คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เขาเอเธีย2
พวกของวิเวียนวิ่งตามโซลมาจนถึงต้นโอ๊คใหญ่ แล้วก้ต้องตกใจที่เห็นลิลิธยืนอยู่ตรงนั้นในสภาพที่แขนขวาโชกไปด้วยของเหลวสีแดงฉาน ลิลิธเองก็ตกใจที่เห็นเพื่อนของเธอมาที่นี่แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่หันหน้ามาแล้วยิ้มแหยๆให้เท่านั้น
“ยังจะมายิ้มอีกแนะ โดนอะไรเข้าละเนี้ย”เซรีน่าพูดก่อนจะเดินมาสำรวจแขนของลิลิธ
“ไม่ลึกเท่าไรนะ”
“อืม พอดีมีตัวอะไรไม่รู้มันข่วนเอานะ”ลิลิธพูดหน้าตาย จะตัวอะไรเหล่าก็ตัวที่มันตามวิเวียนขึ้นมาถึงนี่นะสิ
“แล้วมันยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า”วิเวียนหันขวับมองไปทั่วเพื่อหาตัวการที่ทำให้มีคนเลือดตกยางออก
“ไม่หรอกพอดีมันคงได้ยินเสียงคนวิ่งมาเยอะแยะเลยหนีไปล่ะมั้ง”ลิลิธพูด เพราะเจ้าคนที่สร้างบาดแผลให้เธอไม่อยู่แล้ว
“ไหนๆลิลิธมานี่เลยนะ”โซเฟียพูดก่อนพยายามลากลิลิธมา
“ไม่เอาๆ แผลแค่นี้เดี๋ยวก็หายเอง”ลิลิธพูดพลางพยายามเอาแกะมือให้หลุดจากการเกาะกุมของเพื่อนสาว คาออสเมื่อเห็นแขนที่โชกไปด้วยเลือดแล้วเขาก็เบือนหน้าไปทางอื่นเหมือนไม่อยากมองพฤติกรรมนี้วิเวียนได้เห็นโดยตลอด
“อะไรกัน นายกลัวเลือดเหรอเนี้ย”วิเวียนพูดล้อคาออสอย่างสนุกปากทันที
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อยยายบ้า”คาออสหันขวับมาพูดกับวิเวียนชั่ววินาทีหนึ่งที่ร่างบางเห็นคือตาสีเทาเข้มของคาออสแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนไฟที่โหมกระหน่ำก่อนจะกลายเป็นสีเทาเข้มเหมือนเดิมแค่แวบเดียวจริงๆ
โซลเองก็เป็นอีกคนที่เห็นพฤติกรรมที่เหมือนเป็นคนกลัวเลือดของคาออส แต่พอเห็นเข้าเจ้าตัวก็นึกได้ทันทีว่าลืมอะไรไป
“เออ คาออสพ่อนายฝากมาฉันลืมให้ว่ะ”โซลพูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วโยนต่างหูสีดำลายหยดน้ำมาให้คาออส มันไม่มีคู่คงเป็นเพราะรสนิยมของเจ้าของละมั้ง
“โหย แล้วพึ่งมาให้เหรอไอ้บ้า “คาออสบ่นกับตนก่อนจะใสต่างหูข้างนั้นไปที่ใบหูด้านขวา มันช่วยเขาได้เยอะทีเดียว
“แสบนิดเดียวเอง”โซเฟียพูดแล้วใช้มือข้างที่ไม่ได้จับลิลิธไว้วางให้อยู่เหนือบาดแผลของลิลิธเล็กน้อยก่อนที่จะมีแสงสีฟ้านวลปรากฎขึ้น
“ร้อนๆ”ลิลิธโวยวายทันทีที่แสงสีฟ้าสัมผัสผิว
แต่ไม่ทันไรแผลที่ยาวแต่ไม่ลึกเท่าไรนักบนแขนเรียวก็หายไปอย่างน่าประหลาด
“เวทย์รักษาเหรอ”วิเวียนหันไปถามอย่างสนใจ
“อืม มันเป็นวิชาเดียวที่ฉันถนัดนะ ฉันเลือกเอาวิธีที่รักษาเร็วที่สุดเลยนะ”
“แต่มันก็แสบที่สุดด้วย จะรู้สึกเหมือนโดนไฟเผาซ้ำที่แผลเลยให้ตายเหอะ”ลิลิธพูดขึ้นพลางถูแขนไปมา
