คำนิยม
หนังสือเล่มนี้แด่ผู้คนที่ผลักดันให้โลกของผมหมุนต่อไปได้ทุกเมื่อเชื่อวัน : คู่ใจที่สุดแสนวิเศษของผม อเล็กซ์ และลูกสาวสุดที่รักทั้งสองคน ลิลลี่-เอลล่า และเล็กซี่; พอลและจูลี่ คุณพ่อคุณแม่ที่รักยิ่งผู้ซึ่งอยู่เคียงข้างผมเสมอมา และพอลพี่ชายที่ผมรักและบูชา; สตรวน มาร์แชล์ ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีและเอเจนต์ที่ผมไว้วางใจ และแคทรีน เทย์เลอร์ สุภาพสตรีที่ยอดยอมผู้ช่วยของเขา
ความซาบซึ้งต่อทุกๆคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสโมสรลิเวอร์พูลจะคงอยู่ในใจของผมไปตลอดกาลกับการที่พวกเขาได้มอบโอกาสให้ผมได้ใช้ชีวิตตามเส้นทางแห่งความฝันผมรู้ดีว่ากับสโมสรแห่งนี้ “ผมจะไม่มีวันเดินเดียวดาย”
ขอขอบคุณ เฮนรี่ วินเทอร์ จากหนังสือพิมพ์ เดลี่ เทเลกราฟ และพอล จอยซ์ จากเดลี่ เอ็กซ์เพรส ที่รับฟังและบันทึกเรื่องราวของผมอย่างตรงไปตรงมา ขอบคุณทีมงานที่ยอดเยี่ยมของทรานส์เวิลด์ภายใต้การนำของ ดั๊ก ยัง บรรณาธิการและเอ็มม่า มุสเกรฟ ผู้ช่วย และขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านในทีมทรานส์เวิลด์ : บิล สก็อตต์-เคอร์ ผู้จัดพิมพ์ ; แดเนี่ยล บัลลาโด-โลเปซ บรรณาธิการบทความ ; อลิสัน บาร์โรว์ ผู้โฆษณาเผยแพร่ และสตีฟ มัลคาเฮย์ ผู้ออกแบบปก และขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับ เก็ด รี และ เดฟ เบลล์ สำหรับสถิติของผมกับลิเวอร์พูลและทีมชาติอังกฤษ
คำอุทิศ
แด่เพื่อนผู้จากไป
เมื่อขับรถเข้าไปในแอนฟิลด์ขณะขับผ่านประตูแชงค์ลี่ย์ ผมชะลอความเร็วของรถจนเกือบกลายเป็นคลานเหมือนที่เคยทำทุกครั้ง ผมกวาดสายตาไล่มองไปที่อนุสรณ์ฮิลส์โบโร่ ผ้าพันคอจำนวนมากมายจากแฟนบอลทั่วสารทิศที่มาเยือนสนามวางไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงความเคารพต่อผู้วายชนม์ รายล้อมไปด้วยพวงหรีดที่ครอบครัวผู้สูญเสีย ผู้ซึ่งหยาดน้ำตาไม่เคยเหือดแห้งไปจากใบหน้าวางเอาไว้ ผมเห็นคบไฟที่จุดไว้ตลอดเวลาเพื่อเป็นเครื่องเตือนให้โลกระลึกถึงแฟนบอล 96 ชีวิต ที่แม้จะจากเราไปแต่จะไม่มีวันถูกลืมเลือน
ตอนที่รถผ่านอนุสรณ์สถานในระยะใกล้ ผมอ่านรายชื่อบรรดาแฟนบอลผู้ล้มลง ณ อัฒจันท์เลพพิง เลน และไม่มีวันลุกขึ้นมาอีกตลอดกาล สายตาของผมสะดุดอยู่ที่ชื่อหนึ่ง จอน-พอล กิลลูเลย์ (Jon-Paul Gilhooley) : อายุ 10 ปี แฟนบอลที่อายุน้อยที่สุดที่เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมครั้งนั้น หนึ่งในแฟนบอลที่เสียชีวิตขณะติดตามทีมรัก เด็กชายผู้ซึ่งถูกพรากจากโลกนี้ไปทั้งที่เพิ่งเห็นโลกมาไม่นาน ถูกบดขยี้บนอัฒจันท์ที่ไม่มีพื้นที่มากพอจะรองรับแฟนบอลจำนวนมหาศาลในเกมวันนั้น ผมรู้จักจอน-พอล เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของผม ความรู้สึกปั่นป่วนจนขนลุกซู่ ผมทำมือเป็นเครื่องหมายไม้กางเขนก่อนจะขับรถผ่านจุดนั้นมา
