คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : EP [6] เกินกว่าหน้าที่ ✓
วันเวลาผ่านไปจนมาถึงวันเสาร์ เป็นวันที่คฤหาสน์เรือนแก้ววุ่นวายที่สุด สาเหตุเพราะคุณหนูเจ้าของเรือนแก้วยังคงนอนจมอยู่กับที่นอนไม่ยอมตื่น เหล่าบอดี้การ์ดเริ่มกระวนกระวายใจเพราะไม่มีใครกล้าปลุกคุณหนูเลยสักคนแม้แต่ริต้าที่เป็นคนสนิทก็ไม่คิดเสี่ยง หากเป็นเวลาปรกติริต้าอาจจะเข้าไปปลุกได้
แต่ไม่ใช่ในกรณีที่เป็นวันที่คุณหนูเรือนแก้วต้องไปดูตัว!
“มีเรื่องอะไรกัน”
เสียงของทิมดังขึ้นเรียกสายตาให้ทุกคนหันไปมอง
ลมหายใจของทุกคนสะดุดในทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนเดินนำคุณทิมและคุณเมืองสิงห์มา
“ทำไมยังไม่ไปเตรียมตัวให้คุณหนูอีก”
เมืองสิงห์ถามหนึ่งในบอดี้การ์ดที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่
“คุณหนูยังไม่ตื่นค่ะ”
เป็นริต้าที่ตอบออกมา
สิ้นเสียงริต้าทั้งโถงบ้านก็เงียบกริบไม่มีใครพูดสิ่งใดขึ้นมาอีก
ดวงตาทุกคนมองเจ้านายที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่อย่างหวั่นเกรง
คิวเดินขึ้นไปบนชั้นสองตรงไปยังห้องคุณหนูของเรือนแก้ว
ไม่ต้องคิดให้ปวดสมองก็รู้ได้ในทันทีว่าหญิงสาวอยู่ห้องใด
‘เขตปลอดท่อนไม้เดินได้!’
คิวเมินป้ายหน้าประตูแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ
ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอนที่มีกลุ่มก้อนของผ้าสีขาวที่ขดกองอยู่
“รู้ว่าตื่นแล้ว
ลุกไปอาบน้ำ” คิวพูดขึ้นแต่ถึงกระนั้นภายในห้องก็ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
เพิ่มอีก
“ถ้ายังไม่ขยับอีกฉันจะเป็นคนอาบน้ำและแต่งตัวให้..”
“รู้แล้วน่า”
ไอวี่ลุกขึ้นมาบ่นอย่างหัวเสีย ความจริงเธอตื่นตั้งแต่ไก่โห่แล้วล่ะแต่ไม่อยากลุกก็เท่านั้น
“นายไม่เห็นป้ายหน้าห้องหรือไง”
“...”
คิวนั่งบนเก้าอี้ที่ห่างออกไปนิดหน่อยก่อนจะทำเป็นไม่รู้เรื่องที่อีกฝ่ายพูดมา
“ไหนข้อตกลงของฉันกับนายคือความเป็นส่วนตัวไง”
“ถือว่าหายกันไป”
ไอวี่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ตอนแรกเธอจะแกล้งโมโหแล้วดื้อไม่ไปตามนัดดูตัว
แต่แล้วคิวก็สามารถปัดตกความคิดนั้นไปได้เพียงแค่คำว่า ‘หายกัน’ ของอีกฝ่าย เธอเข้าใจทันทีเพราะวันนั้นเธอย่องไปห้องเขาครั้งนี้เขาก็เลยเอามาเป็นข้อหักล้างกันไป
“นายอยากให้ฉันไปดูตัวจริงๆ
เหรอ?”
“ทำไมถึงถาม?”
