ตอนที่ 10 : วันเกิดแสนเรียบง่ายของคุณหนูหลิว
จริงสิ นางจะอายุสิบสามปีแล้ว จะโตขึ้นอีกปีแล้ว
“อีกสองปีเจ้าก็ออกเรือนได้แล้วน่ะสิ”
“อีกหลายปีเจ้าค่ะท่านน้า และข้าก็คงไม่ออกเรือนง่ายๆ” เพราะยังมีอะไรให้นางได้ทำอีกเยอะ มัวแต่รอแต่งงานไปปรนนิบัติสามีมันไม่ใช่วิถีของหญิงแกร่งเช่นนาง เหลาอาหารก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ทำทั้งทีนางก็อยากทำให้ดีๆไปเลย หลังจากช่างมาทำบ้านให้ท่านน้าลู่ไป๋เสร็จคงต้องคุยเรื่องเหลาอาหารต่อ
“แล้วเรื่องครอบครัวเจ้าล่ะ ข้าเห็นว่ามีปัญหา”
“ไม่มีอะไรแล้วเจ้าค่ะ คนเราก็ทำผิดกันได้ หากอภัยให้กันได้แล้วสบายใจก็ทำ”
“เจ้าเป็นคนดีเกินไปคุณหนูหลิว”
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่คิดไปในทางที่ดี” แต่คนไม่ดีก็ต้องย่อมได้รับผลกรรมตอบแทนอย่างสาสม
สองสามวันมานี้แม้จะใกล้วันเกิดตัวเองเต็มทีแต่นางก็ยังทำงานหาเงินอยู่ทุกวันไม่มีพัก ฟางเอ๋อร์ที่มาอยู่กับนางก็ถูกให้นั่งคัดอักษรไม่เว้นแต่ละวัน นางจะให้ออกไปวิ่งเล่นได้เฉพาะช่วงเย็นเท่านั้น นางสอนอะไรได้นางก็สอนน้องทุกอย่าง บ้านของท่านน้าลู่ไป๋ก็เสร็จแล้วเช่นกัน หลังไม่ใหญ่มากพอให้อยู่ได้เพียงคนเดียวอย่างสะดวกสบายเท่านั้น เตียงของพี่เสี่ยวอิงเองช่างก็เอามาส่งแล้ว ทุกอย่างลงตัวและกำลังดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น
"วันนี้วันเกิดเจ้า อยากได้ของขวัญจากข้าหรือไม่จิวเหมย”
“เงินซักหมื่นตำลึงทองสิไท่หลง”
“แหมจิวเหมย เจ้าอยากแต่งเข้าจวนข้าก็ไม่บอก”
“สินสอดข้าเพียงหนึ่งหมื่นตำลึงทองเองหรือ” จ้าวไท่หลงหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีที่แหย่สหายได้ วันนี้เขาก็ว่างเช่นทุกวัน หลังจากเรียนเขียนอ่านกับอาจารย์ที่จวนเสร็จก็ขอท่านแม่ออกมาเยี่ยมจิวเหมย ไม่คิดว่าจะได้มาวันเกิดสหายเช่นนี้ เขาไม่รู้และยังไม่ได้เตรียมของขวัญเลย อีกอย่าง ต้องเอาข่าวไปบอกท่านพ่อท่านแม่รวมทั้งพี่ใหญ่ด้วย “ข้าไม่ได้อยากได้สิ่งใดหรอกไท่หลง ที่เจ้าช่วยข้ามาตลอดก็นับเป็นของขวัญแล้ว”
“ไม่ได้สิ ของขวัญก็คือของขวัญ เอาไว้ข้ากลับไปคิดก่อนก็แล้วกันว่าจะให้อะไรเจ้าดี ขนมนี่อร่อยแถมดูดี”
“เค้กกล้วยหอมน่ะ”
“ทำจากกล้วยงั้นหรือ”
