ตอนที่ 80 : ตอนพิเศษของจ้าวไท่หลง ตอนที่ 1 ข่าวจากเมืองหลวง
ในป่าแห่งหนึ่งที่ภายนอกยังคงดูเงียบสงบแต่จะมีผู้ใดรู้ว่าภายในป่าที่อยู่ลึกเข้าไปนั้นกำลังมีบุรุษรูปงามผู้หนึ่งกำลังเร่งฝีเท้าหลบหลีกลูกไฟที่ผู้เป็นอาจารย์สร้างขึ้นจากพลังลมปราณอย่างว่องไว แต่เรียกว่าหนีตายจะเหมาะกว่า
จ้าวไท่หลงในวัยสิบแปดปีเต็มเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้นรูปงามทั้งยังกล้ามใหญ่เช่นที่เจ้าตัวอยากจะมี องค์อาจสง่างามไม่แพ้ผู้เป็นพี่ชาย ฝีมือพัฒนาแบบก้าวกระโดดอย่างผู้มีพรสวรรค์ นับสามปีที่กลับมาฝึกฝนต่อกับท่านตานั้นเขาถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักในทุกๆเรื่องที่ผู้เป็นอาจารย์สอนสั่ง แม้จะมีอิดออดบ้างแต่ก็ไม่เคยละเลยการฝึกฝนเลยสักวัน แต่คงจะดีกว่านี้หากเขาเอาเวลาไปศึกษาเรื่องสมุนไพรเพิ่มเติมมากกว่าการมาวิ่งหลบลูกไฟ
“เมื่อใดท่านตาจะเลิกปาลูกไฟใส่ข้าเสียทีเล่าขอรับ”
“ก็จนกว่าเจ้าจะหลบมันพ้นด้วยความเร็วที่ข้าพอใจ อย่าเสียสมาธิ” ว่องไวกว่านี้เขาก็หายตัวได้แล้วล่ะ แต่ถึงจะแอบบ่นในใจเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นไปอีกจนท่านตาหยุดปล่อยลูกไฟนั่นแหละถึงได้หยุดพัก “เจ้ารีบไปอาบน้ำเตรียมตัวเถิด ถึงเวลาที่เจ้าต้องกลับเมืองหลวงแล้ว”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือขอรับ”
“พี่ใหญ่ของเจ้าต้องไปประจำอยู่ชายแดน เจ้าต้องกลับไปดูแลจิวเหมยแทนพี่ใหญ่ของเจ้า นางกำลังท้อง”
“ท้องอีกแล้วหรือขอรับ!” นี่พี่ใหญ่ของเขาจะขยันมากเกินไปหรือไม่นะ หลานแฝดสองคนก็เพิ่งเกิดไม่นานนี้เองนะ “เช่นนั้นข่าวที่ว่าแคว้นโหวยกทัพมาประชิดชายแดนก็เป็นเรื่องจริงสินะขอรับ”
“ยังไม่แน่ชัดว่าแคว้นโหวจะยกทัพไปที่แคว้นใด แต่มีการเตรียมเคลื่อนทัพจริงตามที่สายข่าวของจิวเหมยบอกมา” ไท่หลงรีบไปเตรียมตัวแม้จะไม่มีสิ่งใดให้นำติดตัวกลับไปเลยก็ตาม เมื่อพร้อมท่านตาก็เป็นผู้พาออกมาส่งยังทางออกป่า “ที่ผ่านมาข้าสั่งสอนเจ้าไปจนหมดสิ้นแล้วไท่หลง จงใช้วิชาความรู้ที่เจ้าได้ร่ำเรียนให้เกิดประโยชน์เถิด”
“ขอบพระคุณขอรับท่านตา”
“อืม รีบเดินทางเถิด ฝากบอกอี้เทียนด้วยว่าจากนี้ข้าจะบำเพ็ญเพียร ไม่ขอรับรู้เรื่องจากภายนอกอีก” ไท่หลงคารวะผู้อาวุโสตรงหน้าแล้วทยานตัวจากมาโดยไม่ลังเล มุ่งหน้าสู่ประตูเมืองหลวงที่เห็นอยู่ไม่ไกล
