ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1/2 ผู้ชายนะค่ะ

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 เฟิร์ชซิบีลิอัน (อัพ 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 49


                   บทที่ 6 เฟิร์ชซิบีลิอัน



                   ...........................



                   ในขณะนี้ที่โดมคริสตัลในแห่งหนึ่งบนโลกเวทมนตร์ กำลังจัดงานกีฬาที่ชื่อว่า ซอกเกอร์เวจ กีฬาสุดยอดระดับโลกที่ผู้คนหมายปองจะมาดูและเล่นกัน ซึ่งจะจัดกันเดือนละครั้ง และแต่ละครั้งก็จะจัดให้ผู้คนที่มีความสามารถเข้ามาเล่นเพื่อที่จะแย่งชิงของรางวัล ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้สำหรับผู้ชนะเลิศ ทว่าของรางวัลนั้นเป็นของที่ผู้คนใฝ่ฝันที่จะได้มัน ของรางวัลที่ว่านั้นมีหลายอย่างมากมายแล้วแต่ผู้จัดแข่งขันเตรียมเอาไว้ให้ นอกจากของรางวัลที่จะได้รับแล้ว ก็ยังมีป้ายเกียร์ติยศคอยเชิดชูบารมีตนเองว่าเป็นนักกีฬาซอกเกอร์เวจผู้ยอดเยี่ยม ซึ่งมีหลายระดับ ขั้นเอ ขั้นบี ขั้นซี จนถึงขั้นแซด หรือขั้นดับเบิลเอ็กซ์ และถ้าใครได้ระดับขั้นดับเบิลเอ็กซ์ก็จะมีอภิสิทธิ์หลายอย่างที่ทุกคนไม่มี นั่นก็คือ สามารถเข้าร่วมการแข่งขันซอกเกอร์เวจระดับโลก รวมถึงการติดยศให้เป็นผู้แข็งแกร่งยอดเยี่ยมระดับโลกอีกด้วย



                   "ขอต้อนรับเข้าสู่การแข่งขันซอกเกอร์เวจ กีฬาสุดยอดระดับโลกที่ทุกท่านรอคอย กระผมโฆษกมีนามว่า เจฟรอน ทริกส์ จะเป็นผู้ดำเนินรายการการแข่งขันกีฬานี้ตั้งแต่แรกจนจบการแข่งขัน วันนี้เป็นวันแรกของการแข่งขัน ซึ่งนัดแรกจะเป็นทีมไทล์กริช เจอกับทีมฮาร์สชู สองทีมนี้มีประวัติการแข่งขันมาหลายครั้ง แพ้ชนะพอสูสีกันแต่ก็ไม่เคยมาเจอกันซักนัดเลย และในวันนี้ได้มาเจอกัน จะเป็นยังไง ขอให้ทุกท่านติดตามชมได้ ณ บัดนี้เลยครับ!" 



                   โฆษกกล่าวจบเสียงพุที่ถูกจุดขึ้นฟ้าก็ดังขึ้น บ่งบอกเป็นสัญญาณเริ่มงานซอกเกอร์เวจนั่นเอง ผู้คนที่อยู่ในบริเวณที่นั่งก็ต่างโห่ร้องรับนักกีฬาที่กำลังเดินเข้ามาในสนาม ซึ่งถูกจัดไว้เป็นอย่างดี หญ้าบนสนามอ่อนนุ่มพริ้วไหวตามกระแสลมทำให้สนามดูเหมือนกับคลื่นของทะเล ประกอบกับเสาประตูที่ผุดพุ่งขึ้นมาจากในดินรวมถึงลูกบอลสีดำนามว่า พินบอลตั้งอยู่ใจกลางสนามอย่างเตรียมพร้อม เมื่อทุกคนที่มาชมต่างก็โห่ร้องอีกรอบเพื่อความมันส์ และหนึ่งในนั้นที่ร่วมโห่ก็เป็นเด็กชายและเด็กหญิงกลุ่มหนึ่ง ใบหน้าธรรมดาแต่แตกต่างตรงชุดที่สวมใส่ ซึ่งใครๆดูก็รู้ว่าเป็นลูกหลานผู้ดีอย่างแน่นอน 



                   "สู้...สู้! ไทล์กริชจงเจริญ!" 



