ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 พลังที่แอบแฝง ( อัพ 100% )
บทที่ 7 พลังที่แอบแฝง
.....................................
"มะ...มะ...หมาย...คะ...ความว่าไงนะ โทรุ ที่ว่า...ฉะ...ฉัน...มี..ตะ..ตาสีแดง...เหมือนเลือดงั้นเหรอ ล้อเล่นหรือเปล่า"
เขาพูดเสียงตะกุกตะกักคล้ายกับคนติดอ่างก็ไม่เชิง ก็อย่างที่เห็นแหละ ไม่ว่าใครฟังแล้วก็ย่อมตกใจไม่มาก็น้อย ยกตัวอย่างเช่นมาโกโตะ แทบจะบ้าคลั่งแต่ก็ไม่เท่ากับร่างกายตอนเป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นเรื่องที่มากเกินพอที่มาโกโตะจะรับมันไหว ส่วนคนฟังก็ส่ายหน้าปฎิเสธทันควัน
"ลองมองกระจกนี่สิมาโกโตะ แล้วเธอก็จะรู้ว่าจริงหรือเปล่า"
มิสเทรสกล่าวเล็กน้อยก่อนโยนกระจกไปหามาโกโตะ เขารับมันมาไว้ในมือทั้งสองข้าง ความรู้สึกหวาดกลัวกับภาพที่จะได้เห็นในไม่ช้านี้ มันจะเกิดขึ้นเองถ้าเขามองไปที่กระจกแล้วส่องดูที่ดวงตานั่น เขาไม่อยากจะยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดแล้วนี่นะ จะไปกลับแก้ไขก็ไม่ได้ ...จะว่าไปแล้วสีแดงบนดวงตาเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือว่าจะเป็นเพราะเวทมนตร์ที่เขาร่ายออกมาตะกี้นี้กัน คิดแล้วคิดอีกก็ปวดหัวเปล่าๆ มาโกโตะถอนหายใจเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็เพ่งมองไปที่กระจกเพื่อดูสีของดวงตาตนเองอย่างหวาดๆ ทันทีเขาเห็นก็สะดุ้งตกใจจนเกือบทำกระจกที่ถือเอาไว้ตกแตก
"ทำไมถึงเป็นสีแดงแบบนี้ได้กันนะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ"
เขาบ่นพึมพำให้กับตนเองโดยที่ไม่สนใจเด็กสาวกับเด็กหนุ่มข้างๆ รวมถึงทุกคนในบริเวณนั้นที่กำลังยืนจ้องมาโกโตะราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"มาโกโตะ ..ฉะ...ฉันว่านายอย่ามัวแต่สนใจสีตาของนายอยู่เลย ลองเงยหน้าขึ้นมามองทุกคนในตอนนี้สิ"
โทรุกระซิบเสียงเบา มาโกโตะได้ยินก็เงยหน้าขึ้นตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เป็นดังเหมือนที่โทรุว่าเอาไว้จริงๆ ทุกคนต่างมองเขาคล้ายกับไม่ชอบขี้หน้ายังไงยังนั้นแหละ
"เจ้าเป็นใครกันแน่!? บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
"จะเป็นใครก็ไม่สำคัญทั้งนั้นพะยะคะเจ้าชายเฟรย์ พระองค์จะทรงแข่งขันกับหลานของข้าน้อยได้หรือยัง ...ถ้าไม่ละก็ ข้าน้อยขอตัวหลานชายสองคนนี้กลับบ้าน"
สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้คือการเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเจ้าชายเฟรย์ ถามอะไรก็ไม่รู้จักถามเอาเสียเลย ดันมาถามเรื่องประวัติของพวกเขาสองคนซะได้ ขืนบอกไปมีหวังโดนลากส่งกลับโลกเก่าเป็นแน่ ใบหน้าเจ้าชายเฟรย์ที่กำลังหัวเสียกับคำตอบของมิสเทรสแบะปากเล็กน้อย ไม่ทันไรก็งอนซะแล้ว เป็นเจ้าชายประสาอะไรกัน เห็นทีว่าโลกเวทมนตร์คงจะปกครองยากเสียแล้วกระมัง
"แข่งต่อสิ! ใครว่าไม่แข่งกันเล่าเจ้าคนปากไม่สร้างสรรค์! ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยนะว่าใครเป็นใคร! มีหน้ากล้ามายืนเสนอหน้าอยู่อีกรึ! จะไปไหนก็ไป..ไป๊!"
เสียงตวาดของเจ้าหญิงนั้นยิ่งกว่านักร้องโอเปร่าอีก มันดังไปแปดหลอดเก้าหลอดทั่วสนามแล้ว จนนกที่บินอยู่บนฟ้าสูงราวตึก 20 ชั้นก็ยังมิวายทนฟังไม่ได้ถึงกับร่วงหล่นลงมาตาย
"แน่นอนว่าข้าน้อยจะไม่ยืนตรงนี้ตามคำสั่งของพระองค์แน่"
มาโกโตะกับโทรุนึกว่ามิสเทรสจะออกไปนอกสถานที่นี้เสียอีก ที่ไหนได้กลับกระโดดลอยตัวขึ้นสูงเหนือศีรษะ แล้วมาเหยียบลงบนพื้นกลางสนามซอกเกอร์เวจ
"ข้าน้อยขออาสาเป็นผู้ตัดสินแทนเอง"
ว่าแล้วก็หันไปบอกกับผู้ตัดสินที่ยืนอยู่ด้านหลัง มาโกโตะยืนมองมิสเทรสด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจในการกระทำครั้งนี้ หรือว่ามิสเทรสไม่ไว้วางใจให้เขากับโทรุแข่งโดยที่ยังคงเหมือนเด็กฝึกหัดไร้พลังเวทย์กันแน่
เขามองมิสเทรสอยู่นานจนคนที่ถูกมองหันกลับมาจ้องตอบ
"ข้าไม่คิดว่าเธอจะเป็นเด็กฝึกหัดไร้พลังเวทย์หรอกนะมาโกโตะ"
เสียงกระซิบตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา เขาแทบสะดุ้งตกใจทันทีกับคำตอบที่ได้รับจากคนตรงหน้า มิสเทรสอ่านใจของเขาได้เหรอเนี่ย
"ใช่ อ่านใจคนได้ แต่จะอ่านได้เฉพาะสำหรับคนที่เปิดใจให้คนอื่นเข้าอ่านได้โดยง่าย ...ที่มาเป็นผู้ตัดสินแทนก็เพราะเป็นห่วงเท่านั้นไม่มีอะไรมาก"
คำพูดทุกคำที่กลั่นออกมาซึ่งมาโกโตะฟังดูแล้วไม่ค่อยจะซาบซึ้งสักเท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกดีใจเล็กๆที่มิสเทรสยังคงเป็นห่วงในตัวเขากับโทรุพออยู่บ้าง
"พูดจบกันแล้วใช่ไหมจะได้เริ่มแข่งกันเสียที" เจ้าหญิงที่แสนจะเอาแต่ใจที่ยืนนิ่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นแทรก
"ครับ พวกผมพร้อมแล้ว"
มาโกโตะตอบรับคำอย่างสุภาพ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบนิสัยในตัวเจ้าหญิงก็จริง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องฐานะกันแล้ว เขาต้องยอมถอยลดขั้นลงมาอย่างช่วยไม่ได้ คิดเสร็จแล้วเขาก็ไปยืนประจำตำแหน่งตรงตามที่โทรุบอกเอาไว้ รวมถึงผู้เล่นคนอื่นๆในทีมด้วย
"ปรี๊ด!"
เสียงนกหวีดดังลั่นแสดงให้ทุกคนได้ทราบว่า การแข่งขันซอกเกอร์เวจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
.........................
ณ เวลานี้ที่ทุกคนกำลังทำการแข่งขันกีฬาซอกเกอร์เวจกันอยู่ ที่ด้านนอกสถานแข่งขันนั้น มีร่างกำยำตัวใหญ่สวมชุดสีดำปกคลุมใบหน้าดูแลน่ากลัวเดินย่ำเท้า จนใครผ่านไปผ่านมาก็ต่างตกใจกันยกใหญ่ อะไรจะน่ากลัวปานนี้ ถ้าไม่นับรวมกับจิตสังหารที่แผ่ออกมาด้วยละก็นะ แต่พอเหลือบไปเห็นอีกร่างที่นั่งอยู่บนบ่าของร่างกำยำนั่นด้วย ก็แทบจะไม่อยากเชื่อเลยว่า จะเป็นเด็ก! แถมเป็นเด็กชายแค่ 10 ขวบ น่าตาน่ารักน่าเอ็นดูเอามากๆ
"คิกคิก!"
