ตอนที่ 9 : ความจริง
ท่านพ่อ ฮูหยินใหญ่และฟางเอ๋อร์ได้กลับไปหลังจากทานมื้อเย็นร่วมกับนางเสร็จและนางยังมอบตลับอายแชโดว์กับลิปบาล์มสูตรแรกให้แม่ใหญ่ไปลองใช้อีกด้วย ไท่หลงเองก็กลับไปพร้อมๆกับครอบครัวหลิว นางกับพี่เสี่ยวอิงแล้วก็ท่านน้าลู่ไป๋ก็เลยมาช่วยกันทำลิปสูตรใหม่ที่จะให้สีชัด เนื้อด้านและติดทนมากขึ้น ขายแบบนี้ดูจะดีมากกว่าแต่สูตรบำรุงนางก็ยังทำเช่นกัน
ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ เมื่อลดน้ำมันมะพร้าวลงสองส่วนจะทำให้ไขผึ้งเหนียวขึ้นไม่มันวาวเหมือนสูตรแรก นางตกลงจะทำทั้งสองสูตรออกขาย ทั้งสามคนช่วยกันทำจนทั้งเก้าสิบอันเสร็จภายในคืนนั้นแต่ก็ดึกมากโขทีเดียว
รุ่งเช้าหลังทานมื้อเช้า จิวเหมยกับพี่เสี่ยวอิงขนของทุกอย่างเข้าไปขายที่ตลาด โชคดีที่ท่านพ่อให้ม้าไว้ใช้อีกหนึ่งตัวเมื่อวานและโชคดีกว่าที่พี่เสี่ยวอิงขี่ม้าเป็น ท่านน้าลู่ไป๋อยู่เฝ้าบ้านและรอช่างที่จะสร้างบ้านเข้าไปทำให้ซึ่งนางเองก็ไม่แน่ใจนักว่าจะเป็นวันนี้หรือไม่ ถึงตลาดพวกนางก็รีบเอาโต๊ะออกมากางและวางของเตรียมขายทันที
“จิวเหมย วันนี้เจ้ามาสาย” เหล่าบรรดาพี่สาวจากหอคนิกานี่เอง นางจำชื่อไม่ได้สักคน
“ขออภัยเจ้าค่ะพี่สาว บ้านข้าอยู่ไกลสักหน่อยก็เลยมาช้าไปสักนิด เชิญพี่สาวชมสินค้าใหม่ของข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าเรียกว่าลิปสติกหรือสีทาปาก หากทาบางๆจะได้สีชมพูอ่อนแต่หากทาเข้มจะได้สีแดงสวยพร้อมกับกลิ่นดอกเหมยกุ้ยหอมอ่อนๆเจ้าค่ะ ส่วนที่สีอ่อนกว่านี้ข้าเรียกว่าลิปบาล์ม ใช้บำรุงริมฝีปากแต่ก็มีสีอ่อนๆเช่นกันเจ้าค่ะ แล้วก็มีแบบไม่มีสีสำหรับบุรุษด้วยนะเจ้าคะ”
“แหม แค่ฟังเจ้าพูดพี่สาวก็พร้อมจะจ่ายเงินให้เจ้าแล้วจิวเหมย”
“ข้าขายแพงสักหน่อยนะเจ้าคะ เพราะของที่ใช้ทำนั้นหายากยิ่ง”
“เท่าใดพี่สาวก็ยอมจ่ายหากจะทำให้พี่สาวสวยโดดเด่นเหนือผู้ใด”
“พี่สาวทุกคนสวยโดดเด่นอยู่แล้วเจ้าค่ะ หากใช้ของของช้าจะยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีก”
“ปากหวานจริงเชียวเด็กคนนี้” เอาเป็นว่า เพราะความปากหวานของนางที่ช่างจ้อนี่แหละที่ทำให้นางขายดิบขายดี แม้แต่คุณชายรูปงามก็ยังแวะเวียนเข้ามาซื้อลิปบำรุงกับนางไปเสียหลายคน กลิ่นเงินหอมฟุ้งเชียว
“พี่ไม่คิดว่าคุณหนูจะขายดีเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ”
“ตั้งแต่ขายมาก็ขายดีเช่นนี้ทุกวันเลยเจ้าค่ะพี่เสี่ยวอิง”
