ตอนที่ 18 : วันเกิดสหายและวันเปิดร้านวันแรก
คราแรกที่ได้ยินว่าสหายจะเผาคลังสินค้าของคหบดีเยว่นั้นไท่หลงก็คิดว่าสหายพูดเล่น แต่นางดันเอาจริง! คลังสินค้าของคหบดีเยว่ไฟไหม้วอดจนไม่เหลือสิ่งใดให้ดูต่างหน้า เขานั้นรู้ได้ทันทีว่าคงเป็นฝีมือใครไปไม่ได้นอกจากสหายของเขา พอมาถามนางก็ยอมรับอย่างเต็มภาคภูมิว่าฝีมือนางเอง
“เฮ้อ”
“เจ้าจะถอนหายใจไปทำไม ข้าไม่ได้เผาจวนสกุลจ้าวเสียหน่อย” และยังดีที่นางไม่เผาจวนตระกูลเยว่ไปด้วย
“เจ้ามันชอบหาเรื่องใส่ตัวหลิวจิวเหมย หากพวกนั้นรู้ว่าเป็นฝีมือเจ้าคงได้เป็นเรื่องใหญ่”
“ใครจะไปยอมรับง่ายๆล่ะไท่หลง พวกเขายังไม่ยอมรับเลยที่เผาเหลาอาหารข้า ใยข้าต้องสนใจด้วย อีกอย่างนะ คนอย่างข้าทำอะไรไม่เคยให้เหลือหลักฐานอยู่แล้ว”
“แล้วเจ้ารู้ได้เช่นไรว่าคลังสินค้าของคหบดีเยว่อยู่ที่ใด”
“พี่เสี่ยวจิง” ไม่น่าลืมไปเลยว่านางรับใครมาทำงานด้วย แต่ละคนไม่ธรรมดาทั้งนั้น พี่เสี่ยวอิงเองถึงจะไม่เป็นวรยุทธ์แต่ก็ได้ร่ำเรียนมาเยอะ เชี่ยวชาญทุกอย่างทั้งในบ้านและนอกบ้าน ท่านแม่ถึงกับยอมปล่อยคนโปรดให้มาทำงานกับจิวเหมยเลยเชียวนะ ส่วนพี่เสี่ยวจิงก็เป็นศิษย์ร่วมสำนักกับพี่ใหญ่ใยจะใช่คนธรรมดา ไหนจะท่านน้าลู่ไป๋ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปแต่ไท่หลงพูดได้เลยว่าคนคนนี้นั้นอันตรายของจริง “ทำแบบไหนก็ย่อมได้แบบนั้น กล้าเผาเหลาอาหารของข้า ข้าก็กล้าเผาคลังสินค้าของพวกเขาเช่นกัน หากยังไม่หยุดมาวุ่นวายกับข้า ต่อไปข้าจะเผาจวน!”
“เจ้าน่ากลัวมากนะสหาย”
“ข้าออกจะน่ารัก เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือ”
“พี่หยางคนเดียวกระมังที่มองว่าเจ้าน่ารัก” หน้าตานางอาจจะน่ารักน่าเอ็นดูก็จริง ปากนิดจมูกหน่อย ดวงตาก็กลมโตราวกับลูกกวางตัวน้อย โดยรวมนางเป็นสตรีที่งดงามผู้หนึ่งแต่เขานั้นทำใจมองว่านางน่ารักไม่ได้จริงๆ “กับพี่ใหญ่อะไรๆเจ้าก็ดูน่ารักน่าทะนุถนอมไปหมด ต่อให้เจ้าเอากระบี่จ่อคอก็ยังมองว่าเจ้าน่ารัก”
“เห็นทีพี่ใหญ่ของเจ้าคงต้องรอนางนานหน่อย เพราะนางบอกว่าจะไม่ออกเรือนจนกว่าฟางเอ๋อร์จะปักปิ่น”
“เป็นไปไม่ได้! เจ้าจะให้พี่ใหญ่ข้าแก่ตายก่อนหรือ!”
