ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1/2 ผู้ชายนะค่ะ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 ความเป็นเพื่อน (อัพ 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 49


                   บทที่ 2 ความเป็นเพื่อน



                   ............................



                   "กลับมาแล้วครับ" 



                   เสียงตะโกนของเด็กชายดังพอที่จะให้คนในบ้านได้ทราบว่าตัวเขากลับมาถึงบ้านแล้ว หลังจากพูดจบ เขาก็ค่อยถอดรองเท้าของตนเอง แล้วนำไปวางไว้บนชั้นรองเท้าที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างดี 



                   "บอกแล้วไงว่าให้กลับมาก่อนพระอาทิตย์ตก มาโกโตะ"



                   เสียงของผู้เป็นพ่อดังขึ้น เขาได้ยินจึ่งเงยหน้ามองพ่อด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา 



                   "ผมขอโทษ..." เขายังพูดมิทันจบประโยค เขาก็ถูกมือใหญ่หยาบกร้านตบเข้าที่ใบหน้าหนึ่งที "ไอ้ลูกไม่รักดี พ่อบอกแล้วว่า ให้กลับก่อนพระอาทิตย์ตกไง! ....คืนนี้พ่อขอสั่งห้ามไม่ให้เจ้าออกไปข้างนอกอีก ถ้าพ่อรู้ว่าเจ้าแอบออกไปละก็ เตรียมตัวตัดขาดพ่อลูกได้เลย!"



                   เขารู้สึกเจ็บปวดและแสบไปหมด ไม่ว่าทางกายหรือทางใจก็ตาม มันทำให้เขาถึงกับเข่าอ่อนระทวยจนแทบยืนไม่อยู่ แค่ทะเลาะกับโทรุก็แย่อยู่แล้วแต่คราวนี้ยิ่งเป็นพ่อของเขาเอง เขาไม่น่ากลับมาช้าเลย คิดแล้วเขาก็ต้องอดที่จะร้องไห้อีกครั้งเสียมิได้ ..ทำไมพระเจ้าถึงไม่เข้าข้างเขาเอาเสียเลย พอหลังจากที่พ่อพูดจบก็หันหลังกลับไปเข้าในห้องนอนของตัวเอง โดยที่ทิ้งให้เขานั่งร้องไห้ด้วยความทุกข์ พ่อเขาไม่สนใจในตัวเขาแล้ว.... อีกครั้งที่เขาต้องอยู่คนเดียวภายในบ้านที่ไร้ความสุข ความเงียบบังก่อให้เกิดใจของเขาต้องมัวหมอง ค่ำคืนวันนี้เขาไม่มีใจที่จะทานอาหารเย็นอีกเลย เขาจึ่งตัดสินใจอาบน้ำแล้วก็เข้าห้องนอนทันที 



                   แม่ครับ ผมคิดถึงแม่ครับ



                   เขาคิดพลางมองดวงจันทร์ที่มีสีเหลืองนวล วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งเขาดูแล้วช่างงดงามยิ่งนัก แต่ก็เทียบกันมิได้กับจิตใจที่น่ารังเกียจและสกปรกเช่นเขา เหตุใดหนอที่เขาต้องเกิดมาเจอแต่เรื่องร้ายๆ ร่างเล็กที่สวมชุดนอนลายทางของผู้ชายนั่งกอดเข่าจุมปุกอยู่บนหลังคาบ้านของตนเอง คืนนี้อากาศหนาวก็จริง แต่ก็ไม่เท่าในคืนที่แม่ของเขาตาย จะมีสิ่งใดที่ช่วยเขาให้มีชีวิตดีขึ้นเหมือนกับคนอื่นบ้างนะ 



                   "แค่กๆๆ" 



                   เขาอยู่ในที่อากาศเย็นนานจนเกินไป ทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลงจนเป็นไข้โดยที่ไม่รู้ตัว "พรุ่งนี้จะมีหน้าไปพบกับโทรุได้ยังไงกัน" เขารู้สึกเสียใจที่โกหกเพื่อนสนิทอย่างเช่นโทรุ ความอ่อนแอและหวาดกลัวทำให้เขากับโทรุต้องเหินห่างกัน 



                   มันคงจะยากนักที่เขาจะไปคืนดีกับโทรุ ถ้าเขาบอกเรื่องคำสาปให้โทรุทราบ ก็ไม่แน่ว่าโทรุอาจจะกลับมาคืนดีกับเขาและยอมเข้าใจในร่างอัปรีย์ของเขาก็เป็นได้ ว่าแล้วเขาก็ตัดสินใจทันที เรื่องอะไรที่จะเก็บความลับไว้ไปตลอดชีวิต ไม่มีทางเด็ดขาด สู้เอาไปบอกกับโทรุให้สบายใจไปเลยดีกว่า คิดเสร็จก็รีบลุกขึ้นยืน แล้วกลับเข้าไปในห้องของตัวเองแล้วรีบนอนทันที



                   .................



