ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The school อลวนป่วนก๊วนผ่าเหล่า

    ลำดับตอนที่ #11 : คาดไม่ถึง ! [1]

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 53



           

                                   สิ้นการแนะนำตัวของอาจารย์ประจำวิชาการต่อสู้และศาตร์การรบก็เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นตอบรับเป็นระลอกๆ

    การสอบก็ง่ายๆแซรีสพูดพลางดีดนิ้วหนึ่งที แล้วตระกร้าไม้สานใบใหญ่สามสี่ใบก็ปรากฎขึ้นสิ่งที่ปรากฎอยู่ข้างในตระกร้าเหล่านั้นก็คือดาบสัมฤทธิ์หลายสิบเล่ม

    แค่ชนะ ตุ๊กตาพวกนี้ให้ได้ก็พอแซรีสพูดพลางเอาดาบสัมฤทธิ์เล่มหนึ่งชี้ไปที่หุ่นเกราะอัศวินที่ยืนจังก้าอยู่ข้างหลัง

                                    เกิดเสียงฮือฮาขึ้นอีกรอบแต่ก็ต้องเงี่ยบลงเพราะสายตาดุดันของแซรีสที่มองมาแซรีสให้ว่าที่นักเรียนของตนแต่ละคนหยิบดายสัมฤทธิ์ที่ตนเตรียมมา  แต่ยังไม่ทันที่จะได้มีใครสู้กับตุ๊กตาอัศวินเลยสักคนเวสก็โผล่มาอย่างไม่ให่สุ่มให้เสียงด้วยสีหน้าที่จริงจังอย่างที่ผู้สมัครสอบทั้งหลายไม่เคยเห็น

    แซรีส  จิ้งจอกทมิฬมันเข้ามาในโรงเรียนแล้วเวสพูดด้วยน้ำเสียงที่เครียด

    ว่าไงนะ มันเข้ามาได้ยังไงแซรีสพูดด้วยน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย

    มีพวกมันบางตัวแอบแทรกซึมเข้าตอนที่ฉันเปิดประตูให้พวกสมัครสอบ  มันหาทางหนีทีไล่แล้วพาพวกเข้ามาเพิ่มแล้วเวสพูด

    จิ้งจอกทมิฬ   หมายถึงสัตว์ปีศาจชนิดหนึ่งนะเหรอค่ะเด็กสาวคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างสงสัย

    สัตว์ปีศาจเรอะ มันไม่ใช่แค่สัตว์ปีศาจ มันเจ้าเล่ห์มากว่านั้น มันมีพลังเวทย์มากทีเดียว และมันชอบขโมยหัวใจมนุษย์    มนุษย์พวกที่ค้างแรมในป่าแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยก็เพราพวกมัน และตอนนี้ มันอยู่ภายในอาณาเขตโรงเรียนแล้วแซรีสพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

    แล้วทำไมเวสไม่จัดการละ เขาเป็นผู้พิทักษ์โรงเรียนไม่ใช่เหรอเสียงของเด็กชายอีกคนท้วงขึ้น

    ก็ใช่    แต่เวสได้สาบานต่อบ่อน้ำศักสิทธิ์ว่าจะไม่ทำร้ายเผ่าพันธุ์สัตว์เวทย์ต่างๆเด็ดขาดเพราะอาจารย์ใหญ่ให้เขาสาบานไปแล้วแซรีสพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นลงแล้วนิดหน่อย

    เพราะฉะนั้นนอกจากปกป้องพวกเธอจากการโดนมันฆ่าแล้ว ฉันไม่สามารถสู้ได้เลยเวสพูด

     แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครโกรธเคืองเพราะการฝ่าฝืนคำที่เคยสาบานกับบ่อน้ำศักสิทธ์ถือเป็นหายนะของชีวิตเลยทีเดียว  ยิ่งเวสดื่มน้ำจากบ่อนั้นเข้าไปแล้วด้วย  การสาบานแบบนี้แสดงให้เห็นความจงรักภักดีต่ออาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนของเวสอีกด้วย

    พวกเธอเข้าไปหลบในปราสาทก็ได้นะ เพราะตอนนี้ฉันคงจะต้องเลื่อนการสอบไปก่อนแซรีสพูดพลางเรียกดาบประจำตัวออกมาแล้วโยนดาบสัมฤทธิ์ทิ้ง

                         แซรีสเดินเข้าไปหาเวสเพื่อจะปรึกษาอะไรบางอย่างที่พวกวิเวียนไม่ได้ยิน  เกิดเสียงซุบซิบกันขึ้นระหว่างกลุ่มผู้สมัครสอบ

    ฉันว่าเราเข้าปราสาทกันเถอะเสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในกลุ่มพูด และก็มีหลายๆคนพยักหน้าเหมือนกับเห็นว่าความคิดนั้นเป็นความคิดที่ดี  แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครได้หลบเข้าไปในปราสาทคาออสก็ลุกขึ้นพูด

