คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ก่อนราตรีพลิกผัน ที่ผมตกเป็นผู้ต้องสงสัย
บทนำ
ก่อนราตรีพลิกผัน ที่ผมตกเป็นผู้ต้องสงสัย
ในค่ำคืนที่แสนสงบสุขของเมืองขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เผล่าผู้คนมากมายพากันกลับเข้าบ้านเพื่อเตรียมเข้านอนกับครอบครัวที่แสนอบอุ่นท่ามกลางลมหนาวที่โชยพัดมาในยามราตรี ซึ่งต่างจากผมที่ยังคงนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่ในห้องทำงานเล็กๆที่มีเพียงหลอดไฟอยู่หนึ่งหลอดแขวนอยู่บนเพดานห้องเพื่อเคลียร์เอกสารเกี่ยวกับคดีต่างๆให้เสร็จก่อนที่จะถึงวันพรุ่งนี้
“สวัสดียามค่ำคืนคุณอัยการ”ชายวัยกลางคนที่มาพร้อมกับเหรียญเกรียติยศมากมายที่ติดอยู่บนเสื้อกำมะหยี่สีแดงของเขา
“สวัสดีเช่นกันท่านนายพลมาคัส น่าแปลกนะที่ท่านยังไม่หลับไม่นอนอีก”ผมกล่าวทักทายชายวัยกลางคนกลับไปแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานที่ผมต้องทำต่อโดยไม่ได้สนใจเลยว่าชายวัยกลางคนคนนั้นกำลังอะไรในห้องของผม
“พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่นายจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัยการสูงสุดจากองค์ราชินี”นายพลมาคัสพูดกับผมพลางยืนดูผลงานประวัติของผมที่ติดอยู่ข้างผนังห้องอย่างใจจดใจจ่อ
“ใช่แล้วล่ะครับ เพราะอย่างนั้นผมถึงต้องมานั่งเคลียร์เอกสารเป็นกองอยู่แบบนี้ยังไงล่ะครับ”ผมถอดหายใจเฮือกใหญ่ออกมาด้วยความเบื่อหน่ายก่อนที่จะตอบนายพลมาคัสไป
“หึ! จะเป็นใหญ่มันก็ต้องอย่างนี้แหละ ต้องข้ามเรื่องที่หนักหนาสาหัสในชีวิตตนเองมาซะก่อนถึงจะได้เป็นคนที่ใครๆเขาก็ยอมรับ เหมือนกันฉันที่รอดมาจากสงครามทางแดนใต้เพียงคนเดียว”นายพลมาคัสพูดเหน็บแนมผมกลับมาด้วยความโอหังใส่ผมจนทำให้ผมต้องหยุดงานที่ทำอยู่ทันที
“นี่ท่านนายพล ผมขอบอกเอาไว้ก่อนเลยนะว่าตอนนี้กฎหมายกำลังจะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองเมืองนี้อย่างเต็มที่แล้ว และจะไม่มีการปกครองไหนที่มีอำนาจสูงกว่ากฎหมายที่เป็นของประชาชนทุกคนอย่างเด็จขาด”ผมพูดเสียงแข็งใส่นายพลมาคัสจนทำให้เขาหน้าถอดสีขึ้นมาก่อนที่เขาจะเดินย่ำเท้าเสียงดังปึงปังออกไปด้วยความหงุดหงิด ปล่อยให้ผมได้มีเวลาทำงานต่อให้เสร็จก่อนที่พระอาทิตย์จะโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อแสงอาทิตย์ได้สาดส่องแสงออกมาใส่เมือง เหล่าผู้คนมากมายที่ต่างนอนหลับพักผ่อนกันอยู่ในบ้านก็ต่างลืมตาตื่นขึ้นมาทำงานต้อนรับเช้าวันใหม่อย่างพร้อมเพรียง พร้อมกับเสียงดนตรีที่เริ่มบรรเลงต้อนรับเช้าวันใหม่ในอีกวันที่อากาศแจ่มใส ซึ่งมันก็ต่างจากผมที่กำลังหลับอยู่บนโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
ปึง ปึง ปึง!