“ดีแล้วละที่ไม่เป็นไร”คาร์โลยิ้มอย่างโล่งอกเพราะถ้าเพื่อนเป็นอะไรไปคนหนึ่งเขาต้องเสียใจมากๆแน่
“เราเจอลิลิธแล้วกลับที่พักกันเถอะ”ลีรอยพูดขึ้นพลางหยิบกล้วยอีกลูกซึ่งไม่รู้ไปเอามาจากไหนมาปลอกเปลือกกินต่อ
“แกเป็นลิงหรือไงถึงได้กินแต่กล้วยเนี้ย”คาร์โลพูดอย่างเอือมระอาถึงแม้ประโยคนี้เขาจะพูดมันมากว่าสามปีแล้วก็เถอะ
“โอเคงั้นฉันจะบอกเหตุผลให้ หนึ่ง
กล้วยอร่อย สอง
ไม่มีใครห้ามฉันไม่ให้กินมันได้ สาม
ฉันชอบ”ลีรอยยักคิ้วกวนๆใส่คาร์โลก่อนที่จะเจอกำปั้นแข็งๆของเพื่อนเขกเข้าที่หัวอย่างจัง
หลายๆคนหัวเราะกับความบ้าของลีรอยยกเว้นโซลที่ตอนนี้มองลิลิธเหมือนอยากหาเรื่องพิกล
“มองอะไร” แต่ลิลิธก็กลายเป็นฝ่านหาเรื่องก่อน อาจเป็นเพราะหงุดหงิดจากการโดนทำร้ายจนแขนเจ็บ
“มองตัวปัญหา”โซลตอบเรียบๆโดยไม่สนใจว่าลิลิธจะเตรียมด่าคำหยาบคายออกจากปากในไม่ช้า
“ไอ้
”แต่ยังไม่ทันที่จะพูดโซเฟียก็ล็อค คอลิลิธแล้วลากไปด้วยกันทันที
“ไปกันเถอะ ลิลิธฮะๆ”โซเฟียยิ้มร่า โดยไม่สนว่าลิลิธจะหายใจออกไมหเพราะเธอยังไม่คลายวงแขนที่ล๊อคคอลิลิธออก ก็บอกแล้วว่าโซเฟียจะห้าวกว่าที่คิด(หรือแอบโหด)
พอกลับที่พักได้ ทั้งหมดก็แทบจะนอนหมกลงบนพื้นหญ้าที่อ่อนนุ่มทันทีเพราะความเหนื่อยล้า พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับวันพรุ่งนี้แล้วและพวกเขาก็มั่นใจว่าจะต้องไปถึงโรงเรียนโดยไม่เสียใครไปให้ได้ วิวเยนแทบจะรอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ไหวเธออยากเห็นโรงเรียนเร็วว่ามันจะดีสักแค่ไหนพ่อของเธอถึงได้ถีบส่งเธอมาถึงนี่ พรุ่งนี้เธอจะต้องตื่นแต่เช้าเธอไม่อยากเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ไปถึงโรงเรียนหรอกนะ
แสงตะวันส่องขึ้นมารับวันใหม่ที่สดใสแต่สุดรันทดสำหรับกลุ่มของวิเวียนเพราะนอกจากวิเวียนแล้วไอ้พวกที่เหลือยังคงหลับต่ออย่างไม่สนใจแสงแดดที่ส่องทะลุแยงไปทั้งหูตาจมูกปาก
นอกจากนี้ลิลิธกับเซรีน่าก็หายตัวไปอีกแล้วแต่คราวนี้เธอไม่คอ่ยห่วงเท่าไรเพราะนี่เป้นตอนเช้าและคาดว่าทั้งสองไปด้วยกัน
ร่างบางมองเพื่อนๆที่เหลือที่ยังคงหลับอุตุไม่ดูที่ทางอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่นป่าว่า
“ตื่นๆ เช้าแล้ว แสงมันจะแยงรูหูอยู่แล้วตื่นนนน!!!!”เล่นเอาคนที่กำลังนอนหลับฝันหวานทั้งหลายสะดุ้งตื่นขึ้นมาแทบจะในทันที
“ยายบ้าตะโดกนมาได้หูฉันจะแตก”คาออสบ่น แต่ก็ทำให้เขาต้องซวยอีกรอบเพราะวิเวียนเดินไปตะโกนใส่หูเขาคนเดียวเต็มๆแถมเพิ่มด้วยระดับเดลซิเบลที่เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อกี้
“เหรอ งั้นอรุณสวัสดิ!!!!!”
