ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : (สงครามไททั่น) ย้อนอดีต ch.2
(ติ๊ง ต๊อง)
เสียงกริ่งดังบอกเวลาเลิกเรียน นักเรียนทุกคนต่างพากันเก็บของหรือหนังสือเข้ากระเป๋าพร้อมกับเดินลงจากตึกเรียนพร้อมๆกับไปรอรถรับส่ง “รถชั้นมาละ ไปก่อนนะเว๊ย!”
เสียงเด็กน้อยที่โดนถูกเรียกฉายาว่าพ่อนักกล้ามโบกมือลาเพื่อนพ้องทั้งสามทันทีที่ก้าวขึ้นรถ หลังจากที่มาถึงบ้านเหมือนเห็นใครนั่งอยู่หน้าบ้าน ดูเหมือนว่าวันนี้คงไม่ต้องทักเฟชกันสินะมารอที่น่าบ้านเลยหรอวันนี้
“วันนี้มารอที่บ้านเลยหรอวะ ตอง” ชักถามเพื่อนไปพลางเดินขึ้นบ้านไปพลาง
“อืม” กระเป๋าที่ถูกพายถูกทิ้งลงข้างคอมก่อนจะนั่งลงที่หน้าจอคอม พร้อมกับเสียงก้าวเดินของเพื่อนตองที่เดินตามหลังมา
“เป็นไงบ้างวันนี้ สาวยังตรึมอีกป่ะ” ทันทีที่มันนั่งลงก็ถามขึ้นทันที
“ก็เหมือนเดิมนั้นแหละ แล้วทำไมวันนี้ถึงได้เดินมารอเลยหล่ะ” เงียบไม่มีเสียงตอบรับ ก่อนจะหันไปดูก็เห็นมันยิ้มหน้าบานอีกละหลับตาปิ๊งๆเหมือนจะขออะไร
“อะไร จะขออะไรหรือวันนี้ไอ้ยุมันให้อะไรอีกหล่ะ” มันยิ้มกว้างทันทีที่กล่าวจบ “วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านใช่มะ”
“ใช่” วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเพราะวันนี้น้าโทรมาบอกว่าจะพายายไปธุละนานๆคงจะกลับ
“วันนี้ไอ้ยุมันบอกจะเลี้ยง ให้มันมาบ้านมะ” นั้นไง “มันบอกจะเลี้ยงใช่มะ งั้นเรียกมันมาเลย”
ไอ้เรื่องของฟรีนี่ไอ้อ๋อมคนนี้ไม่พลาดแน่นอน หลังจากที่นั่งรอก็พากันดูหนังข้ามเวลาไปซักพัก ก็ได้ยินเสียงท่อรถคุ้นหูมาจอดที่หน้าบ้าน “มันมาละ ผลักเข้ามาเลยยุ” ได้ยินเช่นนั้นมันก็รีบผลักประตูแล้วเดินเข้ามาทันที
“แกจะเลี้ยงอะไรวะยุ” เด็กเจ้าของบ้านไม่รอช้ารีบชักถามคนที่รับปากว่าจะเลี้ยงทันที “อยากกินอะไรหล่ะ” เด็กน้อยเจ้าของบ้านทำหน้าครุ่นคินอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากบอก
“ที่ตลาดจะมีบ้านนึงเขามาขายปลาหมึก อ่ะถึงเวลาเขามาขายพอดีไปซื้อมาแล้วกัน” พูดจบไอ้ยุก็รับคำแล้วเดินออกจากบ้านเพื่อไปซื้อทันที “อืมตองชั้นลืมไป ว่าจะเอางานให้ดูหน่ะว่ามันใช้ได้มะที่เราเคยว่ากันไว้”
“อืมไหนหล่ะ” เด็กน้อยล้วงถุงทันทีเพื่อที่จะหาแฟชไดรท์ แต่ดูเหมือนหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ดูที่เสื้อทีกระเป๋าชั้นนอกชั้นในทีก็หาไม่เจอ
“แม่มไม่เห็น แย่ละเว๊ยส่งพรุ่งนี้ด้วยโหยยย งานของอาจารย์คนนั้นซะด้วยอยากจะบ้าตาย”
“แกหาดูดีๆยัง”
“ดีแล้ว ไม่เจอ” อยากจะชักตายคาที่ พรุ่งนี้เป็นวันที่กำหนดส่งแล้วแท้ๆดันมาหาย หรือลืมไว้ที่โรงเรียนโอ๊ยตาย!
