ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    3 | THE GUARD ღ หัวใจเสี่ยงรัก ϟ

    ลำดับตอนที่ #7 : EP [6] เกินกว่าหน้าที่ ✓

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 64



     
       





    คิวไอวี่
    .
    .



    EP [6] เกินกว่าหน้าที่ 
     



     วันเวลาผ่านไปจนมาถึงวันเสาร์ เป็นวันที่คฤหาสน์เรือนแก้ววุ่นวายที่สุด สาเหตุเพราะคุณหนูเจ้าของเรือนแก้วยังคงนอนจมอยู่กับที่นอนไม่ยอมตื่น เหล่าบอดี้การ์ดเริ่มกระวนกระวายใจเพราะไม่มีใครกล้าปลุกคุณหนูเลยสักคนแม้แต่ริต้าที่เป็นคนสนิทก็ไม่คิดเสี่ยง หากเป็นเวลาปรกติริต้าอาจจะเข้าไปปลุกได้

    แต่ไม่ใช่ในกรณีที่เป็นวันที่คุณหนูเรือนแก้วต้องไปดูตัว!

    “มีเรื่องอะไรกัน”

    เสียงของทิมดังขึ้นเรียกสายตาให้ทุกคนหันไปมอง ลมหายใจของทุกคนสะดุดในทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนเดินนำคุณทิมและคุณเมืองสิงห์มา

    “ทำไมยังไม่ไปเตรียมตัวให้คุณหนูอีก” เมืองสิงห์ถามหนึ่งในบอดี้การ์ดที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่

    “คุณหนูยังไม่ตื่นค่ะ” เป็นริต้าที่ตอบออกมา

    สิ้นเสียงริต้าทั้งโถงบ้านก็เงียบกริบไม่มีใครพูดสิ่งใดขึ้นมาอีก ดวงตาทุกคนมองเจ้านายที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่อย่างหวั่นเกรง

    คิวเดินขึ้นไปบนชั้นสองตรงไปยังห้องคุณหนูของเรือนแก้ว ไม่ต้องคิดให้ปวดสมองก็รู้ได้ในทันทีว่าหญิงสาวอยู่ห้องใด

    เขตปลอดท่อนไม้เดินได้!’

    คิวเมินป้ายหน้าประตูแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอนที่มีกลุ่มก้อนของผ้าสีขาวที่ขดกองอยู่

    “รู้ว่าตื่นแล้ว ลุกไปอาบน้ำ” คิวพูดขึ้นแต่ถึงกระนั้นภายในห้องก็ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เพิ่มอีก

    “ถ้ายังไม่ขยับอีกฉันจะเป็นคนอาบน้ำและแต่งตัวให้..”

    “รู้แล้วน่า” ไอวี่ลุกขึ้นมาบ่นอย่างหัวเสีย ความจริงเธอตื่นตั้งแต่ไก่โห่แล้วล่ะแต่ไม่อยากลุกก็เท่านั้น “นายไม่เห็นป้ายหน้าห้องหรือไง”

    “...” คิวนั่งบนเก้าอี้ที่ห่างออกไปนิดหน่อยก่อนจะทำเป็นไม่รู้เรื่องที่อีกฝ่ายพูดมา

    “ไหนข้อตกลงของฉันกับนายคือความเป็นส่วนตัวไง”

    “ถือว่าหายกันไป” ไอวี่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ตอนแรกเธอจะแกล้งโมโหแล้วดื้อไม่ไปตามนัดดูตัว แต่แล้วคิวก็สามารถปัดตกความคิดนั้นไปได้เพียงแค่คำว่า หายกันของอีกฝ่าย เธอเข้าใจทันทีเพราะวันนั้นเธอย่องไปห้องเขาครั้งนี้เขาก็เลยเอามาเป็นข้อหักล้างกันไป

    “นายอยากให้ฉันไปดูตัวจริงๆ เหรอ?”

    “ทำไมถึงถาม?”

    ไอวี่นั่งนิ่งขบเม้มริมฝีปากอย่างน้อยใจ นี่เขาไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆน่ะเหรอ? เธอเคยตัดพ้อและว่าเขาเกี่ยวกับความเย็นชานี้แต่เขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่คิดจะห้ามหรือรู้สึกผิดบ้างเลยสักนิด ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน(ในฐานะคนติดตาม) ก็นับว่าสองปีกว่าแต่เขาไม่มีความผูกพันเลยรึไง

    “มันเป็นหน้าที่ที่ควรจัดการให้เรียบร้อย”

    “ช่างเถอะ ออกไปแล้วก็เรียกพวกริต้าเข้ามาแต่งตัวให้ฉันด้วย”