“อ้ากก เธอจะฆ่าฉันเหรอไง”คาออสท้วงขึ้น
“ถ้าได้ก็ดี”วิเวียนยักคิ้วกวนๆตามแบบฉบับของตนให้ก่อนจะสบัดหน้าไปหาโซเฟีย
“โซเฟียเมื่อคืนฝันดีไหม”
“อืมฝันดีมากเลยละ”โซเฟียยิ้มรับให้กับวิเวียน
“อ้าว แล้วลิลธกับเซรีน่าหายไปไหนอะ”คาร์โลหันมาถามวิเวียน
“ไม่รู้สิ ตื่นมาพร้อมกันก็จริงเผลอแปบเดียวหายไปทั้งคู่เลย”
“หิวแล้วอะมากินกล้วยกันเถอะ”ลีรอยพูดชวนเพื่อนพลางหยิบกล้วทั้งเครือออกมาทั้งที่ทุกคนก็เห็นว่ามันไม่น่าจะยัดเข้าไปได้
“ไม่!”ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย
“งั้นมากิน เจ้านี่ก็แล้วกันนะ ฮะฮะ”เสียงของเซรีน่าดังขึ้นทำให้ทั้งหมดหันไปมองตามที่มาของเสียงทันที
“อ้าวลิลิธ เซรีน่าไปไหนมานะ”ลีรอยถามพลางมองไปที่ของที่ทั้งสองแบกมา
“ก็ไปเก็บเห็ดอะ เห็ดขึ้นเยอะแยะไปหมดเลย”เซรีน่าทำตาวิ้งๆเป็นประกายก่อนจะให้เพื่อนๆดูเห็ดโคนที่เธอหามาได้
“ฉันเจอต้นเบอรี่ และ ผลไม้อะไรอีกหลายๆอย่างมานะก็เลยเก็บมาคิดว่าน่าจะพอรองท้องได้
ลิลิธพูดพลางวางผลไม้ต่างๆกองไว้บนหญ้า
“ไม่ใช่แต่รองท้องได้หรอกนี่นะโคตะระอิ่มเลยตะหาก”โซลพูด
“บ่นมากก็ไม่ต้องกินสิ”ลิลิธขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะโยนแอ๊ปเปิลไปให้โซเฟียลูกหนึ่ง
“ขอบใจ”
เสียงจ๊อกแจกดังขึ้นไม่ขาดสายทั้งที่กินกันอยู่แสดงว่ามารยาทผู้ดีไม่มีอยู่ในสายเลือดสักคนแน่ๆทำให้นกที่อยู่บนต้นไม้บินกระเจิงไปตัวละทิศ(แสดงว่าดังมากจริงๆนะเนี้ย)
แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องสะดุดเมื่อมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นจากทางที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักนัก วิเวียนหันไปมองตามเสียงด้วยความสนใจ
“มีใครโดนสัตว์ทำร้ายหรือเปล่านะ”โซเฟียมองตามวิเวียนไปบ้าง
“เราไปดูกันหน่อยดีกว่า”
“งั้นแบบกสัมภาระไปเลยขี้เกียจวกกลับ”ลีรอยพูดแบบสบายๆแล้วยกกระเป๋าของตนขึ้นสะพาย
“อืม”
“ทางนั้นมัน”ลิลิธมองไปตามทางที่คนอื่นๆเดินไปด้วย แล้วพูดเบาๆราวกับเตือนความจำบางอย่างของตนเอง