                   เช้าวันรุ่งขึ้นพ่อของเขาไม่ได้มาปลุกเขาเหมือนเช่นเคยทุกๆวัน คราวนี้เขาต้องตื่นนอนเองอย่างช่วยไม่ได้ พอลงจากเตียงก็รู้สึกหน้ามืดทันควัน แทบจะคว้าหาสิ่งที่ยึดไว้มิให้ล้มด้วยความรวดเร็ว ...เจ็บคอ ตัวร้อน มึนศีรษะ หน้ามืด ไม่มีแรง อาการพวกนี้บ่งบอกชัดเจนได้ว่า ตัวเขากำลังไม่สบายและเป็นไข้ 



                   "แย่ละสิ ดันมาเป็นไข้เอาวันนี้ซะได้" 



                   เขาทราบดีว่า เนื่องจากเมื่อวานไม่ได้ทานข้าวเย็นแถมไปนั่งตากลมตอนดึกดื่นอีกต่างหาก มีหรือที่จะไม่ป่วยเป็นไข้ได้ยังไงกัน เขาคิดไปคิดมาว่าวันนี้จะลาหยุดไม่ไปโรงเรียนดีหรือไปดี แต่แล้วก็คิดได้ว่าเมื่อคืนนี้เขากะว่าจะไปโรงเรียนเพื่อบอกความลับให้โทรุได้ทราบ จึงตัดสินใจไปโรงเรียนและอดทนโดยที่ไม่สนใจกับไข้ที่มาเยือนถึง 39 องศา



                   พอมาถึงโรงเรียนแล้ว เขาก็รีบเดินขึ้นตึกทันที ระหว่างที่เขากำลังขึ้นบันไดอยู่นั้น ก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาเพราะพิษไข้ ทำเอาคนรอบๆข้าง ต่างพากันตกใจกับร่างของเด็กเรียนดีเช่นเขา ที่กำลังจะหงายท้องตกบันไดไป 



                   "ระวังตัวหน่อยสิ มาโก...โตะ" 



                   น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเหินห่างของบุคคลที่มารับตัวเขาก่อนที่จะได้ตกลงไป นี่แสดงว่าโทรุเข้ามาช่วยรับตัวเขาเอาไว้นั่นเอง มิน่าละ...ตัวเขาถึงเบาหวิวๆ จากนั้นโทรุก็ดันตัวให้เขาได้ยืนดีๆ "ไม่สบายก็ไปห้องพยาบาลซะ อย่ามายืนเกะกะที่นี่"



                   ฟังเสียงดูก็รู้ว่าโทรุเป็นห่วงเขาอย่างแน่นอน แต่ทำไมถึงพูดจาเสียดสีกับเขาแบบนี้ได้กันนะ ความเป็นเพื่อนของเขากับโทรุมันสิ้นสุดไปแล้วหรือไงกัน ว่าแล้วเขาก็หลีกทางให้โทรุเดินผ่าน แม้แต่เพื่อนสนิทที่ซี้ปึกกันมานานยังไม่ยอมมองหน้ากันตรงๆเลย แบบนี้โทรุมันจะยอมฟังที่เขาพูดงั้นหรือ ขณะที่โทรุกำลังจะเปิดประตูเพื่อที่จะเข้าห้องเรียน เขาก็รีบฉวยโอกาสทองในตอนนี้พูดกับโทรุ แต่ถ้าเขาไม่พูดตอนนี้ ก็จะไม่มีวันหลังอีกแล้ว



                   "เดี๋ยวก่อน! โทรุ" 



                   เจ้าของชื่อได้ยินถึงกับหยุดชะงัก พลางหันหน้ามามองเขา "มีอะไรอีกละ คนกำลังรีบๆอยู่" ใบหน้าของโทรุดุดันจนเขานึกกลัวเสียมิได้ มือสั่น เหงื่อไหล หน้าซีดของเขากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด นี่เขาตื่นเต้นหรือกลัวโทรุกันแน่นะ 



