คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : White Carnation (EP2เรื่องที่ผมไม่รู้)
White Carnation (EP2เรื่องที่ผมไม่รู้)
มันด้วยเหตุผลอะไรกันนะ ที่คนที่ถูกทอดทิ้งจากสังคมโดยปริยายอย่างผม ยังมีคนชวนมาเดทอีก ก็คงจะไม่มีอะไรพูดนอกจากขอบคุณลึก ๆ จากหัวใจ แต่ว่าคุณกับผมมันก็อยู่กันคนละโลกอยู่ดีนั่นแหละ ทำไมต้องให้ความหวังอะไรกับผมด้วยนะ เพราะว่าผมชินกับความล้มเหลวจนไม่กล้าที่จะใฝ่ฝันถึงสิ่งใด เพราะว่า ความฝันก็คือฟองอากาศที่พร้อมจะแตกออกแล้วเราก็จะไม่เหลืออะไร ความลังเลยังมีไม่สิ้นสุด เมื่อผมยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าเฟอร์รารี่ตำนานรถไฮโซที่เจ้าหล่อนพาผมมานั่งนี่สิ คาร์เนชั่นเธอต้องเป็นลูกเศรษฐีอย่างแน่นอน แค่นี้มันก็ต่างจากผมราวกับฟ้ากับเหวแล้วละ คงเพราะสงสารหรือเห็นใจผู้ชายที่ย่ำแย่อย่างผมกระมัง แต่ว่ามันไม่ใช่ความผิดของผมสักหน่อย ในเมื่อเป็นความโชคดี ผมจะพยายามไม่คิดอะไรมากและสนุกไปกับมัน จะได้เก็บเอาวันนี้ไปเป็นความรู้สึกดี ๆ ให้ระลึกถึงในวันที่ผมต้องอยู่ตัวคนเดียว
คาร์เนชั่นขับเจ้ารถเฟอร์รารี่สีแดงวิ่งอวดโฉมบนถนนอย่างไม่แคร์สายตาใคร รึว่าผมกลายเป็นตุ๊กตาหน้ารถของเธอไปแล้ว!! (ฮา) ใช่แล้วละ ผมนั่งข้าง ๆ เธอที่เบาะหน้า และตอนนี้เราอยู่ด้วยกันแค่สองคน ตลอดเวลาผมนั่งนิ่งอยู่ในรถฟังเพลงที่เปิดเบา ๆ โดยเครื่องเสียงติดรถของเธอซึ่งผมเองยังเงียบอยู่เพราะไม่รู้จะชวนคุยยังไงเพราะเธอพูดไม่ได้ ขืนให้เขียนตอบรึภาษามือล่ะก็กลัวรถพลิกคว่ำอ่ะ ไม่กล้า...
“Century the movie plaza ..ตรงรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ชัยฯ”
ถึงที่หมายสักที นี่มันที่ไหนกันเนี่ย ผมเกิดมาก็เพิ่งจะมาครั้งแรก ทางเข้าโรงหนังที่นี่ อลังการมากครับ แถมคนก็น้อย ไม่แออัด บรรยากาศสุดยอด (แต่...ถ้ารู้ว่ามาที่นี่ก็น่าจะนัดที่สถานีรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ชัยฯก็พอนิ) รู้สึกว่าเธอจะกะเวลามาถึงทันหนังฉายพอดี แต่...ผมหิวอ่ะ เพราะออกจากบ้านยังไม่ได้กินอะไรเลย คงต้องพึ่งเจ้าป็อปคอนข้าวโพดคั่ว ประทังชีวิตไปก่อน แล้วก็ตามเจ้าหล่อนไปในโรงหนัง
“เอาล่ะ...หนังฉายแล้ว”
ผมเองก็อยากรู้ว่าคาร์เนชั่นจะชวนผมมาดูหนังประเภทไหน เธอจะกรีดร้องได้ไหมนะเมื่อเวลาเจอฉากสยองขวัญในหนังผี รึเป็นคนบู๊ ๆ ชอบดูหนังแอคชั่นก็สนุกดี รึเป็นคนโรแมนติคชอบดูหนังรักหวานซึ้ง... แต่ไม่ว่าหนังแนวไหนถ้ามีผู้หญิงที่ชอบชวนมาดูด้วยล่ะก็ผมก็ดูได้ทั้งนั้นแหละ
