ตอนที่ 1 : หญิงแกร่งในโลกใบใหม่
เดี๋ยวจะปรับแก้เนื้อหาและรีไรท์หลังเขียนจบนะคะ อ่านกันไปก่อนเนาะ
จันทร์ จันทรสุบรรณ ตำแหน่ง แพทย์ประจำหน่วยนาวิกโยธินของประเทศมหาอำนาจ ปัจจุบันอายุยี่สิบแปด สถาณภาพ โสด ครอบครัวมีพ่อ แม่ และน้องสาว ปัจจุบัน เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางทหาร(โดนระเบิด)
ตายอย่างอนาถ คือคำจำกัดความของนางผู้เคยเป็นหมอฝีมือดีของกองทัพ เก่งกาจทั้งทางบู๊และบุ๋น เจริญรอยตามผู้เป็นบิดาได้อย่างงดงาม แต่เพราะสงครามระหว่างประเทศที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นในยุคสองพัน ความตายได้มาเยือนนางโดยไม่ทันตั้งตัว แม้ความสามารถเป็นที่ประจักษ์และได้รับการคุ้มครองอย่างแน่นหนาราวกับคนสำคัญระดับประเทศแต่กำแพงหนาก็ไม่อาจต้านทานระเบิดปรมานูลูกใหญ่ที่ถล่มค่ายทหารจนไม่เหลือชิ้นดี มอบความตายให้นางอย่างอนาถและนำพานางมายังโลกใบใหม่
“แค่กๆ”
“ค่อยๆดื่มเถิด เจ้าหลับไปนานร่างกายยังอ่อนเพลียนัก” ตากลมโตจ้องมองชายชราตรงหน้าด้วยความงุนงง จำได้ว่าก่อนที่สติของนางจะดับวูบไปนางถูกแรงอัดของระเบิดปะทะจนร่างกายแทบแหลกสลายแต่ในเวลานี้แม้จะยังรู้สึกเจ็บปวดยามขยับตัวแต่ก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่นัก “ลิขิตสวรรค์ใครจะหยั่งรู้ได้ เจ้าได้มาที่นี่นับว่าเป็นวาสนา”
“ที่นี่...ที่ไหนคะ”
“ที่ที่จะเป็นบ้านใหม่ของเจ้าอย่างไรเล่า นอนพักอีกซักหน่อยเถิด เจ้ายังมีเวลาอีกมากที่จะได้เรียนรู้”
“แล้วคุณเป็นใครคะ”
“ข้ารึ ข้าก็เป็นท่านตาคนใหม่ของเจ้าอย่างไรเล่า” ดวงตากลมโตดุจดั่งแม่กวางสาวกวาดสายตามองบ้านหลังเล็กแต่จะเรียกว่าบ้านก็ไม่ถูกนักมันคล้ายกระท่อมมากกว่าแต่ก็ดูแข็งแรงแม้จะสภาพเก่าไปหน่อยก็เถอะ ไหนจะการแต่งกายก็ชายชราที่ช่วยเหลือนางและกล่าวอ้างว่าเป็นท่านตาคนใหม่นี่อีก ไหนจะภาษาที่แปลกหูฟังยากแต่ก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ทุกอย่างชี้ไปที่ความเป็นดั่งเดิมของอดีตหลายร้อยปีดั่งเช่นที่เคยเรียนรู้ประวัติศาสตร์มา “เป็นเช่นที่เจ้าคิด ที่แห่งนี้ไม่ใช่โลกใบเดิมที่เจ้าเคยอาศัยอยู่หรอกแม่นาง แต่เจ้ามาที่นี่ได้เช่นไรนั้นคือลิขิตสวรรค์”
“เกิดใหม่งั้นหรือ โอ๊ย!” ทันใดนั้นความเจ็บปวดที่ศรีษะก็จู่โจมนางกระหันทัน ภาพความทรงจำต่างๆมากมายหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดจนแทบทนไม่ไหว ก่อนที่จะหมดสติไปอีกครั้งนางได้เห็นภาพความเลวร้ายที่เด็กสาวผู้หนึ่งได้เผชิญ คนพวกนั้นใจร้ายกับผู้หญิงตัวเล็กผู้นี้อย่างถึงที่สุด
หมดสติไปนานเท่าใดไม่อาจรู้แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งความเจ็บปวดทุกอย่างก็หายไปจนสิ้นและแทนที่ด้วยความทรงจำต่างๆของร่างนี้ หญิงสาวไม่สิ ต้องเรียกว่าเด็กสาวที่วิญญาณของจันทร์มาใช้ร่างนี้มีนามว่า หลิวจิวเหมย เป็นบุตรสาวคนเดียวที่เกิดจากเยว่เหมยอิง อนุสามของแม่ทัพใหญ่หลิวตงเฉิน ดรุณีน้อยอายุเพียงสิบสองปีแต่ต้องมาตายอย่างอนาถเพราะถูกสัตว์อสูรทำร้าย แต่จะไม่ตายถ้าไม่ใช่เพราะถูกคนใจชั่วพวกนั้นหลอกให้มาตาย
ผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อ นางเข้าใจมันได้ดีที่สุด!