“ใจเย็นๆ กินปลาหมึกให้หายคลายเครียดก่อนแล้วกัน นั้นไอ้ยุมันมาละไว้เดี๋ยวชั้นจะช่วยแกทำใหม่อีกแรง” คำพูดปลอบใจของเพื่อนตองทำให้อ๋อมคลายความกังวลลงได้หน่อยนึง
“ขอบใจนะตอง” เพื่อนตองที่ได้ยินเช่นนั้นตบหลังเพื่อนเบาๆ เพราะเรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกเพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งนมนานเรื่องแค่นี้ช่วยๆกันได้ เด็กน้อยเจ้าของบ้านยิ้มขึ้นมานิดหน่อยก่อนจะลุกเดินไปเอาชามส้อมมาจัดเตรียมใส่ปลาหมึก
“ดูหนังอะไรไหมวะ” เด็กน้อยเจ้าของบ้านที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าคอมชักถามเพื่อนทันที เพราะทั้งกินไปดูหนังไปคงจะได้วิวน่าดู
“แล้วแต่”
“งั้นดูเรื่อง ฝ่าพิภพไททั่นแล้วกันถึงชั้นจะดูจบแล้วแต่มันก็หนุกดีดูอีกแล้วกัน” ใจจริงอยากดูเออร์วินอีกตางหาก
ทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ได้พูดตอบกลับแต่เพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น แล้วทั้งสามคนก็กินไปดูหนังไปคุยกันไปอย่างเพลิดเพลิน
“อ๋อมหิวน้ำ” เพื่อนตองที่ระสายตาออกจากจอคอมหันไปพูดกับอ๋อมเพื่อขอให้ไปเอาน้ำมาให้กินหน่อย “อืม งั้นชั้นไปเอาแปป”
เด็กน้อยเจ้าของบ้านลุกขึ้นเดินตรงไปทางตู้เย็น มันไม่ได้อยู่ไกลอะไรมาก ในขณะที่กำลังหยิบแก้วน้ำอยู่ก็ได้ยินเสียงเรียกของเพื่อนดังขึ้นทันที“เฮ้ยอ๋อม คอมแกเป็นอะไรหน่ะ”
คอม? เด็กน้อยรีบปิดตู้เย็นทันทีก่อนจะรีบสาวเท้าไปทางคอม “เป็นอะไรคอมเป็นอะไร?” เด็กน้อยถามเสียงร้อนรน
“แสง มันมีแสงบังหน้าจอ” ยุที่ได้ยินอ๋อมชักถามตอบกลับทันที “นั้นมันแสงอะไร คอมพังหรอพวกแกได้ไปกดอะไรมันรึอปล่าววะ”
เด็กน้อยจ้องเขม็งไปทางทั้งคู่ทันทีเพราะคิดว่าพวกมันจะไปกดอะไรจนคอมพังเข้า “พวกชั้นยังไม่ได้กดอะไรเลย ตั้งแต่แกไปเอาน้ำ”
ถึงจะพูดอย่างงั้นก็ยังไม่ทันเชื่อสักเท่าไหร่ มันเป็นแสงอะไรกันเป็นแสงสีฟ้าอมเหลืองขาวเคลื่อนไหว่ว๊าบๆครึ่งจอคอม เด็กน้อยรีบคว้าเม้าส์คลิกตรงนั้นทีตรงนี้ทีแต่ก็ไม่เป็นผลคลิกอะไรเข้าก็ไม่ตอบสนอง
“โถ๊เว๊ย” จากที่เป็นคนอารมณ์ร้อน เห็นคอมมันเป็นแบบนี้เลยไม่ได้ดั่งใจมือทั้งสองข้างก็ไปทุบลงที่แป้นพิมพ์ทันทีไม่เบาไม่แรงมากเพราะรู้อยู่แก่ใจว่ากลัวพัง แสงที่อยู่หน้าจอคอมอยู่ๆก็ค่อยๆสว่างและเรืองแสงมากยิ่งขึ้นแสงเปร่งทะลุออกมาหน้าจอคอม ทั้งสามคนที่ยืนอยู่ต่างพากันหลับตาปี๋เพราะแสบตา และก็รู้สึกเหมือนตัวกำลังถูกดูดเข้าไป
“ ฮ่ะ เฮ้ยย อะไรเนี่ย อ๊ากกกกกกกกกกกก” ทั้งสามคนถูกดูดเข้าไปด้วยแสงลึกลับที่หน้าจอคอม “อ๊ากกกกก เสียงร้องกรี๊ดกร๊าดของทั้งสามคนด้วยความตกใจที่ถูกดูดไม่รู้ว่ากำลังจะไปที่ไหนกันเพราะตอนนี้กำลังลอยละล่องด้วยความเร็วสูงในห้วงมิติ ที่เรียกว่า ห้วงกาลเวลาย้อนอดีต ตึก!!!!
“โอ๊ยยยยซี๊ดดด เจ๊บบบบ!” เสียงแรงกระแทกของก้นที่มาพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บของเด็กน้อย
“อู๊ยยย นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะนี่” เด็กน้อยค่อยๆดันตัวลุกเพราะยังรู้สึกที่ก้นอยู่ ก่อนจะเบิกตาโพล่งเพราะตอนนี้กำลังงงอย่างหนักกับสถานที่ที่ยืนอยู่ในตอนนี้มันเป็นพื้นที่สีเขียวอันกว้างใหญ่มหาศาลต้นไม้ใหญ่น้อยที่เว้นช่วงระยะกันเป็นแถบที่แล้วแต่มุมไหนจะเกิดมากหรือน้อย จนนึกสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้ที่ที่อยู่ตอนนี้ทำไมมันให้ความรู้สึกหวาดหวั่นจังนะแถมเหมือนเคยเห็น “แล้วมันที่ไหนกัน”
ระหว่างที่กำลังหมุนรอบตัวสำรวจสถานที่อยู่ไม่ทันได้มองข้างหน้าก็เผลอไปชนเข้ากับใครบางคน “โอ๊ย!!”
