ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Veronique Batilde ปมรักในสงคราม

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 13 : ปราสาทฟาริส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20
      2
      13 มี.ค. 58

    CR.SHL

    By : Helen

    ฉันยืนดูดอกไม้อยู่สักพักหนึ่งฉันก็กะว่าจะขึ้นไปที่ห้องแล้วละ แต่ฉันเห็นผีเสื้อกำลังบินอยู่ก็เลยคิดว่าจะอยู่ดูผีเสื้ออีกสักพักและมันคงไม่เป็นไร ฉันคิดอยู่นะว่าถ้าฉันทำมงกุฎดอกไม้ให้เอบลิสมันจะดีมั้ย? แต่เพราะเอบลิสเป็นผู้ชายใส่มงกุฎดอกไม้แบบนั้นมันคงจะดูไม่แมนสักเท่าไหร่ แต่ฉันก็พยายามจะออกแบบมงกุฎในหัวให้มันดูไม่น่ารักมากเกินไป อืออ เอาไงดีน้า?” ฉันได้แต่ยืนคิดอยู่อย่างนั้น เพราะถ้าหากจะทำก็คงต้องเก็บดอกไม้ไปด้วยเลยฟึบบบฉันยืนอยู่ดีๆก็เหมือนมีผ้าอะไรไม่รู้มาคุมหัวฉัน ฉันพยายามจะดิ้นเพื่อให้มันหลุดแต่มันก็ไม่เป็นผลเลย

    อยู่เฉยๆ อย่าดิ้นเสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดกับฉัน นี่เขาสั่งฉันหรอ? เดี๋ยวนะฉันจำได้ว่าฉันถูกจับนี่ ถ้าจะดิ้นให้หลุดเพื่อหนีมันก็คงไม่แปลก แล้วเขามาสั่งฉันทำไม? -*-

    นายก็อย่ามาจับฉันสิฉันตะโกนในขณะที่ตัวฉันยังอยู่ในผ้า และไม่นานฉันก็รู้สึกเหมือนตัวฉันลอยจากพื้น นี่ฉันกำลังโดนอุ้มหรอ? โอ้ยยย ให้ตายสิ ฉันพยายามดิ้นอยู่อย่างนั้นแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเลย ฉันโดนอุ้มพาดไหล่อยู่อย่างนั้นและไม่นานฉันก็โดนจับทิ้งให้นั่ง ความรู้สึกที่ปล่อยฉันทิ้งลงมาทั้งอย่างนั้นนี่ทำท้องไส้ในร่างกายของฉันสั่นสะเทือนไปหมดเลย จุกชะมัด ฉันได้แต่บ่นในใจเพราะฉันคิดว่าถ้าฉันพูดออกไปมันก็คงช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก แต่จะวางกันเบาๆหน่อยไม่ได้หรือไงกัน ฉันนั่งอยู่ในไหนก็ไม่รู้ แต่ที่หัวถึงเอวฉันยังคงมีผ้ามาคุมเอาไว้อยู่ และสักพักฉันก็รู้สึกเหมือนมือตัวเองโดนมัด โอ้โห ไม่ต้องมัดก็ได้มั้ง ฉันคงหนีไปไม่ได้อยู่แล้วละ ฉันเริ่มจะล้มเลิกความพยายามที่จะหนีแล้วละ พยายามจะนั่งเฉยๆแล้ว

    By : Carlray

    เป็นไงได้เรื่องมั้ย?หลังจากที่ผมเดินเอาจดหมายไปให้ทหาร ผมก็เดินกลับมาที่รถม้า และถามอามิชที่ยืนอยู่หน้ารถ บางทีผมก็ไม่แน่ใจนะว่าผู้หญิงที่ยืนดูดอกไม้อยู่ที่สวนนั่นจะใช่เธอจริงๆหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็คงได้เป็นเรื่องแน่