    เรา ควรจะเข้าไปหลบในนั้นหรอกเหรอคาออสกวาดตามองกลุ่มผู้สมัครสอบที่เหลือแบบรวมๆ

    ในเมื่อถ้าเราจะสอบเข้าที่นี่  มันก็จะเป็นบ้านอีกหลังของเราทำไมเราถึงไม่คิดจะปกป้องมันละคาออสพูดอีกครั้ง

    แล้วมันหน้าอายไหมล่ะ หดหัวอยู่ในปราสาทแล้วคอยดูคนที่ปกป้องเราเจ็บตัวนะโซลพูดบ้าง

    พวกนายจะสู้งั้นสิ ลีรอยพูดแล้วเหลือบมองคาออสกับโซล

    ใช่ทั้งสองตอบพร้อมกันด้วยน้ำเสียงที่ที่มุ่งมั่น

    แต่พวกฉันไม่…”คาร์โลพูดพลางลุกขึ้นยืนแล้วเอาดาบสัมฤทธิ์ขึ้นพาดบ่าแล้วพูดให้จบประโยคแต่พวกฉันไม่ยอมให้นายไปแค่สองคนหรอก เราเอาด้วย

                   สิ้นเสียงของคาร์โล ลีรอย ลิลิธ เซรีน่าและโซเฟียก็ลุกขึ้นตามพร้อมกันแล้วยิ้มให้เพื่อนอย่างรู้ใจ   พวกเขารู้อยู่แล้วว่ามีเหรอที่ไอ้พวกนี้จะยอมอยู่เฉยๆ     เมื่อได้ยินคำพูดของคาออสและโซลในตอนแรกหลายๆคนก็ถอยออกห่างจากประตูและหยิบดาบสัมฤทธิ์เตรียมพร้อมออกศึก คำพูดของทั้งสองคน นั้นมีพลังขนาดชักจูงคนให้เข้าร่วมได้มากขนาดนี้เชียว

    แซรีส ยิ้มเหยียดเล็กน้อยเจ้าสองคนนี้ท่าจะเป็นผู้นำที่ดีได้แน่นอน             แต่ก็ใช่ว่าคำพูดของคาออสจะชักจูงความรักโรงเรียนทั้งที่ยังไม่ได้เข้าเรียนของผู้สมัครได้ทุกคน

    แล้วไงล่ะ ฉันไม่เอาชีวิตของฉันไปเสี่ยงหรอกนะผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นและก็มีเสียงบางเสียงตอบรับคำพูดนั้น

    ถ้าไม้สู้ก็ไม่ต้องพูด แล้วก็หดหัวเข้ากระดองไปซะไอ้เต่าเหม็นเขียวโซลพูดอย่างไม่สนใจก่อนจะหันมาทางแซรีส

    อาจารย์แซรีส   เวส   พวกเราจะช่วยสู้ด้วยโซลพูดอย่างหนักแน่น

    งั้นก็ตามมาเวสยิ้มก่อนจะชี้ไปทางหอคอยทิศใต้ มันอยู่ตรงนั้นกำลังจะทำลายผนึกของฉันได้อยู่แล้ว  

    เดี๋ยวลีรอยพูด  ทำให้หลายๆคนที่กำลังจะเดินตามเวสและแซรีสเกือบจะสะดุดล้ม

    ก่อนอื่นพวกผู้หญิงให้อยู่ทางกองหลังน่าจะดีกว่านะ  ผู้ชายควรรวมตัวเป็นกลุ่มห้าคนเพื่อกระจายกำลังไป  ส่วนคนที่พอรู้เรื่องการรักษาให้รออยู่ที่นี่เพื่อมีคนเจ็บด้วย  ผู้ชายที่คิดว่าเก่งพอจะปกป้องผู้หญิงหลายๆคนได้ให้ประจำอยู่ตรงนี้ด้วยคอยช่วยเหลือและป้องกันไม่ให้พวกจิ้งจอกทมิฬเข้ามาทำร้ายคนตอนที่กำลังรักษา พวกนายจะทำกันได้ไหมลีรอยพูดยาวเป็นชุดแต่ทำให้หลายๆคนอี้งไปตามๆกัน

    ได้ๆ ฉันพอจะรักษาได้  โซเฟียพูด

    ฉันจะช่วยนะวิเวียนพูด

    พวกเราด้วยผู้หญิงหลายๆคนเดินเข้ามารยวมตัวกันแต่บางคนก็จับกลุ่มกับพวกผู้ชายเพื่อจะไปสู้ด้วย

    งั้นเดี๋ยวพวกเราจะช่วยคุมกันตรงนี้เองผู้ชายอีกกลุ่มหนึ่งพูดขึ้น

    เอาล่ะ งั้นพวกที่เหลือขอให้กระจายกำลังกันไป อย่าเอาเพื่อนสนิทอยู่ในกลุ่มขอให้เอาคนที่ความถนัดต่างกันมารวมกลุ่มเพื่ออุดจุดบอดของการต่อสู้ของตนเข้าใจไหมลีรอยพูดอีกครั้งซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากทุกคนอย่างดี