เสียงทุบกับประตูไม้อย่างแรงดังขึ้น ปลุกให้ผมที่กำลังหลับอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่สะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจแล้วรีบพยุงตัวเองที่ไม่ค่อยสู้ดีนักไปเปิดตูที่กำลังส่งเสียงดังนั่นออกมา ก็พบกับชายในเครื่องแบบสองคนมายืนอยู่ตรงหน้า
“มีอะไรอย่างนั้นหรอครับ”ผมเอ่ยปากถามชายทั้งสองคนนั้นด้วยความสงสัย แต่เขาก็ไม่พูดอะไรนอกจากคุณต้องไปกับผมเดี๋ยวนี้เท่านั้น
ดังนั้นผมจึงถูกพาตัวไปที่ห้องสอบสวนคดีพิเศษที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวจากห้องทำงานของผมและถูกวางลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆอันหนึ่งที่อยู่ในห้องนั้นก่อนที่ทหารสองนายที่พาผมมาจะเดินออกไปทิ้งให้ผมนั่งอยู่กับความตื่นตระหนกที่ผุดขึ้นมาในใจของผม
“ว่าไงท่านอัยการ ถูกใจกับห้องทำงานใหม่ของคุณไหม”เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ทำให้ผมรู้ได้ทันทีเลยว่านั่นเป็นเสียงของนายพลมาคัสก่อนที่จะเห็นเขาเดินเข้ามาจากทางด้านหลังของผม
“นี่มันเรื่องอะไรกันครับ ท่านนายพล”ผมเอ่ยปากถามนายพลมาคัสด้วยความสงสัย แต่เขาก็ได้หัวเราะออกมาก่อนที่จะตอบผมว่า
“เมื่อคืนนี้ที่พระราชวัง องค์ราชินีถูกฆ่าตายโดยมีดปลอกผลไม้ ทหารของฉันไปเจอเธอนอนตายจมกองเลือดอยู่ในห้องบรรทมของเธอ นอกจากนนั้นยังมีสิ่งนี้ตกอยู่ในที่เกิดเหตุอีกด้วย”นายพลมาคัสพูดกับผมพร้อมกับโยนบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขามาให้ผม ผมยิบสิ่งที่นายพลขึ้นมาดูใกล้ๆด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็กลับพบว่าสิ่งนั้นคือตราสัญลักษณ์ของอัยการที่เป็นตราประจำตัวของผม
“ไม่นะ ต้องไม่ใช้แน่ะๆ...”ผมรำพึงออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับทำตราสัญลักษณ์ของผมหลุดมือไป
“ใช่ นั่นเป็นตราสัญลักษณ์ของอัยการที่มีแต่นายเท่านั้นที่มีและมันก็ได้ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานชี้ตัวคนร้ายได้อย่างดีเลยว่านายเป็นคนร้ายที่ฆ่าองค์ราชินี”นายพลพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนกับว่าเขาจะไม่ได้โกรธแค้นอะไรที่ผมฆ่าราชินีตายแต่เหมือนกับว่านั่นเป็นน้ำเสียงของคนที่กำลังจะได้ชัยชนะกลับคืนมาอย่างนั้นแหละ
“อย่างนี้นี่เอง คุณกำลังจะเสียอำนาจในการปกครองของคุณไป เลยต้องฆ่าองค์ราชินีเพื่อไม่ให้เธอเซนสัญญาในการนำกฎหมายเข้ามาปกครองเมือง ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนอย่างนี้”ผมตะโกนต่อว่านายพลมาคัสด้วยความโกรธแค้นพร้อมกับเข้าไปจับคอเสื้อของเขาอย่างแรงจนทำให้ทหารที่อยู่ข้างนอกต้องเข้ามาล็อคตัวผมไว้