จู่ๆ เด็กชายเกิดหัวเราะออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย
"วันนี้อารมณ์ขันดีจังเลยนะขอรับนายน้อย"
น้ำเสียงเรียบๆถามขึ้น แต่ก็ไม่เงยหน้าขึ้นมามองเด็กชาย พลางก้าวเท้าไปต่อเรื่อยๆ
"ก็ไม่เชิงหรอกนะ พอดีเจอเรื่องให้ขำนะคริส" เด็กชายตอบเสียงใส แอบเผยยิ้มออกมาโดยที่ชายนามว่าคริสไม่ทันได้เห็น
"เรื่องขำ? เรื่องอะไรงั้นหรือขอรับ"
การพูดจาระหว่างคนสองคนยังคงมีขึ้นต่อไปอยู่เรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
"ก็เรื่องที่คนอื่นมองคริสไง รู้สึกว่าจะมองตั้งแต่เราสองคนเข้ามาในเมืองแล้วนะ"
เด็กชายเล่า จริงอยู่ที่เมืองนี้ไม่เคยเห็นชายแปลกหน้าที่แต่งกายชุดดำเช่นเดียวกับคริส แต่ก็เป็นสิ่งที่แปลกหรือของใหม่ของคนที่นี่ และหาดูได้ยากพอควร เนื่องจากเมืองนี้ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการตรวจคนเข้าออกเมืองเลยทีเดียว
"นายน้อย ใครจะมองก็ปล่อยเขาไปเถอะขอรับ"
ดูเหมือนว่าคริสจะไม่ยอมรับมุกตลกของเด็กชายซะเลยจึงทำให้เด็กชายรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
"ฮึ! ก็ข้าไม่ชอบนี่ มีแต่คนมองคริสทั้งนั้น ทำไม๊ ทำไม...คนอื่นถึงไม่มองข้าบ้างนะ"
ว่าพลางก็เอามือกอดอกตัวเอง เด็กชายเริ่มงอนคริสขึ้นมาทุกขณะ
"ทำไมจะไม่มีละขอรับนายน้อย นู่นไงขอรับสองสามคนนั้นกำลังมองนายน้อยอยู่พอดี" พูดจบก็รีบชี้นิ้วให้เด็กชายดู ซึ่งมีผู้ชายและผู้หญิงสองสามคนกำลังมองมาทางนี้
"แค่นี้เองเหรอ น้อยจัง"
เด็กชายบ่นพึมพำ
"แค่นี้ก็ดีพอแล้วขอรับนายน้อย" คริสกล่าวเสียงราบเรียบ ตอนนี้หยุดเดินแล้ว "ไม่เอาอ่ะ ข้าอยากได้มากกว่านี้ อยากให้คนมองมากกว่านี้อีก"
เด็กชายดึงผ้าคลุมคริสไปมาจนผ้าคลุมนั่นหลุดออกทันที เผยให้เห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าและดวงตาสีเทาออกมาอย่างเด่นชัด ประกอบกับผมที่ยาวพริ้วไสวประบ่าสีขาวดูเหมือนคนแก่ ซึ่งทุกคนในที่นี้ลงความเห็นพ้องต้องใจกันเป็นเสียงเดียวว่า ชายคนนี้ต้องไม่ธรรมดา คงจะผ่านเรื่องต่อสู้มามาก ถึงได้มีแผลบนใบหน้าเต็มไปหมด
"อย่าเอาแต่ใจสิขอรับนายน้อย" คริสกล่าวจบก็รีบหยิบผ้าคลุมที่หล่นบนพื้นขึ้นมาใส่เหมือนเดิม
"ข้าไม่ได้เอาแต่ใจนะคริส ก็ข้าอยากให้คนมองนี่นะ...นะ...นะ...ขอร้องล่ะคริส"
เด็กชายก็ยังคงพูดจาออดอ้อนชายหนุ่มต่อไปอีก จนทำให้คริสถึงกับใจอ่อนยอมแพ้กับความมุมานะของผู้เป็นนาย
"ก็ได้ขอรับนายน้อย"
ว่าพลางก็หันไปมองทุกคนที่ยืนมองเขาอยู่ ทุกคนในที่นั้นไม่รู้ว่าคริสจะทำอะไรจึงได้แต่ยืนมองด้วยความงุนงง
"โปราดอน เพลสรูเรส ไดเวสลีพ ดายน์"
สิ้นเสียงร่ายเวทย์ของคริส จู่ๆก็เกิดลำแสงสีดำปรากฎขึ้นมาปกคลุมไปทั่วบริเวณที่สองคนยืนอยู่ ไม่นานพอสมควร..และแล้วแสงนั่นก็ดับลง เผยให้เห็นดวงตาเหม่อลอยคล้ายกับโดนสะกดจิตให้ทุกคน ณ ที่นั้นยืนอยู่กับที่ เด็กชายเห็นผลงานของคริสแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างน่าชื่นตาบาน
"ดีมาก ดีมาก! คริส! ยอดเยี่ยมไปเลย ทุกคนกำลังมองข้า! กำลังมองข้า! ฮะ!..ฮะฮ่า!ฮ่า!" เด็กชายพูดเสียงดังลั่นแถมปรบมือแรงๆให้คริสเหมือนกับคนบ้า
"แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกขอรับนายน้อย ..พวกชนชั้นต่ำห่วยแตกสมควรโดนอยู่แล้วขอรับ สมควรโดนในข้อหาที่ไม่มองนายน้อยให้อยู่ในสายตา"
น้ำเสียงที่เยือกเย็นเปล่งออกมาเหมือนกับพูดประชดประชันใส่ร่างทุกร่างที่ถูกสะกดให้อยู่ในภายใต้อำนาจนั่น
"ใช่แล้วละ คริส เจ้าพูดถูกเลยทีเดียว" เด็กชายพูดจบ ก็กระโดดลงจากบ่าของคริสทันที "ดูทุกคนนี่สิ จ้องข้ากันใหญ่เลย"
เด็กชายยิ้มและทำหน้าระรื่น ประกอบกับหัวใจกำลังพองโตด้วยความสุขกับการได้เห็นภาพเหล่านี้ เด็กชายก้าวเท้าไปหาคนที่ถูกสะกดซึ่งเป็นผู้หญิงที่สูงกว่าเขา
"คนนี้คงจะเป็นแม่ของเด็กคนนี้สินะ"
เด็กชายหมายถึงเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆหญิงสาวนั่นเอง "น่าอิจฉาคนที่มีแม่เสียจริง น่าอิจฉาเหลือเกิน" จากใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับบูดเบี้ยวคล้ายจะร้องไห้ออกมา
"นายน้อย! ท่านร้องไห้"
ตั้งแต่เลี้ยงนายน้อยมา คริสเพิ่งจะได้เห็นน้ำตาของนายน้อยครั้งนี้เป็นครั้งแรก ไม่นึกไม่ฝันว่านายน้อยของคริสจะเศร้าถึงเพียงนี้ คิดแล้วก็ยิ่งเศร้าเข้าไปอีก ที่นายน้อยของเขาเป็นเช่นนี้ก็เพราะ...นายน้อยของเขาไม่มีแม่
"ข้าเปล่าร้องไห้นะคริส กำลังดีใจต่างหากเล่า ดีใจนะดีใจ เข้าใจไหม ดีใจที่เห็นเด็กคนนี้มีแม่กับเขาด้วยแหละ"
เด็กชายพูดไปเรื่อยเปื่อยโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจที่จะพูด ความสนุกหายไป ความเศร้าก็เข้ามาแทน มือไม้สั่นระริกระรี้จนแทบเกร็งให้อยู่นิ่งไม่ได้ เด็กชายไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว ไม่อยากเห็นอีก ว่าแล้วก็แบมืออันน้อยนิดของตนไปที่ศีรษะของเด็กผู้หญิงนั่น
"ลาก่อน ...เด็กน้อยผู้โชคดี"
สิ้นเสียงของเด็กชายเพียงแค่พริบตาเดียว มือที่เคยกุมศีรษะนั่นเอาไว้กลับบีบสิ่งนั่นให้ระเบิดเป็นจุล
"ตูม!"
สิ่งที่เคยอยู่บนบ่าของเด็กผู้หญิงคนนั้น บัดนี้ได้หายไปเรียบร้อยแล้ว
"นายน้อยขอรับ"
คริสเองก็รู้สึกเห็นใจกับความรู้สึกของนายน้อยเช่นเดียวกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากพูดปลอบใจเพียงอย่างเดียว
"ไม่เป็นไรนะขอรับนายน้อย"
พูดจบก็เข้าไปโอบกอดร่างเล็กที่เต็มไปด้วยรอยคราบเลือดทั้งตัว
"ข้า...ไม่เป็นไร" เจ้าตัวตอบสั้นๆ ก่อนที่จะดันคริสออก "จัดการทุกคนในที่นี้ให้หมด อย่าให้เหลือเด็ดขาด เข้าใจไหมคริส"
เด็กชายสั่งพลางเช็ดคราบเลือดที่ติดบนใบหน้า
"ขอรับนายน้อย"
ว่าแล้วก็ไปจัดการตามคำสั่งของเด็กชายทันที ทำไมสวรรค์ช่างโหดร้ายกับข้าถึงเพียงนี้ ข้าแค่เพียงอยากมีแม่เป็นตัวเป็นตนกับเขาบ้าง ไม่ใช่แม่บุญธรรมในคราบปีศาจนักบุญอะไรนั่นเสียหน่อย เด็กชายคิดในใจก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีครามที่แสนจะเงียบสงบ
...............
ย้อนกลับมาที่สนามซึ่งในตอนนี้โทรุกับมาโกโตะเป็นผู้เล่นกองหน้าของทีม เขาทั้งสองคนบอกให้ทุกคนไปประจำที่ตนเองและรอให้มาโกโตะหรือโทรุเป็นคนส่งลูกให้
"รับลูกด้วย!"
โทรุตะโกนบอกกับผู้ร่วมทีมของเขา โดยที่อีกฝ่ายมาแย่งตามไม่ทัน ถ้าเป็นบนโลกของโทรุล่ะก็นะ แต่ก็โดนขวางด้วยคมดาบของฝ่ายตรงข้าม โทรุชะงักก่อนที่จะชักดาบคู่ที่อยู่ด้านหลังออกมาสู้บ้าง ดาบสองเล่มนี้หนักเอาการเลย ดีที่เขามีร่างกายแข็งแรง ไม่งั้นคงถือดาบเล่มนี้ไม่ไหวเป็นแน่ ว่าแต่จะต้องทำยังไงต่อดีกันน้า เรื่องฟันดาบนั้นตัวเขาเองก็ไม่เคยหัดมาก่อนเลยสักนิด
"อย่ามัวแต่เหม่อสิ! โทรุ"
มาโกโตะใช้ไม้คฑาปัดป้องคมดาบของฝ่ายตรงข้ามไว้ได้ทันก่อนที่จะถูกศีรษะของโทรุ ส่วนคนที่เข้ามาเล่นงานโทรุ ก็ได้แต่กัดฟันกรอดๆแล้ววิ่งจากไป
"ขอโทษ..." โทรุยังพูดไม่ทันจบ มาโกโตะก็พูดแทรกขึ้น "เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง! ..ชิ! ลูกบอลถูกแย่งไปจนได้! โทรุจัดการทีสิ"
ด้วยสัญชาติญาณของอดีตนักกีฬาฟุตบอลเก่าของทั้งสองคน ซึ่งรู้ดีว่าจะต้องทำยังไงต่อ จึงรีบเร่งสปีดวิ่งเข้าไปแย่งทันที หลังจากที่แย่งลูกมาได้แล้ว โทรุก็วิ่งเตะลูกบอลหันหลังกลับไปฝ่ายตรงข้าม หมายจะทำประตูให้จงได้
"ทุกคนบุก! เริ่มแผน A ได้เลย"
โทรุออกคำสั่งกับเพื่อนร่วมทีมอย่างสั้นๆ ซึ่งทุกคนในทีมฟังแล้วก็ผงกศีรษะก่อนที่จะไปประจำที่ของตนตามแผนที่โทรุบอกเอาไว้ ส่วนตัวมาโกโตะเองก็วิ่งนำโทรุออกห่างพอประมาณ เสร็จจากนั้นโทรุก็วิ่งเลี้ยงบอลไปพร้อมกับเก็บดาบเอาไว้ด้านหลังตามเดิม ที่ด้านหลังของโทรุมีปลอกดาบไว้สำหรับเก็บดาบคู่อยู่ ทันที่โทรุจะส่งลูกบอลไปให้มาโกโตะ เจ้าหญิงตัวแสบก็เข้ามาขวางซะได้
"ไม่มีทางให้ไปแล้ว ส่งลูกบอลมาซะ"
ว่าพลางชักไม้กระบองจากด้านหลังออกมา เผยให้เห็นกระบองสีแดงและห่อหุ้มผ้าหลายหลากสีอยู่ด้านบนดูสวยงาม - ทีแรกโทรุนึกว่าอาวุธของเจ้าหญิงตัวแสบเป็นไม้คฑา เพราะเห็นว่ามันคล้ายกับของมาโกโตะ แต่พอเห็นก็ไม่ใช่อย่างที่คิดเอาไว้
"ไม่!"
เขาพูดปฎิเสธรีบชักดาบสองเล่มออกมาเตรียมพร้อมที่จะสู้ ...ดูไปแล้วว่าดาบนี่ก็คล้ายกับพวกกีฬาเคนโด้เลย จะแปลกก็ตรงที่มีอาวุธสองชิ้น.... โทรุคิดได้จึงเก็บดาบข้างซ้ายเข้าปลอกดาบด้านหลังโดยเร็ว แล้วหันกลับมาจับดาบที่เหลือให้แน่นขึ้น
"ไม่รึ! ดี! งั้นเตรียมตัวที่จะกระเด็นออกไปนอกสนามได้เลย เจ้าคนไร้มารยาท!"
สิ้นเสียงของเจ้าหญิง โทรุก็ก้าวเท้าขวาของตนเองไปด้านหน้าในท่าเตรียมของกีฬาเคนโด้ ตอนเรียนอยู่ชั้นประถมโทรุเคยอยู่ชมรมเคนโด้มาก่อน พลางยกดาบขึ้นในระดับอก มือทั้งสองข้างกุมที่จับดาบแน่น ต้องผ่านยัยเจ้าหญิงนี่ให้ได้เสียก่อน ไม่งั้นจะส่งลูกบอลนี้ไปให้มาโกโตะไม่ได้ โทรุคิดเสร็จก็ยืนมองรอเจ้าหญิงตัวดีเข้ามาโจมตี ส่วนลูกบอลนั่นไม่ต้องห่วง ในตอนนี้มันได้อยู่ข้างๆเท้าของเขาแล้ว รับรองว่าไม่มีใครมาแย่งได้แน่ ตามกฎของซอกเกอร์เวจ ในขณะที่ผู้ครองบอลกำลังต่อสู้อยู่ ห้ามเข้ามาแย่งลูกบอลโดยเด็ดขาด ซึ่งโทรุไม่ทราบกฎข้อนี้ด้วยซ้ำ
ว่าแล้วหญิงสาวก็พุ่งตัวเข้ามาหาเขาด้วยไม้กระบองอันนั้น โทรุสะดุ้งกับความเร็วของเจ้าหญิงจึงก้าวเท้าขวาถอยหลังเพื่อตั้งหลัก
"เคร้ง! เคร้ง! ขวับ! ปึ่ก! พลั่ก!"