“มีส่วนผสมของกล้วย ฝากไปให้ท่านน้าทั้งสองด้วยนะ” วันนี้เป็นวันเกิดของนางและเป็นการฉลองที่เรียบง่าย มีเพียงท่านพ่อ ท่านน้าลู่ไป๋ พี่เสี่ยวอิง ฟางเอ๋อร์แล้วก็จ้าวไท่หลง แม้คนหลังจะบังเอิญมาหานางพอดีก็เถอะ ส่วนแม่ใหญ่ยังไม่แข็งแรงดีนักก็เลยไม่มา วันพิเศษเช่นนี้นางก็เลยนึกอยากทำเค้กกล้วยไว้ปักเทียนบ้าง “แต่กินเยอะระวังอ้วนเป็นหมู”
“พี่ใหญ่น้องไม่เป็นหมูเจ้าค่ะ”
“ใช่ เจ้าเป็นซาลาเปาที่กำลังจะระเบิดอย่างไรเล่าฟางเอ๋อร์” น้องสาวที่มาอยู่กับนางได้สามวันตอนนี้แก้มที่เคยตอบเพราะผอมบางกลับอวบอูมแน่นขึ้นจนคนเป็นพ่อถึงกับเอ่ยปากกับนางเรื่องให้น้องกินขนม ห้ามปรามได้เสียที่ไหนกัน เด็กกำลังกินกำลังนอน ฟางเอ๋อร์เองก็วิ่งเล่นช่วยท่านน้าลู่ไป๋รดน้ำผักทุกเช้าเย็นถือว่าได้ออกกำลังกายบ้างแล้ว “ทั้งข้าวทั้งขนม ถ้ากินเยอะอีกหน่อยน้องพี่ต้องกลายเป็นหมูแน่ๆ”
“ลูกจะเปิดเหลาอาหารเมื่อใดหรือเหมยเอ๋อร์”
“ต้องรอให้ช่างปรับปรุงเสร็จก่อนเจ้าค่ะ ช่วงนี้ลูกก็มีเตรียมอุปกรณ์ไว้บ้างแล้ว”
“ให้พ่อส่งคนที่จวนมาช่วยดีหรือไม่”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ลูกจะหาคนงานของลูกเองจะได้ไม่ลำบากที่จวน” อันที่จริงนางมีเป้าหมายไว้แล้ว แหม อ่านนิยายมาเยอะ แรงงานชั้นดีและน่าจะซื่อสัตย์จะหาจากที่ไหนได้ถ้าไม่ใช่พวกขอทาน ให้งาน ให้เงิน ให้ที่อยู่ ใครจะไม่รับ แต่งานนี้นางต้องขอความช่วยเหลือจากพี่น้องตระกูลจ้าวช่วยคัดคนให้สักหน่อย
“เช่นนั้นก็ตามใจลูก หากมีสิ่งใดให้พ่อช่วยก็บอกได้เลยอย่าได้เกรงใจ แล้วก็ฮูหยินมีของขวัญมาให้ลูกด้วยนะ” ท่านพ่อหยิบกล่องเล็กที่เก็บไว้ในชุดออกมายื่นให้นาง “ฮูหยินบอกว่าแม่ของเจ้าฝากไว้ที่นางก่อนตาย คราแรกที่พ่อได้ยินก็แคลงใจอยู่บ้าง ทั้งเจ้าและพ่อหรือแม้แต่คนในจวนก็รู้ว่าแม่ของเจ้ากับฮูหยินนั้นไม่ใคร่จะญาติดีกันเท่าใดนัก แต่แม่ของเจ้ากลับฝากของไว้ที่นางทั้งยังฝากความไว้ว่าให้ฮูหยินมอบให้เจ้าในวันที่เหมาะสมซึ่งนางคิดว่าวันนี้นั้นเหมาะแล้ว”
“ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด” ท่านแม่คงจะคิดแบบนั้นและท่านก็คิดถูก “ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกฝากขอบพระคุณแม่ใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ” นางรับของมาจากมือผู้เป็นบิดาแต่ยังไม่ได้เปิดดูในทันที คิดว่ารอเปิดตอนอยู่คนเดียวจะเหมาะกว่า “เช่นนั้นเพื่อเป็นการตอบแทนแม่ใหญ่ ลูกฝากสมุนไพรบำรุงไปให้แม่ใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ”