ไอวี่นั่งนิ่งขบเม้มริมฝีปากอย่างน้อยใจ
นี่เขาไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆน่ะเหรอ? เธอเคยตัดพ้อและว่าเขาเกี่ยวกับความเย็นชานี้แต่เขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
ไม่คิดจะห้ามหรือรู้สึกผิดบ้างเลยสักนิด ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน(ในฐานะคนติดตาม)
ก็นับว่าสองปีกว่าแต่เขาไม่มีความผูกพันเลยรึไง
“มันเป็นหน้าที่ที่ควรจัดการให้เรียบร้อย”
“ช่างเถอะ
ออกไปแล้วก็เรียกพวกริต้าเข้ามาแต่งตัวให้ฉันด้วย”
คิวมองไอวี่อยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนี้ทว่าก่อนที่เขาจะออกไปเสียงของเจ้าของห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ซึ่งคิวไม่ต้องหันกลับไปมองก็พอรู้ว่าสีหน้าของหญิงสาวเป็นอย่างไร
“บางทีฉันก็คิดว่านายจะเป็นที่พึ่งของฉันตลอดไป
แต่วันนี้ฉันพอจะรู้แล้วว่ามันคงไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป”
หลังจากที่คิวเดินออกไปไอวี่ก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่มีริต้ายืนรออยู่
“วันธรรมดาแบบนี้แทนที่จะได้ไปเที่ยวหรือนอนตื่นสักบ่ายโมงแต่กลับต้องตื่นแต่เช้าแต่งตัวแต่งหน้าเพื่อไปกินข้าวกับคนที่ปู่เลือกให้
น่าเบื่อสิ้นดีเลยพี่คิดงั้นมั๊ย” ริต้าไม่ได้ตอบแต่ก็ฟังไปจัดการกับผมของเธอไปด้วย
“ก็แค่คิดจะหาทางผ่านให้กับตัวเองเท่านั้นล่ะ
ถามหน่อยพี่คิดว่าปู่เคยเห็นฉันมีความสุขมั๊ยกับการที่จะต้องไปดูตัวแบบนี้ คำตอบคือไม่
และปู่รู้มั๊ยว่าฉันยิ่งเกลียดเขามากกว่าเดิมก็เพราะเขาทำแบบนี้ซ้ำๆ”
ไอวี่พูดออกมาด้วยความขมขื่นที่ชีวิตต้องเกิดมาในตระกูลที่เห็นแก่งแย่งชิงดีผลประโยชน์
อีกทั้งยังเลือกทางเดินของตัวเองไม่ได้
หลังจากปรับอารมณ์อยู่นานไอวี่ก็ลงมาจากห้องนอน
พอลงมาด้านล่างก็เห็นว่าคิวนั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่ที่โซฟา
ไอวี่สำรวจการแต่งตัวของอีกฝ่ายที่ดูธรรมดาเหมือนกับทุกๆ
วัน นั่นคือเสื้อยืดสีเข้มคลุมด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำคู่กับกางเกงยีนส์สีซีดและผ้าใบคู่ใจ
ถึงจะดูเรียบง่ายแต่ของทุกอย่างบนตัวล้วนเป็นสิ้นค้าแบรนด์เนมทั้งนั้น
ซึ่งมันก็เข้ากับสไตล์ของคิวที่ว่าเรียบง่ายแต่ดูดี
“อะไร”
“แต่งตัวแบบนี้เนี่ยนะ?”
ความจริงเธอก็ถามไปงั้น เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะใส่อะไรก็ดูดีมากอยู่แล้ว
“อืม
เสร็จแล้วก็ไปเถอะ” คิวลุกขึ้นแต่ไอวี่รั้งเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน..บอกสิว่าวันนี้ฉันดูเป็นไง?”
คิวมองไอวี่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“ก็เหมือนกับทุกวัน”
ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายไอวี่ก็กรอกดวงตาไปมา
“นายมันน่าเบื่อ”
คิวขมวดคิ้วมองหญิงสาวที่ทำหน้ายุ่งยากเดินออกไป
ประจวบเหมาะกับที่ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาพูดบางอย่างให้คิวได้รู้เหตุผลที่ทำให้หญิงสาวไม่พอใจตนเอง
“ควรจะบอกว่าวันนี้สวยกว่าทุกวันน่าจะดีกว่านะครับ”