“อย่ามากล่าวหากันดีกว่าน่าคุณอัยการ ถึงผมจะไม่ถูกใจในเรื่องกฎหมายของคุณนักแต่ก็ใช่ว่าผมจะต้องยอมไปฆ่าใครแล้วป้ายความผิดให้กับคุณหรอกนะ ก่อนที่จะกล่าวหาใครเขาน่ะหัดใช้หัวคิดให้ดีก่อนจะดีกว่านะคุณอดีตอัยการ”นายพลมาคัสพูดกับผมก่อนที่จะหัวเราะออกมาด้วยความดีใจ
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว กะไอ้แค่หลักฐานแค่ชิ้นเดียวมันจะมากล่าวหาว่าผมเป็นคนผิดได้ยังไงกันล่ะ”ผมรีบพูดสวนกลับไปขัดจังหวะของนายพลมาคัสที่กำลังหัวเราะอยู่ทันทีจนทำให้เขาต้องกัดฟันสวนกลับผมมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ฉันจะให้เวลานายได้คิดวิธีการหาหลักฐานมาสู้กับเราอยู่ในคุกใต้ดินสามวันในฐานะผู้ต้องสงสัยก่อน ในระหว่างที่พวกเรากำลังควานหาตัวผู้ต้องสงสัยอีกคนหนึ่งมาสังหารไปพร้อมกับนายท่ามกลางประชาชนที่จะมาดูนาย เพื่อขจัดเสียข้อสงสัยในหารตายขององค์ราชินี”เมื่อนายพลมาคัสพูดกับเขาก็สั่งให้ทหารของเขาลากตัวผมไปอยู่ในคุกใต้ดินที่เต็มไปด้วยนักโทษมากมายที่ถูกขังอยู่ในกรงขังที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดมากมาย ผมที่ถูกขังเดี่ยวอยู่ในกรงขังที่ใช้สำหรับขังนักโทษเพื่อรอวันประหารนั้นก็ได้แต่คิดถึงเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นก่อนวันที่องค์ราชินีถูกฆ่าอยู่ซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่มันจะช่วยหาคำตอบให้ผมรอดจากการถูกเป็นผู้ต้องสงสัยในครั้งนี้ได้เลย ผมจึงได้แต่นอนรับความพ่ายแพ้อยู่ในคุกใต้ดินด้วยความสิ้นหวัง
วันรุ่งขึ้นก็มีชายหนุ่มผมยาวสีดำอีกคนหนึ่งถูกจับโยนเข้ามาในกรงขังเดียวกับผม
“เฮ้ย อะไรของพวกแกวะ ไอ้ทหารเฮ็งซวย แกจับฉันมาทำไมกันวะ”ชายหนุ่มคนนั้นที่ถูกโยนเข้ามารีบลุกขึ้นมาเกาะที่กรงขังพร้อมตะโกนต่อว่าทหารที่จับเขามาด้วยเสียงที่ดังก้องไปทั่วคุกใต้ดินจนโดนนักโทษคนอื่นว่ากลับมาว่า‘เงียบๆหน่อยคนจะหลับจะนอน’ทันทีเลย
ชายหนุ่มคนนั้นหลังจากที่ตะโกนอยู่นานแต่ก็ไม่มีใครสนใจในคำพูดของเขาอยู่นานจนเขาหมดหวังที่จะตะโกนต่อไป ทำให้นั่งบนพื้นปูนที่แข็งกระด้างของคุกใต้ดินแล้วค่อยๆหันมามองผมที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่ตรงมุมหนึ่งในกรงขัง
“นี่นาย ไปฆ่าใครเขามาล่ะถึงได้ถูกจับมาไว้ในกรงขังที่เตรียมไว้สำหรับนักโทษที่รอวันประหารแบบนี้ แต่ดูท่าแล้วหน้าติ๋มๆอย่างนายที่คงไปฆ่าใครเขาไม่ลงหรอกมั้งเนี่ย แต่ก็ไม่แน่ เห็นหน้าตาติ่มๆแบบนี้อาจจะมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อยู่ก็ได้ใครจะรู้...”ชายหนุ่มคนนั้นบ่นพึมพำกับตัวเองชุดใหญ่ทำให้ผมต้องแปลกประหลาดใจในการกระทำของเขาขึ้นมาทันที