ด้วยความอยากยุ่งเรื่องชาวบ้านบวกกับความหวังดีว่าอาจมีคนอยากให้ช่วยทำให้พวกวิเวียนเดินตามต้นตอของเสียงมาจนถึงทางลูกรังอีกแห่งหนึ่ง ที่ทางนั้นมีสิ่งที่จะทำให้กลายเป็นฝันร้ายของคนจิตอ่อนได้ง่ายๆอยู่ ร่างของชายคนหนึ่งในชุดสีดำทึมๆนอนจมกองเลือดอยู่บนข้างทางเส้นนั้นสีหน้าและแววตาที่หวาดกลัวอะไรบางอย่างในวินาทีสุดท้ายของชีวิตยังคงจารึกอยู่บนใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่เลือดที่กลายเป็นสีแดงคล้ำและแห้งกรังทำให้รู้ได้ว่าร่างนี้อาจจะพึ่งตายเมื่อเย็นหรือเมื่อตอนกลางคืนเมื่อคืนนี้เท่านั้น เสียงกรีดร้องเมื่อกี้อาจเป็นเสียงของคนที่มีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกันกับพวกเขาคือไปที่โรงเรียนเอรากอน ที่บังเอิญโชคร้ายมาพบศพนี้เข้า
แต่ละคนเบือนหน้าหนีไปคนละทางเมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชของชายหนุ่มมีเพียงคาออสและโซลที่ยืนนิ่งแต่สีหน้าก็บอกชัดเจนว่าตกใจกับการเจอร่างไร้วิญญาณนี้ แตกต่างกับลิลิธที่มองศพนั้นด้วยใบหน้าที่นิ่งเงียบราวกับไม่รู้สึกอะไร ชายคนนั้นคนที่ดักจะทำร้ายวิเวียนตายแล้ว
“หมอนี่เป็นอะไรตายนะ”ลีรอยพูดขึ้นด้วยสีหน้าสยดสยอง
“อาจจะโดนสัตว์ร้ายแถวนี้ฆ่า ดูสิที่คอมีรอยบาดของของมีคมบางอย่างสามรอยอาจเป็นกรงเล็บของตัวอะไรสักอย่าง”โซเฟียพูด
“อาจโดนพวกโจรป่าดักทำร้ายก็ได้”เซรีน่าพูดขึ้นพลางทำหน้าแหยเมื่อเห็นใบหน้าของศพอีกครั้ง
“แล้วยังไงล่ะ เราไม่ใช่นักสืบนี่จะได้มาพิสูจน์ว่าหมอนี่ตายเพราะอะไร ที่แน่ๆมันอาจยังอยู่แถวนี้รีบไปกันเถอะ”คาร์โลพูดขึ้น และแน่นอนว่าทุกคนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากเดินทางต่อโดยไม่คิดจะเหลียวหลังกลับไปมองได้สักพัก ก็มีเสียงบางอย่างที่เดินตามมาช้าๆเสียงฝีเท้าหนักๆที่ย้างเหยียบลงบนพื้นหญ้าดังขึ้นเรื่อยๆจนใกล้เข้ามาทุกขณะ และแล้วจากแค่เดินกลายเป็นการวิ่ง ทำให้ทั้งหมดต้องหยุดเดินเพื่อมองหาต้นตอของเสียงและที่สำคัญเจ้าของเสียงนี้อาจจะเป็นไอ้ตัวที่มอบความตายให้กับชายหนุ่มผู้โชคร้ายคนนั้นก็ได้
“นั้น ใคร ออกมานะ”ลีรอยตะโกนเสียงดังเพื่อขู่บางอย่างให้กลัวแต่กลับไม่เป็นผลเพราะเจ้าตัวนั้นกระโจนออกมาจากพงไม้สูงท่วมหัว ออกมาประจันหน้ากับพวกเขาแล้ว
“นี่มัน
หมี!!!” ลีรอยพูดพลางตั้งท่ากันหมัดแบบนักมวยเพื่อกันมันตะปบเข้า แต่เวลาอย่างนี้เจ้านี้ยังจะทำเป็นเล่นอีกงั้นเหรอ!