“อาจจะเพราะไม่ค่อยมีผู้ใดขายก็เป็นได้เจ้าค่ะ ของที่คุณหนูทำนั้นแม้แต่คุณหนูในจวนก็ไม่มีใช้” ใช่ เพราะสีปากที่พวกนางใช้ทุกวันนี้ก็มาจากกลีบดอกไม้แห้ง เอาปากไปเม้มกับกลีบดอกไม้มันจะชัดเท่าที่นางบดผสมไขผึ้งกับน้ำมันมะพร้าวได้เช่นไร “คุณหนูเก่งมากเลยเจ้าค่ะ”
“มันแค่เรื่องง่ายๆเองพี่เสี่ยวอิง สิ่งที่ข้าถนัดนั้นไม่ใช่สิ่งนี้หรอกเจ้าค่ะ” จะบอกว่าสิ่งที่จันทร์ถนัดนั้นไม่ใช่การผสมสีกับของพวกนี้หรอก แต่หมอทหารเช่นนางที่มาจากโลกอนาคตนั้นถนัดการทำอาวุธสงครามทุกชนิด ครอบครัวนางร่ำรวยเข้าขั้นมหาเศรษฐีทั้งที่เป็นเพียงทหารก็เพราะเหตุนี้ ค้าขายอาวุธให้กับกองทัพ
ที่บ้านของนางมีห้องใต้ดินสำหรับทำงานวิจัยโดยเฉพาะ ในนั้นนางจะมีอิสระในการคิดไม่ว่าจะเป็นทางการแพทย์หรือทหาร ทำบ้านหวิดระเบิดมาก็หลายครั้ง แต่ผลงานที่ได้จากการเกือบเสียบ้านก็คือเงินจำนวนมหาศาล พ่อของจันทร์แทบพูดไม่ออกแต่จะห้ามปรามลูกสาวก็ทำไม่ได้
อย่าให้นางต้องแสดงฝีมือเลย ถ้าไม่จำเป็นนางก็ยังไม่อยากร่ำรวยด้วยวิธีทางลัดเช่นนั้น
“แล้วสิ่งที่คุณหนูถนัดคือสิ่งใดเจ้าคะ”
“สักวันพี่เสี่ยวอิงก็จะรู้เองเจ้าค่ะ พี่สาวพี่ชายสนใจสีทาปากหรือไม่เจ้าคะ ช่วยบำรุงริมฝีปากไม่ให้แห้งแตกได้นะเจ้าคะ เชิญพี่สาวพี่ชายแวะชมสินค้าก่อนได้เจ้าค่ะ” ทันใดนั้นก็มีพี่สาวหลายคนเข้ามาที่ร้านของนางและหยิบจับสิ่งของขึ้นดู นางสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่ามีพี่สาวแต่งตัวแปลกๆมาซื้อของกับนางบ่อยครั้งและแต่ละครั้งก็ซื้อไปเยอะเสียด้วย “เป็นสินค้าใหม่ของข้าเจ้าค่ะ ใช้บำรุงฝีปาก สีแดงเหมาะกับสตรีส่วนที่ไม่มีสีเหมาะกับบุรุษเจ้าค่ะ แต่หากแพ้ไขผึ้งหรือน้ำมันมะพร้าวข้าไม่แนะนำนะเจ้าคะ”
“เป็นพิษหรือ”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ อาการแพ้คือหากสัมผัสกับสิ่งที่แพ้จะเกิดอาการบวมแดงแต่หายขาดได้ในไม่กี่วันหากหยุดใช้”
“เช่นนั้นเจ้าเอาแบบที่มีสีให้ข้าสักสิบอันก็แล้วกัน” จิวเหมยรับคำรีบหยิบจับให้กับพี่สาวพวกนั้นทันที
เมื่อพวกนางได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็จากไปแบบไม่เหลียวหลัง “คนพวกนั้นเป็นคนของจวนใดหรือเจ้าคะพี่เสี่ยวอิง แต่งตัวแปลกแต่กิริยาราวกับคนชั้นสูง ข้าเห็นมาซื้อของกับข้าหลายครั้งแล้วเจ้าค่ะ”
“นางกำนัลจากในวังเจ้าค่ะ พี่เคยพบที่จวนของนายท่านจ้าวอยู่หลายครายามตามเสด็จพระสนมกุ้ยเฟย”
“พระสนมกุ้ยเฟยหรือเจ้าคะ”
“เจ้าค่ะ พระสนมกุ้ยเฟยเป็นพี่น้องร่วมมารดากับฮูหยินจ้าวเจ้าค่ะ พระสนมเสด็จมาเยี่ยมเยียนฮูหยินอยู่บ่อยครั้ง พี่ก็เลยได้พบและสนทนากับผู้ติดตามของพระสนมบ้าง” เป็นเช่นนี้เอง มิน่ากิริยาถึงได้ดูสูงส่งเช่นนั้น “พวกนางคงเป็นนางกำนัลชั้นสูงที่ดูแลเหล่าพระสนมเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นคงไม่มีผู้ติดตามเช่นนั้น”
