คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : EP [16] เหตุผล✓
EP [16] เหตุผล
..
ปังปัง! ปังปัง! กรี๊ดด! / ชิส์!
จังหวะที่ไอวี่ตั้งใจจะถามบางอย่างกับคิวเสียงปืนก็ดังขึ้นเสียก่อน
เธอร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจกอปรกับที่ร่างกายถูกคิวคว้าเข้าไปกอดแล้วหยิบปืนขึ้นมายิงตอบโต้
สักพักคิวก็พาเธอหลบห่ากระสุนเข้ามาหลบด้านในเรือ
“นายจะไปไหนรออยู่นี่กับฉันเถอะ
ไม่ก็โทรให้คนมาช่วย..”
ไอวี่สติแตก
เพราะถ้าอยู่บนพื้นดินเธอจะไม่กังวลเลยแต่นี่เธอกับคิวอยู่กันบนเรือกลางทะเลที่รอบด้านไม่มีทางหลบหนีจึงพูดรั้งคิวเอาไว้
แต่สิ่งที่เธอได้กลับมาจากอีกฝ่ายคือสายตาที่มองเธอพร้อมตั้งคำถามว่า
ถามจริง?
ตอนนี้ใครจะช่วยเธอได้นอกจากเขา?
“ห้ามเปิดประตูให้ใครถ้าหากไม่ใช่ฉัน”
“อืม
นายก็ระวังตัวด้วยนะอย่าบาดเจ็บเป็นอันขาด”
“อืม
ด้านหลังนั่นมีปืนเอาออกมาป้องกันตัวซะ”
ไอวี่พยักหน้ารับคำก่อนจะหันไปหยิบปืนที่คิวซ่อนเอาไว้หลังจากที่อีกฝ่ายออกไปแล้ว
จากนั้นก็ก้าวไปชิดหน้าต่างกระจกที่มองเห็นด้านนอก
คนร้ายขับเจ็ทสกีและสปีทโบ้ทพร้อมถืออาวุธมากันจำนวนหนึ่ง
ดูแล้วเป้าหมายคงเป็นเธออีกแน่
เพราะไม่อย่างนั้นคิวคงไม่ให้เธอเข้ามาหลบด้านในเพื่อที่พวกมันจะไม่เห็นเธอ
ไอวี่หลบอยู่ในเรือด้านในคอยฟังเสียงการต่อสู้โดยการยิงโต้ตอบกัน
เสียงที่ยังไม่หยุดนั้นทำให้เธอรู้ว่าคิวยังอยู่ดีแต่กับอีกด้านเนี่ยสิที่เธอเห็นว่าจำนวนสปีทโบ้ทและเรือที่เคลื่อนไหวเริ่มลดลง
ไอวี่หลบอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงเสียงทุกอย่างก็เงียบลง
เธอได้ยินเสียงคนเดินใกล้เข้ามาจึงกระชับปืนในมือแน่น ตั้งท่าเผื่อว่าคนที่กำลังเดินเข้ามานั้นไม่ใช่คิวเธอจะได้เป่าหัวมันให้กระจุย
แกร่ก!
ไอวี่หน้าซีดเพราะเธอลืมล็อคประตู!
ไม่เป็นไร
ถ้าคนที่โผล่เข้ามานั้นไม่ใช่คิวเธอยิงหัวกระจุยแน่
ทว่าเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังบานประตูนั้นเป็นคิวไอวี่จึงยิ้มออกมา
“คิว! นายปลอดภัยใช่มั๊ย บาดเจ็บรึเปล่า”
“ไม่เป็นอะไร
แล้วเธอล่ะ”
“ฉันไม่เป็นอะไร”
อยู่ในนี้คอยให้เขาปกป้องเธอถึงปลอดภัย
“พวกมันไปแล้วเหรอ?”
“ตายส่วนหนึ่งหลบหนีส่วนหนึ่ง”
ไอวี่ออกมาด้านนอกพร้อมกับคิว
เธอเห็นเศษซากการปะทะกันระหว่างคิวกับคนร้ายก็นิ่งอึ้งไป
รอบด้านมีเจ็ทสกีห้าลำและสปีทโบ้ทอีกสองลำลอยเคว้งคว้างอยู่ใกล้ๆ
เรือยอร์ช แต่คนขับนั้นหายไปหมด ไอวี่เดาได้ทันทีว่าคงจะโดนคิวยิงล่วงทะเลไปแล้ว ไอวี่หันมาดูสภาพเรือยอร์ชของตนเองบ้าง
บนพื้นและที่เบาะรองนั่งเต็มไปด้วยรอยกระสุน ห้องควบคุมด้านบนสุดยิ่งไม่เหลือ
สภาพคือเละพอๆ กัน
คิวเดินดูความเสียหายของเรือจนทั่วทั้งลำ
จากนั้นก็หันกลับมามองหน้าไอวี่ด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“เครื่องยนต์ด้านหลังพังห้องควบคุมเสียหายคิดว่าคงจะขับเรือเข้าฝั่งไม่ได้”
“หมายความว่าไง
เราต้องลอยเคว้งกันอยู่ที่นี่เหรอ!”
