ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    3 | THE GUARD ღ หัวใจเสี่ยงรัก ϟ

    ลำดับตอนที่ #17 : EP [16] เหตุผล✓

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 64


     
     
       

    คิวไอวี่
    .
    .
    .

    EP [16] เหตุผล 

    ..


    ปังปัง! ปังปัง! กรี๊ดด! / ชิส์!

    จังหวะที่ไอวี่ตั้งใจจะถามบางอย่างกับคิวเสียงปืนก็ดังขึ้นเสียก่อน เธอร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจกอปรกับที่ร่างกายถูกคิวคว้าเข้าไปกอดแล้วหยิบปืนขึ้นมายิงตอบโต้ สักพักคิวก็พาเธอหลบห่ากระสุนเข้ามาหลบด้านในเรือ

    “นายจะไปไหนรออยู่นี่กับฉันเถอะ ไม่ก็โทรให้คนมาช่วย..”

    ไอวี่สติแตก เพราะถ้าอยู่บนพื้นดินเธอจะไม่กังวลเลยแต่นี่เธอกับคิวอยู่กันบนเรือกลางทะเลที่รอบด้านไม่มีทางหลบหนีจึงพูดรั้งคิวเอาไว้ แต่สิ่งที่เธอได้กลับมาจากอีกฝ่ายคือสายตาที่มองเธอพร้อมตั้งคำถามว่า

    ถามจริง? ตอนนี้ใครจะช่วยเธอได้นอกจากเขา?

    “ห้ามเปิดประตูให้ใครถ้าหากไม่ใช่ฉัน”

    “อืม นายก็ระวังตัวด้วยนะอย่าบาดเจ็บเป็นอันขาด”

    “อืม ด้านหลังนั่นมีปืนเอาออกมาป้องกันตัวซะ”

    ไอวี่พยักหน้ารับคำก่อนจะหันไปหยิบปืนที่คิวซ่อนเอาไว้หลังจากที่อีกฝ่ายออกไปแล้ว จากนั้นก็ก้าวไปชิดหน้าต่างกระจกที่มองเห็นด้านนอก คนร้ายขับเจ็ทสกีและสปีทโบ้ทพร้อมถืออาวุธมากันจำนวนหนึ่ง ดูแล้วเป้าหมายคงเป็นเธออีกแน่ เพราะไม่อย่างนั้นคิวคงไม่ให้เธอเข้ามาหลบด้านในเพื่อที่พวกมันจะไม่เห็นเธอ

    ไอวี่หลบอยู่ในเรือด้านในคอยฟังเสียงการต่อสู้โดยการยิงโต้ตอบกัน เสียงที่ยังไม่หยุดนั้นทำให้เธอรู้ว่าคิวยังอยู่ดีแต่กับอีกด้านเนี่ยสิที่เธอเห็นว่าจำนวนสปีทโบ้ทและเรือที่เคลื่อนไหวเริ่มลดลง

    ไอวี่หลบอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงเสียงทุกอย่างก็เงียบลง เธอได้ยินเสียงคนเดินใกล้เข้ามาจึงกระชับปืนในมือแน่น ตั้งท่าเผื่อว่าคนที่กำลังเดินเข้ามานั้นไม่ใช่คิวเธอจะได้เป่าหัวมันให้กระจุย

    แกร่ก!

    ไอวี่หน้าซีดเพราะเธอลืมล็อคประตู!

    ไม่เป็นไร ถ้าคนที่โผล่เข้ามานั้นไม่ใช่คิวเธอยิงหัวกระจุยแน่ ทว่าเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังบานประตูนั้นเป็นคิวไอวี่จึงยิ้มออกมา

    “คิว! นายปลอดภัยใช่มั๊ย บาดเจ็บรึเปล่า”

    “ไม่เป็นอะไร แล้วเธอล่ะ”

    “ฉันไม่เป็นอะไร” อยู่ในนี้คอยให้เขาปกป้องเธอถึงปลอดภัย

    “พวกมันไปแล้วเหรอ?”

    “ตายส่วนหนึ่งหลบหนีส่วนหนึ่ง”

    ไอวี่ออกมาด้านนอกพร้อมกับคิว เธอเห็นเศษซากการปะทะกันระหว่างคิวกับคนร้ายก็นิ่งอึ้งไป

    รอบด้านมีเจ็ทสกีห้าลำและสปีทโบ้ทอีกสองลำลอยเคว้งคว้างอยู่ใกล้ๆ เรือยอร์ช แต่คนขับนั้นหายไปหมด ไอวี่เดาได้ทันทีว่าคงจะโดนคิวยิงล่วงทะเลไปแล้ว ไอวี่หันมาดูสภาพเรือยอร์ชของตนเองบ้าง บนพื้นและที่เบาะรองนั่งเต็มไปด้วยรอยกระสุน ห้องควบคุมด้านบนสุดยิ่งไม่เหลือ สภาพคือเละพอๆ กัน

    คิวเดินดูความเสียหายของเรือจนทั่วทั้งลำ จากนั้นก็หันกลับมามองหน้าไอวี่ด้วยสายตาเรียบนิ่ง

    “เครื่องยนต์ด้านหลังพังห้องควบคุมเสียหายคิดว่าคงจะขับเรือเข้าฝั่งไม่ได้”

    “หมายความว่าไง เราต้องลอยเคว้งกันอยู่ที่นี่เหรอ!