คิวเลิกคิ้วก่อนจะสั่งให้คนสนิททั้งสองคนตามไอวี่ไป
ไอวี่ที่เดินมาถึงหน้าบ้านแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่ารถสปอร์ตคาร์คู่ใจของคิวจอดรออยู่
ซึ่งด้านหน้าและด้านหลังมีรถการ์ดประกบ 3-4 คัน ไอวี่มองหารถประจำตัวของเธอแต่ก็ไม่พบ
“วันนี้คุณหนูต้องไปกับคุณคิวครับ”
เป็นทิมที่เดินมาบอกไอวี่
พอไอวี่ได้ยินดังนั้นก็เลยหันกลับไปมองคิวที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ
ทว่านอกจากอีกฝ่ายจะไม่พูดอะไรยังเดินผ่านเธอไปประจำที่คนขับแล้ว
“เนื่องจากยังจับคนร้ายลอบยิงครั้งที่แล้วไม่ได้คุณคิวก็เลยป้องกันเอาไว้ก่อนครับเผื่อจะเกิดเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้เหมือนวันก่อน”
ทิมบอกจุดประสงค์ของเจ้านายหน้านิ่งให้คุณหนูของตนทราบ
ก่อนจะเปิดประตูรถให้ พอคุณหนูขึ้นไปก็ปิดประตูทันที
“เรื่องคนที่ไล่ยิงวันนั้นได้เรื่องยังไงบ้าง”
ไอวี่ถามคิว
“อืม
ได้เรื่องมาบ้างแล้ว”
“ใช่คนในบ้านใหญ่รึเปล่า”
คิวไม่ตอบแต่ไอวี่พอจะรู้ว่าคงจะใช่
ทว่าก่อนจะพูดลงลึกมากกว่านี้คิวก็ยื่นกล่องบางอย่างให้แทน ไอวี่รับมาเปิดดูพบว่ามันเป็นสร้อยเพชรเรียบๆ
เส้นหนึ่ง ซึ่งดูแล้วมันเข้ากับชุดที่เธอใส่มาในวันนี้มาก
“นายท่านฝากมาให้เธอใส่คู่กับชุด”
คิวไม่ได้หันมาพูดและนั่นทำให้ไอวี่ขอบคุณมากๆ
เพราะถ้าคิวหันมาจะพบว่ามีแต่ความผิดหวังและความเสียใจแปะอยู่เต็มใบหน้า เพราะลึกๆ
แล้วเธอนึกว่าคิวจะเป็นคนให้เธอเอง
“ปู่เข้าใจคิดนี่ให้นายเอามาให้ฉันจะได้ปฏิเสธไม่ได้”
ไอวี่ทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
เธอเองก็เบื่อตัวเองเหมือนกันที่รู้ว่าหลายๆ คนรู้จุดอ่อนของเธอและมักจะนำจุดอ่อนนั้นมาเล่นงานเธอเสมอ..เพราะเป็นคิวเธอจึงยอมทุกอย่าง
ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคิวก็พาไอวี่มาถึงภัตตาคารหรูที่คุ้นตา
จะไม่ให้คุ้นได้ยังไงก็ในเมื่อที่นี่เป็นที่ที่แคลร์ทำงานอยู่
“ทำไมฉันไม่เห็นรู้ว่านัดกันที่นี่”
คิวเอ่ยถามเมืองสิงห์
“อีกฝ่ายส่งที่อยู่มาให้เมื่อเช้าครับ”
คิวเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
“ยืนบื้อทำไมมานี่สิ”
ไอวี่เรียกสติคิวด้วยคำพูดที่ไม่เพราะนัก คิวขมวดคิ้วนิ่งเพราะไม่ชอบที่อีกฝ่ายพูดจาข้ามรุ่นกันแต่ก็ไม่ได้ขัดใจอะไร
พอเดินเข้าไปหญิงสาวก็ยกมือขึ้นควงแขนทันที
ไอวี่เห็นคิวทำหน้ายุ่งยากที่เธอขโมยแขนของอีกฝ่ายมาควงแบบนี้ก็ยิ่งทำหน้ากวน
แรกเริ่มเธอตกใจอยู่เหมือนกันที่คู่ดูตัวนัดให้มากินข้าวที่นี่ และเมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าใครทำงานที่นี่เธอก็รู้สึกอยากจะขัดใจคิวและแสดงความเป็นเจ้าของซะแบบนั้น
“ทำไม?
ฉันจับนายไม่ได้รึไง”
“พูดให้มันดีๆ
เดี๋ยวลูกชายนายกจะได้ยินแล้วเอาไปพูดว่าลูก หลานสาวตระกูลหงส์ฤดีเกียรติกุลเป็นพวกกร่าง”
“ขอโทษนะนายเป็นบอดี้การ์ดหรือเป็นพ่อมิทราบ”
ไอวี่ไม่ถือที่คิวพูดว่าตนเอง เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการ
..ยิ่งดื้อดึงยิ่งขัดใจเขายิ่งพูดกับเธอมากขึ้น..
ถึงคนอื่นๆ
จะเรียกคำพูดนั้นว่าด่าก็เถอะ..