“เอ่อนี่คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”ผมเอ่ยปากถามชายหนุ่มคนนั้นด้วยความสงสัย
“เปล่าหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันก็แค่ชอบบ่นกับตัวเองเวลาที่กำลังจิตตกก็เท่านั้นเอง ว่าแต่นายเถอะไปฆ่าใครเขามาล่ะ”ชายหนุ่มเอ่ยปากถามผมอีกครั้ง
“ผมไม่ได้ฆ่าใครเขาเลยนะครับ ผมแค่ถูกสงสัยว่าเป็นคนที่ฆ่าองค์ราชินีก้เท่านั้นเอง”ผมรีบปฏิเสธชายหนุ่มคนนั้นอย่างสุดเสียง
“หรอ ฉันก็ถูกสงสัยว่าเป็นคนฆ่าองค์ราชินีเหมือนกัน”ชายหนุ่มคนนั้นตอบผมกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่เดือดร้อนอะไรเลยพลางล้มตัวนอนบนพื้นราวกับว่าเรื่องที่เขาถูกจับตัวมานี้เป็นเรื่องปกติอย่างนั้นแหละ
“แล้วอะไรที่ทำให้คุณโดนจับเข้ามาในนี้ได้อย่างนั้นหรอครับ”ผมค่อยๆคลานเข่าเข้าไปถามชายหนุ่มอย่างสุภาพทำให้เขาเหลือบตาขึ้นมามองผมที่กำลังมองเขาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ
“มันบอกว่าฉันเป็นนักฆ่า ก็คงไม่แปลกที่นายจะจ้างฉันให้มาฆ่าองค์ราชินี พวกทหารพวกนั้นเลยบอกกับฉันว่าตอนนี้ฉันเป็นผู้ต้องสงสัยไปพร้อมกับนายอีกคนหนึ่งแล้ว และอีกสองวันถ้ายังไม่มีความคืบหน้าของคดีนี้มันก็จะฆ่าฉันกับนายโดยให้การว่านายเป็นคนจ้างฉันให้ไปฆ่าองค์ราชินีและก็เตรียมปิดเรื่องได้เลย”ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งพูดให้ผมฟังแล้วหลับตาลงนอนอย่างสบายใจเฉิบต่อไปในพื้นที่แสนเย็นเยือกของคุกใต้ดิน ทิ้งให้ผมต้องนั่งกังวลในการตายที่กำลังจะมาหาผมในอีกไม่กี่วันนี้เอง
กลางดึกในวันนั้นเอง ชายหนุ่มผมยาวสีดำที่ถูกจับมานั้นก็ได้ทำอะไรบางอย่างกับกรงขังจนเกิดเสียงดังครืดคราดทำให้ผมที่กำลังนอนอยู่ต้องตื่นขึ้นมาดูต้นเหตุของเสียงนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
“นี่คุณจะทำอะไรอย่างนั้นหรอครับ”ผมเอ่ยปากถามชายหนุ่มพร้อมกับค่อยๆเดินไปดูว่าเขาทำอะไรอยู่
“ถามได้ ก็กำลังแหกคุกน่ะสิ”เขาตอบผมกับว่าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาใข้มีดสั้นของเขาสะเดาะกลอนของกรงขังต่อไป
“ไม่ได้นะครับ ถ้าทำอย่างนั้นเราก็จะถูกหาว่าเป็นฆ่าองค์ราชินีจริงๆ”ผมรีบเข้าไปดึงตัวชายคนนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องโดนชกเข้าที่เบ้าตาสวนกลับมาแล้วจับตัวของผมกระแทกเข้ากำลังผนังกรงขังห้องขังอย่างแรง