“พอเลยๆ หยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว อนาคตเจ้าล่วงรู้ได้หรือ เอาเนื้อพวกนี้ไปตากที่หลังคาให้ข้าหน่อยไป” วันนี้นางทำเนื้อตากแห้งไว้สำหรับหน้าหนาว ปรุงรสอย่างดี หากเก็บดีๆคงกินได้หลายเดือน หน้าหนาวนี้บ้านนางไม่อดอยากแน่นอน เนื้อที่เอามาทำก็เอามาจากคลังของคหบดีเยว่อย่างไรเล่า เผาทิ้งก็เสียของ “ผ้าห่มที่ให้ไปเมื่อวานเป็นเช่นไรบ้าง”
“อุ่นมาก! ข้านอนแล้วหลับฝันดีสุดๆ พอดีกับช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นแล้วด้วย ข้าชอบมากและว่าจะมาบอกเจ้าเรื่องนี้ด้วย อยากจะขอให้เจ้าทำเพิ่มอีกซักสี่ผืนได้หรือไม่ ข้าอยากให้ท่านพ่อท่านแม่พี่ใหญ่แล้วก็เว่ยเอ๋อร์ด้วย เจ้าคิดเงินเท่าไหร่ก็บอกข้าได้เลย ชายแดนหนาวมากข้าอยากให้พี่ใหญ่เอาไปด้วย”
“ข้าเองก็ว่าจะทำส่งไปให้ท่านพ่อเช่นกันแต่ไม่รู้จะส่งไปเช่นไร”
“ไม่ต้องห่วง หลังเทศกาลล่าสัตว์พี่ใหญ่จะไปชายแดนพร้อมกับไท่จื่อเพื่อขนเสบียงจากเมืองหลวงไปให้กองทัพ หน้าหนาวนั้นกองทัพมักขาดแคลนเสบียงก็เลยต้องขนไปให้ทุกปี ข้าจะให้พี่ใหญ่เอาไปพร้อมกัน”
“เช่นนั้นข้าจะฝากไปให้ท่านพ่อด้วย ส่วนเรื่องเงินข้าไม่เก็บจากเจ้าหรอก แค่นี้เองให้ข้าได้ตอบแทนบ้าง อีกอย่าง ท่านน้าทั้งสองก็ดีกับข้ายิ่งนัก พี่หยางเองก็ช่วยเหลือข้ามาหลายครั้งข้าจะกล้าเก็บเงินจากเจ้าได้เช่นไร”
“ขอบใจเจ้ามานะจิวเหมย ข้าจะมาช่วยเจ้าแกะนุ่นทุกวันเลยจนกว่าจะพอ”
“ช่วยไปเก็บที่ต้นมันด้วยจะดีมาก” นางให้ท่านน้าลู่ไป๋ไปเก็บมาทุกวัน วันละหนึ่งเกวียน นี่นางก็ว่าจะทำเผื่อพี่สาวพี่ชายข้างบ้านด้วยเพราะไปยืมเกวียนพวกเขาทุกวัน ยังดีที่ช่วงนี้พวกเขาไม่ต้องใช้เกวียนทำอะไรนางจึงยืมได้ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็เกรงใจมากอยู่ดี “ใกล้จะวันเกิดเจ้าแล้วใช่หรือไม่ไท่หลง”
“ใช่ อีกสองวัน ท่านแม่จะจัดงานที่จวนเป็นงานเล็กๆ เชิญแค่คนสนิทของท่านพ่อท่านแม่แล้วก็สหายร่วมอาจารย์ของข้าเท่านั้น เจ้าก็ไปด้วยสิ ข้าว่าจะมาชวนเจ้าอยู่แล้ว”
“ไม่ไปหรอก แต่ข้ามีของขวัญให้เจ้าด้วยนะ เอาไว้ข้าจะเอาให้ในวันเกิดของเจ้าก็แล้วกัน”
“เป็นสิ่งใดหรือ!”