    คิวมองไอวี่อยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนี้ทว่าก่อนที่เขาจะออกไปเสียงของเจ้าของห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคิวไม่ต้องหันกลับไปมองก็พอรู้ว่าสีหน้าของหญิงสาวเป็นอย่างไร

    “บางทีฉันก็คิดว่านายจะเป็นที่พึ่งของฉันตลอดไป แต่วันนี้ฉันพอจะรู้แล้วว่ามันคงไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป”

    หลังจากที่คิวเดินออกไปไอวี่ก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่มีริต้ายืนรออยู่  

    “วันธรรมดาแบบนี้แทนที่จะได้ไปเที่ยวหรือนอนตื่นสักบ่ายโมงแต่กลับต้องตื่นแต่เช้าแต่งตัวแต่งหน้าเพื่อไปกินข้าวกับคนที่ปู่เลือกให้ น่าเบื่อสิ้นดีเลยพี่คิดงั้นมั๊ย” ริต้าไม่ได้ตอบแต่ก็ฟังไปจัดการกับผมของเธอไปด้วย

    “ก็แค่คิดจะหาทางผ่านให้กับตัวเองเท่านั้นล่ะ ถามหน่อยพี่คิดว่าปู่เคยเห็นฉันมีความสุขมั๊ยกับการที่จะต้องไปดูตัวแบบนี้ คำตอบคือไม่ และปู่รู้มั๊ยว่าฉันยิ่งเกลียดเขามากกว่าเดิมก็เพราะเขาทำแบบนี้ซ้ำๆ”

    ไอวี่พูดออกมาด้วยความขมขื่นที่ชีวิตต้องเกิดมาในตระกูลที่เห็นแก่งแย่งชิงดีผลประโยชน์ อีกทั้งยังเลือกทางเดินของตัวเองไม่ได้

    หลังจากปรับอารมณ์อยู่นานไอวี่ก็ลงมาจากห้องนอน พอลงมาด้านล่างก็เห็นว่าคิวนั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่ที่โซฟา

    ไอวี่สำรวจการแต่งตัวของอีกฝ่ายที่ดูธรรมดาเหมือนกับทุกๆ วัน นั่นคือเสื้อยืดสีเข้มคลุมด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำคู่กับกางเกงยีนส์สีซีดและผ้าใบคู่ใจ ถึงจะดูเรียบง่ายแต่ของทุกอย่างบนตัวล้วนเป็นสิ้นค้าแบรนด์เนมทั้งนั้น ซึ่งมันก็เข้ากับสไตล์ของคิวที่ว่าเรียบง่ายแต่ดูดี

    “อะไร”  

    “แต่งตัวแบบนี้เนี่ยนะ?” ความจริงเธอก็ถามไปงั้น เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะใส่อะไรก็ดูดีมากอยู่แล้ว

    “อืม เสร็จแล้วก็ไปเถอะ” คิวลุกขึ้นแต่ไอวี่รั้งเอาไว้ก่อน

    “เดี๋ยวก่อน..บอกสิว่าวันนี้ฉันดูเป็นไง?”

    คิวมองไอวี่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “ก็เหมือนกับทุกวัน”

    ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายไอวี่ก็กรอกดวงตาไปมา “นายมันน่าเบื่อ”

    คิวขมวดคิ้วมองหญิงสาวที่ทำหน้ายุ่งยากเดินออกไป ประจวบเหมาะกับที่ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาพูดบางอย่างให้คิวได้รู้เหตุผลที่ทำให้หญิงสาวไม่พอใจตนเอง

    “ควรจะบอกว่าวันนี้สวยกว่าทุกวันน่าจะดีกว่านะครับ”

    คิวเลิกคิ้วก่อนจะสั่งให้คนสนิททั้งสองคนตามไอวี่ไป

    ไอวี่ที่เดินมาถึงหน้าบ้านแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่ารถสปอร์ตคาร์คู่ใจของคิวจอดรออยู่ ซึ่งด้านหน้าและด้านหลังมีรถการ์ดประกบ 3-4 คัน ไอวี่มองหารถประจำตัวของเธอแต่ก็ไม่พบ

    “วันนี้คุณหนูต้องไปกับคุณคิวครับ”

    เป็นทิมที่เดินมาบอกไอวี่ พอไอวี่ได้ยินดังนั้นก็เลยหันกลับไปมองคิวที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ ทว่านอกจากอีกฝ่ายจะไม่พูดอะไรยังเดินผ่านเธอไปประจำที่คนขับแล้ว

    “เนื่องจากยังจับคนร้ายลอบยิงครั้งที่แล้วไม่ได้คุณคิวก็เลยป้องกันเอาไว้ก่อนครับเผื่อจะเกิดเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้เหมือนวันก่อน”