“อืม ช่างเขาเถิดเจ้าค่ะ” นางเลิกสนใจแล้วตะโกนเรียกลูกค้าต่อ จวบจนตลาดใกล้วายก็ยังขายไม่หมดอาจจะเพราะวันนี้คนมาเดินตลาดน้อยยิ่งนัก นางก็เลยชวนพี่เสี่ยวอิงเก็บของกลับบ้าน แต่ก่อนกลับก็แวะเดินซื้อของสดและแวะร้านขายเมล็ดพันธุ์พืชที่นางบังเอิญเจอ เผื่อได้อะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านบ้าง
“เชิญคุณหนูด้านในเลยขอรับ ร้านข้ามีเมล็ดพืชและต้นกล้าแทบทุกอย่างที่แคว้นซานและต่างแคว้นมี”
“เช่นนั้นหรือ ข้าอยากได้ต้นของลูกกลมๆที่คล้ายผลส้ม ให้รสเปรี้ยว ท่านลุงพอจะมีหรือไม่เจ้าคะ”
“คล้ายผมส้มหรือ ก็พอจะมีอยู่นะ เชิญๆคุณหนู ทางด้านนี้” ท่านลุงเจ้าของร้านพานางเดินไปทางด้านหลังร้านที่เป็นที่เก็บบรรดาต้นกล้ายืนต้นทั้งหลาย นางสอดส่องหามะนาวอย่างตั้งใจแต่ไม่มีแต่ที่มีดันไม่ใช่ “ใช่สิ่งนี้หรือไม่คุณหนู” นั่นมันต้นมะกรูดไม่ใช่หรือ นางยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากได้ต้นมะกรูดมาแล้วนางก็เดินดูต้นอื่นๆเพิ่มจนเจอต้นโหระพา ข่า ตะไคร้ ผลไม้อย่างมะพร้าว ส้มจี๊ด แอปเปิ้ล มะม่วง นางกวาดมาเรียบ และยังให้ท่านลุงหาต้นกระเพราให้ด้วย นอกจากนี้นางยังซื้อเมล็ดพริก พริกไทย ผักชีไปอีกหลายถุง และที่นางปลื้มปลิ่มที่สุดเห็นจะเป็นใบเตย
“ข้าเอาทั้งหมดนี่เลยเจ้าค่ะ แต่รบกวนท่านลุงให้รถม้าไปส่งที่บ้านของข้าที่อยู่ติดกำแพงเมืองให้หน่อยนะเจ้าคะ บ้านหลังที่มีที่กว้างๆหรือถามคนแถวนั้นว่าบ้านคุณหนูหลิวก็ได้เจ้าค่ะ”
“ได้ๆคุณหนู” นางจ่ายค่าของรวมทั้งค่าส่งพิเศษให้ท่านลุงเจ้าของร้านแล้วก็ออกไปหาซื้อของอย่างอื่นต่อ
โดยเฉพาะรังผึ้งและมะพร้าว ไขมันหมูที่นางจะเอาไปเจียวเอาน้ำมันไว้ทำอาหาร แต่นางได้เพียงบางอย่างเท่านั้น รังผึ้งนั้นไม่มีแต่นางไม่ได้กังวลอะไรเพราะไขผึ้งที่ได้จากครั้งก่อนก็มีเก็บไว้เยอะมาก มะพร้าวได้มาอีกห้าลูกและไขมันหมูที่ได้มาเยอะมาก นางและพี่เสี่ยวอิงหอบของทุกอย่างกลับบ้านแม้จะหนักจนแทบขนไม่ไหว
“เห็นทีข้าต้องมีรถม้าไว้ใช้บ้างแล้วล่ะพี่เสี่ยวอิง”
“ตามใจคุณหนูเถิดเจ้าค่ะ”
“พี่เสี่ยวอิงมีฝีมือในการตัดเย็บเสื้อผ้าหรือไม่เจ้าคะ” ระหว่างขี่ม้ากลับในหัวนางก็คิดหาเรื่องทำไม่หยุด อีกไม่นานก็เข้าฤดูเหมันต์แล้วนางต้องเตรียมเสื้อผ้าและเครื่องนอนหนาๆไว้ทั้งของตนเองและคนในบ้าน หากจะไปจ้างช่างตัดเย็บก็กลัวจะไม่ได้ตามแบบที่ต้องการ