เสียงอาวุธทั้งสองกระทบกันดังขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่โทรุได้ใช้ดาบขึ้นมาปัดป้องกระบองที่กำลังจะพยายามฟาดหัวของเขา ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้แรงเยอะชะมัดยาก นึกไปบ่นพลางไป เขาค่อยๆก้าวเท้าถอยหลังหนีตั้งหลักเรื่อยๆ และไม่มีท่าทีว่าจะมีโอกาสให้เขาโต้กลับคืนด้วยซ้ำ
"รับเก่งดีนี่! เจ้าคนถ่อย"
ยัยเจ้าหญิงนั่นพูดชมเขา แถมแสยะยิ้มให้โทรุที่ไม่ค่อยอยากจะเห็นก็ดันได้เห็นซะได้ ...การกระทำของยัยนี่ไม่เข้ากับฐานะของตัวเองเอาเสียเลย เจ้าหญิงบ้า!
"แต่นี่แค่ออมฝีมือให้เท่านั้น ต่อไปนี้ของจริงแท้แน่นอน - เตรียมรับมือซะ!"
จู่ๆก็ประกาศขึ้นมาพรวดพราด ทำให้โทรุที่กำลังคิดในใจอยู่ก็สะดุ้งตกใจกับคำพูดนั่น ออมฝีมือให้หรือเนี่ย! จะดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะ ว่าแล้วความคิดก็ไม่ไวเหมือนสัญชาติญาณของคนที่เป็นนักกีฬาเคนโด้ เขาหันคมดาบฟาดเข้าที่ข้อมือน้อยๆของเจ้าหญิงด้วยความรวดเร็ว จนทำให้กระบองที่เจ้าตัวถืออยู่กระเด็นออกจากมือ
"เป็นเจ้าหญิงแท้ๆ ดันหลงดีใจคิดว่าตัวเองจะเก่งกว่าคนอื่นเค้า ...แล้วตะกี้ที่เธอออมฝีมือให้ก็เท่ากับว่าไม่ให้เกียรติ์ผม - ผมยอมรับไม่ได้ ...มันทุเ รศสิ้นดี!"
โทรุตะคอกเสียงใส่ หมดกันพอดีกับความใจดีในคราบเด็กดีกับคนอย่างเขา เจ้าหญิงที่เอาแต่ใจและชอบดูถูกคนอื่นแบบนี้เห็นทีว่าเขาทำโทษให้รู้จักเข็ดหลาบจำเสียบ้าง ไฟที่เคยมอดลงกลับลุกขึ้นโหมด้วยความโมโหแค้นแสนสาหัส
"โทรุอย่า!" มาโกโตะรู้ดีว่าโทรุเริ่มขาดสติและเปลี่ยนไปเป็นโหมดโหดซะแล้ว จึงรีบเข้าห้ามทันที "อย่าเข้ามายุ่งนะมาโกโตะ!"
ไม่ทันที่มาโกโตะจะได้เข้าไปห้ามศึกครั้งนี้ ตัวของโทรุก็พุ่งไปถึงตัวเจ้าหญิง ส่วนดาบนั่นโทรุได้ทิ้งมันลงพื้นไปแล้ว
"ใจเย็นๆโทรุ ฉันรู้ดีว่านายเกลียดเรื่องดูถูกคนมาก แต่ว่า..นั่นเจ้าหญิงเชียวนะ"
มาโกโตะพูดพลางมองโทรุที่กำลังบีบลำคอของเจ้าหญิงที่ไร้ทางสู้
"แล้วไง เจ้าหญิงมีอะไรดีนักนะ คนอื่นถึงได้เอาใจกันมาก!" โทรุพูดเสียงสั่นด้วยความโมโห พร้อมกับเพิ่มแรงบีบมากขึ้นเรื่อยๆ
"หยุดนะ! เจ้าคนถ่อย! จะทำอะไรกับน้องสาวของข้า ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!" เจ้าชายเฟรย์ที่เงียบมานานก็พูดขึ้นบ้าง แม้ว่าเจ้าชายเฟรย์วิ่งเข้าไปช่วยแต่ก็โดนโทรุใช้มืออีกข้างปัดจนกระเด็นออกเสียทุกครั้ง พอมาโกโตะหันไปมองเจ้าหญิงก็แทบสะดุ้ง ใบหน้าของเจ้าหญิงในตอนนี้เริ่มซีดอย่างเห็นได้ชัด
"อยู่ไปก็หนักแผ่นดินเปล่าๆ สู้ปล่อยให้ยัยนี่ถูกฉันฆ่าตายไปเลยจะไม่ดีดีกว่ารึไง! มาโกโตะ คำก็เจ้าหญิง สองคำก็เจ้าหญิง เธอมีอะไรดีมากนักหรือไง ผู้คนถึงบูชาเธอราวกับเทพพระเจ้า!"
คราวนี้โทรุหันไปบ่นกับร่างเล็กที่สั่นไปทั้งตัว ความโกรธของโทรุถึงขั้นสูงสุดที่ไม่มีใครจะเยื้อยุดให้ลงได้ แม้แต่ตัวของมาโกโตะเองก็ตามที
"ปล่อยน้องสาวข้าเดี๋ยวนี้นะ! เจ้าฆาตกร" เจ้าชายเฟรย์ยังไม่วายที่จะพูดต่อ แต่นั่นก็ไม่ทำให้โทรุหยุดลงมือได้สักนิด
"ตายซะเถอะยัยเจ้าหญิงรกโลก!" พูดจบก็คว้าดาบที่เหลือออกมาพร้อมที่จะแทงร่างหญิงสาวตรงหน้า
"จะบ้าไปถึงไหนกันโทรุ พอได้แล้วละ!"
น้ำเสียงดุดันราวกับฟ้าผ่าของคนที่ไม่คาดคิดว่าจะหยุดโทรุได้กลับดังขึ้น แววตาของโทรุเริ่มอ่อนลงจากคนที่เคยโมโหจัดราวกับคนบ้า และคนที่ห้ามไม่ให้โทรุใช้ดาบฆ่าหญิงสาวได้ก็คือ มิสเทรสนั่นเอง
"คุณมิสเทรส ...ผม..ผมขอโทษครับ"
พูดจบก็ปล่อยมือออกจากลำคอของเจ้าหญิง พลางลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเก็บดาบเข้าที่ ส่วนเจ้าชายเฟรย์ เมื่อเห็นว่าโทรุเดินออกห่างจากน้องสาวของตน จึงได้วิ่งเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง
"ได้สติแล้วก็ดี ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหม" มิสเทรสกล่าวเสียงเรียบ ซึ่งแตกต่างจากตะกี้โดยสิ้นเชิง
"ครับ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว" เขารู้ตัวดีว่าทำอะไรลงไป จึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับความผิดที่ก่อเอาไว้
"อืม ดีมาก ให้ได้อย่างนี้สิ"
ในขณะที่มิสเทรสกับโทรุกำลังคุยกันอยู่ มาโกโตะก็เหลือบไปเห็นดาบเล่มใหญ่ของโทรุที่ปักอยู่บนพื้นสั่น เขามองอยู่ไม่ถึงนาทีดาบเล่มนั้นก็หลุดออก และจู่ๆ ก็ลอยขึ้นมาพร้อมกับหันด้านคมลอยพุ่งเข้าที่ด้านหลังของโทรุอย่างรวดเร็ว โดยที่โทรุกับมิสเทรสไม่ทันได้รู้สึกตัว
"โทรุ! ระวัง!"
โทรุและมิสเทรสได้ยินจึงรีบหันไปมองมาโกโตะที่กำลังวิ่งมาทางด้านหลังของโทรุด้วยความงุนงง และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ดาบเล่มนั้นได้ปักเข้าที่กลางหลังของมาโกโตะอย่างจัง
"มาโกโตะ!"
โทรุรีบรับร่างของเพื่อนสนิท ซึ่งกำลังล้มลงกับพื้นอย่างเร็ว "เกิดอะไรขึ้นกันแน่! มาโกโตะ ทำไมดาบนั่นถึง..โอ๊ย! ไม่เข้าใจเลย"
โทรุเริ่มสับสนกับเรื่องที่ชนกัน เขาไม่เข้าใจเลยว่าดาบของเขาจะพุ่งมาทางนี้แล้วมาโกโตะก็ดันเอาตัวเข้ามารับคมดาบแทนเขา
"ช่วยถอยห่างได้ไหมโทรุ ฉันจะใช้เวทย์รักษามาโกโตะนะ"
มิสเทรสพูดรัวและเร็วจนแทบไม่เป็นประโยค ว่าแล้วโทรุก็ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เลือดของมาโกโตะเริ่มออกมามากจนดูน่ากลัว ใครกันนะที่เป็นคนทำแบบนี้ โทรุยอมไม่ได้เสียแล้ว คิดเสร็จก็รีบหันไปมองข้างๆ ใครเป็นคนทำกันแน่ จะเป็นยัยเจ้าหญิงกับเจ้าชายเฟรย์ก็ไม่ใช่ เพราะสองคนนั้นกำลังคุยกันอยู่ ส่วนคนอื่นที่เหลือรวมถึงผู้ชมนั่น ตัวเขาเองก็ไม่อาจทราบได้ เพราะเยอะมากเสียจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ไม่นานนักเลือดที่ไหลอยู่ก็หยุดลง พร้อมกับดวงตาสีแดงที่เปิดขึ้นให้เห็น
"ละ..แล้ว..โทรุ เพื่อนของผม..เป็นไงบ้าง..ครับ"
มาโกโตะถามด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยอ่อน เขาจำได้แต่เพียงว่าตัวเองวิ่งเข้าไปรับดาบนั่นแทนโทรุ
"ห่วงตัวเองก่อนเถอะหลานรัก บาดเจ็บหนักขนาดนี้อย่าพูดอะไรมากนักเลย" มิสเทรสรู้สึกโล่งใจมากขึ้นกว่าเดิมที่มาโกโตะ หลานรักของเขาฟื้นแล้ว แต่คำพูดของมิสเทรสก็ไม่ทำให้มาโกโตะยอมได้
"โทรุนายอยู่ที่ไหน" มาโกโตะถามด้วยเสียงอันแผ่วเบา เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย เจ็บมากเสียจนน้ำตาไหลเลยก็ว่าได้ โทรุได้ยินเสียงที่เพื่อนเรียกจึงรีบหันกลับไปดูด้วยความเป็นห่วง
"ฉันอยู่นี่แล้วมาโกโตะ"
ว่าพลางจับมือของเพื่อนจนแน่น ถึงแม้เลือดจะหยุดไหลแล้ว แต่ดาบนั่นยังคงปักที่กลางหลังของมาโกโตะอยู่
"อดทนเข้าไว้นะ เดี๋ยวมิสเทรสจะเอาดาบนั่นออกจากหลังนายเอง ไม่ต้องเป็นห่วง" โทรุพูดพลางเม้มปากเสียจนเลือดออก เขาโกรธที่จับตัวคนร้ายไม่ได้
"คุณมิสเทรสครับ คือว่า..."
ดูเหมือนว่ามิสเทรสจะรู้ทันเท่าความคิดของเขา จึงได้แต่ผงกหัวก่อนที่จะล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากเสื้อคลุม
"ฉันจะดึงดาบนั่นออกโทรุ เธอช่วยจับตัวมาโกโตะให้แน่นที อย่าให้หลุดได้ละ" พูดจบก็เอาไม้คฑายัดเข้าที่ปากของมาโกโตะ
"ห้ามคายมันออกนะมาโกโตะ ไม่งั้นเธอจะกัดลิ้นตัวเองขาดได้"
สิ้นคำสั่งของผู้เป็นทวดของมาโกโตะ เขาผงกหัวให้หนึ่งทีก่อนที่จะเตรียมพร้อมรับความเจ็บปวดที่จะมาถึง
"ดึงแป๊ปเดียว ไม่เจ็บมากเท่าไหร่หรอก"
มิสเทรสพูดปลอบขวัญหลานรักที่กำลังสั่นด้วยความกลัว เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนที่จะใช้มือจับด้ามของดาบนั่น
"อื๊อ!"
