ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short StoryZ เรื่องสั้น(ไม่)ขยันแต่ง

    ลำดับตอนที่ #8 : short side story

    • อัปเดตล่าสุด 11 มิ.ย. 58


    ...ความสุขมันช่างเปราะบางราวกับแก้ว...

     

    ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลกใบนี้   

    ทารกน้อยก็ถูกความหวาดกลัวผลักไสเพียงเพราะหนึ่งคำทำนาย.....

     

                    เค้าลางของความหายนะแห่งทุกสรรพสิ่งได้เริ่มขึ้น  เมื่อเหล่าเทพีแห่งโชคชะตานอร์นได้ทำนายถึงความหายนะของสรรพสิ่ง ลูกของนางยักษ์แองโกโบดาร์กับเทพเกเรโลกิทั้งสามจักเป็นลางของวันสิ้นโลก'แร็คนาร็อก'มหาเทพจักถูกพญาหมาป่ากลืนกิน จักเกิดสงครามนำพาความวิบัติและจักไม่มีใครรอดชีวิต โอดินจึงสั่งให้เทพอีเซอร์กลุ่มหนึ่งลอบเข้าไปในโจตันไฮล์มแดนแห่งยักษ์ จับแองโกโบดาร์ตรึงไว้แล้ว ขโมยลูกของหล่อนกลับไปแอสการ์ดโดยที่นางยักษ์ผู้เป็นแม่ช่วยอะไรไม่ได้เลย

     โอดินเนรเทศเฮลลงไปอยู่แดนนิฟล์ไฮล์มทันควัน นางกลายเป็นเทพีครอบครองอาณาจักรที่ไม่มีใครต้องการ นั่นคือดินแดนแห่งความตาย เป็นความตายชนิดน่าอับอายที่สุด คือตายด้วยเหตุปกติธรรมชาติ 

    ถัดจากเฮล โอดินขว้างพญางูจอร์มุนกานด์ลงไปในทะเลที่ล้อมรอบมิดการ์ด งูดำดิ่งลงไปถึงก้นบึ้งแฝงตัวอยู่ที่นั่นตั้งแต่บัดนั้น มันค่อยๆ โตขึ้นๆ ยาวขึ้นๆ จนหัวไปทันหางกลายเป็นวงกลมล้อมมิดการ์ดที่ใต้ทะเล

    แต่เมื่อมาถึงตาเฟนริลพญาหมาป่า โอดินชักไม่อยากไล่มันไปไหน ด้วยที่ตอนนั้นมันยังดูเป็นลูกหมาน้อยธรรมดาๆ และด้วยความที่โอดินรักหมาป่าเป็นทุนเดิม จึงปล่อยให้ลูกหมาเฟนริสเที่ยวท่องไปอย่างอิสระในทุ่งและป่าของแอสการ์ด 

                    เพราะบิดาเป็นเทพจึงถือว่าเฟนริลมีส่วนหนึ่งเป็นเทพ จึงมีร่างปท้จริงดลับดล้ายกับเทพเทพีและมนุษย์ทั่วไปหากแต่มีร่างจำแลงเป็นหมาป่าที่มีรูปร่างลักษณะใหญ่โตกว่าลูกหมาป่าทั่วไป เฟนริลเจ้าหมาป่าใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษโดยไม่มีผู้ใดสุงสิง หากแม้นเหล่าเทพก็ยังคงหวาดระแวงต่อวันโลกาวินาศที่จะมาถึงไม่ว่าอย่างไรก็ตาม....


    Fenrir


                   ข้าอาศัยอยู่ในป่ามาทั้งแต่จำความได้  ใบหน้าของผู้ให้กำเนิดช่างลางเลือนแต่ถึงกระนั้นก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำ   ตั้งแต่จำความได้ข้าก็ลูกเลี้ยงดูมาโดยแม่หมาป่าหลังจากนั้นไม่นานข้าก็ขึ้นปกครองฝูงแม้มีพวกพ้องหมาป่ามากมายแต่ทำไม.....ข้ากลับเศร้าเหลือเกิน


    เหตุใด.....ผู้คนที่ผ่านมาจึงเกรงกลัวข้า

    เหตุใด.....เหล่าเทพเทพีทั้งหลายถึงมองข้าด้วยสายตาแบบนั้น

    เหตุใด.....ข้าจึงไม่ได้พบท่านพ่อ

    เหตุใด.....ข้าจึงต้องจากท่านแม่

    เหตุใด.....จึงไม่มีใคร................