“ทิมกับเมืองสิงห์คงจะรู้ถึงความผิดปรกติแล้วและคงรู้ว่าควรทำอะไรต่อไป”
“แล้วพวกเราล่ะจะเป็นยังไง
เราจะติดอยู่กลางทะเลจริงๆ เหรอ”
“คืนนี้นอนนี่ก่อน
พรุ่งนี้ค่อยหาทาง”
คิวพูดจบก็เดินเข้าไปตรวจสอบด้านในเรือว่าพอจะมีอะไรที่พอเป็นประโยชน์บ้าง
ไอวี่เองก็เดินตามคิวเหมือนลูกไก่ตามแม่ไก่
เพราะบรรยากาศที่เริ่มมืดบวกกับความเคว้งคว้างกลางทะเลทำให้เธอกลัวมาก และโชคดีที่ยังมีของที่ใช้ได้อยู่
เป็นผ้าห่มที่ทางเรือจัดเตรียมเอาไว้ให้ เครื่องดื่มที่ยังไม่ได้เปิดอีกหลายขวด
มีของกินเล็กๆ น้อยๆ พอให้คลายหิวในช่วงเช้าได้
ไอวี่กับคิวออกมานอนเล่นกันตรงเบาะรองนั่งที่ถูกกระสุนเจาะเป็นรู
เธอมองร่างสูงที่นอนพิงกับเบาะนั่งยกเบียร์ดื่มด้วยสีหน้าเรียบเฉยคล้ายกับเมื่อครู่ไม่ได้มีเหตุการณ์ยิงปะทะกันกับคนร้าย
“นายจะดื่มหมดนี่เลยเหรอ”
ไอวี่มองเบียร์อีกสามกระป๋องบนพื้น
“อืม”
คิวตอบรับ
สายตาเรียบนิ่งนั่นมองไปด้านนอกที่เป็นส่วนทะเล ไอวี่มองไปบ้าง
ด้านหน้าไม่ได้มืดอย่างที่คิดเพราะแสงไฟจากตึกและโรงแรมทางชายฝั่งส่องแสงอยู่
อีกทั้งบนเรือก็ยังมีไฟฉุกเฉินพอให้ความสว่างได้บ้าง
แต่ก็ไม่มากพอจะเรียกให้คนอื่นเห็นหรือสนใจ
“ใส่นี่ไว้”
“นายเอามาด้วยเหรอ”
ไอวี่มองเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ตัวโปรดของคิวที่ยื่นมาให้
เธอไม่คิดว่าเขาจะเอามาด้วยเพราะใส่ชุดฮาวายสบายๆ
“อืม”
คิวไม่ได้ตอบว่าเป็นของขวัญวันเกิดที่ได้มาจากน้องสาวจึงใส่หรือพกไปไหนมาไหนตลอดเวลา
ไอวี่หยิบมาสวมด้วยรอยยิ้ม
ความสุขในวันนี้เหมือนว่าเธอได้ใช้โชคทั้งชีวิตแลกมาแล้ว
“อุ่นจัง”
ไอวี่เริ่มรู้สึกผ่อนคลาย
ตอนแรกเธอกลัวมากที่ต้องมาลอยแพกลางทะเลแต่ถ้าได้อยู่กับคิวเธอก็ถือว่ามันเป็นเรื่องดีมากกว่าร้าย
“นายคิดว่าเป็นฝีมือของใครที่ต้องการชีวิตฉันขนาดนี้”
ไอวี่คิดว่าต้องเป็นคนในตระกูลแน่แต่เธอก็เดาไม่ออกว่าเป็นฝีมือของใคร
เธอคิดว่าคิวน่าจะมีคนที่สงสัยอยู่แต่อีกฝ่ายไม่ยอมบอกเธอ
“เดี๋ยวเธอก็รู้
ฉันจะจัดการให้เสร็จก่อนวันครบรอบที่จะมาถึง”
“นายรู้ตัวคนร้ายแล้วเหรอ!”
“อืม”
คิวเปิดเบียร์กระป๋องที่สามดื่ม
ไอวี่มองเขาด้วยสายตาพร่าพราวเพราะตอนนี้อีกฝ่ายนั้นดูดีราวกับเทพบุตรในนิยายเรื่องไหนสักเรื่อง
“ถ้าพรุ่งนี้เรายังกลับขึ้นฝั่งไม่ได้จะทำยังไงล่ะ”
“ทิมกับเมืองสิงห์คงแสตนบายรอแล้ว
เช้าเมื่อไรพวกนั้นก็คงออกตามหาตามพิกัดจีพีเอสของเรือเองนั่นล่ะ”
“อ่า
ถ้างั้นหากกลับถึงฝั่งแล้ว..” ขออยู่ต่ออีกสักคืนได้ไหม
ไอวี่อยากจะถามต่อแต่ก็หยุดเอาไว้แบบนั้น
เธออยากจะอยู่กับคิวและสร้างความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ
แต่คิวคงไม่คิดแบบนั้น..
“เราจะกลับกรุงเทพพรุ่งนี้เช้าเพราะเธอมีเรียนตอนบ่าย”
นั่นไงล่ะ!
คิวเป็นคนรักษากฎระเบียบอย่างเคร่งครัดมีหรือจะให้เธอโดดเรียนวิชาสำคัญน่ะ!