ผมจอดรถลงเดินก้าวเข้าไปในแอนฟิลด์แต่ในใจยังคงนึกไปถึงจอน-พอล,พ่อแม่ของเขา และความโชคดีที่มีในชีวิตผม ตอนเกิดเหตุโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร่ที่พรากจอน-พอลไปจากเรา ผมอายุยังไม่เต็ม 9 ขวบดี เราเรียนต่างชั้นกันและเขาอายุมากกว่าผม แต่สิ่งหนึ่งที่เรามีเหมือนกันคือความหลงใหลในเกมฟุตบอล
จอน-พอล บูชาลิเวอร์พูล เป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่ผมมีทุกๆ ครั้งที่สวมชุดยูนิฟอร์มสีแดงลงเล่นในสนาม ตอนเด็กๆ ผมกับเขามีอะไรเหมือนกันหลายอย่าง อาศัยอยู่ละแวกบ้านเดียวกัน ชอบฟุตบอลเหมือนกัน จอน-พอลมักจะมาเล่นฟุตบอลกับเพื่อนเด็กๆ ที่ถนนแถวหน้าบ้านเก่าผมที่ฮายตัน เขาแสนจะภูมิใจทุกครั้งที่ใส่เสื้อลิเวอร์พูลมาเตะบอล สโมสรลิเวอร์พูลเป็นเหมือนโลกทั้งใบของเขาเหมือนผู้คนจำนวนมากในแถบเมอร์ซีย์ไซด์ วันเสาร์ที่ 15 กันยายน ปี 1989 ยังคงเป็นรอยแผลเป็นในจิตใจของผมเสมอมา ลิเวอร์พูลเปรียบเหมือนศาสนาในบ้านที่ผมถูกเลี้ยงดูขึ้นมา ดังนั้นเมื่อเราได้ข่าวว่ามีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในเกมเอฟเอ คัพ ทั้งผม, พอล-คุณพ่อของผม, จูลี่-คุณแม่ และพี่ชายคนโตพอล ก็มานั่งจ้องมองภาพเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อในข่าวโทรทัศน์ตาแทบไม่กระพริบ
เราฟังข่าว ตัวสั่นไปด้วยความหวาดหวั่นกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมแทบไม่รับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นในบ้าน ในหัวของเราได้แต่คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น, เพราะอะไร,มีใครอยู่ที่นั่นบ้าง คืนนั้นทั้งคืนเราตกอยู่ท่ามกลางความวิตกกังวล ได้แต่คิดว่า “จะมีใครที่เรารู้จักอยู่ในเหตุการณ์นั้นไหม ขออย่าให้มีเลย”
หลังจากนั้นผมก็เข้านอน ผมปีนขึ้นบันไดกระโจนขึ้นเตียงนอน พยายามนอนหลับเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่าน แต่แย่เหลือเกิน ภาพเหตุการณ์ที่น่าหวาดหวั่นจากฮิลส์โบโร่ยังคงติดตา ผมนอนลืมตาโพลงเกือบตลอดคืนจนผล็อยหลับไปก่อนรุ่งสาง
รุ่งเช้าราว 8 โมงครึ่ง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าบ้าน ผมถลาลงจากชั้นบนวิ่งไปเปิดประตู คุณปู่โทนี่ยืนอยู่ตรงนั้น คุณปู่เดินเข้ามาในห้องโถงไม่พูดอะไรสักคำ คนอื่นๆ ในครอบครัวเริ่มตามมาสบทบ พวกเรามารวมตัวกันที่ห้องโถงรอฟังคำพูดที่จะออกจากปากคุณปู่ เราต่างรู้ดีว่าต้องมีเรื่องร้ายแรง บ้านคุณปู่อยู่ห่างจากบ้านเราไปอีกถนนหนึ่งและไม่ใช่เรื่องปกติที่คุณปู่จะแวะมาตอนเช้าวันอาทิตย์แบบนี้ ความรู้สึกบนใบหน้าของปู่แสดงชัดว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น เราได้แต่ร้องในใจ “ต้องมีคนของครอบครัวเราในฮิลส์โบโร่แน่ๆ”