หนังเปิดตัวที่นกแพนกวิน อึ้ม...มันก็น่ารักดีนะ สถานที่ถ่ายทำฉากรอบ ๆ นี่มันแถบขั้วโลกใต้เลยนี่นา ผมก็หันไปมองหน้าเธอ คาร์เนชั่นเธอตั้งใจดูหนังอย่างมีสมาธิและตั้งใจมาก และผมก็หันกลับไปมองจอหนัง...คงจะได้เวลาเปิดตัวนางเอกพระเอกแล้วสินะ แต่เมื่อดูไปเรื่อย ๆ ก็ไม่พบวี้แววสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “มนุษย์” เลยแม้แต่เงา พระเอกของเรื่องนี้คงจะเป็นนกแพนกวินสินะ มันเดินทางผ่านอุปสรรคต่าง ๆ อย่างยากลำบากเพื่อไปให้ถึงจุดหมายคือเนื้อคู่ซึ่งแน่นอนมันก็ต้องเป็นแพนกวินเช่นเดียวกัน ตลอดทั้งเรื่องมีแต่แพนกวินกับเสียงบรรยาย มันก็สนุกแบบแปลก ๆ ดีนะ ยิ่งเวลาแพนกวินตัวเมียตบตีกันเพื่อแย่งแพนกวินตัวผู้ที่รอดตายจากการผจญภัยในจำนวนที่น้อยนิดมันทำให้รู้สึกขำ ๆ อย่างบอกไม่ถูก และอีกอย่างหนังเรื่องนี้เพลงเพราะครับ มันเป็นเพลงบรรเลงคลาสสิกที่ไม่มีเนื้อร้อง ในที่สุดหนังก็จบแล้วครับ รู้สึกว่าป็อปคอนจะช่วยให้ผมดูหนังจนจบโดยพยุงท้องไว้ไม่ให้หิวมากได้สำเร็จ ผมลองมองไปทางคาร์เนชั่นและพูดเอาใจหล่อนว่า
“หนังสนุกดีเนอะ”
สีหน้าของเธอซึ้งครับ ดูเหมือนเธอจะอินกับหนังเรื่องนี้มาก ตาของเธอแดงก่ำน้ำตาไหลพราก ๆ ตาของเธอทั้งกลมทั้งโต เฮ้ย! นี่เธอร้องไห้กับหนังแบบนี้เนี่ยนะ มันมีอะไรเศร้าตรงไหน ก็จบแฮบปี้แอนดิ้งแล้วไง ผมควานหากระดาษทิชชู่ในกระเป๋าที่โชคดีเตรียมมาด้วยส่งให้เธอ เจ้าหล่อนก็คว้าเอาไปสั่งน้ำมูกเฉยเลย
ผมเองก็ยิ้มเจือน ๆ นิด ๆ จะว่าไปแล้วผมก็ไม่เคยพบผู้หญิงประเภทนี้มาก่อน บางทีเธอดูไฮโซบางทีก็ดูเหมือนเด็กผู้หญิงปอนปอนคนหนึ่ง เมื่อเราทั้งสองเดินออกมาจากโรงหนัง มือเล็ก ๆ คว้าแขนของผมไว้จากด้านหลังโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ผมหันไปมอง เจ้าหล่อนส่งกระดาษโน๊ตมาให้ มีข้อความว่า “จะไปกินไหนดี?” นั่นสินะความจริงผมก็หิวเหมือนกันอยากกินข้าวเที่ยงมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้ก็เลยมาบ่ายแล้ว แต่ว่าแถวนี้ก็มีร้านอาหารเยอะใช่เล่น แต่คงต้องดูเงินในกระเป๋าซะก่อน ถ้าเป็นฟาสฟู๊ดได้ละก็คงจะดี แต่ว่ามาเดทกับผู้หญิงที่เจอกันครั้งแรกกินฟาสฟู๊ดเนี่ยนะคงจะไม่เข้าท่าแน่นอน
“กิน ...น...เนื้อย่าง ดีไหม” ผมหันไปถามคาร์เนชั่นขณะที่เดินผ่านร้านเนื้อย่างพอดี และดูเหมือนเธอจะไม่ขัดข้องอะไรเดินตามผมเข้าไปนั่งในร้านเนื้อย่างร้านนั้นแต่โดยดี มาถึงพนักงานก็กล่าวต้อนรับ “สวัสดีค่ะ เชิญด้านในเลยค่ะ“ ก็อะไรทำนองนี้แหละ ก็เปิดเตาสำหรับสองคนกิน พนักงานก็จัดแจงส่งเมนูมาให้เราทั้งสองคนเลือกเลย ในขณะที่ผมเองยังไม่กล้าสั่งอะไรมากเพราะกลัวจะจ่ายไม่ไหว แต่เจ้าหล่อนน่ะสิ ชี้เอา ๆ
“เดี๋ยวสิ สั่งมากไปรึเปล่า จะกินหมดเหรอ?”
