ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Warrior X Warrior

    ลำดับตอนที่ #1 : ฝันประหลาด

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 48


         “นั่นแกจะไปจริงๆนะเหรอ”



         “ก็จริงดิปู่  ถามมากี่รอบแล้วเนี่ย”



         “ไปไหน?”



         “ไม่รู้เหมือนกัน”



         “ไอ้หลานเวรรรรร!!”



         “จ๊าก!!!”



         เสียงสุดท้ายดังหลั่นคับบ้านหลังเล็กๆหน้าตาซอมซ่อ  เมื่อเด็กหนุ่มผมสีเพลิงร่างสันทัดได้ภารกิจภาคเช้าของตนเองเสร็จสมบูรณ์



         กวนพระบาทาสมเด็จปู่



         เด็กหนุ่มคิดในใจอย่างขบขัน  ก่อนพาร่างตนเองที่ซ่อนอยู่หลังตู้เล็กๆมายืนประจันหน้าชายชรา   ดวงตาสีน้ำตาลพราวระริก  ก่อนส่งลูกยั่วต่อไป



         “ปามาได้ไงเนี่ยปู่  รองเท้าปู่นะทั้งหนักทั้งเหม็น  เกิดหัวฉันแตกไปทำไง?”



         “นั่นมันเรื่องของแก  เสือ-กตอบกวนตี-นดีนัก  สมน้ำหน้า  ฮ่าฮ่าฮ่า”



         “แหม งั้นก็น่าเสียดายเสียด๊าย.....”  หนุ่มน้อยลากเสียงยาวกลบเสียงหัวเราะของผู้เป็นปู่    “ที่มันไม่โดน”



         “หน้อย  แก๊  ไอ้พรีส  วันนี้ชีวิตแกจะต้องดับในมือของแซม  เทอเรียส  คนนี้แหละ  ย้าก”



         “พอๆ  หยุดปู่”  หลานขายตัวดีกลับยกมือห้ามก่อนที่ชายชราจะมาถึงทันควัน  “วันนี้ไม่เล่นด้วย  จะเดินทาง”



         “เดินทาง?   แกเนี่ยนะ”



         “เยสเซอร์”



         “ไปที่ไหน”



         พรีสจัดการผูกเชือกกระเป๋าให้เรียบร้อยเสร็จสรรพ  แล้วหันมายิ้มยิงฟันใส่



         “ไปตามหานางในฝัน”



         “ห๊า!!!”



         เสียงอุทานอย่างตกใจสุดขีดดังลั่นอีกครั้ง   พรีสหันมาแยกเขี้ยวใส่แทน



         “ตะโกนทำไม  เดี๋ยวเส้นเลือดฝอยแตกโผละหรอก”



         “กะ  แก  วะ วะ  ว่าไงนะ”



         “โอ๊ย   ไม่พูดด้วยแล้ว  ไปละ”



         “เฮ้ยๆ  เดี๋ยวก่อน”  ปู่ฉวยข้อมือหลานชายไว้หมับ  ก่อนที่เจ้าตัวดีจะเดินออกจากรั้วบ้านชั่ววินาทีเดียว



         “อะไรอีกละปู่”



         “แกจะไปผจญภัยข้างนอก”



         “อื่อ”



         “อีกแล้ว”



         “อื่อ”



         “ไปหา  เอ่อ  นางในฝัน”



         “อื่อ”



         “ที่ไหนก็ไม่รู้”



         “อื่อ”



         “แกอยากไป”



         “อื่อ”



         “เออๆ  ไปก็ไป”แซม  ถอนหายใจอย่างปลงอนิจจัง ลงเจ้าพรีสพูดว่าอยาก  แม้แต่ภูเขามารั้งไว้  ก็ไม่อยู่   เขารู้ดี



         หนุ่มน้อยยิ้มร่าอย่างยินดียิ่ง   แล้วพูดว่า



         “ยังงี้ถึงเป็นปู่  ไม่ต้องห่วงฮับกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน  ปู่ดูแลตัวเองดีๆน้า  แล้วฉันจะหิ้วนางในฝันมาฝาก”



         “พอๆ  ไม่ต้องพล่าม  อยากไปก็ไปซะ”



         “โอะโอ๋  งอนเรอะ  งั้นไปละ  รักษาตัวนะฮะ”  พรีสยิ้มพลางโบกมือลาปู่  ก่อนเดินทางห่างบ้านมา      เรื่อยๆ  หากเสียงตะโกนของผู้เป็นปู่ยังลอยลมสะท้อนแว่วมาให้ได้ยิน



         “แกยังติดหนี้ฉันอยู่ 1254 แลนด์  รีบกลับมาจ่ายด้วยนะโว้ย!”



