ตอนที่ 44 : วังหลวงก็น่าสนใจไม่น้อย
“ข้าเปลี่ยนใจนางไม่ได้หรอกไท่หยาง”
“เจ้าจะยอมแพ้แล้วเช่นนั้นหรือโจวหมิง หากเสี่ยวจิงไม่ตอบรับ เจ้าก็เลือกจากสนมหรือสตรีที่ตระกูลสูงศักดิ์หน่อยเป็นอย่างไร ข้าว่าบุตรสาวของเสนาบดีอันก็น่าสนใจไม่น้อย”
“ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น ข้าจะให้ขันทีคัดเลือกมาอีกทีก็แล้วกัน”
“เจ้าต้องเข้าใจเสี่ยวจิงด้วยนะโจวหมิง นางนั้นรักอิสระมากกว่าสิ่งใด นกน้อยย่อมต้องการโผบินหาใช่มาติดในกรงทองไร้อิสระและไม่อาจโผบิน นางรักเจ้าแต่ก็ไม่อาจเคียงข้างเจ้าได้เช่นกัน”
“ข้าทราบและเข้าใจนางดีไท่หยาง” จ้าวไท่หยางตบไหล่สหายรักทั้งยังเป็นนายเหนือหัวเบาๆอย่างให้กำลังใจ หวังเสี่ยวจิงนั้นนอกจากจะดื้อรั้นแล้วยังยึดมั่นในความคิดและอุดมการณ์ของตนเองยิ่งนัก หากนางบอกว่าไม่ก็คือไม่ ต่อให้รักเพียงใดก็ไม่อาจเปลี่ยนใจนางได้เป็นแน่ หยางโจวหมิงก็รู้จักนางดีพอๆกับเขาจึงไม่คิดจะรบเร้านางไปมากกว่านี้ “แม้ไม่ได้ครองคู่แต่ก็ยังอุ่นใจที่นางยังอยู่ร่วมแผ่นดิน แต่หากนางโผบินหนีไปไกลแสนไกล ข้าคงใจสลาย”
“เหมยเอ๋อร์ของข้าไม่ปล่อยให้นางไปที่ใดง่ายๆหรอก เจ้าอย่ากังวลไปเลย กลับเข้าวังไปได้แล้ว เสียเวลาข้าจริงๆ วันนี้ข้าจะไปดูเสียหน่อยว่าบุรุษรูปงามที่หวังเสี่ยวจิงพูดถึงเป็นผู้ใดกันแน่” หยางโจวหมิงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเร้นกายหายไปในทันที เช่นไรเรื่องหวังเสี่ยวจิงนั้นก็ไม่มีหวังแล้ว พระองค์ก็ต้องหาสตรีสักคนที่คู่ควรให้รับตำแหน่งฮองเฮาแทน
ฟากของจิวเหมยนั้นกำลังปวดหัวกับอาการเหมือนผีเข้าผีออกของจ้าวไท่หลงอยู่ ตั้งแต่มาหานางที่โรงหมอในตอนเช้าก็เอาแต่ยิ้มกว้างและหัวเราะราวกับคนสติวิปลาส นางเองก็ยังไม่มีโอกาสได้ถามไถ่ด้วยเพราะวันนี้มีผู้ที่มารักษากับนางเป็นจำนวนมากหลังปิดโรงหมอไปหลายวัน
“ไท่หลงสติไม่ดีไปแล้วกระมัง”
“เจ้าค่ะท่านน้า เห็นหัวเราะอยู่เช่นนั้นตั้งแต่มาถึงแล้ว ท่านน้ามาหาข้าเช่นนี้มีเรื่องใดหรือไม่เจ้าคะ”
“ช่างไม้ตอบรับที่จะทำเหลาอาหารกับเหลาสุราให้เจ้าแล้ว”
“ดียิ่งเจ้าค่ะ เช่นนั้นก็แจ้งลูกค้าเลยนะเจ้าคะว่าเราจะปิดร้านชั่วคราวเพื่อเปิดเหลาอาหาร”