                         แซรีสมองเด็กหนุ่มผมดำที่พูดแผนการรบขนาดย่ออย่างชำนาญและเร็วเหมือนกับไม่ได้คิด  แต่กลับเป็นแผนการที่ดีเยี่ยมขนาดนั้น สงสัยปีนี้จะมีพวกคมในฝักเยอะจริงๆอย่างที่อมิเลียพูดก็ได้  

    งั้น ไปกันเลย พวกทางนี้ก็ระวังด้วยละ

    อืมพวกผู้หญิงตอบรับเบาๆ

    เอาละ  งั้นเรามาเตรียมของรอสถานะการกันเถอะโซเฟียพูด

    ฉันจะไปเอา สมุนไพรจากเรือนเพาะปลูกทางทิศเหนือให้นะเอล์ฟสาวคนหนึ่งพูดขึ้น

    อืม งั้นฉันไปด้วยผู้ชายอีกคนที่ดูจากสีตาแล้วน่าจะเป็นก๊อบลินพูดขึ้น

    ฝากด้วยนะเซรีน่าพูด

    เตรียมน้ำ  แล้วก็ตั้งไฟให้พร้อมด้วยวิเวียนพูดพลางใช้เวทย์สร้างบ่อน้ำใสสะอาดขึ้นข้างต้นไม้ใหญ่ที่กำลังจะตั้งเป็นฐานในการรักษาพยาบาล

    เซรีน่า  ช่วยบดยานี้ให้หน่อยสิโซเฟียยื่นกระดาษเล็กให้

    อืมได้สิ ทำไมเหรอเซรีน่ารับกระดาษมาแล้วเริ่มหยิบส่วนผสมต่างๆที่เอล์ฟสาวกับหนุ่มก๊อบลินไปช่วยเอามาให้

    มันจะช่วยแก้ปวด ทำให้รู้สึกชานะเป็นประโยชน์ตอนจะรักษามากเลยโซเฟียตอบก่อนจะหันไปยุ่งกับเรื่องอื่นแทน

    เฮ้ พวกเธอ!  มาช่วยหมอนี่หน่อยเสียงของก๊อบลินหนุ่มคนเดิมพูดขึ้นขณะที่เขากำลังแบกคนเจ็บคนแรกเข้ามา

    ว้าย แผลใหญ่เลยทำไงดีโซเฟียโวยวายเพราะถ้ารักษาแบบนี้แผลอาจมีเศษดินเศษหินเข้าไปทำให้รักษาได้ไม่ดี

    นี่ไงๆๆๆลิลิธพูดขณะที่รีบปูผ้าผืนใหญ่ลงบนพื้นหญ้า

    อะ ดีเลยเนริส พาเขามานอนตรงนี้สิเอล์ฟสาวพูดกับเนริส

    มีล  เธอไม่ต้องบอกฉันก็รู้น้าก๊อบลินหนุ่มพูดพลางค่อยๆวางคนเจ็บลง

    เธอชื่อลิลิธ สินะ  เธอไปเอาผ้านี้มาจากกันไหนเนี้ยเนริสถามลิลิธอย่างโคตรสงสัย

    ฉันก็ไปกระชากมาจากห้องสอบที่สอบเมื่อกี้ไงลิลิธพูดหน้าตายเล่นเอามีลกับเนริสเหงื่อตกไปตามๆกัน  

    วิเวียนมาช่วยหน่อยสิโซเฟียพูด

    อือๆวิเวียนกับเซรีน่า ใช้มือวางไปบนบาดแผลของคนเจ็บและก็เกิดแสงสีฟ้าเรืองอ่อนๆสว่างขึ้นแล้วแผลก็หายไป

    โอ้ย

    นายเป็นไงบ้าง

    ก็โอเคขอบใจ งั้นฉันจะไปช่วยพวกนั้นสู้ต่อละนะคนที่พึ่งหายเจ็บมาหมาดๆลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งไปทางหอคอยทิศใต้ทันที

    นี่นาย ยังไม่หายดีเลยนะ!”เซรีน่าพูดแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว  เพราะมนุษย์เพศชายผู้นั้นได้วิ่งลิ่วไปอย่างรวดเร็วจนฝุ่นตะหลบ

                   กรรรรรรร์!! เสียงขู่ของสัตว์บางอย่างดังขึ้นเรียกความสนใจของทุกคนที่ประจำอยุ่ตรงจุดพยาบาล

    จิ้งจอกทมิฬ!”เซรีน่าพูดด้วยความตกใจ เมื่อได้เห็น...