เพราะในชีวิตก่อนของนางนั้นกว่าจะประสบความสำเร็จและลบคำสบประมาทของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาได้ นางต้องก้าวข้ามความทุกข์ทรมานมามากมายนัก ความอ่อนแอของสตรีไม่เป็นที่ยอมรับของบุรุษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในค่ายทหาร จันทร์ต้องพิสูจน์ตัวเองและฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดหลายปี แต่ถึงอย่างนั้นพ่อของนางก็ยังคิดว่านางอ่อนแอ
“เจ้ามีความแค้นก็นับว่าเหมาะสม ดื่มยานี่ซะ เจ้าจะได้รู้สึกดีขึ้น”
“ขอบพระคุณท่านตา” นางรับถ้วยยามาถือและกลืนลงคออย่างง่ายดายแม้รสชาติจะขมจนแทบกลืนไม่ลงก็ตาม “ข้าขอถามท่านตาได้หรือไม่เจ้าคะว่าตอนนี้ข้าอยู่ที่ใด” ไม่จำเป็นต้องมากความ ในเมื่อนางรู้แล้วว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นางเคยอยู่และความทรงจำของหลิวจิวเหมยก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่านางหลุดมาอยู่ที่ไหน แต่ที่ไม่รู้คือตรงนี้ที่นี่นั้นตั้งอยู่ส่วนใดของเมืองเหลียงซาน เมืองหลวงแคว้นซานต่างหาก
“ส่วนลึกที่สุดของป่าที่เจ้าถูกสัตว์อสูรทำร้ายอย่างไรเล่า และเจ้าต้องอยู่ที่นี่ไปอีกซักระยะจนกว่าเจ้าจะพร้อม”
“พร้อมสำหรับสิ่งใดเจ้าคะ”
“สำหรับตัวเจ้าเอง ลิขิตสวรรค์นำพาเจ้ามาสู่ร่างของแม่นางหลิว เป็นชะตาที่เจ้ามิอาจหลีกเลี่ยง และภายหน้าเจ้าจะต้องพบเจอกับบททดสอบอีกมากมายนัก เจ้าจึงต้องพร้อมสำหรับทุกอย่างและข้าจะเป็นคนสอนเจ้าเอง” นี่คงไม่ต้องมาศึกษาสมุนไพรและพลังต่างๆดั่งเช่นในนิยายปรัมปราของยุคสองพันหรอกใช่หรือไม่ “เป็นดั่งเช่นที่เจ้าคิด ก่อนอื่นเจ้าต้องฝึกให้ร่างกายของเจ้าให้แข็งแรงขึ้นเสียก่อน เรื่องนี้ข้าคงไม่ต้องสอนกระมัง”
“เจ้าค่ะ ข้าสามารถฝึกมันด้วยตัวเองได้” จันทร์คือหญิงสาวที่ผ่านมาแล้วทุกสมรภูมิ กีฬาต่างๆที่ต้องใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายนางเชี่ยวชาญพอๆกับทักษะเสริมอื่นๆ แม้แต่เทรนเนอร์ฟิตเนสยังต้องมาขอคำแนะนำ ร่างกายของหมอสาวนั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยเป็นที่น่าอิจฉา แต่นางจะให้แม่นางหลิวคนนี้มีกล้ามเป็นมัดๆดั่งเช่นนางในโลกก่อนคงจะหาสามีไม่ได้เป็นแน่ “ข้าจะเริ่มฝึกมันตั้งแต่วันนี้เจ้าค่ะท่านตา”