ผมถามคาร์เนชั่นไปอย่างนั้น เจ้าหล่อนก็ชูสองนิ้วขึ้นมา คงจะหมายความว่า สบายมาก,สู้ตาย,ไม่ต้องห่วง อะไรเทือกนั้น คงจะกินหมดน่ะแหละ แต่ว่าถึงแม้ไม่ได้พูดผมก็ตั้งใจไว้แล้วล่ะว่าจะผมต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนี้แทนเธอ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมไม่สามารถซื้อบัตร a cash ไม่ได้ไปเดือนนึงก็ตาม
เมื่อเนื้อย่างมาถึงผมก็จัดการย่างมันทันที เรื่องย่าง ๆ นี้ทำให้ผมนึกถึงตอนไปมีทติ้งสมาคมเวปบอร์ดโอตาคุเสียจริง คนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนต้องมากินข้าวด้วยกันพูดคุยกัน จะว่าไปแล้วร้านเนื้อย่างนี่ช่างเป็นอะไรที่วิเศษเสียเหลือเกิน แต่ว่าตอนนี้มันความรู้สึกไม่เหมือนกัน ผมมาย่างเนื้อกับผู้หญิงที่ช่วยชีวิตผมไว้ แต่ว่าผมไม่รู้เลยว่าเธอคิดยังไงกับผม เรื่องที่จะชวนคุยมันก็ไม่รู้อีกเช่นกัน ถ้าเงียบไว้แบบนี้มันจะดีรื้อ แต่อีกฝ่ายก็พูดไม่ได้นี่นา ผมควรจะทำไงดีเนี่ย ก็ได้แต่ถามตัวเองในใจ อยู่ดี ๆ มันก็ซึมไปอย่างนั้น
ในขณะที่ผมกำลังก้มหน้ามองจานเปล่าก็มีตะเกียบคีบเนื้อย่างมาวางไว้ให้ ผมเงยหน้าขึ้นมาเห็นหน้าของเธอยิ้มเหมือนจะพูดว่า ไม่รีบกินเดี๋ยวมันก็ไหม้หมดหรอก ผมก็ได้แต่ตอบเธอไปว่า “ขอบใจนะ” แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินไป สักพักหนึ่ง เสียงของพนักงานเสิร์ฟดังขึ้น
“อาหารที่สั่งได้แล้วค๊า..”
ผมหันไปมอง นี่ยังมีอีกหรือ รู้สึกจะเป็นปลานะ มันคงจะเป็นปลาโอ ตัวของมันก็ใหญ่ใช่เล่น สิ่งแรกที่คาร์เนชั่นทำคือแงะเอาลูกตามันออกมากินรู้สึกว่าเธอจะชอบกินลูกตามาก และเธอก็สั่งปลามาหลายตัวหลายชนิดมาแล้วแงะเอาลูกตามันมากิน แล้วให้ผมกินเนื้อ เล่นแบบนี้ผมก็จุกน่ะสิ
ในที่สุดก็ถึงเวลาเช็คบิล ผมตาโตทันทีที่เห็นค่าอาหาร อืมใช่...มันแพงมาก ราคามันพุ่งไปพันเจ็ด ก็คงไม่ผิดหรอก เพราะเธอสั่งปลามาหลายตัว ทุกอย่างมันผิดแผนเพราะเธอไม่ได้กินแต่เนื้อย่างเลยคำนวณพลาดไปหมด ในขณะที่ผมกำลังจะจ่ายเงิน เจ้าหล่อนก็ส่งเครดิตการ์ดให้พนักงานคิดเงินแทน อ่าวนี่ผมตั้งใจจะจ่ายนะ ผมบอกไป คุณเธอก็ทำมือห้ามเหมือนกับบอกว่าไม่ต้อง รึว่าเรื่องมันควรจะจบแบบเลยตามเลยแบบนี้รึ ครั้นจะควักเงินส่งให้เธอก็ในกระเป๋าตังค์แล้วมันหวิว ๆ เรานี่มัน...หล่อก็ไม่หล่อน่าสมเพชเสียจริงให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าว
