ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ‘TFBOYS’ { Ü [Unconditionally]} (KaiYuan) 'ㅅ'

    ลำดับตอนที่ #3 : LESSON II : No Reason 'ㅅ'

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.พ. 58


    ‘TFBOYS’ { Ü [Unconditionally]} (KaiYuan) ''

     

    LESSON II : No Reason

     

     

     

     

     



     

     

     

     

    ---<<JUNKAI Part>>---

     

    เช้าวันใหม่ครั้งแรกที่ โซล เกาหลีใต้ เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ก่อนจะเปิดม่านมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงพระอาทิตย์สอดส่องเข้ามาเมื่อม่านเปิดออก เช้าวันนี้เป็นเช้าที่สดใสหลังจากที่ผ่านเรื่องร้ายๆหลายอย่างมา วันใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว ผมต้องเริ่มใช้ชีวิตใหม่ที่นี่กับน้องชายของผม หวังหยวน

     

    “อือ...แสบตาจัง” เสียงเล็กครางออกมาอย่างน่ารักด้วยน้ำเสียงขุ่นๆนิดหน่อยเพราะมีอะไรมาทำลายการนอนของเขา

     

    ผมมองไปยังร่างข้างๆที่ยังคงนอนคลุมโปงไม่ยอมตื่นนอนอยู่

     

    “เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” ผมแย่งผ้าห่มมาจากอีกฝ่าย เพื่อให้เขาลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันได้แล้ว

     

    “ไม่เอา...ผมอยากนอนต่ออ่ะ” แต่ดูท่าแล้วอีกคนก็ดื้อไม่ใช่เล่น ไม่ยอมลุกง่ายๆ แถมยังพยายามยื้อผ้าห่มของตัวเองไว้อีกแล้วก็ส่งลูกอ้อนมาให้เขาอีกต่างหาก

     

    “นะ นะ นะครับ อีก 10 นาที นะครับ” นั่นไงลูกอ้อนมาอีกดอกแล้วไง

     

    “10 นาที เท่านั้นนะ” ผมก็ยอมคนง่ายซะด้วยสิ เฮ้อ ไม่น่าเลยเรา

     

    ตอนนี้ ประมาณ 11 โมงแล้วครับ รู้รึยังว่าทำไมผมถึงบอกให้หยวนตื่นได้แล้ว ถึงจะยังไม่ถึงวันที่ต้องไปโรงเรียน แต่เราก็ไม่ควรตื่นสายจริงมั้ยล่ะครับ เดี๋ยวพอไปโรงเรียนได้สายกันพอดี

     

    อีก 1 วัน พวกเราถึงจะไปโรงเรียนกัน เพราะว่าพึ่งทำเรื่องย้ายมาเลยต้องไปคุยรายละเอียดกับทางโรงเรียนก่อน ทำเอกสารอะไรอีกไม่รู้เยอะแยะ ซึ่งเรื่องนี้คุณลุงกับคุณป้าเป็นคนจัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ เหลือแต่วันนี้เราจะไปหาซื้อชุดยูนิฟอร์มกัน ตอนที่ผมอยู่ที่อเมริกาไปโรงเรียนสามารถใส่ชุดอะไรไปก็ได้ ไม่เคยได้ใส่ยูนิฟอร์มสักที แต่ที่นี่วัฒนธรรมหลายๆอย่างมันต่าง เรื่องนี้ผมก็คงต้องใช้เวลาปรับตัวสักพัก

     

    เริ่มจากที่บ้านก่อนเป็นอันดับแรก จากที่เคยอาบน้ำอาทิตย์ละ 3 ครั้ง เพราะอากาศที่โน้นมันหนาวก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นอาบทุกวัน เวลากินข้าวจากที่เคยกินแต่ขนมปังก็เปลี่ยนมากินข้าวแทน

     

    และมีอีกเรื่องที่ผมไม่ค่อยเข้าใจก็คือ ภาษาครับ ตอนอยู่เมกาก็ใช้แต่ภาษาอังกฤษมาโดยตลอด แต่มาอยู่ที่นี่กลับต้องใช้หลายภาษาเลย ที่บ้านใช้จีนกลาง ผมก็สามารถพูดได้นิดหน่อย ที่โรงเรียนน่าจะใช้ภาษาเกาหลี แล้วผมจะเรียนรู้เรื่องมั้ยเนี่ย สงสัยคงต้องให้หยวนช่วยแล้วล่ะ

     

    “อ้าว พี่แคร์รี่กินข้าวเช้าแล้วหรอครับ?” หยวนที่พึ่งเดินเช็ดผมลงมาจากชั้นสองถามขึ้น ขณะที่ผมกำลังนั่งดูทีวี เอ่อเรียกว่านั่งเปลี่ยนช่องเล่นจะดีกว่า เพราะเปิดไปช่องไหนก็มีแต่ภาษาเกาหลีที่ผมฟังไม่รู้เรื่องทั้งนั้น