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จันทร์ในร่างแม่นางหลิวก็ฝึกร่ายของตัวเองอย่างหนักหน่วง วิ่งขึ้นเขาลงเขาทุกวันจนเหนื่อยหอบ วันแรกเหนื่อยจนแทบสลบหากไม่ได้ยาสมุนไพรของท่านตาช่วยชีวิตไว้เกรงว่ากล้ามเนื้อจะอักเสบจนเดินไม่ได้ แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็เริ่มทำได้ดีขึ้นจนหนึ่งเดือนให้หลังนางก็ไม่เหนื่อยหอบจนแทบตายอีกต่อไป ร่างกายเริ่มมีกล้ามเนื้อสวยแต่ยังคงอ้อนแอ้นบอบบางเช่นเคย แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาตราบใดที่ร่างกายแข็งแรง
“เมื่อร่างกายเจ้าแข็งแรง ปราณข้างในก็จะแข็งแรงตามไปด้วย” ท่านตาเริ่มสอนนางฝึกควบคุมลมปราณมาได้สามวันแล้ว การทะลวงจุดตันเถียนต่างๆนั้นผ่านไปด้วยดีแต่ก็สร้างความเจ็บปวดแทบตายเช่นกัน สามวันมานี้นางสัมผัสได้ถึงพลังงานสายหนึ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายก่อนจะใช้ปราณนำทางพลังงานนั้นไปยังจุดตันเถียนต่างๆ ร่างกายนางร้อนวาบขึ้นจนเหงื่อไหลชุ่มไปทั้งตัวแต่ไม่นานหลังจากนั้นร่างกายของนางก็ขับของเสียต่างๆออกมาทางผิวหนัง เหงื่อไคลกลายเป็นสีดำน่าสยดสยอง ทำให้นางรู้ว่าร่างกายของแม่นางหลิวนั้นเต็มไปด้วยพิษร้ายมากมายขนาดไหน
“ท่านตา”
“ร่างกายเจ้าไม่มีพิษหลงเหลืออยู่แล้ว และต่อไปก็คงไม่มีพิษใดสามารถทำร้ายเจ้าได้อีก”
“ขอบพระคุณท่านตาที่ช่วยเหลือเจ้าค่ะ”
“เป็นเจ้าที่ไม่ยอมแพ้ พลังธาตุสายหนึ่งของเจ้านั้นเป็นธาตุดำ(เฮย)และขาว(ไป๋) ซึ่งเป็นธาตุที่หาได้ยากยิ่ง ธาตุทั้งสองนั้นรวมเป็นหนึ่งเดียวสามารถทำลายและรักษาได้ในคราเดียว ทำให้ผู้ที่ครอบครองพลังธาตุสายนี้ไม่มีสิ่งใดมาทำอันตรายผู้ครอบครองได้ ดั่งเช่นพิษในตัวเจ้า พลังของธาตุดำช่วยทำลายพิษและพลังของธาตุขาวช่วยรักษาร่างกายภายในที่ต้องพิษของเจ้าให้สมบูรณ์ดังเดิม”
“มหัศจรรย์”
“ธาตุทั้งสองยังจะช่วยให้พลังของเจ้านั้นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น หากปราณของเจ้าแข็งแกร่งมากเท่าใด เจ้าก็จะยิ่งสามารถใช้ธาตุทั้งสองนี้เอื้อประโยชน์แก่เจ้าได้มากเท่านั้น” เช่น ใช้เป็นพลังโจมตีศัตรู ธาตุดำจะกลายเป็นดั่งพิษร้ายที่จะกัดกินร่างกายของผู้ที่โดนพิษจนตายได้เพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อหากผู้ใช้ธาตุไม่ส่งธาตุขาวเข้าไปช่วย “เจ้าสามารถใช้ธาตุดำฆ่าทหารทั้งกองทัพได้ภายในครั้งเดียวเชียวนะ” หากปราณแข็งแกร่งมากๆนางก็จะสามารถส่งธาตุดำครอบคลุมคนทั้งกองทัพได้ คิดภาพตาม ทหารนับแสนนายล้วยตายตกเพราะโดนธาตุดำกัดกินร่างกายสิ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
“แล้วแบบนี้ถ้ามีคนรู้ว่าข้ามีธาตุนี้อยู่ล่ะเจ้าคะท่านตา ข้าจะไม่เป็นอันตรายหรอกหรือ!”
“ธาตุสายนี้นับว่าตรวจสอบได้ยาก หากเจ้าไม่ใช้พร่ำเพรื่อก็ย่อมไม่มีผู้ใดล่วงรู้”
“แล้วธาตุขาว...”
