คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 : การวางแผน
By : Carlray
ผมชื่อคาร์เรย์ เป็นเจ้าชายรัชทายาทจากเมืองฟาริส ตอนนี้ผมอายุ 22 ปี และผมกำลังฝึกใช้เวทย์กับดาบอยู่ 2 อย่างนี้มันเป็นสิ่งพื้นฐานที่พระราชาจะต้องมี พระราชาหรือพ่อของผมเคยเล่าเหตุการณ์เมื่อ 12 ปีก่อนของเมืองเทอเรนให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ ผมกับพระราชาทรงรู้ความลับของเขาคนนั้น และคืนนี้ผมก็ต้องอยู่ที่พระราชวังเพียงคนเดียว เพราะพระราชาและพระราชินีต่างไปร่วมงาน 12 ปีเมืองเทอเรนของเจ้านั่น ถ้าจะให้ผมพูดตรงๆนะ ผมน่ะไม่ค่อยชอบขี้หน้าหมอนั่นสักเท่าไหร่หรอก มันดูเก๊กๆ เหอะ อยู่มากี่ปีแล้วละ แล้วผมก็ไม่เข้าพระทัยเสด็จพ่อเหมือนกันว่าทำไมต้องไปร่วมงานของหมอนั่นด้วย เฮ้อ ผมมัวแต่เหม่อลอยออกมาเดินเล่นอยู่หน้าปราสาท ตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ผมคิดว่าผมควรเข้าบรรทมดีกว่า ผมไม่อยากจะคิดมากเรื่องของเอบลิสหรอก มันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องเก็บมาคิดเลยละว่ามั้ย
3 วันผ่านไป
ผมตื่นจากการบรรทมแล้วลงมาที่ห้องรับประทานอาหาร วันนี้เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ทรงกลับมาแล้ว ผมเห็นท่านทั้งสองกำลังเสวยพระกระยาหารกันอยู่ผมจึงเดินไปที่โต๊ะเพื่อร่วมเสวยด้วย
“งาน 12 ปี เมืองเทอเรนสวยไหมพะยะคะเสด็จพ่อ?” ผมเอ่ยถามท่านขณะที่กำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้
“อืม ก็เหมือนเดิม” เสด็จพ่อตอบผมสั้นๆด้วยน้ำเสียงเย็นชา ผมชินแล้วละกับอารมณ์แบบนี้ คนเป็นพระราชาคงต้องเก็บอาการทุกอย่าง แสดงท่าทางกิริยาด้วยสีหน้าเดียวเท่านั้นแหละมั้ง
“แล้วที่งานสนุกไหมเสด็จแม่” ผมหันไปถามเสด็จแม่บ้าง เดี๋ยวท่านจะน้อยใจ
“ก็สนุกอยู่จ้ะ อ้อจริงสิ ที่งานมีเรื่องน่าเซอร์ไพร์สอยู่นะ เอบลิสพาเด็กสาวคนหนึ่งคงจะเป็นพระชายาละมั้ง เธอมาร่วมงานนี้ด้วย สวยมากเลยละ” เสด็จแม่ตอบผม
“หื้ม? พระชายา?” ผมถามออกไปด้วยท่าทีที่สงสัย ห้ะ? ใครกันนะที่จะเป็นพระชายาของเจ้านั่น
“อืม เอบลิสบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะทำให้เรารู้สึกเซอร์ไพร์ส แต่พ่อก็ว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าตาคุ้นๆ แต่พ่อก็นึกไม่ออกว่าเธอเป็นใครมาจากไหน”เสด็จพ่อตอบพร้อมกับสีหน้าและท่าทางกำลังคิด
“คงอาจจะเป็นเจ้าหญิงจากเมืองไหนสักแห่งก็ได้พะยะคะ” ผมตอบท่านไป เผื่อท่านจะได้หายสงสัย
“พ่อว่าไม่ใช่ เด็กคนนั้นเหมือนมีอะไรดึงดูดใจได้มากกว่าการเป็นองค์หญิง” เสด็จพ่อยังพลางคิดทบทวนต่อไป
“ทรงอย่ากังวลพระทัยไปเลยเพคะ เด็กสาวคนนั้นคงไม่มีอะไรพิเศษมากมายหรอกเพคะ” เสด็จแม่พูดปลอบพระทัยเสด็จพ่อ
“ข้าก็อยากจะเลิกกังวลใจนะ แต่มันน่าสงสัยเกินไปจริงๆ” เสด็จพ่อทรงตอบเสด็จแม่
“แล้วสาวผู้นั้นมีลักษณะอย่างไรหรือเพคะ” ผมเอ่ยถามท่านไป
“เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ มีผมสีบลอนด์สว่าง ตาสีฟ้าคราม” เสด็จพ่อตอบพลางจินตนาการถึงลักษณะของเด็กสาวคนนั้น
“ผู้หญิงผมบลอนด์ ตาสีฟ้าคราม อืม… เหมือนเคยได้ยินที่ไหนเลยนะ” ผมพูดพร้อมกับคำท่าคิด จริงๆนะผมรู้สึกว่าคุ้นเคยกับลักษณะนี้มาก
“พ่อเองก็รู้สึกคุ้นๆเหมือนกัน แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก” เสด็จพ่อทรงพูดขึ้นมา