แค่มิสเทรสจับดาบมันก็ทำให้มาโกโตะรู้สึกเจ็บเข้าเสียแล้ว มิสเทรสได้ยินก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับเสียงร้องของหลานรักตัวเอง "ฉันรู้ว่าเจ็บ แต่ทนเอาไว้หน่อยแล้วกัน"
พูดจบก็รีบดึงดาบเล่มใหญ่นั่นออกด้วยความรวดเร็ว เพื่อที่จะให้มาโกโตะรู้สึกเจ็บแค่เพียงแป๊ปเดียว
"พรวด! อื๊อ!!" เสียงดาบดังขึ้นให้รู้ว่าหลุดออกจากแผ่นหลังของมาโกโตะ ซึ่งมาพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเจ้าตัว
"เสร็จแล้วละ โทรุช่วยเอาไม้นั่นออกจากปากของมาโกโตะให้ที"
สิ้นคำสั่งของมิสเทรสโทรุก็รีบเอาไม้นั่นออกแล้วก็เอาผ้าเช็ดหน้าที่ติดตัวเอามาเช็ดเหงื่อให้เพื่อนของเขา
"เหลือแต่ใช้เวทย์ปิดแผลเท่านั้นก็จบ" มิสเทรสกล่าวพลางเช็ดเลือดที่พุ่งออกมาพร้อมกับตอนที่ดึงดาบนั่น
"พอยน์รูสชั่น ชิลเทส โอมุรัส ชาช์"
มิสเทรสร่ายเวทย์ใส่ที่ด้านหลังของมาโกโตะ รอยแผลจากคมดาบก็ค่อยเลือนหายไปจนเหลือแต่แผลเป็น
"หมดเรื่องหายห่วงแล้ว คราวนี้มาหาตัวคนร้ายกันเถอะ ไม่ต้องลุกขึ้นมาช่วยหรอกมาโกโตะ นอนอยู่อย่างนั้นแหละดีแล้ว"
มิสเทรสกล่าวพลางหันไปมองคนที่ลอบทำร้ายโทรุ ดูเหมือนว่ามิสเทรสจะคาดเดาได้ถูก ร่างๆหนึ่งที่เผยรอยแสยะยิ้มออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร ซึ่งผิดจากตอนแรกเอามากๆ
"เจ้าชายเฟรย์กรุณาเดินมาหาข้าน้อยที ข้าน้อยจะมีเรื่องคุยด้วย"
"เจ้ากล้าสั่งกับข้าถึงเพียงนี้เชียวรึ! เจ้าคนถ่อย ไม่รู้ฐานะว่าใครเป็นใครเลยงั้นหรือ"
เจ้าชายเฟรย์กัดตอบอย่างไม่พอใจที่คนธรรมดาอย่างมิสเทรสจะกล้าสั่งคนอย่างเขา
"ข้าน้อยต้องขออภัยที่พูดอะไรออกไป แต่นี่เรื่องสำคัญมากที่พระองค์จะต้องรู้ให้ได้"
ไม่ทันที่เจ้าชายเฟรย์จะเถียงกลับ ความรู้สึกที่เขาสัมผัสมันได้ตอนนี้ก็คือ ตัวเขาเบาหวิวราวกับขนนก และแล้วร่างของเขาก็ลอยไปหามิสเทรสอย่างรวดเร็ว
"จะทำอะไรกับพี่ชายของข้า! เจ้าคนต่ำช้าเลวทรามไร้มารยาท"
หญิงสาวที่นั่งเงียบมานานก็พูดขึ้นบ้างหลังจากที่หายเจ็บคอจากการถูกโทรุบีบ
"เลิกเล่นละครน้ำเน่าเสียทีเถอะ เจ้าคนชั่วบาปหนา ริกล้าปลอมร่างเป็นเจ้าหญิงไอร์ช ดาร์เวสโก้ แห่งเฟิร์ชซิบีลิอันมาหลอกทุกคนได้ถึงเพียงนี้"
มิสเทรสกล่าวเสียงราบเรียบ ทุกคนในที่นี้พอได้ยินจากที่มิสเทรสว่า ก็ต่างพากันตกใจกันยกใหญ่
"จะมากเกินไปแล้วนะ! บังอาจมาว่าข้าไม่ใช่เจ้าหญิง เจ้ามีหลักฐานอะไรมาว่าข้าได้"
มิสเทรสเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะที่เปล่งออกมาอย่างขำขัน
"โอ๊ย! ให้ตายสิ ไม่รู้จักยอมรับเสียทีว่าเจ้าไม่ใช่เจ้าหญิง ถึงแม้คนอื่นจะดูไม่ออก แต่ข้าก็ดูออกนะ หลักฐานที่ยืนยันว่าเจ้าไม่ใช่เจ้าหญิงก็อยู่ที่นี่ไงเล่า"
พูดจบก็ชี้นิ้วไปยังที่นิ้วนางของหญิงสาว ซึ่งมีแหวนเล็กๆถูกสวมอยู่ที่นิ้วนางนั่น
"แหวนยังไงล่ะ หลักฐานออกโทนโท่! เจ้าหญิงตัวจริงจะไม่ใส่แหวนราคาถูกหรอกนะ แล้วก็ไม่ใช่แหวนที่มีประกายอยู่ตรงจุดเพชรเสียด้วย"
เมื่อมิสเทรสพูดจบ ทุกคนต่างหันไปมองเจ้าหญิงตัวปลอมนั่นอย่างไม่น่าเชื่อสายตา สิ่งที่มิสเทรสกล่าวออกมานั้นเป็นจริง ซึ่งเจ้าชายเฟรย์ที่ยืนฟังอยู่ก็เข้าใจอย่างที่มิสเทรสว่า คนๆนี้ไม่ใช่น้องสาวของๆเขา ถ้างั้นน้องสาวของเขาในตอนนี้หายไปไหนเสียแล้วล่ะ
"หึหึ เดาเก่งได้อีกตามเคยเลยนะ มิสเทรส สมแล้ว...ที่เป็นปู่ของมาซาฮิโนะ"
น้ำเสียงของเจ้าหญิงหายไป ถูกแทนที่ด้วยเสียงที่เยือกเย็นจนดูน่ากลัว ร่างนั่นลุกขึ้นยืนพลางฉีกหน้ากากเจ้าหญิงออกทันที เผยให้ใบหน้าค่าตาของผู้ร้ายคนนั้น พอทุกคนเห็นต่างก็ตกใจกันไปอีกรอบ เนื่องจากดวงตาและสีผมของคนร้ายที่บังอาจปลอมตัวเป็นเจ้าหญิงจะมีสีน้ำเงินเหมือนกันหมด
"นี่เจ้าเป็นคนของเกาะเมฟัลงั้นรึเนี่ย!"
เจ้าชายเฟรย์อุทานด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า เกาะเมฟัลที่ว่านั่น เป็นเกาะลึกลับแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครเคยพบเห็นหรือไปที่นั่นมาก่อน มีแต่เพียงรู้ลักษณะของคนที่นั่นว่าเป็นยังไง
"เกาะเมฟัล? ชื่อเกาะของที่นี่เหรอครับคุณมิสเทรส"
โทรุพูดกระซิบเบาๆ
"อืม" มิสเทรสตอบสั้นๆ แต่ก็ไม่ได้หันมามองโทรุ "ช่วยไปอยู่ใกล้ๆมาโกโตะทีสิ โทรุ"
"ครับ?"
โทรุแปลกใจกับคำสั่งของมิสเทรส แต่ก็ไม่ใส่ใจอะไรมากนักจึงยอมแต่โดยดี
"ไม่รู้ว่าเจ้าจะมาหาเรื่องที่นี่ด้วยเหตุผลใด แต่การที่เจ้าบังอาจปลอมตัวเป็นเจ้าหญิง มันก็ออกจะเกินหน้าเกินตาไปหน่อยละมั้ง ระวังหัวจะหลุดออกจากบ่าไม่รู้ด้วยนะ"
"หัวหลุดจากบ่า? เสียใจด้วยย่ะ! ข้าเป็นคนที่ไม่กลัวเรื่องพรรณนั้นหรอกนะ ที่ข้ากลัวก็คือกลัวไม่ได้ฆ่าคนอย่างเจ้านะสิ มิสเทรสเจ้าเก่งเกินหน้าเกินตาจนนายใหญ่ไม่พอใจและสั่งให้ข้ามาจัดการเจ้าด้วยตนเอง"
คนร้ายพูดเสียงแหลมจนทุกคนในที่นั้นยกเว้นมิสเทรส ซึ่งฟังแล้วแทบอยากจะมุดดินหลบไปเสียเดี๋ยวนั้นเลย แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสที่จะทำตามที่ตัวเองคิด เนื่องจากมีลำแสงสีดำโผล่ออกมาที่มือของคนร้าย
"ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้นะว่านี่คืออะไร มิสเทรส หึหึ เตรียมตัวเตรียมใจตายได้เลย"
คนร้ายยิ้มอย่างพออกพอใจกับผลงานที่ตัวเองกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้านี้
"โทรุพามาโกโตะออกไปจากที่นี่ซะ! แล้วก็คนที่อยู่บนสแตนด์ด้วย! ออกไปซะ! ถ้าไม่อยากตายด้วยพลังแบล๊กโฮลนี่! ไปห่างๆจากที่นี่มากเลยก็ยิ่งดี"
มิสเทรสตะโกนเสียงดังลั่นสนาม ทำให้ชาวบ้านที่อยู่บนแสตนด์นั้นต่างพากันวิ่งหนีออกไปอย่างชุลมุนพร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ
"ยังไม่ไปอีกล่ะ! โทรุไปซะ!" มิสเทรสออกปากไล่ทันทีที่เห็นว่าโทรุกับมาโกโตะยังคงอยู่ที่เดิม ส่วนเจ้าชายเฟรย์นั้นไม่ต้องพูดถึง ได้หายตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"พวกผมจะรออยู่ที่นี่แหละ จะไม่ไปไหนจนกว่าจะออกไปด้วยกันสามคนเท่านั้น"
มาโกโตะยืนกรานเสียงแข็งทั้งๆที่ตนเองแทบจะยืนทรงตัวไม่ค่อยจะได้ เขาไม่อยากให้มิสเทรสหรือทวดของเขาต้องมาตายเพราะเขาเป็นต้นเหตุ
"แหม! เป็นห่วงกันจังเลยนะย่ะ อิอิ ดี! จะให้ตายกันทั้งหมดเลยนี่แหละ"
คนร้ายที่เป็นผู้หญิงกล่าวด้วยความสะใจต่อภาพที่เห็น พูดจบก็ปล่อยพลังนั่นเข้าใส่ทั้งสามคนโดยที่มิสเทรสเป็นคนเอาตัวมาบังร่างของมาโกโตะและโทรุ ขณะที่อยู่ในช่วงวิกฤตเรื่องความเป็นความตาย มาโกโตะก็ได้แต่ภาวนาในใจว่า ขอให้พวกเขาสามคนรอดจากพลังนี้ได้โดยเถิด ซึ่งคำขอของเขาก็เป็นผล มาโกโตะได้รู้สึกถึงพลังแปลกๆที่ไหลเวียนวนในร่างกายของตัวเอง มันทั้งร้อนรุ่มและกระตุ้นหัวใจเขาให้เต้นเร็วผิดปกติ ทั้งๆที่เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่ เขาคิดเสร็จก็ทิ้งตัวทั้งหมดให้ปล่อยตามแรงดึงดูดของโลก
"มาโกโตะ!" มีแค่เพียงเสียงเรียกชื่อเขาที่จะได้ยินมันเป็นครั้งสุดท้าย ต่อจากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
...............