ทั้งสองคนร้องเสียงหลงพร้อมกันก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นดูตัวต้นเหตุ “นั้นเธอใครหน่ะ/นั้นนายใครหน่ะ อ่ะ เอ๊ะ!?”
ทั้งสองชี้นิ้วเข้าหากันก่อนจะชะงักค้างเพราะเสียงที่พูดออกมาดังคุ้นหูกันทั้งสองฝ่าย ก่อนที่ฝ่ายที่โดนเรียกว่านายจะเป็นคนเอ่ยปากก่อน “นี่หรือว่า เธอ หรือว่า..ตองหรอ!?” คนที่ถูกเรียกว่าเธอจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างครุ่นคิด
“ใช่ งั้นนายก็คือ... อ๋อมหรอ!” ทั้งสองคนยิ้มอย่างดีอกดีใจที่คนที่ชนเข้าคือเพื่อนรักแต่ก็สงสัยทำไมถึงจำหน้ากันไม่ได้ แต่ไอ้ที่มันทำให้จำไม่ได้คือ หน้าตาของทั้งสองคนเปลี่ยนไป
“ทำไมแกถึงหน้าเปลี่ยนไป ไม่สิทำไมถึงได้กลายเป็นผู้ชายไปได้ล่ะนั้น!! หล่ออีก” เพื่อนตองที่เห็นเพื่อนตัวเองรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนเป็นผู้ชายก็ตะโกนอย่างเสียงดังด้วยความตกใจและไม่เชื่อสายตา
“หรอ” เด็กน้อยรีบก้มดูรูปร่างตัวเองทันทีเพราะไม่ทันได้สังเกตก็เพราะตัวเองเป็นคนมีกล้ามอยู่แล้วเลยไม่ได้คิดอะไร “ว่าแต่แกก็เหอะ หน้าก็เปลี่ยนรูปร่างก็เพลียวพูดง่ายๆคือแกสวยพุ่นเป๊ะมากเลยเว๊ย!”
ถึงเสียงจะไม่เปลี่ยนแต่ดูเหมือนรูปร่างของทั้งสองจะเปลี่ยนไป “หรอ ไม่ทันได้ดูเพราะมัวแต่กลัว แล้วที่นี่ที่ไหนเราอยู่ที่ไหนกัน”
“ไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนเราจะโดนไอ้คอมบ้านชั้นนั้นดูดเข้ามา” อ๋อมจัดการตอบข้อสงสัยให้เพื่อนทันที ก่อนที่เพื่อนตองจะนึกคิดอะไรบางอย่าง
“เอ๊ะ! แล้วไอ้ยุแฟนชั้นหล่ะ!!!!” คำพูดของเพื่อนตองทำเอาทั้งสองใจหายวูบทันทีที่ไม่เห็นไอ้เพื่อนยุแฟนตอง “ไม่เห็นเลย อยู่ไหนอ่ะหลงทางกันหรอ ฮึก ฮึก”
น้ำตาแห่งความรักที่หวงแหงไหลอาบแก้มหญิงสาวทันทีที่พูดจบ “ไอ้ยุมันไม่เป็นอะไรได้ง่ายๆหรอกน๊า หยุดร้องๆ” ถึงจะปลอบไปเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลยิ่งทำให้หญิงสาวน้ำตาล่วงล่นมากยิ่งขึ้น
ทำให้เด็กชายที่แต่ก่อนเป็นเด็กน้อยผู้หญิงเห็นเพื่อนตัวเองร้องไห้ก็ระอาใจที่ไม่รู้จะปลอบยังไงดี “งั้นเราออกตามหายุมันกันเถอะนะ ขืนยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปเราคงไม่รู้กันพอดีว่าที่ที่เราอยู่นี่มันที่ไหนกันเผื่อจะมีใครอยู่แถวๆนี้”
เด็กหญิงไม่ตอบเพียงแค่พยักหน้าพร้อมกับเสียงสะอื้น ในขณะที่ทั้งสองก้าวเท้าเดินไปได้เพียงไม่ถึง5เก้าก็ต้องชะงักกับเสียงพื้นดินที่สั่นสะเทือนที่รู้สึกเหมือนเป็นเสียงก้าวเดินของอะไรสักอย่างที่ตัวใหญ่ มันค่อยๆดังเข้ามาเรื่อยๆเหมือนกำลังใกล้เข้ามาหาพวกเขาทั้งสองคน ทั้งสองคนกุมมือกันไว้แน่นพร้อมเหงื่อตกท้าวทั้งสองคู่ก้าวถอยหลังไปตามจังหวะเสียงก้าวเดินปริศนา
“นั่นมันเสียงอะไรกันแน่”
เด็กชายสบถออกมาเบาๆ ทั้งสองเหลียวซ้ายขวาก่อนจะเบิกตาโพล่งอย่างตกใจเหมือนคนไร้ตัวตน เพราะร่างที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นคือยักษ์ที่รูปร่างหน้าตาหน้าเกียดหน้ากลัวแต่ที่ตกใจสุดขีดคือยักษ์นั้น.......มันมะเหมือนกะ ...กับ กับ
“ทะ ไททั่น!!”