                   เสียงโห่ร้องของเด็กชายที่นั่งอยู่ในนั้นดังขึ้น ทำให้คนรอบข้างหันมามองด้วยความหมั่นใส้ 



                   "จะเชียร์ทีมไหนกันแน่ยะ! เดี๋ยวไทล์กริชเดี๋ยวฮาร์สชู เอาให้มันแน่สักทีมสิยะ" เด็กสาวตะโกนเสียงแข่งกับเสียงโห่ 



                   "อะไรนะ! ตะกี้เจ้าว่าอะไรนะไม่ได้ยินเลย!!!" เด็กชายถามกลับ 



                   "ข้าถามว่าเจ้าจะเชียร์ทีมไหนกันแน่ยะ! ...เฮ้อ! ช่างเถอะ" 



                   มิทันไรเด็กสาวก็ต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ ไม่ว่าจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายได้ยิน ต้องรอให้ถึงเวลาแข่งก่อนถึงจะเริ่มคุยกันรู้เรื่องเท่านั้น 



                   "เอาละครับทีนี้ทั้งสองทีมก็ได้มาลงสนามแล้ว ขอให้ทุกคนจับมือสัญญากันว่าจะไม่ทำร้ายกันจนถึงขั้นตายไปข้าง" เจฟรอนกล่าวออกมาให้ทุกคนได้ทราบ ซึ่งผู้เล่นสองทีมก็ทำตามอย่างว่ากัน 



                   "ทีนี้คุยกันรู้เรื่องแล้วละ ตะกี้เจ้าถามข้าว่าไงนะไอร์ซ" เด็กชายหันหน้ามาถามหญิงสาวผมสีทอง "ข้าถามว่าเจ้าว่าจะเชียร์ทีมไหนกันแน่ยะ เดี๋ยวไทล์กริชเดี๋ยวฮาร์สชู" 



                   "ก็ข้าชอบทั้งสองทีมเลยนิ ไทล์กริชเก่งด้านโจมตี ส่วนฮาร์สชูก็เก่งด้านรับ ทั้งสองสูสีพอๆกันแบบนี้จะให้เชียร์ทีมๆหนึ่งได้รึ" 



                   ไอร์ซเชิดหน้าขึ้นด้วยความไม่พอใจกับคำพูดจาของเด็กชาย 



                   "ไม่รู้ละ ...ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเชียร์ทีมไหนเฟรย์ แต่ขอบอกให้รู้ว่าไทล์กริชเก่งที่สุด" 



                   เด็กสาวกล่าวพลางกอดอก สักพักทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงคนข้างๆพูด ทีแรกไม่สนใจแต่พอได้ยินคำหนึ่งก็หันมามองทันที 



                   "คล้ายฟุตบอลจริงด้วยแฮะโทรุ" 



                   "อืมต่างกันตรงแค่ใช้เวทมนตร์ใส่กันแค่เนี้ย แต่มันจะไปสนุกอะไรเนี่ย ยิงไปยิงมาเดี๋ยวก็ไม่เห็นลูกบอลกันพอดี" 



                   อีกคนกล่าวพร้อมกับมองลงไปที่สนามซึ่งในตอนนี้ผู้เล่นบนสนามกำลังทำการวอร์มอัพกันอยู่ ไอร์ซมองคนผู้ตะกี้ด้วยความหมั่นไส้ 



                   "หุบปากสั่วๆของพวกเจ้าซะ!" ทั้งมาโกโตะและโทรุสะดุ้งหันไปมองเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ 



                   "ไม่เอาน่าไอร์ซ อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย" 



                   เฟรย์กล่าวแต่เด็กสาวกลับไม่ฟังแถมตีหน้ายักษ์ใส่เฟรย์ 



                   "ข้าทนมากพอแล้วไอ้พวกปากไม่สร้างสรรค์ชอบดูถูกกีฬาซอกเกอร์เวจดีนัก มาเจอกันตัวต่อตัวหน่อยดีไหม" ทั้งเขาและโทรุต่างไม่ทราบเรื่องที่เด็กสาวกล่าวหาได้แต่ตีหน้างงงวยไปมา นี่พวกเขาพูดอะไรผิดไปงั้นรึ 



                   "ไม่กล้าหรือไงเจ้าพวกปอดแหก!"



