ตอนที่ 74 : กิจการรุ่งเรือง การเงินมั่งคั่ง
ขอโทษที่หายไปนานค่ะ งานยุ่งมากจริงๆ T_T
หนทางแห่งการบรรลุเซียนนั้นไม่ง่าย หลังจากวันนั้นที่จ้าวไท่หลงเอ่ยปากเป็นมั่นเหมาะว่าตนเองจะเป็นเซียนให้ได้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และเป็นหลายเดือนที่จ้าวไท่หลงหมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ท่านน้าอี้เทียนเห็นถึงความตั้งใจของไท่หลงจึงหาทางติดต่อไปยังท่านตาเพื่อให้รับไท่หลงเป็นศิษย์ แต่ก็ไร้วี่แววว่าท่านตาจะตอบกลับมาจนนางเองก็ท้อใจแทนสหาย แต่ไท่หลงก็ยังพยายามฝึกฝนตนเองต่อไปตามที่ท่านน้าอี้เทียนแนะนำให้ จนในที่สุดความพยายามก็บังเกิดเกิดผล เมื่อท่านตามารับไท่หลงไปฝึกด้วยตนเองทั้งยังมอบตำราเล่มหนึ่งให้พี่หยางเอาไว้ฝึกฝนด้วย
หลายเดือนมานี้นางเองก็ไม่ได้อยู่เฉย นางให้ท่านพ่อติดต่อซื้อที่ดินจากทุกแคว้นให้มากที่สุด โดยเฉพาะที่ดินที่ติดชายป่า ไม่ว่าป่าไหนนางก็ซื้อเก็บเอาไว้หมด จากนั้นก็จ้างคนเข้าไปปรับพื้นที่เตรียมปลูกสมุนไพร นอกจากนี้นางยังให้ท่านพ่อทำกิจการเพิ่มอีกหนึ่งอย่างคือการค้าขายอาวุธให้กับกองทัพ บอกเลยว่ากิจการนี้ทำเงินให้นางมากทีเดียว เมื่อเป็นกิจการในนามของท่านพ่อจึงไม่มีผู้ใดสงสัยว่าท่านพ่อเอาอาวุธมาจากที่ใด ท่านแม่ทัพหลิวกว้างขวางเพียงใดผู้คนต่างรู้ดี
“ให้ข้าหาคนมาช่วยดีหรือไม่เจ้าคะพี่เสี่ยวอิง”
“พี่ทำไหวเจ้าค่ะคุณหนู จะต้องสิ้นเปลืองจ้างคนมาอีกทำไม” ตอนนี้กิจการของนางเพิ่มมากขึ้นแต่พี่เสี่ยงอิงกลับเป็นคนทำบัญชีเพียงคนเดียว และเป็นคนที่นางไว้ใจที่สุด จะจ้างคนอื่นมาช่วยก็ยังคิดหนักแต่ก็ไม่อยากให้พี่เสี่ยวอิงต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว จะให้นางช่วยก็แทบไม่มีเวลาว่างเลย “ตอนนี้พี่มาทำบัญชีเพียงอย่างเดียว ไม่หนักเท่าแต่ก่อนหรอกเจ้าค่ะ คุณชายน้อยกุ้ยอันเองก็มีพี่เลี้ยงดูแลแล้ว พี่ว่างงานเกินไปเสียด้วยซ้ำเจ้าค่ะ”
“เจ้าค่ะๆ หากอยากได้ผู้ช่วยเมื่อใดก็บอกข้าได้เลยนะเจ้าคะ ข้าจะให้ท่านพ่อหามาให้”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
“จิวเหมย วันนี้ข้าไม่กลับไปนอนที่จวนนะ วันพรุ่งข้าจะเอาสุราสูตรใหม่ออกมาขาย วันนี้คงจะต้องนอนที่ไร่”
“สูตรใหม่อีกแล้วหรือเจ้าคะ นี่ท่านน้ามีสุรากี่สูตรกันเจ้าคะ” เพราะท่านน้าอี้เทียนเดินทางไปพร้อมกับท่านตาและไท่หลง ท่านน้าลู่ไป๋จึงว่างมาก พอว่างก็เอาแต่หมกตัวหมักสุรา ไม่รู้ไปสรรหาสูตรมาจากที่ใดกันนัก “แล้วเรื่องเหลาสุราที่จะเปิดที่แคว้นอื่นเล่าเจ้าคะ ถึงไหนแล้ว”