เสียงตะโกนเพราะความตกใจของลีรอยทำให้เจ้าหมียักษ์ยิ่งคลั่งเข้าไปใหญ่มันกระโจนเข้าใส่ลีรอยแต่ก่อนที่มันจะถึงตัวลีรอยโซเฟียก็วิ่งเข้ามาใช้มือดันจมูกมันเอาไว้ก่อนถึงแม้จะไม่มีแรงให้มันขัดขืนแต่มันกลับหยุดอย่างประหลาด
“อย่าเที่ยวรังแกคนสิ ไม่น่ารักเลยนะ”โซเฟียพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้เจ้าหมีได้ใจคำรามก้องขู่หวังจะให้เด็กสาวถอยไป
“นี่ คำรามใส่คนอื่นมันไม่ดีนะเดี๋ยวเขาจะกลัวกันหมด”โซเฟียพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเล็กน้อยเหมือนพี่สาวดุน้องสาวแต่เจ้าหมีก็ไม่ได้ฟังที่โซเฟียพูดแต่อย่างใด
“โซเฟีย นั้นมันหมีนะมันจะฟังเรารู้เรื่องได้ยังไง”วิเวียนพูดขึ้นแล้วเจ้าหมีก็คำรามอีกครั้ง
“อยากตายใช่ไหม หา! บอกว่าให้หยุดคำรามไม่เข้าใจเหรอไอ้หมีเวร”โวเฟียที่เส้นความอดทนขาดตะโกนใส่เจ้าหมีเสียงดังแถมยังมีรังสีอาฆาตแผ่ออกมาจากคนตัวเล็กอีกต่างหาก
“อิ๋ง”เจ้าหมีสลดทันที มันก้มลงและทำท่างหวาดกลัวโซเฟียเล็กน้อยก่อนจะตั้งท่าจะวิ่งหนี
“จะหนีไปไหน”โซเฟียพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นจนสามารถเสียดแทงมันได้ เจ้าจึงหยุดกึกทันที
“อย่าทำตัวแบบนี้อีกรู้ไหมไม่น่ารักเลย มาอยู่ด้วยกันกับฉันดีกว่าเธอจะได้มารยาทดีกว่านี้”โซเฟียพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้งราวกับเมื่อกี้คนละคน
เจ้าหมีมองหน้าโซเฟียด้วยสายตาฉงนสงสัย
“มีปัญหาอะไรไหม”โซเฟียยังคงยิ้มแต่มันก็ยังสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือกไปถึงสันหลังของมันก่อนที่มันจะมีอันเป็นไปมันจึงรีบพยักหน้าตอบรับโซเฟียทันที
“แหม ดีมากน่ารักจริงๆ”โซเฟียพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆต่อ
“นี่เธอ
เล่นอย่างนี้เลยเหรอ”โซลมองโซเฟียอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ก็นะ อีกอย่างเจ้าหนูน้อย(ตรงไหน)ตัวนี้ก็ไม่ได่เป็นคนฆ่าผู้ชายคนเมื่อกี้ด้วยเพราะมันบอกฉันเอง”โซเฟียพูดก่อนจะหันไปสั่งเจ้าหมี
“เอาหล่ะ ต่อไปนี้นายมีชื่อว่าจัสตินเข้าใจไหม ?”โซเฟียพูดแล้วหันมามองหน้าเจ้าหมีเป็นเชิงว่าตอบให้ดีไม่งั้นตาย
เจ้าหมีจึงรีบพยักหน้าหงึกๆตอบรับทันที
“ดีมาก นายเป็นหมีเผ่ามายาสินะงั้นแปลงร่างเป็นตุ๊กตาหมีซะฉันจะได้พาไปง่ายๆหน่อย”โซเฟียสั่งเจ้าหมีอีกครั้งเจ้าหมีพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นก่อนจะแปลงร่างกลายเป็นตุ๊กตาหมีน้อยน่ารักน่ากอดขนาดกลางเท่านั้น หมีมายาเป็นเผ่าหมีป่าที่มีความสามรถด้านเวทยมนตร์โดยเฉพาะวิชาแปลงร่างนี่จึงเป็นสาเหตุที่โซเฟียให้มันแปลงร่างเป็นตุ๊กตาที่มีขนาดเล็กกว่าตัวจริงและเบากว่าสามารถหิ้วขึ้นเขาได้สบาย(แถมยังนุ่มอีกด้วย)
“อ้ากกก ทำไมเธอมันโหดร้ายอย่างนี้บังคับขู่เข็ณหมีไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้ลงคอ”
“อะไรกันจัสตินออกจะอยากไปกับฉันเนอะ จัสติน”
จัสตินพยักหน้าที่ตอนนี้เป้นตุ๊กตาหมีอย่างกระตือรือร้นมันเองก็ชอบคนประเภทนี้เหมือนกัน มันชักอยากจะติดตามเจ้านายใหม่ของมันไปทุกที่ซะแล้ว
“ว่าแต่เราเดินมาทางนี้แล้วโรงเรียนมันอยู่ทางไหนล่ะ”คาร์โลโพล่งขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาได้หลงทางซะแล้ว!