    -----------------------------------------------------------------------------------------*--------------------------



         “พี่ดาเรียจะไปจริงๆหรือค่ะ”



         “จ้า”



         “ออกไปผจญภัยข้างนอกมันสนุกหรือค่ะ  พี่ดาเรียถึงอยากไปนัก”  เสียงเด็กหญิงรุ่นน้องดังอย่างออดอ้อนและตัดพ้อ  เรียกสายตาหญิงสาวร่างเล็กที่ก้มลงจัดกระเป๋าอยู่ให้เงยขึ้นมามอง  ใบหน้านั้นไม่จัดว่าสวยมาก  หากน่ารักตามธรรมชาติของสตรีเพศ  ผมสีทองยาวระเรี่ยบ่า  ดวงตาสีเขียวมรกตกลมโตคู่งามดูเหมือนจะเป็นจุดเด่นที่สุดของใบหน้า



         “โอ๋  รีรี่ อย่าน้อยใจซิจ้า   พี่ไปคราวนี้รับรองไม่นาน”



         “คราวที่แล้วเธอก็พูดอย่างนี้  แล้วเป็นไง  หายไปทีกี่เดือน  คนอื่นเค้าเป็นห่วงเดือดร้อนกันจะเป็นจะตาย  ไม่เคยรู้เล้ย”  เสียงแหลมปรี๊ดของสตรีร่างท้วมที่ยืนอยู่ใกล้ดังขึ้น



         “ไม่ต้องมาย้อนให้ฟังหรอกเจ้าแม่  เรื่องเนี่ยบ่นมาได้เป็นร้อยครั้งแล้วมั้ง”



         “เออ ใช่  ฉันมันแก่ ฉันมันขี้บ่น  แล้วอยากรู้นักว่าถ้าไม่มีฉันแล้วพวกแกจะยังมีกะลาคุ้มหัวกันอยู่ไหม!  เหอะ”   ‘เจ้าแม่’  ตวาดแหวทันทีอย่างอารมณ์เสีย   คำตวาดที่จุดเพลิงในนัยน์ตาของดาเรียได้ดียิ่งนัก  ก่อนเจ้าตัวจะสูดหายใจลึกๆ  แล้วเค้นเสียงออกมา



         “จ้าๆ  ไม่มีจ้าไม่มี”



         เจ้าแม่  ของโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนามิเบีย  ผู้บ้าลูกยอ..และ.......



         แก่  เหี่ยว  เสียงหลอดแตก  ขี้บ่น  ชอบด่า  จุกจิก  ขี้งก  สารพัด



         หญิงสาวถอนหายใจ  แต่ เจ้าแม่ ยังมีสิ่งหนึ่งที่ตรึงตราในใจและเหนี่ยวรั้งให้หล่อนยังอยู่ที่นี่ต่อไปเสมอ



         “คราวนี้จะไปผจญภัยที่ไหนอีกละแก  แล้วอย่าอุตริไปฟรีโซนอีกเชียวนา  เดี๋ยวได้ตายไม่ต้องเกิดอีก 10 ชาติ ฉันขอเตือน”



         เมตตา



         “ฉันจะไปตามหานางในฝัน”



         “เหร.....เฮ้ยย!!!”



         เสียงสูงปรี๊ดดังลั่นอย่างตระหนกสุดขีด  ทำเอาแก้วหูหลายๆคนขาดผึงเอาง่ายๆ



         “ดาเรีย ฉะ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าแกลักเพศ”



         “จะบ้าเรอะ!”



         “แกซิบ้า  เป็นผู้หญิงเสือ-กบอกจะไปตามหานางในฝัน  วิปริตหรือไงแก”



         “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น  ให้ตาย พูดไปก็ไม่เข้าใจ  ไปดีกว่า”



         “พี่ดาเรีย~”



         “ไปนะรีรี่  ไปนะเจ้าแม่”  เจ้าตัวสบตาอีกฝ่ายราวกับรอคำพูดบางคำ



         “ละ  ละ  ละ  ละ   ละ  ละ”



         “ลาก่อนเหรอ  แหม ไม่ต้องห่วง อีกเดี๋ยวก็กลับ”



         “ลักเพศ!”



         “ม่ายช่ายยยยยยยยยยยย”



    ---------------------------------------------*-------------------------------



         “ไปผจญภัยอีกแล้วหรือลูก”



         “ครับ  คุณแม่”



         “เฮ้อ  แม่ละห่วงแสนห่วง  เจ้าก็ชอบหาเรื่องใส่ตัวให้ลำบากอยู่เรื่อย”



         “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ  ผมจะดูแลตัวเองอย่างดี”



         “เฮ้อ  แล้วคราวนี้จะไปที่ไหนละ?”