“กำลังก่อสร้างตามแบบที่เจ้าวาดให้ ข้าจึงเร่งหมักสุราอยู่นี่อย่างไรเล่า ข้าไปล่ะ”
“อ่าว ประเดี๋ยวก่อนสิเจ้าคะท่านน้า ดูสิเจ้าคะพี่เสี่ยวอิง ข้ายังพูดไม่ทันจบเลย”
“ปล่อยไปเถิดเจ้าค่ะ ท่านอี้เทียนไม่อยู่ก็คงจะเหงาถึงได้หางานทำไม่หยุดเช่นนี้” ก็เข้าใจได้อยู่หรอกเพราะท่านน้าอี้เทียนไปก็หลายเดือนแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา ไม่รู้ว่าเพราะตั้งใจฝึกให้ไท่หลงหรือเพราะอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ความคิดถึงทำให้ท่านน้าลู่ไป๋ของนางกลายเป็นคนบ้างานไปแล้ว
“ขออภัยขอรับคุณหนูใหญ่ นายท่านให้ข้าน้อยมาตามกลับไปที่จวนขอรับ”
“เดี๋ยวนี้เลยหรือพ่อบ้านหม่า”
“ขอรับ เป็นเรื่องด่วนขอรับ”
“พ่อบ้านหม่ารู้หรือไม่เจ้าคะว่าเรื่องด่วนอันใด เพราะข้ายังตรวจงานที่เหลาอาหารกับโรงหมอยังไม่เสร็จเลย หากรอได้ข้าก็อยากจะจัดการงานทางนี้ให้เสร็จก่อนถึงจะกลับจวน”
“ทราบขอรับ แต่ข้าน้อยว่าคุณหนูใหญ่กลับไปดูด้วยตนเองจะดีกว่าขอรับ”
“คุณหนูกลับจวนไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ ที่เหลาอาหารพี่จะดูแลให้เอง ส่วนโรงหมอก็มีเอ้อหลางอยู่ คงไม่เป็นอะไร”
“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ” นางตามพ่อบ้านหม่ากลับมาที่จวน ทั้งขบคิดไปด้วยว่าเรื่องด่วนที่ว่านั้นพอจะเป็นไปในทิศทางใดได้บ้าง หากมีคำสั่งซื้ออาวุธเข้ามาอีกท่านพ่อคงรั้งรอให้นางกลับไปก่อนถึงจะพูดคุย เมื่อกลับมาถึงจวนก็ได้ยินเสียงท่านพ่อกับแม่ใหญ่ตะโกนสั่งการคนงานในจวนอยู่ “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะพ่อบ้านหม่า”
“กลับมาแล้วหรือเหมยเอ๋อร์ เข้ามาสิลูก”
“มีเรื่องด่วนอะไรหรือเจ้าคะท่านพ่อถึงได้ให้พ่อบ้านหม่าไปตามลูกกลับมารวดเร็วเช่นนี้”
“ดูหีบพวกนี้เอาเถิด” ท่านพ่อผายมือไปยังหีบอย่างดีหลายสิบหีบที่คนงานกำลังช่วยกันยกเข้าไปวางไว้ยังห้องรับแขก “เป็นของที่องค์ฮ่องเต้และไทเฮาทรงประทานให้เจ้าเพื่อเป็นการขอบคุณที่เจ้าเข้าไปรักษาไทเฮาจนหายดี จะรอให้เจ้ามารับเองผู้นำมาให้ก็ต้องรีบกลับวังพ่อจึงรับเอาไว้ให้แทน เจ้ามาดูเถิดว่ามีสิ่งใดบ้าง”
“มากมายเช่นนี้ลูกจะรับไว้ได้เช่นไรกันเจ้าคะท่านพ่อ”
“เจ้าก็รู้ว่าปฎิเสธไม่ได้”
