ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1/2 ผู้ชายนะค่ะ

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 ปมอดีต (อัพ 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 49


                   บทที่ 3 ปมอดีต



                   .............................



                   ไม่มีใครว่าอะไรหรอก นอกเสียจากตัวเองที่ทำมันขึ้นมา คุโด มาซาฮิโนะ ผิดแล้วย่อมต้องรับผิด นับตั้งแต่เขาก้าวก่ายการงานบริษัทของพ่อตัวเองแล้ว เขาแทบไม่เคยทำให้พ่อตัวเองต้องเสียใจ แต่บัดนี้ตัวเขาทำผิดมหันต์ ซึ่งร้ายแรงยิ่งกว่าการฆาตรกรรมเสียอีก เขาไม่น่าไปรบกับบริษัทคู่แข่งจนเสียเนื้อเสียตัวเพราะการพนันบ้าๆนั่น ก็จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ที่เขาทำไปก็เพราะความคิดโง่ๆ ตัวเขาเองยังหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง เพิ่งเรียนจบมหาลัยที่มีชื่อเสียงในประเทศอเมริกามาหมาดๆ ได้เพียงปีเดียว นอกจากจะเสียเนื้อเสียตัวไปแล้ว ก็ยังมีบางอย่างที่เขานำไปพนันเพื่อความสนุกด้วย ....บริษัทที่พ่อทำขึ้นมา เขาเอามันไปมัดจำไว้ก่อนแล้วค่อยใช้คืนทีหลัง ความจริงแล้วมันก็สามารถเอาคืนได้อยู่หรอก แต่ทว่าตัวเขานะสิ ดันไปก่อเรื่องยุ่งเข้าให้จนได้



                   "ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะที่นายจะเอาบริษัทของตัวเองมาเป็นตัวสัญญาไว้กู้หนี้ ...เพราะยังไงนายก็ได้มันกลับคืนอยู่ดี"



                   น้ำเสียงของบุคคลหนึ่งฟังดูแหบชอบกล รอยยิ้มจางๆเคยปรากฎอยู่แต่ก่อน บัดนี้กลับไม่มี ร่างใหญ่สวมชุดสูทผูกเนคไทอย่างดี นั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่ด้วยความเริงร่า พร้อมกับสั่นปลายเท้าไปมาเป็นจังหวะเหมือนกับไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมองคู่สนทนาด้วย 



                   "...แต่นั่นมันไม่เกี่ยวกับฉันเลย นายจะทำอะไรก็ทำไป แต่ทำไมต้องมายุ่งกับคนรักของฉันด้วย หา!!"



                   เสียงตวาดกระแทกแดกดันจนคู่สนทนาต้องสะดุ้ง ก็คนอย่างเขา คุโด มาซาฮิโนะ รองหัวหน้าบริษัทยักษ์ใหญ่เสมือนเป็นคนธรรมดาทั่วไป มีสิทธิ์ที่จะรักผู้หญิงบ้าง ก็ในเมื่อหญิงสาวของอีกฝ่ายนั้นเขาดันไปรักหัวปักหัวปำจนโงหัวไม่ขึ้นเสียแล้ว แล้วอีกอย่างผู้หญิงคนนั้นก็ดันรักเขาด้วย  เขาและหล่อนทั้งสองเคยนัดแนะพบกันจนเกิดความรักและมีอะไรกัน จนกระทั่งแฟนเก่าของหล่อนดันมารู้เข้า เหตุนี้จึงทำให้เขากลัดกลุ้มปัญหานี้แทบบ้า 



                   "อย่าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเชียวนะ ว่านายทำอะไรกับแฟนเก่าของฉัน" ว่าที่แฟนเก่าบ่นพลางขยี้บุหรี่ด้วยความโมโห "นายไม่มีสิทธิ์ที่จะรักหล่อนได้ เพราะเธอเป็นของๆฉันเพียงคนเดียว" 



                   ทันทีที่พูดจบ ฝ่ายตรงข้ามก็เถียงขึ้นมาทันควัน 



                   "ทำไมจะไม่ได้ละ! ก็เมย์กับฉันรักกันแทบจะตายแทนกันได้ จะนับประสาอะไรกับคนที่เป็นแฟนเก่าอย่างนาย! โอตะ ทาทาโนะ คนอย่างนาย เบื่อเมื่อไหร่ก็ทิ้งตรงนั้นแหละ ....เฮ้อ! จะว่าไป ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนสีซอให้ควายฟัง" คนที่ถูกขานชื่อได้ยินที่มาซาฮิโนะพูดแล้วก็รู้สึกโมโหยิ่งกว่าเก่า 