“แล้วก็ เถ้าแก่ร้านข้างๆอยากจะขายร้านให้เจ้า เจ้าสนใจหรือไม่” ร้านข้างๆนั้นเป็นร้านที่รับทำรองเท้า นางเองก็เคยจ้างทำรองเท้าให้คนงานของนางเช่นกัน เหตุใดจึงจะขายกันนะ แต่ถามว่าสนใจหรือไม่ก็ต้องสนใจแน่นอนอยู่แล้ว “เถ้าแก่บอกว่าแกชรามากแล้ว จึงอยากย้ายไปอยู่กับบุตรชายแล้วก็ลูกสะไภ้ที่เมืองฉาง ทั้งคู่เปิดร้านรองเท้าที่นั้น หากเจ้าอยากได้เถ้าแก่จะขายให้เพราะบุตรชายคงไม่กลับมาค้าขายที่นี่แล้ว”
“สนใจเจ้าค่ะ ข้าจะซื้อ ขายเท่าใดท่านน้าตอบตกลงไปเลยนะเจ้าคะ ข้าสู้เรื่องราคา”
“อืม เช่นนั้นข้าจะไปแจ้งแก่เถ้าแก่เอง” หากได้ร้านของเถ้าแก่มาด้วยนางก็จะได้พื้นที่ร้านที่มากขึ้น เช่นนั้นก็ใช้พื้นที่ร้านของเถ้าแก่เปิดเหลาสุราไปเลยก็แล้วกัน “เจ้าพอจะมีเวลาหรือไม่จิวเหมย ข้าอยากให้เจ้าไปดูเสี่ยวจิงสักหน่อย”
“พี่เสี่ยวจิงเป็นอันใดหรือเจ้าคะ”
“เจ้าไปดูเองเถิด หากคุยได้กับคุยกับนางเสีย ข้าจนใจจะพูดกับนางแล้ว” ได้ยินเช่นนั้นหลังจากรักษาทุกคนเสร็จนางก็เดินตามหาพี่เสี่ยวจิงไปทั่วร้าน จนมาพบที่หลังคาของเรือนคนงานหลังเก่า ท่าทางดูไร้ชีวิตชีวาเช่นที่เคยเป็น ไหล่งุ้มคอตกเช่นนั้นดูไม่น่าใช่สตรีที่แข็งแกร่งเช่นพี่เสี่ยวจิงเลยสักนิด นางถอนหายใจแล้วตัดสินใจปล่อยให้พี่เสี่ยวจิงอยู่ตามลำพัง “เป็นเช่นนี้อยู่หลายวันแล้ว เจ้ามีวิธีหรือไม่จิวเหมย”
“มีเจ้าค่ะ คืนนี้เราไปเที่ยววังหลวงกันดีหรือไม่เจ้าคะท่านน้า”
“เจ้ารู้หรือ”
“ก็สงสัยมานานแล้วเจ้าค่ะ แต่มั่นใจเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง พี่เสี่ยวจิงเป็นสตรีที่เข้มแข็ง ความผิดหวังคงจะอยู่กับนางไม่นานนัก แต่หากมีวิธีที่จะช่วยให้พี่สาวของข้าดีขึ้นข้าก็อยากจะลองดูสักครั้ง แม้ข้าจะไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตามแต่เช่นไรความสุขของพี่เสี่ยวจิงก็ต้องมาก่อน”
“แต่เราจะเข้าวังหลวงได้เช่นไร”
“พี่หยางอย่างไรเล่าเจ้าคะ” อันที่จริงนางจะเข้าไปเองก็ได้ แต่นางคิดว่าเรื่องนี้พี่หยางควรจะส่วนร่วมด้วยก็เท่านั้น “ท่านน้าไปแจ้งแก่พี่หยางด้วยตนเองได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าไม่อยากให้ผู้อื่นรับรู้ว่าเรากำลังจะทำสิ่งใดกัน”
“ได้ ข้าจะไปหาจ้าวไท่หยางด้วยตนเอง” เช้นนั้นนางจึงเป็นผู้แจ้งแก่ลูกค้าด้วยตนเองว่าจะปิดร้านสักระยะเพื่อเตรียมเปิดเหลาอาหารใหม่ ลูกค้าทุกคนต่างก็ยินดีกับนางทั้งยังบอกว่าจะมาอุดหนุนไม่ว่านางจะเปิดเหลาหรือเปิดเพียงร้านเล็กๆ แต่ก็มีลูกค้าอีกมากที่กังวลว่านางจะขึ้นราคาอาหารหรือไม่ ซึ่งนางก็รับปากเป็นมั่นเหมาะว่านางจะขาดราคาเดิมไม่ว่าจะเป็นแบบราดข้าวหรือเป็นกับข้าว เห็นได้ชัดว่าลูกค้าพอใจเป็นอย่างมาก