ทันที่ก้าวขาเข้ามาในจวนของผู้เป็นพี่ชายและสหาย ไท่หลงก็ได้ยินเสียงร้องไห้งอแงของเด็กน้อยสองคนเป็นการต้อนรับ แอบๆดูก็เห็นว่าหลานน้อยทั้งสองของเขากำลังถูกทำโทษให้นั่งหันหน้าเข้ามุมอยู่ข้างๆกัน มีจิวเหมยผู้เป็นมารดายืนกอดอกอยู่ข้างหลังเด็กๆ ปากก็สั่งสอนลูกทั้งสองไปด้วย
“ไม่ต้องร้อง นั่งคิดไปว่าที่ลูกทำวันนี้มันถูกต้องหรือไม่”
“ท่างแม่ หย่งหย่งไม่ได้ตั้งใจ ฮึก”
“ใช่ๆ อิงอิงก็ไม่ได้ตั้งใจเยย” พูดไปน้ำตาก็หยดไป น่าสงสารจนผู้เป็นอาที่แอบดูอยู่ต้องก้าวเข้าไปช่วยหลานรักทั้งสอง แต่จิวเหมยดันเห็นเขาเข้าเสียก่อนจึงใช้สายตาไล่ให้ออกไปรอที่ห้องรับแขก...ไปก็ได้
นั่งรออยู่นานจนน้ำชาหมดไปสองกาจิวเหมยก็เดินเข้ามาหาแต่ก็ไร้เงาของหลานรักทั้งสอง “เจ้าได้ข่าวเรื่องที่ท่านพี่จะต้องไปประจำที่ชายแดนใช่หรือไม่ไท่หลงถึงได้กลับมา” ร่างอวบอิ่มของสหายนั่งลงตรงหน้าด้วยท่วงท่าที่สง่างามสมกับเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพใหญ่
“ใช่ ท่านน้าอี้เทียนส่งข่าวไปถึงท่านตา ว่าแต่เหตุใดเจ้าถึงได้ลงโทษหลานของข้าเช่นนั้นเล่า”
“แอบหนีออกไปเที่ยวมาน่ะสิ หยุด เจ้าไม่ต้องพูด หากหลานของเจ้าออกไปเที่ยวเล่นในเมืองข้าจะไม่ทำโทษเช่นนี้หรอก แต่นี่ดันขี่เสี่ยวหู่เสี่ยวหลานออกไปถึงป่า หากข้าไม่ทำโทษเสียบ้างคงได้เล่นซนมากกว่านี้เป็นแน่” ไท่หลงอ้าปากค้างไปเรียบร้อย หลานน้อยทั้งสองเพิ่งจะสองขวบปีกับอีกไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่หาญกล้าออกไปไกลถึงในป่า แม้ป่าที่อยู่ใกล้ๆเมืองหลวงจะไม่มีสัตว์อสูรที่เป็นอันตรายแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอันตราย “แล้วนี่เจ้าจะกลับมากี่วันหรือ”
“ข้าคงไม่กลับไปแล้ว อีกไม่นานท่านตาก็จะเข้าบำเพ็ญเพียรตัดขาดจากโลกภายนอก ข้าเองก็ร่ำเรียนมาจนหมดสิ้นแล้วท่านตาจึงยอมให้ข้ากลับมานี่อย่างไรเล่า ว่าแต่สายข่าวของเจ้าได้ข่าวมาเพิ่มหรือไม่”
“ไม่ แคว้นโหวยังไม่เคลื่อนทัพ แต่เช่นไรกองทัพของแคว้นเราก็ต้องเตรียมรับมือไว้ หรือเจ้าอยากไปกับท่านพี่ด้วย เจ้าไปด้วยก็ดีเหมือนกันนะข้าจะได้ไม่เป็นห่วงท่านพี่เท่าใดนัก”
“ไม่ล่ะ ข้าอยู่ดูแลเจ้ากับหลานแทนพี่ใหญ่จะดีกว่า”
“ไม่อยากออกไปลองวิชาที่ร่ำเรียนมาสักหน่อยหรือ ข้ายังอยากไปกับท่านพี่เลยแต่ถูกห้าม แย่ชะมัด”