“อะไรอ่ะให้พักหน่อยไม่ได้เหรอ”
“ไอวี่”
คิวหันมามองด้วยสีหน้าดุๆ “อย่าเกเร”
โอเค! ยอมแล้วจริงๆ ไม่งอแงแล้วก็ได้! เพราะคำว่า ‘อย่าเกเร’ นั้นมีอิมแพคกับหัวใจมากเกินไปมันถึงเต้นโครมครามคล้ายกับจะทะลุออกมา
“ฉันก็แค่อยากอยู่กับบรรยากาศแบบนี้..กับนายก็เท่านั้น
ไม่ได้อยากจะเกเรอย่างที่นายว่าสักหน่อย”
“นั่นล่ะที่เรียกว่าเกเร”
“โอเคยอมก็ได้”
ไอวี่กระชับเสื้อคลุมเพราะมีลมพัดมาจนเรือไหวเอนโคลงเคลง
เธอนอนราบไปกับเบาะมองดวงดาวบนท้องฟ้า อาจเพราะแถวนี้ไม่มีแสงไฟก็เลยมองเห็นดาวบนฟ้าได้ชัดเจน
“ดาวสวยมาก”
“อืม”
“ถึงโทรศัพท์จะไม่มีสัญญาณแต่ก็น่าจะถ่ายรูปได้นะ”
ไอวี่เปรยขึ้นมาเพราะอยากถ่ายภาพคู่กับคิว
ในใจกังวลว่าจะถูกปฏิเสธ แต่ว่านะ..วันนี้ทั้งวันอีกฝ่ายตามใจเธอตลอด
เรื่องนี้ก็คง..
“เอาโทรศัพท์มาสิ”
ไอวี่นิ่งค้างอยู่แค่ครู่เดียวก็หยิบโทรศัพท์ให้คิว
อีกฝ่ายรับไปกดเข้าแอพพลิเคชันถ่ายภาพ ยื่นมือออกไปให้ได้ระยะแล้วค่อยกดถ่าย
ไอวี่นั่งนิ่งแต่ใจเต้นรัวเร็ว
เธอมองภาพในโทรศัพท์ที่มีเธอกับคิวนั่งคู่กันอยู่แบบนั้น ส่วนตอนนี้คิวก็นั่งดื่มเบียร์ที่หยิบมาจนหมดแล้ว
ลมทะเลพัดโบกมากระทบใบหน้า
กลิ่นทะเลในตอนกลางคืนทำให้ใจไอวี่สงบ เธอมองคิวที่นอนหลับตารับลมด้วยความหลงใหลเพ้อฝัน
ทุกอย่างดูเงียบสงบมีเพียงเราสองคนกับบรรยากาศที่โรแมนติก
ไอวี่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดทั้งคืนถ้าไม่ติดว่ามีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น!
กึกกึก!
เมื่อได้ยินเสียงประหลาดไอวี่รีบคว้าแขนคิวไว้ทันที
“คิว
เสียงอะไรน่ะ”
“..ลม”
“ใช่เหรอ?
แต่มันมีเสียงน้ำและเสียงเหมือนอะไรชนเรือเลยนะ”
“..คงเป็นเสียงคลื่น”
“ถ้าไม่ใช่คลื่นทะเลล่ะ
ถ้า ถ้ามันเป็น..ฉ ฉลามล่ะ คิวฉันกลัว”
ไอวี่โผลเข้าซุกคิ้วด้วยความกลัว
เธอดูหนังมาเยอะ บรรยากาศเงียบๆ กลางทะเลที่มืดแบบนี้มันต้องทำให้คนคิดอยู่แล้ว
มีอะไรอยู่ใต้น้ำ?
เสียงที่ดังผิดปรกติ? ความมืดมันทำให้คนจิตใจว้าวุ่นตื่นกลัวและคิดไปเองต่างๆ นาๆ
“ไม่ต้องกลัว”
ไอวี่สบดวงตาคมที่มองเธอด้วยสายตาที่ปลอบกลายๆ
“แต่
แต่ว่า..ถ ถ้าเกิดว่า..”
ถ้าเกิดว่าเป็นฉลามจริงเราสองคนจะถูกมันกินรึเปล่า!
ไอวี่ยังพูดไม่จบทว่าก็ตอบเงียบไปฉับพลันเพราะริมฝีปากของเธอถูกบางอย่างของคิวปิดเอาไว้ไม่ให้พูด..ซึ่งนั่นมันคือปากของคิวเอง!
“นาย..นายจูบฉันเหรอ!”
“อืม..หายกลัวรึยัง?”
บ้า
บ้าไปแล้ว! ความกลัวเรอะจะมาสู้ความรู้สึกวาบหวิวเมื่อครู่!
เธอ! ถูก! คิว! จุ้บ!
ต่อให้เป็นฉลามจริงอย่างที่เธอคิดมันก็ไม่สามารถมาชุดสติของไอวี่ไปได้มากกว่าการกระทำของคนที่เธอชอบเมื่อครู่หรอก! มันไม่เหลือความรู้สึกกลัวอีกต่อไปแล้ว
แต่ตอนนี้น่ะในใจมันมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่แล้ว! มันคือความรู้สึกมึนงง! สับสน! ขัดเขิน! ชอบใจ! และรู้สึกดี!
..