                   เสียงตะโกนของเด็กสาวทำให้ทุกคนที่อยู่ในนั้นต่างหันมามองกันเป็นตาเดียว รวมถึงนักกีฬาที่อยู่ด้านล่างด้วย 



                   "ผมไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไร แต่ขอบอกให้รู้ว่า พวก...ผม...ไม่...ได้...ปอด...แหก...และ....ไม่...เคย...ดู...ถูก...กีฬา...ซอกเกอร์เวจด้วย" 



                   โทรุโต้กลับอย่างมีน้ำโห ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงคนไหนมาว่าเขาแบบนี้มาก่อน 



                   "แน่ใจงั้นรึว่าไม่เคยดูถูกกีฬาซอกเกอร์เวจ มาลองแข่งกันหน่อยไหมละด้วยซอกเกอร์เวจนี่แหละ" 



                   ไอร์ซพูดท้าทายมาโกโตะกับโทรุด้วยความมั่นใจ 



                   "ตกลงแต่เราจะแข่งกันได้ยังไงละ" หล่อนยักไหล่หนึ่งทีแถมชี้นิ้วไปยังสนาม "แข่งกันที่นี่แหละ เฟรย์ช่วยทีหน่อยสิ" 



                   ไอร์ซหันไปพูดกับเด็กชายที่ชื่อว่าเฟรย์ ทำให้เฟรย์ถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ 



                   "อีกแล้วนะไอร์ซ เรามาที่นี่เพื่อชมกีฬานะไม่ใช่ให้มาแข่ง.." เด็กชายพูดมิทันจบ ไอร์ซก็แย้งขึ้นมาทันควัน "จะทำหรือไม่ทำ! เฟรย์" 



                   ดวงตาสีฟ้าจ้องเด็กชายเขม็งด้วยความโกรธ ไฟที่อยู่ภายในจิตค่อยลุกโหมจนแลดูน่ากลัว 



                   "ทำก็ได้! ไม่เห็นต้องตะโกนว่ากันขนาดนี้เลย" 



                   อีกฝ่ายก็โมโหเช่นเดียวกัน เจ้าตัวลุกขึ้นยืนและหันไปมองทางสนาม 



                   "เราในนามเจ้าชายเฟรย์ ดาร์เวสโก้ เจ้าชายแห่งเฟิร์ชซิบีลิอัน ขอประกาศใน ณ ที่นี้ว่า เราจะขอร่วมการแข่งขันนี้ด้วย ขอให้ทีมทั้งสองช่วยลดจำนวนคนออกทีมละ 2 คนด้วย!" 



                   สิ้นเสียงของคนที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าชาย คนที่เป็นนักกีฬาก็ต่างกระวีกระวาดทำตามคำขอของผู้สูงศักดิ์อย่างว่าง่าย 



                   "ดีมากเฟรย์ ขอบใจ" 



                   ไอร์ซกล่าวขอบคุณก่อนที่จะหันมามองมาโกโตะและโทรุต่อ 



                   "ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะมาจากไหนก็ตาม แต่ขอให้รู้ว่าคนอย่างเรา ไอร์ซ ดาร์เวสโก้ เจ้าหญิงแห่งเฟิร์ชซิบีลิอัน ไม่มีทางที่จะให้อภัยกับคนต้อยต่ำเช่นเจ้าเด็ดขาด!" 



                   พูดจบก็สะบัดผ้าคลุมและเดินหายเข้าไปด้านหลังแสตนด์พร้อมกับว่าที่เจ้าชายเฟรย์อย่างเร็ว ทั้งมาโกโตะและโทรุที่ยืนนิ่งไม่รู้จะโต้ตอบยังไงดี ก็ได้แต่ต้องทำใจก่อนที่จะเดินตามเข้าไปโดยที่หารู้ไม่ว่า เป็นการจุดฉนวนสงครามของโลกเวทมนตร์ที่จะก่อขึ้นในอีกไม่ช้า....