“ฉันมีข่าวร้าย” คุณปู่พูดในที่สุด “จอน-พอล จากเราไปแล้ว”
น้ำตา โทสะและความสับสนถาโถมเข้าใส่เราทุกคน เราไม่รู้เลยว่าจอน-พอล ไปชมเกมด้วย เขาไปดูเกมที่แอนฟิลด์เสมอ แต่เกมเอฟเอ คัพ เป็นโอกาสที่พิเศษมาก คุณปู่โทนี่เล่าว่าแจ๊คกี้คุณแม่ของจอน-พอล หาซื้อตั๋วให้จนได้ แจ๊คกี้รู้ดีว่าการได้เข้าไปให้กำลังใจฮีโร่ของเขาในเกมสุดพิเศษนี้มีความหมายกับจอน-พอล มากแค่ไหน อีกอย่างเกมก็จัดขึ้นที่เชฟฟิลด์ซึ่งไม่ไกลมากนัก และจอน-พอลก็อยากไปดูมากเหลือเกิน
จอน-พอลเดินทางไปชมเกมกับเพื่อนของครอบครัว พวกเขาไปรวมตัวกันที่ลิเวอร์พูลก่อนในตอนเช้าวันเสาร์ ทุกคนต่างตื่นเต้นก่อนเดินทางไปชมเกม แต่จอน-พอลไม่ได้กลับมาบ้าน เขาไม่ได้กลับมาจากเกมนั้น คำพูดนี้หลอกหลอนในใจผมมาตลอด
เป็นเพราะขั้นตอนในการชันสูตรทำให้พิธีศพของจอน-พอล จัดขึ้นหลังเหตุการณ์ฮิลส์โบโร่นานพอสมควร ผมไม่ได้ไปร่วมพิธีศพเพราะต้องไปโรงเรียน หรืออย่างน้อยนั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมได้รับ แต่ผมเชื่อว่าพ่อคงไม่อยากให้ผมไปร่วมงาน พ่อแม่ต้องการจะปกป้องผม ผมเป็นแค่เด็กชายเล็กๆ ที่ต้องอยู่กับความคิดที่ว่าลูกพี่ลูกน้องของผมคนหนึ่งต้องตายไปในการเชียร์ทีมที่เราทั้งสองต่างรักและบูชา ในช่วงเวลานั้นผมเพิ่งเข้าเรียนในโรงเรียนฟุตบอลของลิเวอร์พูล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เราต้องหยุดเรียนไปพักใหญ่ แต่ทันทีที่เรากลับไปเรียนอีกครั้ง สีหน้าตื่นตระหนกที่ผมได้เห็นบนใบหน้าบรรดาโค้ชทำให้ผมตระหนักว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นนี้มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสโมสรและเมืองทั้งเมือง ในครอบครัวของผมเรายังคงคุยกันถึงเรื่องราวของฮิลส์โบโร่อยู่นานหลายเดือนหลังเกิดเหตุการณ์ จนถึงทุกวันนี้ 17 ปีให้หลัง บางครั้งเรายังคงรู้สึกและเจ็บปวดเมื่อหยิบยกเรื่องราวจากเหตุการณ์นี้ขึ้นมาคุยกัน
เมื่อไรก็ตามที่ผมพบพ่อแม่ของจอน-พอลเมื่อผมซ้อมบอลอยู่ที่อะคาเดมี่ มันเหมือนเป็นแรงกระตุ้นพิเศษ ทำให้ผมตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะประสบความสำเร็จให้ได้ ก่อนหน้าที่ผมจะได้ลงเล่นเกมแรกฐานะทีมชุดใหญ่ ผมได้พบพวกเขาซึ่งบอกกับผมว่า “จอน-พอล จะต้องภูมิใจในตัวเธอมาก”
ตลอดเกมนั้นผมรู้สึกถึงจอน-พอล ที่เฝ้ามองลงมาจากเบื้องบน ดีใจที่ผมทำฝันของเราทั้งคู่ให้เป็นจริงจนได้ ทุกๆ ครั้งที่ทีมเรามีชัย ผมมักจะนึกถึงจอน-พอลอยู่เสมอ คิดอยู่ว่าเขาจะตื่นเต้นแค่ไหนที่ลิเวอร์พูลชนะ ทุกวันที่คิดว่าจอน-พอลไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วทำให้ผมใจสลาย
สโมสรดูแลครอบครัวของจอน-พอล เช่นเดียวกับครอบครัวของผู้สูญเสียคนอื่นเป็นอย่างดีเสมอมา ลิเวอร์พูลนั้นเป็นสโมสรที่มากด้วยน้ำใจต่อแฟนบอลและหยั่งรากลึกไปทั่วทุกหย่อมหญ้าของชุมชน ผมจำได้ถึงครั้งหนึ่งที่แจ๊คกี้เล่าให้คุณพ่อผมฟังว่าสโมสรดีกับพวกเธอเพียงไร