คิวมองไอวี่นอนซบแขนผล็อยหลับลงไปแล้ว
แต่ไม่ได้จัดแจงให้หญิงสาวนอนดีๆ กลับกันเขาทำเพียงแค่วางกระป๋องเบียร์ที่ดื่มหมดแล้วกระป๋องสุดท้ายเอาไว้ข้างตัวแล้วเอนหลังนอนลงบ้าง
สายตาจดจ้องแต่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยกลุ่มดาว
พลางถามตนเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เขาเผลอทำอะไรเกินกว่าเหตุลงไปบ้าง
เมื่อวาน
เมืองสิงห์รายงานว่ามีกลุ่มคนน่าสงสัยสะกดรอยตามคิวและไอวี่มาตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ
ดังนั้นคิวจึงสั่งให้ลูกน้องจับตามองคอยสังเกตการณ์เอาไว้ห่างๆ
คืนแรกที่มาถึงพวกมันไม่ได้ลงมือแต่กลับมีการเคลื่อนไหวแปลกๆ ในเช้าวันถัดมาแทน
คิวส่งทิมคอยประกบไอวี่และให้เมืองสิงห์และทีมบอดี้การ์ดส่วนหนึ่งไปสืบหาความจริง
ได้ความว่ากลุ่มคนน่าสงสัยนั้นมีอยู่สองกลุ่ม
คิวมั่นใจว่ากลุ่มแรกนั้นเบื้องหลังคงเป็นคนๆ
เดียวกับที่คอยสร้างเรื่องให้ในระยะเวลาไม่นานมานี้
ส่วนอีกกลุ่มนั้นกำลังรอข้อมูลจากเมืองสิงห์อยู่
ซึ่งลูกน้องคนสนิททำงานได้รวดเร็วมาก เพียงไม่นานเมืองสิงห์กลับมารายงานก่อนถึงเวลานัดของบริษัทก่อสร้างเพียงเล็กน้อย
จึงทำให้เขาได้รู้ว่าหนึ่งในคนของกลุ่มที่สองนั้นเป็นลูกน้องของคนในตระกูลใหญ่
คิวอ่านข้อมูลก่อนจะเผยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
เพราะรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของใคร ซึ่งคิวรู้วิธีจัดการกับคนที่อยู่เบื้องหลังของคนกลุ่มที่สองนี้จึงออกคำสั่งเพียงว่าให้คนเฝ้าเพียงแค่สองคนเท่านั้นส่วนที่เหลือให้ย้ายไปเฝ้าคนกลุ่มแรกแทนเพราะคนกลุ่มนั้นหมายจะเอาชีวิตไม่ใช่ตามติดส่องชีวิตคนอื่นเหมือนคนกลุ่มที่สอง
กลับมาที่งานบริหารโรงแรม
คิวไม่คิดมาก่อนว่าไอวี่จะมีไอเดียสำหรับการขยายโรงแรมอยู่ในหัวด้วย พอไอวี่พูดเกี่ยวกับแนวความคิดมาเขาจึงไม่ขัดเพราะมองดูว่าสิ่งที่ไอวี่พูดมาเป็นเพียงดีไซน์เปลือกนอกไม่เกี่ยวกับการบริหารลงลึกที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
แต่ถึงจะพลาดเขาก็สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ แต่จากที่คิววิเคราะห์อย่างรวดเร็วแล้วก็บอกได้ว่าความคิดไอวี่ไม่เลวเลยทีเดียว
ช่วงทานอาหารกลางวันคิวสั่งให้ลูกน้องเตรียมอาหารเพียงไม่กี่อย่าง
หนึ่งก็เพื่อฝึกฝนไอวี่และสองก็เพื่อรูปลักษณ์ภายนอกของไอวี่ เดิมทีไอวี่มีบุคลิกภาพและนิสัยค่อนข้างแรง
ซึ่งหากหญิงสาวต้องมาบริหารที่นี่จริงๆ
คิวก็อยากจะให้พนักงานติดภาพของผู้บริหารที่เข้าถึงได้ง่ายแต่ก็ต้องวางตัวให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน
ดังนั้นจึงพาไอวี่มากินข้าวที่ห้องอาหารของโรงแรมแทนที่จะสั่งมากินแบบส่วนตัวหรือออกไปกินข้างนอก
หลังจากนั้นคิวกับไอวี่กลับมาพักที่ห้องทำงานเพื่อรอเวลาเข้าประชุม
ระหว่างที่คิวทำงานก็สังเกตไอวี่ไปด้วย อีกฝ่ายที่ไม่เข้ามากวนเหมือนหลายๆ
ครั้งที่ชอบมาปั่นประสาทของเขาเอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์เหมือนกับมีอะไรน่าสนใจมากกว่าคนที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน
ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของคิวสั่นขึ้นมาเขาจึงละสายตากลับมามองโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะ
พอเห็นว่าเป็นข้อความจากกลุ่มไลน์เพื่อนจึงกดเข้าไปดูและพบว่ามีภาพของไอวี่อยู่จำนวนหนึ่ง
ซึ่งคนที่ส่งมาก็คือออสติน
ออสตินพิมพ์บอกว่าภาพของไอวี่กำลังเป็นที่นิยมและพูดถึงอยู่ในมหา’ลัยอยู่ในขณะนี้ คิวไม่ได้แสดงความเห็นอะไรเพียงแต่นั่งอ่านข้อความที่ออสติน
คอปเตอร์ และเคนพูดคุยกันถึงเรื่องนี้
เนื้อความที่สรุปได้ก็คือ
ไอวี่กำลังล่าลายเซ็นของรุ่นพี่
พอให้ทำตามคำสั่งก็ทำโดยไม่อิดออดอีกทั้งยังมีภาพในอิริยาบทต่างๆ ด้วย พวกมันเริ่มลามปามมาถามเขาเรื่องของหญิงสาว
คิวจึงกดปิดหน้าจอไม่ได้อ่านข้อความอีก
คิวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเรียกและถามไอวี่
อีกฝ่ายตอบกลับมาโดยไม่ปิดบังว่า ‘มีคนนำรูปเธอไปเผยแพร่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร’
ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่คิวรับรู้จากกลุ่มเพื่อนเมื่อครู่จึงปล่อยผ่านไป
แต่ก็ไม่ได้ชอบใจที่ใบหน้าของไอวี่ต้องเผยแพร่ไปในคนกลุ่มมาก
เพราะทายาทของตระกูลนี้ทุกคนจะต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี
ทว่าเหมือนไอวี่จะรู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดีจึงอาสาจะนวดเพื่อให้เขาผ่อนคลายเขาจึงยอมปล่อยผ่านไป
เมื่อถึงเวลาประชุมภายใน
เมืองสิงห์เข้ามารายงานกับเขาว่ากลุ่มคนกลุ่มแรกนั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้วและบอกสิ่งที่พวกมันคิดจะทำ
ทำให้คิวเผยรอยยิ้มเย็นขึ้นมา เอาล่ะ ถึงเวลาที่จะล้างท่อดักจับพวกหนูโสโครกแล้ว
ดังนั้นหลังจากประชุมภายในเสร็จคิวจึงสั่งให้เมืองสิงห์และทิมไปจัดการตามที่สั่งโดยทิมคอยดูแลไอวี่เหมือนเดิม
ส่วนเมืองสิงห์นั้นให้ไปจัดเตรียมดินเนอร์ช่วงเย็นบนเรือยอร์ช คิวลดการป้องกันลงครึ่งหนึ่ง
นั่นก็คือการยอมให้พวกมันได้ทำตามแผนและทำให้คิดว่าแผนการที่ทำนั้นสำเร็จ
คิวให้เมืองสิงห์จับตาดูคนร้ายที่ปลอมตัวเข้ามาร่วมกับพนักงานโรงแรมที่ยกอาหารเข้ามาและอีกพวกหนึ่งที่ทำให้เครื่องยนต์เรือมีปัญหา
ก่อนเรือออกคิวก็พุดคุยถึงแผนการกับเมืองสิงห์อีกครั้ง
โดยให้คนตรวจสอบอาหารก่อนเป็นอย่างแรกว่ามีพิษเจอปนหรือไม่
และดูว่าในเรือนั้นไม่มีวัตถุอันตรายอย่างเช่นระเบิดรึเปล่า
เมืองสิงห์รายงานอีกรอบว่าทุกอย่างปรกติดีแต่มีบางสิ่งที่เผลอปล่อยผ่านมาเพราะเป็นคำสั่งของคิวนั่นก็คือเครื่องดักฟังจำนวนสี่เครื่องที่ถูกนำมาวางไว้ในที่ลับตาคน
คิวสั่งให้เมืองสิงห์และทิมคอยดูคนทั้งสองกลุ่มไว้
คิวแน่ใจว่าจะต้องมีการปะทะกันจึงเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า หากพวกมันลงมือก็เริ่มทำตามแผนขั้นต่อไปได้เลยโดยไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเป็นปัญหา
เพราะกลางทะเลง่ายต่อการจัดการและปลอดสายตาผู้คน จึงเป็นเหตุผลที่คิวพาไอวี่ไปดินเนอร์บนเรือยอร์ช..ก็เท่านั้นเอง
คิวออกเรือโดยไม่มีลูกน้องตามไปด้วยก็เพราะเปิดช่องโหว่ให้คนกลุ่มแรกได้ลงมือเพื่อที่เขาจะได้ตลบหลังจับพวกมันได้สะดวก
และเพราะรู้อยู่แล้วว่าคนกลุ่มที่สองเป็นคนนำเครื่องดักฟังมาติดเอาไว้จึงเริ่มทำตามแผนการโดยการแสดงออกกับไอวี่ในรูปแบบที่แตกต่างจากที่ผ่านมา
เหตุการณ์ผ่านไปอย่างเป็นปรกติจนคิวและไอวี่ทานอาหารเสร็จแล้วย้ายไปนอนเล่นด้านหน้าเรือและนั่งคุยได้เพียงครู่เดียวคิวก็ได้ยินเสียงเรือแล่นเข้ามาใกล้จากนั้นก็เกิดการปะทะกัน
คิวให้ไอวี่เข้าไปรอด้านในส่วนตัวเองนั้นยิงสกัดคนที่ขับเจ็ทสกีก่อนเลยเป็นอันดับแรก
จากนั้นก็ค่อยตามเก็บพวกที่อยู่บนสปีทโบ้ท คิวหาที่หลบเมื่อพวกมันยิงปืนสวนมาและพยายามเก็บพวกมันให้ได้มากที่สุดก่อนที่ไม่กี่นาทีต่อมาทิมกับเมืองสิงห์พาบอดี้การ์ดที่เหลือก็เข้ามาสมทบยิงปะทะและล้อมพวกมันเอาไว้ไม่ให้หนีไปได้
คิวให้ทิมและเมืองสิงห์จัดการรวบตัวพวกมันไปกักขังเอาไว้ก่อนเพื่อรอคิวกลับไปจัดการ
ในความคิดคิว
เขารวบคนกลุ่มแรกที่มีจุดประสงค์สังหารไอวี่ได้แล้วแต่เขายังจับอีกกลุ่มไม่ได้
ดังนั้นจึงตัดสินใจจะค้างคืนอยู่บนเรือแล้วค่อยขึ้นฝั่งในวันพรุ่งนี้เพื่อจะรอดูว่า
‘เธอคนนั้น’ จะร้อนรนแล้วลงมืออย่างไร
คิวมองใบหน้านวลใสที่หลับโดยมีรอยยิ้มประดับอยู่
ก็อย่างที่เขาบอก ว่าการมาดินเนอร์บนเรือยอร์ชจะทำประโยชน์ได้หลายอย่าง
หนึ่งในนั้นคือการขุดหลุมความรู้สึกของไอวี่ที่มีต่อเขาให้ลึกและมากยิ่งกว่าเดิม
คิวรู้ว่าหญิงสาวมีความสุขตอนที่เขาหันกลับไปมอง
การพูดให้ไอวี่มีความสุขถือเป็น ‘สิ่งที่ควรทำ’ อย่างยิ่งเพื่อให้แผนสำเร็จ
แต่พอคิวเห็นหญิงสาวมีรอยยิ้มและความสุขมากเพียงใดหัวใจเขาก็เริ่มเต้นผิดจังหวะ
ความคิดเริ่มไหวเอนระหว่างคำว่า ‘เดินหน้าต่อ’ หรือ ‘หยุดเพียงเท่านี้’ หากเป็นปรกติคิวคงเลือกไปต่อโดยไม่ลังเล
แต่ว่าไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ที่เขาถามตัวเองมันกลับให้คำตอบยากยิ่งกว่าเดิม
ในความลังเลคิวพอจะรู้แต่ไม่เคยคิดจะยอมรับ
ดังนั้นถ้าหากไม่อยากให้ที่แล้วมาเสียเปล่า..คิวต้องรีบจัดการทุกอย่างให้จบโดยเร็วที่สุด
...