เข้ายามจื่อนางกับท่านน้าลู่ไป๋ก็มารอพี่หยางที่วังหลวง เมื่อพี่หยางมาถึงก็เร้นกายใช้วิชาตัวเบาข้ามกำแพงวังหลวงเข้าไปอย่างง่ายดาย นางมากับรองแม่ทัพจ้าวเชียวนะ หากมีผู้พบเห็นก็ใช่จะมีปัญหา
“พวกเจ้าคิดจะเข้าออกอย่างถูกต้องหรือไม่”
“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท”
“ไม่ต้องมากพิธีหรอกหมอหลิว เจ้ามาด้วยเรื่องใดเล่า วังหลวงหาใช่ที่วิ่งเล่นของเจ้าไม่”
“หม่อมฉันหาได้มาวิ่งเล่นเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันมีข้อสงสัยจะมาทูลถามฝ่าบาทให้กระจ่างสักสองสามเรื่อง” นางเดินไปรอบๆห้องบรรทมของฮ่องเต้แคว้นซาน เคยเห็นแต่ในทีวีไม่เคยเห็นของจริงเลย ก็ดูอลังการดีเหมือนกันนะ “ฝ่าบาททรงรักพี่เสี่ยวจิงมากเพียงใดเพคะ” ระหว่างถามนางก็เดินดูเครื่องทองต่างๆที่งดงามต้องตานางไม่น้อย
“เจิ้นรักนางมาก”
“มากพอที่จะสละบัลลังก์เพื่อนางได้หรือไม่เพคะ”
“หากมีผู้ที่เหมาะสมมากกว่าเจิ้น เจิ้นย่อมไม่ลังเลที่จะสละบัลลังก์”
“เป็นคำตอบที่ดีนะเพคะ แบ่งรับแบ่งสู้ แต่หม่อมฉันจะทูลฝ่าบาทว่า พี่เสี่ยวจิงของหม่อมฉันนั้นเป็นเพียงนกน้อยตัวเล็กๆเท่านั้น นกก็เป็นนกไม่มีวันกลายเป็นหงส์ได้ และตอนนี้ฝ่าบาทก็ทรงทำให้พี่สาวของหม่อมฉันทุกข์ใจมาก”
“เจิ้น...”
“ฝ่าบาทยอมแพ้แล้วหรือเพคะ”
“จะให้เจิ้นทำเช่นไร ในเมื่อเสี่ยวจิงไม่ตอบรับเจิ้นเลย ไม่ว่าเจิ้นจะพูดหรือทำสิ่งใดเสี่ยวจิงก็ไม่สนใจ รองแม่ทัพจ้าวเพิ่งจะมาบอกเจิ้นเองว่าหากบังคับนาง นางจะหนีเจิ้นไปให้ไกลแสนไกล เจิ้นจะทนได้เช่นไร”
“ฝ่าบาทก็ต้องทำให้พี่เสี่ยวจิงรับรู้ถึงความจริงใจสิเพคะ พระองค์หนักแน่นมากพอหรือยัง หากพี่หยางถอดใจเร็วเช่นพระองค์ พี่หยางก็ไม่มีค่าพอที่จะให้หม่อมฉันต้องเสียดายเช่นกันเพคะ สตรีที่จะแต่งงานนั้น นางต้องมั่นใจเสียก่อนว่าบุรุษที่นางจะฝากชีวิตไว้นั้นทำให้นางมั่นใจและเชื่อใจได้เพียงใด”
“เจ้าหมายความเช่นไร”
“วังหลวงนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ฝ่าบาทก็เคยต้องพิษจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด หากพี่เสี่ยวจิงเป็นฮองเฮา พระองค์คิดว่าเหล่าบรรดาสนมของพระองค์จะไม่ริษยาหรือเพคะ พี่เสี่ยวจิงของหม่อมฉันเป็นเพียงบุตรสาวของแม่นมจวนสกุลจ้าวเท่านั้น จะสู้สตรีที่มาจากตระกูลใหญ่โตได้เช่นไร นางจะเป็นอันตรายเพคะหากนางอยู่เคียงข้างพระองค์”
“เจิ้นทราบดี”