                   "กลางวันนี้เจอกันที่ดาดฟ้าของโรงเรียนนะ ...ฉะ..ฉันจะมีเรื่องอะไรบางอย่างที่จะบอกนาย"



                   เขาพูดเสียงสั่นเหมือนลูกนกที่เพิ่งเกิดใหม่ หวังว่าโทรุจะคงไม่ปฎิเสธคำชวนของเขาหรอกนะ และสิ่งที่เขาหวังก็เป็นดังที่คิดไว้ โทรุส่งยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน "หึหึ ตกลงมาโกโตะ เจอกันกลางวันนี้ที่ดาดฟ้า อ้อ! แล้วคาบเช้าของวันนี้ไม่ต้องเข้าเรียนรู้ไหม มาโกโตะ ...ไปห้องพยาบาลซะนะ" 



                   ดูเหมือนว่าโทรุจะยอมกลับมาเป็นเพื่อนกับเขาดังเดิมแล้ว ความรู้สึกของเมื่อวานที่แทบอยากจะบ้าตายก็มลายหายไปทั้งหมด พอโทรุพูดจบเขาก็ลืมไปเสียสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ปล่อยให้ร่างกายของตนเองที่ทนไม่ไหวล้มไปนอนกับพื้น 



                   "เฮ้ย! มาโกโตะ ทำใจดีๆเอาไว้นะเพื่อนยาก"



                   โทรุตกใจที่เห็นเพื่อนล้มลงไปนอนกับพื้นจึงรีบวิ่งเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง "ฉันไม่เป็นไรหรอกนะ แค่เหนื่อยเท่านั้นเอง หึหึ" เขารู้สึกโล่งอกพร้อมกับความรู้สึกยินดีปรีดาที่เห็นโทรุยังเป็นห่วงเขาอยู่ และแล้วเขาก็เผลอพลอยหลับไปไม่รู้ตัว



                   ..............



                   "จะให้วางแฟ้มตรงไหนคะท่านประธาน" เสียงหวานของหญิงสาวที่เป็นเลขาส่วนตัวของว่าที่ประธาน ซึ่งบุคคลที่ถูกถามกลับไม่เงยหน้าขึ้นมามอง แถมจับปากกาเขียนตวัดไปมาบนกระดาษที่อยู่ในแฟ้มสีดำ 



                   "วางไว้ตรงนั้นแหละ และก็ออกไปได้แล้ว" ว่าที่ประธานกล่าวเสียงเรียบพลางโบกมือไล่ให้หล่อนออกไปข้างนอก



                   "ค่ะท่านประธาน" 



                   เลขาสาวบ่นด้วยความน้อยอกน้อยใจที่ท่านประธานไม่สนใจใยดีกับหล่อนเลยสักนิด จึงเดินหันหลังกลับออกไปแถมสะบัดก้นส่งท้ายด้วย ตอนนี้เหลือแต่ว่าที่ประธานที่นั่งนิ่งสงบ มือที่เคยเขียนตัวหนังสือก็หยุดลง เงยหน้าขึ้นมามองเพดานคล้ายกับมีเรื่องที่ไม่สบายใจ และเหม่ออยู่นานจนกระทั่ง



                   "ท่านประธานคุโดคะ! พอดี...อุ้ย! ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะ" 



                   "ไม่เป็นไรหรอก มีเรื่องอะไรก็ว่ามา" 



                   ชายหนุ่มหันหน้ามามองเลขาส่วนตัวของเขาเอง "พอดีมีโทรศัพท์จากอาจารย์ที่โรงเรียนบอกมาว่า ลูกชายของท่านประธานเป็นลมเข้าโรงพยาบาลค่ะ เห็นรู้สึกว่าจะเป็นไข้มาก่อนด้วยค่ะ" ทันทีหญิงสาวพูดจบ ก็ต้องตกใจกับเสียงดังตรงหน้า เขาทุบโต๊ะทำงานด้วยความโกรธ 



                   ให้ตายสิ ชอบทำตัวให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย มิน่าถึงได้เหมือนเมย์เปี๊ยบ แม่ยังไงลูกก็เป็นแบบนั้น



                   คิดเสร็จก็ลุกขึ้นยืนพรวดพราด "บอกทุกคนว่า วันนี้ของดการประชุมแล้วกัน" เขาเก็บเอกสารที่เหลือยัดเข้ากระเป๋าอย่างว่าง่าย "ค่ะ ว่าแต่ท่านประธานจะรีบไปโรงเรียนหรือคะ" เลขาสาวถามทั้งๆที่รู้ว่าเขาต้องไปแน่ๆ มีหรือที่พ่อจะไม่เป็นห่วงลูกของตัวเอง 



                   "อืม แล้วก็ถ้ามีใครโทรมานัดเรื่องงานก็บอกไปเลยว่าฉันไม่ว่าง เข้าใจไหม" 



                   "ค่ะท่านประธาน" ถึงหญิงสาวจะตอบตกลงไปแต่ชายหนุ่มก็คงไม่ได้ยิน เพราะว่าตัวของเขาได้ออกไปนอกห้องก่อนที่เลขาจะตอบเสียอีก 



                   .....................



