อาถรรพของจุฬาฯ - อาถรรพของจุฬาฯ นิยาย อาถรรพของจุฬาฯ : Dek-D.com - Writer

    อาถรรพของจุฬาฯ

    ผู้เข้าชมรวม

    826

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    826

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 เม.ย. 49 / 18:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      อาถรรพของจุฬาฯ
      สำหรับอาถรรณจุฬาก็มีมากมายแต่ก็หามาได้ไม่กี่อย่างถ้าใครรู้อะไร***กก็ช่วยบอกด้วยนะฮับ 1.ถ้าคุณเข้าจุฬาปี1แล้วห้ามร้องเพลงเก่าๆบางเพลงเพราะอาจจะทำให้คุณไม่ได้จบจุฬา(ผมก็ไม่รู้ว่าเพลงอะไรเหมือนกันฮับเพราะไม่ค่อยมีคนกล้าเล่ากัน) 2ห้ามใส่ชุดรับปริญญา(ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกรึป่าวงะ) ก่อนเรียนจบเพราะจะทำให้คุณเรียนยังไงก็ไม่จบเช่นติดธุรสำคัญมากในวันสอบหรือเกิดอุบัติเหตุก่อนวันสอบจนทำให้มาสอบไม่ได้ เป็นต้น ก็มีเท่านี้งะฮับเพราะไม่ค่อยมีคนเขาอยากเล่ากัน สุดความสามารถแล้วฮับ เอาไว้ผมหาเรื่องใหม่ๆได้แล้วจะเอามาเล่าสู่กันฟังนะฮับ Chocobo V เอามาให้ดูจากบอร์ดอื่นค่ะ ห้องสมุดวิศวกรรมศาสตร์ - เราไม่เคยเข้านะเลยไม่รู้ว่าห้องนี้ยังใช้อยู่หรือเปล่า แต่ที่ได้ยินมาคือ เป็นห้องที่ดัดแปลงจากอาคารที่เดิม เป็นตึกเรียนเก่า กลางวันแสกๆ วันหนึ่งมีอาจารย์ท่านหนึ่ง เข้าไปค้นหนังสือในส่วนที่ห้ามนิสิตเข้า คือยืมได้แต่ห้ามเดิน เข้าไปเองน่ะ ทีนี้อาจารย์ท่านนั้นกำลังก้มหน้าส่องหาหนังสือ อยู่ตามชั้นต่างๆ พอขยับหน้าผ่านไปตรงช่องว่างระหว่างหนังสือ ก็เห็นฝั่งตรงข้ามมีหน้าจ้องผ่านร่องหนังสือเข้ามา เห็นว่าใส่ ชุดนิสิตอยู่ด้วย อาจารย์ตกใจและโกรธด้วยเลยเดินไปถามว่า นิสิตเข้ามาได้ยังไง แต่พอเดินไปถึงช่องนั้นก็ไม่มีใครอยู่เลย ที่สำคัญพออาจารย์เดินหาจนทั่วพบว่าแม้แต่เจ้าหน้าที่ห้องสมุด เองก็ไม่อยู่ด้วยซ้ำไม่มีทางที่ใครจะมาโผล่หน้าให้เห็นได้ แต่เมื่ออาจารย์เดินกลับไปหาหนังสือที่ชั้นเดิมก็ได้กลิ่นฉุน กลิ่นเหม็นไหม้ที่แรงมาก พอมองไปที่พื้นก็เห็นควันลอยขึ้น มาจากพื้น อาจารย์เลยเผ่นแนบ มาทราบภายหลังว่าตรงนั้น เคยเป็นห้องแล็บ มีนิสิตเผาตัวตาย ลานพระรูป เย็นวันหนึ่งเมื่อประมาณปี 37 -38 เวลาราวๆ หกโมงเย็น เพื่อนเรา (รัฐศาสตร์รหัส 34) เดินกับแฟนจากฝั่งสถาปัตย์มาด้านวิทยาฯ ผ่านทางเดินหน้าพระรูป ขณะที่กำลังเดินมาใกล้พระรูป มองเห็นว่าบนรั้วเตี้ยๆ ที่เลียบทางเดินข้างพระรูปออกไปยังเสาธง (ซึ่งมันจะเป็นกึ่งๆ ที่นั่ง - คงจะนึกกันออก) มีชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งนั่งหันหลังให้ สองคนนี้สวีทกันมากจนเพื่อนเราหมั่นไส้ เพราะหญิงสาวผมยาวนั่งเอาหัวเกยไหล่ฝ่ายชายอยู่ เท่าที่เห็นผู้ชายใส่เสื้อขาวกางเกงแสล็คเหมือนชุดนิสิต แต่ผู้หญิงใส่เสื้อขาวจุดดำคล้ายๆ ชุดไปงานศพ เพื่อนเราก็อยากเห็นหน้าสองคนนี้มาก เนื่องจากเห็นว่าอะไรจะมาสวีทกันในที่สาธารณะอย่างนี้ ทีนี้นึกออกมั้ยว่าก่อนที่เพื่อนเราจะเห็นหน้าสองคนนี้ได้ก็ต้องเดินผ่านน้ำพุและโดนน้ำพุบังสายตาไปแว้บนึง ปรากฏว่าพอเดินเลยน้ำพุมาแล้วหันไปดู ทั้งสองคนเล่าเหมือนกันว่า ผู้ชายคนนั้นดูท่าทางไม่ปกติ ดูเอ๋อๆ ชอบกล ที่สำคัญคือ ...เห็นผู้ชายนั่งอยู่คนเดียวไม่มีผู้หญิง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมองไม่เห็นหากผู้หญิงหลบไปที่อื่น เพราะแวบเดียวจริงๆ และพุ่มไม้ที่ใกล้ที่สุดก็อยู่***งไปตั้ง 5 - 6 เมตร นอกจากว่าผู้หญิงคนนั้นจะอุตริกระโดดไปหมอบหลัง***ที่นั่งอันนั้นเท่านั้นเอง (แล้วต้องนอนราบด้วยจึงจะมองไม่เห็นเพราะที่กั้นนั้นเตี้ยมาก) เพื่อนเรานั้นซึ่งไม่ได้พูดกับแฟนเลยตั้งแต่แรกเลยรีบจูงมือแฟนเดินมาจนถึงคณะแล้วถามว่าเห็นหรือเปล่า ปรากฏว่าแฟนมันก็เห็นเหมือนกัน (ลืมบอกไป ว่าเพื่อนเราเป็นคู่หวานแหววมากอันดับต้นๆ ในคณะ ย่อมจะทนเห็นคนหวานแหววกว่าได้ยาก) ขอย้ำว่าเรื่องนี้เกิดตอนหกโมงเย็น หน้าลานพระรูป และแดดยังออกอยู่ด้วยแหละ ศิลปกรรมศาสตร์ ห้องล้างรูป - ว่ากันว่าห้องล้างรูปรวมของศิล’กรรมน่ากลัวที่สุด นอกจากเรื่องเห็นขาแกว่งแล้ว ยังมีแสงลูกไฟสีต่างๆ แวบไปแวบมาในห้องล้างรูป***กด้วย (ซึ่งห้องล้างรูปจะต้องมืดหรืออาจให้มีแสงสีแดงได้สีเดียว) บางทีก็มีเสียงเก้า***้นั่งรอล้างรูปดัง***๊ดอ๊าด ทั้งๆ ที่ไม่มีคนนั่งรอ หรือนิสิตบางคนได้ยินเสียงคนตบแท็งค์น้ำในห้องล้างรูปทั้งๆ ที่ไม่มีคนอื่นในห้อง ว่ากันว่านิสิตขอให้คณะย้ายห้องหลายครั้งแต่คณะไม่มีงบ - อันนี้เป็นข้อมูลหลายปีแล้ว ไม่รู้ป่านนี้ย้ายห้องหรือยัง อักษรศาสตร์ ห้องสมุด - ห้องสมุดที่ตึกเก่าของอักษร มีนิสิตชายคนหนึ่งไปอ่านหนังสือ เห็นนิสิตผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามก้มหน้าอ่านหนังสือนานมากไม่เงยหน้าซะที เลยถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า ผู้หญิงเลยเงยหน้าขึ้นมา ปรากฏว่า...ไม่มีหน้า ห้อง Sound Lab - ห้องไหนไม่รู้และไม่รู้ด้วยว่าตึกที่ถูกทุบไปหรือตึกที่ยังอยู่ปัจจุบัน เพราะอักษรมี Sound Lab เยอะมาก อาจารย์หญิงท่านหนึ่งรับฝากชั้นเรียนไว้ ได้รับคำฝากฝังให้เปิดเทปให้นิสิตฟังและคอยเช็คชื่อก็พอ ขณะกำลังเปิดเทปมีนิสิตหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่หลังห้องไม่ยอมใส่หูฟัง อาจารย์เดินไปถามก็ตอบว่าเจ็บคอ พอตอนออกจากห้อง อาจารย์คอยเช็คชื่อเห็นคนครบแต่ไม่มีชื่อเด็กคนที่ไปคุยด้วยและเด็กก็ไม่ยอมออกมาสักที