    ทิมบอกจุดประสงค์ของเจ้านายหน้านิ่งให้คุณหนูของตนทราบ ก่อนจะเปิดประตูรถให้ พอคุณหนูขึ้นไปก็ปิดประตูทันที

    “เรื่องคนที่ไล่ยิงวันนั้นได้เรื่องยังไงบ้าง” ไอวี่ถามคิว  

    “อืม ได้เรื่องมาบ้างแล้ว”

    “ใช่คนในบ้านใหญ่รึเปล่า”

    คิวไม่ตอบแต่ไอวี่พอจะรู้ว่าคงจะใช่ ทว่าก่อนจะพูดลงลึกมากกว่านี้คิวก็ยื่นกล่องบางอย่างให้แทน ไอวี่รับมาเปิดดูพบว่ามันเป็นสร้อยเพชรเรียบๆ เส้นหนึ่ง ซึ่งดูแล้วมันเข้ากับชุดที่เธอใส่มาในวันนี้มาก

    “นายท่านฝากมาให้เธอใส่คู่กับชุด”

    คิวไม่ได้หันมาพูดและนั่นทำให้ไอวี่ขอบคุณมากๆ เพราะถ้าคิวหันมาจะพบว่ามีแต่ความผิดหวังและความเสียใจแปะอยู่เต็มใบหน้า เพราะลึกๆ แล้วเธอนึกว่าคิวจะเป็นคนให้เธอเอง

    “ปู่เข้าใจคิดนี่ให้นายเอามาให้ฉันจะได้ปฏิเสธไม่ได้”

    ไอวี่ทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เธอเองก็เบื่อตัวเองเหมือนกันที่รู้ว่าหลายๆ คนรู้จุดอ่อนของเธอและมักจะนำจุดอ่อนนั้นมาเล่นงานเธอเสมอ..เพราะเป็นคิวเธอจึงยอมทุกอย่าง

    ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคิวก็พาไอวี่มาถึงภัตตาคารหรูที่คุ้นตา จะไม่ให้คุ้นได้ยังไงก็ในเมื่อที่นี่เป็นที่ที่แคลร์ทำงานอยู่

    “ทำไมฉันไม่เห็นรู้ว่านัดกันที่นี่” คิวเอ่ยถามเมืองสิงห์

    “อีกฝ่ายส่งที่อยู่มาให้เมื่อเช้าครับ” คิวเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ

    “ยืนบื้อทำไมมานี่สิ” ไอวี่เรียกสติคิวด้วยคำพูดที่ไม่เพราะนัก คิวขมวดคิ้วนิ่งเพราะไม่ชอบที่อีกฝ่ายพูดจาข้ามรุ่นกันแต่ก็ไม่ได้ขัดใจอะไร พอเดินเข้าไปหญิงสาวก็ยกมือขึ้นควงแขนทันที

    ไอวี่เห็นคิวทำหน้ายุ่งยากที่เธอขโมยแขนของอีกฝ่ายมาควงแบบนี้ก็ยิ่งทำหน้ากวน แรกเริ่มเธอตกใจอยู่เหมือนกันที่คู่ดูตัวนัดให้มากินข้าวที่นี่ และเมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าใครทำงานที่นี่เธอก็รู้สึกอยากจะขัดใจคิวและแสดงความเป็นเจ้าของซะแบบนั้น

    “ทำไม? ฉันจับนายไม่ได้รึไง”

    “พูดให้มันดีๆ เดี๋ยวลูกชายนายกจะได้ยินแล้วเอาไปพูดว่าลูก หลานสาวตระกูลหงส์ฤดีเกียรติกุลเป็นพวกกร่าง”  

    “ขอโทษนะนายเป็นบอดี้การ์ดหรือเป็นพ่อมิทราบ” ไอวี่ไม่ถือที่คิวพูดว่าตนเอง เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการ

    ..ยิ่งดื้อดึงยิ่งขัดใจเขายิ่งพูดกับเธอมากขึ้น..

    ถึงคนอื่นๆ จะเรียกคำพูดนั้นว่าด่าก็เถอะ..

    คิวพาไอวี่เดินเข้ามาในภัตตาคารที่ปกติแล้วไม่ได้เปิดเช้าขนาดนี้ คู่ดูตัวของไอวี่คนนี้คงจะใช้เส้นสายในการสั่งเปิดแน่นอน เมื่อเดินเข้ามาด้านในก็ได้รับการบริการจากทางภัตตาคารอย่างดี

    คิวสั่งให้ลูกน้องสำรวจความปลอดภัยรอบๆ เมื่อไม่เห็นถึงความผิดปรกติจึงพาไอวี่ไปที่โต๊ะอาหารที่มีชายคนหนึ่งนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่

