ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ‘TFBOYS’ { Šhh… [Silent Honey Heart]} (KaiYuan) 'ㅅ'

    ลำดับตอนที่ #6 : LESSON V : Friend (Re-Up)

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 58


    ‘TFBOYS’ { Šhh… [Silent Honey Heart]} (KaiYuan) ''

     

    LESSON V : Friend  

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ;:/.\YUAN…PART/.\:;

     

    วันต่อมาผมโรงเรียนเอง เพราะวันนี้ผมไม่อยากรบกวนจุนไค ถึงจะยังรู้สึกหวั่นๆอยู่นิดหน่อยก็ตาม ว่าจะทำอย่างที่จุนไคบอกเมื่อวานได้รึเปล่า แต่ในเมื่อผมตัดสินใจแล้ว ผมก็คงต้องทำแล้วก็ต้องไม่กลัวผลที่จะตามมาด้วย ถึงจะไม่มีคนสนใจแต่ผมก็จะไม่ยอมตกอยู่ในฐานะที่ต้องคอยทำตามที่คนอื่นบอกให้ทำตลอดไปหรอกนะ

     

    ผมเดินเข้าไปในห้องก่อนจะตรงไปยังโต๊ะของตัวเองที่อยู่กลางห้อง โต๊ะของห้องเราจัดเป็นแบบแยกกันไม่มีโต๊ะไหนติดกัน ทำให้เวลาเดินไปยังโต๊ะของตัวเองสะดวกขึ้น

     

    “เฮ้!! นายนายกากอนามัย งานแก้ของฉันเสร็จยังอ่ะ ถ้าเสร็จแล้วฝากไปวางบนโต๊ะอาจารย์ด้วยนะ” เพื่อนผู้หญิงคนนึงที่ผมไม่อยากจะจำชื่อเดินปะแป้งเข้ามาถามผมก่อนจะเดินจากไปเม้าท์กับเพื่อนของเธอต่อหน้าห้อง

     

    ผมทำเป็นไม่สนใจราวกับเป็นเสียงนกเสียงกา เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เดินเข้าไปนั่งที่ของตัวเอง ก่อนจะหยิบสมุดจดย่อที่ผมมักจะอ่านแล้วก็จดใจความสำคัญของเรื่องต่างๆขึ้นมาอ่านทบทวน โดยไม่สนใจคนรอบข้าง

     

    “เฮ้ย!! ไอ้ใบ้ มัวอ่านอะไรของแกอยู่วะ ทำไมไม่รีบทำงานแก้ของพวกเรา เมื่อกี้เดินผ่านห้องพักอาจารย์ยังไม่เห็นเอาส่งสักชุดเลย” นักเรียนชายหัวเกรียนคนนึงเดินเข้ามาตบโต๊ะผมก่อนจะเรียกให้สายตาของผมเงยขึ้นไปสบกับมัน

     

    ผมหยิบกระดานคุงกับเมจิกจังขึ้นมาเขียนตัวอักษรลงไป

     

    งานของใครก็ทำเองดิ

     

    พอนายคนนั้นได้อ่านสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นโมโหขึ้นมาทันที

     

    “เดี๋ยวนี้กล้าแข็งข้อแล้วหรอวะ ทำไม!!..เก่งนักหรอ” มันกระชากคอเสื้อของผมขึ้นมาทำให้ร่างกายที่มีน้ำหนัก+ส่วนสูงเพียงน้อยนิดลุกขึ้นจากเก้าอี้ได้อย่างไม่ยากเย็น

     

    พร้อมกับลากไปยังกระดานหน้าห้องก่อนจะผลักผมกระแทกกับกระดานข้างหลัง

     

    พลั่ก!!!

     

    โอ๊ย เจ๊บชะมัดเลย ร่างของผมนี่แทบทรุด

     

    “อย่างนี้มันต้องสั่งสอนซะหน่อย จะได้ไม่กล้าหือกับพวกเราอีก” เพื่อนๆที่เห็นเหตุการณ์อยู่นั่น ได้แต่ยืนมองนั่งมองกันอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลย ราวกับกำลังดูละครหลังข่าวอยู่ยังไงยังงั้น

     

    ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียวที่จะเข้ามาช่วยผมหรือหยุดเค้า

     

    เฮอะ ผมนี่น่าสมเพชจัง เพื่อนที่คิดจะเข้ามาช่วยซักคนยังไม่มีเลย 5555555

     

    “กูให้โอกาสอีกครั้ง มึงจะยอมทำดีๆหรืออยากโดนซักทีสองที ก่อนค่อยทำได้” มันใช้หลังมือของมันตบหน้าผมไม่แรงนักสองสามที

     

    แต่ผมจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนี้อีกต่อไปแล้ว คิดว่าผมจะยอมพวกนายตลอดไปน่ะหรอ

     

    ผมหยิบชอล์กขึ้นมาก่อนจะเขียนลงที่กระดานข้างๆว่า

     

    ไม่ มี ทาง

     

    “อยากโดนมากใช่มั้ย ได้” มันยกกำปั้นขึ้นมาข้างนึงก่อนจะซัดเข้ามาอย่างแรง

     

