คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้นของความซวยทั้งมวล * รีไรท์
Beginning
จุดเริ่มต้นของความซวยทั้งมวล
แสงสีส้มทองค่อยๆโผล่ขึ้นทางทิศตะวันออก...มันเริ่มขับไล่ความมืดมิดของราตรีที่พ้นผ่านให้จางหายไปอย่างช้าๆ เกือบทุกชีวิตเริ่มตื่นขึ้นมารับรุ่งอรุณอันแสนสดใส
‘วิเวียน เกรย์’ เองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถ้าจะพูดตามจริงแล้วเธอตื่นก่อนที่ฟ้าจะสางซะอีก! วิเวียนเป็นเด็กสาวชาวเมืองเซคริดเวอร์คนหนึ่ง เอาล่ะ...มาเริ่มรับรู้ตำนานบทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์นี้ไปด้วยกันเถอะ
เมืองเซคริดเวอร์นี้แหละที่เป็นแหล่งรวมเหล่านักเวทย์มือฉมัง ชาวเมืองทุกคนจะเริ่มร่ำเรียนวิชาศาสตร์เวทมนตร์ในแขนงต่างๆตอนอายุครบสิบห้า แต่......วิเวียนแตกต่างออกไป...........เธอเรียนการใช้พลังเบื้องต้นอย่างชำนาญตั้งแต่อายุสิบเอ็ด เพราะพ่อของเธอคือเสนาธิการ ฮาว เกร์ย ผู้ที่มีหน้าที่คอยดูแลเมืองนี้
แต่เรื่องที่เธอเริ่มใช้เวทย์ได้คล่องแคล่วตั้งแต่เด็กก็ไม่ได้ทำให้วิเวียนแตกต่างกับชาวบ้านเท่ากับเรื่องที่เธอเป็นลูกของจอมเวทย์มือฉมังที่สุดที่อาณาจักรเคยมีมา เรื่องนี้ทำให้วิเวียนประสาทเสียเพราะทุกคนมักจะมองเธอซ้อนกับเงาของพ่อโดยไม่คิดจะชื่นชมความสามารถของตัวเธอเองเลยต่างหาก!!
เช้านี้ปราสาทของตระกูลเกรย์เงียบเป็นพิเศษเพราะเจ้าของบ้าน...พ่อของวิเวียนไม่ได้อยู่ที่นี่เนื่องจากเสนาธิการฮาวได้เข้าไปทำธุระที่ต่างเมืองนั้นเอง วิเวียนมองไปยังห้องโถงใหญ่ของปราสาท...ไฟในเตาผิงยังคงลุกโชติช่วงแม้ไม่มีคนอยู่
ไฟในนี้ไม่เคยดับไม่ว่าจะไม่มีใครเติมฟืนให้มัน วิเวียนเองก็ไม่แน่ใจว่านี่เป็นเวทย์อีกอย่างของพ่อเธอหรืออะไร แต่ถ้าเธอโตกว่านี้อีกสักสองสามปีเธออยากจะลองเรียกจิตแพทย์มารักษาพ่อเธอสักหน่อยเพราะเวลาพ่อเธออยู่ในห้องนี้คนเดียวที่ไรชอบพูดพึมพัมกับไอ้ไฟดวงนี้ซะจริง ๆ
วิเวียนเดินผ่านประตูออกมาอย่ารวดเร็วเพราะไม่อยากให้“ชินริ”พี่เลี้ยงผู้เข้มงวดมาจับได้ซะก่อน เธอคงเบื่อแย่หากแค่ออกไปเดินเล่นยังต้องมีคนคอยคุมความประพฤติ เมือออกมาจนถึงนอกประตูปราสาทได้ ริมฝีปากบางก็คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างผู้ชนะก่อนจะเดินตัวปลิวมุ่งไปยังจตุรัสกลางเมือง
วิเวียนมีเส้นผมสีเงินสลวยยาวถึงกลางหลัง ดวงตากลมโตสีน้ำเงินเข้มและบวกกับริมฝีปากบางได้รูปรับกับจมูกโดงๆที่ประดับบนใบหน้าทำให้วิเวียนดูน่ารักราวกับตุ๊กตา พร้อมทั้งตระกูลที่เพรียบพร้อมทำให้ใครๆก็คิดว่าวิเวียนเป็นเด็กสาวน่ารักบอบบางหน้าทะนุถนอมแต่...ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเพราะวิเวียนนะมีนิสัยแก่นแก้วเสียยิ่งกว่าม้าดีดกะโหลกซะอีก!