คิวพาไอวี่เดินเข้ามาในภัตตาคารที่ปกติแล้วไม่ได้เปิดเช้าขนาดนี้
คู่ดูตัวของไอวี่คนนี้คงจะใช้เส้นสายในการสั่งเปิดแน่นอน
เมื่อเดินเข้ามาด้านในก็ได้รับการบริการจากทางภัตตาคารอย่างดี
คิวสั่งให้ลูกน้องสำรวจความปลอดภัยรอบๆ
เมื่อไม่เห็นถึงความผิดปรกติจึงพาไอวี่ไปที่โต๊ะอาหารที่มีชายคนหนึ่งนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่
ชายหนุ่มละความสนใจจากโทรศัพท์แล้วหันมายิ้มให้ผู้มาใหม่
ไอวี่เห็นหน้าของลูกชายนายกรัฐมนตรี
ความรู้สึกแรกเธอคิดว่าอีกฝ่ายหน้าตาดีหล่อสมฐานะ ถึงกระนั้นก็ดูจะซ่อนความอันตรายเอาไว้มองแล้วรู้สึกคล้ายกับคิวอยู่มากแต่แตกต่างกันตรงที่ลูกนายกรัฐมนตรีคนนี้ปั้นรอยยิ้มประดับบนใบหน้าเก่งกว่าท่อนไม้เดินได้อย่างคิว
“คุณไอวี่หลานสาวของคุณไอศวรรย์ใช่ไหม
ผมดิสโก้ครับ”
“สวัสดีค่ะ”
ไอวี่ตอบรับสั้นๆ แต่ไม่ได้ทำตัวเสียมารยาทนัก ทว่าหลังจากที่อีกฝ่ายทักเธอก็หันไปมองคิวด้วยรอยยิ้มแปลกๆ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“เปล่าครับก็แค่แปลกใจที่เห็นเขามากับคุณ”
“คิวเป็นคนของฉันเองค่ะ
คุณรู้จักคิวด้วยเหรอ?”
ไอวี่ถามอย่างแปลกใจเพราะดูท่าดิสโก้คนนี้จะรู้จักคิวด้วย
ดิสโก้ยกยิ้มให้หญิงสาว
“ครับ..รู้จักดีเลยล่ะ พอดีเราเจอกันตามงานสังคมบ่อยๆ น่ะครับ”
ไอวี่เริ่มจะเข้าใจ
อาจเพราะคิวเป็นคนดูแลธุรกิจแทนเธอ คงจะมีบ้างที่ออกงานสังคมและได้รู้จักคนใหญ่คนโตแต่คิดไม่ถึงว่าคิวจะเคยพบคู่ดูตัวของเธอด้วย
ดิสโก้ยิ้มพลันมองหน้าคิว
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เดือดเนื้อร้อนใจจึงเลิกกวนประสาทจึงพาไอวี่ไปนั่งที่โต๊ะแล้วให้ลูกน้องจัดการเรื่องอาหารที่ตนเองเป็นคนสั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้แทน
“นายจะไปไหน”
ไอวี่เห็นคิวกำลังจะผละออกไปจึงโพล่งถาม
“ฉันจะไปรอด้านนอก”
“ไม่ต้องมานั่งนี่”
ไอวี่สั่งให้นั่งด้วยกันทันที
คิวคิดจะค้านแต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย
เพราะหากขัดใจประเดี๋ยวจะทำให้ไอวี่อารมณ์เสียจนงานดูตัวล่มไม่เป็นท่าอีก
“คุณไอวี่นี่น่าสนใจกว่าที่ผมคิดนะ
ผมไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะทำตามคำสั่งใครง่ายๆ แบบนี้” ดิสโก้ยกไวน์ขึ้นจิบก่อนจะมองทั้งสองคน
“ฉันเป็นเจ้านายของเขาไม่แปลกที่เขาจะทำตามคำสั่งนี่”
“หืม..ผมก็ขอให้เป็นแบบนั้น”
ดิสโก้จ้องตากับคิวพลันยิ้มขึ้นมาคล้ายกับล่วงรู้อะไรบางอย่างทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่งอาหารที่ดิสโก้สั่งเอาไว้ก็พร้อมเสิร์ฟ
ไอวี่กับดิสโก้เริ่มทานอาหารกันโดยมีคิวที่นั่งฟังทั้งสองคนคุยด้วย
“คุณดิสโก้เคยพบคิวหลายครั้งแล้วเหรอคะ
เพราะคุณพูดเหมือนรู้จักเขาดี” ถึงไอวี่จะพอรู้ว่าคิวเป็นยังไงแต่ก็ไม่ทั้งหมด
เพราะเธอไม่ได้อยู่กับเขาตลอดเวลาเสียหน่อย
“ก็รู้จักมานานแล้วนะครับจริงไหม”
ดิสโก้หันไปมองคิวที่นั่งกอด
อกมองไปทางอื่น พอได้ยินเขาพูดประเด็นนี้จึงย้ายสายตาคมดุนั่นมาจ้องมองกัน
“ผมถึงแปลกใจมากที่เขาดูว่าง่ายเพราะถ้าคุณรู้จักเขาจริงๆ
จะรู้ว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างควบคุมยาก”
ดิสโก้มองคิวที่เหมือนกับว่าเริ่มไม่พอใจที่เรื่องบนโต๊ะอาหารส่วนมากเป็นเรื่องของตนเอง