    “ทิมกับเมืองสิงห์คงจะรู้ถึงความผิดปรกติแล้วและคงรู้ว่าควรทำอะไรต่อไป”

    “แล้วพวกเราล่ะจะเป็นยังไง เราจะติดอยู่กลางทะเลจริงๆ เหรอ”

    “คืนนี้นอนนี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยหาทาง”

    คิวพูดจบก็เดินเข้าไปตรวจสอบด้านในเรือว่าพอจะมีอะไรที่พอเป็นประโยชน์บ้าง ไอวี่เองก็เดินตามคิวเหมือนลูกไก่ตามแม่ไก่ เพราะบรรยากาศที่เริ่มมืดบวกกับความเคว้งคว้างกลางทะเลทำให้เธอกลัวมาก และโชคดีที่ยังมีของที่ใช้ได้อยู่ เป็นผ้าห่มที่ทางเรือจัดเตรียมเอาไว้ให้ เครื่องดื่มที่ยังไม่ได้เปิดอีกหลายขวด มีของกินเล็กๆ น้อยๆ พอให้คลายหิวในช่วงเช้าได้

    ไอวี่กับคิวออกมานอนเล่นกันตรงเบาะรองนั่งที่ถูกกระสุนเจาะเป็นรู เธอมองร่างสูงที่นอนพิงกับเบาะนั่งยกเบียร์ดื่มด้วยสีหน้าเรียบเฉยคล้ายกับเมื่อครู่ไม่ได้มีเหตุการณ์ยิงปะทะกันกับคนร้าย

    “นายจะดื่มหมดนี่เลยเหรอ” ไอวี่มองเบียร์อีกสามกระป๋องบนพื้น

    “อืม”

    คิวตอบรับ สายตาเรียบนิ่งนั่นมองไปด้านนอกที่เป็นส่วนทะเล ไอวี่มองไปบ้าง ด้านหน้าไม่ได้มืดอย่างที่คิดเพราะแสงไฟจากตึกและโรงแรมทางชายฝั่งส่องแสงอยู่ อีกทั้งบนเรือก็ยังมีไฟฉุกเฉินพอให้ความสว่างได้บ้าง แต่ก็ไม่มากพอจะเรียกให้คนอื่นเห็นหรือสนใจ

    “ใส่นี่ไว้”

    “นายเอามาด้วยเหรอ” ไอวี่มองเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ตัวโปรดของคิวที่ยื่นมาให้ เธอไม่คิดว่าเขาจะเอามาด้วยเพราะใส่ชุดฮาวายสบายๆ

    “อืม” คิวไม่ได้ตอบว่าเป็นของขวัญวันเกิดที่ได้มาจากน้องสาวจึงใส่หรือพกไปไหนมาไหนตลอดเวลา

    ไอวี่หยิบมาสวมด้วยรอยยิ้ม ความสุขในวันนี้เหมือนว่าเธอได้ใช้โชคทั้งชีวิตแลกมาแล้ว

    “อุ่นจัง” ไอวี่เริ่มรู้สึกผ่อนคลาย ตอนแรกเธอกลัวมากที่ต้องมาลอยแพกลางทะเลแต่ถ้าได้อยู่กับคิวเธอก็ถือว่ามันเป็นเรื่องดีมากกว่าร้าย

    “นายคิดว่าเป็นฝีมือของใครที่ต้องการชีวิตฉันขนาดนี้”

    ไอวี่คิดว่าต้องเป็นคนในตระกูลแน่แต่เธอก็เดาไม่ออกว่าเป็นฝีมือของใคร เธอคิดว่าคิวน่าจะมีคนที่สงสัยอยู่แต่อีกฝ่ายไม่ยอมบอกเธอ

    “เดี๋ยวเธอก็รู้ ฉันจะจัดการให้เสร็จก่อนวันครบรอบที่จะมาถึง”

    “นายรู้ตัวคนร้ายแล้วเหรอ!

    “อืม” คิวเปิดเบียร์กระป๋องที่สามดื่ม ไอวี่มองเขาด้วยสายตาพร่าพราวเพราะตอนนี้อีกฝ่ายนั้นดูดีราวกับเทพบุตรในนิยายเรื่องไหนสักเรื่อง

    “ถ้าพรุ่งนี้เรายังกลับขึ้นฝั่งไม่ได้จะทำยังไงล่ะ”

    “ทิมกับเมืองสิงห์คงแสตนบายรอแล้ว เช้าเมื่อไรพวกนั้นก็คงออกตามหาตามพิกัดจีพีเอสของเรือเองนั่นล่ะ”

    “อ่า ถ้างั้นหากกลับถึงฝั่งแล้ว..” ขออยู่ต่ออีกสักคืนได้ไหม

    ไอวี่อยากจะถามต่อแต่ก็หยุดเอาไว้แบบนั้น เธออยากจะอยู่กับคิวและสร้างความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ แต่คิวคงไม่คิดแบบนั้น..

    “เราจะกลับกรุงเทพพรุ่งนี้เช้าเพราะเธอมีเรียนตอนบ่าย”

    นั่นไงล่ะ! คิวเป็นคนรักษากฎระเบียบอย่างเคร่งครัดมีหรือจะให้เธอโดดเรียนวิชาสำคัญน่ะ!