ร่างบางเที่ยวเดินเตร่ไปในจตุรัสกลางเมืองที่เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมายให้ได้ดูได้ชมแต่
.เวลาที่คนเราเริ่มมีความสุขก็จะเกิดเหตุให้เซ็งจิตซึ่งอาจเป็นสัจธรรมไปแล้วสำหรับวิเวียน สิ่งที่ทำให้ร่างบางเจ้าของดวงตาสีน้ำเงินหงุดหงิด ก็คือ การได้เห็นแผ่นหลังของซิลวาล เบรินเชอร์ไรด์ ชายหนุ่มที่เธออยากจะเสกคาถาใส่ให้กลายเป็นจิ้งจกแล้วโยนให้จระเข้กินยืนคุยกับเพื่อนของเขาอยู่ที่ไม่ไกลจากเธอนัก
ถ้าถามถึงสาเหตุว่าทำไมถึงเกลียดนายซิลวาลนะเหรอ ก็เพราะว่าซิลวาลนั้นเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างจะขี้โม้แถมยังชอบมาแจกขนมจีบเน่าให้เธอโดยที่วิเวียนไม่ต้องการนะสิและยังชอบออกตัวทำเหมือนเป็นเจ้าของเธอจนออกนอกหน้าจนหน้าถีบ ถ้าจะให้ร่างบางบอกว่าเขายังมีอะไรดีอยู่บ้างก็คงแค่หน้าตาเท่านั้น!
“หึ ตายยากจังนะ”วิเวียนเหยียดยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเดินฉับฉับไปทางซิลวาล
เมื่อร่างบางยิ่งเข้ามาใกล้คำพูดที่ตอนแรกจับความไม่ได้ก็ดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“ซิลวาล แล้วนายกับคุณหนูวิเวียนคืบหน้าบ้างไหม” เพื่อนคนหนึ่งของซิวาลถามขึ้น
“ก็ไม่มีอะไรหรอก เราก็ยังรักกันดีเหมือนเดิมเมื่อวานได้หอมแก้มด้วย”ซิลวาลพูดกับเพื่อนยิ้มๆโดยที่ไม่ได้สังเกตุเลยว่าความซวยกำลังมาเยือนในไม่ช้านี้
ร่างบางที่เดินมาทันได้ยินประโยคเมื่อครู่ก็อดคิดสงสัยไม่ได้ว่า ‘นี่นายหอมแก้มฉันหรือหอมแก้มก้นตัวเองกันแน่ แล้วมันมา หอมแก้มฉันตอนไหนเนี้ย’
เมื่อวิเวียนเห็นว่าซิลวาลยังไม่รู้ตัวสักทีว่ามีเธอยืนแผ่รังสีอาฆาตอยู่ข้างหลัง ร่างบางจึงเท้าสกิดเบาๆที่หลังของซิลวาลอย่าจัง แต่ไอ้การสกิดเบาๆของเธอนั้นแทบจะทำให้ร่างที่สูงกว่าถึงกับเซเลยทีเดียว!!
“โอ้ย! ใครวะ”ซิลวาลหัน ขวับ มายังต้นตอของความเจ็บปวดทันที แล้วเขาก็ต้องหน้าซีดเผือกเพราะบุคคลที่เขาเพิ่งจะกล่าวอ้างชื่อไปได้มายืนส่งยิ้มเย็นให้เขาอยู่นั้นเอง
“สวัสดี”วิเวียนฉีกยิ้มมรณะให้กับซิลวาลพลางคิดว่าเธอจะสาปเขายังไงดี
“สวัสดีครับวิเวียน”ซิลวาลตอบกลับเสียงอ่อย
“ใครเหรอที่เป็นคนที่โชคร้ายโดนคุณห้อมแก้มนะ แล้วใครกับใครรักกันดีเหรอ”วิเวียนมองร่างสูงด้วยสายตาเชือดเฉือนแต่ยังทำเสียงแอ๊บแบ๋วให้ชาวบ้านหมั่นไส้เล่น
“เออ.....” ซิลวาลเริ่มพูดอึกอักเมื่อโดนคนตัวเล็กกว่าขู่
“อย่ามาโม้เรื่องไม่เป็นเรื่องดีกว่านะ โดยเฉพาะ
”วิเวียนเว้นวรรคด้วยน้ำเสียงคุกคาม
“เรื่องของฉัน! ”ผลัก!!!หมัดเล็กๆจากร่างบางแต่ว่าโคตรหนักก็กระทบเข้ากับดั้งโด่งๆของซิลวาลอย่างจัง
“อู้ย...”
