คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เฮเคียว อไมลิส
เฮเคียว อไมลิส
ตอนเย็น พี่ลีมีนมารับฉันที่โรงเรียน พี่เฮย์มิวไปติดต่อลูกค้าเรื่องงานเลยมารับไม่ได้ “ความจริงถ้าพี่เฮย์มิวมารับไม่ได้ ก็โทรมาบอกให้ลินกลับเองก็ได้ พี่จะได้ไม่ต้องปิดร้านเร็ว เสียรายได้เปล่าๆ” ฉันบอกพี่ตอนอยู่บนแท็กซี่ “ไม่ได้ อันตราย” พี่ลีมีนสวนกลับทันควันแบบไม่ต้องคิด ฉันล่ะเซ็งกับไอ้อาการห่วงเวอร์ของพี่ “ทำไม ที่มารับมาส่ง กลัวฉันมีแฟนแล้วใจแตกเหรอ” ฉันเปรยลอยๆ แต่ดันไปเข้าหูพี่ “หุบปากเดี๋ยวนี้นะ แกมันไม่รู้อะไร” เจ๊แกเล่นตวาดลั่นแท็กซี่ จนคนขับรถตกใจเหยียบเบรกกะทันหัน นางปีศาจร้ายเลยหันไปวีนคนขับแท็กซี่ต่อ ฉันเลยรูดซิปปากสนิท ดูคนขับแท็กซี่โดนเทศนาอย่างน่าสงสาร
“ขับห่วยแตก แถมค่าโดยสารก็แพง ทำไมโลกนี้มันเฮงซวยอย่างนี้” ลงจากแท็กซี่แล้วพี่ลีมีนยังบ่นไม่เลิก ฉันเดินก้มหน้าก้มตาคิดนิยายไปเพลินๆ ‘ตุ่บ’ ฉันเดินชนเข้ากับแผ่นหลังพี่ลีมีนที่หยุดเดินกะทันหัน กระเป๋าถือของพี่หล่นตุ่บลงที่พื้น เธอกำลังตกใจกับสิ่งเบื้องหน้า และก็เปลี่ยนเป็นกัดฟันกรอด
เลือด! เลือดสดๆสีแดงๆป้ายอยู่ที่กระจกร้าน โชคดีที่ไม่ใช่เลือดคน ฉันเดินเข้าไปดูใกล้ๆ นั่งยองๆลงมองนกผู้เคราะห์ร้าย นกแสก คงจะเป็นพวกวัยรุ่นที่ชอบมาวางท่ารีดไถ แต่พี่ก็ใช้วิชายูโดจัดการไปได้ทุกที
“ไมลิน แกรีบไปแพ็คกระเป๋า” พี่ลีมีนพูดดูหน้าซีดเผือด เขาจะให้ฉันเดินทางไปไหนกัน แต่ดูจากอาการหน้าตกใจสุดขีดของพี่แล้ว ฉันก็ยอมทำตามแต่โดยดี ไม่ได้ถามอะไร ฉันรีบขึ้นห้องไปเก็บของ ยังไม่ทันเก็บหมด พี่เฮย์มิวก็กลับมา เขารีบฉุดแขนฉันลงจากบ้านไปขึ้นรถทันที นี่มันเรื่องอะไรกัน ขนาดพี่เฮย์มิวที่แสนใจเย็นก็เป็นไปกับเขาด้วย พี่เฮย์มิวรีบบึ่งรถออกจากตัวเมืองในทันที
สถานการณ์ในรถตึงเครียดมากๆ แต่ฉันก็ต้านทานความสงสัยไม่ไหว “เรากำลังจะไปไหนกัน” ฉันถามออกไปในที่สุด พี่ทั้งสองมองหน้ากัน “เมืองฟองเดอร์” พี่เฮย์มิวตอบสั้นๆง่ายๆได้ใจความ แต่ไอ้ความหมายของการไปเมืองชนบทอย่างนั้น แล้วฉันที่ต้องแพ็คกระเป๋า อย่าบอกนะว่าฉันต้องไปอยู่เมืองบ้านนอกอย่างนั้น ใครๆก็รู้ว่าเมืองฟองเดอร์น่ะกันดารแค่ไหน
“แกคงต้องไปอยู่ที่นั่นสักพัก”พี่ลีมีนบอกกับฉัน “แต่พี่ไม่ได้แพ็คกระเป๋ามาด้วยนี่ จะให้ฉันอยู่คนเดียวเหรอ มันอันตรายนะ” ฉันพยายามอ้อนที่จะไม่ไปอยู่เมืองนั้น ถึงฉันจะยังไม่รู้ก็เถอะว่าต้องอยู่ด้วยเหตุผลอะไร “แกจะอยู่กับเฮเคียว พี่ชายอีกคนของแก” หา!ฉันพูดอะไรไม่ออกแล้วล่ะงานนี้ นี่ฉันมีพี่ชายด้วยหรือนี่ ทำไมไม่เห็นจำได้เลย แล้วไอ้ชื่อเฮเคียวนี่ก็ไม่คุ้นซะด้วย ไม่รู้ชื่อตาสีตาสาที่ไหน
