ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ‘TFBOYS’ {β.Ö.Ỳ[Because Of You]} (KaiYuan) 'ㅅ'

    ลำดับตอนที่ #11 : LESSON VII : Show Time 'ㅅ'

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 57


    ‘TFBOYS’ {β.Ö.Ỳ[Because Of You]} (KaiYuan) ''

     

    LESSON VII : Show Time






     

     

     

     

    ---<<YUAN Part>>---

     

    และแล้ววันที่ผมอยากลบออกไปจากปฏิทินมากที่สุดก็มาถึง บอกผมทีว่ามันไม่จริง ไม่จริงใช่มั้ย แง วันนี้คือวันงานโรงเรียนไงล่ะครับ

     

    คร่ำครวญไปก็เท่านั้น เพราะตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว โดยมีมิสลี่อิน ครูประจำชั้นสุดที่รักนั่งแปลงโฉมให้ผมอยู่

     

    “หยวน หลับตานะจ๊ะ” มิสลี่อินบอกผมหลังจากที่ลงรองพื้นเสร็จ แล้วผมก็รู้สึกจั๊กจี้ที่ตาเมื่อมิสลงอายไลเนอร์

     

    แล้วก็ต่อด้วยอายแชโดว์ มาสคาร่า เขียนคื้วที่พึ่งกันเสร็จ(?) ปัดแก้ม ทาปาก และอีกมากมาย

     

    และเมื่อเวลาผ่านไปอย่างยาวนาน

     

    “เสร็จแล้วจ่ะ ลืมตาได้แล้ว” สิ้นเสียงมิสลี่อิน ผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นที่ละนิด

     

    ไม่อยากเห็นสภาพตัวเองตอนนี้เลย ต้องทุเรศมากแหง่ๆ ไม่เป็นไรหยวน ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นมัน

     

    มันลืมตาขึ้นมองกระจกตรงหน้าที่สะท้อนให้เห็นตัวเอง

     

    ผมกระพริบตาปริบๆ มองจ้องใบหน้าตัวเองในกระจก แต่ไม่ยักกะเห็นตัวเอง เห็นแต่หญิงสาวผมสั้นเหมือนผู้ชายแต่ สวยโคตรๆ อ่ะ

     

    “นี่ผมหรอครับ” ผมถามมิสลี่อินเพื่อความแน่ใจ

     

    “ใช่จ่ะ เป็นไงสวยล่ะสิ ฝีมือฉันซะอย่าง โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ” ครับมิส มิสเก่งที่สู๊ดดดดดดดดด เลย

     

    ตัดภาพมาที่ผม นี่ผมจริงๆหรอ ทำไมสวย น่ารักอย่างนี้ โอ๊ย ใจเต้นแรงเลยเนี่ย เดี๋ยวๆๆนะ ผมหลงรักตัวเองหรอ บ้ารึเปล่า?

     

    “ไม่เสียแรงที่ฉันตื่นตั้งแต่ตีสามมาแต่งหน้าให้เธอ อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ การแสดงวันนี้ต้องผ่านไปได้ด้วยดี” มิสลี่อินจับไหล่ทั้งสองข้างของผมเพื่อกำชับนักกำชับหนาเรื่องงานวันนี้  ผมไม่ได้เป็นคนที่จะทำงานพังซะหน่อย

     

    ผมที่ตื่นตั้งแต่ตีสามเหมือนกับมิสลี่อิน นั่งแต่งหน้าตั้ง 2 ชั่วโมง ก็นั่งสัปหงกอยู่อย่างนั้นด้วยเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น เพราะฝ่ายเสื้อผ้ายังไม่มาผมก็เลยต้องรอไปก่อน

     

    พอตีห้าเพื่อนๆก็ค่อยๆทยอยมากันมาเพราะมิสลี่อินนัดหกโมงเช้า

     

    ผมยังไม่อยากให้ใครเห็นสภาพผมตอนนี้ โดยเฉพาะไอ้มยองโฮเพราะถ้ามันรู้นะ มันล้อจนลูกของลูกของลูกของลูกผมอีกทีบวช ก็ยังไม่หยุดล้อ เชื่อผมดิ และก็อีกคนที่ยังไม่อยากให้เห็นคือจุนไค เพราะหมอนั้นแหล่ะถึงทำให้ผมต้องมาทำอะไรอย่างนี้ พูดแล้วก็เจ็บใจ ไอ้สัญญาบ้าบอนั้นน่ะ ผมไม่น่าไปท้ามันเลยเอาจริงๆมั้ย

     