“ผู้หญิงคนนี้เหมือนกับเด็กผู้หญิงที่มังกรไม่สามารถทำร้ายได้เมื่อ 12 ปีก่อนหรือเปล่าพะยะคะ” อยู่ดีๆผมก็นึกถึงเรื่องที่พ่อชอบเล่าให้ฟัง พ่อเคยบอกผมเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ว่าไม่รู้ว่าตอนนี้นางจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ถ้านางยังมีชีวิตอยู่ นางจะเป็นผู้เดียวที่สามารถทำลายมังกรตัวนั้นได้ พอผมพูดออกไป ท่านพ่อก็ดูเหมือนจะนึกอะไรได้เหมือนกัน
“ใช่ ใช่แล้ว นางเหมือนกับเด็กคนนั้น” ท่านพ่อพูดขึ้นมา พร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ถ้านางเป็นเด็กคนนั้นจริง แล้วเอบลิสจะให้นางไปอยู่ด้วยทำไม?” ผมถามออกไปด้วยความสงสัย ซึ่งถ้าเป็นผมถ้ารู้ว่านางเป็นใครผมคงกำจัดนางไปแล้วละ
“เอบลิสคงไม่ยอมให้นางไปอยู่ที่อื่นหรอก ของอันตรายก็ต้องเก็บไว้กับตัวไม่เช่นนั้นมันจะย้อนมาทำร้ายเราได้” เสด็จพ่อทรงตอบคำถามผม
“แล้วทำไมเอบลิสถึงไม่กำจัดนางไปเสีย” ผมถามเสด็จพ่ออีกครั้ง
“เพราะตอนที่เกิดเรื่องเมื่อ 12 ปีก่อน มังกรพยายามจะเข้าใกล้นาง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ พ่อคิดว่าเด็กสาวคนนั้นจะต้องมีอะไรที่พิเศษแน่” เสด็จพ่อตอบผม ตอนนี้ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว
“คาร์เรย์ ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วไปหาพ่อที่ห้องทำงานด้วยนะ” พอเสด็จพ่อพูดจบก็ลุกออกไปเลย เสด็จแม่เองก็บอกเสด็จพ่ออยู่บ่อยๆว่าอย่าไปยุ่งกับเรื่องนี้เลย แต่ด้วยความที่เสด็จพ่อเป็นคนที่ไม่ยอมละมือกับอะไรง่ายๆ เรื่องนี้จึงถูกสงสัยมานานกว่า 12 ปี แล้วตอนนี้เรื่องนี้ก็กลับมาให้ถูกสงสัยอีก
“อย่าใส่ใจเรื่องนี้เลยนะคาร์เรย์” เสด็จแม่บอกผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ในขณะที่ผมกำลังคิดเรื่องเด็กผู้หญิงคนนี้อยู่
“พะยะคะ” ผมตอบเสด็จแม่ไปอย่างนั้นเพื่อให้ท่านสบายใจ แต่ข้างในใจผมลึกๆแล้วก็อยากรู้เหมือนกันว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นมีลักษณะเป็นเช่นใด ผมกับเสด็จแม่รับประทานอาหารกันจนเสร็จ แล้วผมก็ขึ้นไปหาเสด็จพ่อที่ห้องทำงานของท่าน
“เสด็จพ่อ นี่คาร์เรย์เองพะยะคะ” ผมเอ่ยขออนุญาตท่านก่อนจะเข้าไป
“อืม เข้ามาได้” เสด็จพ่อเอ่ยอนุญาต ผมจึงเดินเข้าไปหาท่านข้างในห้อง
“เสด็จพ่อทรงมีอะไรจะรับใช้หรือพะยะคะ” ผมเอ่ยถามเสด็จพ่อ
“ปีนี้เจ้าอายุเท่าไรแล้ว?” เสด็จพ่อถามผม คำถามนี้ผมไม่คิดว่าท่านจะถามผมตอนนี้หรอกนะ ผมคิดว่าท่านจะถามผมเรื่องเด็กสาวคนนั้นเสียอีก ผมได้แต่ทำหน้ามึนงงไปสักพักแล้วจึงได้ตอบคำถามของท่าน
“ปีนี้ครบ 22 ปีพะยะคะ” ผมตอบพร้อมกับก้มหน้า
“งั้นหรอ? เจ้าอยากลองมาเล่นการเมืองดูไหม” เสด็จพ่อเอ่ยถามผม ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าที่พระองค์ทรงตรัสเช่นนี้ พระองค์ทรงแฝงความนัยอะไรไว้ด้วยหรือเปล่า
“มีปัญหาอะไรหรือพะยะคะ ทรงทูลถามมาตามตรงดีกว่า” ผมทูลถามพระองค์อย่างตรงไปตรงมา
“หึ มันต้องอย่างนี้สิลูกข้า เจ้านี่รู้ทันข้าตลอดเลยจริงๆ” เสด็จพ่อพูดชมผมและยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ในการประชุมประจำปีที่จะจัดขึ้นในเมืองเทอเรนปีนี้ เจ้าไปแทนพ่อก็แล้วกัน” เสด็จพ่อตรัส
“ทำไมละพะยะคะ” ผมเอ่ยถามพระองค์ เพราะปกติการประชุมนี้จะให้ผู้ปกครองของเมืองต่างๆไปและทุกๆปีเสด็จพ่อก็จะไปร่วมการประชุม แต่ครั้งนี้ทำไมท่านถึงได้ให้ผมไปแทนละ
“เพราะข้ามีบางสิ่งบางอย่างอยากจะให้เจ้าทำ” เสด็จพ่อตรัสพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย
“อะไรหรือพะยะคะ?” ผมเอ่ยถามเสด็จพ่อ
“เจ้าจงไปลักพาตัวสาวผู้นั้นมาซะ” พระองค์ทรงตรัสขึ้นมา และคำพูดเหล่านี้จะทำให้ทุกเรื่องกำลังจะเปลี่ยนแปลง
ความคิดเห็น