    “อะไรอ่ะให้พักหน่อยไม่ได้เหรอ”

    “ไอวี่” คิวหันมามองด้วยสีหน้าดุๆ “อย่าเกเร”

    โอเค! ยอมแล้วจริงๆ ไม่งอแงแล้วก็ได้! เพราะคำว่า อย่าเกเรนั้นมีอิมแพคกับหัวใจมากเกินไปมันถึงเต้นโครมครามคล้ายกับจะทะลุออกมา

    “ฉันก็แค่อยากอยู่กับบรรยากาศแบบนี้..กับนายก็เท่านั้น ไม่ได้อยากจะเกเรอย่างที่นายว่าสักหน่อย”

    “นั่นล่ะที่เรียกว่าเกเร”

    “โอเคยอมก็ได้” ไอวี่กระชับเสื้อคลุมเพราะมีลมพัดมาจนเรือไหวเอนโคลงเคลง เธอนอนราบไปกับเบาะมองดวงดาวบนท้องฟ้า อาจเพราะแถวนี้ไม่มีแสงไฟก็เลยมองเห็นดาวบนฟ้าได้ชัดเจน

    “ดาวสวยมาก”

    “อืม”

    “ถึงโทรศัพท์จะไม่มีสัญญาณแต่ก็น่าจะถ่ายรูปได้นะ”

    ไอวี่เปรยขึ้นมาเพราะอยากถ่ายภาพคู่กับคิว ในใจกังวลว่าจะถูกปฏิเสธ แต่ว่านะ..วันนี้ทั้งวันอีกฝ่ายตามใจเธอตลอด เรื่องนี้ก็คง..

    “เอาโทรศัพท์มาสิ”

    ไอวี่นิ่งค้างอยู่แค่ครู่เดียวก็หยิบโทรศัพท์ให้คิว อีกฝ่ายรับไปกดเข้าแอพพลิเคชันถ่ายภาพ ยื่นมือออกไปให้ได้ระยะแล้วค่อยกดถ่าย

    ไอวี่นั่งนิ่งแต่ใจเต้นรัวเร็ว เธอมองภาพในโทรศัพท์ที่มีเธอกับคิวนั่งคู่กันอยู่แบบนั้น ส่วนตอนนี้คิวก็นั่งดื่มเบียร์ที่หยิบมาจนหมดแล้ว

    ลมทะเลพัดโบกมากระทบใบหน้า กลิ่นทะเลในตอนกลางคืนทำให้ใจไอวี่สงบ เธอมองคิวที่นอนหลับตารับลมด้วยความหลงใหลเพ้อฝัน ทุกอย่างดูเงียบสงบมีเพียงเราสองคนกับบรรยากาศที่โรแมนติก ไอวี่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดทั้งคืนถ้าไม่ติดว่ามีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น!

    กึกกึก!

    เมื่อได้ยินเสียงประหลาดไอวี่รีบคว้าแขนคิวไว้ทันที

    “คิว เสียงอะไรน่ะ”

    “..ลม”

    “ใช่เหรอ? แต่มันมีเสียงน้ำและเสียงเหมือนอะไรชนเรือเลยนะ”

    “..คงเป็นเสียงคลื่น”

    “ถ้าไม่ใช่คลื่นทะเลล่ะ ถ้า ถ้ามันเป็น..ฉ ฉลามล่ะ คิวฉันกลัว”

    ไอวี่โผลเข้าซุกคิ้วด้วยความกลัว เธอดูหนังมาเยอะ บรรยากาศเงียบๆ กลางทะเลที่มืดแบบนี้มันต้องทำให้คนคิดอยู่แล้ว

    มีอะไรอยู่ใต้น้ำ? เสียงที่ดังผิดปรกติ? ความมืดมันทำให้คนจิตใจว้าวุ่นตื่นกลัวและคิดไปเองต่างๆ นาๆ

    “ไม่ต้องกลัว”

    ไอวี่สบดวงตาคมที่มองเธอด้วยสายตาที่ปลอบกลายๆ

    “แต่ แต่ว่า..ถ ถ้าเกิดว่า..”

    ถ้าเกิดว่าเป็นฉลามจริงเราสองคนจะถูกมันกินรึเปล่า!

    ไอวี่ยังพูดไม่จบทว่าก็ตอบเงียบไปฉับพลันเพราะริมฝีปากของเธอถูกบางอย่างของคิวปิดเอาไว้ไม่ให้พูด..ซึ่งนั่นมันคือปากของคิวเอง!

    “นาย..นายจูบฉันเหรอ!

    “อืม..หายกลัวรึยัง?”

    บ้า บ้าไปแล้ว! ความกลัวเรอะจะมาสู้ความรู้สึกวาบหวิวเมื่อครู่!

    เธอ! ถูก! คิว! จุ้บ!

    ต่อให้เป็นฉลามจริงอย่างที่เธอคิดมันก็ไม่สามารถมาชุดสติของไอวี่ไปได้มากกว่าการกระทำของคนที่เธอชอบเมื่อครู่หรอก! มันไม่เหลือความรู้สึกกลัวอีกต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้น่ะในใจมันมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่แล้ว! มันคือความรู้สึกมึนงง! สับสน! ขัดเขิน! ชอบใจ! และรู้สึกดี!

    ..