“ได้สิ พ่อจะมอบให้แม่ใหญ่ของเจ้ากับมือพ่อเอง”
“น้องก็มีของขวัญให้พี่ใหญ่เช่นกันเจ้าค่ะ” ฟางเอ๋อร์ลุกวิ่งเข้าไปในห้องนอนตัวเองแล้วเอาของมาให้นาง
“ปิ่นแกะสลักกับผ้าเช็ดหน้าปักลายหงส์ งดงามมากฟางเอ๋อร์ พี่ชอบและขอบใจเจ้ามาก”
“นางมารบเร้าให้ข้าสอนอยู่นานสองนาง บอกจะทำเป็นของขวัญให้เจ้า” ท่านน้าลู่ไป๋เอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างเอ็นดูในตัวรุ่ยฟาง ช่วงหลังมานี้น้องสาวนางมักไปคลุกอยู่กับท่านน้าลู่ไป๋แทบทั้งวัน อ้อนวอนให้สอนนั่นนี่ไม่รู้เบื่อ
“มีข้าเพียงคนเดียวน่ะสิที่ไม่มีของขวัญให้เจ้า”
“อย่าได้คิดมากไท่หลง ข้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับของขวัญมากนัก” ที่บอกว่าเขาเพียงคนเดียวเพราะก่อนหน้านี้ท่านแม่ทัพให้ตั๋วเงินเงินตำลึงทองปึกใหญ่เป็นของขวัญให้บุตรสาว ท่านน้าลู่ไป๋ให้เป็นที่ทับกระดาษรูปหงษ์ทำจากไม้งดงามมาก พี่เสี่ยวอิงเองก็ให้ชุดที่นางปักลวดลายดอกเหมยเองเป็นของขวัญแก่จิวเหมย เหลือเพียงแต่เขา ให้อะไรนางดีนะ “หากเจ้ายังมัวคิดมากนะไท่หลง ขนมคงเข้าไปอยู่ในท้องของฟางเอ๋อร์จนหมดแน่”
หลังมื้ออาหารในช่วงเที่ยงจบลงทุกคนก็แยกย้ายกันทำงาน ท่านพ่อกับไท่หลงกลับจวนไปแล้ว พี่เสี่ยวอิงกำลังสอนฟางเอ๋อร์ทำลิปอยู่ในครัว ส่วนนางกับท่านน้าลู่ไป๋ออกจากบ้านมาดูเหลาอาหารที่กำลังปรับปรุง คาดว่าไม่เกินห้าวันคงเสร็จเรียบร้อยเพราะนางไม่ได้ปรับเปลี่ยนสิ่งใดมาก ของเดิมที่มีอยู่ก็สวยงามอยู่แล้ว เพิ่มเติมให้สวยงามขึ้นอีกหน่อยก็เพียงพอ แหม ผู้หญิงกับความสวยความงามมันขาดกันไม่ได้
“ร้านแพรพรรณเอาผ้ามาให้หลายพับขอรับ ข้าเก็บไว้ที่ห้องหลงจู๊ขอรับ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางสั่งซื้อผ้ามาทำผ้าม่านสำหรับหน้าต่างทุกบาน ตกแต่งให้ดูโปร่งสบายตา คราแรกนางอยากออกแบบลายผ้าเองแต่เกรงว่าจะยุ่งยากเกินไปก็เลยตัดสินใจซื้อลายที่ทางร้านมีแล้วเอามาตกแต่งเพิ่มเติมเอง
“ไม้ที่รื้อออกทั้งหมดคุณหนูอยากทำสิ่งใดหรือไม่ขอรับ ข้าคิดว่ายังใช้ประโยชน์ได้ดี”
“หากทำเป็นโต๊ะเก้าอี้ที่ข้าวาดแบบให้ช่างไม้จะได้สักกี่ชุดเจ้าคะ” โต๊ะหนึ่งชุดมีโต๊ะตัวใหญ่หนึ่งตัวและเก้าอี้แบบมีพนักพิงอีกสี่ตัว หากมากันหลายคนกว่านั้นก็จะเสริมโต๊ะเก้าอี้ให้ใหญ่ขึ้นตามจำนวนคน