    ชายหนุ่มละความสนใจจากโทรศัพท์แล้วหันมายิ้มให้ผู้มาใหม่

    ไอวี่เห็นหน้าของลูกชายนายกรัฐมนตรี ความรู้สึกแรกเธอคิดว่าอีกฝ่ายหน้าตาดีหล่อสมฐานะ ถึงกระนั้นก็ดูจะซ่อนความอันตรายเอาไว้มองแล้วรู้สึกคล้ายกับคิวอยู่มากแต่แตกต่างกันตรงที่ลูกนายกรัฐมนตรีคนนี้ปั้นรอยยิ้มประดับบนใบหน้าเก่งกว่าท่อนไม้เดินได้อย่างคิว

    “คุณไอวี่หลานสาวของคุณไอศวรรย์ใช่ไหม ผมดิสโก้ครับ”

    “สวัสดีค่ะ” ไอวี่ตอบรับสั้นๆ แต่ไม่ได้ทำตัวเสียมารยาทนัก ทว่าหลังจากที่อีกฝ่ายทักเธอก็หันไปมองคิวด้วยรอยยิ้มแปลกๆ

    “มีอะไรหรือเปล่าคะ?” 

    “เปล่าครับก็แค่แปลกใจที่เห็นเขามากับคุณ”

    “คิวเป็นคนของฉันเองค่ะ คุณรู้จักคิวด้วยเหรอ?”

    ไอวี่ถามอย่างแปลกใจเพราะดูท่าดิสโก้คนนี้จะรู้จักคิวด้วย

    ดิสโก้ยกยิ้มให้หญิงสาว “ครับ..รู้จักดีเลยล่ะ พอดีเราเจอกันตามงานสังคมบ่อยๆ น่ะครับ”

    ไอวี่เริ่มจะเข้าใจ อาจเพราะคิวเป็นคนดูแลธุรกิจแทนเธอ คงจะมีบ้างที่ออกงานสังคมและได้รู้จักคนใหญ่คนโตแต่คิดไม่ถึงว่าคิวจะเคยพบคู่ดูตัวของเธอด้วย

    ดิสโก้ยิ้มพลันมองหน้าคิว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เดือดเนื้อร้อนใจจึงเลิกกวนประสาทจึงพาไอวี่ไปนั่งที่โต๊ะแล้วให้ลูกน้องจัดการเรื่องอาหารที่ตนเองเป็นคนสั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้แทน

    “นายจะไปไหน” ไอวี่เห็นคิวกำลังจะผละออกไปจึงโพล่งถาม

    “ฉันจะไปรอด้านนอก”

    “ไม่ต้องมานั่งนี่” ไอวี่สั่งให้นั่งด้วยกันทันที

    คิวคิดจะค้านแต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย เพราะหากขัดใจประเดี๋ยวจะทำให้ไอวี่อารมณ์เสียจนงานดูตัวล่มไม่เป็นท่าอีก

    “คุณไอวี่นี่น่าสนใจกว่าที่ผมคิดนะ ผมไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะทำตามคำสั่งใครง่ายๆ แบบนี้” ดิสโก้ยกไวน์ขึ้นจิบก่อนจะมองทั้งสองคน

    “ฉันเป็นเจ้านายของเขาไม่แปลกที่เขาจะทำตามคำสั่งนี่”

    “หืม..ผมก็ขอให้เป็นแบบนั้น” ดิสโก้จ้องตากับคิวพลันยิ้มขึ้นมาคล้ายกับล่วงรู้อะไรบางอย่างทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

    ผ่านไปครู่หนึ่งอาหารที่ดิสโก้สั่งเอาไว้ก็พร้อมเสิร์ฟ ไอวี่กับดิสโก้เริ่มทานอาหารกันโดยมีคิวที่นั่งฟังทั้งสองคนคุยด้วย

    “คุณดิสโก้เคยพบคิวหลายครั้งแล้วเหรอคะ เพราะคุณพูดเหมือนรู้จักเขาดี” ถึงไอวี่จะพอรู้ว่าคิวเป็นยังไงแต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะเธอไม่ได้อยู่กับเขาตลอดเวลาเสียหน่อย

    “ก็รู้จักมานานแล้วนะครับจริงไหม”

    ดิสโก้หันไปมองคิวที่นั่งกอด อกมองไปทางอื่น พอได้ยินเขาพูดประเด็นนี้จึงย้ายสายตาคมดุนั่นมาจ้องมองกัน

    “ผมถึงแปลกใจมากที่เขาดูว่าง่ายเพราะถ้าคุณรู้จักเขาจริงๆ จะรู้ว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างควบคุมยาก”

    ดิสโก้มองคิวที่เหมือนกับว่าเริ่มไม่พอใจที่เรื่องบนโต๊ะอาหารส่วนมากเป็นเรื่องของตนเอง

