ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    3 | THE GUARD ღ หัวใจเสี่ยงรัก ϟ

    ลำดับตอนที่ #15 : EP [14] บรรยากาศเป็นเหตุหรือปฏิเสธหัวใจไม่ได้ ✓

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 64


     
     
       

    คิวไอวี่
    .
    .
    .

    EP [14]  บรรยากาศเป็นเหตุหรือปฏิเสธหัวใจไม่ได้

    ..


    ขออนุญาตลงผังความสัมพันธ์

    เอาไว้ด้านบนนะคะ เผื่อใครมองไม่ออก

    จะได้เลื่อนมาดูได้

    ปล. ตระกูลรองชื่อภรรยาเอกผิดค่ะ 

    ความจริงต้องชื่อ รานียา ค่ะ

    ____________________________


    “นาย..ทำไมนายต้องดีกับทุกคนยกเว้นฉันคนเดียวด้วย”

    ไอวี่พูดทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง เธอไม่ได้ร้องไห้แต่กำลังน้อยใจที่คิวให้เธอกลับมารอที่รถส่วนตัวเองนั้นหายไปกับแป้งหอม ระหว่างที่เธอนั่งรอเธอตัดเพ้อเขาในใจไปหลายรอบและด่าตัวเองที่ยอมอีกฝ่ายง่ายๆ แต่ก็ทำได้แค่นั้นเพราะเธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเรียกร้องหรือหึงหวงได้

    แต่ถึงจะพูดตัดเพ้อไปไอวี่ก็อดดีใจไม่ได้ เธอนึกว่าจะต้องรอคิวนานเป็นชั่วโมงกว่าเขาจะทำธุระที่บอกเสร็จแต่กลายเป็นว่าคิวใช้เวลาเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น

    “ขึ้นรถ”

    ไอวี่เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ยืนเปิดประตูรถให้ เธอเม้มปากอย่างขัดใจที่เขาเมินคำพูดของเธอ ไอวี่ไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด เอาเป็นว่าเธอไม่อาละวาดแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ต้องการคำตอบ

    “ตอบมาก่อน ทำไมนายจะต้องซื้อของให้แป้งเน่าด้วย มันไม่ใช่หน้าที่ของนายนี่” ไอวี่นิ่งไปพักหนึ่ง “หรือว่านายชอบยัยนั่น?”

    คิวมองใบหน้าสวยก่อนจะถอนหายใจออกมา

    “ไม่ได้ชอบ” 

    ไอวี่ฟังคำตอบด้วยหัวใจที่ลิงโลดไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา ถึงหน้าเธอจะแปลกๆ ก็เถอะ

    “ตอบคำถามให้หมดสิ ไม่ได้ชอบแล้วซื้อของกินให้ยัยนั่นทำไม ไม่รู้เหรอมันเหมือนกับให้ความหวัง..”  

    “เพื่อนที่รับผิดชอบดูแลเขามีธุระฉันถึงต้องซื้อของไปให้”

    คิวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางจ้องมองหญิงสาวไปด้วย และคงเป็นเพราะคำตอบที่อีกฝ่ายต้องการเป็นไปตามความต้องการดวงตากวางที่ก่อนหน้านี้ขุ่นมัวก็เริ่มสดใสขึ้น 

    “แค่นั้นเหรอ” ไอวี่ถามย้ำ

    “ความจริงมันก็ไม่ใช่ธุระที่จะไปทำตั้งแต่แรก” คิวนั่งลงก่อนจะจ้องมองดวงตาที่เผยความกังวลออกมาด้วยความรู้สึกบางอย่าง

    “ฉันแค่จะไปยื่นใบขออนุญาตพารุ่นน้องไปออกค่ายก็เท่านั้น”

    ไม่รู้ว่าหงุดหงิดหรือรำคาญที่จะต้องมานั่งฟังคำตัดเพ้อหรือเห็นสายตาวิงวอนหรือเพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งๆ นั้นมันผลักดันให้คิวบอกเหตุผลที่แท้จริงออกไป

    ไอวี่ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมา ความรู้สึกด้านลบก่อนหน้านี้พลันหายไปทั้งหมด ที่คิวพูดมานั้นเธอจับใจความได้แค่ประเด็นสำคัญก็คือ เพื่อนไหว้วานขอร้องให้คิวซื้อของไปให้รุ่นน้องคณะวิศวะที่ประกวดดาวเดือน และคิวจะมายื่นเรื่องขออนุญาตพารุ่นน้องออกค่ายจึงไม่ปฏิเสธ

    “ทำไมนายไม่บอกฉันตั้งแต่แรกล่ะ” ปล่อยให้เธอตัดพ้อคิดน้อยใจอยู่คนเดียวไปไกลจนถึงดาวเนปจูนแล้วเนี่ย

    “ก็เธอไม่ถาม” ไอวี่ชะงักไป เพราะก่อนหน้านี้เธอตัดสินใจที่จะไม่ถามเขาเองจริงๆ 

    “ขึ้นรถได้แล้วฉันมีที่ที่จะต้องไปอีก”

    “นายจะไปไหนอีก” ในขณะที่ไอวี่เข้ามานั่งด้านในแล้วคาดเบลท์เรียบร้อยแล้วจึงหันไปถามคิวที่นั่งฝั่งคนขับด้วยความสงสัย

    “ไปถึงก็รู้เอง” คิวตอบสั้นๆ แล้วขับรถออกจากมหาลัย มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกอย่างจังหวัดชลบุรีทันที



    ผ่านไป 2 ชั่วโมง รถสปอร์ตคันสีดำคันหรูก็ขับเข้ามาจอดเทียบด้านในส่วนของบ้านพัก VIP ด้านหลังโรงแรม Infinity I Resort and Hotel (อินฟินิตี้ ไอ รีสอร์ตแอนด์โฮเทล) ที่เป็นโรงแรมในเครือหงส์กรุ้ป ซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าของโรงแรมห้าดาวแห่งนี้ก็คือไอวี่ อุรัสยา หงส์ฤดีเกียร์ติกุล