     

    “ยังอ่ะ แต่เรียกว่าข้าวเช้าได้อยู่หรอนี่จะเที่ยงแล้ว นายจะกินอะไร?” ผมกดปิดทีวีก่อนจะลุกจากโซฟาแล้วเดินมายังส่วนของห้องครัว

     

    บ้านของคุณลุงมีสองชั้นครับ สำหรับที่นี่ถือว่าเป็นบ้านหลังใหญ่เลยทีเดียว มีตัวบ้านมีห้องอยู่หลายห้อง มีห้องรับแขกที่ผมนั่งดูทีวีเมื่อกี้ ห้องครัวที่ติดกันและมีห้องอาหารภายในตัว มีห้องทำงานของคุณลุง ห้องสปาของคุณป้า ชั้นสอง มีห้องนอน 3 ห้อง ห้องนึงของคุณลุงคุณป้า ห้องนึงของลูกชายพวกเขาแต่ตอนนี้ไม่อยู่ และห้องสุดท้ายของผมกับหยวนครับ ก็ประมาณนี้

     

    วันนี้ทั้งคุณลุงกับคุณป้าออกไปทำธุระข้างนอก ทำให้ผมกับหยวนต้องอยู่บ้านกันสองคน แถมแปะโน้ตบอกไว้ว่าไปซื้อชุดยูนิฟอร์มกันเองด้วยเอาบัตรเครดิตวางไว้ให้แล้ว

     

    “ไปกินข้าวข้างนอกกันมั้ย” หยวนเป็นคนเสนอความคิด อื้มก็ไม่เลวนะจะได้ไปเปิดหูเปิดตาด้วย

     

    OK Let’s Go

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ว้าว นี่สินะที่เค้าเรียกกันว่าโซลน่ะ” รู้สึกว่าหยวนจะตื่นเต้นเป็นพิเศษที่ได้ออกมาข้างนอก

     

    หลังจากที่เราซื้อชุดยูนิฟอร์มเสร็จแล้ว ผมก็พาเขามาเดินเที่ยวเล่นที่ย่านการค้าแห่งหนึ่งที่มีผู้คนเดินช้อปปิ้งกันอย่างคับคั่ง

     

    เขาเดินไปดูร้านต่างมากมาย บ้างก็แวะร้านนั้นบ้างล่ะ ร้านโน้นบ้างล่ะ จนคนเดินตามอย่างผมนี่สิต้องมาเหนื่อย เฮ้อพลังงานเยอะจังเลยน้าาาา เด็กคนนี้

     

    “พี่แคร์รี่ดูนี่สิครับ น่ารักมั้ย” เขาแวะดูที่หน้าร้านตุ๊กตาก่อนจะชี้ให้ผมดูตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล

     

    แต่จู่ๆ เขาก็ล้มลงไปนอนที่พื้น อย่างที่ผมไม่ทันตั้งตัว

     

    เร็วกว่าความคิด ผมรีบวิ่งเขาเข้าประคองร่างเล็กที่หมดสติไปเฉยๆไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะใช้หลังมือตบหน้าเขาเบาๆเพื่อให้เขาฟื้นขึ้นมา

     

    “หยวน หยวน นายเป็นอะไร ตื่นสิหยวน หยวน” แต่ก็ไม่เป็นผล คนตัวเล็กไม่รู้สึกตัวอะไรเลย ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา ผมใช้นิ้วชี้เอาเข้าไปใกล้จมูกเขาเพื่อวัดการหายใจของเขา ปรากฏว่า ลมหายใจของเขาอ่อนมาก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ผมต้องพาเขาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้

     

    ผมจัดการอุ้มหวังหยวนที่นอนแน่นิ่งอยู่กับที่ขึ้น แล้วรีบวิ่งฝ่าฝูงชนที่เข้ามามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้ ผมตรงไปที่โรงพยาบาลทันที ถึงแม้ไม่รู้จักทางแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

     

    หยวน อย่าเป็นอะไรนะ นายห้ามเป็นอะไรเด็ดขาดเลยนะ

     

     

     

     

     

     

     

    ---<<YUAN Part>>---

     

    “อือ...อือ” ความรู้สึกแรกที่ผมได้รับหลังจากตื่นขึ้นมาคือปวดหัวตึบๆยังไงก็ไม่รู้ และก็กลิ่นยาที่ฉุนจมูกแต่ผมกลับชินเสียแล้ว เพราะตอนอยู่ที่จีนผมก็เข้าโรงพยาบาลบ่อยจนเรียกได้ว่าเป็นบ้านหลังที่ 2 ก็ว่าได้

     