                    ข้าเฝ้าสงสัยว่าเหตุใดจึงมีแต่ข้าเพียงผู้เดียวที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว   จนกระทั่งได้พบกับเจ้า  เทพวงศ์วานอีเซอร์ผู้แปลกประหลาด  นัยน์ตาของเจ้าฟ้าสดใสราวกับท้องฟ้าที่ลอยเด่นอยู่เหนือป่านี้.....บุตรชายของโอดินกับฟริกก้าตัวกระจ้อยที่ตามโอดินเข้ามาล่าสัตว์......เจ้าตัวเล็กกว่าข้าเสียอีก

    "ข้าจะไม่ยอมให้ท่านพ่อทำร้ายเจ้าหรือพวกพ้องของเจ้า"เจ้าพูดแบบนั้นแล้วพาข้าหลบออกมาจากพื้นที่ล่าของโอดิน  ทั้งที่ตัวเจ้าก็เล็กกว่าข้าช่างน่าขันนักที่เจ้ายังจะช่วยข้า

    "เจ้าชื่ออะไรอย่างนั้นหรือ"

    "ข้า....เฟนริล"

    "ยินดีที่ได้พบนะเฟนริล ข้าชื่อทีร์"นั้นเป็นครั้งแรก.....ที่มีคนยิ้มให้ข้า..

    .

    .

    .

    .

                    ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของข้า  จากการพบกันครั้งนั้นการพบกับเจ้ากลายเป็นเหมือนเรื่องปกติประจำวันของข้าไปเสียแล้ว  นั่นทำให้ข้ารู้สึกราวกับเป็นเด็กธรรมดา...ที่สามารถเที่ยวเล่นหัวเราะร้องไห้ได้...ข้าไม่รู้สึกแปลกแยกยามอยู่กับเจ้าเลยสักนิด   เจ้าเป็นเพื่อนคนแรกของข้าที่ไม่ใช่หมาป่า......


    ต่อให้โลกทั้งใบจะหันหลังให้  

    แม้ทุกสิ่งในโลกหล้าจะเหยียดหยามและหัวเราะเยาะ

    แต่ถ้าหากมีเจ้าอยู่เคียงข้างข้า

    เพียงเท่านั้นก็ทำให้ข้ามีความสุขที่สุดแล้ว


                ตั้งแต่ข้ารู้จักเจ้า...เจ้าก็ทำให้ข้าได้พบกับเพื่อนใหม่อีกคน  นางเป็นวาลคีรีฝึกหัดที่มีผมสีขาวราวกับหิมะซึ่งแตกต่างจากวาลคีรีอื่นๆที่มีเส้นผมสีทองนามของนางคือ สโนวเฟรค  แปลว่าเกล็ดหิมะซึ่งเป็นชื่อที่เหมาะกับนางจริงจริง   ทุกๆวันที่มีพวกเจ้าทำให้ข้ามีความสุข 

                หากแต่เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ข้ายังคงคิดถึงสโนวเฟรคที่ไม่ค่อยกลับมาเยี่ยมข้าเพราะภาระหน้าที่ของวาลคีรี ผิดกับเจ้าที่ยังคงมาหาข้าเสมอๆ  ร่างกายของข้ากับเจ้าเริ่มแตกต่างกันขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ตอนไหนกันที่ข้าจำเป็นต้องเงยหน้าเพื่อสบตาเจ้ายามคุยกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้าเทพตัวกระจ้อยในตอนนั้นกลับเติบโตจนอุ้มข้าตัวลอยได้อย่าง่ายดาย  ข้าเองกลับมีทรวดทรงเหมือนสตรีมากขึ้นเรื่อยๆนั่นเป็นสาเหตุที่เจ้าทำตัวไม่เหมือนเดิมกับข้าหรือไม่ เพราะเราต่างเพศกันอย่างนั้นหรือ  พลังของเราทั้งสองเติบโตตามอายุขัยที่มากขึ้น...เจ้ากลายเป็นเทพแห่งสงครามผู้ไม่เคยแพ้  ในขณะที่พละกำลังของข้าก็มากขึ้นทวีคูณ แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังอยู่กับข้า



                 โอดินสังเกตเห็นว่าลูกของโลกิเติบโตและมีพละกำลังแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุด โอดินนึกถึงคำทำนายของเทพีนอร์นได้ว่า เฟนริลนี่แหละจะเป็นผู้ฆ่าโอดินในช่วงสุดท้ายของจักรวาล โอดินจึงให้หาทางผูกมันไว้อย่างแน่นหนาโดยใช้อุบายล่อหลอกต่อรองกับเจ้าหมาป่า


                 ในช่วงที่เจ้าลาข้าไปทำกิจของเทพสงครามที่ดินแดนฝั่งตะวันตก มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ได้มาเยี่ยมเยียนข้าพร้อมกับข้อเสนอที่ข้าไม่อาจปฏิเสธได้

    "ข้าจะผูกเจ้าเอาไว้เพื่อทดสอบความแข่งแกร่งของโซ่ หากเจ้าทำลายพวกมันได้ข้าจะให้เจ้าได้เจอกับแองโกโบดาร์"


    หากข้าสามารถทำลายโซ่สะกดได้หมด...ข้าจะได้พบกับท่านแม่


                   สิ่งผูกมัดชิ้นแรกคือโซ่แลดิ้งเส้นใหญ่ขนาดที่เทพธอร์ยังเกรง  ข้ามั่นใจว่าด้วยพละกำลังของข้าสามารถทำลายมันได้


