คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : LESSON VI : Cough (Re-Up)
‘TFBOYS’ { Šhh… [Silent Honey Heart]} (KaiYuan) 'ㅅ'
LESSON VI : Cough
;:/.\YUAN…PART/.\:;
Wang Yuan : เฮีย
ทำไมป๊ากับม๊าไม่รับโทรศัพท์หยวนเลยอ่ะ
ผมพิมพ์ข้อความส่งไปหาพี่ชายที่อยู่บ้านนอก
Yang Yang : หยวน...นายยังจำไม่ได้อีกหรอ
เอาเหอะไว้เราค่อยคุยกันตอนนายกลับมา
ช่วงนี้เฮียยุ่งๆด้วย...ถ้าว่างเมื่อไหร่เดี๋ยวโทรหา
เป็นพี่ชายผมที่พิมพ์ตอบมาฝ่ายเดียว
พอข้อความสุดท้ายถูกส่งมา สัญญาณไฟสีเขียวที่บ่งบอกว่าออนไลน์ก็หายไป
ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทุกครั้งที่ผมถามเรื่อง
ป๊าม๊ากับเฮียทีไร เฮียเค้าก็เป็นแบบนี้ทุกที ผมก็แค่คิดถึงป๊ากับม๊าแค่นั้นเอง
‘ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง’ <---
เสียงออดยุคโบราณ
ใครกันนะมากดออดห้องผม ปกติไม่มีนี่นา ไม่ว่าจะวันธรรมดาหรือวันหยุดก็ตาม
หรือว่าเจ้าของหอจะมาทวงค่าหอหรอ แต่เอ
ผมก็จ่ายครบแล้วนี่นา หรือค่าน้ำค่าไฟ นี่ก็พึ่งจะต้นเดือนเองนะ แล้วใครกันล่ะ
ระหว่างที่กำลังคิดโน้นคิดนี่ผมก็เดินไปยังหน้าประตู
เอาไงดี งั้นขอส่องดูก่อนก็แล้วกัน
ผมเขย่งขาทั้งสองข้างขึ้นดูตาแมวที่ประตู
นี่เกือบไม่ถึง บอกไว้ก่อนนะครับ ผมไม่ได้เตี้ยนะ แค่ไม่ชอบกินนมตอนเด็กเฉยๆ
เค้าเรียกว่าตัวเล็กน่ารักอ่ะครับ เข้าใจมั้ย
เมื่อส่องดูที่ตาแมวแล้วก็ไม่พบอะไร
ยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปใหญ่
สงสัยคงเป็นเด็กโข่งแถวๆนี้มากดเล่นล่ะมั้ง ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง
‘ปิ๊งป่องๆๆๆๆ’
แต่พอก้าวไปได้แค่ก้าวสองก้าว
ก็มีเสียงออดดังขึ้นมาอีก แต่ครั้งนี้รัวกดมาเป็นสิบครั้ง
โอ๊ยรำคาญโว๊ย
ผมจัดการเปิดประตูออกไปแรงๆเพราะอารมณ์ขุ่นเคือง
“โอ๊ย!!!”
แต่ดูเหมือนการเปิดประตูของผมจะทำให้ใครบางคนต้องเจ็บตัวซะแล้ว
อ้าว จุนไคนี่นา
ผมรีบเข้าไปดูเค้าทันที
“เปิดประตูดีๆเป็นมั้ยเนี่ย”
เค้าว่าผมพรางลูบหัวของตัวเองที่โนขึ้นเพราะถูกประตูชนเข้าอย่างจัง
ผมได้แต่พนมมือไว้อย่างขอโทษ
ก่อนจะช่วยพยุงร่างของเค้าขึ้นมา
ผมชี้ไปที่ในห้องเป็นเชิงว่าให้เข้าไปนั่งพักในห้องก่อน
แล้วเค้าก็เดินตามเข้ามาในห้องผมอย่างว่าง่าย
ผมพาเค้ามานั่งที่เตียงของผม เพราะห้องของผมไม่มีโซฟารับแขก
“โอ๊ย เจ็บๆ” จุนไคพูดพร้อมทำท่าลูบหัวตัวเอง
ผมมองเค้าด้วยสายตาขอโทษ
ก่อนจะช่วยดูว่ามีแผลมั้ย
“นายจงใจแกล้งฉันรึเปล่าเนี่ย
เปิดมาได้ซะเต็มแรงเลย” ผมโบกมือปฏิเสธเค้าไป
ก่อนจะหยิบเอากระดานคุงกับเมจิกจังมาเขียนข้อความลงไป
‘เปล่าซะหน่อย...ว่าแต่นายมาทำอะไรน่ะ’