    “ฝืนแล้วหรอ นายเป็นไงบ้าง” เสียงแรกที่ได้ยินหลังจากฝืนขึ้นมา ถ้าจำไม่ผิดเค้าคือพี่ชายของผมใช่มั้ย จุนไค ไม่ใช่สิ แคร์รี่

     

    “นะ...น้ำ ขะ..ขอน้ำหน่อย” ผมพูดติดๆขัดๆ เพราะขาดน้ำมาเป็นเวลานาน

     

    “อ่ะนี่ ค่อยๆลุกนะ” เขาประคองผมลุกขึ้นช้าๆ ก่อนจะส่งแก้วน้ำกับหลอดมาให้ผม

     

    “ขอบคุณครับ” ค่อยยังชั่วหน่อย

     

    “เป็นไงบ้างเรา เป็นอย่างที่แม่เราบอกไว้ไม่มีผิด” บุคคลที่สองที่ผมได้พบหลังจากฝืนคือคุณลุงและตามมาด้วคุณป้าที่นั่งอยู่ที่โซฟา

     

    “ก็ปวดหัวนิดหน่อย แต่ก็ดีขึ้นแล้วครับ” ที่จริงก็ไม่นิดนะครับ แต่ไม่อยากให้คุณลุงคุณป้าเป็นห่วงเลยตอบไปแบบนั้น

     

    “โกหก นายปวดก็บอกปวดสิ” แคร์รี่พูดกับผม ลืมไปเลยว่าเขารู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่

     

    “จริงหรอ ให้ลุงเรียกหมอให้มั้ย?” ก่อนที่คุณลุงจะกดออดเรียกหมอให้มาตรวจร่างกายผมอีกรอบ

     

    “ร่างกายปกติดีทุกอย่างนะครับ แต่หมอก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นลมวูบลงไปแบบนั้น” หมอเปิดดูแฟ้มที่นำมาด้วย แล้วก็ทำหน้างุนงงคิ้วขมวด(คุณลุงช่วยแปลให้น่ะครับ เลยเข้าใจว่าเขาพูดอะไร)

     

    “แม่เขาบอกว่าเป็นแบบนี้บ่อยน่ะครับ แต่พอไปโรงพยาบาลก็ไม่พบสาเหตุอะไร” คุณลุงชี้แจง

     

    “ฝาแฝดของเค้าเป็นเหมือนกันมั้ยครับ” แล้วทีนี้หมอหันมาถามแคร์รี่

     

    “ไม่นะครับ แข็งแรงดีไม่เคยเป็นโรค ไม่เคยป่วยเลยด้วยครับ”

     

    “น่าแปลกจริงๆ เคสนี้หมอไม่เคยเจอมาก่อน...ถ้ามีอะไรก็เรียกหมอได้ตลอดเวลาเลยนะครับ...แล้วก็ถ้าไม่มีอะไรแล้วสามารถกลับบ้านเลยนะครับ” ผมโค้งหัวให้คุณหมอเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินออกไปพร้อมกับพยาบาลสาวคนหนึ่ง

     

    “ถ้านายยังปวดหัวอยู่ก็นอนพักก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อน” ผมมองหน้าพี่ชายฝาแฝดที่คอยเป็นห่วงผมอยู่

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ วันพรุ่งนี้เราต้องไปโรงเรียนไม่ใช่หรอ ผมกลับไปนอนที่บ้านดีกว่า”

     

    “เอางั้นหรอ?”

     

    ผมพยักหน้าให้เขาเป็นคำตอบ

     

    “โอเคๆ กลับบ้านกันเนาะ” ผมรู้หน่าว่าเขาเป็นคนแพ้ลูกอ้อนตลอด ใช้ไม้นี้ทีไรได้ผลทุกที 555555

     

    นายนี่จริงๆเลย

     

    ผมแอบแลบลิ้นในใจ เขาคงไม่รู้หรอกใช่มั้ย แบร่ :P


















    150219 21.14 : เย้ๆ วันนี้สอบเสร็จเลยมาลงไว้ซักหน่อย 55555 เพราะถ้าไม่ลงวันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะลงวันไหนไง อีกสองอาทิตย์แอนก็จะสอบไฟนอลแล้ว แล้วก็จะปิดเทอมค่ะ เย้ๆๆๆๆๆๆ แต่ก่อนหน้านั้นจะผ่านไฟนอลไปได้รึป่าวนี้สิ เฮ้อ~~ #ลาตาย

    ถ้าปิดเทอมเมื่อไหร่นะ จะอัพให้อ่านกันวันเว้นวันกันเลยหรือไม่ก็ทุกวันเลย ดีมั้ยเอ่ย? 55555 รอให้ถึงวันนั้นซะก่อน เวิ่นอีกและ ไปแล้วค่าาาาา

    บาอิ้ง~~ 


    。SYDNEY♔
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×