    “เสื้อผ้ามาแล้ว” เพื่อนคนนึงตะโกนเข้ามาในห้องแต่งตัว

     

    ก่อนที่มิสลี่อินจะเดินเข้ามาพร้อมชุดราตรีแบบที่ผู้ดีอังกฤษสมัยก่อนเค้าใส่กัน สีชมพูพาสเทล เป็นสีที่ผมไม่ชอบที่สุดเลย มันดูมุ้งมิ้งเกินไป

     

    “มิสครับ ชุดนี้จริงๆหรอ” แต่ดูจากสีหน้าเธอแล้ว ผมก็รู้คำตอบทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยอะไรสักคำ เหมือนมองตาก็รู้ใจอะไรอย่างงี้อ่ะครับ ฮืออออออออ T_T

     

    มิสลี่อินมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะมาหยุดที่ตรงกลาง

     

    “แป๊บนึงนะ เดี๋ยวครูมาลืมของสำคัญบางอย่าง”

     

    ผมก็ไม่รู้อะไร เดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อ ก่อนจะนั่งทำใจอยู่แป๊บนึง

     

    ผมต้องใจจริงๆใช่มั้ยครับ เฮ้อออออออออออออออออออออออ อยากถอนหายใจให้โลกถล่มไปเลย

     

    และแล้วผมก็ตัดสินใจได้ จัดการรีบๆใส่ๆมันไปโลด จะได้เสร็จๆสักที ใครหัวเราะผม ผมจะตามไประเบิดถึงบ้านแน่คอยดู อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ เดี๋ยวเจอดีแน่

     

    ผมเดินออกมาจากห้องแต่งตัว พร้อมกับที่มิสลี่อินเดินเข้ามาพอดี พร้อมกับฟองน้ำและวิกผมยาวสลวย

     

    จากนั้นก็จัดการยัด(?) และใส่วิกให้ผม เป็นอันเสร็จสิ้นการแต่งตัว ดูเวลาอีกทีตอนนี้ เจ็ดโมงครึ่งแล้ว เราต้องแสดงตอน แปดโมงครึ่ง ซึ่งเหลือเวลาไม่มากแล้ว ผมเลยใช่เวลาที่เหลืออยู่นั่งท่องบทกันลืม

     

    “นายแต่งอย่างนี้ก็ดูดีเหมือนกันนะ”

     

    “เชี่ยยยยยยยยย” ผมอุทานออกมาขัดกับภาพลักษ์ภายนอกตอนนี้มาก

     

    “ตกใจหมด มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” ผมว่าให้จุนไคที่อยู่ๆก็เข้ามาข้างหลังผม รู้มั้ยผมรู้สึกไม่ปลอดภัย

     

    “จริงๆนะ นายแต่งอย่างนี้ไปโรงเรียนทุกวันเลยยิ่งดี สวยดีออก”

     

    “ไม่ล่ะขอบาย นายชอบก็แต่งเองดิ แล้วที่ฉันต้องมาแต่งอย่างนี้เพราะใครกันล่ะ” ผมละสายตาจากเค้ากลับมาอ่านบทของตัวเองต่อ

     

    “แล้วนายไม่ไปแต่งตัวหรอ” ผมเอ่ยขึ้น เพราะเมื่อกี้แอบเห็นว่าหมอนี่ยังไม่ได้ใส่ชุดของโรมิโอ

     

    “กำลังจะไปนี่แหล่ะ แค่อยากมาหานายก่อนแค่นั้นเอง” แล้วเขาก็เดินจากไป

     

    ทิ้งให้ผมนั่งงงอยู่คนเดียว

     

    ทำไมชอบพูดจาอะไรแบบนี้วะ รู้มั้ยทุกครั้งที่นายพูดมันทำให้ฉันใจเต้นแรง แล้วไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วด้วย

     

     

     

     

     

    ---<<JUNKAI Part>>---

     

    “และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย ต่อไปเป็นการแสดงละครเวทีเรื่อง โรมิโอกับจูเลียต โดยนักเรียนเกรด 8 คลาส S เชิญรับชมได้แล้วคร้าบบบบบบบบ” สิ้นเสียงพิธีกร ม่านแดงก็ค่อยๆเปิดออกช้าๆ เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าการแสดงเริ่มขึ้นแล้ว

     

    ฉากแรกเป็นฉากงานเต้นรำสวมหน้ากากในบ้านของจูเลียต

     

    ผมต้องไปเต้นรำกับหยวน ซึ่งตอนซ้อมเราก็ทำมันออกมาได้ดี เลยทำให้มันผ่านไปได้ด้วยดี

     