                   ...................



                   ตอนนี้มาโกโตะกับโทรุได้มายืนบนสนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลุ่มที่เขาสองคนที่จะได้เข้าร่วมเล่นก็คือทีมฮาร์สชู ส่วนเจ้าชายเฟรย์กับเจ้าหญิงไอร์ซอยู่ทีมไทล์กริช ทีแรกมาโกโตะกับโทรุมาที่นี่เพื่อชมกีฬาเท่านั้น แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรกัน แค่คำพูดไม่กี่คำของโทรุส่งผลให้เจ้าหญิงไอร์ซไม่พอใจ และขอท้าพวกเขาสองคนแข่งซอกเกอร์เวจ ซึ่งทำให้มาโกโตะรู้สึกแย่ลง เพิ่งออกมาจากบ้านมิสเทรสไม่ทันไรก็มีเรื่องซะแล้ว มาโกโตะคิดเสร็จก็หันไปมองคนในทีมของตน ...สีหน้าของผู้เล่นแต่ละคนในทีมฮาร์สชูชวนดูน่าเกรงขาม ราวกับคนละคนที่เคยเจอมาในโลกมนุษย์ ดูจากชุดที่สวมใส่ประจำทีมก็พอให้ทราบคร่าวๆว่า ออกแบบมาง่ายๆ ไม่เรื่องมาก เนื่องจากเสื้อที่ใส่นั้น เป็นเสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินแขนกุดถูกทับด้วยเสื้อแจ็กเกตสีเทาตัวเล็ก ส่วนกางเกงที่สวมใส่อยู่ก็เป็นขาสามส่วนมีรอยปะชุนอยู่หลายที่ และที่แตกต่างกว่านั้นในมือของทุกคนถืออาวุธด้วย จะแตกต่างตรงที่มือโกล์ไม่มีอาวุธ มีแต่ถุงมือโกล์ฟโกลเด้นฮาร์ฟเท่านั้น พอมาโกโตะหันไปมองเสื้อผ้าอีกฝ่ายบ้าง ....ก็เหมือนกันหมดทั้งสองทีม ทว่าสีของเสื้อจะไม่เหมือนเล็กน้อย



                   "โทรุฉันว่าเราสองคนจะสู้พวกเขาได้เหรอ ก็ในเมื่อนายกับฉันไม่มีพลังเวทย์เลยนิ"



                   มาโกโตะกระซิบถามความเห็นจากเพื่อนที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นแกะสลัก จริงอยู่ที่พวกเขาสองคนมีประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอลมามาก จึงไม่มีผลกับการเล่นซอกเกอร์เวจ แต่ทว่า พลังเวทย์หรืออาวุธที่ใช้ก็ไม่มี แบบนี้จะเอาไปชนะเจ้าหญิงกับเจ้าชายได้ยังไงกัน ไม่ทันได้ทำคะแนนก็โดนพวกนั้นยิงเวทย์ใส่จนกระเด็นออกนอกสนามตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว 



                   "ได้หรือไม่ได้ก็ต้องลองแข่งดูไปก่อนสิ มาโกโตะ อย่าตัดใจอะไรง่ายๆ ลืมไปแล้วเหรอว่า เราสองคนมีรูปแบบการเล่นที่สามารถเอาชนะได้อยู่" 



                   โทรุพูดเหมือนมีนัยแอบแฝง 



                   "ถึงจะใช่ก็เถอะแต่พวกทีมของเราละ เขาจะฟังที่พวกเราบอกแผนการเล่นง่ายๆงั้นหรือ อย่าลืมนะว่าพวกนี้ไม่ใช่คนที่เรารู้จัก เป็นคนของเจ้าหญิงกับเจ้าชายสองคนนั้น ของคนบนโลกเวทมนตร์เข้าใจไหม" 



