ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นางฟ้า ซาตาน

    ลำดับตอนที่ #2 : เฮเคียว อไมลิส

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 49


    เฮเคียว  อไมลิส

            ตอนเย็น  พี่ลีมีนมารับฉันที่โรงเรียน  พี่เฮย์มิวไปติดต่อลูกค้าเรื่องงานเลยมารับไม่ได้  ความจริงถ้าพี่เฮย์มิวมารับไม่ได้  ก็โทรมาบอกให้ลินกลับเองก็ได้  พี่จะได้ไม่ต้องปิดร้านเร็ว  เสียรายได้เปล่าๆฉันบอกพี่ตอนอยู่บนแท็กซี่ไม่ได้ อันตรายพี่ลีมีนสวนกลับทันควันแบบไม่ต้องคิด  ฉันล่ะเซ็งกับไอ้อาการห่วงเวอร์ของพี่  ทำไม  ที่มารับมาส่ง กลัวฉันมีแฟนแล้วใจแตกเหรอฉันเปรยลอยๆ  แต่ดันไปเข้าหูพี่หุบปากเดี๋ยวนี้นะ  แกมันไม่รู้อะไรเจ๊แกเล่นตวาดลั่นแท็กซี่  จนคนขับรถตกใจเหยียบเบรกกะทันหัน  นางปีศาจร้ายเลยหันไปวีนคนขับแท็กซี่ต่อ  ฉันเลยรูดซิปปากสนิท  ดูคนขับแท็กซี่โดนเทศนาอย่างน่าสงสาร

            ขับห่วยแตก  แถมค่าโดยสารก็แพง  ทำไมโลกนี้มันเฮงซวยอย่างนี้ลงจากแท็กซี่แล้วพี่ลีมีนยังบ่นไม่เลิก  ฉันเดินก้มหน้าก้มตาคิดนิยายไปเพลินๆตุ่บฉันเดินชนเข้ากับแผ่นหลังพี่ลีมีนที่หยุดเดินกะทันหัน  กระเป๋าถือของพี่หล่นตุ่บลงที่พื้น  เธอกำลังตกใจกับสิ่งเบื้องหน้า  และก็เปลี่ยนเป็นกัดฟันกรอด

            เลือด! เลือดสดๆสีแดงๆป้ายอยู่ที่กระจกร้าน  โชคดีที่ไม่ใช่เลือดคน  ฉันเดินเข้าไปดูใกล้ๆ  นั่งยองๆลงมองนกผู้เคราะห์ร้าย  นกแสก  คงจะเป็นพวกวัยรุ่นที่ชอบมาวางท่ารีดไถ  แต่พี่ก็ใช้วิชายูโดจัดการไปได้ทุกที

            ไมลิน  แกรีบไปแพ็คกระเป๋าพี่ลีมีนพูดดูหน้าซีดเผือด  เขาจะให้ฉันเดินทางไปไหนกัน   แต่ดูจากอาการหน้าตกใจสุดขีดของพี่แล้ว  ฉันก็ยอมทำตามแต่โดยดี  ไม่ได้ถามอะไร  ฉันรีบขึ้นห้องไปเก็บของ  ยังไม่ทันเก็บหมด  พี่เฮย์มิวก็กลับมา  เขารีบฉุดแขนฉันลงจากบ้านไปขึ้นรถทันที  นี่มันเรื่องอะไรกัน  ขนาดพี่เฮย์มิวที่แสนใจเย็นก็เป็นไปกับเขาด้วย  พี่เฮย์มิวรีบบึ่งรถออกจากตัวเมืองในทันที