เลยเดินกลับไปหา ไปดูที่โต๊ะก็ไม่เจอ แต่พอหันออกมาจะกลับ เห็นเด็กยืนอยู่กลางห้องสายหูฟังพันคออยู่และโยงไปที่เพดาน อาจารย์หมดสติไปเลย มาทราบทีหลังว่ามีเด็กเพิ่งฆ่าตัวตายในห้องนั้น วิทยาศาสตร์ ตึกชีววิทยาทางทะเล - ชั้น 4 หรือชั้น 5 ไม่รู้ นิสิตที่อยู่ดึกบอกว่าเห็นเงาคนและแสงไฟวูบวาบบ่อยมากทั้งที่ไม่มีคน ลิฟต์ก็ชอบเปิดชั้นนี้ทั้งที่ไม่มีคนกดเรียก ห้องน้ำแถวภาควิชาเคมี - อยู่ดีๆ บานประตูก็ปิดเอง (และล้อคด้วย) บ่อยมากๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีลม - และแน่นอน ไม่มีคนเข้า - พอนิสิตไปถามยามยามก็บอกว่าชินแล้ว บอกอย่างทำใจได้ว่าถ้าเจอก็มาตามก็แล้วกัน จะไปช่วยไขกุญแจให้ รัฐศาสตร์ ห้องประชุมชั้นล่างตึกสาม - (ปี 36 - 37) กลางวันแสกๆ นิสิตรัฐประศาสนศาสตร์รหัส 34 นั่งสอบอยู่ นิสิตบางคน (ซึ่งคงมีสัมผัสที่หก) มาบอกทีหลังว่ารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกและได้ยินเสียงเพลงแว่วๆ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะเป็นห้องเก็บเสียงดีมาก เพื่อนเรา (คนที่เล่าให้ฟัง) นั่งอยู่หลังห้อง เห็นอาจารย์เดินไปท้ายห้องประชุมทำเสียงดุๆ ใส่ห้องว่างๆ แต่จับใจความไม่ได้ว่าพูดอะไร ภายหลังทราบว่าอาจารย์เห็นนิสิต “ตน” หนึ่ง (จำไม่ได้ว่าหญิงหรือชาย) ยืนร้องเพลงของเบิร์ด - ตามข่าวน่ะยืนยันว่าเพลงเบิร์ดด้วยนะ ขอบอก - อยู่หลังห้องประชุม อาจารย์เลยไปดุว่าขอให้หยุดเพราะน้องๆ สอบอยู่ ที่สำคัญ...วันนั้นไม่ได้มีแค่ตนเดียว มี***กตนหนึ่งไม่ใช่นิสิต นั่งห้อยขาอยู่บนลำโพงห้องประชุมด้วย ประตูอังรีฯ - เพื่อนเราอยู่คณะวิทยาศาสตร์ (สำหรับเพื่อนสาธิตรามขอบอกว่าคือ แนน) ขับรถมาทางประตูรัฐศาสตร์ อังรีฯ จะวกรถออกไปแยกสุรวงศ์ เลยต้องไปรอเลี้ยวรถกลางถนน พอไฟส่องไปที่ใต้สะพานลอยฝั่งโรงพยาบาลจุฬา ก็เห็นคนนั่งยองๆ อยู่ใต้สะพาน ทุกอย่างเหมือนคนทั่วไป นอกจากหน้าเหมือนปูนปลาสเตอร์ที่ยังไม่แห้งแล้วโดนสาดน้ำน่ะ คือขาวๆ ย้อยๆ ไฟหน้ารถเธอจับอยู่นานพอดูเพราะต้องรอกลับรถ เมื่อเธอหันไปดูเพื่อนผู้หญิง***กคนที่นั่งมาด้วยกันก็ไม่มีทีท่าว่าเห็นอะไรเหมือนเธอเลย เธอก็เลยทำเฉยๆ กลัวว่าเพื่อนจะกลัว เศรษฐศาสตร์ ประตูชั้นล่างที่จะออกไปโรงอาหารด้านหลัง - ถูกกั้นไม่ให้เข้าออกเพราะเป็นทางผีผ่าน มีคนเห็นอะไรแปลกประหลาดมามากมาย ใครที่มีเรื่องขยายโปรดเพิ่มเติมมาด้วยจักเป็นพระคุณ (โดยเฉพาะน้องบี๊ช่วยเสริมมาด้วยก็จะดี) ชั้นที่มีห้องพักนิสิต ป.