“ดูเหมือนเราต้องสนิทกันให้เร็วๆ
สินะครับ เอาเป็นว่าผมขอเรียกคุณว่าน้องไอวี่แล้วแทนตัวเองว่าพี่แล้วกันนะ” ไอวี่พยักหน้า
เพราะดูจากอายุแล้วอีกฝ่ายน่าจะแก่กว่าสองถึงสามปี
“ส่วนน้องไอวี่จะเรียกยังไงก็ตามแต่
เพราะเหตุผลที่เราสองคนต้องมาเจอกันวันนี้ก็คงเป็นดูตัวและเรื่องหมั้นหมายของพวกผู้ใหญ่”
“ตามนั้นค่ะ”
ไอวี่ตอบรับ เพราะดูท่าทางลูกนายกรัฐมนตรีคนนี้จะไม่ได้สนใจเธอมากนัก
ดูก็รู้ว่าเป็นพวกเจ้าชู้ประตูดินถ้าจะให้มาจมปลักแต่งงานกับเธอคงไม่ทำแน่ๆ
“ว่าแต่ว่าพี่ดูดวงได้นะไอวี่อยากจะลองรึเปล่า”
ดิสโก้พูดออกมา
ไอวี่เลิกคิ้วสงสัยแต่เหมือนตัวเองจะพอเดาออกว่าดิสโก้คิดจะทำอะไรบางอย่าง
ไอวี่พยักหน้าให้
ดิสโก้จึงเขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆ
ก่อนจะแบมือขึ้นมา
“ขอมือหน่อยครับ”
“พี่ไม่ได้จะแกล้งอะไรไอใช่ไหม?”
ไอวี่พูดแทนตัวเองอย่างสนิทสนม เหตุผลก็คงเหมือนกับดิสโก้คือเราสองคนต่างมีคนของผู้ใหญ่มาคอยสังเกตการณ์
ฉะนั้นทำให้จบๆ ไปจะได้ไม่ต้องเบื่อไปมากกว่านี้ ไอวี่ยื่นมือไปให้อีกฝ่าย ดิสโก้ยิ้มนิดหน่อยก่อนจะดูเส้นบนมือสวย
“อืม
สุดยอดเลยแหะ ดวงไม่ดีจริงๆ นั่นล่ะ”
ไอวี่คิ้วกระตุกทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายพูด
“ทำไมคะ?”
“ดวงตกสุดๆ
ไปเลยครับ เหมือนกับว่ามีเงามืดกำลังคุกคามอยู่ ทำให้ช่วงนี้มีแต่ความทุกข์..อืม..ไหนดูสิ”
ดิสโก้พลิกมือของไอวี่ไปมาก่อนจะเพ่งมองอย่างสนุกสนาน “มีแต่เรื่องเจ็บตัว เจ็บใจ อนาคตจะต้องเสียใจกับบางสิ่งจนแทบจะล้มทั้งยืน
อดีตที่เลวร้าย ความรัก ความแค้น โว้วว..”
ดิสโก้เริ่มที่จะลุกลามจากมือหนึ่งสู่อีกมือหนึ่งทำให้ตอนนี้มือแกร่งของดิสโก้กอบกุมมือขาวนวลของไอวี่อยู่
หมั่บ!
เพี๊ยะ!
คิวจัดการดึงมือไอวี่ออกจากมือของดิสโก้
เพราะดูแล้วอีกฝ่ายแค่อยากจะกวนประสาทเขาเรื่องคำทำนายบ้าๆ เท่านั้น
ดิสโก้มองคิวอย่างไม่พอใจที่คิวปัดมือตนเองออก
บรรยากาศอึมครึมจนเหล่าบอดี้การ์ดของคิวและของดิสโก้เหงื่อตก
เพราะการประชันหน้าของเจ้านายมันดูน่ากลัวกว่าที่เคยพบเห็น
ไอวี่ไม่ได้รู้สึกถึงบรรยากาศนั้น
ในใจเอาแต่คิดเรื่องคำทำนายที่ดิสโก้พูดออกมา เธอเป็นคนเชื่อเรื่องดวงและกรุ๊ปเลือด
จึงเอาแต่นั่งคิดทบทวนและเรียบเรียงประโยคทั้งหมดอยู่เงียบๆ
“ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าสอดเรื่องของเจ้านาย”
ดิสโก้พูด
“เห็นทีคงจะไม่ได้
ฉันเป็นคนดูแลไอวี่การที่นายมาทำตัวลุ่มล่ามใส่ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้หมั้นไม่ได้แต่งมันไม่สมควร”
คิวพูดด้วยสายตานิ่งเรียบ
“อย่ามาทำอย่างกับว่าตอนนี้มึงกับกูอยู่ในสถานะเดียวกัน
เพราะถ้ามึงเป็นลูกน้องของไอวี่ นั่นก็หมายถึงกูสำคัญกับมึงพอๆ กัน จะเป็นยังไงถ้ากูรายงานเจ้าสัวไอศวรรย์ไปว่ามึงขัดขวางเวลาระหว่างกูกับน้องไอวี่”
ดิสโก้พูดให้ได้ยินแค่สองคนเท่านั้น
คิวเองก็นิ่งไปทันที
เพื่อนกันมันก็แค่คำแดกดันเท่านั้น
เพราะความจริงแล้วทั้งสองคนรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร
คิวโค้งขอโทษก่อนจะผละตัวออกมายืนไม่ไกลมากนัก
ปล่อยให้ทั้งสองได้พูดคุยและทำความรู้จักกันต่อ
ดิสโก้เห็นคิวยอมลงให้ก็เลิกสนใจ
ปั้นใบหน้ายิ้มแย้มมองหญิงสาวที่นั่งนิ่งไปนาน “น้องไอวี่ น้องไอวี่ครับ?”