“เจ้าถูกห้ามก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ท้องอยู่เช่นนี้จะออกไปสู้รบกับทหารพวกนั้นได้เช่นไร หลานของข้าได้หลุดจากท้องของเจ้าพอดี แล้วนี่เจ้าจะให้ไท่อิงกับไท่หย่งนั่งเข้ามุมอยู่เช่นนั้นอีกนานหรือไม่ ข้าสงสารหลาน” แม้ตั้งแต่หลานเกิดเขาจะได้มาเยี่ยมเพียงสองครั้งแต่ด้วยความน่ารักไร้เดียงสาของเด็กน้อยก็ทำเขาหลงรักหลานน้อยเข้าเต็มใจ
“แค่ครึ่งชั่วยามไม่ทำให้หลานเจ้าเป็นอะไรไปหรอกนะ” ใช่สิ นั่นศิษย์รักของท่านน้าอี้เทียนเลยนะ จิวเหมยยอมให้เด็กๆฝึกกับท่านน้าอี้เทียนตั้งแต่เริ่มเดินได้เสียด้วยซ้ำ เด็กสองคนนั้นก็ชื่นชอบการได้อยู่กับอาจารย์ของตนเองมากๆด้วย เขามาเยี่ยมหลานเมื่อคราก่อนยังตกใจที่วิ่งไล่จับหลานแทบไม่ทัน นั่งเข้ามุมเพียงแค่นั้นจะเป็นอะไรได้ แต่เขาก็ยังนึกห่วง
“แล้วนี่ท่านน้าทั้งสองไม่อยู่หรือ”
“อยู่ที่เหลาสุรานั่นแหละ หากเจ้าอยากพบก็รอตอนเย็นเถิด ท่านน้าจะมาท่านมื้อเย็นที่นี่”
“อืม เช่นนั้นก็ได้ แล้วนั่นเจ้าจะไปไหน”
“ทำขนมไว้ปลอบใจลูกข้าน่ะสิ หากเจ้าว่างก็ไปพักผ่อนที่ห้องของเจ้านู้น ข้าให้คนเข้าไปทำความสะอาดให้ตลอดเจ้าเข้าไปพักได้เลย หรือจะไปช่วยข้าทำขนมในครัวก็ได้” แน่นอนว่าเขาเลือกจะไปช่วยสหายทำขนมอยู่แล้ว ทำไปชิมไปเขาจะพลาดได้เช่นไร “เจ้ากลับมาเช่นนี้ข้าก็อุ่นใจ เพราะช่วงที่ข้าท้องข้าคงออกไปตรวจกิจการไม่ได้ คงต้องให้เจ้าช่วยแล้วล่ะไท่หลง ท่านน้าทั้งสองก็ต้องช่วยข้าดูแลอาอิงกับอาหย่ง ไหนจะเหลาสุราที่ต้องเข้าไปดูแลเองทุกวันด้วยอีก”
“เจ้าวางใจได้ ข้ากลับมาครั้งนี้ข้าจะช่วยงานเจ้าให้เต็มที่”
“แน่สิ เพราะนั่นก็กิจการของเจ้าเหมือนกัน หากเจ้าไม่ดูแลแล้วจะให้ผู้ใดดูแลอีกเล่า”
ไท่หลงอยู่ช่วยจิวเหมยทำขนมจนครบครึ่งชั่วยามที่หลานน้อยถูกทำโทษก็โดดออกจากห้องครัวไปโอ๋หลานทั้งสองในทันที เมื่อหลานเห็นหน้าผู้เป็นท่านอาที่ไม่ได้พบมานานก็ยิ้มกว้างลุกวิ่งเข้าไปกอดในทันทีพาให้หัวใจของผู้เป็นอาชุ่มฉ่ำอย่างยินดี ตัวน้อยตุ้ยนุ้ยทั้งสองแย่งกันฟ้องเขากันใหญ่ว่าถูกท่านแม่ทำโทษอย่างไรบ้าง
“แล้วเหตุใดเจ้าทั้งสองถึงถูกทำโทษเล่า บอกอาได้หรือไม่”
“ท่านยุง(ลุง)ยู่(ลู่)ไป๋บอกว่าในป่ามีฉัตว์(สัตว์)อยู่มากมายเยยขอยับ”