“ธาตุขาวเอื้อต่อการรักษา ไม่ว่าโรคใดก็รักษาได้ แม้แต่กับคนใกล้ตาย” โอ เอ็ม จี (OMG) “เพียงเจ้าสัมผัสตัวและส่งธาตุขาวเข้าไปในร่างกายของผู้ที่เจ้ารักษา เพียงเท่านี้ธาตุขาวก็จะรักษาคนผู้นั้นเองโดยเจ้าไม่ต้องทำสิ่งใดนอกจากขายสมุนไพรบำรุงร่างกาย” ขี้โกงมากๆจ้ะ “นี่เป็นของขวัญจากสวรรค์สำหรับเจ้าผู้เดินทางมาไกล”
“มาเพื่อช่วยโลกแท้ๆ” หลังจากรู้ว่าตัวเองมีธาตุใดในร่างกาย ท่านตาผู้ขยันก็สอนเรื่องสมุนไพรต่อในทันทีและนางผู้เป็นหมอที่เชี่ยวชาญทุกแขนงก็ไม่ทำให้ท่านตาผิดหวัง เพราะสามารถจดจำสมุนไพรแทบทุกตัวทั้งมีพิษและไม่มีพิษได้หมดในเวลาไม่ถึงสิบวัน แต่ก็ยังมีอีกหลายชนิดที่ไม่อาจะรู้ได้ บทเรียนถัดไปก็คือการปรุงยา อันนี้ค่อนข้างยากเพราะการเป็นหมอในโลกก่อนนั้นนางทำเพียงจ่ายยาเท่านั้นไม่ได้ผลิตยาเอง แต่การเรียนรู้ของผู้ฉลาดนั้นไม่ได้ยากเย็นนักเพราะนางสามารถทำความเข้าใจและลงมือทำได้โดยไม่ติดขัด แต่ที่นางสงสัยมากที่สุดคือ “ท่านตาไม่สอนวรยุทธิ์ข้าหรือเจ้าคะ”
“เจ้าก็ฝึกของเจ้าอยู่แล้วอยู่มิใช่หรือ นั่นก็เรียกว่าวรยุทธิ์ได้เช่นกัน” ไอ้พวกมวยไทย คาระเต้ เทควันโต ฮับกิโด้ นี่เรียกวรยุทธิ์ได้แล้วหรือ! “เจ้าสง่างามยามเคลื่อนไหวด้วยท่วงท่าเหล่านั้น หากเจ้าใช้ร่วมกับธาตุดำที่เจ้ามีก็นับว่าเป็นผู้เยี่ยมยุทธิ์ได้ อีกอย่าง ข้าไม่เป็นวรยุทธิ์ ข้าเป็นเพียงตาเฒ่าที่รู้เรื่องสมุนไพรและสวรรค์ก็เมตตาให้ข้าได้สอนเจ้าก็เท่านั้น”
“ท่านตา...”
“และข้าได้สอนเจ้าไปหมดแล้ว ถึงเวลาของเจ้าที่จะกลับไปยังที่ๆแม่นางหลิวจากมา”
“แล้วข้าจะได้เจอท่านตาอีกหรือไม่เจ้าคะ”
“หากสวรรค์เมตตา เจ้าก็เตรียมตัวไว้ อีกสองวันข้าจะไปส่งเจ้าที่ทางเข้าป่าและหากไม่จำเป็นเจ้าอย่าได้กลับมาที่แห่งนี้อีก หากเป็นไปได้ก็จงลืมตาเฒ่าผู้นี้เสีย วาสนาของเจ้าหากสวรรค์เมตตาก็คงได้พบพานกันอีก” คิดแล้วก็ใจหาย เพราะท่านตาเป็นคนแรกและคนเดียวที่อยู่กับนางยามเมื่อมาเยือนโลกใหม่ สั่งสอนนางต่างๆมากมายจนชีวิตนี้ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณให้หมดได้เช่นไร
สองวันต่อมาหลิวจิวเหมยก็ได้ออกจากป่าที่อาศัยอยู่มาร่วมปี ท่านตาออกมาส่งนางพร้อมกับห่อสมุนไพรมากมาย ก่อนจากลาท่านไม่ได้พูดสิ่งใดกับนางแม้แต่คำเดียว ทันทีที่นางพ้นแนวชายป่าออกมาท่านตาก็หายจากสายตาไปในทันทีและป่าทั้งป่าก็ปิดทางเข้าจนแทบมองไม่เห็นด้านใน จะว่าตกใจก็ตกใจแต่ก็รู้ว่าป่านี้มันไม่ธรรมดา
“เอาวะ ไหนๆก็ได้ชีวิตใหม่มาแล้ว ลองดูก็ไม่เสียหาย ข้าจะช่วยชำระแค้นให้เจ้าเองแม่นางหลิว” มือกระชับห่อผ้าบนไหล่แล้วออกเดินมุ่งตรงไปยังกำแพงเมืองที่มองเห็นอยู่ไกลลิบ ป่านนี้ไม่รู้ท่านแม่ทัพผู้เป็นพ่อจะรู้หรือยังว่าแม่นางหลิวหายไปและได้ตายจากไปเรียบร้อยแล้ว
เดินจนเมื่อยเท้า รองเท้าฟางที่ไส่มาก็ขาดวิ่นจนไม่เหลือชิ้นดี ยังดีที่ลากมันมาถึงในเมืองได้ และที่แรกที่นางไปก็คือร้านขายสมุนไพรเพื่อเอายาที่ท่านตาทำไว้มาขายเพื่อแลกเป็นเงิน นางจะได้มิเงินไว้ใช้สอยบ้างก่อนจะกลับเข้าจวน แต่นางคิดว่าอาจจะต้องหาโรงเตี๊ยมอยู่สักวันสองวันเพื่อดูลาดเลาเสียก่อน