“น่าจะสามถึงสี่ชุดได้ขอรับ”
“เช่นนั้นก็เอาไปทำโต๊ะเก้าอี้ก็ได้เจ้าค่ะดีกว่าทิ้งไปเปล่าๆ” ไม้พวกนี้เป็นไม้ที่รื้อออกจากห้องพักเดิมทั้งเตียง ฝาพนังและอื่นๆ ชั้นบนเหลือเพียงห้องว่างโล่งๆเท่านั้นแต่ยังต้องปรับแต่งอีกมาก “ช่างทำงานได้เร็วมากเลยเจ้าค่ะ”
“เพราะได้คนมาทำงานเยอะขอรับ ตั้งแต่สร้างบ้านคุณหนูคนพวกนี้ก็ทำงานกับข้ามาตลอด”
“ดีแล้วเจ้าค่ะ พวกเขาจะได้มีรายได้จุนเจือครอบครัว” นางเดินดูรอบๆเหลาอาหารอีกหน่อยก็ขอตัวกลับ แต่ก่อนกลับก็ต้องแวะร้านขายเมล็ดผักหาซื้อผักที่จะปลูกไว้ใช้ที่เหลาอาหาร เมื่อวันก่อนนางจ้างผู้ชายในหมู่บ้านให้มาช่วยขึ้นแปลงผักไว้เยอะแล้วเหลือเพียงเอาเมล็ดลงแปลงเท่านั้น
“ข้าอยากไปโรงตีเหล็กหน่อย เจ้ากลับไปก่อนก็ได้จิวเหมย”
“ท่านน้าจะไปทำสิ่งใดที่โรงตีเหล็กหรือเจ้าคะ”
“ข้าอยากได้ดาบไว้ใช้สักเล่ม บ้านเจ้าไม่มีสิ่งใดเป็นอาวุธไว้ป้องกันตัวได้เลยข้าก็เลยอยากมีไว้ให้อุ่นใจ” อาวุธงั้นหรือ ก็นางนี่ไงอาวุธชั้นดี เพียงสาดธาตุดำเข้าใส่ผู้ร้ายคงได้กลายเป็นปุ๋ยในพริบตา
“เช่นนั้นก็สั่งทำมีดสั้นให้ข้าสักอันนะเจ้าคะ ข้าเองก็อยากได้เก็บไว้ป้องกันตัว” ท่านน้าลู่ไป๋แยกไปโรงตีเหล็กพร้อมกับเงินที่นางมอบให้แม้ท่านน้าจะไม่อยากรับก็ตาม ส่วนนางเองเดินเตร็ดเตร่ในตลาดดูของไปเรื่อยๆเผื่อมีสิ่งใดที่อยากได้ แต่ของที่เอามาขายก็เหมือนเดิมๆที่ขายอยู่ทุกวัน คงต้องรอให้พ่อค้าต่างแดนเอาของมาขายเสียก่อนถึงจะได้ของแปลกๆ นี่นางยังไม่ล้มเลิกการหาต้นกระเพราหรอกนะ กำลังคิดว่าจะกลับไปที่โรงรับฝากม้าสายตาอันหลักแหลมของนางก็เห็นกลุ่มคนกำลังรวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายเข้าเสียก่อน “ตรงนั้นคนมุงอะไรกัน” แบบนี้ต้องไปแอบเผือกซักหน่อย
“พวกเจ้าไปยินข่าวเรื่องชายแดนหรือไม่”
“ที่ว่าทหารแคว้นฉู่ยกทัพมาประชิดน่ะหรือ!”
“ใช่น่ะสิ แคว้นเราเพิ่งจะชนะศึกกับแคว้นโหวมาได้ไม่นานก็ยกทัพกันมาอีกแล้ว เท่านี้ประชาชนยังอดอยากกันไม่พอหรืออย่างไร ตามชายแดนนั้นแทบจะกลายเป็นเมืองร้างกันอยู่แล้วเพราะชาวบ้านอพยพหนีสงครามกันหมด”
“แคว้นซานแม้ไม่อุดมสมบูรณ์นักแต่ก็ร่ำรวยด้วยเพราะมีอัญมณีล้ำค่า แคว้นพวกนั้นช่างละโมบนัก!”