“พวกเจ้าสองคนก็เลยขี่เสี่ยวหู่เสี่ยวหลานออกไปที่ป่าตามลำพังอย่างนั้นใช่หรือไม่” เด็กน้อยทั้งสองพยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียงจนเขารู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาเลยทีเดียว "พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามันอันตรายมากเพียงใด หากเจ้าสองคนเป็นอะไรไปมารดาของพวกเจ้าคงเสียใจมากเป็นแน่ อย่าทำเช่นนี้อีกเข้าใจหรือไม่”
“ขอยับ แต่ท่างอา มันไม่อันตยายเยย” แฝดพี่ไท่อิงยืดออกบอกอย่างมั่นใจ ท่าทางน่าเอ็นดูจนเขาอดจะหัวเราะไม่ได้ ไปเรียนท่าทางขึงขังเช่นนี้มาจากผู้ใดกัน หากจะให้เดาก็คงไม่พ้นผู้เป็นบิดา ถอดพี่ใหญ่ของเขามาแทบจะทุกส่วน
“อันตรายมีอยู่ทุกที่แม้แต่ในจวนของพวกเจ้า”
“แต่ท่างยุงบอกว่าเป็นยูกผู้ชายต้องไม่กัวอันตยาย” ไม่ใช่แค่แฝดพี่เท่านั้นที่ถอดแบบพี่ใหญ่ของเขามาทุกส่วน แต่ไท่หย่งแฝดน้องก็ถอดพี่ใหญ่ของเขามาทุกส่วนเช่นกัน แต่ตอนนี้ที่เขาอยากจะรู้ก็คือ ท่านน้าลู่ไป๋สอนอะไรหลานไปบ้าง เหตุใดหลานตัวน้อยแสนน่ารักของเขาถึงได้เป็นเช่นนี้
“ใช่ หลานทั้งสองเป็นลูกผู้ชาย แต่ตอนนี้พวกเจ้ายังเด็กนักหลานอา ที่ใดล้วนมีอันตรายทั้งนั้น เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถิด ท่านแม่ของพวกเจ้าเข้าครัวทำขนมเตรียมไว้ให้แล้ว ให้อาพาหลานไปล้างหน้าล้างตาแล้วมาทานขนมดีหรือไม่”
“ดีขอยับ อิงอิงชอบขนมของท่างแม่ที่ฉุด”
“หย่งหย่งก็ชอบขอยับ ไปย้างหน้ากันเถอะอิงอิง” พูดจบก็จูงมือกันออกไปล้างหน้าที่โอ่งดินหน้าเรือน จิวเหมยทำไว้รองน้ำฝนเอาไว้ใช้ในช่วงที่ขาดแคลนน้ำ จวนนี้มีพร้อมทุกอย่างที่ควรจะมี ไม่เพียงแต่จวนนี้เท่านั้น แต่จวนของท่านพ่อหรือจวนตระกูลหลิวเองก็มีพร้อมไม่ต่างกันเพราะจิวเหมยจัดการดูแลให้ ในยามที่ผู้อื่นขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มแต่ภายในจวนของพวกเขากลับอุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง ทั้งยังเพียงพอที่จะนำออกไปขายให้ชาวบ้านในราคาถูกอีกด้วย
มื้อเย็นวันนี้ที่จวนของท่านแม่ทัพมีอาหารขึ้นโต๊ะจนไม่มีที่ว่าง ทุกคนทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยโดยเฉพาะหลานแฝดน้อยทั้งสอง แม้จะถูกทำโทษจนน้ำตานองหน้าเมื่อช่วงกลางวันแต่ไม่นานก็กลับมาออดอ้อนมารดาเช่นเดิม