“มีสิ่งใดให้ช่วยหรือไม่แม่นางน้อย”
“ข้ามาขายสมุนไพรแบบเม็ดเจ้าค่ะ ท่านรับซื้อหรือไม่เจ้าคะ”
“คงต้องขอดูสมุนไพรของแม่นางก่อน” นางหยิบเม็ดยาในห่อผ้าส่งให้ผู้ดูแลร้าน เขารับไปแล้วหายไปทางหลังร้าน นานทีเดียวจนนางคิดว่าโดนขโมยเสียแล้ว ก่อนที่คิดจะเดินตามเข้าไปชายหลังค่อมก็เดินกลับออกมาได้จังหวะพอดี “ข้ายินดีรับซื้อสมุนไพรทั้งหมดนี้ของแม่นาง ข้าให้ห้าสิบตำลึงทอง แม่นางพอใจหรือไม่”
“ขอบใจท่านลุงที่เมตตารับซื้อ” ท่านตาบอกว่าอาจจะขายได้แค่ยี่สิบตำลึงทองเท่านั้น ถือว่าได้กำไร อิอิ
หลังรับเงินแล้วก็เดินหาโรงเตี๊ยมที่ไม่ใหญ่มากเพราะนางไม่ได้อยากเป็นจุดสนใจ ด้วยสภาพของนางตอนนี้ก็ไม่มีผู้ใดสนใจอยู่แล้ว เดินหาไม่นานนางก็สามารถเช่าโรงเตี๊ยมหนึ่งห้องได้ในราคาคืนละห้าตำลึงเงิน สองคืนก็หนึ่งตำลึงทองเท่านั้นถือว่าสมเหตุสมผล “ทำไมคึกคักจังเลย”
“ท่านแม่ทัพหลิวรบชนะกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง คาดว่าอีกไม่นานคงจะถึงขอรับแม่นาง” ท่านพ่อ!
มาถึงก็มีเรื่องสนุกเลย นางเลือกห้องที่หน้าต่างสามารถมองออกไปเห็นถนนด้านหน้าโรงเตี๊ยมได้ ท่านพ่อเพิ่งจะกลับเข้าเมืองหลวงนั่นแปลว่าท่านพ่อยังไม่รู้ว่านางโดนลวงให้ออกไปตาย อยากจะรู้จริงๆว่าฮูหยินใหญ่จะให้คำตอบกับท่านพ่อเรื่องนางว่าเช่นไร แค่คิดถึงความวุ่นวายที่จะตามมาก็น่าสนุกแล้ว
หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จนางก็เดินทอดน่องซื้อของใช้ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า เสื้อผ้าสำหรับบุรุษเพื่อความคล่องตัว และของอื่นๆอีกเล็กน้อยตามความสวยงามที่นางพอใจ ทุกอย่างแปลกใหม่และค่อนข้างน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนางผู้ซึ่งมาจากอนาคตเป็นพันๆปีต่อจากนี้ แม้แต่ซาลาเปาก็ลูกใหญ่ไส้เยอะน่ากินแบบสุดๆ
วันรุ่งขึ้นนางเปลี่ยนชุดเป็นชุดสำหรับชายก่อนจะออกเดินเที่ยวรอบเมืองระหว่างรอขบวนของแม่ทัพหลิวซึ่งก็คือท่านพ่อของนาง แม้นางจะเป็นบุตรีที่เกิดจากอนุสามแต่ท่านพ่อก็ให้ความรักแก่นางเสมอมา ออกจะรักนางมากด้วยซ้ำเหตุเพราะอนุสามหรือท่านแม่ของนางนั้นเป็นสตรีที่ท่านพ่อรักและหมายมาดจะแต่งเข้าจวนแต่เพราะได้รับสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ทำให้ต้องแต่งฮูหยินใหญ่เข้าจวนก่อน จากนั้นก็มีอนุรองเข้ามาอีกคน แต่ถึงอย่างนั้นท่านพ่อก็ยังคงรักท่านแม่และหาได้มีสัมพันธ์ทางกายกับฮูหยินใหญ่และอนุรอง นางจึงเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนเพียงผู้เดียวไม่มีพี่น้องคนอื่น แต่เมื่อสองสามปีหลังท่านแม่ของนางสิ้นใจตายจาก ฮูหยินใหญ่ก็ตั้งท้องให้กำเนิดบุตรซึ่งเป็นหญิงเช่นเดียวกับนาง อายุเพียงสี่หนาวเท่านั้น นางไม่มีปัญหาเพราะเช่นไรท่านแม่ก็ตายไปแล้วและท่านพ่ออาจจะเหงาก็เป็นได้
ก็ไม่รู้ว่าแม่นางหลิวไปเหยียบตาปลาผู้ใดเข้าเขาถึงได้ตามเอาชีวิตจนตายแบบนี้