                   "ตะกี้นายว่าฉันงั้นรึ!  อ๋อ! นี่นะหรือสารท้ารบ ได้!....ได้! แล้วนายจะได้เห็นดีกันว่าฉันโหดเหี้ยมแค่ไหน"



                   ว่าแล้วทาทาโนะก็หันไปทางโทรศัพท์ พลางหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบที่ใบหูตัวเอง 



                   "สั่งการลงไปให้รุคาวะ ดันโซที่จองหุ้นร่วมกับบริษัทนั่น จัดการล้ม บริษัทนั่นซะแล้วก็ฆ่าอย่าให้เหลืดรอดแม้แต่คนเดียว" สิ้นเสียงคำสั่ง ทาทาโนะก็กระแทกหูโทรศัพท์ทันที พร้อมกับเงยหน้าไปมองมาซาฮิโนะราวกับเป็นผู้ชนะ 



                   "เป็นไงล่ะ คราวนี้ไม่มีใครช่วยแกได้อีกแล้วนะ"



                   คำสรรพนามที่จากเดิมว่า นาย เปลี่ยนเป็น แก แทน ส่วนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแสยะยิ้มของผู้ที่ถือครองชัยดูแลน่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด ...นี่เขาจะต้องหมดสิ้นทุกอย่างแล้วหรือเนี่ย มาซาฮิโนะเอ๋ย ทำไมแกมันแย่อย่างนี้นะ คิดแล้วก็น่าสมเพชเสียเหลือเกิน รู้อย่างงี้น่าจะทำตามคำสอนของศาสตราจารย์บารุสตั้งแต่แรกซะก็ดีหรอก หมดสิ้นเสียทุกอย่างแล้ว เขาไม่มีหน้าจะเอาไปไว้ไหนได้อีก.... ความหวังสุดท้ายก็สิ้นสุดลงจนเขานึกอยากจะฆ่าตัวตาย ขณะที่ทาทาโนะกำลังเผลอ เขาก็หยิบมีดเล่มเล็กขึ้นมาจ่อคอตัวเอง ทำให้ทาทาโนะถึงกับตกตะลึง ....นี่มันจะตัวตายงั้นรึ ...ทีแรกทาทาโนะตั้งใจจะขัดขวางไม่ให้เขาฆ่าตัวตาย แต่เกิดนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ว่า ถ้าหมอนี่ตายไป สิ่งที่ทาทาโนะต้องการก็จะเป็นของเขาหมด รวมถึงเมย์แฟนเก่าของเขาด้วย 



                   "เอาเลย ฆ่าตัวเองตายเลยซะสิ แล้วเมย์ก็จะกลับมาเป็นของฉันเหมือนเดิม"



                   คำพูดของทาทาโนะดังขึ้น ซึ่งเขาฟังแล้วก็ชะงักไปในทันที จริงสิ เรายังเหลือเมย์อีกคนนี่ เรื่องอะไรที่จะต้องมาฆ่าตัวตายโดยที่ทิ้งให้เมย์ต้องทุกข์ทรมานกับหมอนี่ได้กันละ... เขาคิดอยู่สักพักก็ทิ้งมีดเล็กลงกับพื้น ทาทาโนะเห็นก็ต้องตกใจอีกครั้ง ทำไมหมอนี่ไม่คิดจะฆ่าตัวตายละ หรือว่าจะเปลี่ยนใจกันแน่ 



                   "ทำไมไม่ฆ่าตัวเองตายไปเลยเสียละ ไหนๆก็ไม่มีอะไรที่ให้แกต้องเหลืออีกแล้ว พ่อ แม่ น้องสาวแก ตายหมดเกลี้ยง อ้อ! จริงสิ รวมเมย์ของแกด้วย หึหึ" ทาทาโนะพูดเย้ยหยันด้วยความสะใจ 



