คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : (ดั่งฝันฉันใด) ภาพความฝัน ch1.
…………..
………
“เป็นอะไรไหม?’’
……………
…….
“ไม่ต้องอายหรอกนะ”
................
.......
(อะไรกัน มือใครกันเราจับมือกับใครอยู่กันนะ แต่ว่าทำไมอุ่นจัง)
…………….
……
“เธอหน่ะ มีความสุขหรือปล่าวที่ได้อยู่กับชั้น”
…………
……
(มีความสุขหรอ มีความสุข……. หรือปล่าว)
…………
….
“ชั้นหน่ะ.......มีความสุขนะ”
……………
…..
(ผมก็...........อ่ะ จะไปไหน คุณจะไปไหนเดี๋ยวก่อนเดี๋ยว คุณมีความสุขไม่ใช่หรอ แล้วคุณจะไปไหนเดี๋ยว ผมก็มีความ.... เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว!!!)
กรี๊งงงงงงงง!!!!
“เดี๋ยว!!” ตึ๊ก อ๊ากกก โอ๊ยยยย ซี๊ดดดด เสียงนาฬิกาดังปลุกบอกเวลาตื่นนอนพร้อมกับเสียงของตัวที่กระแทกพื้นที่มาพร้อมกับเสียงร้องครางโอดโอยของเด็กหนุ่มที่ เห็นภาพความฝันสุดแปลกประหลาดเหมือนกับว่าเขากำ ลังจะวิ่งตามคนคนนั้นไปแต่พอตื่นขึ้นมาก็..ตกเตียงสะงั้น พร้อมกับเกาหัวตัวเองเบาๆเหมือนคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“ฝันบ้าอะไรกัน แล้วคนคนนั้นเค้าเป็นใครกันทำไมถึงได้ให้ความรู้สึก...อบอุ่นแบบนี้นะ” ประโยคสุดท้ายที่พูดเหมือนน้ำเสียงของคนหวั่นใจเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนพร่ำเพ้อหาความอบอุ่น ขณะที่ชายหนุ่มกำลังคิดก็กลับต้องสดุ้งเบาๆเพราะเสียงบางอย่างก่อนจะรีบสะบัดหัวไล่ความคิดอันขนลุกนี้ให้ออกไปให้ไกลจากหัว แล้วจึงค่อยๆดันตัวเองขึ้นจากพื้นเพื่อที่จะเดินไปหาที่มาของเสียง
ใครโทรมากันน๊า?
ก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นเบอร์ของปลายสาย คิดได้เช่นนั้นก็รีบกดรับสายแล้วยกขึ้นหูทันที “โหล่ๆ สวัสดีคร๊าบกระผมชายหนุ่มรูปงามสาวตรึมคร๊าบบบ”
พูดจบก็ยิ้มแก้มปริทันทีด้วยความที่เคยพูดหยอกแม้จะอยู่ที่ไหนก็ตาม ก่อนจะหน้าเหวอเมื่อได้ยินปลายสายตะโกนขึ้น “โว๊ยยยยยย มึงยังจะมีอารมณ์มาพูดอีกไอ้เชี่ยแจนนน!!!” คนปลายสายตะโกนสุดเสียงอย่างกับจะหักคอคนในปลายสายของตนในไม่ช้านี้
“แล้วมึงจะตะโกนหาพระแสงอะไรเล่า” พูดไปพลางแหย่หูไปไปพลาง “มึงไม่ต้องมาพูดอะไรเลยนะ มึงลืมไปแล้วหรือไง”
“ลืม?”