ทันทีที่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงหน้าขาที่ยืนอยู่ก็ก้าวไม่ออกมันเหมือนมีอะไรมาสะกดกั้นไว้ไม่ให้ไปไหน “ชิท!!! วะ..วิ่ง เร็ว”
ทั้งสองเมื่อตั้งสติได้ก็พากันรีบวิ่งหนีทันที เด็กชายที่ทั้งวิ่งทั้งคิดทั้งตกใจไม่หายขาก็สั่น นั้นมันอะไรกัน ไททั่นทำไมถึงได้มีไททั่น นะ นี่เราอยู่ที่ไหนกัน! หรือว่า.... “อ๋อมมันตามมาจะทันแล้ว!”
อ่ะ! เด็กชายหลุดออกจากห้วงความคิดทันทีก่อนจะหันหลังไปดูตัวยักษ์ที่ตามมา “โถ๊วะ ถ้าไม่ทำอะไรมีหวังเราได้โดนมันกินแน่” ซวยๆจิงๆ ทำไมต้องมาอยู่ที่แบบนี้กัน อะนั้น.. “นั้นมันพร้าใหญ่นี่ ดีละ”
เด็กชายจูงมือเด็กสาวไปทางที่มีพร้าใหญ่วางอยู่ก่อนจะวิ่งไปหยิบ ดีจิงที่เห็นบังเอิญจิงๆ
“ตอง เธอวิ่งหนีไปก่อนเดี๋ยวชั้นจะถ่วงเวลามันไว้เอง!”
“พูดบ้าอะไรหน่ะ” หญิงสาวที่ได้ยินเพื่อนตัวเองพูดแบบนั้นก็ถึงกับตกใจ
“มันไม่มีวิธีอื่นแล้ว ถ้าขืนเราไม่ทำอะไรเราได้ตายกันทั้งสองคนแน่ ไปเร็ว!” มืออีกข้างที่ไม่ได้จับพร้าดันเพื่อนสาวให้หนีไป
“อ่ะ อืม อย่าเป็นอะไรไปนะ” เสียงพูดที่มาพร้อมกันเสียงสั่นทั้งกลัวไททั่น ทั้งกลัวเพื่อนจะเป็นอะไรไป
“หึ! หนอยแกไอ้หน้าอัปลักษณ์ ไททั่นงั้นหรอชั้นจะบดขยี้ให้ตายคามือเลย” พูดจบพร้อมกับพุ่งเข้าไปหายักษ์ทันที ถึงปากจะว่าแบบนั้นแต่ใจก็กลัวยิ่งกว่าอะไร ถึงจะไม่มีเครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติแต่ก็ลองดูหน่อยเหอะ “ย๊าาาา!!”
มือทั้งสองกำพร้าใหญ่ไว้แน่นพร้อมกับยกขึ้นแกว่งตะหวัดไปที่ขาของยักษ์ใหญ่ มือของไททั่นที่แกว่งหมายจะตะปบเหยือก็ถูกเด็กชายหลบทัน เด็กชายวิ่งอ้อมไปทางด้านหลังหวังจะตัดเอ็นข้อเท้าให้ขาดเพื่อให้มันล้ม
“เชื๊อด!” อั๊ก! พร้าที่ใช้เชือดถูกทิ้งลงพื้นด้วยแรงฟาดของไททั่นจนทำให้ร่างของเด็กชายลอยล่องไปไกล2เมตร แอร๊ก! แค๊กๆ เด็กน้อยที่ตอนนี้นอนคว่ำหน้าพร้อมสำลักเลือดที่ไหลย้อยออกมาจากปาก
“แย่แน่ๆ ชั้นตายแน่ๆ โดนมันกินแน่ๆ โถ๊เว๊ยเจ็บลุกไม่ชึ้นแล้ว แอร๊กๆ!! จบกันชีวิต”
ขณะที่กำลังหมดความหวังเด็กชายก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรโดนเชือดเข้าด้วยของมีคม เชื๊อด! ตึ๊ง! เสียงพื้นดังสนั่นด้วยแรงกระแทกของตัวไททั่นที่ล้มลง
ก่อนจะได้ยินเหมือนเสียงม้าก้าวย่างมาทางเขาที่นอนอยู่ เด็กชายปลือตามองภาพตรงหน้าก็ได้เห็นชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่ข้างม้าสีขาว
“เป็นอะไรหรือปล่าว”
เสียงกริ่งดังบอกเวลาเลิกเรียน นักเรียนทุกคนต่างพากันเก็บของหรือหนังสือเข้ากระเป๋าพร้อมกับเดินลงจากตึกเรียนพร้อมๆกับไปรอรถรับส่ง “รถชั้นมาละ ไปก่อนนะเว๊ย!”