         คำถามสุดท้าย  เรียกสายตาชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง  ผมดำยาวมัดรวบเป็นหางม้าไว้เบื้องหลัง  นัยน์ตาสีชาฉายประกายลึกซึ้งให้หันมามอง



         “ไปตามหานางในฝันครับ”



         “อะไรนะ  เมอร์เร็ด!”  คำอุทานสุดเสียงของมารดาทำให้ชายหนุ่มนามเมอร์เร็ดหัวเราะอย่างขบขัน  ก่อนเอ่ยย้ำ



         “ครับ  ไปตามหานางในฝัน”



    ------------------------------------------------------------------------------*--------------------------------------



         “ท่าน  จะออกไปผจญภัยข้างนอกรึ?”



         “ใช่  ฝากวิหารให้ท่านดูแลด้วย”



         “แหม  กระทันหันอย่างนี้  ข้า.....”  คำพูดกลืนหายไปในลำคอเมื่อสบตาคู่สนทนาเบื้องหน้า  ดวงตาสีเงินนั้นเย็นเฉียบยิ่งกว่าหิมะ  สายตาที่เรียกเลือดในกายให้ลดต่ำลงอย่างประหลาด



         “ข้า.....  จะจัดการให้เรียบร้อย”



         “ดี”



          คำตอบรับกึ่งชมสั้นๆ   หากทำให้อีกฝ่ายแทบถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก



            วิหารแห่งพระเจ้าของเซิร์ตซี  สถานที่ที่รวบรวมนักบวชหลากหลายในที่เดียวกัน  แม้จะไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่ในวิหาร  แต่เขาก็เป็นบุคคลต้นๆที่ใครทั้งหลายต่างหวาดเกรง



         เฟอัส  เซเลคาล



         กับมาดราวเจ้าชายผู้หยิ่งยโส  ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับนักบวชผู้ปรานี



         ดวงตาที่เย็นชาอย่างนี้ซิ   ใครๆเขาถึงได้แขยงกันนัก



         ความคิดร้อยพันที่เวียนวนอยู่ในหัว  ทำให้ลืมชายข้างหน้าที่กำลังก้าวเท้าไกลออกไปทุกที



         “เดี๋ยวซิท่าน  ท่านจะไปผจญภัย ณ ที่ใด?”



         “ไปตามหานางในฝัน”



         “ห๊ะ!!!”



         คำอุทานอย่างใสมนักบวชดังลั่น  หากบุรุษผู้เย็นชาไม่สนใจ  ฝีเท้าก้าวเดินต่อไปยังสม่ำเสมอ



         “ท่านเฟอัส”



         “อะไร”   คำตอบรับหัวเสีย  พร้อมหันหน้ามาเผชิญ



         “เอ่อ  ขอให้พระเจ้าจงอยู่กับท่าน”



         เฟอัสรับคำอย่างงงๆ  แต่อีกฝ่ายถอนใจ



          ‘ท่านเฟอัส  ท่านนะจิตหลอนไปแล้วละ’



    --------------------------------------------------------------------*-------



         “ท่าน....ท่านผู้ถูกเลือก”



         “ฮื่อ  ข้าเนี่ยนะ”



         “ได้โปรด.......ช่วยข้าด้วย   ได้โปรด”



         “อะไรนะ”  เขาพูดพลางหันมองไปรอบๆอย่างงงๆ  เสียงสตรีผู้กรีดร้องยังดังไม่ขาดสาย



         “ช่วย.......ได้โปรด    ช่วยข้า   ช่วยข้าด้วย”



         “ข้าคงช่วยเจ้าได้หรอกนะ   ถ้าเพียงแต่ข้ามองเห็นว่าเจ้าอยู่ไหน”  เขาพูดอย่างเหลืออด  สอดส่ายสายตามองหาไปยังความมืดอันล้อมรอบทิศทาง



         “ทางนี้   ทางนี้”



         เขาเหลียวกลับไปตามเสียงงเรียก  ความมืดมิดเบื้องหน้าฉับพลันกลับสว่างวูบแรงจ้า   ทำเอาต้องยกแขนขึ้นมาบัง



         “โอ๊ย  แสบตา”



         “ช่วยด้วย!”



         เสียงกรีดร้องของหญิงสาวเรียกสายตาเขาให้เงยวูบ  ก่อนตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้า



         “เฮ้ย!”