                   เขาพูดเน้นย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำโดยเฉพาะคำหลังที่ย้ำเสียจนโทรุเกิดความรู้สึกระหวาดระแวงที่จะแพ้ ตัวโทรุเองไม่น่าจะโต้เถียงกับคำพูดของเจ้าหญิงไอร์ซนั่นเลย คิดแล้วก็ชวนปวดหมองให้เสียจนได้ เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว ไม่มีทางจะแก้ได้เลยนอกเสียจากเผชิญกันซึ่งๆหน้าเท่านั้น 



                   "เข้าใจ ฉันเข้าใจมากเลยมาโกโตะ แต่อย่าลืมนะว่าทีมฮาร์สชูจะยอมแพ้กับทีมไทล์กริสง่ายๆงั้นหรือไง พวกนั้นคงไม่ยอมแน่ที่ให้ฝ่ายตรงข้ามชนะ มาโกโตะ นายคอยยืนดูอยู่เฉยๆดีกว่าและไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น เดี๋ยวฉันจัดการเอง" 



                   พูดจบโทรุก็เดินไปหาผู้เล่นร่วมทีมของตนเองจากนั้นก็เริ่มพูดอะไรบางอย่างกับพวกนั้น มาโกโตะเห็นแต่ไม่ทราบว่าโทรุพูดอะไรให้พวกนั้นฟัง เขายืนรอนานสัก 2-3 นาทีประมาณได้ ก็เห็นท่าทีของพวกที่อยู่ทีมเดียวกันเปลี่ยนไป 



                   "สำเร็จแล้วล่ะมาโกโตะ พวกเขายอมเล่นตามที่ฉันบอกไว้ด้วย!!



                   โทรุชูมือขึ้นแถมตะโกนบอกเขาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มราวกับผู้ครองชัยที่กำลังจะมาถึง มาโกโตะเชื่อใจในตัวโทรุและเชื่อใจคนในทีมว่าจะทำสำเร็จ แม้ว่าในใจผิดหวังอยู่เนืองนิจ ถ้าเขาโดนพลังเวทย์จนออกนอกสนามจะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องที่จะแพ้ 



                   "จะเริ่มการแข่งขันได้หรือยังละ รอนานแล้ว" 



                   น้ำเสียงที่ฟังดูโหดนิดๆของผู้ตัดสินดังขึ้นคล้ายกับไม่พอใจในทีมฮาร์สชู                



                   "พร้อมแล้วครับ! เริ่มการแข่งขันได้เลยครับ" คนในทีมที่ดูตัวใหญ่ที่สุดในทีมฮาร์สชูกล่าวกับผู้ตัดสิน เมื่อเห็นว่าทั้งสองทีมพร้อมแล้วผู้ตัดสินก็ชูมือขึ้นทำท่าจะบอกให้เริ่มการแข่งขัน 



                   "เดี๋ยวก่อน!"



                   ทุกคนในที่นี้ชะงักกับเสียงเจ้าหญิงที่สั่งออกมาราวกับฟ้าผ่า ดวงตานับร้อยดวงต่างจ้องไปที่เจ้าหญิงพร้อมๆกัน 



                   "มีผู้เล่นในทีมฮาร์สชูสองคนที่ไม่มีอาวุธ เพราะฉะนั้นจะเริ่มการแข่งไม่ได้" ไม่ทันจะเริ่มการแข่ง ไอร์ซก็หาเรื่องพวกเขาสองคนแล้ว ผู้ตัดสินได้ยินคำบอกของเจ้าหญิงก็หันไปมองที่เขา 



                   "พวกเจ้าสองคนไม่มีอาวุธหรือไง" 



                   ผู้ตัดสินถามด้วยน้ำเสียงเหี้ยมๆเหมือนกับไม่พอใจสุดๆ 



                   "ครับไม่มีเลย" 



                   คำตอบที่กลั่นออกมาอย่างสั้นๆง่ายพอที่จะเข้าใจ และไม่ยุ่งยากพลางปั้นหน้าโหดออกมาให้คนตรงหน้าเห็นด้วยความสะใจ โทรุในโหมดขั้นโหดเริ่มออกแววมาให้เห็นอีกครั้งในรอบห้าเดือน ซึ่งมาโกโตะเองก็ได้เห็นแล้วก็ปวดหมองพอกันกับเพื่อนสนิท ความโหดที่แสนจะน่ากลัวของโทรุ ซึ่งนานๆทีจะออกมาก็นับดูว่าน่ากลัวพอกัน ตัวเขาเองเคยประสบเจอกับตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว ...ไม่มีใครต้านโทรุได้แม้สักคนเดียว ไม่มีจริงๆ