                          จิ้งจอกสีดำนิลตัวใหญ่ขนาดเกือบเท่าๆกับพวกวิเวียนหรืออาจจะใหญ่ว่าตัวพวกเธอด้วยซ้ำ   สามสี่ตัวเดินย่างสามขุมเข้ามา    ทำให้ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะขยับ       จิ้งจอกทมิฬ ตัวหนึ่งกระโจนเข้ามาตรงที่ที่ โซเฟียจะตั้งหลักรักษาเพื่อน  แต่ก่อนที่กรงเล็บคมกริบของมันจะถึงตัวของโซเฟีย มันก็กระเด็นไปอีกทาง    มันกางขาเพื่อตั้งหลักไม่ให้ล้มแล้วหันขวับมาขู่ใส่ต้นตอของแรงส่งจากเท้าที่ทำให้มันกระเด็นออกมา   ลิลิธยืนตั่งท่าพร้อมสู่ประจันหน้ากับจิ้งจอกทมิฬโดยมือจับดาบสัมฤทธิ์อย่างมั่งคง

    ไง  มองหน้าแบบนี้อยากชิมร้องเท้าของฉันอีกทีงั้นเหรอลิลิธยิ้มเหยียดๆให้กับมันแต่ยังไม่วายกวนแม้มันอาจจะฟังเจ้าตัวไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ

    กรรรรรรร์จิ้งจอกทมิฬกระโจนเข้าใส่ลิลิธอีกครั้งมันกางกรงเล็บเตรียบมขย่ำร่างบางตรงหน้าเต็มที่แต่ กลับโดนดาบที่เจ้าตัวถืออยู่กันไว้อย่างง่ายดาย

    เซรีน่า!”ลิลิธพูด

    อืมเซรีน่าวิ่งออกมากันจิ้งจอกอีกสองตัวที่พยายามจะเข้าไปตรงที่รักษาคนเจ็บ   ทำให้ผู้ชายที่เหลืออยู่กับผู้หญิงบางคนที่ยังไม่มีหน้าที่วิ่งเข้ามาช่วยทั้งสองด้วย

                                     ในขณะที่พยายามป้องกันที่พยาบาล  ก็มีคนเจ็บทยอยเข้ามาเรื่อย เยอะขึ้นจนต้องเอาคนที่สู้อยู่มาช่วยกันรักษาทำให้เหลืออยู่ไม่กี่คนที่พยายามกันจิ้งจอกทมิฬให้ออกห่างสถานพยาบาล    และไม่ได้มีแค่คนเจ็บที่เพิ่มขึ้นท่านั้นจิ้งจอกทมิฬเองก็มาเพิ่มด้วย

    พวกนั้นสู้กันยังไง ถึงปล่อยเจ้านี้มาทางนี้เนี้ยเซรีน่าพูดขณะที่ใช้ดาบปัดป้องกรงเล็บของจิ้งจอกทมิฬไม่ให้ถูกตัว    

    ฉวัะ! ลิลิธฟันดาบเข้าไปที่กลางลำตัวของจิ้งจอกอย่างไม่ลังเล  ทำให้มันส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดแต่ไม่ได้ทำให้ลิลิธสงสารหรือหวาดกลัวสักนิด   ปลายดาบสัมฤทิ์คมกริบแทงทะลุงท้องของมันไป เลือดสีอดงฉานสาดกระเซนเลอะพื้นหญ้า สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนอื่นๆที่ได้แต่ปัดป้อง  เท่านั้น

    อย่ามัวแต่ปัดป้องสิ! ถ้ามันมาเพิ่มมากกว่านี้พวกเราจะแย่นะลิลิธพูดเสียงดุ

    แต่  ฉะฉันไม่อยากฆ่ามันนี่เสียงของ เอล์ฟสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

    ถ้าไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า เธอไม่ฆ่ามันคิดว่ามันจะไม่ฆ่าเธอหรือไงลิลิธพูดด้วยสีหน้าเย็นชา

    ไม่มีใครใจบุญขนาดนั้นในสงครามหรอกนะลิลิธพูดแล้ววิ่งเข้าใส้จิ้งจอกทมิฬที่กำลังจะกระโจนใส่เอล์ฟสาว

    วิเวียน  คนเจ็บไปไงบ้างเซรีน่าตะโกนข้ามสนามถาม

    อืม  ไม่เป็นไรวิเวียนตอบ  ตอนนี้เธอกางเกราะแสงไว้รอบๆเพื่อกันไม่ให้จิ้งจอกทมิฬที่ดวงดีผ่านพวกลิลิธเข้ามาได้เข้ามาทำร้ายคนที่กำลังเจ็บซ้ำ

     

                          เซรีน่าฟันดาบคมกริบของตนใส่จิ้งจอกที่กระโจนใส่ตนอย่างแม้นยำโดยไม่ลังเล

    ลอบกัดมันไม่ดีนะเซรีน่าว่าก่อนจะตวัดดาบเข้าใส่จิ้งจอกอีกตัวที่กระโจนเข้ามาจากด้านหลัง