“นั่นๆ ขบวนท่านแม่ทัพมาถึงแล้ว” ชาวบ้านต่างกู่ร้องยกย่องสรรเสริญท่านพ่อของนางกันอย่างอื้ออึง ขบวนกองทัพของทหารเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ยังจุดที่นางยืนมากขึ้นเรื่อยๆจนร่างแกร่งบนหลังม้าปรากฏต่อสายตา
ท่านพ่อยังคงงดงามและสง่างามเหมือนเช่นเคย ร่างกายสูงใหญ่องอาจสมเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นซาน ดวงหน้าเรียบนิ่งดวงตาคมดุมองตรงไปด้านหน้าไม่ไหวติงแม้จะมีประชาชนมากมายยกย่องสรรเสริญมาตลอดทางก็ตาม นางจ้องมองผู้เป็นบิดาและส่งพลังงานสายหนึ่งให้เกิดลมบางๆพุ่งไปปะทะท่านพ่อ สายตาคมดุนั่นตวัดมามองยังตรงที่นางยืนอยู่ก่อนที่ตาคมนั้นจะเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย นางจึงชี้ไปที่โรงเตี๋ยมที่นางอยู่ ท่านพ่อพยักหน้าแล้วหันกลับไป แค่นี้ก็พอแล้ว
ในขณะที่นางกำลังหันหลังกลับเข้าโรงเตี๊ยมไปสายตาคมดุของท่านแม่ทัพใหญ่ก็มองตามแผ่นหลังบางของบุตรสาวที่เกิดจากหญิงอันเป็นที่รัก หลังจากแม่ของนางตายจากไปเขาก็อยู่แต่ในค่ายทหารไม่ได้สนใจใยดีนางนัก กลับจวนแต่ละครั้งฮูหยินใหญ่ก็เป็นผู้รายงานความเป็นอยู่ของนางหาได้พบหน้ากันบ่อยครั้งเช่นยามแม่ของนางยังมีชีวิตอยู่ไม่ แม้จะรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยแต่หน้าที่ก็สำคัญ แล้วนางมาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร จวนของเขาอยู่ห่างจากเส้นทางนี้มากนักเหตุใดนางจึงได้มาอยู่ที่นี่ผู้เดียวเช่นนี้ คงต้องรีบเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้วรีบมาพบนางเสียแล้ว
“นั้นคุณหนูใหญ่นี่ขอรับท่านแม่ทัพ เหตุใดนางมาอยู่ที่นี่ได้” องครักษ์ข้างกายมองตามสายตาผู้เป็นนายไปก็เห็นสตรีบอบบางนางหนึ่งที่เขาเองก็คุ้นหน้าคุ้นตาไม่น้อย จะไม่คุ้นได้เช่นไรก็นางเป็นบุตรสาวคนโตของผู้เป็นนาย
“ให้คนตามนางไป อย่าให้คลาดสายตา” สิ้นเสียงคำสั่ง เงาสายหนึ่งก็พุ่งทยานออกไปในทันที
หลิวตงเฉินพร้อมแม่ทัพนายกองทุกคนล้วนเข้าเฝ้าฮ่องเต้ผู้ครองบัลลังก์มังกรของแผ่นดินซาน หลังรบชนะเหนือแคว้นโหวที่ยืดเยื้อมานานหลายปี เสียไพร่พลไปก็มากแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คุ้มค่ามากเช่นกัน แคว้นโหวอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากร อาหาร น้ำ ประชาชนไม่เคยอดอยาก เหตุนี้ทำให้กองทัพที่มีขนาดกำลังพลน้อยกว่าแคว้นซานถึงได้ต้านทัพใหญ่ได้นานหลายปีเช่นนี้
“ทำดีมาก เจิ้นพอใจในพวกเจ้าทุกคน เจ้าอยากได้รางวัลใดจากเจิ้นหรือไม่แม่ทัพหลิว”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท แต่รางวัลนั้นกระหม่อมไม่อาจรับไว้แต่เพียงผู้เดียว สมควรมอบให้แก่ทหารทุกคนอย่างเท่าเทียมพ่ะย่ะค่ะ” ผู้สูงศักดิ์ที่นั่งบนบัลลังก์มังกรหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีก่อนจะมีคำสั่งให้เสนาบดีคลังจัดสรรรางวัลแก่ทหารกล้าทุกคนอย่างทัดเทียมตามคำขอของผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเจ้าเดินทางเหน็ดเหนื่อยก็ไปพักเถิด อย่ามาเสียเวลาเฝ้าเจิ้นกันเลย” ท่านแม่ทัพใหญ่มองฮ่องเต้บนบัลลังก์มังกรที่เป็นทั้งองค์เหนือหัวและสหายตั้งแต่ครั้งยังเยาว์อย่างเบื่อหน่าย นี่คงไม่ได้หาเวลาออกเที่ยวนอกวังอีกหรอกใช่หรือไม่ถึงได้ใล่พวกเขาให้กลับกันเร็วเช่นนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องใส่ใจเพราะมีเรื่องด่วนให้ต้องจัดการ