                   ความอึดอัดใจมันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มรสุมที่เคยฝังอยู่ในอกมันก็ทุเลาลงจนกระทั่งรู้สึกได้ ความอบอุ่นที่ได้รับมันช่างวิเศษเหลือล้นเสียจริง หรือจะเป็นสิ่งที่ใจของเขาปรารภนากันแน่ กลิ่นหอมดอกมะลิที่ล่องลอยพาดผ่านทำให้รู้สึกดียิ่งกว่า นั่นช่างเป็นกลิ่นหอมที่คุ้นเคย ...กลิ่นหอมที่มาจากตัวของคุณแม่ เป็นกลิ่นที่เขาเกือบแทบจะลืมเลือนไปแล้วเสียด้วยซ้ำ ...ทันใดนั้นเสียงที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยินอีก ก็กลับมา 



                   มาโกโตะลืมตาสิ แม่อยู่ข้างลูกแล้วนะ



                   น้ำเสียงของคุณแม่ดังก้องในหู เขาได้ยินเสียงของคุณแม่ว่าแล้วก็รีบลืมตาขึ้นมาด้วยความหวังอันน้อยนิด ไม่แน่ว่าถ้าเขาลืมตาขึ้นมาก็อาจจะได้เห็นใบหน้าที่ส่งยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนแน่นอน แสงสว่างที่ไหนก็ไม่รู้ส่องเข้าที่ดวงตาของเขา แสบ แสบเหลือเกิน ..แต่เอ๊ะ! นี่เขาคิดไปเองหรือเปล่าเนี่ย ว่าแล้วก็ลืมตาขึ้น คุณพ่อ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ส่วนนั่นก็โทรุพอรู้ว่าเขาตื่นก็ยิ้มให้เลยเชียว 



                   "ในที่สุดก็ฟื้นซะทีมาโกโตะ เล่นเอาฉันเป็นห่วงแทบแย่" โทรุพูดก่อนใครเป็นคนแรก จากนั้นเขาก็หันไปมองทางพ่อ สีหน้าของพ่อยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน "เป็นไข้ทำไมถึงไม่บอกฮึ! มาโกโตะ" 



                   "เอ่อ ....ผมขอโทษครับ คุณพ่อ" 



                   ไม่รู้เป็นอะไรขึ้นมา จู่ๆ น้ำตาก็ไหลพรากลงมา และเขาหยุดมันไม่ได้ รู้สึกดีใจมากที่พ่อยังคงเป็นห่วงเขา "รู้ไหมว่า ลูกเป็นไข้หวัดใหญ่เชียวนะ ดีที่เพื่อนของลูกพาลูกมาที่โรงพยาบาลได้ทัน ไม่งั้นแย่แน่" ผู้เป็นพ่อกล่าวพลางใช้มือทุบศีรษะมาโกโตะเบาๆ  



                   "เอาล่ะ เดี๋ยวพ่อขอตัวไปข้างนอกคุยกับหมอก่อนนะ ..ไอดะ ฉันขอฝากช่วยดูแลมาโกโตะให้ที"



                   "ครับคุณคุโด" 



                   สิ้นเสียงการตอบรับพ่อของเขาก็เดินออกไปนอกห้อง เหลือแต่เขากับโทรุที่ยังคงอยู่ในห้องเพียงสองต่อสอง 



                   "โทรุ" เขาเรียกชื่อเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างเตียงอย่างแผ่วเบา 



                   "หืม? มีอะไรเหรอ มาโกโตะ" 



                   โทรุรับคำและตีหน้าสงสัยมาทางเขา



                   "ขอโทษ" 



                   คำเดียวสั้นแต่ได้ใจความ ไม่มีอะไรที่เขาจะพูดได้มากกว่านี้ ความผิดที่เขาไม่ยอมบอกเรื่องคำสาปให้โทรุฟังนั้น เขารู้สึกไม่อยากปิดบังต่อไปอีกแล้ว
     