เสียงเด็กน้อยที่โดนถูกเรียกฉายาว่าพ่อนักกล้ามโบกมือลาเพื่อนพ้องทั้งสามทันทีที่ก้าวขึ้นรถ หลังจากที่มาถึงบ้านเหมือนเห็นใครนั่งอยู่หน้าบ้าน ดูเหมือนว่าวันนี้คงไม่ต้องทักเฟชกันสินะมารอที่น่าบ้านเลยหรอวันนี้
“วันนี้มารอที่บ้านเลยหรอวะ ตอง” ชักถามเพื่อนไปพลางเดินขึ้นบ้านไปพลาง
“อืม” กระเป๋าที่ถูกพายถูกทิ้งลงข้างคอมก่อนจะนั่งลงที่หน้าจอคอม พร้อมกับเสียงก้าวเดินของเพื่อนตองที่เดินตามหลังมา
“เป็นไงบ้างวันนี้ สาวยังตรึมอีกป่ะ” ทันทีที่มันนั่งลงก็ถามขึ้นทันที
“ก็เหมือนเดิมนั้นแหละ แล้วทำไมวันนี้ถึงได้เดินมารอเลยหล่ะ” เงียบไม่มีเสียงตอบรับ ก่อนจะหันไปดูก็เห็นมันยิ้มหน้าบานอีกละหลับตาปิ๊งๆเหมือนจะขออะไร
“อะไร จะขออะไรหรือวันนี้ไอ้ยุมันให้อะไรอีกหล่ะ” มันยิ้มกว้างทันทีที่กล่าวจบ “วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านใช่มะ”
“ใช่” วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเพราะวันนี้น้าโทรมาบอกว่าจะพายายไปธุละนานๆคงจะกลับ
“วันนี้ไอ้ยุมันบอกจะเลี้ยง ให้มันมาบ้านมะ” นั้นไง “มันบอกจะเลี้ยงใช่มะ งั้นเรียกมันมาเลย”
ไอ้เรื่องของฟรีนี่ไอ้อ๋อมคนนี้ไม่พลาดแน่นอน หลังจากที่นั่งรอก็พากันดูหนังข้ามเวลาไปซักพัก ก็ได้ยินเสียงท่อรถคุ้นหูมาจอดที่หน้าบ้าน “มันมาละ ผลักเข้ามาเลยยุ” ได้ยินเช่นนั้นมันก็รีบผลักประตูแล้วเดินเข้ามาทันที
“แกจะเลี้ยงอะไรวะยุ” เด็กเจ้าของบ้านไม่รอช้ารีบชักถามคนที่รับปากว่าจะเลี้ยงทันที “อยากกินอะไรหล่ะ” เด็กน้อยเจ้าของบ้านทำหน้าครุ่นคินอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากบอก
“ที่ตลาดจะมีบ้านนึงเขามาขายปลาหมึก อ่ะถึงเวลาเขามาขายพอดีไปซื้อมาแล้วกัน” พูดจบไอ้ยุก็รับคำแล้วเดินออกจากบ้านเพื่อไปซื้อทันที “อืมตองชั้นลืมไป ว่าจะเอางานให้ดูหน่ะว่ามันใช้ได้มะที่เราเคยว่ากันไว้”
“อืมไหนหล่ะ” เด็กน้อยล้วงถุงทันทีเพื่อที่จะหาแฟชไดรท์ แต่ดูเหมือนหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ดูที่เสื้อทีกระเป๋าชั้นนอกชั้นในทีก็หาไม่เจอ
“แม่มไม่เห็น แย่ละเว๊ยส่งพรุ่งนี้ด้วยโหยยย งานของอาจารย์คนนั้นซะด้วยอยากจะบ้าตาย”
“แกหาดูดีๆยัง”
“ดีแล้ว ไม่เจอ” อยากจะชักตายคาที่ พรุ่งนี้เป็นวันที่กำหนดส่งแล้วแท้ๆดันมาหาย หรือลืมไว้ที่โรงเรียนโอ๊ยตาย!