และอีกหลายเสียงที่ก่นด่าทหารต่างแคว้นที่ยกทัพมาประชิดชายแดน ป่านนี้ท่านพ่อคงทราบเรื่องแล้วกระมัง เกิดสงครามนับว่าไม่ใช่เรื่องดี แม้เมืองหลวงจะไม่ขาดแคลนแต่ข้าวของก็แพงขึ้นเรื่อยๆจนประชาชนเริ่มอดอยากเพราะไม่มีเงินจะซื้อ นางเองก็ได้ฟังเรื่องเล่านี้ผ่านหูมามาก แต่พวกที่ร่ำรวยขึ้นจากการค้าขายก็มีมากเช่นกัน
นางยืนฟังเก็บข้อมูลอยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจกลับบ้าน คิดว่าหากไม่มีเรื่องร้ายแรงนางก็จะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งแต่เห็นทีคงต้องเตรียมรับมือไว้บ้าง อย่างไรความรู้ที่นางมีนับว่าเป็นประโยชน์กับแคว้นไม่น้อย อ่อ ไม่รวมธาตุดำที่นางมีหรอกนะ หากต้องลงมือทำเช่นนั้นจริงๆเกรงว่านางจะโด่งดังไปทั่วยุทธภพชั่วข้ามคืน ให้นางค้าขายอย่างสงบสุขน่ะดีแล้ว
“พี่ใหญ่กลับมาแล้ว” ร่างเล็กของน้องสาวแสนซนของนางวิ่งเข้ามาหาทันทีที่ม้าหยุดนิ่งตรงประตูบ้าน แต่พอเห็นสภาพของหลิวรุ่ยฟางแล้วนางก็อดจะมองหาต้นเหตุไม่ได้
“ใครพาเจ้าลงไปเล่นโคลนที่แม่น้ำกันหรือฟางเอ๋อร์”
“ท่านน้าลู่ไป๋เจ้าค่ะ ท่านน้าบอกน้องว่าจะจับปลา น้องจับได้ด้วยนะเจ้าคะ” อ่อ นางก็คิดว่าจ้าวไท่หลงเสียอีก นี่นางยืนฟังคนพวกนั้นเม้าท์กันจนท่านน้ากลับมาก่อนแล้วเช่นนั้นหรือ “ตัวใหญ่มากเจ้าค่ะ”
“จับได้เยอะหรือไม่เล่า”
“เจ้าค่ะ เต็มถังเลย” นิ้วเล็กชี้ไปที่ถังไม้ใบใหญ่พลางดึงมือนางไปดูจนเห็นปลาช่อนตัวโตอัดแน่นอยู่ในนั้น
“เช่นนั้นวันนี้พี่จะทำปลาเผาเกลือให้เจ้าทานดีหรือไม่” ปลาช่อนลุยสวนก็ไม่เลว ทำน้ำจิ้มแซ่บๆห่อกับผัดสด อีกตัวก็เอาไปต้มยำไว้ซดคล่องคอ “เจ้าไปอาบน้ำก่อนเถิดฟางเอ๋อร์ พี่จะเอาปลาเข้าครัวเอง” ร่างเล็กพยักหน้ารับแล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน ซนจริงๆ แม่ใหญ่คงไม่ว่านางกระมังที่ทำให้น้องสาวซนถึงเพียงนี้ “รบกวนขอดเกล็ดให้ข้าสักตัวนะเจ้าคะพี่เสี่ยวอิง อีกสองตัวทำความสะอาดแค่ไส้ก็พอเจ้าค่ะไม่ต้องขอดเกล็ด ข้าจะเอามาเผาเกลือ”
“อ่าว เจ้ากลับมาแล้วหรือจิวเหมย ไปที่ใดมาเหตุใดจึงกลับช้าเช่นนี้”
“ข้าบังเอิญไปใด้ยินชาวบ้านคุยกันเรื่องแคว้นฉู่ยกทัพมาประชิดชายแดนก็เลยหยุดฟังเสียนานเจ้าค่ะ”
“แคว้นฉู่งั้นหรือ เป็นไปได้เช่นไร”