โท (ไม่รู้ชั้นไหน) - เพื่อนเราเพิ่งจบโทมาปีสองปี (สำหรับเพื่อนสาธิตรามขอบอกว่าคือ โอชิน) เล่าว่า วันหนึ่งค่ำแล้วฝนตกหนักทุกคนกำลังจะกลับบ้าน แต่เลอะเทอะกันมากเลยกลับมาห้องพักนิสิตปริญญาโทเพื่อหลบฝนและล้างโคลน เพื่อนเราไปล้างโคลนคนเดียวในห้องน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องพัก พอดีไฟดับ เพื่อนเราเลยโผล่ออกมาดูคนอื่นๆ ว่าเป็นไงบ้าง เห็นเงาดำๆ อยู่***งออกไปตรงทางเดิน ทำท่าเหมือนกำลังเดินเข้ามาหา เธอดูรูปร่างแล้วเลยเรียกชื่อเพื่อนผู้ชายในกลุ่มที่หุ่นแบบนี้ แต่เงาดำไม่ตอบ และเดินเท่าไหร่ก็ไม่ใกล้เข้ามาสักที แป๊บนึงอยู่ดีๆ เงาดำก็หายไป เพื่อนเราคนนี้ก็เหมือนคนที่แล้ว คือ ไม่ยอมบอกเพื่อน กลัวเพื่อนจะกลัว เดินกลับเข้าห้องไปรวมกลุ่มเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หอหญิง (ตึกดำ) - เพื่อนเราเคยอยู่หอหญิงบอกว่าชั้น 10 เนี่ยดุสุดๆ คืนหนึ่ง ก่อนนอนกลัวว่าจะร้อนเลยเปิดประตูมุ้งลวดให้ลมเข้า คนที่นอนริมในสุดบังเอิญเป็นคนที่มีสัมผัสที่หกพอดี เล่าว่ากลางดึกอยู่ดีๆ เธอก็ตื่นมา เมื่อมองไปนอกมุ้งลวด เห็นคนคลุมหัวเดินอยู่ ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นเพื่อนที่เป็นมุสลิมในชั้นเดียวกันนั้น แต่ร่างที่ว่าเดินเท่าไรก็ไม่พ้นหน้าห้องซักที เธอเลยรู้ว่าเจอดีเข้าแล้ว ก็เลยคลุมโปงนอนต่อ ----------------------------------- 1. "ล๊อกเกอร์ของคณะศิลปกรรมศาสตร์" ที่นั่นเคยมีคนเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่บนล๊อกเกอร์ทีแรกเห็นแต่ขา แต่ว่าเมื่อมองขึ้นไปกลับไม่มีตัวตนอยู่เลย 2. "ห้องมืด (ห้องล้างฟิลม์) ของคณะนิเทศศาสตร์" เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อก่อนมีรุ่นพี่คนหนึ่งได้เข้าไปล้างฟิลม์ในห้องนี้แล้วไม่ได้กลับออกมา***กเลย มีคนเข้าไปหาตั้งหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่มีใครพบ ได้มีนิสิตรุ่นน้องต่อ ๆ มาเล่าให้ฟังว่า ยังมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น***กเช่น มีนิสิตได้เข้าไปล้างฟิลม์ในห้องนี้ ขณะที่เข้าไปนั้นก็คิดว่าตนนั้นเข้าไปกับเพื่อน ก็มีการพูดคุยกัน แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากเพื่อน บอกให้หยิบของส่งให้ก็มีคนหยิบส่งให้ แต่พอออกมาเห็นเพื่อนของตนอยู่นอกห้อง จึงได้รู้ว่าตนเข้าคนเดียว แล้วใครล่ะที่เป็นคนหยิบของส่งให้ ยังคงเป็นปริศนาอยู่ 3. "บันไดวน คณะเภสัชศาสตร์" เป็นบันไดที่ปิดตายไม่ใช้แล้ว มีคนเล่าว่ามีคนเคยเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวตลอดทั้งตัวยืนอยู่ที่บันไดนี้ 4. "ห้อง 415 หอพักนิสิตหญิงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" เล่ากันว่าถ้าหากวันไหนตื่นขึ้นมาตอนดึก ๆ คนที่ตื่นขึ้นมาจะเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยมายืนอยู่ที่ปลายเตียง 5. "ดาดฟ้าตึกพยาธิวิทยา" ตอนดึก ๆ หรือตอนเย็น ๆ ใกล้ค่ำ ถ้าหากมีใครขึ้นไปบนดาดฟ้าจะเห็นคนยืนนุ่งชุดสไบสีขาว 6."