“ใจเย็นๆ กินปลาหมึกให้หายคลายเครียดก่อนแล้วกัน นั้นไอ้ยุมันมาละไว้เดี๋ยวชั้นจะช่วยแกทำใหม่อีกแรง” คำพูดปลอบใจของเพื่อนตองทำให้อ๋อมคลายความกังวลลงได้หน่อยนึง
“ขอบใจนะตอง” เพื่อนตองที่ได้ยินเช่นนั้นตบหลังเพื่อนเบาๆ เพราะเรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกเพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งนมนานเรื่องแค่นี้ช่วยๆกันได้ เด็กน้อยเจ้าของบ้านยิ้มขึ้นมานิดหน่อยก่อนจะลุกเดินไปเอาชามส้อมมาจัดเตรียมใส่ปลาหมึก
“ดูหนังอะไรไหมวะ” เด็กน้อยเจ้าของบ้านที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าคอมชักถามเพื่อนทันที เพราะทั้งกินไปดูหนังไปคงจะได้วิวน่าดู
“แล้วแต่”
“งั้นดูเรื่อง ฝ่าพิภพไททั่นแล้วกันถึงชั้นจะดูจบแล้วแต่มันก็หนุกดีดูอีกแล้วกัน” ใจจริงอยากดูเออร์วินอีกตางหาก
ทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ได้พูดตอบกลับแต่เพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น แล้วทั้งสามคนก็กินไปดูหนังไปคุยกันไปอย่างเพลิดเพลิน
“อ๋อมหิวน้ำ” เพื่อนตองที่ระสายตาออกจากจอคอมหันไปพูดกับอ๋อมเพื่อขอให้ไปเอาน้ำมาให้กินหน่อย “อืม งั้นชั้นไปเอาแปป”
เด็กน้อยเจ้าของบ้านลุกขึ้นเดินตรงไปทางตู้เย็น มันไม่ได้อยู่ไกลอะไรมาก ในขณะที่กำลังหยิบแก้วน้ำอยู่ก็ได้ยินเสียงเรียกของเพื่อนดังขึ้นทันที“เฮ้ยอ๋อม คอมแกเป็นอะไรหน่ะ”
คอม? เด็กน้อยรีบปิดตู้เย็นทันทีก่อนจะรีบสาวเท้าไปทางคอม “เป็นอะไรคอมเป็นอะไร?” เด็กน้อยถามเสียงร้อนรน
“แสง มันมีแสงบังหน้าจอ” ยุที่ได้ยินอ๋อมชักถามตอบกลับทันที “นั้นมันแสงอะไร คอมพังหรอพวกแกได้ไปกดอะไรมันรึอปล่าววะ”
เด็กน้อยจ้องเขม็งไปทางทั้งคู่ทันทีเพราะคิดว่าพวกมันจะไปกดอะไรจนคอมพังเข้า “พวกชั้นยังไม่ได้กดอะไรเลย ตั้งแต่แกไปเอาน้ำ”
ถึงจะพูดอย่างงั้นก็ยังไม่ทันเชื่อสักเท่าไหร่ มันเป็นแสงอะไรกันเป็นแสงสีฟ้าอมเหลืองขาวเคลื่อนไหว่ว๊าบๆครึ่งจอคอม เด็กน้อยรีบคว้าเม้าส์คลิกตรงนั้นทีตรงนี้ทีแต่ก็ไม่เป็นผลคลิกอะไรเข้าก็ไม่ตอบสนอง
“โถ๊เว๊ย” จากที่เป็นคนอารมณ์ร้อน เห็นคอมมันเป็นแบบนี้เลยไม่ได้ดั่งใจมือทั้งสองข้างก็ไปทุบลงที่แป้นพิมพ์ทันทีไม่เบาไม่แรงมากเพราะรู้อยู่แก่ใจว่ากลัวพัง แสงที่อยู่หน้าจอคอมอยู่ๆก็ค่อยๆสว่างและเรืองแสงมากยิ่งขึ้นแสงเปร่งทะลุออกมาหน้าจอคอม ทั้งสามคนที่ยืนอยู่ต่างพากันหลับตาปี๋เพราะแสบตา และก็รู้สึกเหมือนตัวกำลังถูกดูดเข้าไป
“ ฮ่ะ เฮ้ยย อะไรเนี่ย อ๊ากกกกกกกกกกกก” ทั้งสามคนถูกดูดเข้าไปด้วยแสงลึกลับที่หน้าจอคอม “อ๊ากกกกก เสียงร้องกรี๊ดกร๊าดของทั้งสามคนด้วยความตกใจที่ถูกดูดไม่รู้ว่ากำลังจะไปที่ไหนกันเพราะตอนนี้กำลังลอยละล่องด้วยความเร็วสูงในห้วงมิติ ที่เรียกว่า ห้วงกาลเวลาย้อนอดีต ตึก!!!!
“โอ๊ยยยยซี๊ดดด เจ๊บบบบ!” เสียงแรงกระแทกของก้นที่มาพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บของเด็กน้อย
“อู๊ยยย นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะนี่” เด็กน้อยค่อยๆดันตัวลุกเพราะยังรู้สึกที่ก้นอยู่ ก่อนจะเบิกตาโพล่งเพราะตอนนี้กำลังงงอย่างหนักกับสถานที่ที่ยืนอยู่ในตอนนี้มันเป็นพื้นที่สีเขียวอันกว้างใหญ่มหาศาลต้นไม้ใหญ่น้อยที่เว้นช่วงระยะกันเป็นแถบที่แล้วแต่มุมไหนจะเกิดมากหรือน้อย จนนึกสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้ที่ที่อยู่ตอนนี้ทำไมมันให้ความรู้สึกหวาดหวั่นจังนะแถมเหมือนเคยเห็น “แล้วมันที่ไหนกัน”
ระหว่างที่กำลังหมุนรอบตัวสำรวจสถานที่อยู่ไม่ทันได้มองข้างหน้าก็เผลอไปชนเข้ากับใครบางคน “โอ๊ย!!”