“ลูกรักษาให้ไท่เฮาหาได้อยากได้ของตอบแทนไม่ แต่ในเมื่อนำมาแล้วก็มาดูกันเถิดเจ้าค่ะว่าประทานสิ่งใดให้ข้าบ้าง” สาวใช้กระตือรือร้นเข้ามาช่วยเปิดหีบออก ในหีบล้วนเป็นทองและเครื่องประดับเลอค่ามากมาย นางจึงให้แม่ใหญ่เลือกเอาไว้ใช้เท่าที่ต้องการ ทั้งยังมอบตำลึงทองให้คนงานทุกคนไม่ว่าจะเป็นที่จวน ที่ไร่ ที่เหลาอาหาร เหลาสุรา โรงหมอ นางให้ไปคนละหนึ่งตำลึงทองเป็นรางวัลแห่งความขยันและซื่อสัตย์ ส่วนที่เหลือเก็บเข้าคลังของท่านพ่อให้หมด
“รบกวนพ่อบ้านหม่าจัดการเอาตำลึงทองไปแจกให้คนงานที่เหลือด้วยนะเจ้าคะ”
“ได้ขอรับคุณหนู”
“ส่วนนี่เป็นส่วนของพ่อบ้านหม่าเจ้าคะ” นางยื่นถุงเงินที่บรรจุตำลึงทองไว้สิบตำลึงทองให้พ่อบ้านหม่า “ท่านทำงานหนักให้จวนนี้มามาก แม้จะไม่มากมายแต่ข้าก็อยากตอบแทนเจ้าค่ะ”
“เท่านี้ก็มากมายเหลือเกินแล้วขอรับ”
“ใช่เจ้าคะ ชีวิตนี้ต่อให้ทำงานจนตายก็ไม่รู้ว่าพวกข้าน้อยจะมีโอกาสได้จับตำลึงทองหรือไม่ หากไม่ได้มาทำงานกับคุณหนูก็อย่าหวังเลยเจ้าค่ะว่าจะได้มีตำลึงทองเก็บไว้ใช้จ่ายเช่นนี้”
“ทำงานดีและซื่อสัตย์ก็ต้องได้รับผลตอบแทนสิเจ้าคะ”
“คงไม่มีเจ้านายจวนใดประเสร็ฐเท่าจวนนี้แล้วขอรับ”
“แยกย้ายกันไปทำงานกันต่อเถิดเจ้าค่ะ ที่เหลือรบกวนพ่อบ้านหม่าจัดการต่อด้วยนะเจ้าคะ แล้วนี่เสี่ยวหู่กับเสี่ยวหลานอยู่ที่ไหนหรือเจ้าคะท่านพ่อ” หายเงียบไปตั้งแต่เมื่อวาน นางเดินหาทั่วจวนก็ไม่พบไม่รู้แอบหนีออกไปเที่ยวที่ไหนกันอีก วันนี้ก็ยังไม่กลับมาอีกหรือ
“พ่อไม่เห็นเลยนะ พ่อบ้านหม่าเห็นหรือไม่”
“ไม่เลยขอรับ ข้าน้อยไม่เห็นพยัคฆ์น้อยทั้งสองตัวตั้งแต่เมื่อวานแล้วขอรับ”
“กลับมาคงต้องกักบริเวณสักหน่อย จะซนกันเกินไปแล้ว ท่านพ่อกับแม่ใหญ่พักผ่อนกันก่อนนะเจ้าคะ ไหนๆลูกกลับมาแล้วก็เลยจะเข้าครัวเอง ท่านพ่อกับแม่ใหญ่อยากทานสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่เจ้าคะ”
“แล้วแต่จะทำมาเถิดลูก พ่อกับแม่ใหญ่ทานได้หมดนั่นแหละ” ได้ยินเช่นนั้นนางก็ตรงไปที่ห้องครัวเพื่อดูวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารในวันนี้ทันที แต่ก็เจอสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สองตัวนั่งขวางทางเข้าห้องครัวเอาไว้เสียก่อน ใกล้เท้าของพวกมันมีหมูป่าตัวใหญ่อยู่สองตัว พอนางเดินเข้าไปใกล้ เสี่ยวหู่ที่คงรู้ว่ามีความผิดก็แยกเขี้ยวยิ้มแฉ่งให้นาง
“หายไปสองวันได้หมูป่ามาสองตัว พวกเจ้าหนีออกไปล่าอีกแล้วหรือ ไม่ต้องมายิ้มเลยนะเสี่ยวหู่ จะไปไหนก็ไม่ว่าหรอกนะเสี่ยวหู่เสี่ยวหลาน แต่ช่วยมาบอกไว้หน่อยได้หรือไม่ข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อย่าดุพวกมันเลย ข้าให้พวกมันไปรับข้ามาเอง”
“ท่านน้าอี้เทียน! กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ไท่หลงกับท่านตาเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”
“ทั้งคู่สบายดี สหายของเจ้าเองก็ตั้งใจฝึกฝนเป็นอย่างดี แต่คงยังกลับมาในตอนนี้ไม่ได้และคงไม่ทันวันปักปิ่นของเจ้าด้วย ท่านอาจารย์จะให้ไท่หลงเก็บตัวฝึกหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
“ข้าไม่คิดมากหรอกเจ้าค่ะ ท่านน้าอี้เทียนมาเหนื่อยๆพักผ่อนสักหน่อยเถิดนะเจ้าคะ ทานข้าวเย็นแล้วค่อยไปพบท่านน้าลู่ไป๋ก็ได้ ข้าจะได้ฝากมื้อเย็นไปให้ท่านน้าลู่ไป๋ด้วย วันนี้ไปนอนที่ไร่เจ้าคะ”
“หมักสุราอีกแล้วหรือ”
“เจ้าค่ะ ตั้งแต่ท่านน้าอี้เทียนไม่อยู่ก็ทำงานหนักขึ้นมาก เพื่อให้มีสุราเพียงพอสำหรับวางขายที่เหลาสุราแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดเจ้าค่ะ เห็นว่าวันพรุ่งก็จะมีสุราสูตรใหม่ออกมาวางขายด้วย ข้าบอกให้พักเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง คงต้องให้ท่านน้าอี้เทียนช่วยแล้วล่ะเจ้าคะ”
“หึ ช่างแสนซน เช่นนั้นข้าไปพักผ่อนก็แล้วกัน แต่ข้าจะไปทานมื้อเย็นกับไป๋เอ๋อร์ รบกวนเจ้าจัดไว้ให้ด้วย”
“ได้เจ้าค่ะ หากอาหารเสร็จแล้วข้าจะให้คนไปตามนะเจ้าคะ”
“จริงสิ วันนี้จ้าวไท่หยางจะมาหาเจ้าที่จวนหรือไม่สาวน้อย”
“คงไม่เจ้าค่ะ ช่วงนี้พี่หยางงานยุ่งมาก ท่านน้าอี้เทียนมีสิ่งใดอยากพูดคุยกับพี่หยางหรือเจ้าคะ”
“ไท่หลงฝากจดหมายมา เอาไว้ข้าจะเอาไปให้พวกเขาที่จวนก็แล้วกัน”
“ข้าเอาไปให้เองก็ได้เจ้าค่ะ ท่านน้าอี้เทียนจะได้ไม่ต้องวกไปมา ข้าว่าจะเอาอาหารให้ไปจวนนั้นอยู่เหมือนกัน”
“เช่นนั้นก็ฝากเจ้าด้วย” ท่านน้าอี้เทียนหยิบจดหมายมายื่นให้นางแล้วเดินไปยังเรือนพัก นางจึงรีบเข้าครัวเตรียมอาหารเพราะต้องทำให้จวนตระกูลจ้าวด้วย จะว่าไปนางก็ไม่ได้พบหน้าพี่หยางมาหลายวันแล้วเหมือนกัน ฮ่องเต้มีราชกิจมากมายจนแทบไม่ได้พักผ่อน พี่เสี่ยวจิงบ่นให้นางฟังทุกครั้งที่นางไปเยี่ยมหลานๆ
ระหว่างทำอาหารเสี่ยวหู่ก็เล่าให้นางฟังว่าพวกมันไปที่ใดมาบ้าง ผ่านป่าน้อยใหญ่มากจนล่าได้อิ่มหนำ อยากจะล่าหมูป่ากลับมาเก็บไว้ในมิติของนางเยอะๆแต่เพราะนางไม่ได้ไปด้วยพวกมันจึงทำไม่ได้ และสถานที่ที่ท่านตาใช้เป็นที่ฝึกฝนไท่หลงก็เป็นที่เดียวกับที่นางเคยฝึก แต่เพิ่งมารู้เดี๋ยวนี้ว่าที่นั่นมีถ้ำไว้สำหรับฝึกตนของท่านตาอยู่ด้วย น่าเสียดายที่ตอนนั้นนางไม่ได้คิดสำรวจให้ดี เอาไว้ค่อยถามไท่หลงว่าถ้ำนั้นเป็นเช่นไร