ทางเดินระหว่างตึกของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์" ทางเดินที่ว่านี้มีประวัติอยู่ว่า สมัยก่อนมีสามีภรรยานักการของคณะสถาปัตย์ได้ทะเลาะกัน ฝ่ายภรรยาได้เอาปืนยิงสามีจนเสียชีวิต เลือดสาดไปทั่วหน้าห้องทางเดินนี้ ต่อมาเมื่อทางคณะได้มีการปรับปรุงพื้นชั้นหนึ่งได้มีการเทปูนไว้ แต่มีเฉพาะหน้าห้องนี้เท่านั้นที่ไม่ยอมแห้ง ทิ้งไว้นานสักเท่าไรก็ไม่ยอมแห้ง ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่าที่เห็นกันทุกวันนี้ -------------------------------------------------------------------------------- 1. "พระบรมรูป 2 รัชกาล" เป็นพระบรมรูปที่เป็นที่เคาารพสักการะของชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและบุคคลทั่วไป พระบรมรูป 2 รัชกาลนี้เป็นพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนี้ได้ใช้พระนามของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และผู้สถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่6) พระบรมรูป 2 รัชกาลนี้เป็นที่เคารพศักการะของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก โดยที่หากนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคนใดเดินเข้ามาในบริเวณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและผ่านพระบรมรูป 2 รัชกาลนี้ จะพนมมือไหว้เพื่อถือสิริมงคลทั้งในเวลาที่เข้ามหาวิทยาลัยและเวลาออกจากมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ถ้าหากใครมีเรื่องต้องการบนบานศาลกล่าวก็มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลการสอบของนิสิตนั่นเอง เช่น ขอให้เกรดเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม, ขอให้ผลการเรียนไม่มี F, ขอให้ไม่ตกมีน (ค่ากลางของคะแนนแต่ละรายวิชา) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีนักเรียนที่ต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อเข้าเป็นนิสิตแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็จะไปบนบานกับพระบรมรูปของทั้ง 2 รัชกาล สิ่งที่มีการนำมาใช้บูชาพระบรมรูป 2 รัชกาลนี้จะเป็น "ดอกกุหลาบสีชมพู" เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเจ้าเกล้าอยู่หัวทรงโปรดปรานดอกกุหลาบสีชมพูเป็อย่างมาก จึงมีการนำดอกกุหลาบสีชมพูมาใช้เป็นสิ่งที่ใช้ในการบูชา 2. "ศาลพระภูมิ หอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ศาลพระภูมินี้จะเป็นนที่ศักการะบูชาของชาวหอพักนิสิตนี้ ได้ตั้งขึ้นพร้อมกับหอพักนิสิต โดยเฉพาะสำหรับนิสิตชั้นปีที่ 1 ที่ผ่านประเพณีการรับน้องใหม่ รุ่นพี่จะพาน้อง ๆ มาไหว้ศาลแห่งนี้เพื่อความเป็นศิริมงคล และเป็นการแสดงการฝากตัวประกอบกับความเคารพให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเมื่อเข้ามาอยู่ในหอพักนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมือเดินผ่านศาลพระภูมิไม่ว่าจะเข้าหรือจะออกจากหอพักนิสิตนิสิตจะไหว้แสดงความเคารพเสมอ 3. " ศาลหลวงชัยอัศวรักษ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์" หลวงชัยอัศวรักษ์เป็นชื่อของคณะบดีคนแรกของคณะสัตวแพทยศาสตร์ ซึ่งท่านเป็นที่ศักการะของนิสิตในคณะนี้มาก หลังจากนั้นท่านได้เสียชีวิตลงจึงตั้งศาลขึ้นที่คณะเพื่อเป็นที่เคารพบูชาของชาวคณะนี้มาก 4. "ศาลพระภูมิ คณะรัฐศาสตร์" เป็นศาลที่ตั้งขึ้นมาพร้อมกับการแรกเริ่มตั้งคณะรัฐศาสตร์ ซึ่งเล่ากันว่าในอดีตเจ้าที่ในบริเวณนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มากจนถึงกับต้องตั้งศาลเพิ่มขึ้นพร้อมกันถึง 5 ศาล ต่อมาจึงลดจำนวนลงเหลือเพียงศาลเดียว ปัจจุบันศาลนี้เป็นที่ศักการะของชาวรัฐศาสตร์ เมื่อถึงประเพณีการรับน้องใหม่รุ่นพี่จะนำรุ่นน้องมาศักการะ ณ ศาลแห่งนี้ 5. "ต้นไทรใหญ่ ที่ลานไทร คณะรัฐศาสตร์" เมื่อมีการนำผ้าไปผูกที่โคนต้นไม้ก็มักจะเข้าใจกันว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเคารพศักการะ หรือเคยมีปาฏิหารย์เกิดขึ้น โดยที่ต้นไทรคณะรัฐศาสตร์นี้เพิ่งจะมีการผูกผ้าสีได้ไม่นานนัก คือไม่ได้เริ่มตั้งแต่ก่อตั้งคณะซึ่งตั้งมากว่า 51 ปีแล้ว คนที่มาผูกผ้านี้เข้าใจว่า คงเป็นนิสิตขิงคณะที่เคยบนบานกับต้นไม้นี้หรือพูดลอย ๆ กับต้นไม้นี้ว่า ถ้าหากสอบผ่านแล้วจะเอาผ้าสีมาผูกต้นไม้ แล้วสอบผ่านจริง ๆ ก็เลยมีการเอาผ้าสีไปผูกต้นไทร ***กทั้งต้นไทรมีขนาดใหญ่และมีอายุมากจึงเป็นของศักดิ์สิทธิ์ไปโดยปริยาย 6. "สัญลักษณ์ Rx คณะเภสัชศาสตร์" อยู่ข้างลานบ่อน้ำพุตึกเภสัชเก่า ห้ามไม่ให้นิสิตเดินข้ามสัญลักษณ์นี้ เพราะถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธ์ของคณะ 7. "ถ" ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จะมีสัญลักษณ์ ถ ในคณะ ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำคณะ และห้ามนิสิตข้ามหรือเดินเหยียบ เนื่องจากสัญลักษณ์ของคณะ ถือว่าศักดิ์สิทธิ์และยังมีการห้ามเหยียบ "ถุง" ที่คณะนี้***กด้วย 8. "ใบชงโค" เป็นสัญลักษณ์ของคณะอักษรศาสตร์ จึงมีข้อห้ามไม่ให้เด็ดใบชงโคมิฉะนั้นจะโดนไล่ออก 9. "ลาน 4 เสาเทวาลัย" ที่ 