    “ดูเหมือนเราต้องสนิทกันให้เร็วๆ สินะครับ เอาเป็นว่าผมขอเรียกคุณว่าน้องไอวี่แล้วแทนตัวเองว่าพี่แล้วกันนะ” ไอวี่พยักหน้า เพราะดูจากอายุแล้วอีกฝ่ายน่าจะแก่กว่าสองถึงสามปี

    “ส่วนน้องไอวี่จะเรียกยังไงก็ตามแต่ เพราะเหตุผลที่เราสองคนต้องมาเจอกันวันนี้ก็คงเป็นดูตัวและเรื่องหมั้นหมายของพวกผู้ใหญ่”

    “ตามนั้นค่ะ” ไอวี่ตอบรับ เพราะดูท่าทางลูกนายกรัฐมนตรีคนนี้จะไม่ได้สนใจเธอมากนัก ดูก็รู้ว่าเป็นพวกเจ้าชู้ประตูดินถ้าจะให้มาจมปลักแต่งงานกับเธอคงไม่ทำแน่ๆ

    “ว่าแต่ว่าพี่ดูดวงได้นะไอวี่อยากจะลองรึเปล่า” ดิสโก้พูดออกมา

    ไอวี่เลิกคิ้วสงสัยแต่เหมือนตัวเองจะพอเดาออกว่าดิสโก้คิดจะทำอะไรบางอย่าง ไอวี่พยักหน้าให้

    ดิสโก้จึงเขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะแบมือขึ้นมา

    “ขอมือหน่อยครับ”

    “พี่ไม่ได้จะแกล้งอะไรไอใช่ไหม?” ไอวี่พูดแทนตัวเองอย่างสนิทสนม เหตุผลก็คงเหมือนกับดิสโก้คือเราสองคนต่างมีคนของผู้ใหญ่มาคอยสังเกตการณ์ ฉะนั้นทำให้จบๆ ไปจะได้ไม่ต้องเบื่อไปมากกว่านี้ ไอวี่ยื่นมือไปให้อีกฝ่าย ดิสโก้ยิ้มนิดหน่อยก่อนจะดูเส้นบนมือสวย

    “อืม สุดยอดเลยแหะ ดวงไม่ดีจริงๆ นั่นล่ะ”

    ไอวี่คิ้วกระตุกทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายพูด

    “ทำไมคะ?”

    “ดวงตกสุดๆ ไปเลยครับ เหมือนกับว่ามีเงามืดกำลังคุกคามอยู่ ทำให้ช่วงนี้มีแต่ความทุกข์..อืม..ไหนดูสิ” ดิสโก้พลิกมือของไอวี่ไปมาก่อนจะเพ่งมองอย่างสนุกสนาน “มีแต่เรื่องเจ็บตัว เจ็บใจ อนาคตจะต้องเสียใจกับบางสิ่งจนแทบจะล้มทั้งยืน อดีตที่เลวร้าย ความรัก ความแค้น โว้วว..”

    ดิสโก้เริ่มที่จะลุกลามจากมือหนึ่งสู่อีกมือหนึ่งทำให้ตอนนี้มือแกร่งของดิสโก้กอบกุมมือขาวนวลของไอวี่อยู่

    หมั่บ! เพี๊ยะ!

    คิวจัดการดึงมือไอวี่ออกจากมือของดิสโก้ เพราะดูแล้วอีกฝ่ายแค่อยากจะกวนประสาทเขาเรื่องคำทำนายบ้าๆ เท่านั้น

    ดิสโก้มองคิวอย่างไม่พอใจที่คิวปัดมือตนเองออก

    บรรยากาศอึมครึมจนเหล่าบอดี้การ์ดของคิวและของดิสโก้เหงื่อตก เพราะการประชันหน้าของเจ้านายมันดูน่ากลัวกว่าที่เคยพบเห็น

    ไอวี่ไม่ได้รู้สึกถึงบรรยากาศนั้น ในใจเอาแต่คิดเรื่องคำทำนายที่ดิสโก้พูดออกมา เธอเป็นคนเชื่อเรื่องดวงและกรุ๊ปเลือด จึงเอาแต่นั่งคิดทบทวนและเรียบเรียงประโยคทั้งหมดอยู่เงียบๆ

    “ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าสอดเรื่องของเจ้านาย” ดิสโก้พูด

    “เห็นทีคงจะไม่ได้ ฉันเป็นคนดูแลไอวี่การที่นายมาทำตัวลุ่มล่ามใส่ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้หมั้นไม่ได้แต่งมันไม่สมควร” คิวพูดด้วยสายตานิ่งเรียบ