“ถ้าบอกเจ้าก็รู้นะสิ เอาไว้ดูตอนวันงานก็แล้วกัน ข้าจะให้ท่านน้าลู่ไป๋ไปส่งให้ที่จวน” นางตั้งใจจะทำเค้กขนมไทยตระกูลทองเป็นของขวัญให้ ทำหลายก้อน ก้อนละหน้า รับรองจ้าวไท่หลงยิ้มแก้มปริแน่ ตัวเค้กนางจะทำเป็นเหมือนเค้กข้าวเกาหลีที่ทำจากข้าวล้วนๆและใช้การนึ่งแทนการอบ เนื้อมันจะแน่นและแห้งแต่ถ้ากินกับขนมไทยจะต้องเข้ากันแน่ๆ และจะวางเค้กเป็นชั้นๆด้วยแท่นวางที่นางสั่งให้ช่างไม้ทำให้แล้ว
“เจ้าเองก็ไปหาข้าที่จวนซะเลยสิ ไปทุกคนเลยก็ได้”
“ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากไปงานแบบนั้น อีกอย่างข้าต้องเตรียมตัวสำหรับขายของ น่าจะช่วงเดียวกับวันเกิดเจ้า”
“อยากให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่”
“ไม่ต้องหรอกคุณชาย คนงานข้าก็มีออกมากเช่นไรพวกเขาก็ต้องช่วยข้าอยู่แล้ว” ก็คงแล้วแต่นาง หากนางมีอะไรคงขอให้เขาช่วยเองนั่นแหละ “ข้าจะลองขายดูก่อนซักวัน หากขายได้ก็คงปักหลักขายที่นั่นเหมือนเดิม เจ้าไม่ต้องกังวลหรอกน่า คนเราก็ต้องมีล้มเหลวบ้างมีประสบความสำเร็จบ้าง ข้ายังต้องเรียนรู้อีกมาก”
“เจ้าเป็นคนเก่งจิวเหมย เก่งกว่าข้าในวัยเดียวกันมาก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จเป็นแน่”
“ทุกคนต่างก็มีความเก่งกันคนละแบบ เจ้าเองก็มีความสามารถและข้าเชื่อว่าเจ้าจะเก่งกาจไม่แพ้ใคร อย่ามัวแต่คุยสิ ข้ายังต้องตากเนื้อไว้อีกมากนะ ช่วยข้าแล่เนื้อเดี๋ยวนี้เลย”
“สหาย เกิดมาข้าไม่เคยแล่เนื้อ!”
สองวันก่อนงานวันเกิดของไท่หลงนั้นจิวเหมยไม่ได้หยุดพักเลย ทั้งคิดรายการอาหารที่จะทำ ทั้งปรับพื้นที่ของเหลาอาหารให้กลายเป็นลานโล่ง นางให้ช่างไม้มาตั้งเสาและสร้างหลังคาให้ ส่วนพื้นนางก็ให้ปูไม้ โชคดีที่ไม้บางส่วนยังพอใช้ได้แม้จะดำไปซักหน่อยแต่ช่างไม้ก็มีวิธีเอาเปลือกหน้าของมันออกแล้วนำมาใช้ใหม่ได้
พวกจานชามโต๊ะเก้าอี้ที่สั่งไปก็เสร็จแล้ว นางพอใจมากทีเดียว เอ่ยชมช่างไม้และช่างทุกคนที่ทำงานกับช่างไม้ไม่ขาดปาก ทั้งเรียบเนียนและสวยงามมาก ทำงานให้นางหลายครั้งช่างไม้ก็เลยเรียนรู้ที่จะเล่นกับลายของไม้ ตอนนี้ฝีมือดีงานเข้าไม่เคยขาดเลย หากขายดีนางจะสั่งให้ทำเพิ่มอีกเยอะๆ
โรงนอนใหม่คนงานก็กำลังสร้าง แต่นางให้ท่านลุงเหวินกับท่านป้ากงที่เป็นพ่อครัวแม่ครัวมานอนที่บ้านของนางชั่วคราวจะได้ช่วยกันคิดช่วยกันทำ และหลังวันเกิดของไท่หลงนางจะเปิดขายอย่างเป็นทางการ