4 เสาเทวาลัยของคณะอักษรศาสตร์ที่เกิดเพราะเป็นการสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ตึกเก่าตึกหนึ่งของคณะอักษรศาสตร์ จะห้ามนิสิตขึ้นไปนั่งเล่นนอกจากจะใช้ในพิธีการสำคัญ เช่น ประเพณีการรับน้องใหม่ หรือ การบูม 4 ทิศ เป็นต้น ================================== 1. "สระน้ำจุฬาฯ" เรื่องเกี่ยวกับสระน้ำจุฬาฯ ที่อยู่ด้านหน้าพระบรมรูป 2 รัชกาล มีเรื่องเล่าอยู่ 2 เรื่องคือ 1.1 "วันลอยกระทง" เชื่อกันว่าถ้า ชาย-หญิงคนใดที่ยังไม่ได้เป็นคู่กัน แล้วไปลอยกระทงร่วมกันแล้วจะได้เป็นคู่กัน แต่ถ้าเป็นคู่กันแล้วไปลอยกระทงร่วมกันจะแยกกัน 1.2 ถ้าใครเดินผ่านสระน้ำจุฬาฯ แล้วเจอเต่าเป็นสัตว์ชนิดแรกจะถือว่าโชคดี แต่ถ้าได้เจอตะพาบน้ำก่อนจะโชคร้าย ยิ่งถ้าวันนั้นเป็นวันสอบเจอเต่าแล้วจะทำข้อสอบได้ แต่ถ้าเจอตะพาบน้ำข้อสอบจะยาก 2. "สระน้ำคณะวิทยาศาสตร์" เชื่อว่าถ้าใครไปให้อาหารปลาที่สระน้ำข้างรอบคณะวิทยาศาสตร์แล้วเจอเต่า แสดงว่าเย็นวันนั้นจะโชคดีมีเจ้ามือเลี้ยงข้าว 3. "ลานเกียร์" ว่ากันว่าหนุ่มวิศ***คนใดเดินสะดุดในลานเกียร์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จะได้แฟนในคณะตัวเอง 4. "ป้ายคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี" เล่าว่าหนุ่มคนใด ถ้าบังเอิญเจอจิ้งจกเกาะหลังป้ายคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จะได้แฟนอยู่คณะนี้ 5. "ทางเดินระหว่างตึกคณะอักษรศาสตร์" อยู่ในตึกเทวาลัยหนึ่ง เป็นโถงที่มีพื้นสีแดง หากว่าใครไปสะดุดล้มที่นั่น จะได้แฟนเป็นสาวอักษร (ทางที่ว่านี้ปัจจุบันไม่ให้ใครเข้า) 6. "บันไดหน้าตึกขาวคณะวิทยาศาสตร์" เดิมทีนั้นตึกขาวคณะวิทยาศาสตร์เคยใช้เป็นที่เรียนของคณะแพทย์ศาสตร์ และที่ใต้บันไดเคยใช้เป็นที่เก็บอาจารย์ใหญ่ เชื่อกันว่าห้ามนิสิตปี 1 คณะวิทยาศาสตร์ เดินขึ้นบันไดนี้ มิฉะนั้นจะถูก Retire 7. "บันไดกลางคณะครุศาสตร์" ที่คณะครุศาสตร์เชื่อกันว่าถ้านิสิตปี 1 เดินผ่านขึ้นลงบันไดกลางแล้วจะเรียนไม่จบ แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้แล้วเดินผ่านก็ถือว่า "ผู้ไม่รู้คือผู้ไม่ผิด" 8. "บันไดหน้าคณะอักษรศาสตร์" ห้ามนิสิตคณะอักษรศาสตร์ถ่ายรูปที่บันไดหน้าคณะอักษรศาสตร์ เพราะเชื่อว่าจะทำให้เรียนไม่จบ และถ้าสำเร็จการศึกษาแล้วต้องไปถ่ายรูปที่นั่น เพราะถ้าไม่ได้ถ่ายรูปที่นั่นเหมือนว่าเรียนไม่จบจริง ๆ 9. "อนุสาวรีย์เกียร์" ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์จะมีอนุสาวรีย์เกียร์ ซึ่งห้ามขึ้นไปนั่งหรือเหยียบ เพราะเชื่อว่าถ้าทำแล้วจะโดนรีไทร์

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×