นางไม่ค่อยห่วงไท่หลงเท่าไหร่หรอก เพราะนอกจากจะมีท่านตาอยู่แล้วยังมีไป๋ซาอยู่ด้วย งูเผือกตัวนั้นหาใช่งูธรรมดาทั่วไป พลังมันแข็งแกร่งมาก บางทีอาจจะเก่งกว่าท่านน้าอี้เทียนเสียด้วยซ้ำ หากไท่หลงมีอันตรายมันก็คงจะพร้อมปกป้องไท่หลงอยู่แล้ว พลังระดับนั้นสัตว์อสูรธรรมดาทั่วไปสู้มันไม่ได้หรอก แม้แต่เสี่ยวหู่กับเสี่ยวหลานก็คงสู้ไม่ได้
“พวกเจ้าก็เลยวิ่งเล่นในป่าล่าสัตว์กันสนุกเลยล่ะสิ”
“เหมยเอ๋อร์ อยู่ที่นี่เองหรือ พี่เดินตามหาเสียทั่วจวน”
“พี่หยาง! ใยไม่ถามเอาจากคนงานเล่าเจ้าคะ ท่านพ่อหรือพ่อบ้านหม่าก็ได้” ดูสิ เหงื่อท่วมตัวเชียว นางจึงรีบหาน้ำดื่มมาให้ เจ้าพยัคฆ์ทั้งสองตัวก็รีบปล่อยไอเย็นออกมาจางๆให้พี่หยางพอคลายร้อน
“พี่ไม่พบผู้ใดเลย พี่ไปหาเจ้าที่เหลาอาหารแต่ไม่พบ พี่เสี่ยวอิงบอกว่าเจ้ากลับจวนแล้วพี่ก็เลยตามมา ว่าแต่เหตุใดจวนถึงได้เงียบเช่นนี้เล่า หายไปไหนกันหมด”
“คงจะช่วยกันขนของไปเก็บเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทและไท่เฮาทรงประทานรางวัลให้ข้ามากมาย ท่านพ่อก็คงจะคุมคนงานให้ช่วยกันขนไปเก็บไว้ที่คลัง จริงสิ ท่านน้าอี้เทียนกลับมาแล้วนะเจ้าคะ ไท่หลงฝากจดหมายมาให้ด้วยเจ้าค่ะ” นางหยิบจดหมายที่เก็บเอาไว้ส่งให้พี่หยาง พอได้ยินว่าน้องชายส่งจดหมายมาตาก็เป็นประกายแล้วรีบเปิดอ่านในทันที ใจความในจดหมายก็ไม่มีอะไรมากนอกจากคร่ำครวญว่าคิดถึงบ้าน คิดถึงคนนู้นคนนี้เต็มไปหมด แต่กลับไม่มีบ่นว่าเหนื่อยหรือว่าท่านตาฝึกหนักให้ได้เห็น นับว่าสหายของนางนั้นโตขึ้นมากจริงๆ
“อีกนานเลยสินะกว่าหลงเอ๋อร์จะได้กลับมา”
“ไม่นานเกินรอหรอกเจ้าคะ ข้าเองก็ใช้เวลาเพียงไม่นานเท่านั้นท่านตาถึงยอมให้กลับออกมา”
“พี่ก็หวังเช่นนั้น นี่เว่ยเอ๋อร์ก็ร้องไห้คิดถึงหลงเอ๋อร์แทบทุกวัน ท่านแม่เองก็จนใจจะปลอบ”
“ไท่เว่ยคงจะเหงามากนะเจ้าคะ “
“ก็มีเพียงหลงเอ๋อร์ที่พอจะเป็นเพื่อนเล่นให้ได้ เล่นกับพี่หรือท่านพ่อท่านแม่ก็คงไม่สนุกเท่าเล่นกับหลงเอ๋อร์”
“นี่น้อยใจไท่เว่ยหรือเจ้าคะ คิกคิก”
“หาได้เป็นเช่นนั้นเสียหน่อย วันนี้พี่อยู่ทานข้าวกับเจ้าด้วยนะ ไม่ได้มาพบเจ้าเสียหลายวัน พี่คิดถึง” คิดถึงเป็นคนเดียวหรือไง นางก็คิดถึงพี่หยางเป็นเหมือนกันนั่นแหละ กลั้นยิ้มจนจมูกบานไปหมดแล้วนะ “เตาคงร้อนมากเหมยเอ๋อร์ของพี่ถึงได้หน้าแดงเช่นนั้น ให้พี่ช่วยหรือไม่” พี่หยางเห็นนางส่งค้อนเล็กๆให้ก็หัวเราะขันอย่างอารมณ์ดี พักหลังมานี้การได้แกล้งให้นางเขินอายคงเป็นความสุขของพี่หยางสินะ
