คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : short side story
...ความสุขมันช่างเปราะบางราวกับแก้ว...
ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลกใบนี้
ทารกน้อยก็ถูกความหวาดกลัวผลักไสเพียงเพราะหนึ่งคำทำนาย.....
เค้าลางของความหายนะแห่งทุกสรรพสิ่งได้เริ่มขึ้น เมื่อเหล่าเทพีแห่งโชคชะตานอร์นได้ทำนายถึงความหายนะของสรรพสิ่ง ลูกของนางยักษ์แองโกโบดาร์กับเทพเกเรโลกิทั้งสามจักเป็นลางของวันสิ้นโลก'แร็คนาร็อก'มหาเทพจักถูกพญาหมาป่ากลืนกิน จักเกิดสงครามนำพาความวิบัติและจักไม่มีใครรอดชีวิต โอดินจึงสั่งให้เทพอีเซอร์กลุ่มหนึ่งลอบเข้าไปในโจตันไฮล์มแดนแห่งยักษ์ จับแองโกโบดาร์ตรึงไว้แล้ว ขโมยลูกของหล่อนกลับไปแอสการ์ดโดยที่นางยักษ์ผู้เป็นแม่ช่วยอะไรไม่ได้เลย
โอดินเนรเทศเฮลลงไปอยู่แดนนิฟล์ไฮล์มทันควัน นางกลายเป็นเทพีครอบครองอาณาจักรที่ไม่มีใครต้องการ นั่นคือดินแดนแห่งความตาย เป็นความตายชนิดน่าอับอายที่สุด คือตายด้วยเหตุปกติธรรมชาติ
ถัดจากเฮล โอดินขว้างพญางูจอร์มุนกานด์ลงไปในทะเลที่ล้อมรอบมิดการ์ด งูดำดิ่งลงไปถึงก้นบึ้งแฝงตัวอยู่ที่นั่นตั้งแต่บัดนั้น มันค่อยๆ โตขึ้นๆ ยาวขึ้นๆ จนหัวไปทันหางกลายเป็นวงกลมล้อมมิดการ์ดที่ใต้ทะเล
แต่เมื่อมาถึงตาเฟนริลพญาหมาป่า โอดินชักไม่อยากไล่มันไปไหน ด้วยที่ตอนนั้นมันยังดูเป็นลูกหมาน้อยธรรมดาๆ และด้วยความที่โอดินรักหมาป่าเป็นทุนเดิม จึงปล่อยให้ลูกหมาเฟนริสเที่ยวท่องไปอย่างอิสระในทุ่งและป่าของแอสการ์ด
เพราะบิดาเป็นเทพจึงถือว่าเฟนริลมีส่วนหนึ่งเป็นเทพ จึงมีร่างปท้จริงดลับดล้ายกับเทพเทพีและมนุษย์ทั่วไปหากแต่มีร่างจำแลงเป็นหมาป่าที่มีรูปร่างลักษณะใหญ่โตกว่าลูกหมาป่าทั่วไป เฟนริลเจ้าหมาป่าใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษโดยไม่มีผู้ใดสุงสิง หากแม้นเหล่าเทพก็ยังคงหวาดระแวงต่อวันโลกาวินาศที่จะมาถึงไม่ว่าอย่างไรก็ตาม....
Fenrir
ข้าอาศัยอยู่ในป่ามาทั้งแต่จำความได้ ใบหน้าของผู้ให้กำเนิดช่างลางเลือนแต่ถึงกระนั้นก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำ ตั้งแต่จำความได้ข้าก็ลูกเลี้ยงดูมาโดยแม่หมาป่าหลังจากนั้นไม่นานข้าก็ขึ้นปกครองฝูงแม้มีพวกพ้องหมาป่ามากมายแต่ทำไม.....ข้ากลับเศร้าเหลือเกิน
เหตุใด.....ผู้คนที่ผ่านมาจึงเกรงกลัวข้า
เหตุใด.....เหล่าเทพเทพีทั้งหลายถึงมองข้าด้วยสายตาแบบนั้น
เหตุใด.....ข้าจึงไม่ได้พบท่านพ่อ
เหตุใด.....ข้าจึงต้องจากท่านแม่
เหตุใด.....จึงไม่มีใคร................
ข้าเฝ้าสงสัยว่าเหตุใดจึงมีแต่ข้าเพียงผู้เดียวที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว จนกระทั่งได้พบกับเจ้า เทพวงศ์วานอีเซอร์ผู้แปลกประหลาด นัยน์ตาของเจ้าฟ้าสดใสราวกับท้องฟ้าที่ลอยเด่นอยู่เหนือป่านี้.....บุตรชายของโอดินกับฟริกก้าตัวกระจ้อยที่ตามโอดินเข้ามาล่าสัตว์......เจ้าตัวเล็กกว่าข้าเสียอีก
"ข้าจะไม่ยอมให้ท่านพ่อทำร้ายเจ้าหรือพวกพ้องของเจ้า"เจ้าพูดแบบนั้นแล้วพาข้าหลบออกมาจากพื้นที่ล่าของโอดิน ทั้งที่ตัวเจ้าก็เล็กกว่าข้าช่างน่าขันนักที่เจ้ายังจะช่วยข้า
"เจ้าชื่ออะไรอย่างนั้นหรือ"
"ข้า....เฟนริล"
"ยินดีที่ได้พบนะเฟนริล ข้าชื่อทีร์"นั้นเป็นครั้งแรก.....ที่มีคนยิ้มให้ข้า..