            สถานการณ์ในรถตึงเครียดมากๆ  แต่ฉันก็ต้านทานความสงสัยไม่ไหวเรากำลังจะไปไหนกันฉันถามออกไปในที่สุด  พี่ทั้งสองมองหน้ากัน  เมืองฟองเดอร์พี่เฮย์มิวตอบสั้นๆง่ายๆได้ใจความ  แต่ไอ้ความหมายของการไปเมืองชนบทอย่างนั้น  แล้วฉันที่ต้องแพ็คกระเป๋า  อย่าบอกนะว่าฉันต้องไปอยู่เมืองบ้านนอกอย่างนั้น  ใครๆก็รู้ว่าเมืองฟองเดอร์น่ะกันดารแค่ไหน

            แกคงต้องไปอยู่ที่นั่นสักพักพี่ลีมีนบอกกับฉันแต่พี่ไม่ได้แพ็คกระเป๋ามาด้วยนี่  จะให้ฉันอยู่คนเดียวเหรอ  มันอันตรายนะฉันพยายามอ้อนที่จะไม่ไปอยู่เมืองนั้น  ถึงฉันจะยังไม่รู้ก็เถอะว่าต้องอยู่ด้วยเหตุผลอะไรแกจะอยู่กับเฮเคียว  พี่ชายอีกคนของแกหา!ฉันพูดอะไรไม่ออกแล้วล่ะงานนี้  นี่ฉันมีพี่ชายด้วยหรือนี่  ทำไมไม่เห็นจำได้เลย  แล้วไอ้ชื่อเฮเคียวนี่ก็ไม่คุ้นซะด้วย  ไม่รู้ชื่อตาสีตาสาที่ไหน

            พี่เฮย์มิวขับรถมาจอดที่หน้าหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง  พี่ลีมีนออกไปโทรศัพท์หน้าเครียดนอกรถ  ฉันฝากลาพิงค์ได้ไหมฉันบอกกับพี่เฮย์มิวอืม...ได้สิพี่ชายลังเลนิดนึงก่อนตอบตกลงเอ้อ...แล้วก็

    เลทิสด้วยแล้วฉันก็ต่ออีกประโยคเบาๆ...ไม่รู้ว่าพี่จะได้ยินมันหรือเปล่าพี่บอกได้ไหมว่าทำไมฉันต้องมาอยู่ที่นี่ฉันถามพี่เฮย์มิว  เขาทำหน้าครุ่นคิดซักพัก  พี่กับลีมีนจะแต่งงานกัน  มีเธออยู่ด้วยมันไม่สะดวกเป็นคำตอบที่แทงใจฉันมากๆ  เป็นครั้งแรกที่ฉันคิดว่าพี่เฮย์มิวไม่มีเหตุผล  มีอย่างที่ไหน  ตัวเองแต่งงานสายฟ้าแลบ  แล้วเนรเทศน้องไปอยู่บ้านนอก  ดูยังไงเหตุผลที่ฉันต้องมาอยู่ที่นี่มันก็เป็นเรื่อง เลือดนกแสก นั่นชัดๆ  ฉันกำลังจะเค้นเอาความจริงจากพี่เฮย์มิว  แต่พี่ลีมีนคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเลยเข้ามาขัดจังหวะการสอบสวนพยานปากแข็งซะก่อน 

            เฮเคียวมันจะมารอแกหน้าบ้าน  พวกเราคงส่งแกแค่นี้พี่ลีมีนกลับเข้ามาพูดหน้าตายเฉยเลยพี่ฉันอุทานเสียงหลง  พี่จะทิ้งฉันไว้ที่นี่จริงๆเหรอ  พี่ใจร้าย...ใจร้ายจริงๆ