    ผมมองกำปั้นนั่นตาไม่กระพริบก่อนจะใช้ฝ่ามือข้างเดียวหยุดหมัดนั่นไว้

     

    ทำให้สีหน้าตกใจปรากฏขึ้นบนหน้าของคนที่ปล่อยมันออกมา

     

    ผมใช้จังหวะนี้ผลักมันให้ออกไปจากตัวผมก่อนจะใช้ขาเล็กๆของตัวเอง เหวี่ยงขึ้นที่ระดับหัวของฝ่ายตรงข้าม ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนทั้งห้อง

     

    แต่ก่อนจะปลายเท้าของผมจะเตะไปที่หัวของมัน ผมก็หยุดไว้ซะก่อน ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ถือชอล์กเขียนข้อความต่อไป

     

    อย่ามายุ่งกันฉัน ไม่งั้นเจอดีแน่ ก่อนจะลดขาลงแล้วเดินออกจากห้องไป แล้วห้องที่เงียบไปชั่วขณะเมื่อกี้ก็กลับมาเสียงดังอีกครั้งแต่ผมไม่สนใจใจความที่พวกนั้นคุยกันหรอก

     

    ผมเลือกแล้วที่จะไม่ยอมตกอยู่ภายใต้ใครทั้งนั้น เป็นอย่างที่จุนไคบอกจริงๆ พอทำดูแล้วมันรู้สึกโล่งแปลกๆ เดี๋ยวต้องรีบรายงานทางโน้นหน่อยซะแล้ว

     

    อ่อ ลืมบอกไปน่ะครับ ว่าผมเคยเรียนเทควันโดเมื่อตอนอยู่บ้านนอกอ่ะครับ เรียนกับเฮียผมเอง จะว่าไปผมก็ได้สายดำตั้งแต่อายุ 7 ขวบแล้วมั้งถ้าจำไม่ผิด เมื่อกี้เป็นแค่เบาะๆเองอ่ะครับ เบสิคๆ พื้นๆ ไม่ได้ใส่แรงอะไรเลย แต่ก็ทำให้หมอนั่นยืนแข็งไปทั้งตัวไม่ขยับไปไหนได้ ก็ไม่เลวเหมือนกันนะเนี่ย แสดงว่าฝีมือผมยังไม่ตกสินะ ยังคงใช่ได้อยู่

     

     

     

     

     

     

     

     

    Silent Honey Heart

     

     

     

     

    ที่โรงอาหารตอนเที่ยงก็เป็นเหมือนกันโรงเรียนรัฐบาลทั่วไปแหล่ะครับ แล้วด้วยความที่นักเรียนมีเยอะเลยทำให้พอเสียงออดบอกเวลาเที่ยงทีไร เปรียบเสมือนการแข่งขันวิ่ง 400X100 เมตรยังไงยังงั้นเลยครับ คือใครมาก่อนได้ก่อนอ่ะครับ มาช้าคืออดไม่มีข้าวกินแน่ๆ

     

    ผมที่ไม่ค่อยชอบที่แออัดเท่าไหร่เลยเลือกที่จะซื้อขนมปังกับนมหนึ่งกล่องแล้วออกมานั่งกินที่ม้านั่งใต้ร่มไม้ข้างสนามบาสดีกว่า และก็แน่นอนที่สุดคือ ผมนั่งคนเดียวครับ มันก็เป็นอย่างนี้ทุกวันจนผมชินแล้วอ่ะครับ

     

    แต่วันนี้ดูจะไม่ชินเท่าไหร่นะ

     

    “นั่งด้วยได้มั้ย พอดีที่นั่งที่อื่นมันเต็มหมดแล้วอ่ะ” ผู้ชายหน้าตาคมเข้มบวกกับเสียงคุ้นๆเหมือนผมเคยได้ยินมาก่อนเมื่อเร็วๆนี้มาขอผมนั่งด้วย

     

    แต่เมื่อผมลองมองดูไปรอบๆก็พบว่ายังมีที่ว่างอีกเป็นสิบ

     

    และยังไม่ทันที่ผมจะตอบ ไอ้คนมาขอนั่งก่อนจัดการวางจานข้าวแล้วก็นั่งลง และตักข้าวใส่ปากกินเรียบร้อยแล้ว

     

    “นายชื่อหวัง หยวน ใช่ป่ะ??”