    มันมากี่ตัวกันเนี้ย

    ถามฉันแล้วฉันจะรู้ไหมเนี้ยลิลิธบ่นพึมพัมกับตน

                        เคร้ง! จิ้งจอกทมิฬตัวใหญ่อีกตัววิ่งเข้าใสลิลิธ  ลิลิธจึงใช้ดาบกันกรงเล้บและเขี้ยวที่แหลมคมของมัน  ลิลิธพยายามจะปัดมันออกจากดาบแต่ไม่ได้ เพราะเขี้ยวแข็งแรงของมันพยายามกัดดาบของเธอไม่ยอมปลอย  ในขณะเดียวกันจิ้งจอกทมิฬอีกตัวที่เห็นว่าเพื่อนมันช่วยสร้างโอกาศให้  จึงง้างกรงเล็บเตรียมจะลิ้มรสเลือดของเจ้าของผมสองสีจากด้านหลัง ทันที

                         ลิลิธหันไปมองด้านหลังของตน แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นจิ้งจอกอีกตัวที่พุ่งเข้ามาลิลิธกัดฟันกรอด จนเป็นสันนูนเตรียมใจรับความเจ็บปวดที่จะโดนกรงเล็บคมๆของจิ้งจอกทมิฬเฉือนแต่กลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่จะต้องโดนสักนิด  ลิลิธลืมตาขึ้นเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น  ก็ปรากฎว่ามีแผ่นหลังของชายหนุ่มอีกคนกำลังต่อสู่กับจิ้งจอกที่เพิ่งจะลอบกัดลิลิธไปมาดๆ

    ไม่เป็นไรใช้ไหมชายคนถามขึ้น

    อืมลิลิธพยักหน้ารับ  แล้วหันกลับหาตัวที่กำลังจะหักดาบของเธอได้  ในเมื่อไม่ต้องพะวงหลังแล้วลิลิธจึงฉีกยิ้มเหี้ยม    ก่อนจะปล่อยมือออกจากดาบข้างหนึ่งแล้วเอามาทาบที่ขนของจิ้งจอก อยู่ๆไฟสีดำสนิทก็ลุกท่วมตัวของเจ้าจิ้งจอกตัวนั้น  มันส่งเสียงร้องโหยหวนครั้งสุดท้ายก่อนจะกลายเป็นเท่าทุลีไป

    เกือบไปนะลิลิธเซรีน่าวิ่งเข้ามาดูเพื่อน

    อืม ขอบใจนะที่ช่วยเพื่อนฉันเซรีน่ายิ้มให้กับคนที่ช่วยลิลิธ   ชายคนนั้นยิ้มรับเขามีผมสีน้ำเงินเข้มยาวเกือบกลางหลังรวบเอาไว้ กับดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่ดูเป็นมิตร

                                       แต่ว่าเมื่อยิ่งสู้ก็ยิ่งมีคนเจ็บให้รักษาเยอะและจิ้งจอกทมิฬก็ยิ่งเข้ามาเยอะ

     จนวิเวียนเริ่มจะเส้นกระตุก   ตอนนี้เส้นเลือดบนหน้าผากของวิเวียนเริ่มจะปูดขึ้นมาแล้ว ยิ่งเมื่อกี้เธอเห็นจิ้งจอกทมิฬสองตัวมารุมเพื่อนตนก็ยิ่งทำให้เส้นอารมณ์เริ่มแกว่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ   จนกระทั่ง

    กรรรรรรรรร์จิ้งจอกทมิฬตัวหนึ่งหลบเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มของเซรีน่าที่คอยยืนกันอยู่มาจนถึงที่ที่วิเวียนกางเกราะแสงเอาไว้   ปึด! ในตอนนั้นเองเส้นอารมณ์ที่แกว่งอยู่แล้วก็ขาดในที่สุด วิเวียนตะโกนด้วยเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ และแฝงไปด้วยอำนาจเล็กน้อย

    หยุดสักที!!!”ด้วยความโมโหบวกกับสติที่ท่าทางจะขาดผึ่ง  ทำให้ร่างบางระเบิดพลังเวท์ออกมาอย่างแรง     ส่งผลให้ทุกทิศนอกอาณาเขตเกราะแสงกลายเป็นน้ำแข็งน้ำแข็งกัดกินทุกสิ่งที่มันสัมพัสให้กลายเป็นน้ำแข็งไปพร้อมกับมันด้วย วิเวียนรู้สึกตัวอีกครั้งว่าตนทำบางอย่างผิดพลาดไป  เพราะที่เธอทำอาจทำให้เพื่อนของเธอโดนแช่แข็งไปด้วย

                                      ไอเย็นจากน้ำแข็งลอยฟุ้งทำให้มองไม่เห็นทัศนวิสัยของรอบด้านทำให้คนที่อยู่รอดปลอดภัยภายในเกราะแสงที่เจ้าของความหายนะนี้สร้างขึ้นต้องกลั้นหายให้ด้วยความลุ้น  แต่เมื่อไอเย็นลอยหายไปเพราะลมพัด ทุกคนที่คอยเป็นไม้กันหมาจิ้งจอกทมิฬไม่ให้เข้าใกล้ที่พยาบาล กลับไม่แข็งไปด้วยทั้งที่จิ้งจอกที่ตนสู้อยู่แข็งเป็นน้ำแข็งไปแล้ว   พื้นที่รอบๆเท้าของแต่ละคนยังคงเป็นหญ้าสีเขียวสดทั้งที่รอบๆตัวหรือตรงอื่นๆที่ไม่มีใครยินอยู่กลับกลายเป็นทุ่งน้ำแข็งไปแล้ว