“นี่นายฟังฉันนะ ในเมืองนี้น่ะไม่มีใครสนใจหรอกนะว่านายจะเป็นใคร หรือจะเป็นคนดีแค่ไหน แต่ถ้ามีคนหนึ่งบอกว่านายผิดก็ต้องมีคนจำนวนไม่น้อยเชื่อมั่นจริงๆว่านายผิดอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นนายเลิกวาดภาพโลกที่แสนสดใสของนายซะทีแล้วฉันจะได้ออกไปจากที่นี่โดยไม่มีใครรู้ตัว”เมื่อชายหนุ่มคนนั้นพูดกับเขาก็รีบปล่อยตัวผมที่ติดอยู่กับผนังห้องขังลงแล้วเดินเข้าไปใช้มีดสั้นของเขาสะเดาะกลอนต่อจนกลอนที่ถูกคล้องเอาไว้หลุดออกมาอย่างน่าอัศจรรย์
“เท่านี้ก็หมดเรื่อง”ชายหนุ่มพูดกับตัวเองพร้อมกับโยนมีดสั้นของเขาลงบนพื้นแล้วเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มพิศวง
“ขอโทษด้วยนะคุณอัยการ แต่ผมก็คงจะต้องเหลือใครคนหนึ่งเอาไว้ในคุกเพื่อไม่ให้พวกทหารพวกนั้นต้องมาตามตัวของผมกลับไปในภายหลัง เพราะฉะนั้น...”ชายหนุ่มพูดกับผมก่อนที่จะแสยะยิ้มที่น่ากลัวออกมาแล้วจับหัวของผมไปกระแทกอย่างแรงกับผนังห้องขังอย่างแรงอีกครั้งหนึ่งจนผมสลบไป
วันรุ่งขึ้นผมถูกนำตัวไปหานายพลมาคัสที่ห้องสอบสวนคดีพิเศษอีกครั้ง
“นี่แกพอจะบอกฉันได้ไหมว่าไอ้นักฆ่าคนนั้นมันไปหายไปไหนกัน”นายพลมาคัสพูดเสียนงแข็งกับผมด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง
“เขาสะเดาะกลอนออกไปในตอนกลางคืน”ผมตอบ
“แล้วทำไมนายไม่ส่งเสียงร้องเรียกให้ฉันมาหยุดมันไว้ล่ะ”นายพลรีบเข้ามาจับตัวของผมมาเขย่าไปมาด้วยความโกระแค้นก่อนที่จะโดนผมสะบัดตัวออกมาแล้วผลักเขาให้กระเด็นออกไป
“ก็ฉันจะบอกแกได้ยังไงล่ะ ในเมื่อฉันก็โดนมันทำให้สลบไปก่อนที่มันจะหนีไปเสียอีกน่ะ”ผมพูดเสียงแข็งใส่นายพลมาคัสสวนกลับไปจนทำให้เขาได้แต่ยืนกำหมัดต่อไปด้วยความเจ็บใจ
“ถ้าอย่างนั้นแกก็คงจะต้องเป็นคนรับผิดชอบที่ทำให้มันหนีไปเสียแล้วล่ะ ทหาร!”นายพลมาคัสเดินเข้ามาพูดกับผมด้วยอย่างโอหังก่อนที่จะเรียกทหารทั้งสองคนที่อยู่ข้างนอกให้เข้ามาข้างใน
“เอาตัวมันไปที่ลานประหาร”สิ้นเสียงนายพลมาคัสทหารทั้งสองนายนั้นก็เข้ามาจับตัวผมไปที่ลานประหารที่เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ที่มีเพียงเสาไม้เล็กๆที่เอาตัวผมไปมัดเอาไว้เพื่อใช่เป็นเป้ายิงประหารทันที
ในอีกไม่กี่นาทีต่อมาประชาชนมากมายที่ถูกเรียกให้มาดูในการประหารต่างกว้าเท้าเดินเข้ามาดูผมอยู่เป็นจำนวนมากพลางเอ่ยปากถามกันไปมาว่าผมโดนประหารเพราะอะไร เสียงดนตรีดังก้องขึ้นมาท่ามกลางความสงสัยของประชาชน เผยให้เห็นนายพลมาคัสที่เดินออกมาอยู่ใจกลางฝูงชนที่ล้อมลานประหารเอาไว้อยู่พร้อมกับรอยยิ้ม