    คิวดับเครื่องรถสปอร์ตแล้วหันไปมองไอวี่ที่นอนหลับไปตั้งแต่ขับรถออกมาจากมหาลัยได้เพียงแค่สี่สิบนาทีเท่านั้น คิวไม่ได้ปลุกอีกฝ่ายให้ตื่นขึ้นมาแต่กลับเปิดประตูรถออกไปแล้วเดินอ้อมไปอีกด้านเพื่อปลดสายเบลท์ออกช้อนตัวของไอวี่ขึ้นมาแทนจากนั้นก็ให้ทิมนำทางไปยังห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ทันที  

    ในบ้านพัก VIP นี้เป็นเขตส่วนตัวที่ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามานอกเสียจากพนักงานทำความสะอาดที่เข้ามาได้เพียงอาทิตย์ละครั้ง ดังนั้นตอนนี้ภายในและบริเวณรอบๆ บ้านพักจึงมีบอดี้การ์ดเกือบยี่สิบชีวิตที่คอยประจำการอยู่ และในบรรดาบอดี้การ์ดมีเพียงทิมและเมืองสิงห์เท่านั้นที่ขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านพักได้

    เมื่อคิวอุ้มไอวี่เข้ามาในห้องก็ค่อยๆ วางไอวี่ลงบนเตียงนุ่มอย่างเบามือก่อนจะยืนมองหญิงสาวอยู่แบบนั้นเพียงครู่เดียวแล้วจึงเดินออกไป

    ทิมเดินตามผู้เป็นนายออกมาสมทบกับเมืองสิงห์ที่ยืนรออยู่กลางห้องโถงของบ้านพักแล้ววางแฟ้มจำนวนหนึ่งลงบนโต๊ะด้านหน้า

    “นายจะพักก่อนหรือเปล่าครับ” เมื่อเห็นว่าร่างสูงดูเหนื่อยจากการขับรถมาที่นี่ด้วยตนเองจึงถามขึ้น เขาเป็นห่วงเจ้านายไม่น้อยและรู้สึกผิดที่ไม่ยอมห้ามร่างสูงที่คิดจะขับรถมาเองแล้วให้พวกเขามารอที่นี่

    “ไม่เป็นไรเข้าเรื่องเลย” คิวนวดระหว่างหัวคิ้วก่อนจะยกน้ำเย็นที่ลูกน้องยกมาให้ขึ้นดื่ม “เรื่องมือปืนที่ให้ไปสืบเพิ่มได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง”

    คิวถามขึ้น ความจริงเขารู้ตัวการนานแล้วแต่ต้องการยืดเวลาเล่นละครเป็นคนไม่รู้ต่อไป

    “..เป็นฝีมือของคนในตระกูลรองครับและยังเป็นคนเดียวกับที่บงการอยู่เบื้องหลังความปั่นป่วนบริษัท IV Diamon and Jewelry ด้วยครับ”

    ทิมยื่นข้อมูลที่รวบรวมมาให้กับเจ้านาย ซึ่งแบ่งออกเป็นสองชุดใหญ่ๆ ชุดแรกเป็นข้อมูลเกี่ยวกับนักฆ่าที่เก็บศพมาตรวจสอบ อีกหนึ่งชุดคือความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาของบริษัทที่ถูกกลั่นแกล้ง

    กลับมาที่ข้อมูลชุดแรก ทิมให้หน่วยกรองข้อมูลแสกนหน้าและลายนิ้วมือจนได้ข้อมูลส่วนตัวของแต่ละคนมาอีกทั้งยังใช้โปรแกรมค้นหาสถานที่ที่คนพวกนี้นิยมไปมาด้วย และเพราะการสืบเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะปัญหาจากการตรวจสอบต้องใช้เวลาเพราะแต่ละคนระวังตัวเป็นอย่างมาก 

    ทว่าถึงจะระวังกันอย่างไรทางทีมสืบก็ยังหาช่องทางที่พวกมันทำพลาดได้อยู่ดี

    และนั่นจึงทำให้ทิมได้ข้อมูลคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดมา

    ข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือคนจากตระกูลรอง...

    นอกจากตระกูลหลักที่มีนายท่านไอศวรรย์เป็นผู้นำตระกูลก็ยังมีตระกูลสายรองด้วยเช่นกัน หากจะให้พูดถึงประวัติของตระกูลที่ยิ่งใหญ่นี้ก็คงจะใช้เวลาหลายวันกว่าจะพูดจบ และถ้าหากให้ทิมจัดหาข้อมูลก็คงได้เป็นร้อยแผ่น ดังนั้นเขาก็เลยสรุปข้อมูลแบบย่อๆ ให้กับเจ้านายหน้านิ่งเพื่อที่จะได้รวดเร็วและง่ายต่อการคิดแผนการแทน

    ผู้นำตระกูลหงส์ฤดีเกียร์ติกุลคนแรกชื่อว่า ไอยเรศ แต่งงานกับภรรยาเอกซึ่งก็คือท่านหญิง นรินทิพย์ ทั้งสองคนแต่งงานแล้วมีบุตรชายหนึ่งคนนั่นก็คือ ไอยศวรรย์ และเมื่อไอศวรรย์โตขึ้นก็ได้แต่งงานกับ บุษราคัมแล้วมีลูกชายสามคนด้วยกันนั่นก็คือ ดนัย ณรงค์ศักดิ์ และไอยสิงห์ ลูกทั้งสามคนแต่งงานกันทั้งหมด ปัจจุบันเป็นผู้นำตระกูลสายหลักที่อยู่เหนือเหล่าผู้คนในหงส์ฤดีเกียร์ติกุล

    ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ช่วงเวลาเดียวกันนั้นไอยเรศยังมีภรรยาน้อยเพิ่มเข้ามาหนึ่งคน ซึ่งภรรยาน้อยคนนี้เคยเป็นคนดูแลรับใช้นรินทิพย์มาก่อน เธอมีชื่อว่า เกศรา ซึ่งเกศรานั้นหัวสูงหวังจับไอยเรศเพื่อความสุขสบายจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อจนไอยเรศหลงกลขึ้นเตียงด้วย 