.
.
.
.
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของข้า จากการพบกันครั้งนั้นการพบกับเจ้ากลายเป็นเหมือนเรื่องปกติประจำวันของข้าไปเสียแล้ว นั่นทำให้ข้ารู้สึกราวกับเป็นเด็กธรรมดา...ที่สามารถเที่ยวเล่นหัวเราะร้องไห้ได้...ข้าไม่รู้สึกแปลกแยกยามอยู่กับเจ้าเลยสักนิด เจ้าเป็นเพื่อนคนแรกของข้าที่ไม่ใช่หมาป่า......
ต่อให้โลกทั้งใบจะหันหลังให้
แม้ทุกสิ่งในโลกหล้าจะเหยียดหยามและหัวเราะเยาะ
แต่ถ้าหากมีเจ้าอยู่เคียงข้างข้า
เพียงเท่านั้นก็ทำให้ข้ามีความสุขที่สุดแล้ว
ตั้งแต่ข้ารู้จักเจ้า...เจ้าก็ทำให้ข้าได้พบกับเพื่อนใหม่อีกคน นางเป็นวาลคีรีฝึกหัดที่มีผมสีขาวราวกับหิมะซึ่งแตกต่างจากวาลคีรีอื่นๆที่มีเส้นผมสีทองนามของนางคือ สโนวเฟรค แปลว่าเกล็ดหิมะซึ่งเป็นชื่อที่เหมาะกับนางจริงจริง ทุกๆวันที่มีพวกเจ้าทำให้ข้ามีความสุข
หากแต่เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ข้ายังคงคิดถึงสโนวเฟรคที่ไม่ค่อยกลับมาเยี่ยมข้าเพราะภาระหน้าที่ของวาลคีรี ผิดกับเจ้าที่ยังคงมาหาข้าเสมอๆ ร่างกายของข้ากับเจ้าเริ่มแตกต่างกันขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ตอนไหนกันที่ข้าจำเป็นต้องเงยหน้าเพื่อสบตาเจ้ายามคุยกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้าเทพตัวกระจ้อยในตอนนั้นกลับเติบโตจนอุ้มข้าตัวลอยได้อย่าง่ายดาย ข้าเองกลับมีทรวดทรงเหมือนสตรีมากขึ้นเรื่อยๆนั่นเป็นสาเหตุที่เจ้าทำตัวไม่เหมือนเดิมกับข้าหรือไม่ เพราะเราต่างเพศกันอย่างนั้นหรือ พลังของเราทั้งสองเติบโตตามอายุขัยที่มากขึ้น...เจ้ากลายเป็นเทพแห่งสงครามผู้ไม่เคยแพ้ ในขณะที่พละกำลังของข้าก็มากขึ้นทวีคูณ แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังอยู่กับข้า
โอดินสังเกตเห็นว่าลูกของโลกิเติบโตและมีพละกำลังแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุด โอดินนึกถึงคำทำนายของเทพีนอร์นได้ว่า เฟนริลนี่แหละจะเป็นผู้ฆ่าโอดินในช่วงสุดท้ายของจักรวาล โอดินจึงให้หาทางผูกมันไว้อย่างแน่นหนาโดยใช้อุบายล่อหลอกต่อรองกับเจ้าหมาป่า
ในช่วงที่เจ้าลาข้าไปทำกิจของเทพสงครามที่ดินแดนฝั่งตะวันตก มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ได้มาเยี่ยมเยียนข้าพร้อมกับข้อเสนอที่ข้าไม่อาจปฏิเสธได้
"ข้าจะผูกเจ้าเอาไว้เพื่อทดสอบความแข่งแกร่งของโซ่ หากเจ้าทำลายพวกมันได้ข้าจะให้เจ้าได้เจอกับแองโกโบดาร์"
หากข้าสามารถทำลายโซ่สะกดได้หมด...ข้าจะได้พบกับท่านแม่
สิ่งผูกมัดชิ้นแรกคือโซ่แลดิ้งเส้นใหญ่ขนาดที่เทพธอร์ยังเกรง ข้ามั่นใจว่าด้วยพละกำลังของข้าสามารถทำลายมันได้
โซ่แลดิ้งขาดออกจากกันราวกับทำจากกระดาษ
ชิ้นที่สองคือโซ่โดรมีซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าแต่หากข้าก็ยังสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย โอดินต่อรองกับข้าให้รอสิ่งผูกมัดชิ้นสุดท้าย สิ่งสุดท้ายที่เทพโอดินหยิบยื่นให้ข้านั้นก็คือริบบิ้นนามไกลป์เนียร์ ทั้งที่มันเป็นเพียงริบบิ้นเหตุใดภายในใจของข้าถึงกรีดร้องเช่นนี้...ข้าไม่ไว้ใจเอาซะเลย ข้ามองริบบิ้นเส้นบางนั้นด้วยความหวาดระแวง ทำไมพวกเทพจึงพยายามหว่านล้อมให้ข้าถูกผูกมัดเสียเหลือเกิน......