“ในวันนี้จะมีการประหารชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่าคาร์ดิแกน รอสกาลาเต้ ซึ่งเป็นอดีตอัยการที่จะเข้ามาปกครองเมืองของเราในอีกไม่กี่วันนี้ แต่ทว่าเขาได้ทำการฆ่าองค์ราชินีในคืนก่อนวันที่เขาจะได้รับเลือกเป็นอัยการสูงสุด”ทันทีที่นายพลพูดกับประชาชนแบบนั้น ผมก็โดนประณามต่างๆนานาจากประชาชนที่กำลังโดนปั่นหัว จนทำให้ผมต้องหันไปมองนายพลมาคัสด้วยความโกรธแค้น
“ทหารเตรียมพร้อม”นายพลมาคัสเดินเขาไปสั่งทหารทั้งสี่นายของเขาให้หยิบปืนระยะไกลขึ้นมานบกายทำให้ผมต้องหลับตาลงยอมรับความตายที่กำลังจะได้รับ
“เล็ง.....”
ปัง ปัง ปัง ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นมาอย่างกะทันหันก็ที่นายพลมาคัสจะสั่งให้ยิงจนผมคิดว่าผมจะต้องตายเสียแล้ว แต่ผมกลับไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย แถมยังขยับตัวได้อีกด้วย ผมรีบลืมตาขึ้นมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็กลับพบว่าทหารทั้งสี่นายของนายพลมาคัสได้ถูกลอบสังหารด้วยลูกกระสุนปืนที่พุ่งเข้ามาเจาะกะโหลกของเขาโดยใครบางคนที่หลบซ่อนอยู่ไปเรียบร้อยแล้ว ผู้คนมากมายที่มาดูผมถูกสังหารก็ต่างส่งเสียงร้องโหยหวนแล้ววิ่งกระจัดกระจายไปมาเพื่อหาที่ซ่อน ทิ้งให้ผมและนายพลมาคัสอยู่ที่นั่นเพียงสองคนเท่านั้น
“ทหาร ทหาร หทาร!”นายพลมาคัสส่งเสียงร้องเรียกทหารของเขาอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงตอบรับใดกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้เขาต้องรีบวิ่งไปหยิบมาจากร่างที่ไร้วิญญาณของทหารที่นอนตายอยู่มาประทับบ่าพร้อมกับสอดส่ายสายตาไปรอบๆด้วยความตื่นกลัว
“แก.... แกทำอะไร แกส่งใครมาช่วยแก”นายพลรีบเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับจี้ปากกระบอกปืนใส่หน้าผมอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว
“เปล่านะผมไม่ได้ทำอะไรเลย”ผมรีบตอบนายพลมาคัสไปเพื่อให้เขาเบนกระบอกปืนไปทางอื่น
“อย่ามาโกหก แกส่งใครมาฆ่าฉัน บอกมาเดี๋ยวนี้”นายพลมาคัสยังคงค้านเสียงแข็งใส่ผมพร้อมกับจี้ปืนใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนทำให้ผมต้องก้มหน้ายอมรับความตายอีกครั้ง
“คนที่ส่งฉํนมาไม่ใช่เขาหรอกนะท่านนายพล”เสียงปริศนาดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของนายพลมาคัสเพื่อหยุดเขาไม่ให้ฆ่าผม นายทำพลมาคัสรีบหันปากกระบอกปืนไปที่ต้นเสียงอย่างรวดเร็วพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยความตกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขานั้นก็คือชายหนุ่มผมยาวสีดำที่หนีไปจากคุกใต้ดินเมื่อคืนนี้นั่นเอง
“นี่แก...กลับมาทำไมกัน”นายพลมาคัสถามชายหนุ่มคนนั้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“อะไรกัน ไม่สมเป็นคุณเลยนะท่านนายพล เล่นปอดแหกออกมาแบบนี้ก็ไม่สนุกกันพอดีน่ะสิครับ”ชายหนุ่มคนนั้นพูดกับนายพลมาคัสอย่างขำขับในท่าทีของนายพล