“แป้งที่นึ่งสุกเจ้าคะคุณหนู” วันนี้วันเกิดไท่หลงแล้ว สหายของนางหายหน้าหายตาไปตั้งแต่วันที่มาช่วยแล่เนื้อ นางเอกก็ไม่ได้ไปหาที่จวนเพราะคิดว่าสหายคงยุ่งอยู่กับการเตรียมงานวันเกิดตัวเอง ชั้นวางเค้กที่นางสั่งให้ช่างไม้ทำนั้นสวยงามมากทำให้นึกอยากทำคาเฟ่ขายเค้กกันเลยทีเดียว แต่ด้วยข้อจำกัดของวัตถุดิบนางก็เลยได้แต่ฝันไปก่อน
“เช่นนั้นก็ยกลงมาเลยเจ้าค่ะ เอาทองหยอดใส่ชั้นแรกนะเจ้าค่ะ ชั้นสองใช่ทองหยิบ ชั้นสุดท้ายใส่ฝอยทอง” นางทำเองทุกอย่างโดยมีพี่เสี่ยวอิงกับท่านป้ากงเป็นลูกมือ มีฟางเอ๋อร์แวะเวียนเข้ามาหยิบชิมอยู่บ่อยๆ
ขนมทั้งสามชั้นนั้นมีขนาดต่างกัน ชั้นบนสุดจะก้อนเล็กกว่า ชั้นสองชั้นสามก็เพิ่มขนาดขึ้นเรื่อยๆ นางไม่ได้ตกแต่งอะไรเพิ่มเพราะมันสวยงามดีอยู่แล้ว อีกทั้งนางตัดแบ่งเค้กที่ทำเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆแล้วแต่งหน้าด้วยขนมตระกูลทองใส่ถาดใหญ่อีกถาดไว้สำหรับแจกแขกในงานต่างหากอีกด้วย
“พี่เสี่ยวอิงไปกับท่านน้าลู่ไป๋หน่อยนะเจ้าคะ ข้ากลัวว่ากว่าจะถึงจวนตระกูลจ้าวถาดขนมกับชั้นวางเค้กนี่จะคว่ำไปซะก่อนหากให้ไปคนเดียว แล้วก็ฝากของขวัญไปให้ไท่หลงด้วยเจ้าค่ะ” นางช่วยพี่เสี่ยวอิงขนทุกอย่างไปขึ้นรถม้า แล้วก็ยื่นห่อผ้าที่ทำของขวัญเป็นพิเศษให้สหายโดยเฉพาะให้พี่เสี่ยวอิงด้วย
หวังว่าเจ้าจะชอบนะสหายเพียงคนเดียวของข้า
ส่วนเจ้าของวันเกิดนั้นตอนนี้ทั้งตื่นเต้นและเบื่อหน่าย ตื่นเต้นที่จะได้ของขวัญจากจิวเหมย และเบื่อหน่ายบรรดาคุณหนูบุตรสาวของสหายท่านพ่อท่านแม่ เขาทำได้เพียงปั้นหน้ายิ้มแย้มไปตามเรื่องตามราวเท่านั้น อวดกันอยู่ได้ว่าใครได้เครื่องประดับราคาแพงชิ้นใดบ้าง น่าเบื่อซะจริง แต่จู่ๆความน่าเบื่อของเขาก็เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นเมื่อพ่อบ้านมาแจ้งว่ามีรถม้าของคุณหนูหลิวมารอที่หน้าจวน สองขาลุกวิ่งในทันทีโดยไม่รั้งรอสิ่งใดแล้ว
“ท่านน้าลู่ไป๋ พี่เสี่ยวอิง” เขายิ้มแป้นกว้างขวางให้เพราะรู้ว่าของขวัญของเขาจากสหายมาถึงแล้ว
“เจ้าหุบยิ้มบ้างก็ได้คุณชายจ้าว”
“โธ่ ท่านน้าขอรับ ข้ารอของขวัญจากจิวเหมยอยู่อย่างไรเล่า”
“ข้าก็เอาให้เจ้าอยู่นี่อย่างไรเล่า”
“เป็นอะไรหรือขอรับ” พี่เสี่ยวอิงลงจากรถม้าพร้อมกับของขวัญที่ทำให้เขาตาลุกวาวแทบจะโห่ร้อง ขนมของหลิวจิวเหมย “สุดยอด! นี่จิวเหมยทำเองเลยหรือขอรับ”