    สร้างความฉงนให้กับทุกคนมาก  และที่สำคัญคือทุกคนรู้สึกได้ถึงสายลมอุ่นๆที่พัดวนสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายอยู่รอบๆตัว

    เกือบแข็งตายแล้วนะเซรีน่าหัวเราะแหะๆ ทำให้ทุกคนรู้ว่าที่ตนไม่แข็งไปเป็นเพราะฝีมือของเซรีน่านั้นเอง

    ว่าแต่จะเอาไงกับไอ้พวกนี้ละเนริสพูดพลางชี้ไปทางพวกจิ้งจอกทมิฬที่แข็งค้างอยู่ในท่าประหลาดๆ

    ก็ฟาดมันให้แตกเป็นชิ้นๆเลยสิโซเฟียแนะนำ

    ได้เลย หึๆเซรีน่าหัวเราะเจ้าเล่ห์นิดๆก่อนจะเอาหัวโหม่งจิ้งจอกแช่แข็งเล่น ส่งผลให้มันร้าวและแตกลงภายในสามวินาที

      เอ้า งั้นเรามาช่วยรักษาพวกนั้นด้วยดีกว่านะโซเฟียพูดยิ้มๆแล้วมองไปทางที่กำลังมีคนกลุ่มหนึ่งหิ้วปีกกันและกันมา

    อืม!”

                                     ทางฝั่งหอคอยทางทิศใต้ เองก็ไม่ได้มีอะไรง่ายดายเกินไปแถมออกแนวจะเลือดตกยางออกแทบจะทุกคนด้วย  ช่วงที่พวกคาออสไปถึงเจ้าพวกจิ้งจอกทมิฬก็สามารถทำลายผนึกที่เวสสร้างเพื่อสกัดมันเอาไว้ได้    ทันทีที่มันทำลายผนึกได้พวกมันก็กระโจนใส่กลุ่มผู้สมัครที่ร่วมแรงร่วมใจมาสู้  ที่กระจายๆกันอยู่ทันที     จิ้งจอกทมิฬตัวหนึ่งยืนประจันหน้ากับคาร์โล   คาร์โลมองจิ้งจอกตัวนั้นด้วยสายตาพินิจ  ก่อนจะเหยียดยิ้ม

    หึ เล่นกับใครไม่เล่น วอนหาที่ตายซะได้คาร์โลพูด ก่อนที่จะมีลุกไฟสีเพลิงที่ลุกโชนขนาดเท่ากำปั้นสิบถึงยี่สิบลูกลอยอยู่รอบๆตัว  ของเขา     จิ้งจอกทมิฬยกหางขึ้นสุงแล้วขนของมันจากที่อ่อนนุ่มกลับกลายเป็นเป็นแข็งและแหลมราวกับเข็ม   เส้นขนพวกนั้นยืดออกหมายจะให้แทงทะลุคนตรงหน้า  แต่ลูกไฟก็พุ่งเข้าปะทะทำให้ไม่ได้ผล   และที่สำคัญคือยังมีลูกไฟที่เหลือพุ่งเข้าใส่เจ้าจิ้งจอกอีกด้วย          มันตวัดหางกลับมาเพื่อจะป้องกันตัวแต่แทนที่มันรอดพ้นจากความตายหรือเจ็บปวดมันกลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่กลางลำตัว  ปรากฎว่าการใช้ไฟของคาร์โลเป็นแค่ตัวล่อเท่านั้น    ส่วนสิ่งที่ทำให้มันเจ็บปวดจริงๆก็คือดาบสัมฤทธิ์ของรอยที่แทงทะลุเข้ามาจากด้านหลัง

    เจ๋งมากเพื่อนคาร์โลยกนิ้วโป้งให้กับลีรอย

    เมื่อกี้นายตั้งใจพลาดใช่ไหม เมื่อกี้ไอ้ลูกไฟของนายมาเฉียดหัวฉันไปด้วยนะลีรอยพูดพลางเอามือลูบปอยผมที่ไหม้ไฟไปเล็กน้อย อย่างหวาดเสียว

    เปล่า ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่เจตนาคาร์โลยิ้มกวนๆให้กับเพื่อนทำเอาลีรอยอยากเอากล้วยปาหัวเพื่อนตนให้รู้แล้วรู้รอด

    เฮ้ พวกนายอย่าเพิ่งคุยกันสิฟะคาออสพูดขณะที่ใช้ดาบฟันใส่จิ้งจอกทมิฬตรงจุดตายอย่างแม่นยำ ทำให้มันล้มลงจนไม่สามารถสู้ต่อได้อีก