“ท่านน้าลู่ไป๋ทราบหรือไม่เจ้าคะว่าวันนี้หลานน้อยทั้งสองของท่านน้าไปเที่ยวเล่นที่ใดมา”
“แค่กๆ เอ่อ ไปที่ใดมาหรือ” ท่านน้าลู่ไป๋สำลักอาหารที่กำลังกลืนลงคอเสียจนน่าสงสาร แต่ถึงอย่างนั้นก็มีพิรุธให้จับผิดเต็มไปหมด จิวเหมยไม่ได้ตอบว่าหลานทั้งสองไปที่ใดมาแต่ท่านน้าก็ย่อมต้องรู้อยู่แล้ว พี่ใหญ่กับท่านน้าอี้เทียนนั่งทานข้าวไปเงียบๆแต่ปากกลับลอบยิ้มไม่คิดช่วยท่านน้าลู่ไป๋เลยสักนิด
“ไปเย่นที่ป่ามาขอยับ ท่างยุงยู่ไป๋บอกว่ามีฉัตว์เต็มไปหมดเยย อิงอิงกับหย่งหย่งก็เยยไปเย่นกัน คิกคิก”
หลานน่ะหัวเราะคิกคักกันสนุก แต่ท่านลุงกำลังเหงื่อตกกลืนข้าวไม่ลงไปชั่วขณะ เขาเองก็จะไม่ยุ่งในเรื่องนี้ จิวเหมยก็ยังมีรอยยิ้มติดใบหน้าขณะที่มือก็คีบอาหารให้กับลูกแฝดและสามี “ข้าไม่ว่าอะไรท่านน้าหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่อยากให้ระมัดระวังให้มากขึ้น อาอิงกับอาหย่งกำลังอยากรู้อยากเห็น ไม่ว่าท่านน้าจะสั่งสอนสิ่งใดให้ก็ล้วนจดจำได้เป็นอย่างดี”
“อืม ต่อไปข้าจะระวังให้มากขึ้น”
“ลูกได้สิ่งใดจากการเข้าป่าในครั้งนี้บ้างเล่าอาอิงอาหย่ง เล่าให้พ่อฟังได้หรือไม่” เด็กน้อยไม่ชอบให้เรียกอิงเอ๋อร์กับหย่งเอ๋อร์ จิวเหมยกับพี่ใหญ่จึงเปลี่ยนมาเรียกอาอิงกับอาหย่งแทน เหตุผลของเด็กๆก็คือเพราะคำว่าเอ๋อร์มันดูอ่อนแอ ช่างสมกับเป็นหลานอาจริงๆ เพราะเขาเองก็ไม่ชอบให้ท่านพ่อท่านแม่เรียกเขาว่าหลงเอ๋อร์เช่นกัน แต่ขัดไม่ได้
“อิงอิงได้สมุนไพรมาขอยับ เยอะแยะเยย แต่หย่งหย่งบอกว่าไม่มีฉิ่งใดน่าฉนใจเยยขอยับท่างพ่อ”
“แล้วสมุนไพรที่ลูกเก็บมาอยู่ที่ใดเล่า แม่ให้เห็นเลย”
“อิงอิงเอาไปขายแย้วขอยับท่างแม่” เจ้าตัวน้อยหยิบเงินที่ได้จากการไปขายสมุนไพรออกมายื่นให้ผู้เป็นมารดาด้วยใบหน้าที่แสนภูมิใจในตัวเอง “อิงอิงให้ท่างแม่หมดเยยขอยับ”
“แบบนี้จะดุลงได้ยังไงกันเจ้าคะท่านพี่” แม้เงินในถุงจะไม่มากมายอะไรแต่จิวเหมยก็คงภูมิใจในตัวเด็กๆมาก แต่ยังไงการทำโทษเด็กๆก็เป็นสิ่งที่สมควรทำเพราะหากปล่อยให้ทำตามใจคงได้พากันแอบหนีออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอีกเป็นแน่ “แต่ลูกห้ามออกไปตามลำพังเช่นนี้อีกเข้าใจหรือไม่ แม่ไม่ห้ามหากลูกจะออกไปเที่ยวในป่าแต่ต้องมีท่านลุงทั้งสองหรือท่านอาไท่หลงไปด้วย หากจะไปกันเองสองพี่น้องแม่สั่งห้ามเป็นเด็ดขาด”
“ขอยับ อิงอิงกับหย่งหย่งจะเป็นด็กดีเชื่อฟังท่างแม่”