“ไม่รู้!”การตอบคำถามของคาร์โลแทบจะไม่ต้องคิด แต่นั้นทำให้วิเวียนนึกเรื่องบางอย่างออก
“โรงเรียนแค่บอกให้เราขึ้นไปที่โรงเรียนได้ใช่ไหม”
“อืม ถามทำไมล่ะ”ลิลิธมองวิวเยนอย่างสงสัย
“ก็ฉันจะลองใช้เวทย์พาเราขึ้นไปนะสิ”วิเวียนฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับให้กับเพื่อนๆ
“แล้วเธอจะทำไง เธอเป็นแม่มดใช่ไหมมีวิธีอะไรที่จะไปถึงบนนั้นได้ล่ะ?”
“แล้วพวกนายจะให้ฉันพาข้ามมิติไปหรือเรียกตัวชั่วเอ้ย!ตัวช่วยมาดีล่ะ?”วิเวียนยิ้มอหยๆพลางมองไล่ไปทางเพื่อนทุกๆคน
“ข้ามมิติสิ”ทุกคนพูดพร้อมกันเหมือนจงใจจนร่างบางคิดว่า ทีอย่างนี้ดันเจือกใจตรงกันเชียวนะ
“ดีเลย ฉันจะได้ลองวิชา พ่อฉันพึ่งจะสอนวิชานีก่อนจะมาเมืองนี้สองวันเอง!”วิเวียนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แต่กลับทำให้ทุกคนหน้าซีดไปตามๆกัน แล้วพวกฉันจะไว้ใจฝากชีวิตไว้กับเธอได้หรือเปล่าฟะ
“อะเอาเรียกตัวช่วยดีกว่านะ”โซเฟียพูดยิ้มๆ
“โอเค~เดี๋ยวจัดให้”ว่าแล้ววิเวียนก็หยิบชอล์กจากกระเป๋าเสื้อออกมาขีดเส้นวาดวงเวทย์ที่มีแต่สัญลักษณ์แปลกประหลาดพร้อมทั้งร่ายเวทย์
“เบลเซบัฟเราผู้เป็นนาย ขอบัญชาให้เจ้าปรากฎตัว ณ บัดนี้”
ทันใดนั้นวงเวทย์ก็เรืองแสงสีม่วงอ่อนออกมาก่อนจะปรากฎร่างของชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวซีดราวกับไม่เคยต้องแสงแดดมาก่อน ดวงตาสีแดงก่ำฉายแววเจ้าเล่ห์ลืมขึ้นพร้อมๆกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่คลี่ออกมาจากริมฝีปากสีซีด
“เบลเซบัฟมาแล้วคร้าบคุณหนู”เบลเซบัฟยิ้มให้วิเวียน
“คือ ช่วยพาพวกฉันไปที่โรงเรียนเอรากอนหน่อยสิ พอดีว่าหลงทาง”วิเวียนพูดสามคำสุดท้ายเบาๆ
“
”เบลเซบัฟเงียบไปทันทีและคิ้วเรียวของเขาก็ขมวดเข้าหากันราวกับกำลังไตร่ตรองอยู่
“เป็นอะไรไปหล่ะ”วิเวียนเร่ง
“ท่านฮาวสั่งเอาไว้ว่าเรื่องนี้ห้ามช่วยครับ”เบลเซบัฟยิ้มขณะที่ตอบคำถาม
“แล้วฉันไม่ใช่เจ้านายของนายหรือไงเบล
”วิเวียนขมวดคิ้วเรียวด้วยความหงุดหงิด
“ท่านยังไม่ใช่ผู้นำตระกูลครับและผมก็ฟังคำสั่งผู้นำตระกูลเป็นหลักเท่านั้น”เบลเซบัฟพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาทเล็กน้อย
“ชิ! ไร้ประโยชน์ชะมัด กลับนรกไปเลยไป!”วิเวียนเตะฝุ่นที่ดินจนตลบอบอลวนกลบวงเวทย์ไปหมดอย่างหัวเสีย
เบลเซบัฟชำเลืองมองนายน้อยของเขายิ้มๆเหมือนผู้ใหญ่มองเด็กดื้อก่อนจะโค้งคำนับเป็นครั้งสุดท้ายและแตกสลายไปในอากาศ
“เอาล่ะ! ข้ามมิติไปกับเถอะ”วิเวียนฉีกยิ้มแหยๆให้กับเพื่อน