    ไอยเรศและเกศรามีลูกด้วยกันหนึ่งคนชื่อว่า ไอยกูรย์ ซึ่งมีอายุห่างจาก ไอยศวรรย์ประมาณ 1 ปี  เมื่อไอยกูรย์เติบโตขึ้นก็แต่งงานกับภรรยาที่ชื่อว่า รานียาที่เป็นลูกสาวของตระกูลมหาเศรษฐีอันดับสี่ของประเทศมีลูกด้วยกันสองคน คนแรกเป็นผู้ชายชื่อ อัยการคนที่สองเป็นผู้หญิงชื่อว่า อินทิรา

    ทว่าไอยกูรย์ยังไม่พอใจคิดหาหนทางให้อยู่สูงกว่าตระกูลหลักหรือไม่ก็ต้องการเทียบเท่าตระกูลหลักให้ได้จึงคิดมีภรรยาเพิ่มอีกหนึ่งคนนั่นก็คือ มารศรีลูกสาวของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อันดับที่สองของประเทศ ซึ่งไอยกูรย์กับภรรยาน้อยคนนี้ก็มีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนชื่อว่า องศา

    ทิมมองเจ้านายที่นั่งมองข้อมูลชุดแรกด้วยท่าทางนิ่งเงียบ จากที่เคยรับใช้ข้างกายคนๆ นี้มาทิมเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายจะต้องกำลังหาทางจัดการกับเรื่องนี้อยู่เป็นแน่ เพราะว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเหล่านี้คือคนของตระกูลรองอีกทั้งยังเป็นคนที่ได้จัดการยากอีกด้วย

    “ตอนนี้แค่รวบรวมหลักฐานและพยานเก็บเอาไว้ให้ได้มากที่สุดทั้งเรื่องนักฆ่าและหลักฐานในเรื่องปั่นป่วนยุแยง เพราะหากจะให้จัดการตอนนี้มันคงจะไหวตัวทันหนีไปแน่ ดังนั้นก็ทำทุกอย่างให้เงียบๆ เข้าไว้ ฉันจะจัดการหลังจากพาไอวี่เข้าไปพบผู้บริหารของโรงแรมในวันพรุ่งนี้”

    คิวพูดสั่งออกมา เพราะอย่างที่บอกคือคนๆ นี้จัดการไม่ได้ยากแต่ก็ไม่ได้ง่าย เขาจะต้องโทรไปขออนุญาตกับนายท่านไอศวรรย์เสียก่อน ถึงจะรู้ว่าจัดการได้ถึงขั้นไหน

    “อ่อ..ทำทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนวันงานครบรอบการก่อตั้งบริษัทใหญ่ที่ใกล้จะมาถึงนี้ด้วย”  

    “ครับนาย” ทิมพยายามจดจำคำสั่งของเจ้านาย เขาคิดว่าหลังแยกตัวออกไปคืนนี้ก็คงจะดำเนินการได้อย่างไม่มีปัญหา

    คิวหยิบเอกสารอีกหนึ่งชุดขึ้นมาอ่าน ตรวจสอบการแก้ไขปัญหาของเหล่าหัวหน้าแผนกที่เขาได้ให้คำแนะนำไป

    ทีมครีเอทีพดีไซน์ที่ภาพร่างถูกขโมยไป แก้ไขปัญหาโดยการเรียกทีมดีไซต์ปรับแก้ไขภาพร่างทุกภาพให้เป็นภาพไฟนอลแล้วส่งให้คิวตรวจ ก่อนหน้านี้คิวชี้จุดที่ต้องปรับแก้ไปหลายรอบ เมื่อปรับแก้ไขจนพอใจจึงได้แบบที่ต้องการของคอแลคชั่นนี้มา

    จากนั้นคิวให้ทิมจัดหาบริษัทที่นำเข้าโลหะนำตัวอย่างเนื้อโลหะมาให้ดูอย่างละเอียดเพราะสิ่งหนึ่งที่สำคัญเนื้อโลหะและ Texture ของลวดลายที่จะนำมาทำโครงสร้างของเส้นอัญมณีหรือเครื่องประดับอื่นๆ

    คิวใส่ใจทุกขั้นตอนเพราะตัวเพชรและอัญมณีก็มีมูลค่ามหาศาลจึงไม่สามารถทำแบบส่งๆ ไป เพราะมันต้องใช้ความประณีตพิถีพิถันในเรื่องความละเอียด ความงามและความเหมาะสมด้วยถึงจะเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้าได้

    หลังจากจัดการเรื่องตัวเพชรและอัญมณี รวมถึงโครงสร้างอื่นๆ ที่จะช่วยให้สินค้าดูดีขึ้นแล้วถึงจะไปขึ้นทะเบียนจดลิขสิทธิ์ให้เร็วที่สุด เพื่อที่ป้องกันไม่ให้คู่แข่งนำรูปแบบแรกเริ่มไปใช้ผลิตเป็นของตนเองได้

    และถ้าคู่แข่งยังดึงดันที่จะทำก็จะต้องเจอกับปัญหาการฟ้องร้องไม่มีที่สิ้นสุด เพราะทางบริษัทนี้มีการจดลิขสิทธิ์เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    “จัดตั้งทีมดูแลเปิดรับสมัครนายแบบนางแบบมาแคสติ้ง คอแล็คชั่นนี้จะมีการเปิดตัวที่แตกต่างออกไปจากเดิม”

    “นายจะจัดแฟชั่นโชว์สำหรับเครื่องเพชรและอัญมณีใช่ไหมครับ”

    “อืม” คิวตอบรับสั้นๆ ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อตนเองสองเม็ดด้านบนออกแล้วเอนหลังกับพนักพิงโซฟา

    ทิมถามเพราะรู้ใจเจ้านาย ดวงตาของทิมยังไม่ละไปจากสมุดในมือที่เริ่มเขียนแผนการคร่าวๆ ขึ้นมาแล้ว

    “จัดการเรื่องชุดให้เข้ากับเครื่องประดับ ช่างแต่งหน้า ส่งการ์ดเชิญและเลือกรายชื่อแขกในงาน ให้เรียบร้อยก่อนต้นเดือนหน้า อย่าให้มีปัญหา..อ่อ..สำหรับเพชรชุดสุดท้ายที่แพงที่สุดไม่ต้องหาคนมาสวม..”