หลังจากที่ดูแผลแล้วว่าแค่หัวโนธรรมดาไม่ถึงกับหัวแตก
ผมก็เอาผ้าทำเป็นลูกประคบแล้วเอามาประคบที่หัวของเค้า
“กะว่าจะมาชวนนายไปข้างนอกด้วยกันหน่อย”
“แล้วก็เมื่อวานทำไมนายไม่รอไปโรงเรียนพร้อมฉันล่ะแล้วก็กลับพร้อมกัน
ไหนๆก็อยู่หอเดียวกันทางเดียวกันอยู่แล้ว”
ผมกำลังจะเขียนคำตอบลงไปแต่จุนไคกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“นายไม่ต้องบอกว่าเกรงใจหรืออะไรเลยนะ...ก็บอกแล้วไงว่าฉันเต็มใจ
นายจะไม่ยอมรับน้ำใจฉันหน่อยหรอ” คำพูดของเค้าทำให้ผมชะงักมือที่กำลังจะเขียนกระดาน
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองเค้า
ดวงตาของเค้าที่ฉายแววจริงใจทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ห้ามปฏิเสธด้วย” ผมได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ
นายดีกับฉันจริงๆนะ ขอบคุณนะ จุนไค
‘ว่าแต่เราจะไปไหนกันหรอ’ ผมถามเค้า
“เดี๋ยวไปแล้วก็รู้เอง”
ว่าแล้วเค้าก็จูงมือผมออกไปเลย
Silent Honey Heart
ที่ที่จุนไคว่าก็คือ
ห้างสรรพสินค้านั่นเอง แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าเค้าพาผมมาที่นี่ทำไม
ผมหันไปมองหน้าเค้าอย่างตั้งคำถาม
จริงๆแค่มาห้างไม่จำเป็นต้องพาเค้ามาด้วยนี่
แล้วร้านแรกที่เค้าพาผมเข้ามา
เป็นร้านเสื้อผ้าผู้ชาย
เค้าให้ผมมาช่วยเลือกเสื้อผ้าให้หรอเนี่ย
จุนไคเลือก
ชุดสองสามชุด แต่ผมว่ามันไม่ค่อยจะเข้ากับเค้าสักเท่าไหร่
เพราะมันไม่เหมาะกับสไตล์ของเค้าเลย
แต่ชุดที่เค้าเลือกทั้งหมดนั่น
เค้ากลับยื่นมาให้ผมก่อนจะหมุนตัวผมให้หันไปทางห้องลองชุด
“ไปลองให้ครบทุกชุดเลยนะ”
ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าเค้าพาผมมาทำอะไรที่นี่
ผมได้แต่เดินเข้าไปในห้องลองชุดอย่างขัดไม่ได้
เพราะเจ้าตัวขู่ไว้ว่า ถ้าไม่ลองดีๆจะเป็นคนเข้ามาช่วยลองให้ด้วย
ผมมองชุดที่แขวนอยู่บนราวแขวนเสื้อ
2-3 ชุดนั่นแล้วถอนหายใจ
คือผมก็เลยวัยที่จะใส่ไอ้ชุดพวกนี้มานานแล้วนะ
ชุดเอี๊ยมยีนส์ขาสั้นเนี่ย กับเสื้อลายกะลาสีเรือเนี่ย
แล้วก็ยังมีชุดน่ารักๆที่เหมาะสำหรับเด็กๆอีก
ผมลองชุดแรกก่อนจะเดินออกไปเพื่อให้เค้าดูว่าเป็นยังไง
ผมค่อยๆเปิดม่านออก
เพราะอายที่ตัวเองใส่ชุดนี้
ผมทำหน้าเชิงถามว่า
เป็นยังไง
แต่เค้ากลับไม่ตอบอะไรกลับมาเลยซักคำ
ทำเอาความมั่นใจของผมลดฮวบเลยทีเดียว
“น่ารักดีนี่นา”
คำพูดนั้นของเค้าทำให้ผมหน้าแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“แต่ว่ามันยังดูขัดๆอยู่นะ”
เค้าลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งรออยู่นั่นเดินเข้ามาหาผม
“ฉันว่าแบบนี้น่าจะดีกว่า” เค้าค่อยๆถอดหน้ากากอนามัยของผมออก