    โซ่แลดิ้งขาดออกจากกันราวกับทำจากกระดาษ


                    ชิ้นที่สองคือโซ่โดรมีซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าแต่หากข้าก็ยังสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย  โอดินต่อรองกับข้าให้รอสิ่งผูกมัดชิ้นสุดท้าย   สิ่งสุดท้ายที่เทพโอดินหยิบยื่นให้ข้านั้นก็คือริบบิ้นนามไกลป์เนียร์  ทั้งที่มันเป็นเพียงริบบิ้นเหตุใดภายในใจของข้าถึงกรีดร้องเช่นนี้...ข้าไม่ไว้ใจเอาซะเลย  ข้ามองริบบิ้นเส้นบางนั้นด้วยความหวาดระแวง   ทำไมพวกเทพจึงพยายามหว่านล้อมให้ข้าถูกผูกมัดเสียเหลือเกิน......


                    เฟนริลกลายร่างเป็นพญาหมาป่ายักษ์โดยแสดงความหงุดหงิดโดยการเห่าหอนอย่างดุร้าย  บ่งบอกให้รู้ว่ามันไม่ยอมให้ริบบิ้นผูก เหล่าเทพต่อรองกับเฟนริลว่าหากมันไม่สามารถสะบัดไกลป์เนียร์หลุดออกมาได้พวกเทพจะยอมปล่อยมันในทันที  แต่หมาป่าไม่เชื่อจนทำให้เหล่าเทพต้องถอยหนีเพื่อความปลอดภัย ทุกคนรู้ว่าไม่มีใครสามารถเข้าใกล้หมาป่าเฟนริลได้เนื่องจากมันเริ่มระแวง  ต่างคนต่างมองหน้ากันแล้วคิดได้ว่าเทพองค์เดียวที่หมาป่าไว้ใจก็คือ เทพทีร์ จึงได้เชิญทีร์ให้กลับมายังป่าถิ่นอาศัยของหมาป่าเฟนริล


                   ในระหว่างที่ข้ากำลังหวาดระแวงเจ้าก็กลับมา  เจ้าปลอบข้าแล้วให้สัญญากับข้าว่าจะรีบปล่อยข้า  เจ้าเดินเข้ามาหาข้าที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้  เจ้าในตอนนี้ช่างตัวเล็กยิ่งกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรกเสียอีก  หรือเพราะในร่างหมาป่ายักษ์นี้มันใหญ่โตเกินไปกัน....ร่างที่ทำให้หลายคนหวาดกลัว


    "ข้ารับรองว่าเจ้าจะไม่เป็นไรเฟนริล  ข้าจะปกป้องเจ้าเอง"เจ้ากระวิบอย่างแผ่วเบาในขณะที่ลูบปลายจมูกของข้าเพื่อปลอบโยน  เจ้าง้างปากของข้าก่อนที่จะวางแขนของเจ้าไว้ในปากของข้า


    "นี่คือสิ่งยืนยัน   หากเจ้าไม่เชื่อใจข้าเมื่อใดจงกัดแขนข้างนี้ของข้าให้ขาดสะบั้นซะ"


                   นั่นทำให้ข้ายอมให้พวกเทพผูกไกลป์เนียร์พันธนาการข้า  เมื่อถูกพันธนาการพลังของข้ากลับหดหายแขนขาไม่ทำตามที่ใจสั่ง ข้ารู้ดีว่าข้าไม่อาจทำลายริบบิ้นนี้ได้ข้าจึงทักท้วงให้เหล่าเทพปล่อยข้าจากไกลป์เนียร์ตามสัญญาแต่กลับได้คำตอบเพียงสายตาที่เย็นชาและรอยยิ้มที่พึงพอใจ......


    .....พวกเจ้าโกหก.....

    โกหก

    ทุกคนโกหกข้า

    แม้กระทั่งเจ้า....ทีร์!!!


                    เหตุใดกันอกของข้าถึงเจ็บ....เจ็บจนน้ำตาหลั่งริน  คมเขี้ยวของข้าฉีกสะบั้นแขนของชายผู้ที่ข้าไว้ใจที่สุด  ไม่อาจมองเห็นสิ่งใดชัดเจนเพราะถูกบดบังด้วยม่านน้ำตา

                     หมาป่ายักษ์สิ้นฤทธิ์ด้วยไกลป์เนียร์กลับสู่ร่างสตรี ประกายดวงตาสีโกเมนดับวูบ  ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาจ้องเขม็งมาที่เทพแห่งสงครามที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาว่างเปล่าที่กำลังสบกับนัยน์ของมหาเทพผู้มีตาข้างเดียวปล่อยให้แผลฉกรรที่เฟนริลสร้างหลั่งเลือดออกมาเป็นสายธารขณะที่เทพแห่งการรักษาเข้ามาทำการรักษาอย่างเร่งรีบ  ริมฝีปากบางของเฟนริลขยับเบาๆส่งเสียงเบาราวกับเสียงกระซิบแต่ก่องอยู่ในหู้ของเทพสงคราม "เจ้าโกหก"และแล้วพญาหมาป่าก็ล้มฟุ้บลงกับผืนป่าตรงนั้น





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×