            พี่เฮย์มิวช่วยฉันขนของลงจากรถ  ถึงตอนนี้ฉันก็พูดอะไรไม่ออกแล้วล่ะ  พี่ลีมีนนั่งทำหน้าเย็นชาอยู่ในรถนั่น  ไม่คิดจะหันมามองหน้าฉันสักครั้ง  ฉันก็ไม่อยากจะสนใจยัยพี่อำมหิตนั่นหรอก  ดีแล้ว...แยกกันสักพักก็ดี  ชีวิตฉันจะได้มีความสงบสุขกับเขาสักที  ทั้งที่สมองฉันมันก็คิดแบบนี้นะ  แต่ทำไมไม่รู้...ทำไมน้ำตามันยังไหลออกมาก็ไม่รู้  คนร้องไห้คือคนอ่อนแอไม่ใช่หรือไง  ฉันมีชีวิตที่เข้มแข็งมาตลอดนะ  พี่เองที่เป็นคนบอกฉันแบบนั้น  แต่ทั้งพี่เฮย์มิวและพี่ลีมีนก็ร้องไห้  ฉันเห็นนะ...ตอนทั้งคู่หันมามองหน้าฉันเป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป  เราทั้งสามคน...มันก็งี่เง่าพอๆกันนั่นแหละ

     

            เอาล่ะ!  ตอนนี้ฉันต้องเผชิญชะตากรรมคนเดียวแล้ว  และฉันก็ไม่รู้ว่าไอ้พี่ชายอีกคนที่ชื่อเฮเคียวเนี่ย  หน้าตาเป็นยังไง  ที่แน่ๆตอนนี้เลย...ฉันไม่รู้จะไปทางไหน  พี่บอกว่าพี่เฮเคียวอะไรนั่นจะมารอหน้าบ้าน  แล้วไอ้บ้านที่ว่าน่ะมันอยู่ที่ไหน  ตอนนี้ก็เย็นมากซะแล้วสิ

            คุณยายคะ...ขอโทษนะคะ  รู้จักบ้านคนที่ชื่อ เฮเคียว  อไมลิส ไหมคะฉันปั้นน้ำเสียงหวานถามยายคนหนึ่งที่เดินอยู่ในหมู่บ้าน  เสียมารยาท...เรียกป้าก็พอมั้งฉันยังไม่แก่ขนาดนั้นคุณยายอยากสาวแผดเสียง  อะจึ๋ย!น่ากลัวจริงๆ  คนในหมู้บ้านจะน่ากลัวแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะแล้วเธอจะไปทำอะไรที่บ้านหลังนั้นแน่ะ...ยุ่งเรื่องชาวบ้านไม่น้อยเลยคุณยายนี่  เอ้อ! ฉันจะไปพบคนรู้จักน่ะค่ะโชคดีที่ปากฉันมันยังมีความคิดกว่าสมอง  ฉันเลยได้แผนที่บ้านหลังนั้นมา  แถมได้ข้อมูลเกี่ยวกับที่นี่นิดๆหน่อยๆ  บ้านหลังนั้นน่ะ...มันเป็นเหมือนบ้านผีสิง  เย็นๆมืดๆอย่างนี้ไม่มีใครกล้าเดินผ่านหรอก  เจ้าของบ้านชื่อเฮเคียว  รวยมากๆเป็นอาจารย์โรงเรียนประจำชื่อดังในเมืองน่ะ  รู้สึกจะอายุ26แล้วมั้ง  แต่ยังไม่มีภรรยาเลย  เพราะว่าเขาน่ะ...เหมือนผีดิบ ชอบทำตัวลึกลับ  ส่วนพวกเหล่าสาวใช้ในบ้านน่ะนะ  ก็เหมือนซากศพ...ดูเหมือนไม่มีวิญญาณ  เธอคงเป็นคนรู้จักของแม่พวกนั้นล่ะสิ  ยังไงซะ ไปที่นั่นก็ระวังตัวหน่อยละกัน  โดยเฉพาะเจ้าของบ้านน่ะคุณยายเล่นนินทาพี่ชายฉันซะยาวยืด  แถมยังคิดว่าฉันเป็นคนรู้จักกับพวกสาวใช้ซะอีก ( ฮึ่ย! หน้าตาฉันมันอับบารมีขนาดนั้นเชียวเหรอ)  แต่ดูจากแผนที่แล้ว  มันคงจะเป็นบ้านผีสิงอย่างที่คุณยายว่าจริงๆ  ก็เล่นไปตั้งอยู่ไกลหมู่บ้านซะขนาดนั้น  แถมคุณพี่ชายที่เป็นอาจารย์อายุ26อีก  คงเฮียบน่าดู  แล้วฉันจะใช่ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนั้นได้ยังไงเนี่ย