“ใช่เจ้าค่ะ ชั้นแรกนั้นเรียกทองหยอด ชั้นที่สองเรียกทองหยิบ และชั้นสุดท้ายเรียกฝอยทองเจ้าค่ะ คุณหนูแนะนำให้กินกับน้ำชาจะเข้ากันมาก คุณหนูลุกมาเตรียมของเองตั้งแต่เช้า ทั้งยังบอกอีกว่าเป็นขนมมงคลก็เลยอยากทำให้คุณชาย แล้วก็ฝากของขวัญอีกชิ้นมาให้ด้วยเจ้าค่ะ” พี่เสี่ยวอิงยื่นห่อผ้ามาให้เขาอีกชิ้น แค่ขนมหน้าตาสวยงามนี่เขาก็ชอบมากแล้ว ในห่อผ้านี่จะเป็นอะไรนะ “ข้าน้อยอยากจะของเข้าไปเยี่ยมท่านแม่ซักครู่ได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ได้สิขอรับ เชิญเลยๆ ท่านน้าลู่ไป๋ก็เข้ามารับประทานอะไรซักหน่อยรอพี่เสี่ยวอิงเถิดขอรับ”
“ไม่ล่ะ เจ้าให้คนมาเอาขนมนี่ไปก็พอ ข้าจะรอนางอยู่ที่รถม้า ไม่อยากเข้าไป” เมื่อท่านน้าว่าเช่นนั้นเขาก็เรียกยามหน้าจวนให้มาช่วยถือตามเขาเข้าไปข้างใน “ประเดี๋ยวก่อน ยังไม่หมด” ยังมีอีกหรือ ท่านน้าเข้าไปในรถม้าอีกรอบแล้วออกมาพร้อมกับถาดไม้อันใหญ่ที่เต็มไปด้วยขนมชนิดเดียวกันกับเมื่อครู่แต่อันเล็กกว่า “ส่วนนี้จิวเหมยทำไว้ให้เจ้าเอาไปแจกให้แขกที่มาร่วมงานของเจ้าได้ชิม ชิ้นเล็กแบ่งกันง่าย จิวเหมยเตือนมาด้วยว่าเจ้าอย่ากินมากไป”
“ขอบพระคุณขอรับ ไว้ข้าจะไปขอบคุณจิวเหมยด้วยตัวเองที่บ้านนะขอรับ” เขาเรียกยามอีกคนมาช่วยถือถาดแล้วเอ่ยลาท่านน้าลู่ไป๋เดินกลับเข้ามาจวนพร้อมใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
ขนมของจิวเหมยคือที่สุดสำหรับเขา ไม่ว่าจะขนมอะไรนางก็ทำออกมาได้อร่อยเลิศรสมาก ท่านแม่เองก็ยังเอ่ยชมทุกครั้งที่เขาเอาขนมมาฝาก แล้วดูที่นางทำให้เขานี่สิ มันทั้งสวยและน่ารับประทานมากจนเขาไม่อยากแบ่งให้ใครเลย
“นั่นลูกเอาอะไรมาน่ะไท่หลง”
“ขนมขอรับ จิวเหมยส่งมาให้ ท่านแม่มาดูสิขอรับสวยงามยิ่งนัก” เขาให้วางขนมไว้ที่โต๊ะตัวหนึ่งที่ว่างอยู่ ความสวยของขนมแต่ละชั้นนั้นดึงดูดผู้คนให้อยากรู้อยากเห็น ท่านพ่อท่านแม่เดินเข้ามาดูใกล้ๆแล้วเอ่ยชมถึงความสวยงาม เขาก็เลยเอาขนมชิ้นเล็กที่นางทำมา ให้ท่านพ่อท่านแม่ได้ชิมอย่างละชิ้น
“หอม หวาน อร่อยจริงเชียว”
“พี่รอง หย่อยมาก” เจ้าเด็กตัวอ้วนไท่เว่ยถึงกับคว้ามาถือเต็มสองมือ “ง่ำ หย่อย”
“จิวเหมยแนะให้กินกับน้ำชาขอรับ” ท่านพ่อท่านแม่ทำตามที่เขาบอก ก่อนจะตาเบิกกว้างแล้วเอ่ยชมว่าเข้ากันได้ดีมาก “นางทำมาให้ลูกแจกให้แขกได้ชิมด้วยขอรับ ทั้งถาดนั้นแล้วก็บนชั้นนั้น”