“เป็นเจ้าค่ะ คุณหนูจะให้พี่ทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”
“เย็บชุดไว้ใส่หน้าหนาวน่ะสิเจ้าคะ วันพรุ่งเราค่อยไปหาซื้อของมาทำกันดีกว่าจะได้ไม่ลืม พี่เสี่ยวอิงอย่าลืมเตือนข้าด้วยนะเจ้าคะ” คุยกันเรื่อยเปื่อยไม่นานก็กลับถึงบ้าน ท่านน้าลู่ไป๋มาช่วยเอาของไปเก็บและบอกให้นางไปดูที่ทางที่จะให้ช่างเขาสร้างบ้าน และแบบบ้านที่จะสร้าง ช่างทุกคนคุ้นเคยกับนางดีอธิบายเพียงนิดก็เข้าใจ
“คาดว่าสักสองวันก็น่าจะเสร็จขอรับคุณหนู”
“เช่นนั้นรบกวนทำสะพานยื่นจากตรงนี้ออกไปที่ริมแม่น้ำได้หรือไม่เจ้าคะ” นางวาดแบบกับพื้นดินให้ดูแบบคร่าวๆ “ข้าอยากทำเอาไว้นั่งเล่นยามเย็นเจ้าค่ะ”
“ได้ขอรับ ไม่น่าจะยากอะไร เช่นนั้นวันพรุ่งพวกข้าจะเข้ามาแต่เช้านะขอรับ” เมื่อเข้าใจกันดีพวกช่างก็กลับไป นางก็เลยได้เวลาสำรวจพื้นที่สำหรับปลูกพืชผักที่ซื้อมา
“ต้นมะพร้าวคงต้องปลูกให้ไกลบ้านสักหน่อยเจ้าค่ะท่านน้าเพราะเวลาลูกมันแก่แล้วมันจะหล่นเองหากใกล้บ้านหรือใกล้สวนเกินไปเกรงจะเป็นอันตราย ส่วนต้นอื่นๆปลูกไว้ริมรั้วจะเหมาะกว่า” กว่ามะพร้าวจะโตนางคงต้องซื้อใช้ไปอีกหลายปี ขณะที่กำลังเดินปรึกษากับท่านน้าลู่ไป๋อยู่นั้น รถม้าจากจวนท่านพ่อก็วิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านพร้อมกับร่างเล็กของน้องสาวต่างมารดากระโดดลงจากรถ แก่นเซี้ยวแต่เด็กเลยนะฟางเอ๋อร์
“หากเจ้าหกล้มเป็นแผลแม่ของเจ้าคงหัวใจวาย”
“ท่านพ่อก็อย่าบอกท่านแม่สิเจ้าคะ”
“แม่ของเจ้าก็ออกจะเรียบร้อย เหตุใดเจ้าถึงได้ซนเช่นนี้”
“ก็ลูกยังเด็กนี่เจ้าคะ”
“น้องพูดได้ถูกแล้ว คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ”
“พี่ใหญ่! ฟางเอ๋อร์คารวะพี่ใหญ่ ท่านน้าลู่ไป๋เจ้าค่ะ เห็นไหมเจ้าคะท่านพ่อ พี่ใหญ่เห็นด้วยกับลูกด้วย”
“เฮ้อ พ่อฝากน้องด้วยนะเหมยเอ๋อร์”
“เจ้าค่ะ อยู่กับลูกน้องจะเก่งไม่แพ้ผู้ใดแน่นอน” เด็กน้อยยิ้มแป้นแล้วถือห่อเสื้อผ้าตามหลังพี่เสี่ยวอิงเข้าไปในบ้าน ตามด้วยหีบของอีกหลายหีบที่คนของท่านพ่อกำลังขนตามเข้าไป “วันนี้ฮูหยินไม่ได้มาด้วยเพราะอ่อนเพลีย ร่างกายนางยังไม่แข็งแรงดีนักพ่อจึงให้พักอยู่ที่จวน”
“เจ้าค่ะ แม่ใหญ่ควรจะพักให้มากๆ ร่างกายโดนพิษมานานคงต้องใช้เวลากว่าจะฟื้นตัว” แม้นางจะช่วยไปมากแล้วก็เถอะ เรื่องพละกำลังคงมีแต่เจ้าตัวที่จะช่วยตนเองได้ “ท่านพ่อจะกลับเลยหรือจะอยู่รับมื้อเที่ยงกับลูกเจ้าคะ”
“เช่นนั้นพ่อต้องฝากท้องกับเจ้าสักมื้อ แล้วนี่กำลังทำสิ่งใดกันอยู่หรือ”