ไอวี่เริ่มรู้สึกตัว
ทว่าพอไม่เห็นคิวจึงกวาดสายตามองจึงเห็นว่าอีกฝ่ายแค่ย้ายไปนั่งเก้าอี้ที่ห่างออกไป
เธอจะเรียกแต่ดิสโก้ขวางเอาไว้ก่อน
“พี่ว่าเรามาถ่ายรูปกันดีกว่า”
ไอวี่มองดิสโก้อย่างไม่ไว้ใจ
“พี่ก็แค่สร้างหลักฐานให้พวกผู้ใหญ่ดูไงครับ
พวกเขาจะได้เห็นว่าเราเข้ากันได้ดี อย่ามองพี่อย่างนั้นสิ
พี่รู้ว่าน้องไอวี่ต้องเจอกับปัญหานี้บ่อยๆ และคงจะขัดเจ้าสัวไอศวรรย์ไม่ได้
และเพราะพี่เป็นสุภาพบุรุษที่หล่อและใจดีมากก็เลยจะเสนอตัวเป็นคู่เดตระยะยาวไงครับ”
ไอวี่ลังเลเริ่มคิดตาม
ถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่มีความพึงพอใจเหมือนกันมันก็เป็นข้อเสนอที่น่าลอง
“น้องคงไม่อยากเปลี่ยนคู่ดูตัวไปเรื่อยๆ
หรอกใช่ไหมครับ น่ารำคาญออกเนอะ อีกอย่างถ้าหากน้องไอวี่อยู่กับพี่บางทีมันอาจจะทำให้ใครบางคนที่เอาแต่เมินน้องสนใจขึ้นมาก็ได้นะ”
ดิสโก้พูดเสริมด้วยรอยยิ้ม
“คนที่เมินไอ?
หมายถึงคิวเหรอคะ”
“เขานั่นแหละครับ
ว่าไงน้องยังไม่ต้องตอบตกลงก็ได้ลองไปคิดให้ดีๆ ก่อน แต่พี่เชื่อว่าพี่ช่วยน้องไอวี่ได้นะ
เรื่องของคิวน่ะ”
ดิสโกยังคงหยอดคำชวน
ทว่ายังไม่ทันที่ไอวี่จะตอบตกลูกน้องของดิสโก้ก็เข้ามารายงานบางอย่างเสียก่อนและเมื่อฟังแล้วดิสโก้ก็ขมวดคิ้วเครียดขอตัวกลับก่อนอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากดิสโก้กลับไปไอวี่ก็เรียกให้คิวไปนั่งข้างๆ
แทน
“มองแบบนั้นมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ”
ไอวี่ถามเพราะคิวมองเธอด้วยสายตานิ่งเรียบเหมือนกับไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“ยังไม่หมั้นกันจริงจังอย่าให้อีกฝ่ายมาแตะเนื้อต้องตัวง่ายๆ
สิมันดูไม่เหมาะสม”
“ทำไมล่ะพี่ดิสโก้ก็ดีนะนิสัยดีน่ารักแล้วก็เอาใจเก่ง
ฉันว่าอีกไม่นานก็คงหมั้นและแต่งกับเขานั่นล่ะ ฉันไม่คิดเลือกมากนักหรอก”
“ระวังเอาไว้บ้างก็ดี”
“แล้วนายเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ
หรือว่านายหึงฉัน?” ไอวี่ถามอย่างลุ้นๆ นี่ใช่ไหมที่พี่ดิสโก้บอก..คิวเริ่มมีปฏิกิริยาบ้างแล้ว!