    ทิมบันทึกสิ่งที่ผู้เป็นนายสั่งอย่างละเอียดแต่มือก็หยุดชะงักไปเมื่อได้ยินประโยคหลัง “นายจะพรีเซนต์แบบอื่นเหรอครับ?”

    “เปล่า..เตรียมคนแยกเอาไว้หนึ่งทีมก็พอ”

    ถึงทิมจะสงสัยแต่ก็ไม่ถามซอกแซกถึงความตั้งใจของเจ้านายตั้งหน้าตั้งตาจดรายละเอียดที่เหลือต่อทันที

    คิวเลิกสนใจประเด็นแรกไปยังปัญหาที่สองนั่นก็คือปัญหาจากงบประมาณและการเบิกเงินเกินจากฝ่ายบัญชี ดูจากเอกสารที่แนบมาก็รู้ได้ว่าหัวหน้าแผนกนี้จัดการกับปัญหาตามที่คิวแนะนำเป็นอย่างดี

    คิวสั่งตรวจการเงินและการเดินบัญชีของบริษัทย้อนหลัง 5 ปี ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายแบบใดล้วนสั่งให้ตรวจสอบทั้งหมดไม่มียกเว้น รอยยิ้มเย็นผุดขึ้นเมื่อไล่ดูเอกสารของแต่ละปีอย่างคร่าวๆ ถ้าคิวไม่สั่งตรวจสอบก็คงไม่รู้ว่าบริษัทนั้นสะเพร่าขาดจิตสำนึกในการทำงานกันมากเพียงใด

    ปัญหาที่หนักที่สุดก็คือค่าใช้จ่ายในการทำเครื่องประดับแต่ละโปรเจกต์ที่มีต้นทุนในการผลิตสูงแต่รูปแบบที่ทำไม่เป็นที่น่าสนใจอีกทั้งราคาที่ขายได้นั้นมากกว่าต้นทุนไม่กี่ล้าน

    เมื่อคิดถึงตรงนี้แววตาของคิวก็ขุ่นมัวขึ้น เพราะเดาได้ในทันทีว่าคนในบริษัทจะต้องรู้เห็นขายเครื่องเพชรในราคาต่ำกว่ามาตรฐานบางชิ้นก็ขายสูงกว่าราคาที่ตั้งไว้แล้วยักยอกเงินส่วนเกินนั้นเอง

    ปัญหาไม่ได้มีอยู่แค่นั้นเครื่องประดับบางคอแลกชันที่อยู่ในคลังก่อนที่คิวจะเข้ามาบริหารงานก็ยังคงขายไม่ออก ตอนแรกคิวไม่ได้คิดถึงส่วนนี้เพราะเห็นว่าเป็นโปรเจกต์ที่มีชื่อของไออุ่นเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ตอนนี้คิวจะไม่สนใจไม่ได้ เพราะถ้าหากจัดการทุกอย่างไม่ทันเวลามีหวังนายท่านของตระกูลหลักจะต้องผิดหวังเป็นแน่

    คิวสั่งทิมให้นัดประชุมทุกฝ่ายอีกครั้งโดยเฉพาะเน้นย้ำผู้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาโดยตรงไม่ว่าจะเป็นทีมเซลล์ ทีมทำเครื่องประดับ รายชื่อผู้เบิกถอนเงินในส่วนที่ผิดปรกติ คิวจะไม่สั่งการให้ทิมทำแต่จะไปเค้นคอด้วยตนเอง หากใครไม่หวังดีต่อบริษัทวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้ทำงานที่นั่น

    “แล้วเรื่องการเบิกเงินภายใต้ชื่อของคุณไออุ่นล่ะครับนาย”

    ทิมถามขึ้นมาเพราะไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้ยังไง ถึงจะรู้ว่าคุณไออุ่นไม่ได้เป็นคนเบิกด้วยตนเองแต่เป็น คนอื่นที่คุณไออุ่นไว้ใจก็ไปไม่ถูก

    คิวนิ่งไปพักหนึ่ง เพราะคิดหาวิธีจัดการกับ ปลิงที่เกาะติดหลังผู้อื่นให้พ้นทาง คิวจมกับความคิดเพราะตอนแรกคิดจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับไออุ่น เพราะถึงยังไงไออุ่นก็ไม่ได้อยู่ในความดูแลของคิวอย่างเต็มขั้น

    “สิงห์ ให้คนตาม นายตะวันอย่าให้คลาดสายตา ส่งคนไปสืบเบื้องหลังผู้ชายคนนี้ด้วย ได้เรื่องยังไงก็ค่อยมารายงาน”

    ถ้าจัดการตรงๆ ไม่ได้ก็ใช้ทางอ้อมเอา

    ตะวันคือคนรักของไออุ่น ซึ่งดูจากความไว้ใจที่ไออุ่นให้ตะวันรับผิดชอบงานทุกอย่างของตนเองไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องเงินทองก็พอเดาได้ว่าคงจะรักผู้ชายคนนี้มาก ฉะนั้นคิวต้องทำทุกอย่างให้รอบคอบ

     

    ปัญหาเรื่องพนักงานถูกก่อกวนปองร้ายคิวให้เมืองสิงห์ไปจัดการหาตัวคนร้ายแล้ว หลังจากที่เค้นข้อมูลเต็มที่แล้วพวกมันก็ถูกส่งไปนอนกองกันอยู่ข้างๆ ร่างไร้วิญญาณของพวกนักฆ่าที่ถูกสั่งมาจัดการคุณหนูของคฤหาสน์เรือนแก้วเรียบร้อยแล้ว