“เฮ่อ... เอาก็เอาวะ”คาออสบ่นพึมพัมกับตนก่อนจะพยักหน้า ช่วยไม่ได้พวกเขาไม่อยากเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เข้าโรงเรียนก่อนโรงเรียนจะปิดประตูรับสมัครแบบเฉียดฉิวหรอกนะ
“โอเคงั้นทุกคนจงเก็บแขนและขาไว้ข้างลำตัว เพราะฉันไม่รับรองว่าหัว แขน ขา หรืออวัยวะอื่นๆของพวกนายจะหายไปติดค้างมิติอยู่ที่ไหนหรือเปล่า”วิเวียนพูดไปหัวเราะไปอย่างไม่กังวล
แต่มันทำให้คนอื่นที่จะข้ามมิติด้วยเกิดอาการเหงื่อตกกันเป็นแถวทีเดียว
“แล้วใครพอจะบอกพิกัดได้บ้าง มันจะได้เจาะจงหน่อย”วิเวียนหันมาพูดขณะที่วาดวงเวทย์วงใหญ่สำหรับการเปิดประตูมิติ
“ไม่รู้ดิ”เสียงทุกเสียงตอบขึ้นมาเอย่างพร้อมเพรียง
“ไปทางหนึ่งนาฬิกาห่างจากที่นี่ไปประมาณสามกิโลเมตรล่ะมั้ง”เซรีน่าตอบเสียงดังฟังชัดทำให้ทุกคนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เจ้าตัวพูด
“สายลมบอกมานะ หึหึ”
สายลมที่เคยพัดอย่างแผ่วเบาอย่างปลอบประโลมกลับพัดกระหน่ำอย่างไม่ทันตั้งตัวขณะที่เซรีน่าพูด เสียงหวืดหวือของสายลมที่กระทบกับกิ่งไม้และผูภาต่างๆดังก้องเบาๆในโซตประสาทเหมือนพยายามจะบอกบางอย่างทั้งคนที่ได้ยิน เสียงของมันฟังเฟมือนเสียงกระซิบที่จับความไม่ได้แต่กระนั้นเซรีน่ากลับมั่นใจในสิ่งที่เธอเรียกว่ามันมาจากลายลม
“มั่วหรือเปล่าเนี้ย”คาร์โลพูดขึ้นลอยๆทำลายความอึ้งของทุกคน
“ไม่มั่วนะ!สายลมบอกมาจริงๆนะนายต้องเชื่อสายลมสิ!”เซรีน่าแย้งเสียงแข็งเมื่อเห็นว่าทุกคนมีท่าทางจะไม่เชื่อ
“มั่วไม่มั่วก็ต้องลองเสี่ยงละน่า”ลีรอยพูดพลางพยักหน้าให้วิเวียน
“อืม งั้นจะเปิดประตูล่ะน้า ข้าคือจอมเวทย์แห่งอาณาเขตสีเทา ผู้กุมกุญแจประตูเอ๋ยจงชี้นำเส้นทางที่เราจักต้องเดิน ปลดกลอน!”
สิ้นคำก็ปรากฏประตูขนาดกลางสีขาวหม่นเกือบเทาขึ้นที่วงเวทย์แกะสลักตัวอักขระเวทย์ต่างๆไว้มากมาย บานประตูค่อยๆเปิดอ้าขึ้นทีละน้อยจนมีช่องพอที่คนสองสามคนจะเดินผ่านเข้าไปได้
“ตามกันมาอย่าให้หลงละ”วิเวียนพูด ก่อนจะจับมือโซเฟียส่งผลให้มีการจับกันเป็นลูกโว่อีกแล้วต่างคนต่างถูกลากและลากคนอื่นตามเข้าไปงานนี้เชื่อสิไม่มีหลงหรอกมันเกาะกันแน่นยิ่งกว่าปลิงอีก...
อุวะฮะฮ่า ในที่สุดก็เสร็จอีกตอน หุๆ พอมีเม้นมาแค่เม้นเดียวเราก็มีกำลังใจขึ้นมานิดนึง จึงสมารถกัดฟันแต่งต่อได้(ฮา) แต่ว่า ขอฝากนิดนึงนะอย่าทำตัวเป็นนักอ่านเงาเลย มันไม่มีจะบอกให้เราเล่นคุณไสย์นะเออ ระวังเจอดี บุคคลที่ไม่ยอมเม้นทั้งหลาย^[+++]^V
ความคิดเห็น