                   "เรื่องอะไรละ! ที่ฉันจะยอมยกเมย์ให้แกอีกครั้งละ ไม่มีวัน ไม่มีวันเด็ดขาด!" เขาพูดโต้เถียงพลางนึกในใจขอโทษบรรพชนที่สั่งสอนเขามาตั้งแต่วัยเยาว์ ...ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วเขาจะยอมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่เขาจะได้มีความสุขกับคนที่รักอีกครั้ง ว่าแล้วเขาก็เผยรอยยิ้มที่พอใจที่สุด 



                   "เป็นบ้าอะไรขึ้นมาละ จู่ๆก็ยิ้มขึ้นมาซะได้ บ้าหรือเปล่า"



                   ทาทาโนะนึกว่ามาซาฮิโนะที่หมดสิ้นทุกอย่างจนเป็นบ้า จึงได้พูดออกมาโดยที่ไม่ทันระวังตัวว่า ตัวเองกำลังใกล้จะตายไม่ช้านี้ 



                   "ทาทาโนะ ...อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยหน่อยนะ โชคของนายมันไม่ดีเอาเสียเลย ฉันกับเมย์รักกันจริงๆ ...ลาก่อน หวังว่าชาติหน้าเราจะได้พบกันอีก" 



                   เมื่อมาซาฮิโนะพูดจบ ทาทาโนะก็ตกใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม หมอนี่คิดจะลงมือฆ่าเขาหรือไงเนี่ย ว่าแล้วความคิดก็ไม่ทันเท่ากับร่างกายที่ยืนนิ่งราวกับเหมือนถูกแช่แข็ง ไอความเย็นเริ่มประทุขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทาทาโนะไม่รู้เลยว่าภายในห้องนี้ทำไมถึงมีความเย็นมากถึงเพียงนี้ ทันทีที่ทาทาโนะจะก้าวเท้าออกจากห้องนี้ ก็สายไปเสียแล้ว เนื่องจากเท้าของเขาไม่ขยับ ...แข็งดั่งหิน และให้ความรู้สึกชาไปทั่ว ทาทาโนะทั้งตกใจและแปลกใจไปพร้อมๆกัน ความรู้สึกหวาดกลัวเริ่มก่อขึ้นทุกขณะ พอหันไปมองมาซาฮิโนะก็แทบตกใจเสียเดี๋ยวนั้น ใบหน้าของมาซาฮิโนะไม่เหลือเค้าคนเดิมอีกเลย ....มาซาฮิโนะ ร่างที่เคยสวมชุดสูทผูกเนคไทเช่นเดียวกับทาทาโนะ กลับไม่มีอีกแล้ว มีแต่ร่างที่สวมชุดประหลาดแตกต่างจากที่ทาทาโนะเคยเห็น ....ทาทาโนะเห็นมันได้เพียงชั่วอึดใจเดียว สมองก็หยุดสั่งการไปทันทีพร้อมกับดวงตาเล็กๆที่ปิดลงสนิท



                   "หวังว่าเราจะได้พบกันอีกที่นรกนะโอตะ ทาทาโนะ" 



                   ..........................................

      

                   เสียงระฆังตามโบสถ์ชาวคริสต์สั่นดังลั่นไปทั่วเมือง เหมือนเป็นเสียงที่บอกให้ทุกคนในที่นั้นได้ทราบว่า มีคู่ชายหญิงที่กำลังจะมีความสุขคือการแต่งงานของทั้งสอง ที่หาดูได้ยากยิ่ง ชายหนุ่มรูปงามกับหญิงสาวที่แสนสวยช่างเหมาะเจาะกันพอดิบพอดี สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก แม้ว่าญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะไม่มีมาร่วมงาน แต่ก็ไม่ทำให้ฝ่ายญาติเจ้าสาวต้องโกรธเคือง เพราะมีเหตุการณ์อันเศร้าสลดที่ทำให้ฝ่ายญาติเจ้าสาวต้องเห็นใจ พ่อแม่ น้อง รวมถึงญาติคนอื่นๆ ซึ่งถูกฆ่าตายกันหมด เหลือแต่เจ้าบ่าวที่ยังคงรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด แม้ว่าข่าวเรื่องบริษัทของเจ้าบ่าวจะดังไปทั่วว่า เขาขายบริษัทตัวเองให้กับบริษัทอื่น แต่ก็ไม่ถือว่า ตัวเขาจะหมดสิ้นเสียทุกอย่าง เขายังคงมีสมองอันชาญฉลาดประกอบกับเงินที่เคยเก็บเหลือไว้ตอนที่เคยอยู่มหาวิทยาลัย แล้วนำเอามาตั้งบริษัทขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยตั้งชื่อว่า บริษัทคุโด มาซาฮิโนะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าฝ่ายเจ้าบ่ายจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ต้องยกย่องให้ว่ายอดเยี่ยมไม่มีใครทาน เหตุนี้ทางพ่อแม่ของฝ่ายเจ้าสาวถึงกับยกให้ไปฟรีๆ เพราะไว้วางใจมาซาฮิโนะว่าจะดูแลลูกสาวตัวเองได้เป็นอย่างดี