    และปัญหาสุดท้ายเรื่องพนักงานที่ลาออกไปนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขโมยข้อมูลไปให้บริษัทคู่แข่ง คิวให้คนสืบประวัติโดยละเอียดแล้วก็พบว่าหนึ่งในสองพนักงานนั้นทำเพื่อเงินส่วนอีกสองคนนั้นตั้งใจจะเข้ามาเก็บข้อมูลอยู่ก่อนแล้วอีกทั้งทั้งสองคนก็เคยนำข้อมูลของบริษัทไปขายให้คนอื่นด้วย คิวสั่งให้คนเก็บบันทึกหลักฐานต่างๆ เพื่อใช้ในการดำเนินคดีต่อไป

       เมื่อจัดการกับปัญหาในบริษัท IV Diamon and Jewelry เสร็จคิวก็จัดการงานในส่วนของคาสิโนและงานอีกสองบริษัทต่อ     

    “นี่คือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการขยายพื้นที่รีสอร์ตครับ จากที่คุณคิวพูดไว้ในที่ประชุมครั้งก่อนผมก็ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งวันพรุ่งนี้เป็นวันที่เปิดรับพิจารณาให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างมาเสนอแผนงานและดีไซน์อยู่ครับ..”

    ทิมบอกถึงแผนงานของวันพรุ่งนี้แก่เจ้านาย ตอนแรกคิดจะให้เจ้านายพักก่อนแต่ว่าด้วยความที่วันพรุ่งนี้เป็นวันที่จะต้องประชุมเรื่องรูปแบบรีสอร์ตที่ขยายออกไปจึงต้องขอคำตอบภายในวันนี้ให้ได้ เพราะทิมจะได้จัดการได้ถูกต้อง

    “ตารางนัดหมายเป็นยังไง”

    “ประมาณสิบโมงเช้าครับ หลังจากนั้นมีเวลา 2 ชั่วโมงในการพักผ่อนแล้วตอนบ่ายโบงก็มีประชุมภายในอีกเล็กน้อยครับ”

    ทิมรายงานตารางงานของเจ้านายอย่างไม่บกพร่อง รู้สึกทึ่งและชื่นชมอีกฝ่ายในใจที่อายุเพียงเท่านี้ก็รับผิดชอบบริษัทใหญ่ๆ ได้ถึงสามบริษัท อีกทั้งเป็นคนคุมคาสิโนสาขาใหญ่อีกต่างหาก ถึงแม้ว่าคิวจะอายุน้อยกว่าทิมแต่ทิมก็รู้สึกเคารพอีกฝ่ายไม่น้อย

    “อืมรู้แล้ว ไปพักผ่อนกันเถอะ..เดี๋ยว..พรุ่งนี้ให้คนเตรียมชุดให้กับคุณหนูไอวี่ด้วย ฉันจะพาเข้าไปแนะนำกับทุกคนในฐานะเจ้าของที่แท้จริง”

    “ได้ครับ” ทิมรับคำก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเมืองสิงห์

    เมื่อไม่มีใครอยู่แล้วคิวก็ลุกขึ้นเดินไปด้านบนในส่วนที่เป็นห้องพักของตน อาจเพราะวันนี้มันยาวนานเกินกว่าที่จะรับอะไรใส่สมองได้อีกจึงคิดถึงเตียงนุ่มมากเป็นพิเศษ ทว่าก่อนจะเข้าห้องของตนเองคิวเดินไปดูไอวี่ก่อนอีกหนึ่งรอบ และเมื่อเข้ามาในห้องก็ต้องหยุดนิ่งมองคนที่ขมวดตัวเป็นก้อนโดยที่ผ้าห่มนั้นล่นลงไปอยู่ตรงปลายเท้า

    คิวยืนทื่ออยู่กับที่ ยิ่งมองยิ่งขัดใจแต่ก็ไม่ได้ขยับเข้าไปจัดการกับผ้าห่มแต่ยังคงมองว่าเมื่อไรอีกฝ่ายจะรู้สึกตัวแล้วควานหาผ้าห่มไปห่มเอง

     คิ้วเข้มเริ่มขมวดเป็นปมเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนอนกระสับกระส่ายคล้ายกับถูกฝันร้ายเล่นงานอีกทั้งละเมอเพ้อพูดอะไรบางอย่างที่คิวฟังไม่เข้าใจ คิวตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้เพื่อฟังทว่าวินาทีที่โน้มตัวลงไปนั้นก็โดนมือสวยเอื้อมคว้าจับดึงเข้าหาตัว

    คิวล้มลงไปแต่ก็ไม่ได้ทิ้งแรงทั้งหมด กลับกันแขนแกร่งที่หมั่นออกกำลังกายจนมีกล้ามสุขภาพดีค้ำยันตัวเองไว้กับเตียง จึงเป็นเหตุให้ตอนนี้คิวอยู่ในท่าคล่อมหญิงสาวเอาไว้

    “พ่อ..แม่..อย่า อย่า”

    “...”

    เมื่อได้ยินคำละเมอดวงตาของคิวก็มืดครึ้มเหมือนกับเมฆฝน คิวไม่ขยับตัวเองเพราะกำลังคิดบางสิ่งอยู่ในหัว ผ่านไปประมาณสามนาทีคิวก็ตัดสินใจได้ ผ่อนแรงแขนแล้วเอี้ยวตัวลงไปนอนด้านข้างหญิงสาวแทน

    ไอวี่ที่หลับไม่รู้เรื่องเมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นก็โผลเข้ากอดซุกใบหน้าเข้าไปตรงพื้นที่ที่เธอรู้สึกสบาย ยิ่งซุกก็ยิ่งทำให้รู้สึกดี เหมือนกับก่อนหน้านี้มีเมฆครึ้มอยู่ในดวงใจทำยังไงก็ไม่ยอมหาย แต่ตอนนี้คล้ายกับมีลมห่าใหญ่พัดพาความรู้สึกด้านลบนั้นออกไปจนหมดแล้ว คล้ายกับได้รับความอบอุ่นจากใครบางคน

    คิดได้แบบนั้นรอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้า เธอจินตนาการเอาว่าสิ่งที่อบอุ่นนี้คืออ้อมกอดของคนที่เธอรักก็ทำให้มีความสุข ถึงแม้ว่ากำลังฝันอยู่ เธอไม่รู้ว่าตอนนี้มันคืออะไรรู้อย่างเดียวคือเธอสบายใจ และชอบกลิ่นที่เย็นสบายแบบนี้เอาเสียมากๆ

    ถ้าตอนนี้เธอฝันอยู่เธอไม่อยากตื่นจากความฝันนี้เลย

    (ต่อ)

    ..