“นางช่างดีกับลูกของแม่ยิ่งนัก”
“ลูกถึงได้จับคู่นางกับพี่ใหญ่อย่างไรเล่าขอรับ” ได้ยินเขาพูดเช่นนั้นท่านพ่อก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นทั้งยังบอกอีกว่าเป็นทองแผ่นเดียวกันกับตระกูลหลิวก็ไม่เลว ส่วนท่านแม่นั้นอยากได้นางมาเป็นสะไภ้อยู่แล้วแถมยังเคยพูดกับเขาให้เกี้ยวจิวเหมยแล้วแต่งเข้าจวน แต่เขานั้นตัดความหวังมารดาไปเรียบร้อย สหายจะอย่างไรก็เป็นได้เพียงสหาย
“พี่รอง หย่อยมาก” พี่รู้แล้วล่ะเว่ยเอ๋อร์ คำตอบมันเต็มหน้าของเจ้าหมดแล้ว เละไปหมดเลยน้องพี่
วันรุ่งขึ้นจ้าวไท่หลงก็พาตัวเองมาที่บ้านของจิวเหมยตั้งแต่เช้า เนื่องด้วยวันนี้เขาไม่มีเรียนและรู้มาว่าสหายจะเปิดร้านวันนี้วันแรก เขาก็เลยตั้งใจจะมาช่วย มาถึงก็เห็นความวุ่นวายของทั้งท่านน้าลู่ไป๋และพี่เสี่ยวอิง แต่ดันไม่เห็นสหายของเขาเสียนี่ ทุกคนดูยุ่งกันหมดไม่เว้นแม้แต่ฮูหยินใหญ่กับหลิวรุ่ยฟาง
“ทำอะไรกันอยู่หรือขอรับท่านน้าลู่ไป๋”
“กำลังจะเอาของไปที่ร้าน เจ้ามาหาจิวเหมยหรือ ตอนนี้นางกำลังยุ่งอยู่ในครัว เจ้าไปช่วยข้าจัดร้านก็แล้วกันคุณชายจ้าว อีกเดี๋ยวต้องกลับมาขนอาหารไปอีกรอบ” ของในรถม้าเต็มแน่นไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ เขาจึงต้องควบม้าตามหลังรถม้าของท่านน้าลู่ไป๋ไปอีกที มาถึงตลาดเขาก็ได้เห็นร้านของสหายที่มีโต๊ะเพียงไม่กี่ตัวและเก้าอีกเข้าชุดกัน
รถม้ามาถึงคนงานที่พักอยู่ที่นี่ก็เข้ามาช่วยขนของลงจากรถม้าแล้วเอาไปจัดเข้าที่เหมือนกับรู้อยู่แล้วว่าอะไรควรวางตรงไหน พอขนของลงเสร็จท่านน้าลู่ไป๋ก็ต้องกลับไปที่บ้านอีกรอบ เขาที่ไม่มีอะไรทำก็เลยควบม้าตามกลับไปอีกที มาถึงบ้านก็เห็นจิวเหมยออกมานั่งรอพร้อมกับถาดใหญ่ที่มีฝาปิดมิดชิดอยู่หลายอัน
“อ่าวไท่หลง มาแต่เช้าเชียวนะ”
“ข้าว่าจะมาขอบคุณเจ้าเรื่องขนมกับของขวัญ ข้าชอบมากแล้วคนในงานก็ชอบมากเช่นกัน แต่มาถึงท่านน้าก็ชวนข้าขนของไปไว้ที่ร้านของเจ้าแล้วก็กลับมาอีกเนี้ยแหละ”
“อืม ขนพวกนี้ขึ้นรถม้าเลย พี่เสี่ยวอิงกับท่านป้ากงเข้าไปด้านในจับพวกถาดไว้นะเจ้าคะ ท่านลุงเหวินนั่งด้านหน้ากับท่านน้าลู่ไป๋ ข้ากับไท่หลงจะขี่ม้าตามไปเจ้าค่ะ” แม่ใหญ่กับฟางเอ๋อร์จะอยู่เฝ้าบ้านและดูแลแปลงผักให้ หากทุกอย่างเข้าที่เข้าทางกว่านี้นางจะให้แม่ใหญ่ไปช่วยกันด้วยเพราะแม่ใหญ่เอ่ยปากว่าอยากช่วย
“กลิ่นหอมมากเลย ข้าหิวแล้วสิ”