    “อย่ามาทำอย่างกับว่าตอนนี้มึงกับกูอยู่ในสถานะเดียวกัน เพราะถ้ามึงเป็นลูกน้องของไอวี่ นั่นก็หมายถึงกูสำคัญกับมึงพอๆ กัน จะเป็นยังไงถ้ากูรายงานเจ้าสัวไอศวรรย์ไปว่ามึงขัดขวางเวลาระหว่างกูกับน้องไอวี่”

    ดิสโก้พูดให้ได้ยินแค่สองคนเท่านั้น คิวเองก็นิ่งไปทันที

    เพื่อนกันมันก็แค่คำแดกดันเท่านั้น เพราะความจริงแล้วทั้งสองคนรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร

    คิวโค้งขอโทษก่อนจะผละตัวออกมายืนไม่ไกลมากนัก ปล่อยให้ทั้งสองได้พูดคุยและทำความรู้จักกันต่อ

    ดิสโก้เห็นคิวยอมลงให้ก็เลิกสนใจ ปั้นใบหน้ายิ้มแย้มมองหญิงสาวที่นั่งนิ่งไปนาน “น้องไอวี่ น้องไอวี่ครับ?”

    ไอวี่เริ่มรู้สึกตัว ทว่าพอไม่เห็นคิวจึงกวาดสายตามองจึงเห็นว่าอีกฝ่ายแค่ย้ายไปนั่งเก้าอี้ที่ห่างออกไป เธอจะเรียกแต่ดิสโก้ขวางเอาไว้ก่อน

    “พี่ว่าเรามาถ่ายรูปกันดีกว่า” ไอวี่มองดิสโก้อย่างไม่ไว้ใจ

    “พี่ก็แค่สร้างหลักฐานให้พวกผู้ใหญ่ดูไงครับ พวกเขาจะได้เห็นว่าเราเข้ากันได้ดี อย่ามองพี่อย่างนั้นสิ พี่รู้ว่าน้องไอวี่ต้องเจอกับปัญหานี้บ่อยๆ และคงจะขัดเจ้าสัวไอศวรรย์ไม่ได้ และเพราะพี่เป็นสุภาพบุรุษที่หล่อและใจดีมากก็เลยจะเสนอตัวเป็นคู่เดตระยะยาวไงครับ”

    ไอวี่ลังเลเริ่มคิดตาม ถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่มีความพึงพอใจเหมือนกันมันก็เป็นข้อเสนอที่น่าลอง

    “น้องคงไม่อยากเปลี่ยนคู่ดูตัวไปเรื่อยๆ หรอกใช่ไหมครับ น่ารำคาญออกเนอะ อีกอย่างถ้าหากน้องไอวี่อยู่กับพี่บางทีมันอาจจะทำให้ใครบางคนที่เอาแต่เมินน้องสนใจขึ้นมาก็ได้นะ” ดิสโก้พูดเสริมด้วยรอยยิ้ม

    “คนที่เมินไอ? หมายถึงคิวเหรอคะ”

    “เขานั่นแหละครับ ว่าไงน้องยังไม่ต้องตอบตกลงก็ได้ลองไปคิดให้ดีๆ ก่อน แต่พี่เชื่อว่าพี่ช่วยน้องไอวี่ได้นะ เรื่องของคิวน่ะ”

    ดิสโกยังคงหยอดคำชวน ทว่ายังไม่ทันที่ไอวี่จะตอบตกลูกน้องของดิสโก้ก็เข้ามารายงานบางอย่างเสียก่อนและเมื่อฟังแล้วดิสโก้ก็ขมวดคิ้วเครียดขอตัวกลับก่อนอย่างช่วยไม่ได้

    หลังจากดิสโก้กลับไปไอวี่ก็เรียกให้คิวไปนั่งข้างๆ แทน

    “มองแบบนั้นมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ” ไอวี่ถามเพราะคิวมองเธอด้วยสายตานิ่งเรียบเหมือนกับไม่พอใจอะไรบางอย่าง

    “ยังไม่หมั้นกันจริงจังอย่าให้อีกฝ่ายมาแตะเนื้อต้องตัวง่ายๆ สิมันดูไม่เหมาะสม”

    “ทำไมล่ะพี่ดิสโก้ก็ดีนะนิสัยดีน่ารักแล้วก็เอาใจเก่ง ฉันว่าอีกไม่นานก็คงหมั้นและแต่งกับเขานั่นล่ะ ฉันไม่คิดเลือกมากนักหรอก”

    “ระวังเอาไว้บ้างก็ดี”  

    “แล้วนายเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ หรือว่านายหึงฉัน?” ไอวี่ถามอย่างลุ้นๆ นี่ใช่ไหมที่พี่ดิสโก้บอก..คิวเริ่มมีปฏิกิริยาบ้างแล้ว!

    “ที่นี่ก็มีแต่คนของนายกับพี่ดิสโก้คงไม่มีใครกล้าปากมากหรอก อีกอย่างฉันจะสนิทกับใครหรือให้ใครจับเนื้อต้องตัวก็ได้ไม่จำเป็นต้องบอกใครก่อน” เมื่อไอวี่พูดอย่างรั้นๆ คิวก็ยิ่งไม่พอใจและนั่นทำให้เธอพอใจ

    “ทำไม? นายไม่พอใจที่พี่ดิสโก้จับฉันเหรอ หึๆ นายเริ่มรู้สึกอะไรแล้วบ้างใช่มั๊ย?”  

    “ที่พูดไม่ใช่เพราะรู้สึกอะไรแต่เธอเป็นผู้หญิงเป็นคนของตระกูลหงศ์ฤดีเกียร์ติกุลควรสงวนเนื้อสงวนตัวเอาไว้หน่อยก็ดีเดี๋ยวเขาจะหาว่าไม่มีใครสั่งสอน” ไอวี่ได้ยินแบบนั้นก็หุบยิ้มทันที คำพูดของคิวมันแรงเกินไปที่เธอจะทำเป็นไม่สนใจได้

    “ทำไมไม่ด่าตรงๆ ว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนไปเลยล่ะ! อ้อใช่! พ่อแม่ฉันตายก่อนที่ฉันจะรู้เรื่องรู้ราวด้วยซ้ำก็เลยไม่มีคนสั่งสอนสันดานเลยเป็นแบบนี้ไง” ไอวี่มองหน้าคิวด้วยความโกรธก่อนจะเดินนำออกไปโดยไม่รอ

    ส่วนคิวที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดอะไรไปก็เริ่มไม่เข้าใจตัวเองเท่าไรนัก เพราะสิ่งที่คิวต้องทำคือปล่อยให้ทั้งสองคนได้ทำความรู้จักสานสัมพันธ์กันไม่ใช่เข้าไปยุ่ง และการที่พูดเตือนไอวี่แบบนั้นเขายอมรับว่ารู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย คิวเดินตามออกมาก็เห็นว่าไอวี่ยังรอตนเองอยู่ที่รถ คิวไม่พูดอะไรแล้วเดินไปเปิดประตูให้ไอวี่จากนั้นตนเองก็ประจำที่คนขับเพื่อพาไอวี่กลับเรือนแก้วและรายงานผลการดูตัวให้กับนายใหญ่ทราบ

    ทั้งๆ ที่ทำตามหน้าที่แต่ทำไมคิวรู้สึกคันหน้าอกแปลกๆ ก็ไม่รู้

    ระหว่างรถติดไฟแดงคิวจัดการส่งข้อความหาคนสนิททั้งสองบอกว่าจะพาไอวี่กลับบ้านเองให้ทุกคนล่วงหน้ากลับไปก่อน จากนั้นก็หันไปมองไอวี่ที่ตั้งแต่ขึ้นรถมาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย

    “อยากจะไปไหนรึเปล่า” คิวถามเพื่อทำลายความเงียบ

    “ถามทำไมถามไปนายจะพาไปรึไง”

    “อืมจะไปไหน”

    ไอวี่ได้ยินก็นิ่งไปพักหนึ่ง เพราะไม่คิดว่าคิวจะพาไปจริงๆ

    “ทำไม?”

    “ก็แค่แปลกใจ ช่างเถอะฉันอยากกลับบ้าน เหนื่อยอยากจะพัก”

    ไอวี่ยอมรับว่าน้อยใจคิวในหลายๆ เรื่องด้วยมันเลยพาลอารมณ์เสียไปซะหมด เธอไม่พูดอะไรกับคนข้างกายอีกหันมองวิวข้างทางจนรถของคิวจอดนิ่งในที่สุด เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีบึงน้ำและสะพานให้เดินเล่น

    “พามาที่นี่ทำไมฉันจะกลับบ้าน”

    ไอวี่พูดเสียงแข็ง แต่คิวไม่ตอบกลับเปิดประตูรถและเดินออกไป ไอวี่ที่นั่งนิ่งอยู่พักหนึ่งก็ลงจากรถเดินตามคิวไปตรงกลางสะพาน

    “ที่พูดก่อนหน้านี้..ฉันขอโทษ” เมื่อทั้งสองเดินมาถึงตรงกลางสะพานคิวก็พูดขึ้นทำให้ไอวี่หันไปมองอย่างแปลกใจ

    “รู้ตัวด้วยเหรอว่าทำให้ฉันอารมณ์เสีย”

    ไอวี่อยากจะยิ้ม ถึงก่อนหน้านี้เธอจะโกรธคิวมากแต่การที่อีกฝ่ายสนใจความรู้สึกกันและพามาผ่อนคลายแบบนี้

    มันก็เลยทำให้เธอหายโกรธคิวได้ง่ายๆ...