            โอ้วมายก็อด!ฉันรู้เหตุผลที่มันอยู่ไกลจากหมู่บ้านแล้วล่ะ  ก็บ้านของพี่ชายฉันมันคือคฤหาสน์ที่เหมือนพระราชวัง  ส่วนไอ้ระยะห่างที่ว่า  มันคือสวนหน้าบ้านของฉันเอง  เป็นสวนที่ใหญ่และสวยมากๆ  นี่มันไม่ใช่รวยธรรมดาแล้วนะเนี่ย  แบบนี้เขาเรียกว่าโคตรรวย  เฮ้!ฉันมีญาติรวยๆด้วยหรือเนี่ย  รู้งี้รีบเผ่นมาพึ่งใบบุญพี่ เฮเคียวตั้งนานแล้ว  ไม่ทนโง่อยู่กับปีศาจลีมีนหรอก  เฮ้อ...แต่คิดถึงแล้วก็เศร้า  ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนานนี่นะ

            ปี๊นๆ  รถสปอร์ตคันหนึ่งบีบแตรแล้วขับเฉี่ยวฉันไปนิดเดียว  นี่ไม่คิดจะเกรงใจเจ้าของบ้านบ้างเลยหรือไงยะ(บ้านของพี่ฉัน  มันก็เหมือนบ้านของฉันแหละน่า) “บ้านนี้ไม่ต้อนรับเซลล์แมนครับเสียงหล่อๆเสียงหนึ่งดังมาจากรถปอร์เช่สีดำคันนั้น  ผู้ชายที่ก้าวลงมา  หล่อมาก...หุ่นดียังกะนายแบบ  แต่มาว่าฉันเป็นเซลล์แมนได้ยังไง  ฉันเป็นน้องสาวเจ้าของบ้านนะ  นายนั่นแหละเป็นใครฉันมาพบคุณเฮเคียวเจ้าของบ้านน่ะ  รู้จักไหมฉันถามวางมาดหยิ่งสุดๆ  ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร

            นายหน้าหล่อคนนั้นมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วทำหน้าเหยเก  เธอเนี่ยนะ...ไมลิน  ก็น่ารักดี  แต่สวยไม่ได้เสี้ยวยัยลีมีน  ช็อค! ฉันช็อคสุดๆ  ทั้งกับคำพูดและความหมาย  ถึงฉันจะรู้ตัวดีว่าความสวยมันห่างชั้นกับพี่ลีมีนแค่ไหน  แต่ก็ไม่เคยมีใครพูดตรงๆแบบนี้กับฉัน  ฉันคงจะเอากำปั้นยัดปากเขาไปแล้ว  ถ้าไม่ติดความหมายในคำพูด  อย่าบอกนะว่านี่คือพี่เฮเคียว  พี่ชายที่เป็นอาจารย์อายุ26ของฉัน  ดูยังไงๆก็แค่เพลย์บอยอายุ18ชัดๆ  โอ๊ย!แล้วถ้านี่คือพี่ชายฉันจริงๆ  ขืนอยู่ด้วยกันไปต้องได้บ้านแตกแน่ๆ

            ขึ้นรถสิ  เธอคงไม่เดินเข้าบ้านหรอกใช่ไหมเขาเข้าไปนั่งอยู่ในรถแล้วตบเบาะที่นั่งด้วยท่าทางกวนโทสะเป็นที่สุด  แบร้...แค่นี้ฉันใช่โรเลอร์เบรดก็ได้ย่ะฉันแลบลิ้นใส่พี่ชายที่น่านับถือน้อยที่สุดในโลก  เขาทำหน้าเอือมระอา  และ....