“ข้ากำลังรอคนจากร้านขายเมล็ดผักเอาผักมาส่งเจ้าค่ะ กำลังพูดคุยกับท่านน้าลู่ไป๋ว่าจะปลูกตรงไหนดี” พูดไม่ทันขาดคำรถม้าคันหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจอดเทียบหน้าบ้านของนางทันที คนบังคับม้าเอ่ยทักทายแล้วแจ้งว่าท่านลุงเจ้าของร้านจ้างให้ขนของมาส่ง “เช่นนั้นรบกวนพี่ชายขนเข้ามาไว้ข้างในให้ข้าหน่อยนะเจ้าคะ ข้าจะให้ค่าแรงเพิ่ม” เราสี่คนรวมท่านพ่อและท่านน้าลู่ไป๋ช่วยกันขนต้นไม้ที่เป็นกระถางเข้าไปก่อน ส่วนถุงเมล็ดผักนางถือไปวางไว้ที่แคร่แล้วไปช่วยพวกเขาต่อ
“เจ้าซื้อมามากมายเพียงนี้เชียวหรือเหมยเอ๋อร์”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ เห็นสิ่งใดลูกก็อยากปลูกไปหมด ต้นไม้แปลกๆลูกก็ซื้อมาเจ้าค่ะ” โตไม่โตค่อยว่ากันอีกที
ขนไปกองไว้มุมหนึ่งบริเวณรั้วบ้านเสร็จคนขับรถม้าก็กลับไปพร้อมค่าแรงเพิ่มอีกห้าตำลึงเงิน นางให้ท่านน้าลู่ไป๋ขุดหลุมสำหรับปลูกต้นมะกรูดก่อนเป็นอย่างแรก ส่วนนางก็ขุดอีกหลุมปลูกต้นส้มจี๊ด ท่านพ่อขุดหลุมสำหรับปลูกต้นแอปเปิ้ล และนางยังเห็นท่านลุงแถมต้นองุ่นมาให้อีกหลายต้น
“ข้าอยากทำบ้างเจ้าค่ะ”
“ข้อมือเจ้ายังเล็กยังทำไม่ได้หรอกฟางเอ๋อร์ เจ้าไปให้พี่เสี่ยวอิงวัดตัวสำหรับตัดชุดดีกว่านะ”
“ตัดชุดหรือเจ้าคะ แต่น้องมีชุดมากมายแล้ว”
“พี่จะตัดชุดสำหรับฤดูหนาวให้เจ้า บ้านพี่มีต้นไม้มากและเป็นที่โล่ง หากเจ้าอยู่กับพี่ที่นี่จะหนาวกว่าที่จวนท่านพ่อมากนัก เช่นนั้นไปให้พี่เสี่ยวอิงวัดตัวเสียดีๆเจ้าตัวยุ่ง” ฟางเอ๋อร์เดินหน้ามุ่ยกลับไปหาพี่เสี่ยวอิงที่ยืนยิ้มรออยู่ “ปลูกที่เป็นต้นเสร็จก็พอแล้วเจ้าค่ะ ที่เป็นเมล็ดข้าจะขึ้นแปลงลูกทีหลัง”
จิวเหมยขุดไปสองหลุมก็ปล่อยให้ท่านพ่อแล้วก็ท่านน้าลู่ไป๋ทำต่อเพราะใกล้เวลามื้อเที่ยงแล้ว วันนี้นางจะทำบะหมี่หมูแบบง่ายๆ ใส่กากหมูและกระเทียมเจียวหอมๆแล้วก็น้ำซุปใสเข้มข้นก็เป็นอร่อยเหาะ นางตั้งน้ำต้มซุปกระดูกหมูกับหัวไชเท้าก่อนเป็นอย่างแรก ใส่เกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ จากนั้นก็หมักหมูไว้แล้วเอามันหมูลงไปรวนในกระทะค่อยๆให้ไขมันละลายเหลือเพียงกากหมูเท่านั้น น้ำซุปเดือดก็คอยช้อนตักฟองออกให้เหลือแต่น้ำใสๆ
ส่วนเส้นหมี่นั้นนางได้มาจากตลาดไม่ต้องทำเองให้ยุ่งยาก ตอนจะเสิร์ฟก็ลวกเส้นลวกหมูใส่ชามตามด้วยซุป กากหมู กระเทียมเจียว ผักชีเป็นอันเสร็จยกเสิร์ฟได้ ซุปหมูเข้มข้นทำทุกคนเจริญอาหารกันมากทีเดียว
หลังมื้อเที่ยงนางก็เดินนำท่านพ่อดูแปลงผักและแปลงข้าวของนาง ตอนนี้ต้นข้าวเริ่มโตแล้วเริ่มเข้าฤดูหนาวคงได้เก็บเกี่ยวพอดี ท่านพ่อเองก็แนะนำหลายส่วนเพราะท่านไปอยู่ชายแดนเห็นชีวิตประชาชนแต่ละหมู่บ้านแต่ละเมืองมามากที่มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไปซึ่งบางที่อุดมสมบูรณ์บางที่ก็ขาดแคลน