“ไปถึงร้านก่อนข้าจะให้เจ้าได้ชิม” วันนี้นางทำอาหารไปขายสี่อย่างคือไข่พะโล้ พะแนงหมู ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้งและหมูย่างสูตรพิเศษของนาง มีข้าวสองแบบให้เลือกคือข้าวผัดไข่และข้าวสวยธรรมดา มีไม้แผ่นบางเขียนชื่ออาหารไว้แต่ละถาด รวมทั้งวิธีการกินและซื้อกลับไป นางคำนวณต้นทุนแล้วก็ไม่ได้ขายแพงเท่าไหร่นัก
ถึงร้านก็ช่วยกันขนของลง เวลาเช้าๆแบบนี้เริ่มมีชาวบ้านออกมาซื้อของกันบ้างแล้วเพราะแต่ละจวนก็ต้องทำมื้อเช้าให้นายท่านของจวน ตลาดก็เริ่มคึกคักตั้งแต่เช้า เมื่อขนของลงแล้วทุกคนก็แยกกันเข้าประจำที่ตามที่นางบอกเมื่อวันก่อน กลิ่นหอมของอาหารเป็นตัวเรียกลูกค้า คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ย่อมคุ้นเคยกับโรงเตี๊ยมหมิงอันและเหลาอาหารฟู่เป็นอย่างดี พอเห็นนางเปิดฝาที่ปิดถาดออกก็ต่างเข้ามาถามไถ่
“กินที่นี่ได้เลยหรือคุณหนูหลิว”
“ได้เจ้าค่ะท่านลุง จะกินแบบราดข้าวหรือแยกข้าวกับอาหารก็ได้เจ้าค่ะ ไม่ต้องเก็บล้างเพราะพวกข้าจะเก็บล้างเองเจ้าค่ะ หรือจะซื้อกลับบ้านก็ได้นะเจ้าคะเพียงแต่ต้องเอาปื่นโตหรือถ้วยชามมาใส่เอง”
“โอ้ แปลกใหม่ดีแท้ เช่นนั้นข้าจะลองกินที่นี่ดูก็แล้วกัน แบบราดข้าวเป็นเช่นไรหรือ”
“ท่านลุงต้องเลือกข้าวอย่างใดอย่างหนึ่งเจ้าค่ะ แล้วข้าจะตักอาหารที่ท่านลุงเลือกราดบนข้าวให้เจ้าค่ะ” ท่านลุงมองบนป้ายที่นางเขียนไว้แล้วเลือกเป็นพะแนงหมูกับหมูย่างสองอย่างเพราะนางติดราคาไว้ว่าหากราดสองอย่างนั้นสองตำลึงเงิน สามอย่างสามตำลึงเงิน หากแยกข้าวกับอาหารคิดสิบตำลึงเงิน
ท่านลุงเดินเข้าไปนั่งด้านในข้าก็ให้พี่เสี่ยวอิงเอาไปให้ถึงโต๊ะ คนอื่นๆที่ยืนดูอยู่เมื่อเห็นเช่นนั้นก็อยากลองบ้าง นางกับท่านป้ากงก็เลยตักกันมือเป็นระวัง จ้าวไท่หลงเองก็ทำหน้าที่เรียกลูกค้าอยู่หน้าร้านได้ดี ยิ่งสายลูกค้าก็ยิ่งมากขึ้น ด้วยความแปลกใหม่ของการขายอาหารและอาหารของนางเองก็แปลก เรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึง นางได้รับคำชมจนหน้าบานไปหมดแล้ว บางคนกินแล้วถึงกับกลับไปเอาปิ่นโตหรือถ้วยชามมาซื้อกลับบ้านไปอีก “เงินไหลมาเทมาจ้า ร่ำรวยๆ”
“ข้าจะได้กินข้าวยามใดกันสหาย ท้องข้าร้องไปหมดแล้ว”