                   "งั้นใครก็ได้ช่วยอนุเคราะห์เรื่องอาวุธให้เด็กสองคนนี้ทีจะได้เริ่มการแข่งขันเร็วๆ" 



                   ผู้ตัดสินกล่าวอย่างโกรธๆ  เงียบ ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกได้เลยว่าจะมีคนช่วยเหลือพวกเขาสองคนสักกะคนเดียว มาโกโตะและโทรุยืนนิ่งอยู่นานจนเกือบจะบอกขอยอมแพ้เนื่องจากไม่มีอาวุธซะแล้ว 



                   "เอ้า!รับไปซะเจ้าหนูสองตัวกระจ้อยร่อย" 



                   เสียงสวรรค์ดังแว่วมาดั่งปฏิหาริย์มาเกิด ชายแก่ที่ดูคุ้นตาโยนอาวุธมาให้กับพวกเขา



                   "มิสเทรส!?



                   พวกเขาสองคนตกใจมากที่คาดไม่ถึงว่ามิสเทรสจะมาอยู่ที่นี่ ...ว่าแล้วพวกเขาก็ยื่นรับอาวุธที่มิสเทรสโยนมาให้ มาโกโตะมองมิสเทรสแล้วก็หันมาสนใจอาวุธของตนเอง - นี่มันคือไม้คฑา! รูปร่างและทรวดทรงก็ไม่ต้องพูดถึง มันเหมือนที่เขาเคยเห็นในรูปภาพจากหนังสือของพ่อเขา ดวงตาแวววาวเป็นประกายสุกสว่างไปทั่ว เขาตื่นเต้นราวกับฝันไป ไม่นึกว่าจะได้เห็นมันจริงๆ ไม้คฑาทำมาจากไม้ฮอกกานีทั้งหมด ส่วนลวดลายของไม้นั่นก็คดโค้งวงกลมจนเห็นเป็นรูปคล้ายกับดวงตาของคน มันทั้งใหญ่และดูทรงอนุภาพที่ยากจะกล่าวถึง 



                   "สุดยอด - สุดยอด - ขอบคุณมากครับมิสเทรส!" 



                   โทรุกล่าวเสียงสั่นระริกระรี้ด้วยความดีใจขึ้นมาก่อนใคร อาวุธของเขาไม่เหมือนกับมาโกโตะโดยสิ้นเชิง แสงสะท้อนของแสงแดดกระทบกับอาวุธของโทรุอย่างเห็นได้ชัดว่ามันคืออะไร ดาบคู่เล่มใหญ่เกินตัวของผู้เป็นเจ้าเล่มนั้น มาโกโตะเห็นก็แทบตะลึงอ้าปากค้าง อะไรมันจะสุดยอดปานนั้นเชียวกัน ดูจากดาบเล่มคู่นั้นท่าจะหนักน่าดูชม ซึ่งมาโกโตะคิดว่าคงจะเหมาะกับคนที่เป็นนักกีฬาแข็งแรงอย่างโทรุ 



                   "ไม่ต้องขอบคุณหรอก" มิสเทรสยิ้มจากนั้นก็หันมามองมาโกโตะที่กำลังยืนถือไม้คฑาอยู่ 



                   "หลับตาแล้วจงท่องตามนี้ซะ เทราร์ ฟีราร์ นาคูซ์ ซูลิ ฟาร์ มิซาร์ ซูเมย์ เมล์มาร์รานร์ นีมส์รีม ซูลิ โอเนล พาร์เทล ซูซาซ์ทาร์เรียล แล้วก็อธิษฐานจิตระหว่างท่องด้วยละมาโกโตะ"  



                   "อะไรนะครับ" 