    เข้าสู่วันใหม่ ร่างกายระหงที่นอนเต็มอิ่มมาหลายชั่วโมงก็พลันรู้สึกตัวนอนขยับบิดตัวไล่ความเมื่อยขบเหมือนกับทุกๆ วัน จากนั้นก็หันกลับไปนอนหนุนกอดก่ายหมอนที่แสนอบอุ่นอีกครั้ง

    หลังจากที่ซุกหน้าเข้ากับหมอนแข็งแต่อบอุ่นอยู่นานไอวี่ก็รู้สึกได้ถึงความแปลกที่แตกต่างจึงใช้มือลูบคลำไม่หยุด อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมเย็นๆ ที่แสนคุ้นเคยโชยเข้าจมูกอย่างต่อเนื่องทำเอาเธอต้องเบิกตาโพลง

    ภาพแรกที่ไอวี่เห็นคือแผ่นอกเปล่าเปลือยของใครบางคนเด่นสู้สายตา เธอมองก้อนเนื้อแข็งแรงตรงหน้าพยายามนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้า

    เมื่อวานเธอนั่งรถไปกับคิวนี่..แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงนอนบนเตียงนุ่มนี่ได้ แล้วตอนนี้เธอนอนอยู่กับใครกัน?

    “ตื่นแล้วก็ลุก” เสียงเข้มพูดขึ้นทำเอาไอวี่ดีดตัวผงะถอย ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เธอกำลังนอนกอดก่ายอยู่

    “คิว?!

    ไอวี่มองคิวที่ลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียงแล้วใช้มือแกร่งเช็ดแผงอกอันอุดมสมบูรณ์แล้วหันมามองเธอ

    “อ อะไร มองฉันแบบนั้นทำไม”

    ไอวี่ตะกุกตะกัก เธออายที่มานอนกอดก่ายเขาแบบนี้ แต่ในใจก็คิดทบทวนไม่หยุดว่าเธอกับเขามานอนเตียงเดียวกันได้อย่างไร อีกทั้งคิวก็เปลือยท่อนบนด้วย..พอคิดถึงตรงนี้ไอวี่รีบสำรวจร่างกายตนเองทันที และเมื่อเห็นว่าทุกอย่างปรกติจึงรู้สึกแปลกๆ

    นี่เธออยากให้มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ!

    คิวคล้ายกับกำลังด่าเธอด้วยสายตา เพราะสิ่งเหนียวใสที่เขาเช็ดออกจากหน้าอกนั่นน่าจะเป็น..น้ำลาย?

    ไอวี่รีบเช็ดมุมปากทันทีที่รู้สาเหตุการมองแรงของอีกฝ่าย

    “เกิดอะไรขึ้น ทำไมนายถึงมานอน..เตียงเดียวกับฉัน? แล้วนี่เราอยู่ที่ไหนมันไม่ใช่ห้องของฉันกับนายนี่”

    “เธอจำไม่ได้?”

    ไอวี่ขมวดคิ้วยุ่งเมื่อได้ยินเสียงเข้มพูดอย่างนั้นออกมา

     เธอก็ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์สักหยดคงไม่ได้สร้างความลำบากอะไรให้กับคิวแน่ แล้วที่อีกฝ่ายพูดมันหมายความว่ายังไง?

    “นายบอกมาเลยเถอะว่าฉันทำอะไร”

    “ช่างเถอะ” คิวตัดบทก่อนจะลุกขึ้นหยิบเสื้อแล้วเดินออกจากห้องนอนของหญิงสาวโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก

    ไอวี่กระพริบตาปริบๆ เหมือนเธอจะพลาดอะไรไปแล้วไอ้คนที่รู้ว่าเธอพลาดอะไรไปก็ไม่พูดอีกทั้งยังเดินหนีไปแล้วด้วย

    ไอวี่นั่งงงอยู่เพียงครู่เดียวทิมก็เข้ามาพร้อมกับผู้หญิงอีกสองคน

    เธอมองทิมเพื่อให้ลูกน้องคนนี้อธิบายสถานการณ์ในตอนนี้

    “อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนู ตอนนี้คุณหนูอยู่ที่บ้านพัก VIP ของโรงแรม Infinity I Resort and Hotel ที่คุณหนูเป็นเจ้าของในเขตชลบุรีครับ”

    ทิมที่มาพร้อมกับชุดสูตรสีดำเหมือนปรกติรายงานไอวี่ ก่อนจะพูดถึงจุดประสงค์ที่คุณคิวและคุณหนูของตนต้องมาที่นี่

    “คุณคิวต้องมาจัดการเรื่องการขยายเขตโรงแรมและเข้าประชุมสำคัญก็เลยให้ผมจัดหาชุดให้คุณหนูใส่เพื่อเข้าประชุมด้วยครับ”

    “ให้ฉันเข้าประชุมด้วย?”