พี่เฮย์มิวขับรถมาจอดที่หน้าหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง พี่ลีมีนออกไปโทรศัพท์หน้าเครียดนอกรถ “ฉันฝากลาพิงค์ได้ไหม” ฉันบอกกับพี่เฮย์มิว “อืม...ได้สิ” พี่ชายลังเลนิดนึงก่อนตอบตกลง “เอ้อ...แล้วก็
เลทิสด้วย” แล้วฉันก็ต่ออีกประโยคเบาๆ...ไม่รู้ว่าพี่จะได้ยินมันหรือเปล่า “ พี่บอกได้ไหมว่าทำไมฉันต้องมาอยู่ที่นี่” ฉันถามพี่เฮย์มิว เขาทำหน้าครุ่นคิดซักพัก “พี่กับลีมีนจะแต่งงานกัน มีเธออยู่ด้วยมันไม่สะดวก” เป็นคำตอบที่แทงใจฉันมากๆ เป็นครั้งแรกที่ฉันคิดว่าพี่เฮย์มิวไม่มีเหตุผล มีอย่างที่ไหน ตัวเองแต่งงานสายฟ้าแลบ แล้วเนรเทศน้องไปอยู่บ้านนอก ดูยังไงเหตุผลที่ฉันต้องมาอยู่ที่นี่มันก็เป็นเรื่อง เลือดนกแสก นั่นชัดๆ ฉันกำลังจะเค้นเอาความจริงจากพี่เฮย์มิว แต่พี่ลีมีนคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเลยเข้ามาขัดจังหวะการสอบสวนพยานปากแข็งซะก่อน
“เฮเคียวมันจะมารอแกหน้าบ้าน พวกเราคงส่งแกแค่นี้” พี่ลีมีนกลับเข้ามาพูดหน้าตายเฉยเลย “พี่” ฉันอุทานเสียงหลง พี่จะทิ้งฉันไว้ที่นี่จริงๆเหรอ พี่ใจร้าย...ใจร้ายจริงๆ
พี่เฮย์มิวช่วยฉันขนของลงจากรถ ถึงตอนนี้ฉันก็พูดอะไรไม่ออกแล้วล่ะ พี่ลีมีนนั่งทำหน้าเย็นชาอยู่ในรถนั่น ไม่คิดจะหันมามองหน้าฉันสักครั้ง ฉันก็ไม่อยากจะสนใจยัยพี่อำมหิตนั่นหรอก ดีแล้ว...แยกกันสักพักก็ดี ชีวิตฉันจะได้มีความสงบสุขกับเขาสักที ทั้งที่สมองฉันมันก็คิดแบบนี้นะ แต่ทำไมไม่รู้...ทำไมน้ำตามันยังไหลออกมาก็ไม่รู้ คนร้องไห้คือคนอ่อนแอไม่ใช่หรือไง ฉันมีชีวิตที่เข้มแข็งมาตลอดนะ พี่เองที่เป็นคนบอกฉันแบบนั้น แต่ทั้งพี่เฮย์มิวและพี่ลีมีนก็ร้องไห้ ฉันเห็นนะ...ตอนทั้งคู่หันมามองหน้าฉันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป เราทั้งสามคน...มันก็งี่เง่าพอๆกันนั่นแหละ
เอาล่ะ! ตอนนี้ฉันต้องเผชิญชะตากรรมคนเดียวแล้ว และฉันก็ไม่รู้ว่าไอ้พี่ชายอีกคนที่ชื่อเฮเคียวเนี่ย หน้าตาเป็นยังไง ที่แน่ๆตอนนี้เลย...ฉันไม่รู้จะไปทางไหน พี่บอกว่าพี่เฮเคียวอะไรนั่นจะมารอหน้าบ้าน แล้วไอ้บ้านที่ว่าน่ะมันอยู่ที่ไหน ตอนนี้ก็เย็นมากซะแล้วสิ