“เช่นนั้นหม่อมฉันคงไม่ต้องทูลสิ่งใดอีก ทูลลาเพคะ” ท่านน้ามองนางอย่างงุนงงแต่นางขยิบตาให้แล้วทำทีจะกระโดดออกไปทางหน้าต่าง นางเพียงอยากวัดใจมังกรผู้นี้เท่านั้นว่าจะสู้เพื่อความรักได้หรือไม่ หากปล่อยให้นางกลับไปในคืนนี้นางจะถือว่าพี่เสี่ยวจิงของนางไร้วาสนาจะได้เคียงคู่พระองค์ และนางจะไม่ดิ้นรนช่วยเหลือสิ่งใดอีก
“เหมยเอ๋อร์”
“กลับกันเถิดเจ้าค่ะพี่หยาง ข้าง่วงมากแล้ว คืนนี้อากาศช่างหนาวเย็นยิ่งนัก” นางหันหลังเตรียมพร้อมจะเร้นกายหายไปกับความมืด แต่นางก็ต้องยกยิ้มเมื่อเสียงทุ้มของฮ่องเต้แคว้นซานเอ่ยขัดนางขึ้นเสียก่อน
“ประเดี๋ยวก่อน!...เจ้าจะช่วยเจิ้นได้หรือไม่หมอหลิว”
“ช่วยหรือเพคะ”
“ใช่ ช่วยให้เสี่ยวจิงยอมเข้ามาอยู่ในวังกับเจิ้น หากเจ้าต้องการสิ่งใดเจิ้นยอมเจ้าทุกอย่าง ขอเพียงทำให้นางยอมรับตำแหน่งฮองเฮาของเจิ้นก็พอ เจิ้นรักนางมาก เจิ้นจะไม่ยอมเสียนางไปเป็นอันขาด”
“สิ่งใดก็ได้หรือเพคะ”
“ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ”
“เช่นนั้นหม่อมฉันจะลองดูก็ได้เพคะ แต่หม่อมฉันไม่รับปากว่าจะสำเร็จ หากพี่เสี่ยวจิงบอกว่าก็คือไม่ หม่อมฉันจะไม่รบเร้าพี่เสี่ยวจิงเป็นอันขาด เพราะหม่อมฉันไม่ได้ต้องการสิ่งใดจากฝ่าบาท ที่ช่วยก็เพราะอยากให้พี่สาวของหม่อมฉันมีความสุขก็เท่านั้น แต่หากพี่เสี่ยวจิงยินยอมและในภายหน้าหม่อมฉันได้รับทราบว่ามีอันตรายถึงชีวิตของพี่เสี่ยวจิง หม่อมฉันจะพานางหนีจากพระองค์ด้วยตนเอง และพระองค์จะไม่ได้พบนางอีกเลยตลอดชีวิตของพระองค์”
“เจิ้นจะดูแลนางให้ดีที่สุด”
“หม่อมฉันถือเป็นคำสัญญานะเพคะ ว่าแต่...คืนนี้หม่อมฉันขอไปเที่ยวท้องพระคลังได้หรือไม่เพคะ” อันที่จริงนางก็มีของที่อยากได้อยู่เหมือนกัน เป็นของล้ำค่าที่สามารถใช้ทำยาอายุวัฒนะได้ นางเรียนรู้วิธีสกัดจากท่านตามาแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ลอง นี่ไม่คิดจะขายพี่สาวหรอกนะ หากพี่เสี่ยวบอกว่าไม่นางก็ไม่สนอย่างอื่นอยู่แล้ว
“เหมยเอ๋อร์”
“โธ่ ใยพี่หยางต้องทำเสียงอ่อนใจเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ ข้าเพียงอยากเปิดหูเปิดตาเท่านั้น ได้เข้าวังมาทั้งทีนี่นา”
“แน่ใจหรือว่าเพียงอยากเปิดหูเปิดตา”
“เจ้าค่ะ ข้าอยากดูให้เห็นกับตาเท่านั้นว่าท้องพระคลังใหญ่โตจริงหรือไม่” นางยิ้มกว้างเป็นการยืนยัน
“เจ้าชอบสตรีเช่นนี้จริงๆหรือไท่หยาง” อ่าว พูดเช่นนี้ยังอยากมีฮองเฮาหรือไม่ฮ่องเต้!