    คิวมองไอวี่นอนซบแขนผล็อยหลับลงไปแล้ว แต่ไม่ได้จัดแจงให้หญิงสาวนอนดีๆ กลับกันเขาทำเพียงแค่วางกระป๋องเบียร์ที่ดื่มหมดแล้วกระป๋องสุดท้ายเอาไว้ข้างตัวแล้วเอนหลังนอนลงบ้าง

    สายตาจดจ้องแต่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยกลุ่มดาว พลางถามตนเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เขาเผลอทำอะไรเกินกว่าเหตุลงไปบ้าง

    เมื่อวาน เมืองสิงห์รายงานว่ามีกลุ่มคนน่าสงสัยสะกดรอยตามคิวและไอวี่มาตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ ดังนั้นคิวจึงสั่งให้ลูกน้องจับตามองคอยสังเกตการณ์เอาไว้ห่างๆ คืนแรกที่มาถึงพวกมันไม่ได้ลงมือแต่กลับมีการเคลื่อนไหวแปลกๆ ในเช้าวันถัดมาแทน

    คิวส่งทิมคอยประกบไอวี่และให้เมืองสิงห์และทีมบอดี้การ์ดส่วนหนึ่งไปสืบหาความจริง ได้ความว่ากลุ่มคนน่าสงสัยนั้นมีอยู่สองกลุ่ม คิวมั่นใจว่ากลุ่มแรกนั้นเบื้องหลังคงเป็นคนๆ เดียวกับที่คอยสร้างเรื่องให้ในระยะเวลาไม่นานมานี้ ส่วนอีกกลุ่มนั้นกำลังรอข้อมูลจากเมืองสิงห์อยู่ ซึ่งลูกน้องคนสนิททำงานได้รวดเร็วมาก เพียงไม่นานเมืองสิงห์กลับมารายงานก่อนถึงเวลานัดของบริษัทก่อสร้างเพียงเล็กน้อย จึงทำให้เขาได้รู้ว่าหนึ่งในคนของกลุ่มที่สองนั้นเป็นลูกน้องของคนในตระกูลใหญ่

    คิวอ่านข้อมูลก่อนจะเผยสีหน้าเหนื่อยหน่าย เพราะรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของใคร ซึ่งคิวรู้วิธีจัดการกับคนที่อยู่เบื้องหลังของคนกลุ่มที่สองนี้จึงออกคำสั่งเพียงว่าให้คนเฝ้าเพียงแค่สองคนเท่านั้นส่วนที่เหลือให้ย้ายไปเฝ้าคนกลุ่มแรกแทนเพราะคนกลุ่มนั้นหมายจะเอาชีวิตไม่ใช่ตามติดส่องชีวิตคนอื่นเหมือนคนกลุ่มที่สอง

    กลับมาที่งานบริหารโรงแรม คิวไม่คิดมาก่อนว่าไอวี่จะมีไอเดียสำหรับการขยายโรงแรมอยู่ในหัวด้วย พอไอวี่พูดเกี่ยวกับแนวความคิดมาเขาจึงไม่ขัดเพราะมองดูว่าสิ่งที่ไอวี่พูดมาเป็นเพียงดีไซน์เปลือกนอกไม่เกี่ยวกับการบริหารลงลึกที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ แต่ถึงจะพลาดเขาก็สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ แต่จากที่คิววิเคราะห์อย่างรวดเร็วแล้วก็บอกได้ว่าความคิดไอวี่ไม่เลวเลยทีเดียว

    ช่วงทานอาหารกลางวันคิวสั่งให้ลูกน้องเตรียมอาหารเพียงไม่กี่อย่าง หนึ่งก็เพื่อฝึกฝนไอวี่และสองก็เพื่อรูปลักษณ์ภายนอกของไอวี่ เดิมทีไอวี่มีบุคลิกภาพและนิสัยค่อนข้างแรง ซึ่งหากหญิงสาวต้องมาบริหารที่นี่จริงๆ คิวก็อยากจะให้พนักงานติดภาพของผู้บริหารที่เข้าถึงได้ง่ายแต่ก็ต้องวางตัวให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงพาไอวี่มากินข้าวที่ห้องอาหารของโรงแรมแทนที่จะสั่งมากินแบบส่วนตัวหรือออกไปกินข้างนอก

    หลังจากนั้นคิวกับไอวี่กลับมาพักที่ห้องทำงานเพื่อรอเวลาเข้าประชุม ระหว่างที่คิวทำงานก็สังเกตไอวี่ไปด้วย อีกฝ่ายที่ไม่เข้ามากวนเหมือนหลายๆ ครั้งที่ชอบมาปั่นประสาทของเขาเอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์เหมือนกับมีอะไรน่าสนใจมากกว่าคนที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกัน

    ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของคิวสั่นขึ้นมาเขาจึงละสายตากลับมามองโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะ พอเห็นว่าเป็นข้อความจากกลุ่มไลน์เพื่อนจึงกดเข้าไปดูและพบว่ามีภาพของไอวี่อยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งคนที่ส่งมาก็คือออสติน

    ออสตินพิมพ์บอกว่าภาพของไอวี่กำลังเป็นที่นิยมและพูดถึงอยู่ในมหาลัยอยู่ในขณะนี้ คิวไม่ได้แสดงความเห็นอะไรเพียงแต่นั่งอ่านข้อความที่ออสติน คอปเตอร์ และเคนพูดคุยกันถึงเรื่องนี้

    เนื้อความที่สรุปได้ก็คือ ไอวี่กำลังล่าลายเซ็นของรุ่นพี่ พอให้ทำตามคำสั่งก็ทำโดยไม่อิดออดอีกทั้งยังมีภาพในอิริยาบทต่างๆ ด้วย พวกมันเริ่มลามปามมาถามเขาเรื่องของหญิงสาว คิวจึงกดปิดหน้าจอไม่ได้อ่านข้อความอีก

    คิวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเรียกและถามไอวี่ อีกฝ่ายตอบกลับมาโดยไม่ปิดบังว่า มีคนนำรูปเธอไปเผยแพร่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่คิวรับรู้จากกลุ่มเพื่อนเมื่อครู่จึงปล่อยผ่านไป แต่ก็ไม่ได้ชอบใจที่ใบหน้าของไอวี่ต้องเผยแพร่ไปในคนกลุ่มมาก เพราะทายาทของตระกูลนี้ทุกคนจะต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี ทว่าเหมือนไอวี่จะรู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดีจึงอาสาจะนวดเพื่อให้เขาผ่อนคลายเขาจึงยอมปล่อยผ่านไป