เช้าวันรุ่งขึ้น
ไอวี่ยืนกระพริบตาปริบๆ อยู่บนเรือยอร์ชเหมือนเดิม แต่ที่แตกต่างออกไปคือรอบด้านนั้นว่างเปล่า
เจ็ทสกี
เรือสปีทโบ้ทที่ลอยเคว้งคว้างเกลื่อนกลาดก่อนหน้านี้อันตรธานหายไปหมดราวกับไม่เคยเกิดเรื่องยิงกันสนั่นทะเลขึ้น
เธอหันไปมองคิวที่ตอนนี้กำลังพูดคุยกับเมืองสิงห์ แล้วมองบรรดาบอดี้การ์ดหลายคนที่กำลังจัดการตรวจเช็กรอบๆ
เรือ
“คุณหนูไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ..ผมขออภัยด้วยนะครับที่มาช้า
เพราะเมื่อคืนดึกมากแล้วพวกผมก็เลยรอให้เช้าก่อนแล้วค่อยออกตามหา ว่าแต่บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับจะให้ผมเรียกรถพยาบาลรอไว้ไหมครับ”
“ฉันไม่เป็นไรปลอดภัยดี
ว่าแต่นายรู้ไหมว่าพวกมันเป็นใคร”
“ไม่รู้ครับ” ทิมเผยสีหน้ากังวลก่อนจะตอบ
ความจริงเขารู้ข้อมูลทุกอย่างเพราะเป็นคนช่วยเมืองสิงห์ตามสืบ
รู้แม้กระทั่งการดินเนอร์หรูบนเรือยอร์ชนั่นก็เพื่อดักจับคนร้ายแต่ทิมไม่พูดออกไปให้คุณหนูทราบ
เหตุผลมีด้วยกันสองข้อคือ
หนึ่ง..ทิมสงสารคุณหนู
เขารู้ว่าคุณหนูชอบคุณคิว และถ้าเกิดรู้ว่าทุกอย่างที่คุณคิวทำไปก็เพื่อจับคนร้ายเธอคงจะเสียใจน่าดู
สอง..คุณคิวไม่ให้แจ้งให้คุณหนูทราบถึงเรื่องที่โดนลอบทำร้าย
เพราะถ้าหากคุณหนูรู้อาจจะอาละวาดหรือทำให้คนร้ายไหวตัวทัน
แผนที่วางเอาไว้เพื่อจับคนบงการที่อยู่เบื้องหลังอาจจะพังลง
คิวกับไอวี่ย้ายไปนั่งบนเรือสปีทโบ้ทลำใหญ่ที่ทิมและเมืองสิงห์ขับมา
ระหว่างทางคิวไม่ได้พูดคุยกับเธอเลยแม้แต่คำเดียว ไอวี่ค่อนข้างมึนงง เพราะเมื่อวานและเมื่อคืนเราสองคนใกล้ชิดกันมาก
มากถึงขนาดจูบกันแล้ว แต่ท่าทีของคิวทำไมยังเหมือนเดิม เธออยากจะถามเขาจริงๆ ว่าเมื่อคืนที่คิวจูบเธอก็แค่เพราะว่าเขาเมา..หรือที่เขาจูบเธอเพราะตัดรำคาณเพื่อไม่ให้เธอพูดมากกันแน่..
เมื่อเรือเทียบฝั่งคิวหันมาสั่งให้ทิมพาไอวี่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อรอเดินทางกลับ
ซึ่งคิวจะตามไปบ้านพัก VIP ทีหลังเพราะมีเรื่องต้องจัดการให้เสร็จก่อน ไอวี่รู้ได้ทันทีว่าคิวจะต้องไปจัดการเรื่องพวกที่ลอบทำร้ายเธอกับเขาบนเรือแน่ดังนั้นจึงไม่ดื้อรั้นทำตามคำสั่งคิวอย่างว่าง่าย
ทิมมาส่งไอวี่ที่บ้านพักก่อนจะส่งหน้าที่ให้ริต้าที่เพิ่งจะมาถึงเมื่อเช้านี้ดูแลต่อแล้วก็ขอตัวแยกไปสมทบกับเจ้านายที่กำลังจัดการธุระอยู่
ไอวี่เข้าบ้านพักอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ให้ริต้าเป็นคนแต่งหน้าให้
ระหว่างนั้นไอวี่ก็ถามริต้าว่ามาถึงตั้งแต่เมื่อไร
ริต้าตอบแค่ว่าหลังจากทำธุระเรื่องมหา’ลัยให้ไอวี่เสร็จก็เตรียมของตามมาทันที
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงทิมก็เข้ามาตามแล้วบอกกับไอวี่ว่าคิวรออยู่ด้านล่างเพราะจะเป็นคนพาเธอไปส่งที่มหา’ลัยด้วยตัวเอง
ไอวี่เผยรอยยิ้มกว้าง
เธอนึกว่าคิวจะกลับมาเย็นชากับเธออีกครั้งแต่ที่ไหนได้ เขายังใส่ใจให้คนมาตามเพราะจะไปส่งเธอด้วยตนเองอีก..