“ที่นี่ก็มีแต่คนของนายกับพี่ดิสโก้คงไม่มีใครกล้าปากมากหรอก
อีกอย่างฉันจะสนิทกับใครหรือให้ใครจับเนื้อต้องตัวก็ได้ไม่จำเป็นต้องบอกใครก่อน”
เมื่อไอวี่พูดอย่างรั้นๆ คิวก็ยิ่งไม่พอใจและนั่นทำให้เธอพอใจ
“ทำไม?
นายไม่พอใจที่พี่ดิสโก้จับฉันเหรอ หึๆ นายเริ่มรู้สึกอะไรแล้วบ้างใช่มั๊ย?”
“ที่พูดไม่ใช่เพราะรู้สึกอะไรแต่เธอเป็นผู้หญิงเป็นคนของตระกูลหงศ์ฤดีเกียร์ติกุลควรสงวนเนื้อสงวนตัวเอาไว้หน่อยก็ดีเดี๋ยวเขาจะหาว่าไม่มีใครสั่งสอน”
ไอวี่ได้ยินแบบนั้นก็หุบยิ้มทันที คำพูดของคิวมันแรงเกินไปที่เธอจะทำเป็นไม่สนใจได้
“ทำไมไม่ด่าตรงๆ
ว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนไปเลยล่ะ! อ้อใช่! พ่อแม่ฉันตายก่อนที่ฉันจะรู้เรื่องรู้ราวด้วยซ้ำก็เลยไม่มีคนสั่งสอนสันดานเลยเป็นแบบนี้ไง”
ไอวี่มองหน้าคิวด้วยความโกรธก่อนจะเดินนำออกไปโดยไม่รอ
ส่วนคิวที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดอะไรไปก็เริ่มไม่เข้าใจตัวเองเท่าไรนัก
เพราะสิ่งที่คิวต้องทำคือปล่อยให้ทั้งสองคนได้ทำความรู้จักสานสัมพันธ์กันไม่ใช่เข้าไปยุ่ง
และการที่พูดเตือนไอวี่แบบนั้นเขายอมรับว่ารู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย คิวเดินตามออกมาก็เห็นว่าไอวี่ยังรอตนเองอยู่ที่รถ
คิวไม่พูดอะไรแล้วเดินไปเปิดประตูให้ไอวี่จากนั้นตนเองก็ประจำที่คนขับเพื่อพาไอวี่กลับเรือนแก้วและรายงานผลการดูตัวให้กับนายใหญ่ทราบ
ทั้งๆ
ที่ทำตามหน้าที่แต่ทำไมคิวรู้สึกคันหน้าอกแปลกๆ ก็ไม่รู้
ระหว่างรถติดไฟแดงคิวจัดการส่งข้อความหาคนสนิททั้งสองบอกว่าจะพาไอวี่กลับบ้านเองให้ทุกคนล่วงหน้ากลับไปก่อน
จากนั้นก็หันไปมองไอวี่ที่ตั้งแต่ขึ้นรถมาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
“อยากจะไปไหนรึเปล่า”
คิวถามเพื่อทำลายความเงียบ
“ถามทำไมถามไปนายจะพาไปรึไง”
“อืมจะไปไหน”
ไอวี่ได้ยินก็นิ่งไปพักหนึ่ง
เพราะไม่คิดว่าคิวจะพาไปจริงๆ
“ทำไม?”
“ก็แค่แปลกใจ
ช่างเถอะฉันอยากกลับบ้าน เหนื่อยอยากจะพัก”
ไอวี่ยอมรับว่าน้อยใจคิวในหลายๆ
เรื่องด้วยมันเลยพาลอารมณ์เสียไปซะหมด เธอไม่พูดอะไรกับคนข้างกายอีกหันมองวิวข้างทางจนรถของคิวจอดนิ่งในที่สุด
เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีบึงน้ำและสะพานให้เดินเล่น
“พามาที่นี่ทำไมฉันจะกลับบ้าน”
ไอวี่พูดเสียงแข็ง
แต่คิวไม่ตอบกลับเปิดประตูรถและเดินออกไป ไอวี่ที่นั่งนิ่งอยู่พักหนึ่งก็ลงจากรถเดินตามคิวไปตรงกลางสะพาน
“ที่พูดก่อนหน้านี้..ฉันขอโทษ”
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงตรงกลางสะพานคิวก็พูดขึ้นทำให้ไอวี่หันไปมองอย่างแปลกใจ
“รู้ตัวด้วยเหรอว่าทำให้ฉันอารมณ์เสีย”
ไอวี่อยากจะยิ้ม
ถึงก่อนหน้านี้เธอจะโกรธคิวมากแต่การที่อีกฝ่ายสนใจความรู้สึกกันและพามาผ่อนคลายแบบนี้
มันก็เลยทำให้เธอหายโกรธคิวได้ง่ายๆ...