ทุกๆ ปีในวันครบรอบเหตุโศกนาฏกรรม สโมสรจะจัดพิธีไว้อาลัยขึ้น เป็นธรรมเนียมที่นักเตะของสโมสรจะไปร่วมงานพิธีในวันครบรอบทุกครั้ง ทีมต้องการที่จะแสดงความเคารพต่อแฟนบอลทั้ง 96 ราย ที่เป็นตัวแทนของความรักอันสุดซึ้งที่แฟนบอลมีให้สโมสร
ในงานรำลึกปี 2005 ผมเป็นไข้เล็กน้อยแต่ผมก็ไปร่วมงานเหมือนทุกปี ไม่มีทางที่ผมจะพลาดงานนี้เด็ดขาด งานรำลึกผู้สูญเสียที่ฮิลส์โบโร่นี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม
ในวันงานผู้เล่นในทีมไปรวมตัวกันที่สนามซ้อมในเมลวู้ดก่อนจะขึ้นรถบัสของทีมเดินทางไปแอนฟิลด์ร่วมกัน ระหว่างเดินทางผมคุยกับนักเตะต่างชาติที่ยังไม่เข้าใจถึงความลึกซึ้งของพิธีการนี้ “เราจะไปที่ไหนกัน กำลังจะไปทำอะไรกัน” นี่เป็นคำถามที่นักเตะบางคนอาจยังสงสัย พวกนักเตะต่างชาติอาจเคยได้ฟังเรื่องฮิลส์โบโร่มาบ้าง แต่ยังไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
เรื่องราวที่ผมเล่าให้เพื่อนร่วมทีมฟังทำเอาพวกเขานิ่งอึ้งด้วยความสะเทือนใจ ผมอธิบายให้พวกเขาฟังถึงความโกรธในหมู่ชาวลิเวอร์พูลที่มีต่อเรื่องราวที่มีการเขียนขึ้นมาเผยแพร่หลังจากเหตุการณ์นั้น และเหตุผลว่าทำไมศัตรูตัวร้ายที่สุด เดอะ ซัน ถึงไม่เคยมีให้เห็นที่เมลวู้ด, แอนฟิลด์ หรือที่บ้านของผม แฟนบอลลิเวอร์พูลต่อต้านเดอะ ซัน กันทุกคน ผมเป็นแฟนลิเวอร์พูลคนหนึ่งผมเห็นด้วยกับแนวทางของคนอื่นๆ ผมเองสูญเสียบุคคลในครอบครัวไปในเหตุการณ์ฮิลส์โบโร่ด้วย ไม่มีวันที่ผมจะแตะหนังสือพิมพ์ เดอะ ซัน เด็ดขาด
ด้วยความเข้าใจในเรื่องราวทั้งหมดพวกผู้เล่นต่างชาติต่างให้ความเคารพต่อผู้สูญเสีย ผมไม่เคยได้ยินว่ามีผู้เล่นคนไหนไม่เต็มใจจะไปร่วมงานไว้อาลัยในวันครบรอบ ความรู้สึกแรงกล้านี้อบอวลอยู่ทั่วสโมสร แม้แต่นักเตะใหม่ก็มีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสโมสรในเรื่องนี้ การเดินทางไปร่วมงานเป็นเรื่องแปลกสำหรับผม ผมเดินทางไปงานร่วมกับเพื่อนนักเตะแต่เมื่อไปถึงอนุสรณ์สถานได้พบครอบครัวของผมที่นั่น ความทรงจำเกี่ยวกับจอน-พอล ก็หลั่งไหลกลับมาท่วมท้นอีกครั้ง สำหรับผมการไปร่วมงานรำลึกผู้สูญเสียไม่ใช่หน้าที่จากความเป็นนักเตะอาชีพของสโมสร ผมไปที่นั่นในฐานะแฟนบอลคนหนึ่ง ผมยืนอยู่ในพิธี ก้มศีรษะไว้อาลัยผู้วายชนม์ทั้งในฐานะกัปตันทีมและญาติผู้โศกาอาดูร
ในวันครบรอบสโมสรจะเปิดอัฒจันท์เดอะ ค็อป สถานที่ซึ่งจอน-พอล และแฟนบอลคนอื่นๆ มักจะใช้เป็นแหล่งชมเกมลิเวอร์พูลตลอดทุกบ่ายวันเสาร์ เปิดเอาไว้ตลอดงาน พิธีจัดขึ้นราว 1-2 ชั่วโมง มีการร้องเพลงสวด, สวดมนต์ และไว้อาลัยแก่ 96 ชีวิตที่สูญเสียในเหตุการณ์นั้น