“ตอบคำถามฉันมาเดี๋ยวนี้”นายพลรีบตะโกนสวนกลับไปใส่ชายหนุ่มพร้อมกับเตรียมที่จะเหนี่ยวไกปืนได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ
“ฉันมาเอาตัวเขา”ชายหนุ่มผมยาวสีดำคนนั้นตอบนายพลมาคัสพร้อมกับชี้มาทางผม
“แกจะเอามันไม่ทำอะไรในเมื่อเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแกแล้ว”นายพลมาคัสยังคงถามชายหนุ่มปริศนาคนนั้นด้วยความสงสัยต่อไป
“เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับแก”ชายหนุ่มผมยาวสีดำพูดกับนายพลก่อนที่จะค่อยๆก้าวเดินเข้ามาด้วยความใจเย็นและมันยิ่งทำให้นายพลมาคัสกลัวขึ้นไปอีก
“อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเหยี่ยวไกแน่”นายพลขู่ชายหนุ่มผมยาสีดำพร้อมกับเล็งปากกระบอกปืนไปที่เขาแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขากลัวแต่อย่างใดแถมยังคงเดินใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย
“แกหูหนวกหรือไงวะ ฉันบอกว่าอย่าเข้ามา”นายพลยังคงพูดต่อทั้งๆที่มือของที่กำลังจับปืนอยู่นั้นได้สั่นไปหมดราวกับคนไม่มีแรงจนเขาปล่อยชายหนุ่มเดินเข้ามาถึงตัวเขาได้โดยง่ายดาย
“ผมกะแล้วว่าคุณต่อไม่กล้าฆ่าใครแน่ เว้นแต่จะให้คนอื่นฆ่าให้ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะให้ใครมาฆ่าองค์ราชินีก็ตาม สักวันมันต้องแดงออกมาแน่ เพราะงั้นผมถึงได้มาเอาตัวของเขาซึ่งเป็นอัยการไปหาคำตอบของคดีนี้ยังไงล่ะ”เมื่อชายหนุ่มพูดกับนายพลมาคัสเสร็จเขาก็ทุบที่ต้นคอของนายพลอย่างแรงเพื่อทำให้เขาสลบไปก่อนที่จะมาแก้มัดให้ผมและพาผมหนีไปท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมือง
หลังจากที่ผมกับชายหนุ่มผมยาวสีดำหนีออกมาจากพ้นเขตตัวเมืองแล้วพวกเราก็พักเหนื่อยกันที่ใต้ร่มไม้ขนาดใหญ่ข้างทางจึงทำให้ผมได้มีโอกาสไถ่ถามเขาถึงเรื่องราวต่างๆ
“นี่คุณเป็นใครกันแน่ แล้วกลับมาช่วยผมทำไมกัน”ผมถามชายหนุ่มผมยาวสีดำด้วยความสงสัย
“ฉันเป็นนักฆ่า ฉันมากลับมาที่เมืองนี้อีกครั้งก็เพราะว่ามีคนจ้างฉันให้มารับตัวนายไปให้เขา”ชายหนุ่มคนนั้นตอบผมกลับมาอย่างเป็นกันเอง
“ใครหรอที่ส่งนายมา”ผมถามต่อ
“เดี๋ยวนายก็รู้เองแหละน่า ฉันชื่อเพมเบรคยินดีที่ได้รู้จัก”ชายหนุ่มผมตอบผมกลับมาด้วยความรำคาญก่อนที่จะลุกขึ้นมาแนะนำตัวกับผมอย่างเป็นมิตร
“ฉันชื่อว่าอาเทียร์ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”และในตอนนั้นเองที่ผมได้พบกับนักฆ่าที่มีนามว่าเพมเบรค....
ความคิดเห็น