                   "อะไรกัน นายขอโทษฉันเรื่องอะไร" โทรุตีหน้าซื่อคล้ายกับแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องที่เขาขอโทษ 



                   "ก็เรื่องที่ฉันไม่ยอมบอกนายนะสิ" 



                   "อ๋อ! เรื่องนั่นนะเอง ความจริงก็ไม่มีอะไรมากหรอกถ้านายยอมเปิดปากบอกฉันดีๆ นายก็คงไม่ต้องลำบากใจแบบนี้หรอกใช่ไหม" โทรุกล่าวด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ...มันก็ใช่อยู่หรอกนะ แต่มันทำใจยากที่จะบอกเรื่องที่เขามีร่างครึ่งชายครึ่งหญิง เขาฟังโทรุจนพูดจบ ก็พยักหน้าหนึ่งทีแทนคำตอบ - - ตอนนี้เขากับโทรุอยู่เพียงกันสองคนในห้องแล้ว เขาจึงถือโอกาสนี้เล่าเรื่องคำสาปให้โทรุฟังซะเลย



                   "โทรุ ...นายจำได้ไหมตอนที่ฉันบอกว่า จะต้องกลับบ้านก่อนที่พระอาทิตย์ตกดินนะ" 



                   โทรุฟังแล้วก็พยักหน้าแทนคำพูด เขากลืนน้ำลายเฮือกหนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ "ที่ฉันต้องกลับบ้านก่อนที่พระอาทิตย์ตกดินก็เพราะว่า...ตัวของฉันจะกลายเป็นผู้หญิงนะ" 



                   เหตุผลง่ายๆที่เขาคิดว่า โทรุคงจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เขารอคอยคำพูดของโทรุที่ยืนฟังเขาพูดตะกี้นี้ ใบหน้าที่ขมวดคิ้วจนเป็นปมของโทรุนั้น แฝงไปด้วยความมึนงง ดูเหมือนว่าโทรุกำลังสับสนในสิ่งที่เขาพูดกระมัง



                   "โทรุ นายฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่านะ"



                   เขาไม่แน่ใจว่าโทรุกำลังตกใจหรือเปล่า ทำไมถึงเงียบไปนานจนเขานึกกลัว "อะ..อะ...อ๋อ! ฟังสิ นายว่า นายจะเปลี่ยนร่างเป็นผู้หญิงหลังพระอาทิตย์ตกดินใช่ไหม" น้ำเสียงที่ดูเหมือนตกใจของโทรุ ทำให้เขาไม่แน่ใจยิ่งกว่าเดิม บางทีโทรุไม่เชื่อที่เขาพูดก็ได้ 



                   "ใช่ จริงสิ โทรุ นี่มันกี่โมงแล้วละ"



                   เขาเกือบลืมไปว่าตัวเขาเองนอนสลบไปนานกี่ชั่วโมงกัน "6 โมงเย็นนะ มาโกโตะ วันนี้นายสลบมาเกือบทั้งวันเลยรู้ไหม" คราวนี้เขาสังเกตว่าโทรุเปลี่ยนไป แต่ก็ช่างเถอะ เขาไม่สนใจว่าโทรุจะมีอาการยังไงต่อไปอีกแล้ว เขาจะต้องแสดงตัวให้โทรุได้เห็นเต็มสองตาว่าร่างกายของเขาสามารถเปลี่ยนจากชายเป็นหญิงได้ 



                   "อืม นั่นสินะ"



                   เขาตอบสั้นๆพลางมองไปที่หน้าต่าง พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ความมืดเริ่มครอบงำไปทั่วห้องและแล้วสิ่งที่โทรุไม่คาดคิดมาก่อนเลย กับภาพตรงหน้าที่กำลังจะได้เห็นเดี๋ยวนี้ ร่างที่เคยใหญ่และสูงนั่นกลับค่อยเล็กลงเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาโทรุเบิกกว้างยิ่งกว่าเก่า ผมสีเงินของมาโกโตะยาวขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับใบหูแหลมๆค่อยเล็กลง พอสิ่งที่ขยายบนร่างกายของเขาหยุดลงเขาก็ส่งยิ้มให้โทรุ ร่างหญิงที่เขาไม่อยากให้ใครเห็น 



                   ซึ่งบัดนี้โทรุได้เห็นมันแล้ว



                   ...............



                   จบ บทที่ 2 ความเป็นเพื่อน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×