“ถือว่าที่ตรงนี้เป็นที่ที่ดีเหมาะแก่การเพาะปลูกมากทีเดียว เหตุใดถึงไม่มีผู้ใดมาสำรวจใช้ประโยชน์จากมัน”
“ก็แบบนี้แหละเจ้าค่ะท่านพ่อ บางสิ่งอยู่ใกล้มือเกินไปก็เลยไม่สนใจเท่าใดนัก”
“ถือว่าลูกโชคดี หากแม่ของเจ้ายังอยู่จะต้องภูมิใจในตัวเจ้าไม่ต่างจากพ่อ”
“ท่านแม่ยังอยู่กับลูกเสมอเจ้าค่ะ ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกมีคำถาม” ถามถึงสิ่งที่นางข้องใจมานาน
“ถามมาเถิดลูกพ่อ หากพ่อตอบได้พ่อจะไม่ลังเลที่จะตอบเจ้า”
“คราแรกยามที่ลูกได้พบสหายอย่างจ้าวไท่หลงนั้น แม้ครอบครัวของอัครเสนาบดีจะสนิทกับท่านพ่อเหตุใดพวกเขาถึงไม่รู้ว่าท่านแม่มีลูกเป็นลูกเจ้าคะ แม้แต่ท่านน้าอี้เฟยที่ถือเป็นสหายของท่านแม่ก็ยังไม่ทราบว่าท่านแม่ท้องและมีลูกออกมา คราแรกลูกคิดว่าเป็นเพราะแม่ใหญ่แต่ยามนี้ลูกไม่มั่นใจนักว่าเพราะเหตุใด” ท่านพ่อเงียบไปครู่ใหญ่หลังสิ้นคำถามของนางก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงบ่งบอกว่าหนักใจนักหนาที่จะบอกกล่าวแก่นาง
“ยามเมื่อแม่ของเจ้าท้องเจ้านั้นร่างกายนางอ่อนแอยิ่งนักเหมยเอ๋อร์ หลังจากหมอหลวงมาตรวจก็พบว่าแม่ของเจ้านั้นร่างกายเต็มไปด้วยพิษร้ายเช่นเดียวกับฮูหยิน หมอถึงกับให้แม่ของเจ้าเอาเจ้าออกเพื่อความปลอดภัย แต่แม่ของเจ้าไม่ยอม ทั้งตอนนั้นพ่อยังมีปัญหากับทางฝั่งบิดาของแม่เจ้า พ่อไม่อาจให้พวกเขารู้ได้ว่ากำลังจะมีเจ้าเพราะเจ้าจะกลายเป็นเครื่องมือในการต่อรองกับพ่อเรื่องตำแหน่งหน้าที่ในราชสำนัก แม่เจ้ารู้และไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นจึงเก็บตัวอยู่แต่ในจวนไม่ออกไปที่ใดแม้แต่พบสหายรักเช่นฮูหยินจ้าว ทั้งยังให้พ่อปิดเรื่องเจ้าไว้เป็นความลับ พ่อน่าจะเด็ดขาดและจัดการพวกเขาให้มากกว่านี้ แต่นั่นก็เป็นบิดากับพี่ชายของแม่เจ้า จะจัดการสิ่งใดก็ต้องคิดถึงแม่ของเจ้าไว้ให้มาก นางยังเป็นห่วงพวกเขาไม่อยากให้ต้องบาดหมางกัน พ่อเองก็จนใจในเรื่องนี้”
“เป็นเช่นนี้ถึงได้ไม่มีใครรู้ว่าท่านพ่อมีลูกอีกคน”
“ใช่ แม่ของเจ้าหลังคลอดเจ้าก็อ่อนแอลงมากจนสุดท้ายนางก็ทนไม่ไหวและจากเราไป พ่อขอโทษจริงๆที่ทำให้เจ้าต้องลำบากจนต้องเจออันตราย”
“มันผ่านไปแล้วเจ้าค่ะ ลูกเองก็รอดมาได้แล้วแต่คนผิดก็ย่อมต้องได้รับผมกรรมหวังว่าท่านพ่อจะเข้าใจ”
“ตามใจเจ้าเถิด หลังจากรู้ว่าฮูหยินโดนยาพิษพ่อก็อดคิดไม่ได้ว่าแม่ของเจ้านั้น....”