                จับมาได้แล้วพะยะคะอามิชพูดพร้อมกับก้มคำนับให้ผม

                อือ ดีมากผมพยักหน้าพร้อมพูดกับอามิช และผมก็มองเข้าไปในรถผมก็เห็นแต่ผ้าที่คุมตัวเธอแทบจะทั้งตัว พร้อมกับดิ้นไปมาอยู่บนรถ

                เอาผ้าออกทีผมบอกอามิชกับเคลเลมให้เอาผ้าออก ผมไม่ทนกับสภาพนี้หรอกนะ มันเหมือนมีตัวอะไรดิ้นๆอยู่ในผ้าก็ไม่รู้ ผมรอให้อามิชกับเคลเลมเอาผ้าออกจากตัวเธอเสร็จ ผมก็ขึ้นไปนั่งบนรถข้างๆเธอ

                พวกนายจับฉันมาทำไมเนี่ย?ทันทีที่ผ้าคุมถูกเอาออกไปจากตัวของเธอ นี่ก็คือประโยคแรกที่เธอพูดกับผม

                ขอโทษด้วยนะสาวน้อยที่ต้องทำรุนแรงกับเธอ แต่ที่ทำไปมันก็เพื่อตัวเธอเองผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ

                โอ้โห นี่ทำเพื่อฉันหรอ? แต่ขอโทษด้วยฉันไม่ต้องการ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้!” ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังพูดกับใคร? เล่นขึ้นเสียงใส่ผมเฉยเลย ผมได้แต่เก็บอารมณ์เอาไว้เพราะผมไม่อยากตะโกนใส่เธอ ผมพยายามทำตัวดีๆกับเธอ เพราะผมรู้ว่าแค่ตอนนี้เธอก็เกลียดผมไปแล้วละ

                งั้นก็ขอโทษด้วย ฉันทำอย่างที่เธอต้องการไม่ได้ เพราะเธอต้องไปเมืองฟาริสกับฉันผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ไปให้เธอ

                ฟาริส?ผมได้ยินเธอพูดคำนี้ออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา มันยิ่งทำให้ผมมั่นใจเลยละว่าผมจับคนมาถูกแล้ว

                ในเมื่อเธอคุ้นเคยกับชื่อนี้แปลว่าเธอก็คือเด็กคนนั้นนะถูกแล้วสินะผมพูดกับเธอ ผมมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ผู้หญิงผมสีบลอนด์สว่าง ตาสีฟ้าคราม เธอมีลักษณะแบบนี้พอดีเลย

                เด็กคนไหนละ?เธอยังคงพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย

                ก็เด็กที่ถูกปีศาจทำร้ายเมื่อ 12 ปีก่อนไงละผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มไปให้เธอ และมันก็ได้ผล คำพูดของผมทำเธอถึงกับหยุดชะงักเลย

                นะ นาย... รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?เธอถามผมด้วยความสงสัยและน้ำเสียงที่สั่น

                เดี๋ยวพอถึงเมืองฟาริสเธอก็รู้ทุกอย่างเองแหละผมพูดกับเธอ ส่วนเธอก็ได้แต่นั่งเฉยๆเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง

                อามิช เคลเลม เอารถออกได้เลยผมหันไปบอกทั้งสองคน ส่วนอามิชกับเคลเลมก็ก้มหน้ารับพระบัญชาและขับรถม้าไป

                ฉันไม่ไประหว่างที่เธอนั่งอยู่อย่างนั้นสักพัก เธอก็พูดขึ้นมา

                ไปกับฉันเถอะ อยู่ที่นี้เธอคงไม่ปลอดภัยผมพูดพยายามจะกล่อมเธอให้ใจอ่อน

                ทำไมฉันจะไม่ปลอดภัย?เธอหันมาถามผมด้วยความสงสัย           

                “เธอไม่รู้หรอว่าเอบลิสเป็นอะไร? ทำไมถึงให้เธอมาอยู่ที่นี่ผมพูดกับเธอ ความจริงผมคิดเอาไว้อยู่แล้วละว่าเอบลิสคงไม่มีทางบอกความจริงกับเธอแน่นอน