“ดีมาก ส่วนเงินนี่ลูกเก็บไว้เถอะอิงอิง มันเป็นเงินที่ลูกหามาได้เองก็ควรจะเก็บเอาไว้เอง”
“ขอยับ อิงอิงแบ่งหย่งหย่งด้วย” แต่คนน้องหาได้สนใจเงินที่คนพี่จะแบ่งให้ไม่ เพราะขนมหวานแสนอร่อยหลังมื้ออาหารนั้นน่าสนใจมากกว่า เด็กฝาแฝดทั้งสองนั้นมีความเหมือนทั้งพี่ใหญ่และจิวเหมยอยู่ในตัว แข็งแกร่งองอาจเช่นบิดาแต่ก็อ่อนโยนและเข้มแข็งเช่นมารดา คนที่เหมือนจิวเหมยมากที่สุดนั้นเป็นไท่อิงแฝดผู้พี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอาหาร สมุนไพร และเงิน ส่วนไท่หย่งนั้นนอกจากเรื่องกินแล้วก็ไม่สนสิ่งใดอีก มารดาเป็นเช่นไรลูกก็เป็นเช่นนั้น หึหึ
“พี่ใหญ่จะเดินทางไปชายแดนเมื่อใดหรือขอรับ”
“อีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ เหมยเอ๋อร์ท้องอยู่เช่นนี้พี่เป็นกังวลยิ่งนัก”
“พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้หรอกขอรับ มีทั้งข้าทั้งท่านน้าทั้งสอง ไหนจะองครักษ์เงาของพี่ใหญ่ที่ตามดูแลฮูหยินของพวกเขาอีก พี่ใหญ่ต้องรักษาตัวให้มากๆนะขอรับ” แม้สงครามจะไม่เกิดขึ้น แต่พี่ใหญ่ก็คงต้องอยู่ประจำที่ชายแดนอีกนานเพื่อเฝ้าระวังแคว้นโหว “ข้าจะดูแลจิวเหมยและหลานทั้งสองเป็นอย่างดีขอรับพี่ใหญ่ ข้าให้สัญญา”
“อิงอิงก็ฉัญญา/หย่งหย่งก็ฉัญญา” หึหึ ชีวิตจ้าวไท่หลงจากนี้คงสนุกสนานมากเลยทีเดียว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไทม์ไลน์
อายุ 15 จิวเหมยแต่งงาน
v
—— ท่องยุทธภพ 3 ปี ——
v
อายุ 18 กลับจากท่องยุทธภพ จิวเหมยกับมาหาพี่หยาง ไท่หลงกลับไปฝึกยุทธกับท่านตา
v
—— จิวเหมยมีลูกอายุ 2 ขวบ —— เวลาควรผ่านไปแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี อายุของไท่หยางกับจิวเหมยเท่ากัน เพราะฉะนั้น ปัจจุบันไท่หยางควรมีอายุอย่างน้อย 20 ปี จริงๆ ถ้านับเวลาท้องด้วย ควรผ่านมาประมาณ 2 ปีกว่าเกือบ 3 ปี หรือ 3 ปีไปแล้ว ไท่หลงควรอายุ 21 ปี จึงจะสมเหตุสมผลที่สุดค่ะ
ชี้แจงเพื่อทราบ เผื่อเป็นจุดที่พลาด ถ้าไรท์ผ่านมาเห็นคอมเมนท์จะได้ทราบและแก้ไขทันตอนรีไรท์
เด็กแฝดน่ารักจัง
ครอบครัวน่ารักอบอุ่นมากๆค่ะ อยากอ่านจ้าวไท่หลงเป็นพระเอกแบบเต็มตัวมากๆค่ะ ขอให้มีคู่แฝดจอมซ่าด้วยนะคะ แค่ตอนพิเศษ
ก็หลงรักความน่ารักของคู่แฝดแล้วค่ะ
อายุไทหลงทำไมลดลงค่ะ
ขอบคุณค่ะ