ในงานรำลึกที่จัดขึ้นในปี 2006 ผมต้องอ่านคำไว้อาลัยซึ่งเป็นสิ่งที่สะเทือนใจสำหรับผมมาก ในงานผมได้พูดคุยกับพอล แฮริสัน อดีตผู้รักษาประตูสำรองคนหนึ่งของลิเวอร์พูลด้วย พอลเองก็สูญเสียพ่อของเขาไปในเหตุการณ์ เป็นเรื่องน่ากลัวเหลือเกิน ผมคิดไม่ออกจริงๆ ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรถ้าต้องสูญเสียพ่อแม่ไป
ครอบครัวจะอยู่ด้วยกันและเป็นกำลังใจให้กันเสมอ เหมือนที่ลิเวอร์พูล คำว่า “คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย” เพลงประจำสโมสรไม่ใช่แค่บทเพลงที่เรียงร้อยด้วยเนื้อหากินใจกับท่วงทำนองไพเราะเท่านั้น แต่มันเป็นเหมือนสัจจะวาจาระหว่างแฟนบอลลิเวอร์พูล เรายืนหยัดเคียงข้างกันและกันเสมอทั้งแม้ในยามสุขหรือทุกข์
มีผู้คนจำนวนหนึ่งร่วมกันก่อตั้ง “กลุ่มครอบครัวฮิลส์โบโร่ Hillsborough Families’ Group” ซึ่งพวกเขาเหล่านี้สมควรได้รับการยกย่องจากงานที่พวกเขาทำในการรณรงค์เรียกร้องให้มีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ฮิลส์โบโร่ คนเหล่านี้จะยังคงเรียกร้องความยุติธรรมต่อไปจนกว่าความจริงจะปรากฏ เพื่อครอบครัวอีกหลายครอบครัวในลิเวอร์พูลที่โต๊ะอาหารของพวกเขาต้องว่างลงไปหนึ่งที่นั่ง ยังมีห้องนอนชั้นบนที่ปิดตาย ครอบครัวที่สมควรได้รับการชดใช้ในความสูญเสีย
โดยส่วนตัวผมสนับสนุนการรณรงค์นี้เต็มที่เพราะผมเองก็ต้องการชดเชยความรู้สึกสูญเสียที่ต้องเผชิญ เราทุกคนควรได้รับรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นที่ฮิลส์โบโร่ ใครที่ต้องรับผิดชอบ ผู้มีอำนาจที่ปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ 96 ชีวิตตายต้องรับการลงโทษ ญาติของผมเสียชีวิตลงที่ฮิลส์โบโร่และเขายังไม่ได้รับการชดใช้
มีอยู่ครั้งหนึ่งผมอบอุ่นร่างกายก่อนเกมอยู่ในสนามแอนฟิลด์และมองขึ้นไปเห็นป้าย “ทวงความยุติธรรมแก่ 96 ชีวิต - Justice for the 96" แขวนอยู่
ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อความนี้อย่างจริงใจ รัฐบาลควรต้องดำเนินการสอบสวน เพื่อที่ว่าครอบครัวของผู้สูญเสียทั้ง 96 ชีวิต ที่ยังคงอยู่กับความโศกเศร้าจะได้รับความยุติธรรมที่พวกเขาสมควรได้รับ เพื่อจะได้ไปบอกสมาชิกในครอบครัวที่หลับอยู่ตลอดกาลในสุสานได้รับรู้ว่าความสูญเสียของพวกเขาจากเหตุโศกนาฏกรรมที่น่าจะหลีกเลี่ยงได้นั้น ได้รับการชดใช้แล้ว
เหตุการณ์แบบฮิลส์โบโร่ไม่ควรเกิดขึ้นและยิ่งไม่ควรเกิดซ้ำอีก ไม่ควรมีใครต้องสูญเสียชีวิตหรือญาติพี่น้องในเกมการแข่งขันฟุตบอล ทุกครั้งที่เห็นรอยสลักชื่อจอน-พอลบนป้ายหินอ่อนเย็นเยียบหน้าประตูแชงค์ลี่ย์ เกท
ผมยังคงรู้สึกเศร้าใจและโกรธแค้น ผมไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว ในการเล่นฟุตบอลของผม ผมเล่นเพื่อจอน-พอล
***** จบบทนำ *****
ขอขอบคุณ คุณ jigij, คุณ yumesan, คุณ Finnegan 'Finn' Bell, คุณ sumire, คุณ araika และคุณ AUDAC!TY
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น