                   ตะกี้เขามัวแต่ชื่นชมกับดาบของเพื่อนจนเพลินจึงทำให้เขาฟังที่มิสเทรสพูดไม่ทัน 



                   "จะไม่บอกซ้ำอีกครั้งนะมาโกโตะ เทราร์ ฟีราร์ นาคูซ์ ซูลิ ฟาร์ มิซาร์ ซูเมย์ เมล์มาร์รานร์ นีมส์รีม ซูลิ โอเนล พาร์เทล ซูซาซ์ทาร์เรียล ท่องตามนี้หลังจากหลับตาแล้ว อ้อ! อย่าลืมอธิษฐานจิตตัวเองให้แน่วแน่ด้วยละ" 



                   เขาฟังที่มิสเทรสพูดจนจบ ...เวทย์อะไรกัน? ทำไมมันถึงยาวขนาดนี้นักนะ จะจำไหวได้ไหมเนี่ย ...ว่าแล้วเขาก็หลับตาลงตามคำสั่งอย่างว่าง่าย 



                   ขั้นแรกก็ตั้งจิตให้มั่นคงไม่วอกแวก เขาคิดมันอย่างนั้นก่อนเอ่ยคำร่ายเวทย์ออกมาช้าๆ 



                   "เทราร์ ฟีราร์ นาคูซ์ ซูลิ ฟาร์ มิซาร์ ซูเมย์ เมล์มาร์รานร์ นีมส์รีม ซูลิ โอเนล พาร์เทล ซูซาซ์ทาร์เรียล" 



                   สิ้นคำร่ายเวทย์ดังกล่าว จู่ๆ ก็มีลมพัดขึ้นรอบตัวของมาโกโตะ จากเพียงที่มีน้อยนิดกลับค่อยเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งแรงจนพัดเอาปลายเสื้อคลุมและเส้นผมของเขาลอยขึ้น แสงสว่างจ้าล้อมรอบตัวเขาอย่างไม่คาดฝันพร้อมกับตราวงเวทย์ที่ปรากฎด้านล่างตัวของมาโกโตะ  นี่นะหรือพลังเวทย์ของมาโกโตะ? เพื่อนสนิทที่โทรุคบหามานานนับสิบกว่าปีได้ ส่วนผู้คนที่เหลือต่างก็มองมาโกโตะอย่างไม่กระพริบตา ขืนถ้ากระพริบตาแล้วก็อดดูภาพที่น่าอัศจรรย์ของเด็กหนุ่มคนนี้ เสียงลมรอบตัวของมาโกโตะดังฟู่ฟ่าตลอดรอบฝั่งและนานพอสมควรที่มิสเทรสเห็นว่าพอได้กระมัง จึงชูมือขวาแล้วสะบัดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ลมแรงที่เคยพัดอยู่ก็จางหายสนิทด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ 



                   "เอาล่ะ ลืมตาได้มาโกโตะ" 



                   สิ้นคำสั่งของมิสเทรส ดวงตาน้อยๆก็เหลือบขึ้นมามองโลกภายนอกอย่างช้าๆ ทันทีที่มาโกโตะลืมตาจนเห็นชัด ก็ต้องประหลาดใจกับใบหน้าของทุกคน คล้ายกับตกใจอะไรบางอย่างในตัวของเขา แม้กระทั่งมิสเทรสเองก็ยังต้องตะลึง



                   "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจ้องผมอย่างนั้นละมีอะไรติดที่หน้าเหรอ" 



                   เขาถามมิสเทรสด้วยความงุนงง ...นี่เขาทำอะไรผิดไปหรือไง ทุกคนถึงได้เอาแต่จ้องหน้าเขาไม่หยุด และแล้วความสงสัยของเขาก็ถูกเฉลยทันที โดยที่ผู้ตอบเขานั้นไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ...โทรุนั่นเอง



                   "ไม่มีอะไรติดที่หน้านายหรอกมาโกโตะ ...ตะ..แต่สีตาของนายสิ มันเปลี่ยนไป..เป็น...สีแดงเหมือน...เลือด"



                   ..............................   



                   จบ บทที่ 6 เฟิร์ชซิบีลิอัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×