    เมื่อถึงเวลาประชุมภายใน เมืองสิงห์เข้ามารายงานกับเขาว่ากลุ่มคนกลุ่มแรกนั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้วและบอกสิ่งที่พวกมันคิดจะทำ ทำให้คิวเผยรอยยิ้มเย็นขึ้นมา เอาล่ะ ถึงเวลาที่จะล้างท่อดักจับพวกหนูโสโครกแล้ว

    ดังนั้นหลังจากประชุมภายในเสร็จคิวจึงสั่งให้เมืองสิงห์และทิมไปจัดการตามที่สั่งโดยทิมคอยดูแลไอวี่เหมือนเดิม ส่วนเมืองสิงห์นั้นให้ไปจัดเตรียมดินเนอร์ช่วงเย็นบนเรือยอร์ช คิวลดการป้องกันลงครึ่งหนึ่ง นั่นก็คือการยอมให้พวกมันได้ทำตามแผนและทำให้คิดว่าแผนการที่ทำนั้นสำเร็จ คิวให้เมืองสิงห์จับตาดูคนร้ายที่ปลอมตัวเข้ามาร่วมกับพนักงานโรงแรมที่ยกอาหารเข้ามาและอีกพวกหนึ่งที่ทำให้เครื่องยนต์เรือมีปัญหา

    ก่อนเรือออกคิวก็พุดคุยถึงแผนการกับเมืองสิงห์อีกครั้ง โดยให้คนตรวจสอบอาหารก่อนเป็นอย่างแรกว่ามีพิษเจอปนหรือไม่ และดูว่าในเรือนั้นไม่มีวัตถุอันตรายอย่างเช่นระเบิดรึเปล่า เมืองสิงห์รายงานอีกรอบว่าทุกอย่างปรกติดีแต่มีบางสิ่งที่เผลอปล่อยผ่านมาเพราะเป็นคำสั่งของคิวนั่นก็คือเครื่องดักฟังจำนวนสี่เครื่องที่ถูกนำมาวางไว้ในที่ลับตาคน

    คิวสั่งให้เมืองสิงห์และทิมคอยดูคนทั้งสองกลุ่มไว้ คิวแน่ใจว่าจะต้องมีการปะทะกันจึงเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า หากพวกมันลงมือก็เริ่มทำตามแผนขั้นต่อไปได้เลยโดยไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเป็นปัญหา เพราะกลางทะเลง่ายต่อการจัดการและปลอดสายตาผู้คน จึงเป็นเหตุผลที่คิวพาไอวี่ไปดินเนอร์บนเรือยอร์ช..ก็เท่านั้นเอง

    คิวออกเรือโดยไม่มีลูกน้องตามไปด้วยก็เพราะเปิดช่องโหว่ให้คนกลุ่มแรกได้ลงมือเพื่อที่เขาจะได้ตลบหลังจับพวกมันได้สะดวก และเพราะรู้อยู่แล้วว่าคนกลุ่มที่สองเป็นคนนำเครื่องดักฟังมาติดเอาไว้จึงเริ่มทำตามแผนการโดยการแสดงออกกับไอวี่ในรูปแบบที่แตกต่างจากที่ผ่านมา

    เหตุการณ์ผ่านไปอย่างเป็นปรกติจนคิวและไอวี่ทานอาหารเสร็จแล้วย้ายไปนอนเล่นด้านหน้าเรือและนั่งคุยได้เพียงครู่เดียวคิวก็ได้ยินเสียงเรือแล่นเข้ามาใกล้จากนั้นก็เกิดการปะทะกัน

    คิวให้ไอวี่เข้าไปรอด้านในส่วนตัวเองนั้นยิงสกัดคนที่ขับเจ็ทสกีก่อนเลยเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ค่อยตามเก็บพวกที่อยู่บนสปีทโบ้ท คิวหาที่หลบเมื่อพวกมันยิงปืนสวนมาและพยายามเก็บพวกมันให้ได้มากที่สุดก่อนที่ไม่กี่นาทีต่อมาทิมกับเมืองสิงห์พาบอดี้การ์ดที่เหลือก็เข้ามาสมทบยิงปะทะและล้อมพวกมันเอาไว้ไม่ให้หนีไปได้ คิวให้ทิมและเมืองสิงห์จัดการรวบตัวพวกมันไปกักขังเอาไว้ก่อนเพื่อรอคิวกลับไปจัดการ

    ในความคิดคิว เขารวบคนกลุ่มแรกที่มีจุดประสงค์สังหารไอวี่ได้แล้วแต่เขายังจับอีกกลุ่มไม่ได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจจะค้างคืนอยู่บนเรือแล้วค่อยขึ้นฝั่งในวันพรุ่งนี้เพื่อจะรอดูว่า เธอคนนั้นจะร้อนรนแล้วลงมืออย่างไร

    คิวมองใบหน้านวลใสที่หลับโดยมีรอยยิ้มประดับอยู่ ก็อย่างที่เขาบอก ว่าการมาดินเนอร์บนเรือยอร์ชจะทำประโยชน์ได้หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการขุดหลุมความรู้สึกของไอวี่ที่มีต่อเขาให้ลึกและมากยิ่งกว่าเดิม

