย แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสที่จะทำตามที่ตัวเองคิด เนื่องจากมีลำแสงสีดำโผล่ออกมาที่มือของคนร้าย 



                   "ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้นะว่านี่คืออะไร มิสเทรส หึหึ เตรียมตัวเตรียมใจตายได้เลย" 



                   คนร้ายยิ้มอย่างพออกพอใจกับผลงานที่ตัวเองกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้านี้ 



                   "โทรุพามาโกโตะออกไปจากที่นี่ซะ! แล้วก็คนที่อยู่บนสแตนด์ด้วย! ออกไปซะ! ถ้าไม่อยากตายด้วยพลังแบล๊กโฮลนี่! ไปห่างๆจากที่นี่มากเลยก็ยิ่งดี



                   มิสเทรสตะโกนเสียงดังลั่นสนาม ทำให้ชาวบ้านที่อยู่บนแสตนด์นั้นต่างพากันวิ่งหนีออกไปอย่างชุลมุนพร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ 



                   "ยังไม่ไปอีกล่ะ! โทรุไปซะ!" มิสเทรสออกปากไล่ทันทีที่เห็นว่าโทรุกับมาโกโตะยังคงอยู่ที่เดิม ส่วนเจ้าชายเฟรย์นั้นไม่ต้องพูดถึง ได้หายตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



                   "พวกผมจะรออยู่ที่นี่แหละ จะไม่ไปไหนจนกว่าจะออกไปด้วยกันสามคนเท่านั้น" 



                   มาโกโตะยืนกรานเสียงแข็งทั้งๆที่ตนเองแทบจะยืนทรงตัวไม่ค่อยจะได้ เขาไม่อยากให้มิสเทรสหรือทวดของเขาต้องมาตายเพราะเขาเป็นต้นเหตุ 



                   "แหม! เป็นห่วงกันจังเลยนะย่ะ อิอิ ดี! จะให้ตายกันทั้งหมดเลยนี่แหละ" 



                   คนร้ายที่เป็นผู้หญิงกล่าวด้วยความสะใจต่อภาพที่เห็น พูดจบก็ปล่อยพลังนั่นเข้าใส่ทั้งสามคนโดยที่มิสเทรสเป็นคนเอาตัวมาบังร่างของมาโกโตะและโทรุ  ขณะที่อยู่ในช่วงวิกฤตเรื่องความเป็นความตาย มาโกโตะก็ได้แต่ภาวนาในใจว่า ขอให้พวกเขาสามคนรอดจากพลังนี้ได้โดยเถิด ซึ่งคำขอของเขาก็เป็นผล มาโกโตะได้รู้สึกถึงพลังแปลกๆที่ไหลเวียนวนในร่างกายของตัวเอง มันทั้งร้อนรุ่มและกระตุ้นหัวใจเขาให้เต้นเร็วผิดปกติ ทั้งๆที่เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน  ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่ เขาคิดเสร็จก็ทิ้งตัวทั้งหมดให้ปล่อยตามแรงดึงดูดของโลก 



                   "มาโกโตะ!" มีแค่เพียงเสียงเรียกชื่อเขาที่จะได้ยินมันเป็นครั้งสุดท้าย ต่อจากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลย



                   ...............



                   จบ บทที่ 7 พลังที่แอบแฝง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×