ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Tragic Prince ราชันย์มิคสัญญี (ภาค ๑)

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 สายโลหิตที่กลับคืน

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 48


    บทที่ 1 สายโลหิตที่กลับคืน



    .........................................



    ท่ามกลางสีสันยามราตรี ของมหานครแห่งแฟชั่น เงาร่างหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ของท้องฟ้ายามราตรี  น่าแปลกที่การเคลื่อนไหวนี้มิอาจมีใครตามทัน ราวกับเป็นเงาแห่งรัตติกาลก็ปานนั้น จุดหมายของเงาลึกลับนี้คือ โรงแรมหรูขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง อันเป็นสถานที่จัดงานแฟชั่นโชว์การกุศลของดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากต่างประเทศ แน่นอนว่างานนี้ย่อมเป็นที่น่าจับตามองของทุกๆ ฝ่าย เพราะมันจะทำให้มหานครแห่งนี้มีสีสันและน่าสนใจยิ่งขึ้น

        

    บนทางเดินที่ทอดยาวออกไปเบื้องหน้า ท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่อง สายตาของกลุ่มมหาชนนับร้อยนับพัน ร่างอันแน่งน้อยและบอบบางหากแต่แฝงไว้ด้วยความสง่างามประดุจนางพญา ภายใต้ชุดราตรีสีดำ เยื้องย่างออกไป ยังสุดปลายทางจากหลังม่านท้าทายสายตานับพันๆ คู่ ในวันนี้ คือ วันแห่งความสำเร็จ และเป็นช่วงเวลาแห่งการไฝ่ฝันของบรรดาสุภาพสตรีหลายต่อหลายคน บัดนี้ช่วงเวลาแห่งการรอคอยก็ได้มาถึง อ้อ เด็กสาวผู้แสนบริสุทธิ์และงดงาม หล่อนมิใช่แค่เพียงเด็กสาววัยแรกรุ่นธรรมดาๆ หากแต่หล่อนคือ สุดยอดนางแบบที่ได้รับเลือกจากบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ ในวงการนี้ ด้วยดีกรีระดับสุดยอดที่หล่อนได้พกพ่วงเอามาด้วย ทั้งด้านการศึกษา และหน้าที่การงาน รวมถึงโชคชะตาอันแสนจะเลอเลิศในเรื่องของหัวใจ เนื่องด้วยเวลานี้ หล่อนคือคู่หมั้นของช่างภาพหนุ่มไฟแรงที่กำลังถูกเสนอชื่อเข้าสู่วงการถ่ายภาพระดับโลก ดูเหมือนเส้นทางชีวิตของอ้อ เปรียบประดุจโรยด้วยดอกกุหลาบ เบื้องล่างของเวทีแมวย่อง ก้อง ช่างภาพหนุ่มผู้เป็นคนรักของหล่อนขณะนี้ กำลังทำหน้าที่ของเขาอย่างขะมักเขม้น ท่ามกลางกลุ่มช่างภาพทั้งที่เป็นสื่อมวลชนและบรรดาช่างภาพส่วนตัวของเหล่านางแบบ การแสดงของหล่อนในวันนี้จบลงอย่างสวยงามเหลือแต่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือ ดีไซน์เนอร์ ชาวยุโรป ผู้ออกแบบเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดนี้ที่จะออกมาแสดงตัวเคียงคู่กับหล่อนเพื่อเป็นเกียรติแก่การจัดงาน



    “จากนี้ไป ขอเชิญพบกับ เมอร์ซิเออร์ บราห์ม สตรูก้า ดีไซน์เนอร์ ผู้จัดงานนี้ได้เลยครับ” เสียงพิธีกร ประกาศไปทั่วงาน ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องไปทั่ว จากนั้นบุรุษผู้มีนามว่าบราห์ม สตรูก้า ก็ลอยตัว ลงมาจากด้านบน ท่ามกลางหมอกควันสีเขียว ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ชมยิ่งนัก และหลังจากที่ลงสัมผัสพื้นเขาก็สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้ชมอีกครั้ง ด้วยการล้วงเอาช่อดอกไม้ที่งดงามออกมาจากด้านหลังของเสื้อคลุมแบบขุนนางยุโรปสมัยกลาง และมอบมันให้กับอ้อ นางแบบผู้เดินฟินาเล่ให้กับเขา ก่อนที่จะหันมาโค้งคำนับให้กับบรรดาผู้ชม แล้วถ่ายรูปร่วมกับเหล่านางแบบของเขา ก่อนจะหายเข้าไปในหมอกควันสีเขียวนั้นอย่างช้าๆ อีกครั้ง  สร้างเสียงฮือฮาได้อย่างพอสมควร

        