“ท่านน้ารู้จักแคว้นฉู่หรือเจ้าคะ เล่าให้ข้าฟังบ้างได้หรือไม่”
“ไม่ใคร่รู้ดีนักหรอก เคยได้ยินผ่านหูมาบ้างเท่านั้นว่าเป็นแคว้นเล็กทางเหนือ อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีเพราะหิมะ การเพาะปลูกทำได้ไม่ดีจึงต้องทำการค้ากับแคว้นโหวและแคว้นอื่น ขาดแคลนอาหารอย่างหนักในฤดูเหมันต์เหตุเพราะแคว้นที่ทำการค้าด้วยไม่สามารถเข้าไปค้าขายในแคว้นฉู่ได้ นี่ก็ใกล้ฤดูเหมันต์แล้วเหตุใดถึงกล้ายกทัพมาประชิดแคว้นซานที่ใหญ่กว่าถึงสามเท่าเช่นนี้ น่าแปลกใจจริง” นั่นสิ หากขาดแคลนเช่นนั้นจะเอาอาหารจากที่ใดส่งกองทัพ
“พี่ใหญ่ น้องหิวแล้วเจ้าค่ะ”
“นี่เจ้าอาบน้ำหรือวิ่งผ่านน้ำกันน้องพี่ เหตุใดจึงเร็วเช่นนี้” เด็กน้อยปิดปากหัวเราะคิก เมื่อน้องมาท้วงขอข้าวกินเช่นนี้ก็ต้องรีบก่อไฟทำอาหารกันแล้ว เรื่องของบ้านเมืองปล่อยให้ตกเป็นเรื่องรองไปก่อนเพราะตื่นตระหนกไปนางก็ช่วยสิ่งใดไม่ได้ อีกอย่างหน้าที่นี้ท่านพ่อน่าจะต้องคิดมากกว่านาง
“พี่ยกหม้อขึ้นต้มน้ำให้แล้วเจ้าค่ะคุณหนู”
“เช่นนั้นข้าทำต่อเองเจ้าค่ะ พี่เสี่ยวอิงมาดูปลาให้ข้าดีกว่า ทาเกลือเยอะๆแล้วยกขึ้นเผาเลยเจ้าค่ะ ระวังอย่าให้ไหม้นะเจ้าคะ” นางนำเครื่องเทศพวกกระเทียมพริกไทยตะไคร้ใบมะกรูดที่ยังเล็กและหัวไชเท้าใส่ลงในหม้อ ถึงใบมะกรูดจะยังโตไม่เต็มที่แต่ก็ใช้ได้ รอน้ำเดือดจนได้กลิ่นสมุนไพรก็ใส่ปลาช่อนที่ล้างด้วยเกลือลดกลิ่นคาวแล้วลงไปทั้งตัวแล้วปิดฝารอปลาสุก ทางฝั่งปลาเผาเองพี่เสี่ยวอิงก็เผาได้อย่างดีกลิ่นหอมน่าทานมาก
ระหว่างรอทุกอย่างสุกนางก็เอาผักสดที่มีไม่เคยขาดครัวออกมาล้างเตรียมไว้แล้วหันไปตำน้ำจิ้มแบบซีฟู้ดรสเด็ดแม้จะไม่มีมะนาวและมะกรูดที่ยังไม่โตก็เถอะ แต่นางมีมะขามเปรี้ยวที่เก็บจากใต้ต้นที่โตอยู่ริมทางมาคั้นเป็นน้ำมะขามเปียก เพราะมันเปรี้ยวก็เลยไม่มีผู้ใดนิยมเก็บมาทานกันแต่นางเก็บ อิอิ
“เปรี้ยวปาก”
“ข้าก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่าเจ้าจะคั้นไอ้นั่นมาปรุงอาหารได้เช่นไร ข้าว่ามันเปรี้ยวจนกินไม่ได้”
“ก็ใส่แต่พอดีสิเจ้าคะ อย่างเช่นน้ำจิ้มนี่ก็ใส่เพียงเล็กน้อยพอให้มีรสชาติก็พอเจ้าค่ะ ส่วนต้มปลานั่นก็ใส่ให้มากหน่อยรสชาติจะกลมกล่อมมากขึ้นเจ้าค่ะ” ปรับรองว่าซดจนแม้แต่น้ำก็ไม่เหลือแน่
ซู้ดดดดดดดดด