    คิวรู้ว่าหญิงสาวมีความสุขตอนที่เขาหันกลับไปมอง การพูดให้ไอวี่มีความสุขถือเป็น สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งเพื่อให้แผนสำเร็จ แต่พอคิวเห็นหญิงสาวมีรอยยิ้มและความสุขมากเพียงใดหัวใจเขาก็เริ่มเต้นผิดจังหวะ ความคิดเริ่มไหวเอนระหว่างคำว่า เดินหน้าต่อหรือ หยุดเพียงเท่านี้หากเป็นปรกติคิวคงเลือกไปต่อโดยไม่ลังเล แต่ว่าไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ที่เขาถามตัวเองมันกลับให้คำตอบยากยิ่งกว่าเดิม

    ในความลังเลคิวพอจะรู้แต่ไม่เคยคิดจะยอมรับ ดังนั้นถ้าหากไม่อยากให้ที่แล้วมาเสียเปล่า..คิวต้องรีบจัดการทุกอย่างให้จบโดยเร็วที่สุด

    ...

    เช้าวันรุ่งขึ้น ไอวี่ยืนกระพริบตาปริบๆ อยู่บนเรือยอร์ชเหมือนเดิม แต่ที่แตกต่างออกไปคือรอบด้านนั้นว่างเปล่า

    เจ็ทสกี เรือสปีทโบ้ทที่ลอยเคว้งคว้างเกลื่อนกลาดก่อนหน้านี้อันตรธานหายไปหมดราวกับไม่เคยเกิดเรื่องยิงกันสนั่นทะเลขึ้น เธอหันไปมองคิวที่ตอนนี้กำลังพูดคุยกับเมืองสิงห์ แล้วมองบรรดาบอดี้การ์ดหลายคนที่กำลังจัดการตรวจเช็กรอบๆ เรือ

    “คุณหนูไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ..ผมขออภัยด้วยนะครับที่มาช้า เพราะเมื่อคืนดึกมากแล้วพวกผมก็เลยรอให้เช้าก่อนแล้วค่อยออกตามหา ว่าแต่บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับจะให้ผมเรียกรถพยาบาลรอไว้ไหมครับ”

    “ฉันไม่เป็นไรปลอดภัยดี ว่าแต่นายรู้ไหมว่าพวกมันเป็นใคร”

     “ไม่รู้ครับ” ทิมเผยสีหน้ากังวลก่อนจะตอบ

    ความจริงเขารู้ข้อมูลทุกอย่างเพราะเป็นคนช่วยเมืองสิงห์ตามสืบ รู้แม้กระทั่งการดินเนอร์หรูบนเรือยอร์ชนั่นก็เพื่อดักจับคนร้ายแต่ทิมไม่พูดออกไปให้คุณหนูทราบ เหตุผลมีด้วยกันสองข้อคือ

    หนึ่ง..ทิมสงสารคุณหนู เขารู้ว่าคุณหนูชอบคุณคิว และถ้าเกิดรู้ว่าทุกอย่างที่คุณคิวทำไปก็เพื่อจับคนร้ายเธอคงจะเสียใจน่าดู

    สอง..คุณคิวไม่ให้แจ้งให้คุณหนูทราบถึงเรื่องที่โดนลอบทำร้าย เพราะถ้าหากคุณหนูรู้อาจจะอาละวาดหรือทำให้คนร้ายไหวตัวทัน แผนที่วางเอาไว้เพื่อจับคนบงการที่อยู่เบื้องหลังอาจจะพังลง

    คิวกับไอวี่ย้ายไปนั่งบนเรือสปีทโบ้ทลำใหญ่ที่ทิมและเมืองสิงห์ขับมา ระหว่างทางคิวไม่ได้พูดคุยกับเธอเลยแม้แต่คำเดียว ไอวี่ค่อนข้างมึนงง เพราะเมื่อวานและเมื่อคืนเราสองคนใกล้ชิดกันมาก มากถึงขนาดจูบกันแล้ว แต่ท่าทีของคิวทำไมยังเหมือนเดิม เธออยากจะถามเขาจริงๆ ว่าเมื่อคืนที่คิวจูบเธอก็แค่เพราะว่าเขาเมา..หรือที่เขาจูบเธอเพราะตัดรำคาณเพื่อไม่ให้เธอพูดมากกันแน่..

    เมื่อเรือเทียบฝั่งคิวหันมาสั่งให้ทิมพาไอวี่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อรอเดินทางกลับ ซึ่งคิวจะตามไปบ้านพัก VIP ทีหลังเพราะมีเรื่องต้องจัดการให้เสร็จก่อน ไอวี่รู้ได้ทันทีว่าคิวจะต้องไปจัดการเรื่องพวกที่ลอบทำร้ายเธอกับเขาบนเรือแน่ดังนั้นจึงไม่ดื้อรั้นทำตามคำสั่งคิวอย่างว่าง่าย

    ทิมมาส่งไอวี่ที่บ้านพักก่อนจะส่งหน้าที่ให้ริต้าที่เพิ่งจะมาถึงเมื่อเช้านี้ดูแลต่อแล้วก็ขอตัวแยกไปสมทบกับเจ้านายที่กำลังจัดการธุระอยู่

    ไอวี่เข้าบ้านพักอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ให้ริต้าเป็นคนแต่งหน้าให้ ระหว่างนั้นไอวี่ก็ถามริต้าว่ามาถึงตั้งแต่เมื่อไร ริต้าตอบแค่ว่าหลังจากทำธุระเรื่องมหาลัยให้ไอวี่เสร็จก็เตรียมของตามมาทันที

    ผ่านไปครึ่งชั่วโมงทิมก็เข้ามาตามแล้วบอกกับไอวี่ว่าคิวรออยู่ด้านล่างเพราะจะเป็นคนพาเธอไปส่งที่มหาลัยด้วยตัวเอง

    ไอวี่เผยรอยยิ้มกว้าง เธอนึกว่าคิวจะกลับมาเย็นชากับเธออีกครั้งแต่ที่ไหนได้ เขายังใส่ใจให้คนมาตามเพราะจะไปส่งเธอด้วยตนเองอีก..