ในขณะที่ผมกำลังสมเพชตัวเองอยู่ เจ้าหล่อนก็เดินออกไปนอกร้านแล้ว รู้สึกว่าเธอกำลังต้องการไปต่อ รึว่าจะเป็นการ ”ช็อปปิ้ง!!” นั่นสินะ ขับรถเฟอร์รารี่ กินข้าวมื้อละพันเจ็ด...นี่มันไฮโซเขาทำกัน ถ้าคนปกติทำล่ะก็โดนพ่อกับแม่ด่าเปิงแน่ แต่ว่าเธอบอกว่าทำงานแล้ว แล้วงานของเธอล่ะทำอะไร ต้องเป็นงานที่ไม่ต้องพูดสักคำแต่ได้เงินมาก มันมีที่ไหนกันล่ะโว้ย ยังไง ๆ ต้องเป็นลูกเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีเงินซักเจ็ดหมื่นล้านแน่ ๆ ในระหว่างที่คิดอยู่นั้นเธอก็แว่บเข้าไปในร้านหนังสือ อะห้า...หนังสือบ่งบอกนิสัยคนอ่าน ทีนี้ผมก็จะรู้ว่าเธอ...เป็นคนอย่างไร ผมก็เดินตามเธอเข้าไปในร้าน หนังสือเล่มแรกที่เธอหยิบคือ หนังสือจิตวิทยาครับข้างในภาษาอังกฤษล้วน ๆ ครับ (เอ่อ...รึว่าผมกำลังอยู่ในขอบข่ายผู้รับการบำบัดผู้ป่วยโรคจิตซึมเศร้าจากเธอกันแน่)
ตอนแรกก็กะจะทายนิสัยจากการอ่านหนังสือของเธอแล้ว แต่...มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะหนังสือที่เธออ่านมันเป็นเรื่องยาก ๆ ทั้งนั้น น้ำหนักมันก็มากตามด้วยสิ เพราะผมเป็นคนอาสาแบกครับ ผมแอบชำเลืองไปผมเห็นนิตยสารปืนบนตักผมด้วยอ่ะ เฮ้! นี่เธออ่านของแบบนี้ด้วยเรอะ อย่าล้อเล่นน่า!
เมื่อหอบทั้งหมดไปคิดเงินแล้ว ระหว่างนั้นผมชำเลืองไปเห็นหนังสือการ์ตูนที่ผมติดตามอยู่มันวางบนแผง โอ้ว...เซียนน้อยผจญภัย ออกเล่ม15 แล้ว มันรอดพ้นจากขบวนการถนอมอาหารของสำนักพิมพ์ แล้วเหรอเนี่ย อยากจะรีบไปซื้อแต่ว่าไม่กล้าอ่ะ ถ้าเธอรู้ว่าผมเป็นพวกโอตาคุติดการ์ตูน มันจะเป็นเช่นไร ก็คงติดไว้ก่อนแล้วกัน และแล้วหลังจากนั้น ผมเอาบรรดาข้าวของ ๆ เธอที่ซื้อมาใส่ในเบาะด้านหลังของเจ้าเฟอร์รารี่ของเจ้าหล่อนในลานจอดรถ ก็คงถึงเวลาที่เราต้องแยกจากกันซะแล้ว ผมก็คงต้องพูดว่า “วันนี้สนุกมากล่ะ ขอบใจนะที่ชวนมาเที่ยว เดี๋ยวผมจะกลับด้วยรถไฟฟ้าแล้วกัน” เจ้าหล่อนก็พยักหน้ารับ แล้วผมก็เดินไปอีกสักสิบก้าวแล้วหันหลังกลับมาโบกมือลา
“ลาก่อน...ครับ”
วันนี้ก็เป็นวันหนึ่งที่เป็นวันดี สมควรที่ผมจะจดจำไว้ บางทีผมคงต้องสู้ชีวิตให้มากกว่านี้ ถึงแม้จะต้องพบความล้มเหลวมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ผมควรที่จะฝ่าฟันมันไป แต่จะว่าไปผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะจัดการกับชีวิตตัวเองยังไงดี แต่ที่แน่ ๆ เมื่อรู้สึกตัวอีกทีตอนนี้ในหัวของผมมีแต่คาร์เนชั่นเต็มไปหมด ผู้หญิงที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ผมอยากที่จะได้ยินเสียงของเธอพูดสักครั้งถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม มันไม่มีวิธีที่จะทำให้เธอพูดได้บ้างเลยรึไงกันนะ ซึ่งผมเองก็เชื่อว่าเธอคงจะอยากพูดได้เช่นกัน
ผมนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีใกล้บ้าน จากนั้นก็แวะซื้อหนังสือการ์ตูนเล่มนั้น ที่แผงหนังสือหน้าปากซอย ก็เก็บไว้อ่านที่บ้านน่ะครับ
“บุญเปร่งกลับมาแล้วเหรอลูก”
“ครับ”
เสียงของแม่ทักผมตอนเลื่อนตะแกรงเหล็กเพื่อเข้ามาในบ้าน ซึ่งผมก็ตอบไปเรียบ ๆ แม่บอกให้คอยเดี๋ยว ซึ่งผมก็ยืนรออยู่ตรงนั้นซักพัก แม่ส่งจดหมายจ่าหน้าซองถึงผมมาให้ซึ่งผมเองก็แปลกใจ ผมจึงแกะมันทันที