         ผู้คนนับพันจับดาบฆ่าฟันกันเองราวคนบ้า  เสียงร้องโหยหวนดังสะท้านทั่วทิศทาง  พื้นดินแดงฉานละเลงเละ  กลิ่นคาวเลือดลอยฟุ้ง



         สงคราม



         ระหว่างใคร?



         เขากวาดตาโดยรอบอย่างงุนงง   แล้วสายตาก็สะดุดกับบางอย่างตรงกลางกองทัพนั่น



       ไ ม้กางเขนตรึงร่างหญิงสาวคนหนึ่งไว้  ผมสีดำของเธอยาวสยายพลิ้วไปกับพัตราภรณ์สีขาวบางเบาที่สวมใส่อยู่  ดวงตาน้ำเงินเข้มของเธอเปล่งประกายทรมาน



         “ช่วยข้าด้วย!”



         จะช่วยยังไงฟะ



         “เอ็นชานเทรส  พลังของนาง”



         “หา  ใครนะ”



         เธอคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองเบื้องบน  ตรงนั้นเองที่ชายหนุ่มได้เห็นร่างอีกร่างลอยเด่นสง่าบนฟากฟ้า



         “ระวัง!”



         “หวา”



         ทหารนายหนึ่งใช้ดาบหันมาฟาดฟันใส่ ณ ตำแหน่งที่เขายืนอยู่ ฝุ่นธุลีลอยตลบขึ้นจากแรงดาบ  โชคดีที่เขาหลบทัน



         “แก  ไอ้คนบาป!”



         “เฮ้~”



         “ขยะโสมมของแผ่นดิน!”



         “เฮ้”



         “ไอ้กากเดนนรก!”



         “เฮ้ย!”



         “ต้องตาย!”



         “ไม่อยากตายโว้ย!”



         คำประกาศดังลั่นเมื่อเจ้าตัวขยับหลบดาบที่อีกฝ่ายฟาดมาได้ทันท่วงทีอีกครั้ง  นัยน์ตาเปล่งประกายโกรธจัด



         “อยากฆ่ากันนักใช่ไหม”



         นายทหารคนนั้นมองอย่างกินเลือดกินเนี้อ  ขยับดาบในมืออีกครา  แล้วตะโกนก้อง



         “ข้าเป็นนักรบจากทิศประจิม!”



         “แต่ข้าเป็นนักรบจากทิศอุดร  ข้าเร่ร่อนในทิศบูรพา และมาที่นี่เพื่อตัดหัวเจ้า!”



         ประโยคตวาดกลับเป็นประโยคที่แม้แต่ตัวคนพูดเองก็ไม่รู้ความหมายด้วยซ้ำ  หากในพริบตา  ดาบที่อยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ตวัดฉับ



         “อ๊ากกกกกกกก!!!!!!!!”



         เสียงร่ำร้องทรมานเมื่อฝ่ายมุ่งร้ายกลับโดนเล่นงานเสียเอง  คำร้องครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลงเมื่อศีรษะของตนร่วงลงพื้น



         “ฮึ  รู้เสียบ้างว่าเล่นอยู่กับใค....”



         “ระวัง!”



         ฉึก!!



         ดาบปักลงที่ตรงกลางหลังเขาจากศัตรูข้างหลัง  เลือดไหลกระฉูดออกจากร่างกาย  ความเจ็บปวดแผ่ซ่าน



         “โอ๊ย”



         ร่างทั้งร่างทรุดลงนั่ง  ภาพเบื้องหน้าเริ่มไร้สีสัน




         “คุณหนูขอรับ  ตื่นได้แล้วขอรับ”



         “ท่านจำไว้นะ  ท่านต้องมาช่วยข้า”



         “คุณหนูขอรับ”



         “ท่านคือผู้ถูกเลือก  จากข้า   เพื่อภารกิจอันยิ่งใหญ่”



         “ท่านธาลัสขอรับ”



         “จงออกเดินทางตามหาข้า  จงไปยืนเหนือจุดแห่งมิดเดิ้ลพาราไดซ์  ปริศนาแห่งฝันของท่านจะกระจ่าง”



         “ธาลัส”



         “ได้โปรด  ตามหาข้า  รับมอบหมายภารกิจอันยิ่งใหญ่  เพื่อพาราไดซ์



         “ธาลัส!”



         คำปลุกสุดท้ายสะท้านลั่น   เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อสะดุ้งพรวดขึ้นมาอย่างตกใจ  พร้อกแหกปากประโยคหนึ่งที่ค้างคาในใจมาตลอด



         “ไม่เข้าใจ!”









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×