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“รักษากิริยาเจ้าด้วยเถิดจิวเหมย”
“ก็ข้าขำพวกท่านนี่นา ตอนแรกที่ข้าจะใส่มะขามเปียกลงไปพวกท่านทำหน้าเหมือนจะได้กินยาขม แล้วดูตอนนี้สิเจ้าคะแม้แต่น้ำก้นหม้อก็ไม่เหลือ” เสียงซดน้ำต้มยำปลาของน้องสาวนางก็ดังใช้ได้ทีเดียว ท่านน้าลู่ไป๋ถึงกับหน้าแดงคงจะขัดเขินไม่น้อย “เอาไว้ข้าจะทำให้กินอีกนะเจ้าคะ ที่แม่น้ำยังมีปลาอีกเยอะ ส่วนที่จับมาวันนี้ข้าจะทำปลาตากแห้งไว้กินหน้าหนาว พี่เสี่ยวอิงช่วยข้าด้วยนะเจ้าคะ”
“ได้เจ้าค่ะ แต่พี่ว่าหากเรามีปลาเยอะก็ควรจะทำไว้เยอะนะเจ้าคะคุณหนู ยิ่งได้ยินเรื่องสงครามหากเรามีอาหารเก็บไว้เยอะเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีเท่านั้นเจ้าค่ะจะได้ไม่ต้องซื้อแพงๆจากคนอื่นมากนัก”
“ข้าก็เห็นด้วยกันที่เสี่ยวอิงพูด ไว้ข้าจะตกปลามาให้เจ้าตากแห้งไว้เยอะๆเราจะได้ไม่ขาดแคลนอาหาร” ได้ฟังคำแนะนำของทุกคนนางเองก็เห็นด้วย เพราะหากหิมะตกพวกเขาก็จับปลาไม่ได้แล้ว
“น้องก็จะช่วยตกด้วยเจ้าค่ะ”
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
นางตระเตรียมเปิดเหลาอาหารที่ปรับปรุงจากโรงเตี๊ยมหมิงอันในวันพรุ่ง โต๊ะเก้าอี้ถูกจัดไว้อย่างดีเป็นสัดส่วน ภายในเหลาอาหารก็ตกแต่งอย่างสวยงามราวภาพวาด ต้นไม้ตกแต่งถูกนางกว้านซื้อมาปลูกในกระถางแล้วยกไปประดับตามมุมต่างๆของร้าน ป้ายโรงเตี๊ยมหมิงอันถูกเปลี่ยนเป็นป้ายสีแดงตัวหนังสือสีทองที่มีอักษรตัวเดียวที่แปลว่าร่ำรวย
“เหลาอาหารฟู่”
“ชื่อดีใช่ไหมล่ะ ข้าคิดเองเลยนะ”
“แน่นอนสหาย ย่อมเป็นชื่อที่ดี ก็เจ้าชอบคำว่ารวยนี่นา” จ้าวไท่หลงจิ้มขนมเม็ดขนุนเข้าปากทีเดียวสามลูกอย่างอารมณ์ดี วันพรุ่งเหลาอาหารที่มีขนมที่เขาชอบก็จะเปิดเป็นวันแรกอีกทั้งยังมีขนมที่เขาชอบอยู่ในรายชื่ออาหารสำหรับเดือนนี้ด้วย “เจ้าให้ท่านพ่อของข้ามาเป็นผู้เปิดจะดีหรือ ท่านพ่อของเจ้าเล่า ท่านแม่ทัพเองก็มีหน้ามีตาในราชสำนักไม่น้อยไปกว่าท่านพ่อของข้าเลยนะ ทั้งยังเป็นสหายขององค์ฮ่องเต้อีกด้วย”
“นี่เจ้ากินขนมหวานมากไปจนหลงลืมหรืออย่างไรว่าท่านพ่อของข้าไปชายแดนตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน”