“เจ้าค่ะ คงเป็นผู้อื่นไปไม่ได้และลูกจะจัดการด้วยวิธีของลูกเอง” แม่ใหญ่รอดจากความตายเพราะพิษมาได้แต่ท่านแม่ของนางนั้นไม่รอด อนุรองคงคิดการณ์ใหญ่กระมังถึงได้คิดฆ่าทั้งหญิงที่เป็นที่รักของท่านพ่อและหญิงที่เป็นใหญ่ในบ้าน หากแม่ใหญ่ตายไปใครเล่าจะได้ขึ้นมาเป็นฮูหยินคนใหม่หากไม่ใช่อนุรองผู้มาจากตระกูลใหญ่เช่นตระกูลตง
“ตระกูลตงมีฐานอำนาจในราชสำนักค่อนข้างมาก พ่อเองแม้จะเป็นสหายสนิทขององค์ฮ่องเต้ก็ยังต้องเกรงใจอยู่หลายส่วน มิใช่พ่อไม่อยากจัดการเรื่องนี้แต่ตอนนี้นั้นยังไม่เหมาะอย่างยิ่ง ตระกูลตงรับใช้ราชสำนักมาหลายชั่วอายุคน หากถูกลอบสังหารตายไปเกรงว่าราชสำนักจะวุ่นวายไม่น้อย ฝ่าบาทไม่ทรงอยากให้เป็นเช่นนั้น หวังว่าเจ้าจะเข้าใจพ่อ และหากลูกอยากจัดการมันด้วยตนเอง พ่อย่อมยินดีสนับสนุน หากเจ้าต้องการองครักษ์หรือทหารฝีมือดีให้บอกพ่อได้เลย แต่พ่ออยากให้เจ้าคิดให้รอบคอบก่อนจะทำสิ่งใดลงไป เข้าใจหรือไม่เหมยเอ๋อร์”
“ลูกจะจำใส่ใจไว้เจ้าค่ะ ท่านพ่ออย่าได้กังวล แล้ว...ตอนนี้ครอบครัวฝั่งบิดาของท่านแม่เล่าเจ้าคะ”
“เป็นผู้ผูกขาดเส้นทางการค้าระหว่างแคว้นซานกับแคว้นเหลียวที่ติดชายทะเล เกลือที่เจ้าใช้ปรุงอาหารก็เป็นพวกเขาที่นำเข้ามาขายและจ่ายส่วนแบ่งให้ราชสำนัก พี่ชายของแม่เจ้าหรือก็คือท่านลุงของเจ้าเองก็มีตำแหน่งเป็นถึงรองเสนาบดีกรมคลัง ถึงพ่อจะปิดบังเรื่องเจ้าเช่นไรแต่พวกเขาก็เอาแม่ของเจ้ามาต่อรองพ่อจนได้ตำแหน่งมา ช่วงนั้นแม่ของเจ้าป่วยหนักพ่อจึงจำต้องยอมเพราะไม่อยากให้พวกเขาเอาเรื่องนี้มากวนใจแม่ของเจ้า”
“ต่อรองเช่นไรเจ้าคะ”
“ส่วนของแม่เจ้านั้นเพราะพ่อเป็นบุตรเขยแม้เหมยอิงจะเป็นเพียงอนุแต่เพราะพ่อรักแม่ของเจ้ามากจึงมีจุดอ่อนให้พวกเขาแฝงเอาผลประโยชน์ ส่วนเจ้านั้นคงไม่แคล้วเอาชีวิตเจ้ามาต่อรองกับพ่อเพราะพวกเขาหาได้สนใจเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อไม่ ตั้งแต่รู้ว่าแม่ของเจ้าจากไปทางนั้นเองก็ไม่ได้มายุ่งอันใดกับพ่ออีกคงเพราะสร้างผลประโยชน์ให้พวกเขาไม่ได้แล้วกระมัง เช่นนั้น ลูกจะต้องระวังตัวเข้าใจหรือไม่เหมยเอ๋อร์ หากพวกเขารู้ว่าพ่อมีเจ้าคงไม่เป็นเรื่องดีแน่ ยิ่งตอนนี้ตำแหน่งในราชสำนักของพ่อใหญ่โตเช่นนี้ พวกเขาคงไม่พลาดจะเข้าหาเจ้าเป็นแน่”
“ท่านพ่ออย่าได้เป็นห่วงลูกเลยเจ้าค่ะ ลูกจะระวังตัวเองให้ดี”
“ได้ยินเช่นนี้พ่อก็เบาใจ แล้วก็เรื่องแม่ใหญ่ของเจ้า นางเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องร้ายกับเจ้าหรอกนะเหมยเอ๋อร์ เจ้าพอจะให้อภัยแม่ใหญ่ของเจ้าได้หรือไม่”
“ท่านพ่อรักแม่ใหญ่หรือไม่เจ้าคะ”
“พ่อรักเพียงแม่ของเจ้า พ่อไม่อาจรักสตรีใดได้อีกแล้ว แต่กับฮูหยินใหญ่นั้นพ่อจำเป็นต้องมีสัมพันธ์กับนางเพื่อทายาทของตระกูลและเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย ซึ่งแม่ของเจ้าก็รับรู้เรื่องนี้เช่นกัน เช่นนั้นเจ้าจะให้อภัยแม่ใหญ่ของเจ้าได้หรือไม่เหมยเอ๋อร์”