                   "ยินดีด้วยนะสำหรับคู่เจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งสองคน ต่อไปนี้ก็รักกันให้มากๆจะได้อยู่กันจนแก่จนเฒ่า ลูกหลานเต็มเมือง"



                   ทุกคนที่มางานนี้ต่างกล่าวคำอวยพรให้แก่เจ้าบ่าวเจ้าสาวกันอย่างชื่นมื่นหน้าตาเบิกบาน ในขณะที่ทั้งสองคนยืนอยู่บนบันไดตรงหน้าประตูทางเข้าโบสถ์ที่เพิ่งจะออกมาตะกี้นี้ กลีบกุหลาบหอมลอยละลิ่วตามตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปดูแลสวยงามกับพิธีแต่งงานนี้ คุโด มาซาฮิโนะเริ่มรู้สึกดีใจเป็นที่สุด ไม่มีวันไหนที่เขารู้สึกดีมากกว่านี้กับการได้แต่งงานกับคนที่เขารัก เมธินี จันทร์ทรา หรือเมย์ หญิงสาวที่เขารัก กำลังยืนอยู่ข้างๆเขา วันนี้หล่อนสวยที่สุดในงาน ชุดเจ้าสาวขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องที่หล่อนสวมใส่ ช่างเหมาะกับตัวหล่อนเสียจริง เขานึกแล้วก็ภาคภูมิใจเป็นที่สุด เขาและเมย์ยืนจับมือกันและส่งยิ้มไปให้ทุกคนในงานด้วยความปลื้มตันใจ 



                   "เมย์ครับ ได้เวลาโยนช่อดอกไม้แล้วนะ"



                   เขาหันหน้าไปบอกกับหล่อน พอหญิงสาวได้ยินก็พยักหน้าตอบ ต่อจากนั้นหล่อนก็ชูช่อดอกไม้ขึ้นสูง ส่วนหญิงสาวที่มาในงานต่างตั้งหน้าต่างตาคอยรอรับช่อดอกไม้กันแบบไม่กระพริบตา สักพักช่อดอกไม้ก็ลอยสูงขึ้นและหล่นลงท่ามกลางหญิงสาวนับร้อยที่เข้ามาแย่งกันเต็มไปหมด เขาเห็นแล้วก็อดหัวเราะมิได้กับภาพที่เห็น 



                   "ไปกันเถอะคะ มาซาฮิโนะ" เมย์หันมาพูดกับเขา 



                   "ครับ" 



                   เขาก็พาหล่อนเดินไปที่รถยนต์ ซึ่งถูกเตรียมเอาไว้หน้าบริเวณโบสถ์ ตัวเขาและเมย์ต้องไปฮันนีมูนส์กันต่อ ทว่า ขณะที่เขากับเมย์ไปถึงที่นั่นก็พบชายแก่ผมขาวสวมชุดแปลกประหลาดยืนขวางทั้งคู่เอาไว้ เขาหยุดชะงักทันทีที่เห็น 



                   "ได้โปรดเมตตาให้ผมกับเมย์ไปตามทางที่จะควรด้วยนะครับ" เมย์ได้ยินที่มาซาฮิโนะพูดออกมาก็รู้สึกงุนงง คำพูดคำจาของมาซาฮิโนะเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ซึ่งไม่เหมือนตอนที่พูดกับหล่อน คำว่า ได้โปรดเนี่ย มันหมายความว่าไงกัน หรือว่ามาซาฮิโนะรู้จักกับชายแก่ผู้นี้