    “ครับ คุณคิวบอกว่าไหนๆ คุณหนูก็มาด้วยแล้วก็เลยจะพาไปแนะนำกับทุกคนว่าคุณหนูเป็นเจ้าของที่แท้จริงครับ”

    “แต่วันนี้ฉันมีเรียน” ทิมแปลกใจเล็กน้อยที่คุณหนูของตนใส่ใจกับการเรียนมากกว่าคุณคิวที่ชอบตามติด

    “คุณคิวให้ผมโทรลาอาจารย์ประจำวิชาของวันนี้ให้แล้วครับ”

    “เหอะ เขาว่ายังไงก็ตามนั้น” ไอวี่ไหวไหล่เพราะคิวจัดการทุกอย่างให้แล้วก็เลยไม่ได้สนใจเท่าไรนัก “พวกพี่สองคนไม่ต้องรอฉันหรอก ทิ้งเสื้อผ้าทั้ง 2 ราวเอาไว้แล้วจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ”

    ไอวี่พูดแกมไล่เพราะเธออยากจะนอนอีกสักพักหนึ่ง

    ทิมให้หญิงสาวทั้งสองคนออกไปก่อนจะเดินเข้ามายื่นแฟ้มสีดำให้กับคุณหนูของตน

    “คุณคิวให้ผมเอารายละเอียดคราวๆ ของงานวันนี้ให้คุณหนูได้อ่านทำความเข้าใจก่อนและถ้าหากไม่เข้าใจหรือสงสัยอะไรคุณหนูสามารถสอบถามผมได้เลยครับ”

    “นายออกไปรอด้านนอกเถอะถ้ามีอะไรฉันจะเรียกอีกทีก็แล้วกัน”

    ทิมโค้งตัวรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไป ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวพ้นผ่านประตูเสียงใสๆ ของคุณหนูก็เรียกเขาเอาไว้ก่อน

    “ทิมฉันลืมถามนายเรื่องหนึ่ง” ไอวี่ลังเลที่จะพูด “เมื่อวานฉันหลับแล้วใครเป็นคนพาฉันขึ้นมานอนในห้อง นายหรือเมืองสิงห์?”

    “เปล่าครับคุณคิวเป็นคนอุ้มคุณหนูขึ้นมานอนบนห้องเองครับ”

    ไอวี่ตัวแข็งไปแล้ว ในหัวมีแต่คำว่า คิวอุ้มเธอ! คิวอุ้มเธอ! เต็มไปหมด อย่าหาว่าเธอเว่อร์เลยคิวไม่ค่อยอยากจะแตะตัวหรืออยู่ใกล้เธอเท่าไรนัก แล้วนี่อีกฝ่ายอุ้มเธอตอนหลับพาขึ้นมาด้านบนเนี่ยนะ..

    ไม่อ่อนโยนต่อหัวใจเลย..

    ไอวี่เก็บสีหน้าปริ่มสุขเอาไว้และถามอีกหนึ่งคำถามทันที

    “แล้วที่นี่มีห้องนอนกี่ห้อง”

    “บ้านพัก VIP นี้มีทั้งหมด 5 ห้องนอนครับ ด้านล่างมีโซนครัวไทยผสมครัวอังกฤษ มีห้องฟิตเนส 1 ห้อง และมีห้องทำงานอีก 1 ห้องครับ ว่าแต่คุณหนูถามทำไมเหรอครับหรืออยากจะใช้ห้องไหนเป็นพิเศษ?”

    ไอวี่ตัวแข็งไปแล้ว เธอโบกมือไล่ทิมอีกครั้ง พอเห็นว่าทิมออกไปแล้วก็กลับมานอนซุกหน้าเข้ากับหมอนใบใหญ่ ถ้ามีหลายห้องแล้วคิวมานอนห้องเดียวกับเธอได้ยังไงล่ะ! แถมเธอก็นอนกอดิวทั้งคืนอีก!

    ไอวี่พยายามข่มอารมณ์ความรู้สึกแต่มันไม่สามารถทำได้อีกทั้งใบหน้าเธอก็แสดงออกถึงความสุขออกมาจนล้นปริ

    ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงไอวี่ก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย สาเหตุที่เธอใช้เวลานานกว่าปรกติก็เพราะเพ้อเจ้อเรื่องของคิวและใช้เวลาเลือกชุดที่ดีที่สุดใน 2 ราวที่เข้ากับเธอ และยังต้องแต่งหน้าอีกใช้เวลาไปเท่านี้ก็ถือว่าเทพแล้วจริงๆ

    เธอเดินมานั่งอ่านเอกสารที่ทิมให้เอาไว้ที่โซฟาตัวเล็กตรงมุมห้อง จากที่เธอได้อ่านแฟ้มที่ทิมเอามาให้มันเป็นข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมแห่งนี้ มีทั้งประวัติความเป็นมา แปลนเนื้อที่ โครงสร้างโรงแรม รูปภาพคร่าวๆ ในแต่ละโซนและก็มีคำอธิบายว่าโรงแรมนี้มีบริการเสริมอะไรบ้าง

    Infinity I Resort and Hotel เป็นโรงแรมที่คุณพ่อของเธอเป็นคนสร้างขึ้นมา โดยจะมีอยู่ 5 สาขาทั่วประเทศ นั่นก็คือ สาขากรุงเทพฯ อยู่ในความดูแลของไอริณ สาขาเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน อยู่ในความดูแลของไอสูรย์ สาขาพัทยา อยู่ในความดูแลของไอวี่ และสาขาภูเก็ต อยู่ในความดูแลของไออุ่น

    อาจเพราะวันนี้ไอวี่อารมณ์ดีมากเป็นพิเศษจึงตั้งใจอ่านข้อมูลและจดจำให้ได้มากที่สุด เพราะเธออยากให้คิวเห็นด้านที่ตั้งใจของเธอ

    “คุณคิวรอทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารครับ”

    ทิมรายงานคุณหนูของตนเองทันทีที่เห็นร่างระหงออกมาจากห้อง ก่อนจะเดินตามคุณหนูลงไปด้านล่างแล้วไปยืนรวมกับเมืองสิงห์แล้วปล่อยให้เป็นเวลาเจ้านายทั้งสองคนแทน

    ระหว่างมื้ออาหารมีแต่ความเงียบ ไอวี่ไม่กล้าสบตาหรือพูดอะไรขึ้นก่อน อาจเพราะเธอจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ก็เลยไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป จึงทำให้ไม่กล้าที่จะเริ่มประโยคกับอีกฝ่ายก่อน ทว่าถึงเธอไม่เริ่มก็ไม่ใช่ว่าคิวจะไม่เริ่มเสียเมื่อไร

    “เธออ่านข้อมูลที่ทิมเอาไปให้หรือยัง”

    “อ่านแล้ว” ไอวี่สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าขึ้นลง 

    “อ่านแล้ว?” คิวเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรู้ว่าวันนี้จะมีประชุมเรื่องอะไรบ้าง”

    “ก็มีเรื่องขยายพื้นที่ของตัวโรงแรม เรื่องซ่อมบำรุงบ้านพักในส่วนของรีสอร์ต เรื่องเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ชุดเซ็ตในห้องน้ำ เรื่องเสนอจัดกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบริเวณหน้ารีสอร์ตติดชายหาด..”