    “โรมิโอ ท่านอย่าจากข้าไปเลย ได้โปรด” เสียงที่ถูกดัดให้เหมือนผู้หญิงรวมกับแอคติ่งมาเต็มของหวังหยวนทำให้ผมเกือบหลุดขำออกมา แต่ก็กลั้นเอาไว้ได้

     

    “ข้ารักเจ้านะจูเลียต แต่ข้าต้องไปแล้ว”

     

    การแสดงดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงฉากสุดท้าย ที่โรมิโอเข้าใจผิดว่าจูเลียตตายแล้ว

     

    “ไม่จริงใช่มั้ย จูเลียตของข้า เจ้าจากข้าไปแล้วหรือ ถ้าโลกนี้ไม่มีเจ้า ข้าจะอยู่ต่อไปได้เยี่ยงไร ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าของตายเสียดีกว่า” ผมร่ายคำพูดตามบทที่จำมาอย่างดี

     

    “เจ้าไม่น่าเลยจูเลียต” ผมนั่งลงข้างๆเตียงที่หยวนนอนอยู่ ก่อนจะลูบไล้ไปทั่วใบหน้าของเขา เกลี่ยผมที่ปกหน้าออก ก่อนจะจุมพิตที่หน้าผากเขาหนึ่งที

     

    “นายทำอะไรของนายน่ะ มันไม่มีในบทนะ” หยวนขมุบขมิบปากเบาๆ เพราะผมเล่นนอกบท ฮึ ฮึ ถ้าเป็นตอนปกตินายจะให้ฉันทำอย่างนี้มั้ยล่ะ

     

    “จุมพิตนี้ข้าขอมอบให้เจ้าเป็นครั้งสุดท้าย” ผมไม่สนใจที่หยวนท่วงก่อนจะเล่นนอกบทต่อไป

     

    ตัดภาพไปที่ผู้ชมที่อยู่ในหอประชุมกลาง มีทั้งนักเรียนโรงเรียนผม และก็โรงเรียนหญิงล้วนตรงข้ามที่มาเข้าร่วมด้วย

     

    ทุกคนต่างใจจดใจจ่อกับฉากนี้

     

    และหลังจากที่ผมพูดประโยคเมื่อกี้ นักเรียนหญิงต่างพากันกรี๊ดสนั่นหอประชุม

     

    “อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เขิลอ้าาาาาาาาาาาา”

     

    “อยากได้ผู้ชายแบบนี้ จะอาววววววววววววววววววววว”

     

    “คุณครับเงียบๆหน่อยครับคนอื่นเขากำลังตั้งใจดูอยู่”

     

    ฯลฯ

     

    ตัดภาพมาที่เวที ผมค่อยๆเลื่อนหน้าเขาไปใกล้ใบหน้าของคนที่นอนอบุ่บนเตียงช้าๆ ก่อนจะใช้ริมฝีปากของผมประกบเข้ากับกรีบกุหลาบของหวังหยวนที่ดูเหมือนจะตกใจเอามากๆ เขาสะดุ้งแต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ เพราะม่านยังปิดลงไม่หมด

     

    และเมื่อม่านปิดสนิท

     

    “โอ๊ย นายทำอะไรน่ะ” ผมอุทานออกมาด้วยความเจ็บบริเวณริมฝีปากและก็ออกห่างจากเขาทันทีเพราะโดนถีบ

     

    “ฉันควรถามนายมากกว่ามั้ย ว่านายทำอะไร ในบทไม่เห็นมีแบบนี้เลย ไหนบอกว่ามุมกล้องๆไง” เขาโวยวายและใช้หลังมือเช็ดปากตัวเอง

     

    “มันจะได้สมจริงไง” ผมก็แถไปงั้นแหล่ะครับ เอาจริงๆคือฉวยโอกาสล้วนๆ

     

    “สมจริงกับบ้านนายดิ” ดูเขาจะโกรธเอามากๆเลย

     

    ปั้งๆๆๆๆๆ เสียงจุดพลุดังขึ้น พร้อมกับเพื่อนๆเดินออกมาจากหลังเวที พวกเราสองคนพยายามทำตัวปกติที่สุด

     

    “เล่นดีมากทั้งสองคน ดีมากๆเลยจ่ะ สมแล้วที่ครูเทรนมากับมือ โฮะ โฮะ โฮะ”

     

    “ชาบู ชาบู ชาบู ชาบู” เสียงเพื่อนๆตะโกนให้มิสพาไปเลี้ยงชาบู

     