ไอวี่มีความสุขมากไปจนมองข้ามเหตุผลที่ควรจะเป็นไปเสียแล้ว
“ขอโทษที่ให้รอ”
ไอวี่เข้ามานั่งในรถสปอร์ตคันหรูของคิวแล้วหันไปยิ้มให้คนที่เธอแอบชอบมานาน
“นายก็จะเข้ามอด้วยเหรอ?”
ไอวี่ถามเพราะเห็นว่าคิวเองก็ใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกัน
“อืม
ต้องไปจัดการเรื่องรับน้อง” คิวตอบด้วยน้ำเสียงโทนปรกติ
แต่ที่แตกต่างจากเดิมคือเอื้อมไปหยิบของบางอย่างทางด้านหลังแล้วยื่นให้
“กินซะจะได้ไม่ปวดท้อง”
“ขอบใจ”
ไอวี่รับมาก่อนจะยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่าในกล่องนั้นเป็นแซนวิสแฮมชีสที่เธอชอบกิน
และยังตัดชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่อให้ทานง่ายด้วย..ถึงคิวจะไม่ได้ทำเองแต่เธอก็รู้สึกอิ่มเอมใจอยู่ดี
คิวขับรถออกจากบ้านพัก
VIP โดยมีรถของลูกน้องตามประกบหน้าหลัง ระหว่างทางคิวตั้งใจขับรถแล้วไม่ได้พูดอะไรแต่เธอมีเรื่องที่อยากพูดอยากถามกับเขา
เธออยากถามเรื่องพวกที่มาลอบฆ่าเธอเมื่อคืน
อีกทั้งยังอยากถามเรื่องระหว่างเธอกับเขาว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
และดูเหมือนว่าเธอจะทำท่าทางขัดหูขัดตาอีกฝ่ายจึงถามขึ้น
“มีอะไรก็ว่ามา”
“ฉันอยากถาม
พวกเมื่อคืนเป็นพวกเดียวกับที่เคยยิงนายใช่ไหม”
“ใช่”
“นายรู้แล้วใช่รึเปล่าว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง
บอกฉันได้มั๊ย?”
คิวหันมามองเธอเพียงครู่เดียวก่อนจะหันกลับไปมองด้านหน้าต่อ
“บอกได้แต่ถ้าบอกเธอจะสงบใจได้รึเปล่า?”
“ได้
ฉันทำได้”
คิวเห็นสายตามาดมั่นก็ถอนหายใจออกมาแล้วเริ่มเล่าให้ไอวี่ฟัง
คิวบอกเธอว่าคนที่อยู่เบื้องในการลอบฆ่าเธอคือใคร
บอกสาเหตุว่าทำไมถึงต้องทำอย่างนั้น
ทว่าคิวไม่สามารถจัดการได้ในทันทีเพราะต้องรายงานกับหัวหน้าตระกูลอย่างปู่ไอศวรรย์ก่อนไม่อย่างนั้นจะเป็นการข้ามหน้าข้ามตาซึ่งมันผิดกฎหลักของวงศ์ตระกูล
คิวจึงบอกให้เธออยู่เฉยๆ
ทำตัวให้ปรกติที่สุดอย่าให้พวกมันรู้ว่าเรารู้ตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังแล้วเพราะนั่นอาจจะทำให้อีกฝ่ายหนีรอดไปได้
ไอวี่รู้กระบวนการในการตัดสินเป็นอย่างดี
ตามหลักแล้วการแก่งแย่งชิงดีหรือแข่งขันกันไม่ผิดกฎแต่ถ้าคิดเอาชีวิตนั้นก็อีกเรื่อง
เธอถึงบอกไงว่าเธอไม่ได้อยากจะได้ทรัพย์สมบัติหรือการถือครองธุรกิจต่างๆ
ในเครือของตระกูลเลยแม้แต่น้อย เธอจึงไม่ค่อยได้สนใจแล้วให้คิวจัดการทุกอย่างเอง
แต่คิดไม่ถึงว่าปู่ของเธอจะรู้ข้อนั้นและรู้อีกว่าควรจะจัดการเธอยังไง
ไม่อย่างนั้นปู่ก็คงไม่ให้คิวคอยสอนและดึงเธอเข้าไปในการบริหารงานต่างๆ
ของแต่ละบริษัทหรอก
ไอวี่ละความสนใจจากคนกลุ่มแรก
แล้วไปสนใจคนกลุ่มที่สอง ซึ่งคราวนี้ไอวี่รู้สึกว่าคิวเงียบไปนานมากเหมือนจะไม่อยากบอกเธอ
แต่อะไรที่เขายิ่งปิดเธอก็ยิ่งอยากจะรู้..
“อีกกลุ่มเป็นใครกันแน่นายถึงได้ทำท่าทางแบบนั้น..”