    ในห้องพักของบราห์ม เสียงเปียโน เพลงมูนไลท์โซนาตร้า หรือ จันทราอาดูร บรรเลงไปอย่างเศร้าสร้อย น้ำเสียงของมันช่างมีพลังอันลึกลับที่สะกดให้ทุกสรรพชีวิตรอบข้างต้องเศร้าสร้อยและหลั่งน้ำตาให้กับมัน แม้แต่เงาร่างอันลึกลับที่มาหยุดรออยู่ที่หน้าต่างก็เช่นกัน เพียงได้ยินก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องหลั่งน้ำตาออกมา แม้ว่าน้ำตานั้นมันจะเป็นโลหิตสีแดงฉานก็ตาม จนกระทั่งเพลงนั้นบรรเลงจนจบ หน้าต่างก็ถูกเปิดออกจากมือที่มองไม่เห็น เงาร่างลึกลับนั้นก็เข้ามาได้โดยง่าย และคุกเข่าอยู่ที่หน้าต่างท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามานั่นเอง



    “เป็นยังไงบ้างล่ะ การล่าเหยื่อในดินแดนตะวันออกไกลนี้ คงจะพอใจเจ้ามากสินะ”



    “หามิได้ครับ มาสเตอร์ เหยื่อที่นี่หาที่เป็นหญิงบริสุทธิ์ได้ยากเต็มทีครับ แต่ระหว่างที่ข้าออกล่าในคืนนี้ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือดที่แฝงด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ในบริเวณใกล้ๆ นี้ครับ”



    “หมายความว่า เจ้าสัมผัสได้ถึงสายเลือดแห่งคาร์เพเธียนในแถบตะวันออกไกลนี้ยังงั้นรึ” น้ำเสียงของบราห์ม ดูเปลี่ยนไปจากเดิมทันที จากที่เยือกเย็นและทรงอำนาจกลับกลายเป็นร้อนรน ราวกับชายคลั่งรัก



    “อาจเป็นไปได้ครับ แต่ข้ายังไม่แน่ใจนัก จนกว่าจะได้พบกับเจ้าของพลังนั้น” เงาร่างลึกลับนั้นยังคงพูดด้วยกริยาและน้ำเสียงที่นอบน้อมเช่นเคย ทว่า บราห์ม กลับมีสีหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มอันเย็นยะเยือก ภายใต้ความมืดอันเงียบงันนั้นเอง



    “หากพลังที่เจ้าสัมผัสได้มิใช่นาง ก็อาจจะเป็นพลังของพลอยโลหิตแห่งคาร์เพเธียน ที่นางเคยสวมใส่อยู่เป็นแน่ หึๆๆ แต่ถึงแม้ว่า มันจะผ่านมานานมากแล้วก็ตามแต่ท้ายที่สุดพลอยโลหิตแห่งคาร์เพเธียน ก็จะต้องกลับคืนมาสู่มือข้าอีกครั้ง และเมื่อนั้นแหละที่พลังของข้าจะคืนมาโดยสมบูรณ์ และเหล่ามวลมนุษย์ชาติจะต้องอยู่ภายใต้การครอบงำของข้า บราห์ม สตรูก้า ราชันย์แห่งแวมไพร์ผู้นี้แต่เพียงผู้เดียว

    ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ร่างของบราห์ม ลุกขึ้นมายืนเด่นเป็นสง่า ซึ่งในเวลานี้ เขาแลดูสง่างามและน่าพรั่นพรึงยิ่งนัก ด้วยประกายดวงตาที่เป็นสีแดงดุจเลือด และ กรงเล็บที่งอกยาวประดุจเล็บของสัตว์ป่า ทว่าผมสีทองอันยาวสลวยตัดกับใบหน้าที่เป็นสีขาวซีดราวกับซากศพนั้น และชุดขุนนางโบราณ ทำให้เขาแลดูสง่างามไม่น้อย สมกับความเป็นราชันย์ และร่างของข้ารับใช้อันซื่อสัตย์ ของเขานั้นก็คือร่างของแวมไพร์หนุ่ม ในชุดที่ไม่ต่างกับคนทั่วไป สิ่งที่ทำให้ดูต่างกันคือ แววตาสีแดง  และเขี้ยวอันแหลมคมยามเผยอยิ้มออกมา จากนั้นบราห์มได้เดิน ออกไปยังระเบียงภายนอกห้อง ก่อนที่จะแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า และดวงจันทร์ที่กำลังจะถูกกลืนหายลับไปกับกลุ่มเมฆ



    “หึๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” บราห์ม หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะยกมือขึ้นชี้ไปยังท้องฟ้าเบื้องบน



    “จงคอยดูให้ดี อีกไม่นาน สายเลือดอันต้องสาปนี้ จะกลับมาเป็นผู้ครอบครองโลก และอาศัยอยู่บนจุดสุดยอดแห่งห่วงโซ่อาหารอีกครั้ง จงดูซะ เหล่าผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย สายโลหิตแห่งเคนได้กลับมายังโลกนี้อีกครั้งหนึ่งแล้ว และในไม่ช้าเราจะตอบแทนในสิ่งที่เจ้าเคยกระทำต่อผู้เป็นบิดาของเรา ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะอันน่าสะพรึงนี้ดังลั่นกังวานไปทั่ว ในขณะที่ทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของบราห์มยังคงอยู่ที่เดิมหากแต่ เขาเองก็เผยรอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัวนั้นออกมาเช่นเดียวกันกับผู้เป็นนายของเขา



    ..............................................



    จบ บทที่ 1 สายโลหิตที่กลับคืน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×