            ว๊ากๆๆฉันแหกปากดังลั่น  ไอ้พี่บ้ามันล็อกคอแล้วลากฉันขึ้นรถ  แล้วก็ขับซิ่งสุดๆแบบที่ฉันยังไม่ทันตั้งตัว  จนฉันต้องเกาะเบาะแน่นเหมือนตีนตุ๊กแก...! 

            เอี๊ยด! พี่แกเล่นเบรกกะทันหันซะงั้น  จนฉันเกือบหน้าคะมำ  คิดจะซิ่งก็ซิ่ง คิดจะเบรกก็เบรก  เดี๋ยวฉันหัวใจวายตายเป็นผีเฝ้ารถขึ้นมาแล้วจะรู้สึก  ฉันเฮี้ยนนะจะบอกให้  แล้วแกก็ลากฉันลงรถ  ฉันเพิ่งสังเกตนะเนี่ยว่ายังไม่ถึงตัวบ้านเลย  อยู่ในส่วนหนึ่งของสวนหน้าบ้าน  แล้วแกจะแวะหาอะไร... 

            พี่เฮเคียวพาฉันเดินลึกเข้าไปในสวน  ผ่านพุ่มไม้เตี้ย  ต้นสนสูงมากมาย  และมาหยุดอยู่ที่ลานแห่งหนึ่ง  ภาพตรงหน้าฉันมันสวยมากๆ  เลยจากรั้วลานโล่งไปเป็นทะเลสาบเวิ้งว้าง  ดวงตะวันทอแสงระยิบระยับต้องพื้นน้ำที่สั่นไหว  ติดแต่เพียง...ป้ายหลุมศพ2ป้ายที่ตั้งอยู่กลางลาน  ราวกับว่าลานโล่งแห่งนี้ถูกสร้างเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ  มันทำให้บรรยากาศโดยรอบบริเวณนี้ดูเศร้ามากๆ  ฉันสัมผัสได้เลย  คงเป็นความรู้สึกเสียใจมากๆที่ต้องสูญเสียคนที่สำคัญถึง2คน

            ไหว้ซะสิ  พ่อแม่ของเธอน่ะพี่ชายทำสีหน้าสงบ  แล้วหันมาพูดกับฉัน  หา!นี่คือหลุมศพพ่อแม่ของฉันหรอกเหรอ  แต่ก็คงไม่แปลกหรอกนะ  ก็พี่เฮเคียวเป็นพี่แท้ๆของฉันนี่  หลุมศพของพ่อกับแม่จะอยู่ที่นี่ก็ไม่แปลก  ว่าแต่พี่ลีมีนรู้เรื่องนี้หรือยังนะ

            เธอจะอยู่ที่นี่ซักพัก  หรืออยากจะกลับเลยพี่เฮเคียวถามความเห็นฉัน  แหม...เวลาทำตัวเป็นพี่ชาย

    ใจดีก็น่ารักแฮะ  ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย  ทำหน้าอย่างงี้แปลว่าอยากกลับเลย  โอ๊ย...ขอถอนคำพูด  เขาเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจตัวเองที่สุด  แต่ก็ช่างเหอะ  ฉันก็อยากกลับแหละ  เพลียเหลือเกิน

            อืม...ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ถึงว่าฉันไม่สวยเอามากๆ  ก็สาวใช้ที่นี่สวยสบึมทั้งนั้นเลยนี่นา  ดูน่ารักสดใส  ไม่เหมือนซากศพเลยซักนิด  และที่แน่ๆพี่เฮเคียวไม่ใช่ผีดิบลึกลับด้วย  ออกจะติดมาดกวนประสาทซะด้วยซ้ำ  แต่ว่า...ฉันชอบที่นี่มากเลยแหละ  ตกแต่งได้หรูหรามาก  ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงเลย 