จบ บทที่ 7 พลังที่แอบแฝง
.....................................
"มะ...มะ...หมาย...คะ...ความว่าไงนะ โทรุ ที่ว่า...ฉะ...ฉัน...มี..ตะ..ตาสีแดง...เหมือนเลือดงั้นเหรอ ล้อเล่นหรือเปล่า"
เขาพูดเสียงตะกุกตะกักคล้ายกับคนติดอ่างก็ไม่เชิง ก็อย่างที่เห็นแหละ ไม่ว่าใครฟังแล้วก็ย่อมตกใจไม่มาก็น้อย ยกตัวอย่างเช่นมาโกโตะ แทบจะบ้าคลั่งแต่ก็ไม่เท่ากับร่างกายตอนเป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นเรื่องที่มากเกินพอที่มาโกโตะจะรับมันไหว ส่วนคนฟังก็ส่ายหน้าปฎิเสธทันควัน
"ลองมองกระจกนี่สิมาโกโตะ แล้วเธอก็จะรู้ว่าจริงหรือเปล่า"
มิสเทรสกล่าวเล็กน้อยก่อนโยนกระจกไปหามาโกโตะ เขารับมันมาไว้ในมือทั้งสองข้าง ความรู้สึกหวาดกลัวกับภาพที่จะได้เห็นในไม่ช้านี้ มันจะเกิดขึ้นเองถ้าเขามองไปที่กระจกแล้วส่องดูที่ดวงตานั่น เขาไม่อยากจะยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดแล้วนี่นะ จะไปกลับแก้ไขก็ไม่ได้ ...จะว่าไปแล้วสีแดงบนดวงตาเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือว่าจะเป็นเพราะเวทมนตร์ที่เขาร่ายออกมาตะกี้นี้กัน คิดแล้วคิดอีกก็ปวดหัวเปล่าๆ มาโกโตะถอนหายใจเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็เพ่งมองไปที่กระจกเพื่อดูสีของดวงตาตนเองอย่างหวาดๆ ทันทีเขาเห็นก็สะดุ้งตกใจจนเกือบทำกระจกที่ถือเอาไว้ตกแตก
"ทำไมถึงเป็นสีแดงแบบนี้ได้กันนะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ"
เขาบ่นพึมพำให้กับตนเองโดยที่ไม่สนใจเด็กสาวกับเด็กหนุ่มข้างๆ รวมถึงทุกคนในบริเวณนั้นที่กำลังยืนจ้องมาโกโตะราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"มาโกโตะ ..ฉะ...ฉันว่านายอย่ามัวแต่สนใจสีตาของนายอยู่เลย ลองเงยหน้าขึ้นมามองทุกคนในตอนนี้สิ"
โทรุกระซิบเสียงเบา มาโกโตะได้ยินก็เงยหน้าขึ้นตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เป็นดังเหมือนที่โทรุว่าเอาไว้จริงๆ ทุกคนต่างมองเขาคล้ายกับไม่ชอบขี้หน้ายังไงยังนั้นแหละ
"เจ้าเป็นใครกันแน่!? บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
"จะเป็นใครก็ไม่สำคัญทั้งนั้นพะยะคะเจ้าชายเฟรย์ พระองค์จะทรงแข่งขันกับหลานของข้าน้อยได้หรือยัง ...ถ้าไม่ละก็ ข้าน้อยขอตัวหลานชายสองคนนี้กลับบ้าน"
สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้คือการเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเจ้าชายเฟรย์ ถามอะไรก็ไม่รู้จักถามเอาเสียเลย ดันมาถามเรื่องประวัติของพวกเขาสองคนซะได้ ขืนบอกไปมีหวังโดนลากส่งกลับโลกเก่าเป็นแน่ ใบหน้าเจ้าชายเฟรย์ที่กำลังหัวเสียกับคำตอบของมิสเทรสแบะปากเล็กน้อย ไม่ทันไรก็งอนซะแล้ว เป็นเจ้าชายประสาอะไรกัน เห็นทีว่าโลกเวทมนตร์คงจะปกครองยากเสียแล้วกระมัง
"แข่งต่อสิ! ใครว่าไม่แข่งกันเล่าเจ้าคนปากไม่สร้างสรรค์! ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยนะว่าใครเป็นใคร! มีหน้ากล้ามายืนเสนอหน้าอยู่อีกรึ! จะไปไหนก็ไป..ไป๊!"
เสียงตวาดของเจ้าหญิงนั้นยิ่งกว่านักร้องโอเปร่าอีก มันดังไปแปดหลอดเก้าหลอดทั่วสนามแล้ว จนนกที่บินอยู่บนฟ้าสูงราวตึก 20 ชั้นก็ยังมิวายทนฟังไม่ได้ถึงกับร่วงหล่นลงมาตาย
"แน่นอนว่าข้าน้อยจะไม่ยืนตรงนี้ตามคำสั่งของพระองค์แน่"
มาโกโตะกับโทรุนึกว่ามิสเทรสจะออกไปนอกสถานที่นี้เสียอีก ที่ไหนได้กลับกระโดดลอยตัวขึ้นสูงเหนือศีรษะ แล้วมาเหยียบลงบนพื้นกลางสนามซอกเกอร์เวจ
"ข้าน้อยขออาสาเป็นผู้ตัดสินแทนเอง"
ว่าแล้วก็หันไปบอกกับผู้ตัดสินที่ยืนอยู่ด้านหลัง มาโกโตะยืนมองมิสเทรสด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจในการกระทำครั้งนี้ หรือว่ามิสเทรสไม่ไว้วางใจให้เขากับโทรุแข่งโดยที่ยังคงเหมือนเด็กฝึกหัดไร้พลังเวทย์กันแน่
เขามองมิสเทรสอยู่นานจนคนที่ถูกมองหันกลับมาจ้องตอบ
"ข้าไม่คิดว่าเธอจะเป็นเด็กฝึกหัดไร้พลังเวทย์หรอกนะมาโกโตะ"
เสียงกระซิบตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา เขาแทบสะดุ้งตกใจทันทีกับคำตอบที่ได้รับจากคนตรงหน้า มิสเทรสอ่านใจของเขาได้เหรอเนี่ย
"ใช่ อ่านใจคนได้ แต่จะอ่านได้เฉพาะสำหรับคนที่เปิดใจให้คนอื่นเข้าอ่านได้โดยง่าย ...ที่มาเป็นผู้ตัดสินแทนก็เพราะเป็นห่วงเท่านั้นไม่มีอะไรมาก"
คำพูดทุกคำที่กลั่นออกมาซึ่งมาโกโตะฟังดูแล้วไม่ค่อยจะซาบซึ้งสักเท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกดีใจเล็กๆที่มิสเทรสยังคงเป็นห่วงในตัวเขากับโทรุพออยู่บ้าง
"พูดจบกันแล้วใช่ไหมจะได้เริ่มแข่งกันเสียที" เจ้าหญิงที่แสนจะเอาแต่ใจที่ยืนนิ่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นแทรก
"ครับ พวกผมพร้อมแล้ว"
มาโกโตะตอบรับคำอย่างสุภาพ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบนิสัยในตัวเจ้าหญิงก็จริง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องฐานะกันแล้ว เขาต้องยอมถอยลดขั้นลงมาอย่างช่วยไม่ได้ คิดเสร็จแล้วเขาก็ไปยืนประจำตำแหน่งตรงตามที่โทรุบอกเอาไว้ รวมถึงผู้เล่นคนอื่นๆในทีมด้วย
"ปรี๊ด!"
เสียงนกหวีดดังลั่นแสดงให้ทุกคนได้ทราบว่า การแข่งขันซอกเกอร์เวจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
.........................
ณ เวลานี้ที่ทุกคนกำลังทำการแข่งขันกีฬาซอกเกอร์เวจกันอยู่ ที่ด้านนอกสถานแข่งขันนั้น มีร่างกำยำตัวใหญ่สวมชุดสีดำปกคลุมใบหน้าดูแลน่ากลัวเดินย่ำเท้า จนใครผ่านไปผ่านมาก็ต่างตกใจกันยกใหญ่ อะไรจะน่ากลัวปานนี้ ถ้าไม่นับรวมกับจิตสังหารที่แผ่ออกมาด้วยละก็นะ แต่พอเหลือบไปเห็นอีกร่างที่นั่งอยู่บนบ่าของร่างกำยำนั่นด้วย ก็แทบจะไม่อยากเชื่อเลยว่า จะเป็นเด็ก! แถมเป็นเด็กชายแค่ 10 ขวบ น่าตาน่ารักน่าเอ็นดูเอามากๆ
"คิกคิก!"