“หม่อมฉันไม่ดูก็ได้เพคะ ฝ่าบาทก็อย่าหวังเลยว่าจะได้พี่เสี่ยวจิงมาเป็นฮองเฮา”
“ผู้ใดว่าหวังเสี่ยวจิงน่ากลัวกัน เจ้าต่างหากที่น่ากลัวหลิวจิวเหมย”
“ไม่ต้องชมหม่อมฉันถึงเพียงนี้ก็ได้เพคะ”
“เจิ้นไม่ได้ชม!” จะอย่างไรก็เถอะ ท้ายที่สุดนางก็ได้มาเยือนท้องพระคลังในยามค่ำคืน ทองอร่ามงามตาดียิ่งนัก ยิ่งมันต้องกับแสงไฟของคบไฟในห้องด้วยแล้วยิ่งสวยงาม แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่นางสนใจมากนัก เพราะสายตานางสอดส่องหาสิ่งอื่นที่น่าสนใจมากกว่า แต่ไม่เห็นสิ่งใดเลยนอกจากทองกับของมีค่าอื่นๆ
“ในนี้เก็บเพียงทองเท่านั้นหรือเพคะ”
“เจ้าอยากเห็นสิ่งใดเล่า ท้องพระคลังก็ต้องเก็บทองมิใช่หรือ”
“แล้วของอย่างอื่นเล่าเพคะ”
“ส่วนนั้นเจิ้นให้เจ้าดูไม่ได้หรอกหมอหลิว”
“เช่นนั้นก็ช่างเถิดเพคะ ในนี้ไม่เห็นจะมีสิ่งใดน่าสนใจเลย ไปกันเถิดเพคะ”
“เจิ้นคิดว่าเจ้าจะมาปล้นท้องพระคลังของเจิ้นเสียอีก”
“หม่อมฉันไม่มีที่จะเก็บแล้วเพคะ” เผลอๆหากนางเอาอัญมณีของท่านแม่ไปขายนางอาจจะได้มากกว่านี้
เมื่อท้องพระคลังไม่มีสิ่งใดน่าสนใจนางก็เลยขอไปดูคลังสมุนไพรของวังหลวงแทน และที่นี่นั้นน่าตื่นตาตื่นใจกว่ากันเยอะ นางได้เห็นสมุนไพรล้ำค่ามากมายที่ต่อให้หาทั่วทุกแคว้นก็ไม่อาจได้ครอบครอง นางหยิบจับดูหลายชนิดทีเดียวด้วยเพราะไม่เคยเห็น เพียงแต่เคยได้เรียนมาจากท่านตาเท่านั้น
“หากเจ้าอยากได้ก็เอาไปสักหน่อยเถิด”
“ได้หรือเพคะ”
“สมุนไพรพวกนี้มีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้คน เจ้าเองก็เป็นหมอ หากมันเป็นประโยชน์ใยจะเอาไปไม่ได้ ถือว่าเจิ้นให้เจ้าเป็นของตอบแทนที่เจ้ามาหาเจิ้นในคืนนี้ อยากได้สิ่งใดก็เอาไปเถิด” ได้ยินเช่นนั้นนางก็เลือกสมุนไพรที่นางต้องการมาสองสามอย่าง เอาไปแต่พอดีเพราะหากสกัดดีๆก็ได้สมุนไพรเก็บไว้อีกหลายเม็ด
“ขอบพระทัยเพคะ”
“เจ้าอยากไปที่ใดอีกหรือไม่”