“ไปโรงเตี๊ยมหมิงอัน” พ่อบ้านสกุลหลิวค่อมหัวรับคำสั่งของผู้เป็นนายของจวนแล้วไปยังจุดหมายทันที
ฟากหลิวจินเหมยที่รอคอยท่านแม่ทัพใหญ่อยู่ในห้องก็เอาแต่กินแล้วก็นอนเพราะไม่รู้จะทำสิ่งใด จะออกไปเดินเล่นก็กลัวจะคลาดกับท่านพ่อแต่ก็ไม่รู้ว่าท่านพ่อจะมาถึงเมื่อไหร่ ซาลาเปาที่ซื้อมาสี่ลูกหมดลงอย่างรวดเร็วเพราะความอร่อยแต่ถึงเช่นนั้นท้องน้อยๆก็ร้องครวญครางเพราะหิวไม่หยุด
“เมื่อไหร่ท่านพ่อจะมานะ ข้าหิวจนแสบท้องหมดแล้ว” นอนกลิ้งอย่างเบื่อหน่ายไปมาจนเตียงยับยู่ยี่ หมดสิ้นความเป็นกุลสตรีที่ท่านแม่พร่ำสอน ชั่วอึดใจที่กำลังจะเคลิ้มหลับก็มีเสี่ยวเอ้อมาเคาะห้องแจ้งว่ามีคนมาขอพบ ร่างบางเด้งตัวลุกจัดแจงเสื้อผ้าในทันทีแล้วให้เสี่ยวเอ้อพาคนผู้นั้นเข้ามา “คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ”
“เหมยเอ๋อร์ เหตุเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่!” ท่านแม่ทัพใหญ่เอ่ยซักถามบุตรสาวทันทีโดยไม่ทักทาย จิวเหมยชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะสั่งเสี่ยวเอ้อให้ยกน้ำชาและอาหารเข้ามาสองสามอย่าง “เจ้าจะบอกพ่อได้หรือยัง”
“ท่านพ่อคงเหนื่อยไม่น้อย พักสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”
“เหมยเอ๋อร์! ตอบคำถามพ่อ”
“ตอนที่ท่านพ่อไม่อยู่ ลูกได้รับความยากลำบากไม่น้อยเจ้าค่ะ เพียงแต่ลูกไม่อาจปรักปรำผู้ใดโดยไร้หลักฐาน ก่อนหน้านี้ลูกถูกอุบายลวงให้ออกจากจวนเข้าไปในป่าทมิฬกาล กว่าจะรู้ว่าถูกหลอกก็ถูกสัตว์อสูรในป่านั้นทำร้ายปางตาย แต่มีท่านตาผู้หนึ่งเมตตาช่วยเหลือลูกจนรอดมาได้ ลูกเพิ่งกลับเข้าเมืองหลวงก่อนท่านพ่อจะกลับมาเพียงหนึ่งวันเจ้าค่ะ” สันกรามของชายชาติทหารขบเข้าหากันจนเกิดเสียง แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าฮูหยินใหญ่ของตนไม่ใคร่จะชอบบุตรสาวคนนี้นักแต่เขาก็ยังคิดน้อยเกินไปที่หวังว่านางจะดูแลบุตรสาวคนโตผู้นี้เป็นอย่างดีเช่นที่นางเคยให้สัญญา “ลูกจะยังไม่กลับไปที่จวนในตอนนี้ ลูกอยากให้ท่านพ่อให้ความเป็นธรรมแก่ลูกด้วยเจ้าค่ะ”
“พ่อต้องให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าแน่ลูกพ่อ แต่เจ้ายังเล็กนัก พ่อจะทิ้งให้เจ้าอยู่ที่ผู้เดียวได้เช่นไร กลับจวนกับพ่อแล้วพ่อจะสอบสวนผู้คนในจวนให้รู้ความแน่ชัด เจ้าจะได้รับความเป็นธรรมเป็นแน่เหมยเอ๋อร์”
“ลูกอยู่ได้สบายมากเจ้าค่ะ อย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่ที่จวน...ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงแม่ใหญ่จะไม่ไคร่เอ็นดูลูกนักแต่ก็ใช่จะใจยักษ์คิดฆ่าลูกได้” ท่านพ่อครุ่นคิดอยู่ซักครู่ก็พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่นางจะสื่อ ถ้าไม่มีคนคอยเสี้ยมมีหรือที่หญิงสาวหัวอ่อนเช่นแม่ใหญ่จะกล้าฆ่าคน “ลูกอยู่ที่นี่ได้สบายเจ้าค่ะ ท่านพ่ออย่าได้เป็นห่วง”