“อย่ามาให้เห็นหน้าอีกนะ ไม่งั้น.....ตาย!”วิเวียนตะคอกใส่ซิลวาลก่อนจะสะบัดผมที่ยาวสยายกลางหลังให้เข้าที่เข้าทาง
แล้วเดินจากไปอย่างไม่ใยดีทิ้งให้ชาวบ้านที่มุงดูเหตุการอย่างตกใจต่อไปและแล้วข่าวที่คุณหนูตัวเล็กๆของตระกูลเกรย์ไปต่อยหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของรองเสนาธิการแห่งเมืองเซคริดเวอร์จนดั้งหักก็กระจายไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ แต่ใครจะสนละก็มันเป็นความสะใจของวิเวียนเองนั้นแหละ!
ไม่น่าเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ตอนนี้ดวงอาทิตย์ใกล้จะลอยเด่กลางหัวของวิเวียนเต็มที แต่เนื่องจากเด็กสาวยังมีอารมณ์หงุดหงิดจากเรื่องเมื่อกี้ บวกกับไม่อยากกลับบ้านไปแล้วเจอการสวดยับจากพี่เลี้ยงสาวสุดเฮี้ยบ ร่างบางจึงตัดสินใจขึ้นไปที่ภูเขาหลังปราสาทของเธอดีกว่าจะเข้าไปในปราสาทแล้วฟังชินริพี่เลี้ยงสุดสวยแต่โครตเฮี้ยบบ่น
กลิ่นหอมของใบหญ้าและดอกไม้นานาชนิดอบอวลไปทั่วพื้นที่สายลมพัดโบกเบาๆทำให้จิตใจที่ขุ่นมัวของวิเวียนผ่อนคลายขึ้น เสียงนกขับขานเพราะพริ้งฟังดูสดใส ท้องฟ้าสีครามดูมีชีวิตชีวาภูเขาลูกนี้เป็นที่พิเศษสำหรับวิเวียน สมัยเด็กๆพ่อกับแม่ของเธอชอบพาเธอมาที่นี่ ที่นี่คือสถานที่แห่งความทรงจำ ภายใต้บรรยากาศแสนสดใสนี้แต่กลับมีมุมๆหนึ่งที่ขัดกับบรรยากาศโดยสิ้นเชิง ที่ตรงต้นสนใหญ่มีร่างหนึ่งหลบอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ เส้นผมสีดำยาวสยายลงมาปิดบังใบหน้าที่แท้จริงบนมุมปากมีรอยยิ้มเย็นๆที่ดูชั่วร้ายปรากฎอยู่
“หึ หึ”ร่างปริศนาส่งเสียงหัวเราะเยียบเย็นเบาๆราวกับเสียงกระซิบขึ้นมา แต่มันกลับเข้าสู่โซตประสาทการรับรู้ของวิเวียนได้อย่าชัดเจนและก้องกังวาน
วิเวียนรู้สึกเย็นไปทั้งตัว เธอพยายามเพ่งมองร่างนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดแต่เมื่อพยายามเพ่งมองร่างนั้นก็อันตรธานหายไป แม้จะรู้สึกโล่งใจแต่ความเย็นยะเยือกยังคงอยู่รอบกายและที่สำคัญคือร่างบางก็ยังรู้สึกเหมือนกับโดนจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ....... เสียงนกร้องเริ่มดังเซ็งแซ่อย่างหวาดหวั่น อยู่ๆเมฆฝนก็ลอยมากั้นแดดจนทำให้ภูเขาทั้งลูกดูมืดมิดและเงียบงัน ด้วยว่าร่างบางนั้นเกลียดเรื่องประเภทนี้เป็นที่สุดทำให้ร่างบางต้องรีบวิ่งแจ้นลงจากเขาด้วยสาเหตุที่ว่ากำลังถูกผีหลอกกลางวันแสกๆนั้นเอง
“กรี๊ดดดดด ผีหลอกโว้ยยยยยย”ว่าแล้วเจ้าตัวก็รีบใส่คาถาโกยแนบเต็มที่ทันที
แต่...ร่างๆนั้นจะใช่ผีจริงๆเหรอ?
หลังจากที่ร่างบางวิ่งลงเขาจนลับสายตาไป ร่างปริศนานั้นก็ได้ปรากฎขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มแสยะเผยขึ้นบนใบหน้า ดวงตาแดงก่ำราวกับโลหิตส่องประกายอำมหิตออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“นี่นะหรือคือทายาทของแก ฮาว? ช่างเป็นชีวิตที่ไร้ค่ายิ่งนัก ไม่สมควรที่จะอยู่บนโลกนี้เลยจริงๆ เทศกาลนองเลือดกำลังจะเริ่มแล้ว...หึ หึหึ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รีไรท์นิดหน่อย เพราะรู้สึกเหมือนพิมพ์ผิดเยอะ+ติดกันเป็นพรืด=w=;;
ความคิดเห็น