“คุณยายคะ...ขอโทษนะคะ รู้จักบ้านคนที่ชื่อ เฮเคียว อไมลิส ไหมคะ” ฉันปั้นน้ำเสียงหวานถามยายคนหนึ่งที่เดินอยู่ในหมู่บ้าน “เสียมารยาท...เรียกป้าก็พอมั้งฉันยังไม่แก่ขนาดนั้น”คุณยายอยากสาวแผดเสียง อะจึ๋ย!น่ากลัวจริงๆ คนในหมู้บ้านจะน่ากลัวแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ “แล้วเธอจะไปทำอะไรที่บ้านหลังนั้น” แน่ะ...ยุ่งเรื่องชาวบ้านไม่น้อยเลยคุณยายนี่ “เอ้อ! ฉันจะไปพบคนรู้จักน่ะค่ะ” โชคดีที่ปากฉันมันยังมีความคิดกว่าสมอง ฉันเลยได้แผนที่บ้านหลังนั้นมา แถมได้ข้อมูลเกี่ยวกับที่นี่นิดๆหน่อยๆ “บ้านหลังนั้นน่ะ...มันเป็นเหมือนบ้านผีสิง เย็นๆมืดๆอย่างนี้ไม่มีใครกล้าเดินผ่านหรอก เจ้าของบ้านชื่อเฮเคียว รวยมากๆเป็นอาจารย์โรงเรียนประจำชื่อดังในเมืองน่ะ รู้สึกจะอายุ26แล้วมั้ง แต่ยังไม่มีภรรยาเลย เพราะว่าเขาน่ะ...เหมือนผีดิบ ชอบทำตัวลึกลับ ส่วนพวกเหล่าสาวใช้ในบ้านน่ะนะ ก็เหมือนซากศพ...ดูเหมือนไม่มีวิญญาณ เธอคงเป็นคนรู้จักของแม่พวกนั้นล่ะสิ ยังไงซะ ไปที่นั่นก็ระวังตัวหน่อยละกัน โดยเฉพาะเจ้าของบ้านน่ะ” คุณยายเล่นนินทาพี่ชายฉันซะยาวยืด แถมยังคิดว่าฉันเป็นคนรู้จักกับพวกสาวใช้ซะอีก ( ฮึ่ย! หน้าตาฉันมันอับบารมีขนาดนั้นเชียวเหรอ) แต่ดูจากแผนที่แล้ว มันคงจะเป็นบ้านผีสิงอย่างที่คุณยายว่าจริงๆ ก็เล่นไปตั้งอยู่ไกลหมู่บ้านซะขนาดนั้น แถมคุณพี่ชายที่เป็นอาจารย์อายุ26อีก คงเฮียบน่าดู แล้วฉันจะใช่ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนั้นได้ยังไงเนี่ย
โอ้วมายก็อด!ฉันรู้เหตุผลที่มันอยู่ไกลจากหมู่บ้านแล้วล่ะ ก็บ้านของพี่ชายฉันมันคือคฤหาสน์ที่เหมือนพระราชวัง ส่วนไอ้ระยะห่างที่ว่า มันคือสวนหน้าบ้านของฉันเอง เป็นสวนที่ใหญ่และสวยมากๆ นี่มันไม่ใช่รวยธรรมดาแล้วนะเนี่ย แบบนี้เขาเรียกว่าโคตรรวย เฮ้!ฉันมีญาติรวยๆด้วยหรือเนี่ย รู้งี้รีบเผ่นมาพึ่งใบบุญพี่ เฮเคียวตั้งนานแล้ว ไม่ทนโง่อยู่กับปีศาจลีมีนหรอก เฮ้อ...แต่คิดถึงแล้วก็เศร้า ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนานนี่นะ
ปี๊นๆ รถสปอร์ตคันหนึ่งบีบแตรแล้วขับเฉี่ยวฉันไปนิดเดียว นี่ไม่คิดจะเกรงใจเจ้าของบ้านบ้างเลยหรือไงยะ(บ้านของพี่ฉัน มันก็เหมือนบ้านของฉันแหละน่า) “บ้านนี้ไม่ต้อนรับเซลล์แมนครับ” เสียงหล่อๆเสียงหนึ่งดังมาจากรถปอร์เช่สีดำคันนั้น ผู้ชายที่ก้าวลงมา หล่อมาก...หุ่นดียังกะนายแบบ แต่มาว่าฉันเป็นเซลล์แมนได้ยังไง ฉันเป็นน้องสาวเจ้าของบ้านนะ นายนั่นแหละเป็นใคร “ฉันมาพบคุณเฮเคียวเจ้าของบ้านน่ะ รู้จักไหม” ฉันถามวางมาดหยิ่งสุดๆ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร
นายหน้าหล่อคนนั้นมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วทำหน้าเหยเก “เธอเนี่ยนะ...ไมลิน ก็น่ารักดี แต่สวยไม่ได้เสี้ยวยัยลีมีน” ช็อค! ฉันช็อคสุดๆ ทั้งกับคำพูดและความหมาย ถึงฉันจะรู้ตัวดีว่าความสวยมันห่างชั้นกับพี่ลีมีนแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยมีใครพูดตรงๆแบบนี้กับฉัน ฉันคงจะเอากำปั้นยัดปากเขาไปแล้ว ถ้าไม่ติดความหมายในคำพูด อย่าบอกนะว่านี่คือพี่เฮเคียว พี่ชายที่เป็นอาจารย์อายุ26ของฉัน ดูยังไงๆก็แค่เพลย์บอยอายุ18ชัดๆ โอ๊ย!แล้วถ้านี่คือพี่ชายฉันจริงๆ ขืนอยู่ด้วยกันไปต้องได้บ้านแตกแน่ๆ
“ขึ้นรถสิ เธอคงไม่เดินเข้าบ้านหรอกใช่ไหม” เขาเข้าไปนั่งอยู่ในรถแล้วตบเบาะที่นั่งด้วยท่าทางกวนโทสะเป็นที่สุด “แบร้...แค่นี้ฉันใช่โรเลอร์เบรดก็ได้ย่ะ” ฉันแลบลิ้นใส่พี่ชายที่น่านับถือน้อยที่สุดในโลก เขาทำหน้าเอือมระอา และ....
“ว๊ากๆๆ” ฉันแหกปากดังลั่น ไอ้พี่บ้ามันล็อกคอแล้วลากฉันขึ้นรถ แล้วก็ขับซิ่งสุดๆแบบที่ฉันยังไม่ทันตั้งตัว จนฉันต้องเกาะเบาะแน่นเหมือนตีนตุ๊กแก...!
เอี๊ยด! พี่แกเล่นเบรกกะทันหันซะงั้น จนฉันเกือบหน้าคะมำ คิดจะซิ่งก็ซิ่ง คิดจะเบรกก็เบรก เดี๋ยวฉันหัวใจวายตายเป็นผีเฝ้ารถขึ้นมาแล้วจะรู้สึก ฉันเฮี้ยนนะจะบอกให้ แล้วแกก็ลากฉันลงรถ ฉันเพิ่งสังเกตนะเนี่ยว่ายังไม่ถึงตัวบ้านเลย อยู่ในส่วนหนึ่งของสวนหน้าบ้าน แล้วแกจะแวะหาอะไร...
พี่เฮเคียวพาฉันเดินลึกเข้าไปในสวน ผ่านพุ่มไม้เตี้ย ต้นสนสูงมากมาย และมาหยุดอยู่ที่ลานแห่งหนึ่ง ภาพตรงหน้าฉันมันสวยมากๆ เลยจากรั้วลานโล่งไปเป็นทะเลสาบเวิ้งว้าง ดวงตะวันทอแสงระยิบระยับต้องพื้นน้ำที่สั่นไหว ติดแต่เพียง...ป้ายหลุมศพ2ป้ายที่ตั้งอยู่กลางลาน ราวกับว่าลานโล่งแห่งนี้ถูกสร้างเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ มันทำให้บรรยากาศโดยรอบบริเวณนี้ดูเศร้ามากๆ ฉันสัมผัสได้เลย คงเป็นความรู้สึกเสียใจมากๆที่ต้องสูญเสียคนที่สำคัญถึง2คน
“ไหว้ซะสิ พ่อแม่ของเธอน่ะ” พี่ชายทำสีหน้าสงบ แล้วหันมาพูดกับฉัน หา!นี่คือหลุมศพพ่อแม่ของฉันหรอกเหรอ แต่ก็คงไม่แปลกหรอกนะ ก็พี่เฮเคียวเป็นพี่แท้ๆของฉันนี่ หลุมศพของพ่อกับแม่จะอยู่ที่นี่ก็ไม่แปลก ว่าแต่พี่ลีมีนรู้เรื่องนี้หรือยังนะ
“เธอจะอยู่ที่นี่ซักพัก หรืออยากจะกลับเลย” พี่เฮเคียวถามความเห็นฉัน แหม...เวลาทำตัวเป็นพี่ชาย
ใจดีก็น่ารักแฮะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย “ทำหน้าอย่างงี้แปลว่าอยากกลับเลย” โอ๊ย...ขอถอนคำพูด เขาเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจตัวเองที่สุด แต่ก็ช่างเหอะ ฉันก็อยากกลับแหละ เพลียเหลือเกิน