“จะไม่ให้ห่วงได้เช่นไร เจ้าเป็นสตรีนะลูกพ่อ ข้างนอกมันอันตรายยิ่งนัก หากเจ้ายืนยันจะอยู่ข้างนอก เช่นนั้นให้พ่อส่งสาวใช้มาดูแลเจ้าดีหรือไม่ มีผู้ดูแลย่อมดีกว่าอยู่เดียวเช่นนี้นะเหมยเอ๋อร์”
“ลูกอยู่เดียวสะดวกกว่าเจ้าค่ะ”
“หากลูกยืนยันเช่นนี้พ่อก็จะเชื่อใจเจ้า เช่นนั้นก็รับนี่เอาไว้ใช้จ่าย” นางรับมาแล้วแหวกถุงใบเล็กดูก็พบว่ามีเงินอยู่หลายตำลึงทองนอนอยู่ในนั้น นี่มันมากกว่าที่นางขายสมุนไพรได้เสียอีก
“ลูกขอบพระคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ”
“พ่อต้องกลับก่อน เจ้าก็อย่าเล่นซนให้มากนักเข้าใจหรือไม่ พ่อจะรีบพาเจ้ากลับจวนให้เร็วที่สุด” ก็ไม่ค่อยอยากกลับเท่าไหร่หรอกถ้ายังมีผู้หญิงพวกนั้นอยู่ ท่านแม่ของนางก็ตายไปแล้วกลับไปก็ไม่มีใครอยู่ดีท่านพ่อเองก็ใช่จะอยู่ที่จวนตลอดเวลา อยู่นอกจวนเช่นนี้นางทำอะไรได้สะดวกกว่ามาก ไม่ต้องคอยเกรงสายตาผู้ใด เป็นอิสระไม่ใช่สตรีห้องหอที่อยู่ในแต่ในจวนไม่เห็นโลกภายนอก “แม่ของเจ้าต้องโกรธเคืองพ่อเป็นแน่ที่ดูแลเจ้าไม่ดี” เห็นหน้าตาเศร้าสร้อยของท่านพ่อจิตใจของเด็กสาวก็อ่อนยวบ
“ท่านแม่จะโกรธท่านพ่อได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ ท่านพ่อก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ เป็นลูกเองที่โง่เขลาให้พวกเขาหลอก”
“พ่อจะต้องลงโทษคนที่คิดร้ายกับเจ้าแน่นอนลูกพ่อ” ได้ยินแบบนี้ค่อยเบาใจ
“ข้าเชื่อท่านพ่อเจ้าค่ะ”
ท่านแม่ทัพใหญ่ออกจากโรงเตี๊ยมแล้วกลับไปขึ้นรถม้า ในใจนั้นคุกรุ่นไม่น้อยกับเรื่องที่ได้รับรู้จากบุตรสาว ไม่คิดว่าสตรีที่งดงามแลดูอ่อนหวานมาตลอดพวกนั้นจะทำร้ายเด็กตัวเล็กๆเช่นเหมยเอ๋อร์ได้เช่นนี้
“ให้องครักษ์เงาส่วนหนึ่งคอยตามดูแลความปลอดภัยให้นาง แต่อย่าให้นางรู้ตัวเป็นอันขาด”
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไม่ได้อ่อนแออ่อนโยนเหมือนเดิมแล้วนะ
เเราอยากให้เปลี่ยนตรงดำกับขาวเป็นธาตุมืดกับแสงจะได้อ่านลืไหล
- พ่อไม่ส่งคน?
เนื้อหาก็มีเยอะเดินเรื่องเร็วก็ดีแล้ว จะให้บรรยายยันสีเสื้อลายดอกในชุดทุกวันทุกตอนกะใช่เรื่อง
ใจเย็นๆ ค่อยๆอ่าน นักวิจารณ์ที่ดี ต้องศึกษาให้ครบก่อนแล้วค่อยวิจารณ์..
ตัวละครเยอะให้จับคู่จับต้นชนปลายเยอะดี
ส่วนตัวผมชอบในระดับที่อ่านละเบาสมอง ค่อยๆแก้ปมชีวิต ถือว่าผ่าน อาจมีคำผิดบ้าง แต่อยู่ในเกณฑ์ดี
ออกทะเลบ้างให้เนื้อเรื่องตัวละครมีงานทำ น่าอ่านแล้ว
แถม อ่านฟรี ..
ขอบคุณ คนเขียนเรื่องนี้ครับ
คือเราคิดว่าไม่ใช่ว่านักเขียนทุกคนเขียนไปเขียนมาจะต้องเพอร์เฟกหมดทุกคน เราว่ามันไม่ตายตัวนะเพราะคนเราคิด ชอบจินตนาการ ไม่เหมือนกันไม่มีแบบที่เป๊ะๆหรอก
สนุกมากๆๆๆลงอีกตอนได้ไหมค่ะ
ชอบค่ะ
อยากให้ไรท์แก้ไขนะคะ นางเอกโดนระเบิดนิวเคลียร์ยิงถล่มฐานทัพอันนี้ถูกต้อง แต่ถ้านางเอกโดนระเบิดปรมานูยิงถล่มฐานทัพอันนี้เป็นไปไม่ได้ค่ะ
รัก * ใคร่
ใช่รัชทายาทไหม?
ขอบคุณครับ