ไอวี่ถามเพราะความสงสัย
พอเห็นว่าคิวถอนหายใจออกคล้ายกำลังเบื่อหน่ายที่จะต้องพูดออกมาเธอก็ยิ่งกดดันด้วยสายตา
“เธอรู้แล้วจะควบคุมอารมณ์ได้รึเปล่า?”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง”
ไอวี่คิดว่าเรื่องของตระกูลเธอสามารถวางเฉยและไม่ยุ่งเกี่ยวได้
แต่เรื่องที่จะทำให้เธอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็มีไม่กี่เรื่อง
และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของ..คิว
“ใคร..ฝั่งตระกูลหลักหรือตระกูลรอง”
ไอวี่ควบคุมเสียงไม่ให้หงุดหงิดไปมากกว่านี้
และคิวคงจะรู้ว่าถ้าไม่บอกเธอเธอก็คงอาละวาดใส่เขาแน่
“ตระกูลหลัก..”
คิวตอบ
“ยัยหมาบ้าเอลล่า!”
ไอวี่เบ้ปากอย่างหงุดหงิด
‘เอลล่า’ คือลูกสาวของลุงณรงค์ศักดิ์กับน้าศรีสวาท
มีพี่ชายชื่อว่า ‘อินทรีย์’ และยัยนั่นยังอายุเท่ากับไอวี่ด้วย
ยัยเอลล่าน่ะชอบคิวแถมยังแสบสุดๆ
อีกต่างหาก เป็นศัตรูของไอวี่มาตั้งแต่เด็กเลยก็ว่าได้ เพราะชอบมาแย่งของๆ เธอเสมอ
รสนิยมของเธอกับนางก็จะคล้ายๆ กัน จึงไม่แปลกที่จะชอบคนอย่างคิวเหมือนเธอ
เอลล่าเคยวางแผนคิดจะขอคิวจากคุณปู่ในวันครบรอบวันเกิดของนาง
แต่โชคดีที่คิวนั้นถูกโอนย้ายมาเป็นคนของเธอเสียก่อน ดังนั้นนางก็เลยแค้นเธอมาก
เริ่มพูดจาจิกกัดเธอและชอบมาออเซาะตีสองหน้าเข้าหาคิวแต่ก็โดนเธอกันซีนไล่ตะเพิดไปตลอด
ยัยนั่นน่ะไม่กลัวเธอหรอกแต่ไม่อยากทำตัวแย่ต่อหน้าคิวจึงยอมถอยไปเอง
แต่ถึงกระนั้นยัยเอลล่าก็ยังไม่ยอมแพ้ตามคิวเข้ามาเรียนที่มหาลัยเดียวกันเหมือนกับเธอด้วย
ใช่..เอลล่าก็เรียนที่คิงส์ตัน..
..แต่อยู่คนละแผนกกันกับคิวและไอวี่ก็เท่านั้น!
ช่วงนี้ยัยเอลล่าไม่ค่อยมีเวลามากวนใจเหมือนเดิมเพราะยัยนั่นติดซ้อมดาวเดือนของมหาวิทยาลัยไอวี่ก็เลยหลงลืมยัยบ้านั่นไปชั่วคราว
แต่นี่พอเธอได้ยินว่านางเริ่มเข้ามาป่วนเธอกับคิวอีกจึงไม่คิดจะอยู่เฉยเพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยคนอย่างยัยเอลล่าก็คงแว้งกัดแบบนี้ตลอด
เห็นทีว่าเธอจะต้องโต้ตอบกลับไปเสียบ้างไม่อย่างนั่นยัยนั่นจะเหลิงคิดว่าเธอกลัว
ไอวี่คิดแผนการเอาคืนยัยเอลล่าจนคิดแผนดีๆ ขึ้นมาได้
ไอวี่อยู่ในภวังค์จนไม่สังเกตว่าคิวแอบมองเธอมาได้สักพักแล้ว
คิวที่มองไอวี่ที่อยู่ในภวังค์หลังจากพูดถึงเอลล่าจบ
เขารู้สึกได้ว่าเร็วๆ นี้จะมีเรื่องที่น่าปวดหัวเกิดขึ้น และเขามั่นใจว่าเรื่องพวกนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับตัวเขาแน่นอน
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่คิดจะขัดขวางการกระทำของไอวี่..เพราะยังไงเสียมันก็คือสิ่งที่คิวต้องการอยู่แล้ว
รักให้มากกว่านี้อีก..หึงหวงให้มากกว่านี้อีก..
ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งดีต่อแผนการของคิวมากเท่านั้น..
คิวคิดจะใช้ประโยชน์จากความรู้สึกของไอวี่แต่เขาไม่คิดเผื่อเลยว่าหากเรื่องราวมันตาลปัตรกลับด้านจะเป็นเช่นไร
ღ
ღ100%
แนบรูป
ชุดไอวี่
เจ็ทสกี
สปีทโบ้ท
เรือยอร์ช
(ไรท์เปลี่ยนเป็นแบบไม่มีใบด้านบน)
______________
Talk:
น่าตีอีพี่คิวม้ากกกก
ปากทำบอกว่าทำเผื่อแผนการ
แต่อะไรคือมานั่งคิดว่าตัวเองเริ่มลังเล
ความจริงก็พอรู้ใจนะแต่ไม่อยากยอมรับ
ง้อออออววว
______________
Talk:
ถ้าใครอยากรู้เหตุผล
ที่พี่คิวมันเปลี่ยนมาหวานได้อย่างไร
อีก 70% มีคำตอบค่ะ อิอิ
_____________
หากเจอคำผิดคำตกหล่น
คำซ้ำคำขาดขออภัยค่ะ
''
""
กดโหวต กดหัวใจ คอมเม้นต์ให้กำลังใจกันบ้างนะคะ
ความคิดเห็น