    อืมช่างเถอะ ว่าแต่ทำไมนายต้องไม่ชอบพี่ดิสโก้ขนาดนั้นล่ะและทำไมพี่ดิสโก้ก็ดูไม่ชอบหน้านายเหมือนกันด้วย

    ไม่ถูกกันนิดหน่อย” ถึงไอวี่จะถามแน่นอนก็คงไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมาจากอีกฝ่ายจึงปล่อยประเด็นนี้ไป

    นี่คิว ต่อไปนายจะคอยอยู่ข้างๆ และคอยปกป้องฉันใช่รึเปล่า?”

    ทำไมถึงถาม

    “ก็แค่ถามน่ะ..เพราะตั้งแต่ฉันเกิดมาก็มีแต่เรื่องร้ายๆ พ่อแม่ของฉันตายตั้งแต่ฉันยังเด็ก คนในบ้านก็เอาแต่แก่งแย่งชิงดีกัน ถึงตัวฉันจะไม่สนใจไม่ยุ่งเกี่ยวแต่ก็โดนลากไปข้องเกี่ยวด้วยเสมอ”

    ไอวี่เคลื่อนสายตามองไปด้านหน้า เห็นแม่เป็ดกับลูกเป็ดว่ายน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนานจึงยิ้มออกมา “โดนดักยิงบ้างโดนจับเรียกค่าไถ่บ้างโดนหลอกเพราะหวังผลประโยชน์บ้างมันทำให้ฉันกังวลและกลัว..ความจริงฉันไม่ได้กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนั้นเท่าไรหรอกนะ

    เพราะสิ่งเหล่านั้นไอวี่เจอมาบ่อยจนเกือบจะชินแล้ว

    “แค่กลัวว่าตอนที่ฉันเผชิญกับสิ่งเหล่านั้นแล้วนายไม่ได้อยู่ข้างๆ ฉันแล้ว..”

    คิวมองใบหน้าที่ดูก็รู้ว่าฝืนยิ้มแค่ไหน และไม่แปลกใจถ้าหากไอวี่จะยึดคิวเป็นที่พึ่งเพราะตลอดระยะเวลาที่มาอยู่ที่ตระกูลหงส์ฤดีเกียร์ติกุลคิวได้เห็นมาหมดแล้วว่าหญิงสาวต้องเผชิญกับอะไรบ้าง

    “ไม่รับปากคิวพูดก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกออก “แต่ตอนที่ฉันอยู่จะไม่มีใครทำร้ายเธอได้อีก”

    อืมฉันเชื่อนาย” ไอวี่ยิ้มขึ้นมา ถึงคิวจะไม่รับปากว่าจะอยู่ข้างๆ เธอตลอดไปแต่เขาก็บอกว่าระหว่างที่เขาอยู่กับเธอเธอจะไม่มีอันตรายอีก ยิ่งรู้ว่าพ่อกับแม่ตายด้วยน้ำมือของคนในบ้านก็ยิ่งไม่ไว้ใจใคร และถ้าวันหนึ่งความทรงจำของคิวกลับมาเขาจะยังอยู่ข้างๆ เธออีกรึเปล่า

    มานี่” ไอวี่มองคิวที่เรียกตนเองเข้าไปใกล้ๆ ตอนแรกมองอย่างไม่ไว้ใจนิดหน่อยแต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย

    “อากาศมันเย็น” คิวเอาเสื้อแจ็คเกตมาคลุมตัวไอวี่เอาไว้

    ไอวี่รู้สึกใจเต้นโครมคราม ไม่บ่อยที่คิวจะดูแลแต่นั่นเธอรู้สึกได้ว่ามันเป็นหน้าที่ แต่ครั้งนี้เธอสัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่เล็กๆ ฉะนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง ที่ทำนี่ก็เพราะหน้าที่ด้วยรึเปล่า”

    ใส่เอาไว้เดี๋ยวเป็นหวัด” 

    ไอวี่ระบายยิ้มที่คิวไม่ตอบแต่กลับเบี่ยงประเด็นแทน ตอนนี้เธอคิดว่าไม่ว่าคิวจะทำมันด้วยหน้าที่ของลูกน้องหรือทำเพราะความเป็นห่วงของผู้ชายคนหนึ่งก็ตาม ถ้ามาจากคิวเธอก็รู้สึกดีใจ


    Talk

    พี่คิวอย่ามาตบหัวลูบหลังนะ

    ร้ายกับเขามาตลอด

    จะมาอ่อนโยนอะไรให้หวั่นไหวเนี่ย


    ※ โหวต เม้นท์ เฟบ ให้กำลังใจ ※







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×