ทั้งสองคนร้องเสียงหลงพร้อมกันก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นดูตัวต้นเหตุ “นั้นเธอใครหน่ะ/นั้นนายใครหน่ะ อ่ะ เอ๊ะ!?”
ทั้งสองชี้นิ้วเข้าหากันก่อนจะชะงักค้างเพราะเสียงที่พูดออกมาดังคุ้นหูกันทั้งสองฝ่าย ก่อนที่ฝ่ายที่โดนเรียกว่านายจะเป็นคนเอ่ยปากก่อน “นี่หรือว่า เธอ หรือว่า..ตองหรอ!?” คนที่ถูกเรียกว่าเธอจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างครุ่นคิด
“ใช่ งั้นนายก็คือ... อ๋อมหรอ!” ทั้งสองคนยิ้มอย่างดีอกดีใจที่คนที่ชนเข้าคือเพื่อนรักแต่ก็สงสัยทำไมถึงจำหน้ากันไม่ได้ แต่ไอ้ที่มันทำให้จำไม่ได้คือ หน้าตาของทั้งสองคนเปลี่ยนไป
“ทำไมแกถึงหน้าเปลี่ยนไป ไม่สิทำไมถึงได้กลายเป็นผู้ชายไปได้ล่ะนั้น!! หล่ออีก” เพื่อนตองที่เห็นเพื่อนตัวเองรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนเป็นผู้ชายก็ตะโกนอย่างเสียงดังด้วยความตกใจและไม่เชื่อสายตา
“หรอ” เด็กน้อยรีบก้มดูรูปร่างตัวเองทันทีเพราะไม่ทันได้สังเกตก็เพราะตัวเองเป็นคนมีกล้ามอยู่แล้วเลยไม่ได้คิดอะไร “ว่าแต่แกก็เหอะ หน้าก็เปลี่ยนรูปร่างก็เพลียวพูดง่ายๆคือแกสวยพุ่นเป๊ะมากเลยเว๊ย!”
ถึงเสียงจะไม่เปลี่ยนแต่ดูเหมือนรูปร่างของทั้งสองจะเปลี่ยนไป “หรอ ไม่ทันได้ดูเพราะมัวแต่กลัว แล้วที่นี่ที่ไหนเราอยู่ที่ไหนกัน”
“ไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนเราจะโดนไอ้คอมบ้านชั้นนั้นดูดเข้ามา” อ๋อมจัดการตอบข้อสงสัยให้เพื่อนทันที ก่อนที่เพื่อนตองจะนึกคิดอะไรบางอย่าง
“เอ๊ะ! แล้วไอ้ยุแฟนชั้นหล่ะ!!!!” คำพูดของเพื่อนตองทำเอาทั้งสองใจหายวูบทันทีที่ไม่เห็นไอ้เพื่อนยุแฟนตอง “ไม่เห็นเลย อยู่ไหนอ่ะหลงทางกันหรอ ฮึก ฮึก”
น้ำตาแห่งความรักที่หวงแหงไหลอาบแก้มหญิงสาวทันทีที่พูดจบ “ไอ้ยุมันไม่เป็นอะไรได้ง่ายๆหรอกน๊า หยุดร้องๆ” ถึงจะปลอบไปเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลยิ่งทำให้หญิงสาวน้ำตาล่วงล่นมากยิ่งขึ้น
ทำให้เด็กชายที่แต่ก่อนเป็นเด็กน้อยผู้หญิงเห็นเพื่อนตัวเองร้องไห้ก็ระอาใจที่ไม่รู้จะปลอบยังไงดี “งั้นเราออกตามหายุมันกันเถอะนะ ขืนยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปเราคงไม่รู้กันพอดีว่าที่ที่เราอยู่นี่มันที่ไหนกันเผื่อจะมีใครอยู่แถวๆนี้”
เด็กหญิงไม่ตอบเพียงแค่พยักหน้าพร้อมกับเสียงสะอื้น ในขณะที่ทั้งสองก้าวเท้าเดินไปได้เพียงไม่ถึง5เก้าก็ต้องชะงักกับเสียงพื้นดินที่สั่นสะเทือนที่รู้สึกเหมือนเป็นเสียงก้าวเดินของอะไรสักอย่างที่ตัวใหญ่ มันค่อยๆดังเข้ามาเรื่อยๆเหมือนกำลังใกล้เข้ามาหาพวกเขาทั้งสองคน ทั้งสองคนกุมมือกันไว้แน่นพร้อมเหงื่อตกท้าวทั้งสองคู่ก้าวถอยหลังไปตามจังหวะเสียงก้าวเดินปริศนา
“นั่นมันเสียงอะไรกันแน่”
เด็กชายสบถออกมาเบาๆ ทั้งสองเหลียวซ้ายขวาก่อนจะเบิกตาโพล่งอย่างตกใจเหมือนคนไร้ตัวตน เพราะร่างที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นคือยักษ์ที่รูปร่างหน้าตาหน้าเกียดหน้ากลัวแต่ที่ตกใจสุดขีดคือยักษ์นั้น.......มันมะเหมือนกะ ...กับ กับ
“ทะ ไททั่น!!”