“ดูดีขึ้นเยอะเลย”
เพราะจุนไคเอาแต่ชมผมอยู่อย่างนั้นทำให้ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับเค้าได้แต่ก้มหน้างุด
“แต่ฉันว่า ถ้าจะให้ดีที่สุดต้องแบบนี้”
เค้าถอดแว่นตาของผมออกไปโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว
ผมหยีตาเพราะยังไม่คุ้นแสง แล้วเพราะผมสายตาสั้นมากเลยต้องใส่แว่นตลอดเวลา
แต่พอถอดออกผมก็มองเห็นสิ่งรอบตัวเป็นแค่ภาพมัวๆเท่านั้น
ผมใช้มือตัวเองควานหาแว่นตาที่หายไป
ก่อนจะหันไปพบกับใครคนนึง
คนคนนั้นก็คือจุนไคนั่นเอง
แต่ทำไมผมมองเห็นเค้าชัดเจนเลยล่ะ
“ฉันว่าฉันพานายไปซื้อคอนแทคเลนส์ดีกว่า”
“เอาแว่นเราคืนมา” ผมเผลอเอ่ยปากออกมา
แต่เสียงที่ออกมากลับเป็นเสียงที่แผ่วเบาเสียเหลือเกิน
แต่คนตรงหน้าผมกลับได้ยินมันชัดแจ๋ว
“นายพูดได้นี่ เมื่อกี๊นายพูดใช่มั้ย”
แล้วมันคงเป็นเรื่องที่อัศจรรย์สำหรับเค้าล่ะสิ
แต่กับผมนี่สิกลับทรมาน
“อะแค่กๆๆๆๆๆ” ผมไอออกมาอย่างต่อเนื่อง
มันเป็นอย่างงี้เสมอเวลาผมเผลอออกเสียงหรือเผลอพูดสักคำออกมา
ทำให้คอของผมเจ็บไปหมด
“เป็นอะไรไปอ่ะ นายเจ็บมากมั้ย”
เค้าที่กำลังตื่นเต้นที่ผมพูดได้
กลับเปลี่ยนมาเป็นตกใจทันทีที่ผมไอออกมาอย่างไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อไหร่
“ไปโรงพยาบาลมั้ย” เค้าถามด้วยความเป็นห่วง
ผมโบกมือปฏิเสธเบาๆ
ผมขอน้ำแค่แก้วนึงก็น่าจะหายแล้วล่ะ
“ฉันว่านายไม่ไหวแล้วล่ะ
มาเดี๋ยวฉันพานายไปโรงพยาบาลเอง” เค้าจูงมือผมไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน
“พี่ครับเอาชุดนี้เลยครับ”
แล้วเค้าก็จัดการยื่นบัตรเครดิตของตัวเองให้พนักงานทางร้าน
พอเสร็จแล้วก็รีบพาผมกลับมาที่รถของเค้าแล้วรีบพาผมไปยังโรงพยาบาลทันที
ตลอดทางที่เค้าพาผมมาหาหมอนั่น
ผมไอตลอดทางเลยครับ ใครที่อยู่แถวนั่นต่างมองมาที่ผมเป็นตาเดียว
“นายต้องไม่เป็นอะไรนะ หวังหยวน” เค้าบอกกับผมแบบนั้นก่อนที่พยาบาลจะพาผมเข้าไปในห้องตรวจ
ไม่นานผมก็ออกมาจากห้องตรวจ
“เป็นไงบ้าง ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย” จุนไคถามผมด้วยความเป็นห่วง
ผมเลยส่งไลน์ไป
Wang Yuan : ไม่เป็นไรแล้ว
ไม่ต้องเป็นห่วง
“ค่อยโล่งอกไปที นายทำให้ฉันตกใจมากเลยนะรู้มั้ย
กลัวว่านายจะเป็นอะไรไปซะอีก”
ผมส่งยิ้มให้เค้าเป็นเครื่องหมายว่าไม่เป็นไรแล้วจริงๆ
“งั้นเรากลับกันเลยมั้ย”
ผมพยักหน้าให้เป็นคำตอบ
จากนั้นเค้าก็พาผมกลับไปส่งที่หอเหมือนเดิม
150530 15.34 : รู้สึกหายไปนาน แหะๆ อีกสองวันแอนก็จะเปิดเทอมแล้ว จะพยายามอัพให้บ่อยที่สุดแล้วกันโนะ อย่าพึ่งทิ้งกันไปไหนนะคะ
ปล. คอมเม้นท์ให้เค้าหน่อยน้าาาาาาาาา
บาอิ้ง~~
ความคิดเห็น