เฟนริลกลายร่างเป็นพญาหมาป่ายักษ์โดยแสดงความหงุดหงิดโดยการเห่าหอนอย่างดุร้าย บ่งบอกให้รู้ว่ามันไม่ยอมให้ริบบิ้นผูก เหล่าเทพต่อรองกับเฟนริลว่าหากมันไม่สามารถสะบัดไกลป์เนียร์หลุดออกมาได้พวกเทพจะยอมปล่อยมันในทันที แต่หมาป่าไม่เชื่อจนทำให้เหล่าเทพต้องถอยหนีเพื่อความปลอดภัย ทุกคนรู้ว่าไม่มีใครสามารถเข้าใกล้หมาป่าเฟนริลได้เนื่องจากมันเริ่มระแวง ต่างคนต่างมองหน้ากันแล้วคิดได้ว่าเทพองค์เดียวที่หมาป่าไว้ใจก็คือ เทพทีร์ จึงได้เชิญทีร์ให้กลับมายังป่าถิ่นอาศัยของหมาป่าเฟนริล
ในระหว่างที่ข้ากำลังหวาดระแวงเจ้าก็กลับมา เจ้าปลอบข้าแล้วให้สัญญากับข้าว่าจะรีบปล่อยข้า เจ้าเดินเข้ามาหาข้าที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เจ้าในตอนนี้ช่างตัวเล็กยิ่งกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรกเสียอีก หรือเพราะในร่างหมาป่ายักษ์นี้มันใหญ่โตเกินไปกัน....ร่างที่ทำให้หลายคนหวาดกลัว
"ข้ารับรองว่าเจ้าจะไม่เป็นไรเฟนริล ข้าจะปกป้องเจ้าเอง"เจ้ากระวิบอย่างแผ่วเบาในขณะที่ลูบปลายจมูกของข้าเพื่อปลอบโยน เจ้าง้างปากของข้าก่อนที่จะวางแขนของเจ้าไว้ในปากของข้า
"นี่คือสิ่งยืนยัน หากเจ้าไม่เชื่อใจข้าเมื่อใดจงกัดแขนข้างนี้ของข้าให้ขาดสะบั้นซะ"
นั่นทำให้ข้ายอมให้พวกเทพผูกไกลป์เนียร์พันธนาการข้า เมื่อถูกพันธนาการพลังของข้ากลับหดหายแขนขาไม่ทำตามที่ใจสั่ง ข้ารู้ดีว่าข้าไม่อาจทำลายริบบิ้นนี้ได้ข้าจึงทักท้วงให้เหล่าเทพปล่อยข้าจากไกลป์เนียร์ตามสัญญาแต่กลับได้คำตอบเพียงสายตาที่เย็นชาและรอยยิ้มที่พึงพอใจ......
.....พวกเจ้าโกหก.....
โกหก
ทุกคนโกหกข้า
แม้กระทั่งเจ้า....ทีร์!!!
เหตุใดกันอกของข้าถึงเจ็บ....เจ็บจนน้ำตาหลั่งริน คมเขี้ยวของข้าฉีกสะบั้นแขนของชายผู้ที่ข้าไว้ใจที่สุด ไม่อาจมองเห็นสิ่งใดชัดเจนเพราะถูกบดบังด้วยม่านน้ำตา
หมาป่ายักษ์สิ้นฤทธิ์ด้วยไกลป์เนียร์กลับสู่ร่างสตรี ประกายดวงตาสีโกเมนดับวูบ ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาจ้องเขม็งมาที่เทพแห่งสงครามที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาว่างเปล่าที่กำลังสบกับนัยน์ของมหาเทพผู้มีตาข้างเดียวปล่อยให้แผลฉกรรที่เฟนริลสร้างหลั่งเลือดออกมาเป็นสายธารขณะที่เทพแห่งการรักษาเข้ามาทำการรักษาอย่างเร่งรีบ ริมฝีปากบางของเฟนริลขยับเบาๆส่งเสียงเบาราวกับเสียงกระซิบแต่ก่องอยู่ในหู้ของเทพสงคราม "เจ้าโกหก"และแล้วพญาหมาป่าก็ล้มฟุ้บลงกับผืนป่าตรงนั้น
ความคิดเห็น