“เออสิวะ” เด็กหนุ่มเมื่อได้ยินเพื่อนพูดเช่นนั้นก็นิ่งเงียบไปซักพัก ด้วยการใช้ความคิดถึงเรื่องที่ว่าลืมของเพื่อน ก่อนจะเบิกตาโพล่งพร้อมกับร้องอ๊ากขึ้นมาอย่างกระทันหันพลอยทำให้คนในปลายสายตกใจไปด้วย
“กุลืม!! กิจกรรมของมหาลัย!!” คิดได้เช่นนั้นก็รีบวิ่งตะเกียกตะกายหาของสัมภาระที่ใช้ในงานอย่างกับคนสติเสีย “เฮ้ยๆๆ แค่นี้ก่อนนะเว๊ยย!!!” พูดจบก็รีบกระโจนเข้าห้องน้ำโดยเร็วและรีบชำระร่างกายโดยเร็ว ด้วยความที่เป็นคนคิดเล็กคิดน้อยเมื่อได้เห็นได้ยินอะไรที่ขัดใจจะเก็บมาคิดอยู่ให้หนักอกอยู่ไม่เว้นวันเวลา แต่ดูเหมือนว่าเรื่องงานในครั้งนี้เกรงว่าตัวเองจะผิดนัดจึงได้ทำอะไรไปอย่างกระตือรือล้นเลยพลอยทำให้เด็กหนุ่มลืมเรื่องในความฝันไปอย่างสิ้นเชิง
------------------------------------->
“ทำไมยังไม่มาอีกนะ” เสียงเหล่าหนุ่มสาวที่ต่างพากันเลือดขึ้นหน้าที่คนบางคนยังไม่มาแถมยังเป็นคนสำคัญของงานครั้งนี้อีกด้วย นี่ก็เลยเวลาไป10นาทีแล้วขืนนานกว่านี้โดนอาจารย์ด่าเรียบ
“มาแล้วนั้นไง” เพื่อนบางคนในกลุ่มพูดขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปทางต้นเหตุ เพื่อนๆที่อยู่ในละแวกนั้นจึงหันไปตามก่อนจะพากันทำหน้าบึ่งตึ่งคิ้วขมวดเท้าจะเอวใส่ไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนเกือบซวย “มาช้า!” เมื่อวิ่งมาถึงก็ต้องสลดหน้างิกหน้างอเพราะโดนฝูงเพื่อนตวาดเอาอย่างพร้อมเพียงกัน
“ขอโทษค๊าบบบ” ตัวต้นเหตุก้มหน้าขอโทษขอโพยเพื่อนๆอย่างสำนึกผิด เเละเมื่อสั่งสอนไอ้เจ้าตัวปัญหาจนพอใจสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปจากที่สีหน้าตึงเครียดก็กลับเป็นยิ้มแก้มปริ “ไม่เป็นไรหรอก ทุกคนก็ต่างเกิดความผิดพลาดกันได้” อยู่ๆก็มีเสียงเพื่อนบางคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสราวกับว่าเรื่องในตอนนี้เคยเกิดขึ้น
“ใช่แล้วหล่ะ เพื่อนกันจะโกดกันลงได้ไง ป่ะๆเพื่อน” พูดจบก็ต่างพากันวิ่งมากระโดดกอดคอคนหน้างิกหน้างอที่เป็นตัวต้นเหตุพลอยทำให้เด็กหนุ่มใจชื่นขึ้นโขยงนึง “ขอบใจนะ” น้ำตาแทบไหลปลื้มเหลือเกินดีใจที่มีเพื่อนที่ดีแบบนี้ “ไม่ต้องมาเสแสร้งเลยนะมึง ไอ้แจน”
ไอ้คนที่โทรหาเมื่อเช้านี้สวนขึ้นทันที เมื่อเห็นไอ้เพื่อนตัวแสบตัวต้นเหตุทำหน้าน้ำตาซึม “โด่ว มึงอ่ะ” พูดจบเพื่อนในกลุ่มก็ต่างพากันหัวเราะโห่เสียงดังไอ้เพื่อนหน้าหล่อคนนี้ด้วยที่แต่เดิมเป็นคนขี้งอล
“งั้น ไปกันเถอะ”
เด็กหนุ่มตัวต้นเหตุอยู่ๆก็ทำหน้าฮึกเหิมพูดเสียงเข้มขึ้นมาเหมือนกับบอกเพื่อนให้รู้ว่าพอแค่นี้แล้วกันซึ่งเพื่อนก็ไม่มีใครขัดแต่กลับขาดรับอย่างว่าง่ายพร้อมกับเดินตามหลังเด็กชายไปอย่างมีระเบียบ เหมือนกับว่าเปลี่ยนไปคนละคนกับเมื่อกี้ ซึ่งนั้นก็คือเขาเป็นผู้นำของโครงการครั้งนี้ยังไงหล่ะ เขาถูกเลือกโดยนักศึกษาในมหาวิทยาลัยด้วยเสียงส่วนมาก
------------------------------------------->
“อะไรกันน๊า!!! ไอ้ฝันนั้นหน่ะ” เสียงบ่นอุบๆอิบๆของคนบางคนที่ตอนนี้นั่งคิดหนักถึงเรื่องในความฝันเมื่อคืนนี้ เป็นฝันอันแสนประหลาดแต่ให้ความอบอุ่นอย่างน่าเหลือเชื่อ เด็กคนนั้นใครกันนะ ทำไมรอยยิ้มนั้นถึงให้ความอบอุ่นแบบนี้
...................
............
“ผมดีใจนะครับที่ได้พบคุณ”
...............
..........