“พี่หยางยังอยากอยู่ทานข้าวกับข้าหรือไม่เจ้าคะ”
“ฮ่าๆ พี่ไม่กวนเจ้าแล้ว ว่าแต่อยากให้พี่ช่วยทำสิ่งใดหรือไม่”
“ช่วยปอกเปลือกยวี่โถวให้ข้าหน่อยนะเจ้าคะ ข้าจะทำบัวลอยเจ้าค่ะ”
“พี่ชอบของหวานที่เจ้าทำที่สุด” แน่อยู่แล้วสิ เพราะนางทำไม่หวานมาก จึงเป็นที่ชื่นชอบสำหรับผู้ที่ไม่นิยมของหวานที่หวานจนเลี่ยน มีแต่นางกับไท่หลงนั่นแหละที่ชอบหวานมากหน่อย “เหมยเอ๋อร์ พี่มีข่าวมาแจ้งแก่เจ้าด้วย เผื่อว่าเจ้าจะสนใจ” นางถึงกับวางงานที่กำลังทำอยู่แล้วตั้งใจฟังอย่างสนอกสนใจ เพราะนั่นหมายความว่าพี่หยางอนุญาตให้นางทำไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด จะไม่ให้นางสนใจได้เช่นไร “คงไม่ต้องถามแล้วกระมังว่าเจ้าสนใจหรือไม่”
“ก็นานๆทีพี่หยางจะมีข่าวมาแจ้งแก่ข้านี่เจ้าคะ เรื่องใดหรือเจ้าคะ”
“จะมีการไปสำรวจป่าแห่งหนึ่งทางใต้ ฝ่าบาทมอบหมายให้พี่เป็นผู้นำทหารและจอมยุทธมากความสามารถจำนวนหนึ่งไปสำรวจ พี่จึงมาถามเจ้าว่าสนใจจะไปสำรวจกับพี่หรือไม่ หนทางอาจจะอันตรายเพราะป่าแห่งนั้นไม่เคยมีผู้ใดเข้าไปสำรวจมาก่อน พี่เองก็ไม่ทราบว่าจะมีสิ่งใดอยู่ในป่านั้นบ้าง”
“แล้วเหตุใดถึงไม่เคยมีผู้ใดไปสำรวจเล่าเจ้าคะ ชาวบ้านไม่เคยเข้าไปหาของป่ากันเลยหรือ”
“แถวนั้นไม่มีหมู่บ้านอยู่หรอกเหมยเอ๋อร์”
“แล้วพี่หยางทราบได้เช่นไรเจ้าคะว่ามีป่าที่ยังไม่ได้สำรวจอยู่ตรงนั้น”
“เพราะนิมิตของฝ่าบาท”
“พี่หยางจะบอกว่าที่ที่เรากำลังจะไปนี่ถูกค้นพบโดยนิมิตของฝ่าบาทเช่นนั้นหรือเจ้าคะ”
“นิมิตของฝ่าบาทไม่อาจดูเบาได้หรอกนะเหมยเอ๋อร์ และพวกพี่ก็ตรวจดูจากแผนที่ของแคว้นแล้วพบว่ามีป่านี้อยู่จริง แต่ไม่มีผู้ใดสนใจด้วยเพราะเป็นเพียงป่ารกทึบห่างไกลเท่านั้น แต่ฝ่าบาทยืนยันว่าเช่นไรก็ต้องเข้าไปสำรวจ พี่เองก็ไม่อยากให้เจ้าไปด้วยเท่าใดนักเพราะเกรงว่าจะมีอันตราย แต่คิดอีกทีป่าที่ยังไม่ได้สำรวจอาจจะมีสมุนไพรล้ำค่าอยู่มาก อีกทั้งเจ้าก็มีพยัคฆ์เมฆาอยู่ข้างกายถึงสองตัวจึงเบาใจ พี่จึงมาถามเจ้าก่อนว่าอยากจะไปด้วยกันกับพี่หรือไม่”
“ไปแน่นอนเจ้าค่ะ!” ขอบคุณพี่หยางที่ชี้ช่องรวยให้นาง ไม่ว่าป่านั้นจะมีสิ่งใด นางจะกวาดมาให้หมด ฮ่าๆ
“เช่นนั้นอีกสามวันเราจะออกเดินทาง เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมนะเหมยเอ๋อร์”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จะพากันหนีเที่ยวอีกแล้วนะ
ขอบคุณค่ะ
รอตอนต่อไป
จะเหลืิออะไรถึงฮ่องเต้บ้างนะ