    “ไปกินชาบูกัน มื้อนี้ครูเลี้ยงเองจ้าาาาาาาาาาาาาาา”

     

    และทุกคนก็ตะโกนออกมาพร้อมกันว่า “Yeahhhhhhhhhhhhhhhhhhhhh

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ---<<YUAN Part>>---

     

    “จุมพิตนี้ข้าจะมอบให้เจ้าเป็นครั้งสุดท้าย” จากนั้นผมก็รู้สึกถึงมีอะไรสักอย่างมาประกบที่ปากของผม และพยายามรุกล้ำเข้ามาในเขตห่วงห้ามของผม แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ จนเมื่อม่านปิดสนิท ผมก็จัดการกัดปากของไอ้คนฉวยโอกาสและถีบส่งมันอีกทีนึง

     

    และผมจะไม่อะไรเลยถ้ามันไม่ใช่จูบแรกของผม เข้าใจมั้ยครับจูบแรกเลยนะ My First Kiss อ่ะ ผมเสียมันไปแล้ว ไม่ใช่สิโดนขโมยต่างหาก จากไอ้หน้าแมวนี่ เครียดครับเครียด โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย จะบ้าตาย โอ๊ยยยยยยยยยยยย

     

    “เป็นเชี่ยไรของเมิง ไม่กินกูกินนะ” ไอ้มยองโฮคงเห็นผมทำท่าแปลกๆเหมือนจะล้มโต๊ะอะไรอย่างนี้(?) มันก็เลยทัก

     

    “กูอึดอัดว่ะ”

     

    “เป็นไรวะ เมนส์ไม่มาอ่อ” มันก็ยังคงกวนผมเหมือนเดิม

     

    “กูจริงจัง มึงจะฟังมั้ย?” ผมเครียดจริงๆนะ

     

    “เป็นไรวะ(รอบที่3) บอกกูมาได้ กูจะไม่บอกใคร” แล้วมันก็ปรับโหมดเป็นตรึงเครียดตามผม

     

    “คือ...กูโดนขโมยจูบแรกว่ะ” ผมพูดให้เราได้ยินกันแค่สองคน

     

    “ใครวะ มึงบอกกูมา” มยองโฮหน้าเครียดขึ้นมาทันที ไอ้นี่จริงจังก็เป็นกับเขาเหมือนกันนะเนี่ย

     

    “บนเวทีอ่ะมึง...ไม่อยากเอ่ยชื่อ แม่งเจ็บใจสัสๆ” นั้นแหล่ะครับ ผมหมายถึงไอ้เลวนั้นแหล่ะ

     

    “จุน...ไคอ่ะนะ? กูนึกว่ามุมกล้อง แม่งจูบจริงหรอวะ” มันถามผมเพื่อนความแน่ใจ

     

    “เชี่ย!! กูไม่อยากได้ยินชื่อนี้”

     

    แล้วมันก็มองหน้าจุนไค จุนไคก็ยิ้มตอบมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องที่มันทำ

     

    “แล้วมึงเป็นไง”

     

    “ก็โคตรเจ็บใจเลย กูไม่น่าแค่กัดปากกับถีบมันเลย น่าจะตามไปกระทืบซ้ำ แม่ง หงุดหงิดโว๊ยยย”

     

    “ไม่ๆ เอาจริงๆมึงรู้สึกยังไง บอกกูมาตรงๆเอามาจากความรู้สึกในใจของมึงอ่ะ”

     

    “มันก็...ตอนนี้ใจกูอ่ะ...คือ เต้นแรง แรงแบบมากๆด้วย ยังไม่หายเลย แล้วก็ไม่กล้ามองหน้าเอ่ย...มันน่ะ” ผมลองถามความรู้สึกจริงๆของตัวเองดูว่ารู้สึกยังไง ผมก็หาคำตอบไม่ได้ รู้แค่ว่าหัวใจของผมทำงานหนักเกินไปแล้ว เต้นอะไรนักหนา

     

    “กูว่ามึงชอบจุนไคแล้วว่ะ”

     

    “ใครบอกมึง กูไปชอบมันตอนไหน”

     

    “มึงลองกลับไปถามใจตัวเองดูให้ดีๆนะว่ามึงชอบหรือป่าว เชื่อกูมึงตกหลุมรักจุนไคแล้ว”  

     

    “มึงชอบจุนไคแล้ว”

     

    ผมหันไปมองหน้าจุนไคที่อยู่อีกฟากของเคาน์เตอร์ เขาก็ยิ้มกลับมาให้ผมเหมือนเดิม ผมก็ยกนิ้วกลางส่งให้

    。SYDNEY♔
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×