    ไอวี่มีความสุขมากไปจนมองข้ามเหตุผลที่ควรจะเป็นไปเสียแล้ว

    “ขอโทษที่ให้รอ” ไอวี่เข้ามานั่งในรถสปอร์ตคันหรูของคิวแล้วหันไปยิ้มให้คนที่เธอแอบชอบมานาน “นายก็จะเข้ามอด้วยเหรอ?”

    ไอวี่ถามเพราะเห็นว่าคิวเองก็ใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกัน

    “อืม ต้องไปจัดการเรื่องรับน้อง” คิวตอบด้วยน้ำเสียงโทนปรกติ แต่ที่แตกต่างจากเดิมคือเอื้อมไปหยิบของบางอย่างทางด้านหลังแล้วยื่นให้

    “กินซะจะได้ไม่ปวดท้อง”

    “ขอบใจ”

    ไอวี่รับมาก่อนจะยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่าในกล่องนั้นเป็นแซนวิสแฮมชีสที่เธอชอบกิน และยังตัดชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่อให้ทานง่ายด้วย..ถึงคิวจะไม่ได้ทำเองแต่เธอก็รู้สึกอิ่มเอมใจอยู่ดี

    คิวขับรถออกจากบ้านพัก VIP โดยมีรถของลูกน้องตามประกบหน้าหลัง ระหว่างทางคิวตั้งใจขับรถแล้วไม่ได้พูดอะไรแต่เธอมีเรื่องที่อยากพูดอยากถามกับเขา เธออยากถามเรื่องพวกที่มาลอบฆ่าเธอเมื่อคืน อีกทั้งยังอยากถามเรื่องระหว่างเธอกับเขาว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร และดูเหมือนว่าเธอจะทำท่าทางขัดหูขัดตาอีกฝ่ายจึงถามขึ้น

    “มีอะไรก็ว่ามา”

    “ฉันอยากถาม พวกเมื่อคืนเป็นพวกเดียวกับที่เคยยิงนายใช่ไหม”

    “ใช่”

    “นายรู้แล้วใช่รึเปล่าว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง บอกฉันได้มั๊ย?”

    คิวหันมามองเธอเพียงครู่เดียวก่อนจะหันกลับไปมองด้านหน้าต่อ

    “บอกได้แต่ถ้าบอกเธอจะสงบใจได้รึเปล่า?”

    “ได้ ฉันทำได้”

    คิวเห็นสายตามาดมั่นก็ถอนหายใจออกมาแล้วเริ่มเล่าให้ไอวี่ฟัง

    คิวบอกเธอว่าคนที่อยู่เบื้องในการลอบฆ่าเธอคือใคร บอกสาเหตุว่าทำไมถึงต้องทำอย่างนั้น ทว่าคิวไม่สามารถจัดการได้ในทันทีเพราะต้องรายงานกับหัวหน้าตระกูลอย่างปู่ไอศวรรย์ก่อนไม่อย่างนั้นจะเป็นการข้ามหน้าข้ามตาซึ่งมันผิดกฎหลักของวงศ์ตระกูล

    คิวจึงบอกให้เธออยู่เฉยๆ ทำตัวให้ปรกติที่สุดอย่าให้พวกมันรู้ว่าเรารู้ตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังแล้วเพราะนั่นอาจจะทำให้อีกฝ่ายหนีรอดไปได้

    ไอวี่รู้กระบวนการในการตัดสินเป็นอย่างดี ตามหลักแล้วการแก่งแย่งชิงดีหรือแข่งขันกันไม่ผิดกฎแต่ถ้าคิดเอาชีวิตนั้นก็อีกเรื่อง

    เธอถึงบอกไงว่าเธอไม่ได้อยากจะได้ทรัพย์สมบัติหรือการถือครองธุรกิจต่างๆ ในเครือของตระกูลเลยแม้แต่น้อย เธอจึงไม่ค่อยได้สนใจแล้วให้คิวจัดการทุกอย่างเอง แต่คิดไม่ถึงว่าปู่ของเธอจะรู้ข้อนั้นและรู้อีกว่าควรจะจัดการเธอยังไง ไม่อย่างนั้นปู่ก็คงไม่ให้คิวคอยสอนและดึงเธอเข้าไปในการบริหารงานต่างๆ ของแต่ละบริษัทหรอก

    ไอวี่ละความสนใจจากคนกลุ่มแรก แล้วไปสนใจคนกลุ่มที่สอง ซึ่งคราวนี้ไอวี่รู้สึกว่าคิวเงียบไปนานมากเหมือนจะไม่อยากบอกเธอ

    แต่อะไรที่เขายิ่งปิดเธอก็ยิ่งอยากจะรู้..

    “อีกกลุ่มเป็นใครกันแน่นายถึงได้ทำท่าทางแบบนั้น..”

    ไอวี่ถามเพราะความสงสัย พอเห็นว่าคิวถอนหายใจออกคล้ายกำลังเบื่อหน่ายที่จะต้องพูดออกมาเธอก็ยิ่งกดดันด้วยสายตา

    “เธอรู้แล้วจะควบคุมอารมณ์ได้รึเปล่า?”