“ลูกไม่ถือโทษโกรธผู้ที่ไม่ได้ทำผิดหรอกเจ้าค่ะ ลูกทราบว่าแม่ใหญ่เองก็ตกเป็นเหยื่อ ถึงจะไม่ใคร่ชอบลูกนักทั้งยังลดเบี้ยหวัดลูกแต่เรื่องนั้นให้อภัยกันได้เจ้าค่ะ”
“นางไม่ได้ลดเบี้ยหวัดเจ้าหรอกลูกพ่อ นางจัดสรรปันส่วนให้ทุกคนอย่างที่สมควรจะได้แต่นางพลาดที่ให้สาวใช้ผู้นั้นเป็นคนเอาไปให้เจ้าทุกครั้งเอง เบี้ยหวัดที่หายไปก็คงเป็นสาวใช้ผู้นั้นหยิบไปถึงเหลือถึงเจ้าเพียงหยิบมือ”
“อ่า แล้วตอนนี้สาวใช้ผู้นั้นอยู่ที่ใดเจ้าคะ ลูกอยากตอบแทนนางสักหน่อย”
“หนีไปแล้วกระมัง ฮูหยินบอกพ่อว่านางหายไปก่อนพ่อกลับจวนเพียงสามวัน ให้คนตามหาเท่าใดก็ไม่พบเพราะฮูหยินต้องการยาถอนพิษมาให้ฟางเอ๋อร์แต่ก็ไร้ร่องรอยเหมือนไม่มีตัวตน อาการของฟางเอ๋อร์จึงได้ทรุดลงเช่นไรเล่า แต่พ่อก็ยังให้คนตามหานางผู้นั้นอยู่ตลอด หากพบเมื่อใดคงได้ตัดสินโทษผู้บงการเสียที” เป็นเช่นนี้นี่เอง คงต้องหาเวลาไปเยี่ยมเยียนแม่รองสักหน่อยแล้ว “วันนี้พ่อต้องกลับแล้วเหมยเอ๋อร์ ไว้อีกสามวันพ่อจะมาหาเจ้าอีกครั้งในวันเกิดเจ้า”
“วันเกิดลูกหรือเจ้าคะ”
“ใช่ อีกสามวันเช่นไรเล่า”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ป.ล. กะเพรา สะกดแบบนี้ค่ะ
แม่ทัพไม่น่าจะกลัวเกรงเลย
เหตุผลไม่หนักแน่นพอ
แต่ก็ให้กำลังใจคนแต่งนะคะ
มีจากตระกูลใหญ่ แต่มาเป็นอนุ มันไม่ใช่นะ ต้องเป็นฮูหยินรอง
ฮูหยิน กับ อนุ มันต่างกันมาก
มีผัวเป็นแม่ทัพ ฮูหยินใหญ่ก็เป็นคุณหญิงตราตั้งขั้นหนึ่ง ส่วนฮูหยินรองเป็นคุณหญิงตราตั้งขั้นสอง
แต่อนุ ไม่ได้เป็น
อยากให้พ่อนางเอกเด็ดขาดกว่านี้ให้สมกับที่เป็นแม่ทัพสักหน่อย คงจะดี
อ่านไปขัดใจไปตลอดเรื่องไม่สมเหตุสมผลหลายอย่างมาก พอมาเจอ มะกรูด โหระพา ข่า ตะไคร้
เอ่อ แต่งเอาฮาป่าวเนี่ย 555555
พ่อที่เป็นแม่ทัพที่ปล่อยให้ลูกสาวไปขายของที่ตลาดดด 555555 ไม่ช่วยอะไรเลยด้วยนะ ดูเหมือนไม่ค่อยอยากให้คนอื่นรู้ด้วยมั้งว่ามีนางเอกเป็นลูก อิเรื่องเส้นสายทางบ้านแม่นี้เป็นปัญหาเล็กนิดเดียว คนระดับแม่ทัพถ้าจะจัดการมันจัดการได้อยู่แล้วป่ะ ไม่อยากได้นางเอกเป็นลูก ดูออก
ท่านพ่อเป็นผู้ชายที่แปลกๆ ดูกลวงๆ พ่อเค้าหลอกใช้เธออยู่รึเปล่าคุณนางเอกกก หาาา ไม่สนใจใยดีอะไรเธอเลยนะพอมีเรื่องลูกของฮูหยินใหญ่ แต่พอเธอทำประโยชน์ได้ดันมาหาหรออ คิดว่าให้แค่นี้ พูดแค่นี้จะทดแทนกันได้หรอ ดูยังไงก็สัมผัสถึงความสัมพันระหว่างพ่อลูกไม่ได้เลย ที่บอกว่ารักแม่นางเอกนี่
โกหกด้วยป่ะ ผู้ชายไรเนี่ยย ยี้ นางเอกก็ดูงงๆ กลวงๆเหมือนกัน ไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ ใจโคตรกว้าง
ทีหงี้มามีลูกได้ ตอนนี้ยังช่วยฮูหยินใหญ่อีกอ่าท่านแม่ทัพช่างโลเล