    คาออสฉันว่าพวกนี้มันแปลกๆนะโซลพูดขณะที่ใช้เท้าเตะจิ้งจอกตัวหนึ่งออกไปแต่มันไม่ใช่แค่การเตะอย่างเดียว เพราะเมื่อจิ้งจอกโดนร้องเท้าของโซลฏ็มีกระแสไฟฟ้าแล่นเข้าสู่ทุกอนูในร่างของมันทันที

    ฉันก็ว่างั้นแหละ

    ว่าแต่มีใครเห็นเวส กับอาจารย์บ้างลีรอยพูด

    ไม่รู้สิคงจะอยู่แถวกำแพงละมั้งคาร์โลตอบ  

    เฮ้ย! มันไปทางที่รักษาคาออสพูดอย่างตกใจที่เห็นจิ้งจอกทมิฬตัวใหญ่สองสามตัว วิ่งไปทางที่พวกผู้หญิงอยู่

    เวรเอ้ยโซลสบทก่อนเตรียมวิ่งตามพวกนั้นไป

    เฮ้  โซลไม่จำเป็นนายอย่าลืมสิว่ายังมีผู้ชายอยู่ อีกอย่างเชื่อใจพวกนั้นหน่อยสิคาร์โลพูด

    อืมโซล รับคำในลำคอก่อนจะชี้ไปที่จิ้งจอกตัวใหญ่ที่สุดที่ยืนอยู่กลางกลุ่มจิ้งจอกทมิฬ

    เจ้านั้นท่าจะเป็นตัวหัวหน้าโซลพูดแล้วยักคิ้วเจ้าเล่ห์ให้เพื่อนๆ

    งั้นก็ไปจัดการมันก่อนเลยก็แล้วกันคาออสพูดแล้วยิ้มอย่างที่วิเวียนเห็นแล้วคงรู้สึกอยากเอาสันรองเท้าฟาดปากแต่แฝงไอเย็นแปลกๆเอาไว้

                             เมื่อพูดจบทั้งสี่ก็ค่อยๆแยกตัวกันไปเพื่อจะได้โจมตีพร้อมกันในหลายทิศทาง   คาออสเดินฝ่าฝูงจิ้งจอกไปอย่างหงุดหงิดเพราะทุกครั้งที่เขาฝ่าลึกเข้าไปเรื่อยๆมันก็ยิ่งกระโจนเข้ามาขวางซะทุกที   คาออสใช้ดาบแทงเข้าที่จุดตายของจิ้งจอกแต่ละตัวโดยแทบจะไม่ต้องมองด้วยซ้ำ

    อย่ามาขวาง  ฉันไม่อยากเห็นเลือดโสโครกของพวกแกคาออสพูดเสียงเรียบด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความดุดัน   ดวงตาสีขี้เท่าพอกระทบกับแสงแดดยามบ่ายทำให้เห็นกลายเป็นสีแดงฉาน    จิ้งจอกบางตัวถึงกับชงักเมื่อได้สบกับตาคู่คมของเจ้าตัวแต่พวกมันก็ไม่ยอมที่จะหลีกทางให้คาออสได้ไปง่ายๆตามที่เจ้าตัวต้องการ   คาออสมองเหล่าจิ้งจอกที่พยายามกันไม่ให้เขาเข้าไปหาตัวที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้าด้วยสายตาและสีหน้าที่เรียบนิ่งจนไม่สามารถอ่านความคิดได้

    เกะกะสิ้นคำพูดของเจ้าตัว ไฟสีแดงฉานก็ลุกพรึบขึ้นมาบนตัวของเหล่าจิ้งจอกทมิฬที่พยายามกันคาออสออกไป    เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของมันดังระงบก้องโสตประสาทของคาออส แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจมันเลยสักนิด เขาเพียงแค่เดินต่อไปเพื่อจะทำตามแผนที่พวกเขาวางเอาไว้เท่านั้น

                                ลีรอยเดินหลบหลีกจิ้งจอกทมิฬที่กระโจนขวางเขาไปเรื่อยๆแต่บางทีเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องมีการปะทะกันบ้าง     แต่พวกคนที่มาช่วยสู้ด้วยกันนั้นก็คอยช่วยกันไปเรื่อยๆเห็นได้ถึงความสามัคคีเล็กน้อย         ลีรอยเป็นพวกที่เห็นจะบ้าแบบนี้แต่ก็เป็นพวกชอบใช้ความคิดมากกว่าจะใช้กำลังเพราะฉะนั้นถ้าเลี่ยงได้เวลาสู้จริงๆเข้าจะเลือกเล่นงานจุดตายของศัตรูเพื่อจะได้ไม่ตายอย่างทรมาน     จิ้งจอกตัวหนึ่งกระโจนใส่ลีรอยจากด้านหลังแต่เขาก็ไหวตัวทันดาบสัมฤทธิ์ที่มือถืออยู่ถูกยกขึ้นมากันคมเขี้ยวอย่างชำนาญ