     

    ผมพยักหน้าเป็นคำตอบให้เค้าเป็นคำตอบ

     

    ก็จะให้ผมทำยังไงล่ะครับในเมื่อผมสามารถตอบโต้คู่สนทนาได้แค่เพียงคำว่า Yes, No , OK แค่เนี่ย

     

    “ฉันได้ยินข่าวเมื่อเช้าแล้ว นายโคตรเจ๋งเลยว่ะ ถึงจะดูไม่ค่อยหน้าเชื่อซะเท่าไหร่ก็เถอะ” เอ๊ะไอ้นี่ ต้องการจะซื่อถึงอะไรกันแน่

     

    “ฉันชื่อเชียนซีนะ อี้หยางเชียนซี ยินดีที่ได้รู้จัก”

     

    อี้หยางเชียนซี ตอนรับปี 2000 5555555

     

    ผมหลุดหัวเราะออกมาทำให้เชียนซีที่กำลังกินข้าวอยู่ถึงกับทำหน้าไม่เข้าใจพร้อมกับเอียงคอหน่อยๆ

     

    “นายตลกอะไรของนาย” ผมปัดมือแกล้งทำเป็นไม่มีอะไร ใครจะบอกล่ะว่าก็หัวเราะชื่อนายนั่นแหล่ะ คนอะไรชื่อแปลกชะมัด

     

    “ที่เค้าว่านาย...เอ่อ...เป็นใบ้อ่ะ จริงป่ะ” ผมส่ายหน้าให้กับคำถามนี้ ก็จริงๆแล้วผมไม่ได้เป็นใบ้หนิ แค่มีความผิดปกติทางเส้นเสียงเฉยๆ หมอบอกว่ามีวิธีรักษาได้ แล้วสามารถกลับมาพูดได้เหมือนเดิม

     

    “แล้วทำไมนายไม่พูดอ่ะ” เอ่อ คือจะให้อธิบายยังไงให้เค้าเข้าใจดี

     

    ผมค้นหาปากกากับเศษกระดาษเผื่อจะได้อธิบายให้เชียนซีเข้าใจได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่มีมีแต่โทรศัพท์

     

    ผมเลยพิมพ์ใส่โน้ตในโทรศัพท์แล้วชูให้เค้าอ่าน

     

    ฉันคอไม่ค่อยดีอ่ะ เลยไม่ค่อยพูด...อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”

     

    “งั้นฉันขอยืมโทรศัพท์นายแป๊บนึงได้มั้ย?” เอ๊ะทำไมผมคุ้นๆวิธีแบบนี้จัง เหมือนเคยเจอมาแล้ว

     

    แต่ผมก็ได้แต่ยื่นโทรศัพท์ส่งไปให้เชียนซีแบบงงๆ

     

    “ก็ดูเหมือนนายจะไม่ค่อยมีเพื่อน...” เรียกว่าไม่มีเลยจะดีกว่า

     

    “...งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันนะ” พูดเสร็จแล้วเค้าก็ยื่นโทรศัพท์ส่งคืนมาให้ผม ผมดูที่หน้าจอก็พบว่ารายชื่อเพื่อนในไลน์ของผมมีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว

     

    จึงทำให้รู้ว่าเมื่อกี้เชียนซีเอามือถือผมไปทำอะไร

     

    ผมก็ได้แต่ยิ้มบางๆภายใต้หน้ากากอนามัย ก็คนมันดีใจนี่ครับ นึกว่าเกิดเรื่องเมื่อเช้าขึ้นแล้วจะไม่มีคนกล้าเข้ามายุ่งกับผมซะแล้ว

     

    รู้สึกว่าตอนนี้ชีวิตผมจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่เป็นในทางที่ดีขึ้นก็ว่าได้มั้ง หรือว่าพระเจ้าเริ่มสงสารผมแล้วหลังจากที่ลงโทษให้ผมต้องพบเจอกับอะไรมามากมาย ตอนนี้ถึงคราวผมมีความสุขแล้วสินะ *ยิ้ม*

     

     

     

     

    Silent Honey Heart

     

    “........................ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อกลับมาใหม่ภายหลังค่ะ ตู้ด..ตู้ด..ตู้ด........” หน้าจอที่มีข้อความปรากฏว่า ปะป๊านั่นโชว์อยู่สักพักก็ดับไป ไร้ซึ่งการตอบรับจากปลายสายที่โทรไปหา

     

    ถึงแม้ว่าเค้าจะโทรมาเป็นรอบที่สิบแล้วก็เถอะ นี่นับแค่เบอร์นี้นะ ไม่นับเบอร์ที่ขึ้นชื่อว่า ม๊าด้วย นี่ก็ยี่สิบว่าสายแล้ว

     

    เค้าได้แต่กดล็อคหน้าจอและนั่งกอดเข่าตัวเองท่ามกลางแสงจันทร์ยามกลางคืนที่สอดส่องเข้ามาทางหน้าต่างอย่างเดียวดายเช่นทุกคืน

     

    ผมคิดถึง ป๊ากับม๊า นะครับ 

     

     

     









     150518 12.12 : แอนกลับมาแล้วคร้าาาาาาา หลังจากหายไปนาน (ก็ไม่ค่อยนานเท่าไหร่เนาะ) ตอนนี้จะเรียกได้ว่าต้าเก้อไร้ตัวตนเลยก็ว่าได้ เชียนหยวนล้วนๆไม่มีแมวผสม 555555 ตอนหน้าจะจัดไคหยวนหนักๆแทนละกันนะคะ เส้นอิเก้อมัน 55555

    ปล. เม้นท์เยอะๆ หัวไรท์แล่นเร็วน้า 5555

    #FicShhKaiYuan

     

    。SYDNEY♔
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×