“พาผมไปหน่อยได้ไหมนะๆ”
…………….
……
“ขอบคุณนะครับ”
อย่างกับว่าเวลาได้ทำให้เด็กคนนั้นยิ้มและได้เห็นรอยยิ้มมันทำให้มีความสุขมากแล้วก็ อบอุ่น…
ก่อนจะสะดุ้งออกจากภวังค์ความหลงเพราะมีเสียงเรียกจากข้างหลัง “นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเลยนะ มีเรื่องอะไรลำบากใจ หล่ะสิ?” เสียงเข้มดังมาแต่ไกลก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินตรงมาทางชายหนุ่ม พร้อมกับวางมือลงบนไหล่ของชายหนุ่มก่อนจะนั่งลงข้างๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใครหัวหน้าของเขานั้นเอง ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างเวลางานดูเหมือนว่าเขาจะเห็นชายหนุ่มนั่งหน้าตึงเครียดอยู่เลยคิดว่าจะมีเรื่องไม่สะบายใจอะไรกะว่าจะเดินมาถามสักหน่อย “เอ่อ ปล่าวหรอกครับสารวัตร” คนที่ถูกเรียกขานว่าสารวัตรมุ่นคิ้วเพราะคำตอบที่ได้ไม่ถูกใจ
“ผู้กอง คุณไม่ใช่คนที่จะไม่มีเหตุผลหรอกนะ” เพราะว่าชายหนุ่มคนนี้คือคนที่เขาเอ็นดูและให้ความไว้วางใจอย่างมากเลยทีเดียวก็เพราะว่าเขาถูกใจชายหนุ่มคนนี้เป็นอย่างมากตั้งแต่เห็นหน้าท่าตาครั้งแรกตอนพึ่งจะเข้ามาทำงานข้าราชการด้วยความที่มีกระบวนการการคิดแผนงานได้อย่างมืออาชีพจึงได้ขอตัวมาอยู่ฝ่ายสืบสวนจนมาถึงตอนนี้จึงได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าฝ่ายสืบสวนแทนเขาแล้วและมีอะไรหรือที่เขาจะไม่รู้จักชายหนุ่มคนนี้ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนมนาน ได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มก็ถอนหายใจเฮือกนึงไม่ว่าจะอะไรคนคนนี้ก็มองเขาออกตลอดด้วยที่ว่าอยู่ด้วยกันมานานจนคนอื่นต่างก็คิดว่าเป็นอากับหลานกันไปแล้ว
“อบอุ่นหน่ะครับ” คำตอบนำพาให้คนข้างๆขมวดคิ้วยุ่งเป็นปมทันทีด้วยที่ว่าคำตอบ(อบอุ่น)นั้นจึงได้ทำให้งงอยู่ไม่น้อยเพราะสำหรับคนที่ได้รับความอบอุ่นมีหรือที่ยังจะมาตีหน้าเศร้าอีก “อบอุ่น? ทำไมไอ้อบอุ่นนั้นถึงได้ทำให้คุณหน้าเครียดแบบนี้หล่ะ?” ชายหนุ่มยิ้มทันทีที่ได้ยินคำถามก่อนจะค่อยๆหลับตาลงพร้อมนึกถึงเรื่องราวในความฝันแล้วจึงค่อยๆลืมตาขึ้น
“ผมเพียงแค่คิดหน่ะครับ ...ว่าคนที่ทำให้ผมอบอุ่นได้คือใครกัน....ในความฝัน”
“ความฝันหรอ?”