จู่ๆ เด็กชายเกิดหัวเราะออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย
"วันนี้อารมณ์ขันดีจังเลยนะขอรับนายน้อย"
น้ำเสียงเรียบๆถามขึ้น แต่ก็ไม่เงยหน้าขึ้นมามองเด็กชาย พลางก้าวเท้าไปต่อเรื่อยๆ
"ก็ไม่เชิงหรอกนะ พอดีเจอเรื่องให้ขำนะคริส" เด็กชายตอบเสียงใส แอบเผยยิ้มออกมาโดยที่ชายนามว่าคริสไม่ทันได้เห็น
"เรื่องขำ? เรื่องอะไรงั้นหรือขอรับ"
การพูดจาระหว่างคนสองคนยังคงมีขึ้นต่อไปอยู่เรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
"ก็เรื่องที่คนอื่นมองคริสไง รู้สึกว่าจะมองตั้งแต่เราสองคนเข้ามาในเมืองแล้วนะ"
เด็กชายเล่า จริงอยู่ที่เมืองนี้ไม่เคยเห็นชายแปลกหน้าที่แต่งกายชุดดำเช่นเดียวกับคริส แต่ก็เป็นสิ่งที่แปลกหรือของใหม่ของคนที่นี่ และหาดูได้ยากพอควร เนื่องจากเมืองนี้ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการตรวจคนเข้าออกเมืองเลยทีเดียว
"นายน้อย ใครจะมองก็ปล่อยเขาไปเถอะขอรับ"
ดูเหมือนว่าคริสจะไม่ยอมรับมุกตลกของเด็กชายซะเลยจึงทำให้เด็กชายรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
"ฮึ! ก็ข้าไม่ชอบนี่ มีแต่คนมองคริสทั้งนั้น ทำไม๊ ทำไม...คนอื่นถึงไม่มองข้าบ้างนะ"
ว่าพลางก็เอามือกอดอกตัวเอง เด็กชายเริ่มงอนคริสขึ้นมาทุกขณะ
"ทำไมจะไม่มีละขอรับนายน้อย นู่นไงขอรับสองสามคนนั้นกำลังมองนายน้อยอยู่พอดี" พูดจบก็รีบชี้นิ้วให้เด็กชายดู ซึ่งมีผู้ชายและผู้หญิงสองสามคนกำลังมองมาทางนี้
"แค่นี้เองเหรอ น้อยจัง"
เด็กชายบ่นพึมพำ
"แค่นี้ก็ดีพอแล้วขอรับนายน้อย" คริสกล่าวเสียงราบเรียบ ตอนนี้หยุดเดินแล้ว "ไม่เอาอ่ะ ข้าอยากได้มากกว่านี้ อยากให้คนมองมากกว่านี้อีก"
เด็กชายดึงผ้าคลุมคริสไปมาจนผ้าคลุมนั่นหลุดออกทันที เผยให้เห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าและดวงตาสีเทาออกมาอย่างเด่นชัด ประกอบกับผมที่ยาวพริ้วไสวประบ่าสีขาวดูเหมือนคนแก่ ซึ่งทุกคนในที่นี้ลงความเห็นพ้องต้องใจกันเป็นเสียงเดียวว่า ชายคนนี้ต้องไม่ธรรมดา คงจะผ่านเรื่องต่อสู้มามาก ถึงได้มีแผลบนใบหน้าเต็มไปหมด
"อย่าเอาแต่ใจสิขอรับนายน้อย" คริสกล่าวจบก็รีบหยิบผ้าคลุมที่หล่นบนพื้นขึ้นมาใส่เหมือนเดิม
"ข้าไม่ได้เอาแต่ใจนะคริส ก็ข้าอยากให้คนมองนี่นะ...นะ...นะ...ขอร้องล่ะคริส"
เด็กชายก็ยังคงพูดจาออดอ้อนชายหนุ่มต่อไปอีก จนทำให้คริสถึงกับใจอ่อนยอมแพ้กับความมุมานะของผู้เป็นนาย
"ก็ได้ขอรับนายน้อย"
ว่าพลางก็หันไปมองทุกคนที่ยืนมองเขาอยู่ ทุกคนในที่นั้นไม่รู้ว่าคริสจะทำอะไรจึงได้แต่ยืนมองด้วยความงุนงง
"โปราดอน เพลสรูเรส ไดเวสลีพ ดายน์"
สิ้นเสียงร่ายเวทย์ของคริส จู่ๆก็เกิดลำแสงสีดำปรากฎขึ้นมาปกคลุมไปทั่วบริเวณที่สองคนยืนอยู่ ไม่นานพอสมควร..และแล้วแสงนั่นก็ดับลง เผยให้เห็นดวงตาเหม่อลอยคล้ายกับโดนสะกดจิตให้ทุกคน ณ ที่นั้นยืนอยู่กับที่ เด็กชายเห็นผลงานของคริสแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างน่าชื่นตาบาน
"ดีมาก ดีมาก! คริส! ยอดเยี่ยมไปเลย ทุกคนกำลังมองข้า! กำลังมองข้า! ฮะ!..ฮะฮ่า!ฮ่า!" เด็กชายพูดเสียงดังลั่นแถมปรบมือแรงๆให้คริสเหมือนกับคนบ้า
"แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกขอรับนายน้อย ..พวกชนชั้นต่ำห่วยแตกสมควรโดนอยู่แล้วขอรับ สมควรโดนในข้อหาที่ไม่มองนายน้อยให้อยู่ในสายตา"
น้ำเสียงที่เยือกเย็นเปล่งออกมาเหมือนกับพูดประชดประชันใส่ร่างทุกร่างที่ถูกสะกดให้อยู่ในภายใต้อำนาจนั่น
"ใช่แล้วละ คริส เจ้าพูดถูกเลยทีเดียว" เด็กชายพูดจบ ก็กระโดดลงจากบ่าของคริสทันที "ดูทุกคนนี่สิ จ้องข้ากันใหญ่เลย"
เด็กชายยิ้มและทำหน้าระรื่น ประกอบกับหัวใจกำลังพองโตด้วยความสุขกับการได้เห็นภาพเหล่านี้ เด็กชายก้าวเท้าไปหาคนที่ถูกสะกดซึ่งเป็นผู้หญิงที่สูงกว่าเขา
"คนนี้คงจะเป็นแม่ของเด็กคนนี้สินะ"
เด็กชายหมายถึงเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆหญิงสาวนั่นเอง "น่าอิจฉาคนที่มีแม่เสียจริง น่าอิจฉาเหลือเกิน" จากใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับบูดเบี้ยวคล้ายจะร้องไห้ออกมา
"นายน้อย! ท่านร้องไห้"
ตั้งแต่เลี้ยงนายน้อยมา คริสเพิ่งจะได้เห็นน้ำตาของนายน้อยครั้งนี้เป็นครั้งแรก ไม่นึกไม่ฝันว่านายน้อยของคริสจะเศร้าถึงเพียงนี้ คิดแล้วก็ยิ่งเศร้าเข้าไปอีก ที่นายน้อยของเขาเป็นเช่นนี้ก็เพราะ...นายน้อยของเขาไม่มีแม่
"ข้าเปล่าร้องไห้นะคริส กำลังดีใจต่างหากเล่า ดีใจนะดีใจ เข้าใจไหม ดีใจที่เห็นเด็กคนนี้มีแม่กับเขาด้วยแหละ"
เด็กชายพูดไปเรื่อยเปื่อยโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจที่จะพูด ความสนุกหายไป ความเศร้าก็เข้ามาแทน มือไม้สั่นระริกระรี้จนแทบเกร็งให้อยู่นิ่งไม่ได้ เด็กชายไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว ไม่อยากเห็นอีก ว่าแล้วก็แบมืออันน้อยนิดของตนไปที่ศีรษะของเด็กผู้หญิงนั่น
"ลาก่อน ...เด็กน้อยผู้โชคดี"
สิ้นเสียงของเด็กชายเพียงแค่พริบตาเดียว มือที่เคยกุมศีรษะนั่นเอาไว้กลับบีบสิ่งนั่นให้ระเบิดเป็นจุล
"ตูม!"
สิ่งที่เคยอยู่บนบ่าของเด็กผู้หญิงคนนั้น บัดนี้ได้หายไปเรียบร้อยแล้ว
"นายน้อยขอรับ"
คริสเองก็รู้สึกเห็นใจกับความรู้สึกของนายน้อยเช่นเดียวกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากพูดปลอบใจเพียงอย่างเดียว
"ไม่เป็นไรนะขอรับนายน้อย"
พูดจบก็เข้าไปโอบกอดร่างเล็กที่เต็มไปด้วยรอยคราบเลือดทั้งตัว
"ข้า...ไม่เป็นไร" เจ้าตัวตอบสั้นๆ ก่อนที่จะดันคริสออก "จัดการทุกคนในที่นี้ให้หมด อย่าให้เหลือเด็ดขาด เข้าใจไหมคริส"
เด็กชายสั่งพลางเช็ดคราบเลือดที่ติดบนใบหน้า
"ขอรับนายน้อย"
ว่าแล้วก็ไปจัดการตามคำสั่งของเด็กชายทันที ทำไมสวรรค์ช่างโหดร้ายกับข้าถึงเพียงนี้ ข้าแค่เพียงอยากมีแม่เป็นตัวเป็นตนกับเขาบ้าง ไม่ใช่แม่บุญธรรมในคราบปีศาจนักบุญอะไรนั่นเสียหน่อย เด็กชายคิดในใจก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีครามที่แสนจะเงียบสงบ
...............
ย้อนกลับมาที่สนามซึ่งในตอนนี้โทรุกับมาโกโตะเป็นผู้เล่นกองหน้าของทีม เขาทั้งสองคนบอกให้ทุกคนไปประจำที่ตนเองและรอให้มาโกโตะหรือโทรุเป็นคนส่งลูกให้
"รับลูกด้วย!"
โทรุตะโกนบอกกับผู้ร่วมทีมของเขา โดยที่อีกฝ่ายมาแย่งตามไม่ทัน ถ้าเป็นบนโลกของโทรุล่ะก็นะ แต่ก็โดนขวางด้วยคมดาบของฝ่ายตรงข้าม โทรุชะงักก่อนที่จะชักดาบคู่ที่อยู่ด้านหลังออกมาสู้บ้าง ดาบสองเล่มนี้หนักเอาการเลย ดีที่เขามีร่างกายแข็งแรง ไม่งั้นคงถือดาบเล่มนี้ไม่ไหวเป็นแน่ ว่าแต่จะต้องทำยังไงต่อดีกันน้า เรื่องฟันดาบนั้นตัวเขาเองก็ไม่เคยหัดมาก่อนเลยสักนิด
"อย่ามัวแต่เหม่อสิ! โทรุ"
มาโกโตะใช้ไม้คฑาปัดป้องคมดาบของฝ่ายตรงข้ามไว้ได้ทันก่อนที่จะถูกศีรษะของโทรุ ส่วนคนที่เข้ามาเล่นงานโทรุ ก็ได้แต่กัดฟันกรอดๆแล้ววิ่งจากไป
"ขอโทษ..." โทรุยังพูดไม่ทันจบ มาโกโตะก็พูดแทรกขึ้น "เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง! ..ชิ! ลูกบอลถูกแย่งไปจนได้! โทรุจัดการทีสิ"
ด้วยสัญชาติญาณของอดีตนักกีฬาฟุตบอลเก่าของทั้งสองคน ซึ่งรู้ดีว่าจะต้องทำยังไงต่อ จึงรีบเร่งสปีดวิ่งเข้าไปแย่งทันที หลังจากที่แย่งลูกมาได้แล้ว โทรุก็วิ่งเตะลูกบอลหันหลังกลับไปฝ่ายตรงข้าม หมายจะทำประตูให้จงได้
"ทุกคนบุก! เริ่มแผน A ได้เลย"
โทรุออกคำสั่งกับเพื่อนร่วมทีมอย่างสั้นๆ ซึ่งทุกคนในทีมฟังแล้วก็ผงกศีรษะก่อนที่จะไปประจำที่ของตนตามแผนที่โทรุบอกเอาไว้ ส่วนตัวมาโกโตะเองก็วิ่งนำโทรุออกห่างพอประมาณ เสร็จจากนั้นโทรุก็วิ่งเลี้ยงบอลไปพร้อมกับเก็บดาบเอาไว้ด้านหลังตามเดิม ที่ด้านหลังของโทรุมีปลอกดาบไว้สำหรับเก็บดาบคู่อยู่ ทันที่โทรุจะส่งลูกบอลไปให้มาโกโตะ เจ้าหญิงตัวแสบก็เข้ามาขวางซะได้
"ไม่มีทางให้ไปแล้ว ส่งลูกบอลมาซะ"
ว่าพลางชักไม้กระบองจากด้านหลังออกมา เผยให้เห็นกระบองสีแดงและห่อหุ้มผ้าหลายหลากสีอยู่ด้านบนดูสวยงาม - ทีแรกโทรุนึกว่าอาวุธของเจ้าหญิงตัวแสบเป็นไม้คฑา เพราะเห็นว่ามันคล้ายกับของมาโกโตะ แต่พอเห็นก็ไม่ใช่อย่างที่คิดเอาไว้
"ไม่!"
เขาพูดปฎิเสธรีบชักดาบสองเล่มออกมาเตรียมพร้อมที่จะสู้ ...ดูไปแล้วว่าดาบนี่ก็คล้ายกับพวกกีฬาเคนโด้เลย จะแปลกก็ตรงที่มีอาวุธสองชิ้น.... โทรุคิดได้จึงเก็บดาบข้างซ้ายเข้าปลอกดาบด้านหลังโดยเร็ว แล้วหันกลับมาจับดาบที่เหลือให้แน่นขึ้น
"ไม่รึ! ดี! งั้นเตรียมตัวที่จะกระเด็นออกไปนอกสนามได้เลย เจ้าคนไร้มารยาท!"
สิ้นเสียงของเจ้าหญิง โทรุก็ก้าวเท้าขวาของตนเองไปด้านหน้าในท่าเตรียมของกีฬาเคนโด้ ตอนเรียนอยู่ชั้นประถมโทรุเคยอยู่ชมรมเคนโด้มาก่อน พลางยกดาบขึ้นในระดับอก มือทั้งสองข้างกุมที่จับดาบแน่น ต้องผ่านยัยเจ้าหญิงนี่ให้ได้เสียก่อน ไม่งั้นจะส่งลูกบอลนี้ไปให้มาโกโตะไม่ได้ โทรุคิดเสร็จก็ยืนมองรอเจ้าหญิงตัวดีเข้ามาโจมตี ส่วนลูกบอลนั่นไม่ต้องห่วง ในตอนนี้มันได้อยู่ข้างๆเท้าของเขาแล้ว รับรองว่าไม่มีใครมาแย่งได้แน่ ตามกฎของซอกเกอร์เวจ ในขณะที่ผู้ครองบอลกำลังต่อสู้อยู่ ห้ามเข้ามาแย่งลูกบอลโดยเด็ดขาด ซึ่งโทรุไม่ทราบกฎข้อนี้ด้วยซ้ำ
ว่าแล้วหญิงสาวก็พุ่งตัวเข้ามาหาเขาด้วยไม้กระบองอันนั้น โทรุสะดุ้งกับความเร็วของเจ้าหญิงจึงก้าวเท้าขวาถอยหลังเพื่อตั้งหลัก
"เคร้ง! เคร้ง! ขวับ! ปึ่ก! พลั่ก!"