    “พูดแบบนี้หมายความว่าไง”

    ไอวี่คิดว่าเรื่องของตระกูลเธอสามารถวางเฉยและไม่ยุ่งเกี่ยวได้ แต่เรื่องที่จะทำให้เธอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก็มีไม่กี่เรื่อง และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของ..คิว

    “ใคร..ฝั่งตระกูลหลักหรือตระกูลรอง”

    ไอวี่ควบคุมเสียงไม่ให้หงุดหงิดไปมากกว่านี้ และคิวคงจะรู้ว่าถ้าไม่บอกเธอเธอก็คงอาละวาดใส่เขาแน่

    “ตระกูลหลัก..” คิวตอบ

    “ยัยหมาบ้าเอลล่า!

    ไอวี่เบ้ปากอย่างหงุดหงิด เอลล่าคือลูกสาวของลุงณรงค์ศักดิ์กับน้าศรีสวาท มีพี่ชายชื่อว่า อินทรีย์ และยัยนั่นยังอายุเท่ากับไอวี่ด้วย

    ยัยเอลล่าน่ะชอบคิวแถมยังแสบสุดๆ อีกต่างหาก เป็นศัตรูของไอวี่มาตั้งแต่เด็กเลยก็ว่าได้ เพราะชอบมาแย่งของๆ เธอเสมอ รสนิยมของเธอกับนางก็จะคล้ายๆ กัน จึงไม่แปลกที่จะชอบคนอย่างคิวเหมือนเธอ

    เอลล่าเคยวางแผนคิดจะขอคิวจากคุณปู่ในวันครบรอบวันเกิดของนาง แต่โชคดีที่คิวนั้นถูกโอนย้ายมาเป็นคนของเธอเสียก่อน ดังนั้นนางก็เลยแค้นเธอมาก เริ่มพูดจาจิกกัดเธอและชอบมาออเซาะตีสองหน้าเข้าหาคิวแต่ก็โดนเธอกันซีนไล่ตะเพิดไปตลอด

    ยัยนั่นน่ะไม่กลัวเธอหรอกแต่ไม่อยากทำตัวแย่ต่อหน้าคิวจึงยอมถอยไปเอง แต่ถึงกระนั้นยัยเอลล่าก็ยังไม่ยอมแพ้ตามคิวเข้ามาเรียนที่มหาลัยเดียวกันเหมือนกับเธอด้วย

    ใช่..เอลล่าก็เรียนที่คิงส์ตัน..

    ..แต่อยู่คนละแผนกกันกับคิวและไอวี่ก็เท่านั้น!

    ช่วงนี้ยัยเอลล่าไม่ค่อยมีเวลามากวนใจเหมือนเดิมเพราะยัยนั่นติดซ้อมดาวเดือนของมหาวิทยาลัยไอวี่ก็เลยหลงลืมยัยบ้านั่นไปชั่วคราว แต่นี่พอเธอได้ยินว่านางเริ่มเข้ามาป่วนเธอกับคิวอีกจึงไม่คิดจะอยู่เฉยเพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยคนอย่างยัยเอลล่าก็คงแว้งกัดแบบนี้ตลอด

    เห็นทีว่าเธอจะต้องโต้ตอบกลับไปเสียบ้างไม่อย่างนั่นยัยนั่นจะเหลิงคิดว่าเธอกลัว ไอวี่คิดแผนการเอาคืนยัยเอลล่าจนคิดแผนดีๆ ขึ้นมาได้

    ไอวี่อยู่ในภวังค์จนไม่สังเกตว่าคิวแอบมองเธอมาได้สักพักแล้ว

    คิวที่มองไอวี่ที่อยู่ในภวังค์หลังจากพูดถึงเอลล่าจบ เขารู้สึกได้ว่าเร็วๆ นี้จะมีเรื่องที่น่าปวดหัวเกิดขึ้น และเขามั่นใจว่าเรื่องพวกนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับตัวเขาแน่นอน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่คิดจะขัดขวางการกระทำของไอวี่..เพราะยังไงเสียมันก็คือสิ่งที่คิวต้องการอยู่แล้ว

    รักให้มากกว่านี้อีก..หึงหวงให้มากกว่านี้อีก..

    ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งดีต่อแผนการของคิวมากเท่านั้น..

    คิวคิดจะใช้ประโยชน์จากความรู้สึกของไอวี่แต่เขาไม่คิดเผื่อเลยว่าหากเรื่องราวมันตาลปัตรกลับด้านจะเป็นเช่นไร

    100% 

    แนบรูป


    ชุดไอวี่


    เจ็ทสกี


    สปีทโบ้ท


    เรือยอร์ช

    (ไรท์เปลี่ยนเป็นแบบไม่มีใบด้านบน)


    ______________

    Talk:

    น่าตีอีพี่คิวม้ากกกก

    ปากทำบอกว่าทำเผื่อแผนการ

    แต่อะไรคือมานั่งคิดว่าตัวเองเริ่มลังเล

    ความจริงก็พอรู้ใจนะแต่ไม่อยากยอมรับ

    ง้อออออววว

    ______________

    Talk:

    ถ้าใครอยากรู้เหตุผล

    ที่พี่คิวมันเปลี่ยนมาหวานได้อย่างไร

    อีก 70% มีคำตอบค่ะ อิอิ

    _____________

    หากเจอคำผิดคำตกหล่น

    คำซ้ำคำขาดขออภัยค่ะ

    ''

    ""

    กดโหวต กดหัวใจ คอมเม้นต์ให้กำลังใจกันบ้างนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×