อืม...ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ถึงว่าฉันไม่สวยเอามากๆ ก็สาวใช้ที่นี่สวยสบึมทั้งนั้นเลยนี่นา ดูน่ารักสดใส ไม่เหมือนซากศพเลยซักนิด และที่แน่ๆพี่เฮเคียวไม่ใช่ผีดิบลึกลับด้วย ออกจะติดมาดกวนประสาทซะด้วยซ้ำ แต่ว่า...ฉันชอบที่นี่มากเลยแหละ ตกแต่งได้หรูหรามาก ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงเลย
“อยากอยู่ห้องไหนก็เลือกเอา ด้านหลังมีอีกหลายตึก ตกแต่งไว้หลายสไตล์ จะไปอยู่ก็ได้ แต่ห้ามไปยุ่งกับหอคอยที่มุมสวนหลังบ้าน และก็ขาดเหลือหรืออยากได้อะไรก็เรียกใช้สาวๆพวกนี้ได้” พี่เฮเคียวพูดแค่นี้ก็เดินขึ้นบันไดวนไป ยังไงซะฉันก็จะอยู่ตึกนี้แหละ มันสวยถูกใจ และตอนนี้ฉันก็เพลียมากๆด้วย
ฉันเลือกห้องมุมสุดที่ชั้นสาม มันมองเห็นทะเลสาบข้างบ้าน และเห็นสวนหน้าบ้าน ที่แน่ๆเห็นลานหลุมศพของพ่อกับแม่ด้วย... ห้องน้ำในห้องส่วนตัวของฉันหรูมาก มีอ่างน้ำวนด้วย แต่ว่ามันใหญ่มากจนฉันไม่กล้าอาบคนเดียว ฉันเลยชวนเมทคนหนึ่งมาอาบเป็นเพื่อน เราเล่นฟองสบู่ในอ่างน้ำด้วยกัน มันเหมือนอยู่บนสวรรค์เลยแฮะ ฉันหลอกถามข้อมูลของพี่เฮเคียวจากเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะสวยแต่ไม่โง่ เธอจะตอบ
บ่ายเบี่ยงอย่างสุภาพจนฉันถอดใจ ทำไมพวกเธอถึงซื่อสัตย์กับพี่เฮเคียวขนาดนี้นะ....
ฉันผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เมื่อคืนฉันชวนเพื่อนใหม่คุยด้วยทั้งคืน(พวกเมทที่น่ารัก) รู้แต่ว่าตอนนี้หิวมากๆ ฉันรู้สึกดีใจเหลือเกินที่เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความฝัน แต่ฉันอยากให้ทุกคนอยู่ที่นี่จัง ทั้งพี่ลีมีน พี่เฮย์มิว พิงค์ และก็...เลทิส (ไม่ๆๆ ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนะ แค่รู้สึกว่าถ้ามาอยู่ด้วยก็คงจะสนุกดี)
ฉันลงมาข้างล่าง หาห้องทานอาหารไม่เจอสักที บังเอิญเจอเมทที่อาบน้ำด้วยกันเมื่อคืน เธอบอกว่าที่นี่ไม่ทานข้าวกันในห้องอาหารหรอก เพราะคุณผู้ชาย(พี่เฮเคียว)ไม่ทานข้าวเช้า และเขาก็จะทานข้าวเย็นมาจากที่อื่นแล้ว ใครอยากทานก็ต้องที่ห้องตัวเอง หรือที่อื่นก็ได้ ง่ายๆก็คือที่นี่ไม่มีห้องอาหาร
ใครออกแบบสร้างบ้านหลังนี้นะ มีคนอยู่คนเดียวกับพวกเมทอีกกลุ่มหนึ่ง แต่สร้างห้องไว้ซะเยอะ และที่ปัญญาอ่อนที่สุดคือไม่มีห้องอาหาร แล้วคนที่ชอบกินอย่างฉันจะอยู่ยังไงเนี่ย
ฉันเลือกโต๊ะชุดที่สวนหน้าบ้านเป็นที่ทานอาหารมื้อแรก อร่อยมากๆเลย แต่ยังไงฉันก็ยังติดใจในรสชาติอาหารของพี่ลีมีน เราจะกินพร้อมหน้ากันสามคนทุกครั้ง ฉันจะโดนดุเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารเสมอ คิดถึงจังเลยบรรยากาศแบบนั้น....
‘จะมีวันได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่านะ’
ความคิดเห็น