เสียงอาวุธทั้งสองกระทบกันดังขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่โทรุได้ใช้ดาบขึ้นมาปัดป้องกระบองที่กำลังจะพยายามฟาดหัวของเขา ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้แรงเยอะชะมัดยาก นึกไปบ่นพลางไป เขาค่อยๆก้าวเท้าถอยหลังหนีตั้งหลักเรื่อยๆ และไม่มีท่าทีว่าจะมีโอกาสให้เขาโต้กลับคืนด้วยซ้ำ
"รับเก่งดีนี่! เจ้าคนถ่อย"
ยัยเจ้าหญิงนั่นพูดชมเขา แถมแสยะยิ้มให้โทรุที่ไม่ค่อยอยากจะเห็นก็ดันได้เห็นซะได้ ...การกระทำของยัยนี่ไม่เข้ากับฐานะของตัวเองเอาเสียเลย เจ้าหญิงบ้า!
"แต่นี่แค่ออมฝีมือให้เท่านั้น ต่อไปนี้ของจริงแท้แน่นอน - เตรียมรับมือซะ!"
จู่ๆก็ประกาศขึ้นมาพรวดพราด ทำให้โทรุที่กำลังคิดในใจอยู่ก็สะดุ้งตกใจกับคำพูดนั่น ออมฝีมือให้หรือเนี่ย! จะดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะ ว่าแล้วความคิดก็ไม่ไวเหมือนสัญชาติญาณของคนที่เป็นนักกีฬาเคนโด้ เขาหันคมดาบฟาดเข้าที่ข้อมือน้อยๆของเจ้าหญิงด้วยความรวดเร็ว จนทำให้กระบองที่เจ้าตัวถืออยู่กระเด็นออกจากมือ
"เป็นเจ้าหญิงแท้ๆ ดันหลงดีใจคิดว่าตัวเองจะเก่งกว่าคนอื่นเค้า ...แล้วตะกี้ที่เธอออมฝีมือให้ก็เท่ากับว่าไม่ให้เกียรติ์ผม - ผมยอมรับไม่ได้ ...มันทุเ รศสิ้นดี!"
โทรุตะคอกเสียงใส่ หมดกันพอดีกับความใจดีในคราบเด็กดีกับคนอย่างเขา เจ้าหญิงที่เอาแต่ใจและชอบดูถูกคนอื่นแบบนี้เห็นทีว่าเขาทำโทษให้รู้จักเข็ดหลาบจำเสียบ้าง ไฟที่เคยมอดลงกลับลุกขึ้นโหมด้วยความโมโหแค้นแสนสาหัส
"โทรุอย่า!" มาโกโตะรู้ดีว่าโทรุเริ่มขาดสติและเปลี่ยนไปเป็นโหมดโหดซะแล้ว จึงรีบเข้าห้ามทันที "อย่าเข้ามายุ่งนะมาโกโตะ!"
ไม่ทันที่มาโกโตะจะได้เข้าไปห้ามศึกครั้งนี้ ตัวของโทรุก็พุ่งไปถึงตัวเจ้าหญิง ส่วนดาบนั่นโทรุได้ทิ้งมันลงพื้นไปแล้ว
"ใจเย็นๆโทรุ ฉันรู้ดีว่านายเกลียดเรื่องดูถูกคนมาก แต่ว่า..นั่นเจ้าหญิงเชียวนะ"
มาโกโตะพูดพลางมองโทรุที่กำลังบีบลำคอของเจ้าหญิงที่ไร้ทางสู้
"แล้วไง เจ้าหญิงมีอะไรดีนักนะ คนอื่นถึงได้เอาใจกันมาก!" โทรุพูดเสียงสั่นด้วยความโมโห พร้อมกับเพิ่มแรงบีบมากขึ้นเรื่อยๆ
"หยุดนะ! เจ้าคนถ่อย! จะทำอะไรกับน้องสาวของข้า ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!" เจ้าชายเฟรย์ที่เงียบมานานก็พูดขึ้นบ้าง แม้ว่าเจ้าชายเฟรย์วิ่งเข้าไปช่วยแต่ก็โดนโทรุใช้มืออีกข้างปัดจนกระเด็นออกเสียทุกครั้ง พอมาโกโตะหันไปมองเจ้าหญิงก็แทบสะดุ้ง ใบหน้าของเจ้าหญิงในตอนนี้เริ่มซีดอย่างเห็นได้ชัด
"อยู่ไปก็หนักแผ่นดินเปล่าๆ สู้ปล่อยให้ยัยนี่ถูกฉันฆ่าตายไปเลยจะไม่ดีดีกว่ารึไง! มาโกโตะ คำก็เจ้าหญิง สองคำก็เจ้าหญิง เธอมีอะไรดีมากนักหรือไง ผู้คนถึงบูชาเธอราวกับเทพพระเจ้า!"
คราวนี้โทรุหันไปบ่นกับร่างเล็กที่สั่นไปทั้งตัว ความโกรธของโทรุถึงขั้นสูงสุดที่ไม่มีใครจะเยื้อยุดให้ลงได้ แม้แต่ตัวของมาโกโตะเองก็ตามที
"ปล่อยน้องสาวข้าเดี๋ยวนี้นะ! เจ้าฆาตกร" เจ้าชายเฟรย์ยังไม่วายที่จะพูดต่อ แต่นั่นก็ไม่ทำให้โทรุหยุดลงมือได้สักนิด
"ตายซะเถอะยัยเจ้าหญิงรกโลก!" พูดจบก็คว้าดาบที่เหลือออกมาพร้อมที่จะแทงร่างหญิงสาวตรงหน้า
"จะบ้าไปถึงไหนกันโทรุ พอได้แล้วละ!"
น้ำเสียงดุดันราวกับฟ้าผ่าของคนที่ไม่คาดคิดว่าจะหยุดโทรุได้กลับดังขึ้น แววตาของโทรุเริ่มอ่อนลงจากคนที่เคยโมโหจัดราวกับคนบ้า และคนที่ห้ามไม่ให้โทรุใช้ดาบฆ่าหญิงสาวได้ก็คือ มิสเทรสนั่นเอง
"คุณมิสเทรส ...ผม..ผมขอโทษครับ"
พูดจบก็ปล่อยมือออกจากลำคอของเจ้าหญิง พลางลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเก็บดาบเข้าที่ ส่วนเจ้าชายเฟรย์ เมื่อเห็นว่าโทรุเดินออกห่างจากน้องสาวของตน จึงได้วิ่งเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง
"ได้สติแล้วก็ดี ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหม" มิสเทรสกล่าวเสียงเรียบ ซึ่งแตกต่างจากตะกี้โดยสิ้นเชิง
"ครับ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว" เขารู้ตัวดีว่าทำอะไรลงไป จึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับความผิดที่ก่อเอาไว้
"อืม ดีมาก ให้ได้อย่างนี้สิ"
ในขณะที่มิสเทรสกับโทรุกำลังคุยกันอยู่ มาโกโตะก็เหลือบไปเห็นดาบเล่มใหญ่ของโทรุที่ปักอยู่บนพื้นสั่น เขามองอยู่ไม่ถึงนาทีดาบเล่มนั้นก็หลุดออก และจู่ๆ ก็ลอยขึ้นมาพร้อมกับหันด้านคมลอยพุ่งเข้าที่ด้านหลังของโทรุอย่างรวดเร็ว โดยที่โทรุกับมิสเทรสไม่ทันได้รู้สึกตัว
"โทรุ! ระวัง!"
โทรุและมิสเทรสได้ยินจึงรีบหันไปมองมาโกโตะที่กำลังวิ่งมาทางด้านหลังของโทรุด้วยความงุนงง และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ดาบเล่มนั้นได้ปักเข้าที่กลางหลังของมาโกโตะอย่างจัง
"มาโกโตะ!"
โทรุรีบรับร่างของเพื่อนสนิท ซึ่งกำลังล้มลงกับพื้นอย่างเร็ว "เกิดอะไรขึ้นกันแน่! มาโกโตะ ทำไมดาบนั่นถึง..โอ๊ย! ไม่เข้าใจเลย"
โทรุเริ่มสับสนกับเรื่องที่ชนกัน เขาไม่เข้าใจเลยว่าดาบของเขาจะพุ่งมาทางนี้แล้วมาโกโตะก็ดันเอาตัวเข้ามารับคมดาบแทนเขา
"ช่วยถอยห่างได้ไหมโทรุ ฉันจะใช้เวทย์รักษามาโกโตะนะ"
มิสเทรสพูดรัวและเร็วจนแทบไม่เป็นประโยค ว่าแล้วโทรุก็ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เลือดของมาโกโตะเริ่มออกมามากจนดูน่ากลัว ใครกันนะที่เป็นคนทำแบบนี้ โทรุยอมไม่ได้เสียแล้ว คิดเสร็จก็รีบหันไปมองข้างๆ ใครเป็นคนทำกันแน่ จะเป็นยัยเจ้าหญิงกับเจ้าชายเฟรย์ก็ไม่ใช่ เพราะสองคนนั้นกำลังคุยกันอยู่ ส่วนคนอื่นที่เหลือรวมถึงผู้ชมนั่น ตัวเขาเองก็ไม่อาจทราบได้ เพราะเยอะมากเสียจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ไม่นานนักเลือดที่ไหลอยู่ก็หยุดลง พร้อมกับดวงตาสีแดงที่เปิดขึ้นให้เห็น
"ละ..แล้ว..โทรุ เพื่อนของผม..เป็นไงบ้าง..ครับ"
มาโกโตะถามด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยอ่อน เขาจำได้แต่เพียงว่าตัวเองวิ่งเข้าไปรับดาบนั่นแทนโทรุ
"ห่วงตัวเองก่อนเถอะหลานรัก บาดเจ็บหนักขนาดนี้อย่าพูดอะไรมากนักเลย" มิสเทรสรู้สึกโล่งใจมากขึ้นกว่าเดิมที่มาโกโตะ หลานรักของเขาฟื้นแล้ว แต่คำพูดของมิสเทรสก็ไม่ทำให้มาโกโตะยอมได้
"โทรุนายอยู่ที่ไหน" มาโกโตะถามด้วยเสียงอันแผ่วเบา เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย เจ็บมากเสียจนน้ำตาไหลเลยก็ว่าได้ โทรุได้ยินเสียงที่เพื่อนเรียกจึงรีบหันกลับไปดูด้วยความเป็นห่วง
"ฉันอยู่นี่แล้วมาโกโตะ"
ว่าพลางจับมือของเพื่อนจนแน่น ถึงแม้เลือดจะหยุดไหลแล้ว แต่ดาบนั่นยังคงปักที่กลางหลังของมาโกโตะอยู่
"อดทนเข้าไว้นะ เดี๋ยวมิสเทรสจะเอาดาบนั่นออกจากหลังนายเอง ไม่ต้องเป็นห่วง" โทรุพูดพลางเม้มปากเสียจนเลือดออก เขาโกรธที่จับตัวคนร้ายไม่ได้
"คุณมิสเทรสครับ คือว่า..."
ดูเหมือนว่ามิสเทรสจะรู้ทันเท่าความคิดของเขา จึงได้แต่ผงกหัวก่อนที่จะล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากเสื้อคลุม
"ฉันจะดึงดาบนั่นออกโทรุ เธอช่วยจับตัวมาโกโตะให้แน่นที อย่าให้หลุดได้ละ" พูดจบก็เอาไม้คฑายัดเข้าที่ปากของมาโกโตะ
"ห้ามคายมันออกนะมาโกโตะ ไม่งั้นเธอจะกัดลิ้นตัวเองขาดได้"
สิ้นคำสั่งของผู้เป็นทวดของมาโกโตะ เขาผงกหัวให้หนึ่งทีก่อนที่จะเตรียมพร้อมรับความเจ็บปวดที่จะมาถึง
"ดึงแป๊ปเดียว ไม่เจ็บมากเท่าไหร่หรอก"
มิสเทรสพูดปลอบขวัญหลานรักที่กำลังสั่นด้วยความกลัว เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนที่จะใช้มือจับด้ามของดาบนั่น
"อื๊อ!"