            อยากอยู่ห้องไหนก็เลือกเอา  ด้านหลังมีอีกหลายตึก  ตกแต่งไว้หลายสไตล์  จะไปอยู่ก็ได้  แต่ห้ามไปยุ่งกับหอคอยที่มุมสวนหลังบ้าน  และก็ขาดเหลือหรืออยากได้อะไรก็เรียกใช้สาวๆพวกนี้ได้พี่เฮเคียวพูดแค่นี้ก็เดินขึ้นบันไดวนไป  ยังไงซะฉันก็จะอยู่ตึกนี้แหละ  มันสวยถูกใจ  และตอนนี้ฉันก็เพลียมากๆด้วย

            ฉันเลือกห้องมุมสุดที่ชั้นสาม  มันมองเห็นทะเลสาบข้างบ้าน  และเห็นสวนหน้าบ้าน  ที่แน่ๆเห็นลานหลุมศพของพ่อกับแม่ด้วย...  ห้องน้ำในห้องส่วนตัวของฉันหรูมาก  มีอ่างน้ำวนด้วย  แต่ว่ามันใหญ่มากจนฉันไม่กล้าอาบคนเดียว  ฉันเลยชวนเมทคนหนึ่งมาอาบเป็นเพื่อน  เราเล่นฟองสบู่ในอ่างน้ำด้วยกัน  มันเหมือนอยู่บนสวรรค์เลยแฮะ  ฉันหลอกถามข้อมูลของพี่เฮเคียวจากเธอ  แต่ดูเหมือนเธอจะสวยแต่ไม่โง่  เธอจะตอบ

    บ่ายเบี่ยงอย่างสุภาพจนฉันถอดใจ  ทำไมพวกเธอถึงซื่อสัตย์กับพี่เฮเคียวขนาดนี้นะ....

            ฉันผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  เมื่อคืนฉันชวนเพื่อนใหม่คุยด้วยทั้งคืน(พวกเมทที่น่ารัก)  รู้แต่ว่าตอนนี้หิวมากๆ  ฉันรู้สึกดีใจเหลือเกินที่เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความฝัน  แต่ฉันอยากให้ทุกคนอยู่ที่นี่จัง  ทั้งพี่ลีมีน พี่เฮย์มิว พิงค์ และก็...เลทิส  (ไม่ๆๆ  ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนะ  แค่รู้สึกว่าถ้ามาอยู่ด้วยก็คงจะสนุกดี)

            ฉันลงมาข้างล่าง  หาห้องทานอาหารไม่เจอสักที  บังเอิญเจอเมทที่อาบน้ำด้วยกันเมื่อคืน  เธอบอกว่าที่นี่ไม่ทานข้าวกันในห้องอาหารหรอก  เพราะคุณผู้ชาย(พี่เฮเคียว)ไม่ทานข้าวเช้า  และเขาก็จะทานข้าวเย็นมาจากที่อื่นแล้ว  ใครอยากทานก็ต้องที่ห้องตัวเอง  หรือที่อื่นก็ได้  ง่ายๆก็คือที่นี่ไม่มีห้องอาหาร

            ใครออกแบบสร้างบ้านหลังนี้นะ  มีคนอยู่คนเดียวกับพวกเมทอีกกลุ่มหนึ่ง  แต่สร้างห้องไว้ซะเยอะ  และที่ปัญญาอ่อนที่สุดคือไม่มีห้องอาหาร  แล้วคนที่ชอบกินอย่างฉันจะอยู่ยังไงเนี่ย

            ฉันเลือกโต๊ะชุดที่สวนหน้าบ้านเป็นที่ทานอาหารมื้อแรก  อร่อยมากๆเลย  แต่ยังไงฉันก็ยังติดใจในรสชาติอาหารของพี่ลีมีน  เราจะกินพร้อมหน้ากันสามคนทุกครั้ง  ฉันจะโดนดุเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารเสมอ  คิดถึงจังเลยบรรยากาศแบบนั้น....

     

    จะมีวันได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่านะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×