“น...นี่มัน”
นี่คือจดหมายรับผมเข้าทำงานจากบริษัทที่ผมไปสอบสัมภาษณ์มา ผมเองก็ดีใจมาก
“แม่คร๊าบ ผมหางานทำได้แล้วว”
“อ่าว จริงเหรอ”
คงจะเป็นโชคของผมหรือว่าอะไรก็ตาม แต่ผมคงจะไม่มีวันนี้แน่ ๆ หากผมทิ้งชีวิตไปแล้ว น้ำตาแห่งความปิติยินดีมันไหลออกมาเอง ตั้งแต่วันนี้ไปคงต้องเริ่มชีวิตใหม่แล้วล่ะ ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าผมได้งานพนักงานบริษัททั้ง ๆ ที่ไม่ได้จบวุติปริญญา ผมคงต้องเป็นคนที่โชคดีชะมัดยาดเลย
ด้วยความดีใจนี้ ผมก็อดไม่ได้เลยที่จะส่งอีเมลไปหาคาร์เนชั่นให้เธอรู้หน่อยว่าผมหางานทำได้แล้ว เธอคงต้องยินดีกับผมแน่ ๆ เลย ผมพิมพ์ข้อความเสร็จก็กด send ทันที
“to Carnation
ผมอยากจะบอกว่า ผมหางานทำได้แล้วนะ โคตรโชคดีเลย ^_^
From บุญเปร่ง”
จดหมายถูกนำมาส่งให้ยังปลายทาง บนหน้าจอของโน๊ตบุ๊คมันบอกทันทีว่ามีจดหมายเพิ่มขึ้นมาอยู่ในอีเมลแต่ยังไม่มีใครมาเปิดอ่าน ภายในห้องมืด ๆ ห้องหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนเป็นห้องนอนธรรมดา ๆ คาร์เนชั่นนั่งอยู่กับพื้นบนระเบียงเงียบ ๆ ลำพัง กับแมวสีดำซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอเพียงตัวเดียว เมื่อมองออกไปข้างนอกก็จะรู้ว่าเธออยู่บนตึกสูงเทียมฟ้า ทันใดนั้นเองเสียงของมือถือที่อยู่ข้าง ๆ เธอก็ดังขึ้น เธอกดรับสายแล้วใช้หูซาวน์เบ้าเสียบกับโทรศัพท์ขึ้นมาฟัง ซึ่งนั่นก็เป็นเสียงของผู้ชายดังขึ้น พร้อมกับภาพหน้าชายคนหนึ่งปรากฏบนหน้าจอ
“ฮัลโหล คาร์เนชั่นใช่มะ”
“..............”
“เออ ก็ใช่แฮะ ว่าแต่เธอไปทำบ้าอะไรกับชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จักแบบนั้น เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก ชั้นเองก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แต่คำนึงถึงสภาพที่เป็นอยู่ที่แตกต่างกันหน่อยสิ”
เจ้าหล่อนชักจะรำคาญที่หมอนี่มาตำหนิเรื่องส่วนตัวของเธอ เธอจึงกดปิดมือถือ สักพักหมอนี่ก็โทรมาใหม่ แล้วเธอก็รับสายอีก ชายคนนั้นก็พูดว่า
“เฮ้ย ๆ โทษที ความจริงเธอจะไปเกี่ยวข้องกับใคร มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ชั้นจะยุ่งก็จริง แต่ว่าชั้นเพียงแค่ไม่อยากให้เธอย่ำแย่ลงไปกว่านี้เท่านั้นหรอกนะ ก็เราเป็นหุ้นส่วนกันนี่นา ชั้นมีหน้าที่ติดต่อหางาน ส่วนเธอก็แค่ทำตามข้อตกลงที่นายจ้างให้ไว้เท่านั้นแหละ”
“พูดง่าย ๆ ก็คือมีงานน่ะ ”
ในขณะที่ฟัง มือเล็ก ๆ ของคาร์เนชั่นค่อย ๆ ลูบหัวเจ้าแมวสีดำ ที่นอนอยู่บนตักเธอ ในขณะที่บนจอของโน๊ตบุ๊คยังคงบอกว่ามีเมลที่ยังไม่ได้เปิดอ่านอยู่ แสงไฟจากหน้าจอทำให้ห้องทั้งห้องที่มืดครึ้มออกโทนสีฟ้า มันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความมืดมิด
ความคิดเห็น