แค่มิสเทรสจับดาบมันก็ทำให้มาโกโตะรู้สึกเจ็บเข้าเสียแล้ว มิสเทรสได้ยินก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับเสียงร้องของหลานรักตัวเอง "ฉันรู้ว่าเจ็บ แต่ทนเอาไว้หน่อยแล้วกัน"
พูดจบก็รีบดึงดาบเล่มใหญ่นั่นออกด้วยความรวดเร็ว เพื่อที่จะให้มาโกโตะรู้สึกเจ็บแค่เพียงแป๊ปเดียว
"พรวด! อื๊อ!!" เสียงดาบดังขึ้นให้รู้ว่าหลุดออกจากแผ่นหลังของมาโกโตะ ซึ่งมาพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเจ้าตัว
"เสร็จแล้วละ โทรุช่วยเอาไม้นั่นออกจากปากของมาโกโตะให้ที"
สิ้นคำสั่งของมิสเทรสโทรุก็รีบเอาไม้นั่นออกแล้วก็เอาผ้าเช็ดหน้าที่ติดตัวเอามาเช็ดเหงื่อให้เพื่อนของเขา
"เหลือแต่ใช้เวทย์ปิดแผลเท่านั้นก็จบ" มิสเทรสกล่าวพลางเช็ดเลือดที่พุ่งออกมาพร้อมกับตอนที่ดึงดาบนั่น
"พอยน์รูสชั่น ชิลเทส โอมุรัส ชาช์"
มิสเทรสร่ายเวทย์ใส่ที่ด้านหลังของมาโกโตะ รอยแผลจากคมดาบก็ค่อยเลือนหายไปจนเหลือแต่แผลเป็น
"หมดเรื่องหายห่วงแล้ว คราวนี้มาหาตัวคนร้ายกันเถอะ ไม่ต้องลุกขึ้นมาช่วยหรอกมาโกโตะ นอนอยู่อย่างนั้นแหละดีแล้ว"
มิสเทรสกล่าวพลางหันไปมองคนที่ลอบทำร้ายโทรุ ดูเหมือนว่ามิสเทรสจะคาดเดาได้ถูก ร่างๆหนึ่งที่เผยรอยแสยะยิ้มออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร ซึ่งผิดจากตอนแรกเอามากๆ
"เจ้าชายเฟรย์กรุณาเดินมาหาข้าน้อยที ข้าน้อยจะมีเรื่องคุยด้วย"
"เจ้ากล้าสั่งกับข้าถึงเพียงนี้เชียวรึ! เจ้าคนถ่อย ไม่รู้ฐานะว่าใครเป็นใครเลยงั้นหรือ"
เจ้าชายเฟรย์กัดตอบอย่างไม่พอใจที่คนธรรมดาอย่างมิสเทรสจะกล้าสั่งคนอย่างเขา
"ข้าน้อยต้องขออภัยที่พูดอะไรออกไป แต่นี่เรื่องสำคัญมากที่พระองค์จะต้องรู้ให้ได้"
ไม่ทันที่เจ้าชายเฟรย์จะเถียงกลับ ความรู้สึกที่เขาสัมผัสมันได้ตอนนี้ก็คือ ตัวเขาเบาหวิวราวกับขนนก และแล้วร่างของเขาก็ลอยไปหามิสเทรสอย่างรวดเร็ว
"จะทำอะไรกับพี่ชายของข้า! เจ้าคนต่ำช้าเลวทรามไร้มารยาท"
หญิงสาวที่นั่งเงียบมานานก็พูดขึ้นบ้างหลังจากที่หายเจ็บคอจากการถูกโทรุบีบ
"เลิกเล่นละครน้ำเน่าเสียทีเถอะ เจ้าคนชั่วบาปหนา ริกล้าปลอมร่างเป็นเจ้าหญิงไอร์ช ดาร์เวสโก้ แห่งเฟิร์ชซิบีลิอันมาหลอกทุกคนได้ถึงเพียงนี้"
มิสเทรสกล่าวเสียงราบเรียบ ทุกคนในที่นี้พอได้ยินจากที่มิสเทรสว่า ก็ต่างพากันตกใจกันยกใหญ่
"จะมากเกินไปแล้วนะ! บังอาจมาว่าข้าไม่ใช่เจ้าหญิง เจ้ามีหลักฐานอะไรมาว่าข้าได้"
มิสเทรสเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะที่เปล่งออกมาอย่างขำขัน
"โอ๊ย! ให้ตายสิ ไม่รู้จักยอมรับเสียทีว่าเจ้าไม่ใช่เจ้าหญิง ถึงแม้คนอื่นจะดูไม่ออก แต่ข้าก็ดูออกนะ หลักฐานที่ยืนยันว่าเจ้าไม่ใช่เจ้าหญิงก็อยู่ที่นี่ไงเล่า"
พูดจบก็ชี้นิ้วไปยังที่นิ้วนางของหญิงสาว ซึ่งมีแหวนเล็กๆถูกสวมอยู่ที่นิ้วนางนั่น
"แหวนยังไงล่ะ หลักฐานออกโทนโท่! เจ้าหญิงตัวจริงจะไม่ใส่แหวนราคาถูกหรอกนะ แล้วก็ไม่ใช่แหวนที่มีประกายอยู่ตรงจุดเพชรเสียด้วย"
เมื่อมิสเทรสพูดจบ ทุกคนต่างหันไปมองเจ้าหญิงตัวปลอมนั่นอย่างไม่น่าเชื่อสายตา สิ่งที่มิสเทรสกล่าวออกมานั้นเป็นจริง ซึ่งเจ้าชายเฟรย์ที่ยืนฟังอยู่ก็เข้าใจอย่างที่มิสเทรสว่า คนๆนี้ไม่ใช่น้องสาวของๆเขา ถ้างั้นน้องสาวของเขาในตอนนี้หายไปไหนเสียแล้วล่ะ
"หึหึ เดาเก่งได้อีกตามเคยเลยนะ มิสเทรส สมแล้ว...ที่เป็นปู่ของมาซาฮิโนะ"
น้ำเสียงของเจ้าหญิงหายไป ถูกแทนที่ด้วยเสียงที่เยือกเย็นจนดูน่ากลัว ร่างนั่นลุกขึ้นยืนพลางฉีกหน้ากากเจ้าหญิงออกทันที เผยให้ใบหน้าค่าตาของผู้ร้ายคนนั้น พอทุกคนเห็นต่างก็ตกใจกันไปอีกรอบ เนื่องจากดวงตาและสีผมของคนร้ายที่บังอาจปลอมตัวเป็นเจ้าหญิงจะมีสีน้ำเงินเหมือนกันหมด
"นี่เจ้าเป็นคนของเกาะเมฟัลงั้นรึเนี่ย!"
เจ้าชายเฟรย์อุทานด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า เกาะเมฟัลที่ว่านั่น เป็นเกาะลึกลับแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครเคยพบเห็นหรือไปที่นั่นมาก่อน มีแต่เพียงรู้ลักษณะของคนที่นั่นว่าเป็นยังไง
"เกาะเมฟัล? ชื่อเกาะของที่นี่เหรอครับคุณมิสเทรส"
โทรุพูดกระซิบเบาๆ
"อืม" มิสเทรสตอบสั้นๆ แต่ก็ไม่ได้หันมามองโทรุ "ช่วยไปอยู่ใกล้ๆมาโกโตะทีสิ โทรุ"
"ครับ?"
โทรุแปลกใจกับคำสั่งของมิสเทรส แต่ก็ไม่ใส่ใจอะไรมากนักจึงยอมแต่โดยดี
"ไม่รู้ว่าเจ้าจะมาหาเรื่องที่นี่ด้วยเหตุผลใด แต่การที่เจ้าบังอาจปลอมตัวเป็นเจ้าหญิง มันก็ออกจะเกินหน้าเกินตาไปหน่อยละมั้ง ระวังหัวจะหลุดออกจากบ่าไม่รู้ด้วยนะ"
"หัวหลุดจากบ่า? เสียใจด้วยย่ะ! ข้าเป็นคนที่ไม่กลัวเรื่องพรรณนั้นหรอกนะ ที่ข้ากลัวก็คือกลัวไม่ได้ฆ่าคนอย่างเจ้านะสิ มิสเทรสเจ้าเก่งเกินหน้าเกินตาจนนายใหญ่ไม่พอใจและสั่งให้ข้ามาจัดการเจ้าด้วยตนเอง"
คนร้ายพูดเสียงแหลมจนทุกคนในที่นั้นยกเว้นมิสเทรส ซึ่งฟังแล้วแทบอยากจะมุดดินหลบไปเสียเดี๋ยวนั้นเลย แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสที่จะทำตามที่ตัวเองคิด เนื่องจากมีลำแสงสีดำโผล่ออกมาที่มือของคนร้าย
"ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้นะว่านี่คืออะไร มิสเทรส หึหึ เตรียมตัวเตรียมใจตายได้เลย"
คนร้ายยิ้มอย่างพออกพอใจกับผลงานที่ตัวเองกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้านี้
"โทรุพามาโกโตะออกไปจากที่นี่ซะ! แล้วก็คนที่อยู่บนสแตนด์ด้วย! ออกไปซะ! ถ้าไม่อยากตายด้วยพลังแบล๊กโฮลนี่! ไปห่างๆจากที่นี่มากเลยก็ยิ่งดี"
มิสเทรสตะโกนเสียงดังลั่นสนาม ทำให้ชาวบ้านที่อยู่บนแสตนด์นั้นต่างพากันวิ่งหนีออกไปอย่างชุลมุนพร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ
"ยังไม่ไปอีกล่ะ! โทรุไปซะ!" มิสเทรสออกปากไล่ทันทีที่เห็นว่าโทรุกับมาโกโตะยังคงอยู่ที่เดิม ส่วนเจ้าชายเฟรย์นั้นไม่ต้องพูดถึง ได้หายตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"พวกผมจะรออยู่ที่นี่แหละ จะไม่ไปไหนจนกว่าจะออกไปด้วยกันสามคนเท่านั้น"
มาโกโตะยืนกรานเสียงแข็งทั้งๆที่ตนเองแทบจะยืนทรงตัวไม่ค่อยจะได้ เขาไม่อยากให้มิสเทรสหรือทวดของเขาต้องมาตายเพราะเขาเป็นต้นเหตุ
"แหม! เป็นห่วงกันจังเลยนะย่ะ อิอิ ดี! จะให้ตายกันทั้งหมดเลยนี่แหละ"
คนร้ายที่เป็นผู้หญิงกล่าวด้วยความสะใจต่อภาพที่เห็น พูดจบก็ปล่อยพลังนั่นเข้าใส่ทั้งสามคนโดยที่มิสเทรสเป็นคนเอาตัวมาบังร่างของมาโกโตะและโทรุ ขณะที่อยู่ในช่วงวิกฤตเรื่องความเป็นความตาย มาโกโตะก็ได้แต่ภาวนาในใจว่า ขอให้พวกเขาสามคนรอดจากพลังนี้ได้โดยเถิด ซึ่งคำขอของเขาก็เป็นผล มาโกโตะได้รู้สึกถึงพลังแปลกๆที่ไหลเวียนวนในร่างกายของตัวเอง มันทั้งร้อนรุ่มและกระตุ้นหัวใจเขาให้เต้นเร็วผิดปกติ ทั้งๆที่เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่ เขาคิดเสร็จก็ทิ้งตัวทั้งหมดให้ปล่อยตามแรงดึงดูดของโลก
"มาโกโตะ!" มีแค่เพียงเสียงเรียกชื่อเขาที่จะได้ยินมันเป็นครั้งสุดท้าย ต่อจากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
...............
จบ บทที่ 7 พลังที่แอบแฝง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น