    ให้ตายสิ ช่วยหลบๆไปหน่อยสิเดี๋ยวจะให้กล้วยกินนะลีรอยพูดด้วยใบหน้าที่จริงจังแต่ก็ไม่วายพูดขึ้นกล้วยของโปรดอยู่ดี    ฉัวะ! ใบมีดของดาบเฉือนคอของจิ้งจอกตัวนั้นครั้งเดียว จอดเพราะทำให้มันสิ้นฤทธิ์ลงไปนอนแหมะรอความตายอย่างช้าๆ  

    ลีรอยเดิน ลัดเลาะมาเรื่อยๆแต่คราวนี้ไม่มีจิ้งจอกตัวไหนเข้ามาขวางทางเจ้าตัวอีก  ไม่ใช่เพราะไม่อยากขวางแต่ขวางไม่ได้นะสิ  เพราะทุกครั้งที่พยายามจะเข้าใกล้ ชายหนุ่มเจ้าของผมและตาสีนิลก็จะมีเถาวัลย์แข็งแรงผุดออกจากพื้นดินขึ้นมาพันธนาการพวกมันจนไม่สามารถขยับตัวได้

    และยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งรัดซะด้วยสิ

                                    โซลฝ่าฝูงหมาจิ้งจอกเข้ามาอย่างค่อนข้างจะรำคาญ   จิ้งจอกส่วนใหญ่เมื่อสบตาสีทรายที่ดุดันขึ้น(เพราะหงุดหงิด) จะล่าถอยไปเล็กน้อยเหมือนกับกลัวโซล แต่พอโซลเดินผ่านไปมันจะหาทางลอบกัดจากด้านหลังหรือตัวที่ฉลาดกว่าเพื่อนหน่อยก็จะหันไปเล่นงานกลุ่มอื่นแทน

    โซล ใช้ดาบฟันใส่พวกจิ้งจอกที่พยายามจะลอบกัดจากด้านหลังโดยไม่จำเป็นต้องมองเพราะโดนจุดตายทุกตัว   เขาสะบัดดาบกลับมาอีกครั้งอย่างเบื่อหน่ายแล้วสายตาก็พลันสังเกตุเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ       ที่ๆพวกเขามา  ที่ๆทิ้งพวกผู้หญิงให้คอยช่วยรักษาคนเจ็บอยู่ๆก็มีประกายแสงสีเงินระเบิดออกมาอย่างจัง  ไอเย็นประหลาดๆแผ่ไปทั่วแม้จะอยู่ตรงนี้ก็ยังรู้สึกได้

    ยาย พวกนั้นทำอะไรนะ

    โซลมองไปทางนั้นอย่าง งงๆ  และในใจก็ขอให้เป็นเรี่องดีไม่ใช่เรื่องร้ายแรงก็แล้วกัน

     

     

                          คาร์โลรีบหาหนทางหนีทีไล่เพื่อจะไปให้ถึงตัวของจิ้งจอกตัวใหญ่ที่สุดที่คาดว่าจะเป็นตัวหัวหน้า      เขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้เมื่อดูสถานการของกลุ่มต่างๆที่กระจายกันสู้กับจิ้งจอกทมิฬ เขาไม่ยากจะเชื่อว่าแค่การต่อสู้กับสัตว์ปีศาจที่มีพลังเวทย์นี้จะกินเวลาเกือบจะเป็นชั่วโมงแล้วแถมยังเลือดตกยางออกกันเป็นแถว     ถ้าเกิดต้องทำสงครามกับพวกที่มีพลังเวทย์สูงนี่มันจะขนาดไหน    เพื่อนของเขากำลังจะถึงตัวหัวหน้าแล้ว      เข้าต้องย้ายที่ไปที่ต้นไม้ใกล้ๆแทนเพราะเขาจะต้องจู่โจมดักทางจากด้านบนถ้ามันคิดหนี  คิดได้ดังนั้นเขาก็กระโดดลงบนหัวของจิ้งจอกตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่งไปเรื่อยๆ  วิธีนี้นี่มันเร็วดีเหมือนกันแฮะ เขาคิด

                                    คาร์โล  เข้าใกล้ตัวหัวหน้าเข้าไปเรื่อยๆเขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้อย่างชำนาญ  จนเขาเริ่มคิดว่าเขาอาจจะอยู่กับลีรอยมากเกินไปจนชักจะเหมือนลิงเข้าไปอีกคนแล้ว    เมื่อเขาหาที่เหมาะๆวางเท้าได้อย่างมั่นคงแล้ว  คาร์โลก็หยิบธนูที่เจอมันหลงกลุ่มมาในตะกร้าใส่ดาบ ทั้งที่คนอื่นยังไม่ได้ใช้เลยด้วยซ้ำที่จริงเขาก็ไม่อยากจะเอาออกมาเท่าไหร  แต่มันจะไม่เป็นไปตามแผนนะสิ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×