                ฉันไม่รู้เหตุผลที่เอบลิสให้ฉันมาอยู่ที่นี่หรอก แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าเอบลิสเป็นอะไร แต่ฉันรู้อยู่อย่างเดียวคือถ้าฉันอยู่ที่นี่ฉันจะปลอดภัยเธอพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่แข็ง

                ถ้าเธอไม่รู้เหตุผลที่เอบลิสทำแบบนี้ แล้วเธอมั่นใจได้อย่างไรว่าเธอจะอยู่อย่างปลอดภัยผมถามเธอกลับไป

                เพราะเอบลิสไม่เคยทำอะไรกับฉันแบบนี้!” เธอพูดขึ้นเสียงใส่ผมอีกแล้ว ดูท่าทางผมจะทำให้เธอไม่พอใจผมมากเลยละ

                เอบลิสน่ะทำร้ายเธอมากกว่านี้อีกผมพูดด้วยเสียงแผ่วเบาและผมก็หันไปมองเธอที่ตอนนี้กำลังทำหน้ามึนงงสุดๆ

                เอบลิสทำอะไร? นายพูดเหมือนเอบลิสทำร้ายฉัน นายรู้อะไรบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะเธอถามผม

                ว่าแต่เธอชื่ออะไร?ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง เพราะผมไม่อยากเล่าเรื่องความหลังที่แสนยาวไงละ

                ฉันถามว่าเอบลิสทำอะไร?เธอเริ่มพูดขึ้นเสียงใส่ผมอีกแล้ว

                เธอตอบมาก่อนสิว่าเธอชื่ออะไร?ผมถามเธอกลับและเธอก็ทำหน้าบูดใส่ผม

                ฉันชื่อเฮเลน แล้วนายละ?เธอตอบผมในขณะที่มองไปทางอื่น

                ฉันชื่อคาร์เรย์ อืม... เฮเลนหรอ แปลว่าอะไรละผมบอกชื่อกับเฮเลนไป และผมก็อยากรู้ความหมายของชื่อเธอ แต่ความจริงผมรู้ความหมายของชื่อเธออยู่แล้วละ ว่าชื่อเธอแปลว่าแสงสว่าง ซึ่งมันตรงข้ามกับชื่อของผม

                นายถามทำไม?เฮเลนหันมาถามผมด้วยสีหน้าที่สงสัย

                เปล่า ก็แค่อยากรู้เฉยๆผมบอกเฮเลน

                ชื่อฉันแปลว่าแสงสว่าง แล้วของนายละ?เฮเลนถามผม

                ความหมายของชื่อฉันมันตรงข้ามกับของเธอไงละผมบอกเฮเลนพร้อมกับอมยิ้มให้เธอเล็กๆ

                ความมืดหรอ?เฮเลนตอบผม คำตอบของเธอถูกนะ แต่ความจริงมันก็ง่าย ไม่มีใครตอบไม่ถูกหรอก ใช่แล้วละ ชื่อของผมแปลว่า ความมืด

                อือ ใช่ผมตอบเฮเลน เธอพยักหน้าเบาๆเหมือนกับเข้าใจอะไรบางอย่าง

                ชื่อนายนี่เหมาะกับนายสุดๆเลยเฮเลนยังคงพูดในขณะที่พยักหน้า ผมรู้สึกเหมือนโดนเธอหลอกด่าเลย -*-

                แล้วเธอรู้มั้ยว่าเอบลิสแปลว่าอะไร?ผมหันไปถามเธอ ส่วนเฮเลนเองก็ทำท่าทางคิด ความจริงที่ผมถามชื่อและความหมายเพราะผมมีเหตุผล

                ไม่รู้หรอก แล้วนายรู้หรอ?เฮเลนหันมาถามผมกลับ

                รู้สิ เอบลิสน่ะแปลว่า ปีศาจผมพูดกับเฮเลนด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก เฮเลนก็ดูนิ่งไปสักพัก