“เจ้าควรกลับได้แล้วเหมยเอ๋อร์ นี่ดึกมาแล้วนะ” อ่า จริงด้วยสินะ นางมาถึงก็ยามจื่อแล้ว นี่คงใกล้สว่างแล้วกระมัง “ฝ่าบาทเสด็จกลับตำหนักเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปส่งเหมยเอ๋อร์แล้วยามเฉินจะมาเข้าเฝ้า ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” แล้วเหตุใดพี่หยางจึงเร่งรีบเช่นนี้กันนะ ไม่ใช่แค่พี่หยางเท่านั้นที่ดูเร่งรีบแต่ท่านน้ากับฮ่องเต้ก็ไม่ต่างกัน เมื่อออกจากวังหลวงมาได้และถึงบ้านของนางแล้วจ้าวไท่หยางก็ยังคงระแวดระวังไม่หยุด
“มีสิ่งใดหรือเจ้าคะพี่หยาง”
“ข้าสัมผัสได้ถึงปราณสังหารที่รุนแรงมาก”
“ใช่เหมยเอ๋อร์ มันอยู่ไม่ไกลจากเรานัก พี่จึงรีบพาเจ้าออกมาก่อน ไม่แน่ใจนักว่าเป็นผู้ใดแต่คงเป็นยอดฝีมือไม่น้อย เจ้าอยู่ที่บ้านอย่าออกไปที่ใดอีกเข้าใจหรือไม่ พี่จะรีบกลับไปอารักขาฝ่าบาท หากมันหมายเอาชีวิตฝ่าบากจริงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยนัก ฝากประมุขฟ่านดูแลเหมยเอ๋อร์ด้วยขอรับ”
“เจ้าไปเถิด ไม่ต้องห่วงทางนี้” เมื่อพี่หยางเร้นกายหายไปแล้วนางจึงหันไปหาท่านน้าเพื่อเอารายละเอียดเพิ่มเติม “ข้าเองก็ไม่แน่ใจนักว่าเป็นผู้ใด แต่ปราณเข้มข้นและรุนแรงเช่นนั้นไม่ใช่พวกจอมยุทธ์ธรรมดาเป็นแน่”
“หรือว่าจะเป็นคนในวังเจ้าคะ”
“ก็เป็นได้ ข้าต้องเพิ่มกำลังอารักขาเจ้าเสียแล้ว”
“ท่านน้าเจ้าคะ จะมีผู้ใดที่จะปล่อยปราณสังหารออกมาให้จับได้ถึงเพียงนั้นหากไม่ต้องการเปิดเผยตัว เขาจะฆ่าเราโดยไม่รู้ตัวก็ย่อมได้แต่เหตุใดจึงหลบอยู่เช่นนั้นอีกทั้งยังทำให้พวกท่านรู้ตัวกันอีก ท่านน้าไม่แปลกใจหรือเจ้าคะ”
“เจ้ากำลังหมายความเช่นไร”
“จะมีโจรผู้ใดบอกเจ้าของบ้านว่าตนเองมาปล้นเล่าเจ้าคะ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ใครกันล่ะ
ปล.ยังไงก็รออยู่นะคะ
อัพ อัพ อัพ
แค่ถามแซวปกติเอง
ค้างคาใจมากเลยค่ะมาต่อไวๆนะคะ
ช่วยให้พี่เสี่ยวจิงเปลี่ยนใจทีเถิด
ขอบคุณค่ะ
เป็นกำลังให้นักเขียนนะคะ สนุกค่ะ อ่านแล้วยิ้ม ค่ะ
สมัยก่อนถึงกับปักป้ายบอกว่าจะมาปล้น ให้เตรียมข้าวของเงินทองมากองรอไว้พร้อมสรรพ
ถ้าพอใจ ก็จะเอาเฉพาะของที่ชาวบ้านเตรียมไว้ให้.. แต่ถ้ามีการต่อต้าน ก็เข่นฆ่ายกบ้านเลย