                   "คิดดูดีแล้วแน่เหรอมาซาฮิโนะ เจ้ากำลังคิดผิดเชียวนะที่ทำแบบนี้ ไม่นึกถึงอนาคตที่จะเกิดตามมาทีหลังหรือยังไง"



                   ชายแก่คนนั้นกล่าวเสียงชัดถ้อยชัดคำคล้ายกับตักเตือนมาซาฮิโนะ แต่เรื่องอะไรที่เขาจะยอมฟังแค่คำๆเดียวของชายตรงหน้า ซึ่งเมย์เองก็เริ่มเข้าใจความหมายที่ชายแก่พูดออกมาบ้าง เหมือนกับว่าหล่อนกับเขาไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้ "เรื่องนั้นผมทราบดี อนาคตจะเป็นยังก็ช่างมัน ขอแค่มีเมย์คอยอยู่เคียงข้างผมไปตลอดก็พอแล้ว" เมย์ฟังแล้วก็รู้สึกเจ็บที่ข้อมือตัวเอง พอหล่อนมองตรงส่วนที่เจ็บก็เห็นว่ามือของเขากำลังจับข้อมือของหล่อนแน่นราวกับกลัวอะไรบางอย่าง



                   "แน่ใจแล้วหรือ มาซาฮิโนะ ความสุขที่เจ้าต้องการนั้น มันไม่ได้อยู่ได้ตลอดรอดฝั่งหรอกนะ ถ้าเจ้ายังคงทำตัวแบบนี้ ลืมคำสอนที่ฉันเคยบอกไปแล้วหรือว่า คนเราไม่สามารถสร้างความสุขได้โดยการแย่งชิงมันมาหรือทำลายสิ่งๆนั้น ...ฉันบอกได้เท่านี้แหละ กลับเอาไปคิดดูให้ดี มาซาฮิโนะ ...จำไว้ 15 ปีให้หลัง ฉันจะกลับมาอีกแน่" 



                   เมื่อชายแก่คนนั้นพูดจบ จู่ๆ ก็มีลมแรงพัดผ่านมาจนทำให้เมย์ต้องรีบหลับตา พอหล่อนลืมตาขึ้น ชายแก่ที่ว่าก็หายไปเรียบร้อยแล้ว "เอ๋! ชายแก่คนนั้นหายไปไหนแล้วเหรอ มาซาฮิโนะ" 



                   หล่อนหันไปถามเขาอย่างสงสัย ใบหน้าของมาซาฮิโนะที่เคยอ่อนโยนกลับบึ้งตึงจนดูน่ากลัว 



                   "มาซาฮิโนะ มาซาฮิโนะได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า" หล่อนเรียกเขาซ้ำอีกครั้งทันทีที่เห็นว่าเขาเงียบนานจนเกินไป



                   "อ๋อ! ขอโทษที พอดีผมเหม่อลอยไปหน่อย ตะกี้คุณว่ายังไงนะเมย์ ผมไม่ได้ยินเลย" 



                   ใบหน้าของมาซาฮิโนะกลับมาเป็นเหมือนเดิม หล่อนมองเขาพลางคิ้วขมวดอย่างไม่เข้าใจ ทำไมมาซาฮิโนะต้องโกรธชายแก่คนนั้นด้วยละ 



                   "ชายคนเมื่อกี้เป็นใครกันเหรอคะ ทำไมอยู่ดีๆก็มาว่าเราสองคนด้วย" 



                   หล่อนไม่พอใจที่ชายแก่คนนั้นมาว่าเขากับหล่อน เป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่าของชายแก่เพียงคนหนึ่ง ที่จะพยายามแยกเขากับหล่อนแยกจากกัน อนาคตอนาเคิตอะไรกัน ไร้สาระสิ้นดี เขากับหล่อนรักกันแทบจะตายแทนกันได้ เรื่องอะไรที่ยอมแยกจากกันด้วยเรื่องพรรณนี้ละ หล่อนรอฟังคำตอบของเขาอยู่ชั่วครู่ จนกระทั่งเขาตอบกลับมาด้วยเสียงที่ฟังดูเหมือนจะร้องไห้ออกมาตรงนั้นจะว่าได้



                   "ศาสตราจารย์บารุส มิสเทรส เป็นคุณปู่ของผมเองครับ เมย์"



                   ............................



                   จบ บทที่ 3 ปมอดีต
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×