ทันทีที่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงหน้าขาที่ยืนอยู่ก็ก้าวไม่ออกมันเหมือนมีอะไรมาสะกดกั้นไว้ไม่ให้ไปไหน “ชิท!!! วะ..วิ่ง เร็ว”
ทั้งสองเมื่อตั้งสติได้ก็พากันรีบวิ่งหนีทันที เด็กชายที่ทั้งวิ่งทั้งคิดทั้งตกใจไม่หายขาก็สั่น นั้นมันอะไรกัน ไททั่นทำไมถึงได้มีไททั่น นะ นี่เราอยู่ที่ไหนกัน! หรือว่า.... “อ๋อมมันตามมาจะทันแล้ว!”
อ่ะ! เด็กชายหลุดออกจากห้วงความคิดทันทีก่อนจะหันหลังไปดูตัวยักษ์ที่ตามมา “โถ๊วะ ถ้าไม่ทำอะไรมีหวังเราได้โดนมันกินแน่” ซวยๆจิงๆ ทำไมต้องมาอยู่ที่แบบนี้กัน อะนั้น.. “นั้นมันพร้าใหญ่นี่ ดีละ”
เด็กชายจูงมือเด็กสาวไปทางที่มีพร้าใหญ่วางอยู่ก่อนจะวิ่งไปหยิบ ดีจิงที่เห็นบังเอิญจิงๆ
“ตอง เธอวิ่งหนีไปก่อนเดี๋ยวชั้นจะถ่วงเวลามันไว้เอง!”
“พูดบ้าอะไรหน่ะ” หญิงสาวที่ได้ยินเพื่อนตัวเองพูดแบบนั้นก็ถึงกับตกใจ
“มันไม่มีวิธีอื่นแล้ว ถ้าขืนเราไม่ทำอะไรเราได้ตายกันทั้งสองคนแน่ ไปเร็ว!” มืออีกข้างที่ไม่ได้จับพร้าดันเพื่อนสาวให้หนีไป
“อ่ะ อืม อย่าเป็นอะไรไปนะ” เสียงพูดที่มาพร้อมกันเสียงสั่นทั้งกลัวไททั่น ทั้งกลัวเพื่อนจะเป็นอะไรไป
“หึ! หนอยแกไอ้หน้าอัปลักษณ์ ไททั่นงั้นหรอชั้นจะบดขยี้ให้ตายคามือเลย” พูดจบพร้อมกับพุ่งเข้าไปหายักษ์ทันที ถึงปากจะว่าแบบนั้นแต่ใจก็กลัวยิ่งกว่าอะไร ถึงจะไม่มีเครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติแต่ก็ลองดูหน่อยเหอะ “ย๊าาาา!!”
มือทั้งสองกำพร้าใหญ่ไว้แน่นพร้อมกับยกขึ้นแกว่งตะหวัดไปที่ขาของยักษ์ใหญ่ มือของไททั่นที่แกว่งหมายจะตะปบเหยือก็ถูกเด็กชายหลบทัน เด็กชายวิ่งอ้อมไปทางด้านหลังหวังจะตัดเอ็นข้อเท้าให้ขาดเพื่อให้มันล้ม
“เชื๊อด!” อั๊ก! พร้าที่ใช้เชือดถูกทิ้งลงพื้นด้วยแรงฟาดของไททั่นจนทำให้ร่างของเด็กชายลอยล่องไปไกล2เมตร แอร๊ก! แค๊กๆ เด็กน้อยที่ตอนนี้นอนคว่ำหน้าพร้อมสำลักเลือดที่ไหลย้อยออกมาจากปาก
“แย่แน่ๆ ชั้นตายแน่ๆ โดนมันกินแน่ๆ โถ๊เว๊ยเจ็บลุกไม่ชึ้นแล้ว แอร๊กๆ!! จบกันชีวิต”
ขณะที่กำลังหมดความหวังเด็กชายก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรโดนเชือดเข้าด้วยของมีคม เชื๊อด! ตึ๊ง! เสียงพื้นดังสนั่นด้วยแรงกระแทกของตัวไททั่นที่ล้มลง
ก่อนจะได้ยินเหมือนเสียงม้าก้าวย่างมาทางเขาที่นอนอยู่ เด็กชายปลือตามองภาพตรงหน้าก็ได้เห็นชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่ข้างม้าสีขาว
“เป็นอะไรหรือปล่าว”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น