                งั้นหรอ?เฮเลนพูดพร้อมกับหลบหน้าลงต่ำ หลังจากนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนไป ผมและเฮเลนเรานั่งเงียบมาตลอดทาง การเดินทางจากเมืองเทอเรนไปเมืองฟาริสนั้นต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร เราจึงพักตามโรงแรมบ้าง ซึ่งเฮเลนก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เธอก็พอตอบบ้างประโยคละคำ ดูเธอจะเงียบลงไปเยอะเลยถ้าเทียบกับตอนที่เจอเธอครั้งแรก และไม่นานเราก็มาถึงเมืองฟาริส พอผมถึงที่ปราสาท ทหารก็ออกมาต้อนรับและนำของสัมภาระไปเก็บอย่างเรียบร้อย

     

                ยินดีต้อนรับกลับพะยะคะ พระราชาและพระราชินีทรงรอองค์ชายอยู่เลยเพคะหัวหน้าองครักษ์เอ่ยทักทายผมทันทีหลังจากที่ผมลงมาจากรถม้า

                อืมผมตอบด้วยคำสั้นๆ และหันไปมองเฮเลน ที่ตอนนี้กำลังมองรอบๆปราสาทอยู่ ผมมองเธอและแอบอมยิ้มอยู่สักพัก และเดินนำเข้าไป ส่วนเธอเมื่อเห็นว่าผมเดินเข้าไปแล้ว เธอก็เดินตามผมมา

                กลับมาแล้วหรอองค์ชายเสด็จแม่พูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม

                พะยะคะผมตอบพร้อมกับก้มหน้า

                พาเด็กคนนั้นมาด้วยหรือเปล่า?เสด็จพ่อทรงถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูเยือกเย็น

                เธออยู่นี่พะยะคะผมพูดพร้อมกับจับแขนเธอให้เดินมาอยู่ข้างๆผม ส่วนเฮเลนก็ดูทำท่าไม่พอใจนิดหน่อย แต่เธอก็คงรู้กาลเทศะดี เธอจึงพยายามทำตัวนิ่งๆ ส่วนเสด็จพ่อก็มองเฮเลนพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัยเล็กๆ

                เธอนี่เหมือนตอนนั้นไม่เปลี่ยนเลยจริงๆนะเสด็จพ่อทรงพูดกับเฮเลนพร้อมกับอมยิ้มเล็กๆ

                พระองค์เคยเห็นหม่อมฉันหรอเพคะ?เฮเลนถามเสด็จพ่อด้วยความสงสัย

                เรื่องมันยาวน่ะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยเล่าให้เธอฟังก็แล้วกัน คาร์เรย์ ฝากดูแลเฮเลนด้วยนะเสด็จพ่อพูด ส่วนผมก็ก้มรับพระบัญชา และพาเฮเลนเดินออกไป

                แม่นมช่วยพาเธอไปที่ห้องโรซินด้วยนะผมหันไปพูดกับแม่นม แม่นมเป็นคนที่คอยดูแลผมตั้งแต่เด็กๆ และคอยช่วยเหลือผมในทุกๆเรื่อง

                เพคะ องค์ชายแม่นมพูดพร้อมกับนำทางเฮเลนไปที่ห้อง ส่วนเฮเลนก็มองหน้าผมเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เธอก็หันกลับไป ผมคิดว่าเธอคงจะกลัว และเธอก็คงจะอึดอัดเพราะไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ก็แหงละนะที่นี่เธอยังไม่รู้จักใครเลยนี่นา

                เฮเลน ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวฉันจะตามขึ้นไปหาเธอผมบอกเฮเลนในขณะที่เธอกำลังขึ้นบันได ส่วนเฮเลนก็หันมามองผมและพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกเลยละที่เธอยิ้มให้ผม จะว่าไปเธอก็น่ารักดีนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×