“ครับ” ผู้ที่ถูกเรียกขานว่าสารวัตรหัวเราะหึออกมาเบาๆก่อนจะตบลงที่ไหล่ของชายหนุ่มข้างๆอีกครั้ง
“ผมก็นึกว่าคุณ ไม่สบายใจเรื่องอะไรผมก็เคยฝันเรื่องที่ทำให้อุ่นใจเหมือนกันแต่ผมไม่เคยคิดเหมือนคุณหรอกเรื่องที่ทำให้ผมคิดจะมีเพียงเรื่องที่ทำให้ผมเศร้าใจเท่านั้นแหละนะ” พูดจบพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่เล็กน้อยแล้วกรอกตาลงมองชายหนุ่มก่อนจะพูดกระซิบประโยคสุดท้ายข้างๆหูชายหนุ่มเป็นเชิงบอกเตือน
“แต่ว่าไอ้ความอบอุ่นที่ว่า ก็สามารถนำพาความลำบากใจมาสู่คุณได้นะ ..ผู้กองภาคิน” พูดจบพร้อมกับเสียงหัวเราะหึออกมาเบาๆก่อนจะตบลงที่ไหล่ชายหนุ่มเบาๆสองครั้งแล้วเดินจากไปด้วยสีหน้าพึงพอใจกับสิ่งที่พูดออกไป ซึ่งต่างกันอย่างลี้ลับกับคนที่ฟังจบประโยคไปเมื่อครู่นิ่งค้างไปนานเลยทีเดียวกับคำพูดของหัวหน้าตัวเอง แต่สารวัตรไม่ได้พูดประชดเขานั้นรู้เพราะสารวัตรไม่เคยพูดอะไรครึ่งๆกลางๆหรือมีลับลมคมในแต่อย่างใด ซึ่งก็เพราะว่าสารวัตรเจออะไรหลายๆอย่างมาเยอะเลยทีเดียวทั้งเรื่องทรัพย์เงินทองธุรกิจมากมาย และโดยเฉพาะความรัก
แต่ถึงจะพูดอย่างงั้นก็เหอะแต่ก็ไม่วายทิ้งคำพูดแผลงๆทิ้งท้ายไว้ให้จนพลอยให้ปวดหัวอยู่ไม่คลาย ก่อนที่ชายหนุ่มจะสบัดหัวพร้อมกับตบหน้าตัวเองเพื่อไล่ความคิดที่เป็นเรื่องนอกงานออกไปเพราะตอนนี้เป็นเวลางานต้องจดจ่ออยู่ที่งานเรื่องนอกไว้ทีหลัง “เอาหล่ะ ทำงานๆ”
----------------------------------->
“ผมขอขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ไว้ใจผม ให้เป็นผู้นำในการทำกิจกรรมให้ครั้งนี้ และผมหวังว่าคงไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังขอบคุณครับ” เสียงปรบมือดั่งลั่นเมื่อเด็กชายประกาศขอบคุณเหล่าผู้คนทั้งหลายในงานกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้ซึ่งได้รับความเห็นดีเห็นยอมจากผู้อำนวยการโดยที่ได้รับความคิดเห็นจากเด็กหนุ่มที่ทำให้น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ก่อนจะเดินลงจากเวทีไปอย่างนอบน้อม
“สุดยอดเลยแจน” เพื่อนสาวคนคณะเดียวกันพูดแซวขึ้นก่อนจะมาเขย่าไปมาที่แขนเป็นเชิงหมั่นไส้ระคนอิจฉาที่มีเพื่อนเก่งขนาดนี้ “เดี๋ยวก็เป็นลมตายหรอกเขย่ามันอยู่ได้” เพื่อนสาวที่เขย่าแขนเสื้ออยู่ ก็ได้ปล่อยมือก่อนจะหันหน้ามาทางต้นเสียงพร้อมกับทำหน้ายู่ใส่เหมือนเด็กไม่มีผิด พลอยทำให้เพื่อนๆหลายคนหัวเราะไปตามๆกันกับทีท่าเพื่อนสาวนี้
“’งั้น ไปฉลองกันมั๊ยพวกเรา!” อยู่ๆเสียงของไอ้คนนึงที่ถูกเพื่อนๆเรียกขานฉายาว่าไอ้นักกินก็ได้โพล่งขึ้นมา จนทำให้คนอื่นหันหน้าไปทางเดียวกันหมด
“ชีวิตมึงเนี่ยคงมีแต่กินสินะ ไอ้นักกิน” กรเพื่อนหนุ่มที่เป็นคนโทรหาเด็กหนุ่มเมื่อเช้าก็ได้พูดขึ้น น้ำเสียงหยอกๆไม่ได้จริงจัง “แต่ก็ดีเหมือนกันนะ” เพื่อนหนึ่งในกลุ่มออกความคิดเห็น
“กินไรดี อืมม เนื้อย่างดีมะ” ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเป็นคนพูดก็ไอ้นักกินนั้นยังไงหล่ะ นี่แหละของโปรดของมันเลยยิ่งเป็นตอนค่ำๆยิ่งอร่อยสำหรับคนอย่างมันเลยแหละ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครคัดค้าน ในกลุ่มเกิดความเงียบเข้าปกคลุมก่อนที่ทุกคนจะมองหน้ากันสลับไปมาเหมือนจะถามว่ามีใครจะออกความคิดเห็นอื่นใหม่ซึ่งก็ไม่มี ก่อนจะพากันโพล่งเสียงดังๆพร้อมกันเมื่อได้ยินเสียงคำกล่าวนำของเด็กหนุ่มนำทีม
“งั้นไปกันเล๊ย!”
“เฮ๊!!!” ที่มาพร้อมกับรอยยิ้ม
ความคิดเห็น