“อืมช่างเถอะ
ว่าแต่ทำไมนายต้องไม่ชอบพี่ดิสโก้ขนาดนั้นล่ะและทำไมพี่ดิสโก้ก็ดูไม่ชอบหน้านายเหมือนกันด้วย”
“ไม่ถูกกันนิดหน่อย” ถึงไอวี่จะถามแน่นอนก็คงไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมาจากอีกฝ่ายจึงปล่อยประเด็นนี้ไป
“นี่คิว ต่อไปนายจะคอยอยู่ข้างๆ และคอยปกป้องฉันใช่รึเปล่า?”
“ทำไมถึงถาม”
“ก็แค่ถามน่ะ..เพราะตั้งแต่ฉันเกิดมาก็มีแต่เรื่องร้ายๆ
พ่อแม่ของฉันตายตั้งแต่ฉันยังเด็ก คนในบ้านก็เอาแต่แก่งแย่งชิงดีกัน ถึงตัวฉันจะไม่สนใจไม่ยุ่งเกี่ยวแต่ก็โดนลากไปข้องเกี่ยวด้วยเสมอ”
ไอวี่เคลื่อนสายตามองไปด้านหน้า เห็นแม่เป็ดกับลูกเป็ดว่ายน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนานจึงยิ้มออกมา
“โดนดักยิงบ้างโดนจับเรียกค่าไถ่บ้างโดนหลอกเพราะหวังผลประโยชน์บ้างมันทำให้ฉันกังวลและกลัว..ความจริงฉันไม่ได้กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนั้นเท่าไรหรอกนะ”
เพราะสิ่งเหล่านั้นไอวี่เจอมาบ่อยจนเกือบจะชินแล้ว
“แค่กลัวว่าตอนที่ฉันเผชิญกับสิ่งเหล่านั้นแล้วนายไม่ได้อยู่ข้างๆ
ฉันแล้ว..”
คิวมองใบหน้าที่ดูก็รู้ว่าฝืนยิ้มแค่ไหน
และไม่แปลกใจถ้าหากไอวี่จะยึดคิวเป็นที่พึ่งเพราะตลอดระยะเวลาที่มาอยู่ที่ตระกูลหงส์ฤดีเกียร์ติกุลคิวได้เห็นมาหมดแล้วว่าหญิงสาวต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
“ไม่รับปาก”
คิวพูดก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกออก “แต่ตอนที่ฉันอยู่จะไม่มีใครทำร้ายเธอได้อีก”
“อืมฉันเชื่อนาย” ไอวี่ยิ้มขึ้นมา ถึงคิวจะไม่รับปากว่าจะอยู่ข้างๆ
เธอตลอดไปแต่เขาก็บอกว่าระหว่างที่เขาอยู่กับเธอเธอจะไม่มีอันตรายอีก ยิ่งรู้ว่าพ่อกับแม่ตายด้วยน้ำมือของคนในบ้านก็ยิ่งไม่ไว้ใจใคร
และถ้าวันหนึ่งความทรงจำของคิวกลับมาเขาจะยังอยู่ข้างๆ เธออีกรึเปล่า
“มานี่” ไอวี่มองคิวที่เรียกตนเองเข้าไปใกล้ๆ ตอนแรกมองอย่างไม่ไว้ใจนิดหน่อยแต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย
“อากาศมันเย็น” คิวเอาเสื้อแจ็คเกตมาคลุมตัวไอวี่เอาไว้
ไอวี่รู้สึกใจเต้นโครมคราม ไม่บ่อยที่คิวจะดูแลแต่นั่นเธอรู้สึกได้ว่ามันเป็นหน้าที่
แต่ครั้งนี้เธอสัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่เล็กๆ ฉะนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง
“ที่ทำนี่ก็เพราะหน้าที่ด้วยรึเปล่า”
“ใส่เอาไว้เดี๋ยวเป็นหวัด”
ไอวี่ระบายยิ้มที่คิวไม่ตอบแต่กลับเบี่ยงประเด็นแทน
ตอนนี้เธอคิดว่าไม่ว่าคิวจะทำมันด้วยหน้าที่ของลูกน้องหรือทำเพราะความเป็นห่วงของผู้ชายคนหนึ่งก็ตาม
ถ้ามาจากคิวเธอก็รู้สึกดีใจ
ღ
Talk
พี่คิวอย่ามาตบหัวลูบหลังนะ
ร้ายกับเขามาตลอด
จะมาอ่อนโยนอะไรให้หวั่นไหวเนี่ย
※ โหวต เม้นท์ เฟบ ให้กำลังใจ ※
ความคิดเห็น