“ใช่ พี่ใหญ่ของข้าก็ไปด้วย ข้าลืมไป ข้าเองก็อยากช่วยนะแต่ไม่รู้จะช่วยเช่นไร” สถานการณ์ทางชายแดนตึงเครียดไม่น้อยแต่นางก็ยังตัดสินใจเปิดเหลาอาหารตามกำหนดเดิม อีกอย่างแคว้นฉู่เองก็ยังไม่มีทีท่าจะส่งสารท้ารบเพียงแต่ตรึงกำลังไว้เท่านั้นจนท่านพ่อเองก็ยังเอ่ยปากว่าจนใจจะรู้ว่าพวกนั้นจะทำอะไร
“ทำใจให้สบายเถิด หากถึงเวลาเดี๋ยวเราก็ได้ช่วยเองนั่นแหละ แต่ตอนนี้เจ้ามาช่วยข้าก่อนอย่ามัวแต่กินขนม”
“โธ่ จิวเหมย นี่ข้าช่วยเจ้าติดไอ้ผ้าม่านนี่มาตั้งแต่เช้าแล้วนะ ให้ข้าพักบ้าง”
“ก็มันยังไม่เสร็จแล้วเจ้าก็พักนานพอแล้ว ลุกมาช่วยข้าติดตรงนี้หน่อย” งานง่ายๆสบายๆยังจะบ่นไม่เลิก
“แล้วแม่ครัวพ่อครัวล่ะเจ้าจะหามาจากที่ใด ข้าไม่เห็นเจ้ารับสมัครเลย”
“ข้าก็ว่าจะคุยกับเจ้าเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ข้าว่าจะเอาพวกขอทานมาเป็นคนงานในเหลาอาหารเจ้าคิดเช่นไร”
“ก็ได้แต่คงต้องเลือกคนซักหน่อย ให้ข้าช่วยสินะ เจ้าอยากได้กี่คนล่ะข้าจะให้คนของท่านพ่อไปจัดการให้”
“ซักสิบคนก่อนก็แล้วกัน หากใครมีแววพอจะทำอาหารได้เจ้าก็ให้คนเลือกมาด้วยเลยนะ”
“เช่นนั้นเจ้าให้พี่เสี่ยวอิงมาช่วยเจ้าต่อก็แล้วกันข้าจะรีบไปจัดการให้ อ้อ เตรียมขนมไว้ให้ข้าด้วยนะ” เดี๋ยวนี้คุณชายรองวรยุทธล้ำเลิศขึ้นมาก ไม่ทันไรก็หายตัวแวบไปแล้ว นางเห็นครั้งแรกถึงกับตาโตร่ำร้องอยากจะเรียนบ้าง
“คุณหนูเจ้าคะ มีคนมาเชิญคุณหนูไปพบนายของพวกเขาที่จวนเจ้าค่ะ”
“ใครกันหรือพี่เสี่ยวอิง”
“สาวใช้ของอนุรองจากจวนท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตอนเเรกเหมือนคนพี่จะทำคะเเนนได้ดี หลังๆนี่หายไปเลย ส่วนคนน้องเด่นมาก ทำคะเเนนทุกวัน เลือกไม่ได้5555
อยากให้จิวเหมยมีวิชายุทธ์ด้วยจัง จะได้ไม่ต้องกลัวใครมารังแก
เมื่อไหร่จะแก้แค้น
ท่านน้าไป๋ลู่ต้องไม่ธรรมดา ฮูหยินรองเตรียมรับกรรมจร้า
เราอ่านครั้งแรกรวดเดียวเลย ยังแปลกใจนี้เราข้ามเรื่องนี้
ไปได้ไง 555 หลังจากนี้จะเม้นต์ให้ทุกตอนนะคะ
อ่านเพลินเลยลืมเม้นต์เลย แต่กดให้กำลังมจทุกตอนค่ะ
นางมารมาวุ่นวายอะไรอีก ไม่ได้เอ่ยถึงสักนิด นางเอกเราเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ยังสงสัยท่านน้าถูกทำร้ายมาน่าจะเป็นวรยุทธ์ แต่เขาเป็นใครน่าสนใจทีเดียว
อ้าวพ่อยังไม่จัดการนังอนุรองอีกเหรอ
ขอบคุณค่ะ
สงสัยยัยอนุรองอยากเจ็บตัว
ขอบคุณค่ะ