“ไปบอกท่านป้ากงไป อยากกินอะไรก็ให้ท่านป้าตักให้” ตอนนี้นางมานั่งรับเงินที่โต๊ะแล้วให้คนงานผู้หญิงเข้าไปทำตรงนั้นแทน พี่เสี่ยวอิงกับคนงานคนอื่นๆเองก็ช่วยเสิร์ฟไม่ได้หยุด ด้านหลังที่นางกั้นไว้ก็ล้างจานกันไม่หยุดเช่นกัน “จ้าวไท่หลงเดินไปต่อแถวรับข้าวราวกับลูกค้า ท่านป้ากงเห็นก็หัวเราะแล้วตักให้สหายนางซะเยอะเชียว
“เจ้าจะเปลี่ยนรายการอาหารทุกวันเลยหรือจิวเหมย”
“ใช่ เพื่อความไม่จำเจ อาหารบนโลกนี้มีเยอะแยะเหตุใดข้าต้องขายอย่างเดิมทุกวันกันเล่า”
“ดีๆ ข้าจะได้แวะมากินทุกวัน เสียดายที่ไม่ได้เอาปิ่นโตมาด้วยไม่เช่นนั้นจะซื้อกลับไปที่จวนซักหน่อย”
“หากเจ้าอยากเอากลับไปก็เอาปิ่นโตของข้าไปก่อน วันพรุ่งค่อยเอากลับมาคืน”
“เช่นนั้นข้าเอา แต่มันจะพอให้เจ้าขายหรือ”
“ขายหมดนี่ก็พอแล้ว สายหน่อยตลาดก็วาย ช่วงเย็นคนก็น้อยข้าก็เลยจะขายแค่ช่วงเช้าเท่านั้น”
“เช่นนั้นก็ดี เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก พี่ใหญ่ของข้ายิ่งเป็นห่วงเจ้ามากๆอยู่”
“พูดทุกวันเช่นนี้ให้พี่ใหญ่ของเจ้ามาหมั้นหมายข้าไว้เลยดีหรือไม่”
“เจ้าพูดจริงหรือ ข้าจะกลับไปบอกพี่ใหญ่ให้เร็วที่สุด!” นี่แยกไม่ออกหรืออย่างไรว่านางพูดจริงหรือล้อเล่น เหตุใดจึงอยากจับคู่ให้นางกับพี่ชายของตัวเองนักนะจ้าวไท่หลง “อร่อยมาก เจ้าทำอาหารอร่อยจริงๆนะจิวเหมย อีกหน่อยพี่ใหญ่ของข้าคงได้กินทุกวัน ช่างน่าอิจฉานัก ข้าจะออกไปสร้างจวนใกล้กับจวนพวกเจ้าให้ดู” นี่คิดไปถึงไหนกันนี่สหาย!
“ไท่หลง ข้าพูดเล่น! ใครจะไปคิดเรื่องหมั้นหมายกันตั้งแต่อายุเท่านี้กันเล่า”
“แปลกตรงไหน สหายของข้าที่มางานวันเกิดข้าเมื่อวานต่างก็มีชายที่หมายปองแล้วทั้งนั้น”
“แต่ข้าพูดเล่นไงไท่หลง ข้ายังไม่ได้คิดอะไรกับพี่หยางไปไกลถึงเพียงนั้นหรอกนะ” จะให้ถึงวันปักปิ่นปุบนางก็แต่งงานปับเลยหรืออย่างไร “พี่หยางเองก็คงยังไม่มีกระใจจะคิดอะไรกับข้าหรอกกระมัง”
“แต่พี่คิดนะเหมยเอ๋อร์!” แล้วท่านจะมาเป่าลมให้หูข้าทำไมกันพี่หยาง!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นางเอกเก่งเวอร์ เพราะด้วยเป็นคนอนาคต และด้วยเป็นคนที่สวรรค์ส่งมาให้ใช้ชีวิตใหม่ เลยได้อภิสิทธิอะไรแบบสุดโต่ง ให้ผู้เขียนได้จิตนาการความไรขีดจำกัดความเด่งของนางเอก (อวยคนเขียน ให้กำลังใจคนเขียนจ้า)
เว่ยเอ๋อร์น่ารากกกก
คิดจริงคิดจังด้วยจร้า
ชอบ ชอบทุกตอนเลยคะสนุกๆ
อ่อ ว่าแล้วก็ลงเรือไท่หลงดีก่า 555+
อ่านไปอมยิ้มด้วยเลยเจอประโยคสุดท้ายของตอนอ่า
ขอบคุณค่ะ
รอคะมาต่อได้แล้วคะ