    ไอวี่ทำท่าคิดอีกพักหนึ่งก็ยิ้มกว้างออกมาคล้ายกับเด็กน้อยที่เพิ่งจะรู้คำตอบของวิชาที่ยากๆ

    “อ้อ! มีเรื่องที่จะเพิ่มช่องทางจัดทัวร์ให้กับแขกที่พัก และจะต้องดีลกับบริษัทรถ เรือ และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญด้วย แต่ฉันว่ากิจกรรมทางบกอย่างเดียวมันก็น่าเบื่อนะน่าจะมีกิจกรรมทางน้ำด้วย พาไปดำน้ำ ล่องเรือชมดวงอาทิตย์ตกอะไรแบบนี้คนคงชอบมาก”

    “...ฉันว่ามีอีกอย่างที่น่าสนใจนะ ทำไมโรงแรมไม่จัดโซนสำหรับเด็กด้วยล่ะ ยังไงเราก็มีสระน้ำของเด็กนี่ แบบมีพวกบ้านลม มีลูกบอล มีพวกปลาปลอม ห่วงยางรูปสัตว์อะไรแบบนี้ ฉันว่ามันน่าจะดึงดูดลูกค้าที่มาแบบกลุ่มครอบครัวด้วยนะ”

    ไอวี่ยิ้มกว้างออกมาเมื่อวาดภาพสิ่งที่ตัวเองพูด รู้สึกตื่นเต้นที่จะปรับปรุงสิ่งที่เป็นระเบียบเรียบร้อยให้ดูมีสีสันขึ้นมา ทว่าพอคิดว่าตัวเองมโนไปไกลก็เลยกลับมามองใบหน้านิ่งๆ ของคนที่เธอชอบ เธอทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมองเธอด้วยสายตาที่ไม่คุ้นเคย

    “อ อะไรล่ะ ขอโทษละกันที่ฉันมันเพ้อเจ้ออย่าจริงจังนักเลย”

    “...” คิวไม่ได้ตอบอะไรไอวี่เพียงแต่เรียกทิมให้เข้ามา

    “ฟังอยู่รึเปล่า จดที่คุณหนูบอกแล้วร่างเอกสารให้ทันก่อนบ่ายนี้”

    “ครับนาย” ทิมรับคำเพราะตนเองได้ยินเรื่องที่เจ้านายพูดทั้งหมด

    “ส่วนเรื่องที่นัดกับบริษัทก่อสร้างเอาไว้ตอนสี่โมงก็ให้เมืองสิงห์จัดการแทน” คิวสั่งลูกน้อง จนทั้งสองเดินออกไปจึงย้ายสายตามามองไอวี่

    “เอาจริงเหรอ?”

    “อืม เตรียมตัวพูดเรื่องที่เธอคิดด้วยล่ะ”

    “เห้ยไม่เอาอ่ะฉันไม่พร้อม ฉันแค่คิดเล่นๆ เองนะ”

    ไอวี่กระวนกระวายเพราะเธอไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจภายใต้ชื่อของตัวเองเลยสักครั้ง ทุกครั้งเป็นคิวที่จัดการให้ทั้งหมด แต่ตอนนี้คิวจะให้เธอเข้าประชุมยังพอได้ เพราะเธอแค่คิดจะไปนั่งฟังเฉยๆ แต่นี่เขาคิดจะให้เธอไปพูดเกี่ยวกับแนวคิดที่เผลอพูดไปเนี่ยนะ?

    “เธอทำได้อยู่แล้ว”

    ไอวี่นิ่งอึ้งเมื่อได้ฟังคำพูดของคิว ไม่ใช่แค่คำพูดนะสายตาที่มองมาเหมือนกับเชื่อมั่นในตัวเธอขนาดนั้น จะให้เธอปฏิเสธเขาเหรอ?

    “อือ..นายต้องคอยช่วยฉันนะ”

    ไม่เคยปฏิเสธได้..ไม่เคยชนะคิวได้เลยจริงๆ


    100%

    ................

    ด้วยความที่ตอนนี้ยาวเกินไป

    ขอตัดส่วนที่สปอยไปไว้ตอนหน้าค่ะ

    ................

    เขียนแล้วลงเลย 

    หากมีคำผิด ตกหล่น คำซ้ำ ขออภัย

    .................

    Talk: 2

    ใจเย็นๆ น้าทุกคนไรท์ไม่ได้หายไปไหนอีก

    แต่ที่ช้าก็เพราะไรท์ก็นั่งคิดนั่งเขียนนิยายอยู่

    เนี่ยล่ะจ้า ทำแผนผังนานม้ากกก

    แจ้ง > 

    นิยายเรื่องนี้เหลืออีก 50-60 ตอนจบค่ะ

    (ไม่ได้ล้อเล่นพอร์ตจบที่ 60 จริมๆ)

    b [= x = ]d  !!

    ..................

    Talk: 1

    ตอนนี้พี่คิวมันเริ่มขุดหลุมฝังแล้วค่ะ

    ต่อไปจะเพิ่มเลเวลความร้ายกาจ

    ล่อลวงไอวี่ให้ติดกับยิ่งกว่าเดิม

    เห้อ..

    พอคิดถึงอนาคตที่พี่มันกำลังจะทำ

    และจะต้องได้รับผลกรรม

    ก็หมันไส้และสาปแช่งรอเลยค่ะ

     

    ปล.. นักเขียนก็โดนสาปมาอีกแล้วค่ะ Y..Y

    สาปแช่ง ฮ่าๆ



    กดโหวต กดหัวใจ คอมเม้นต์ให้กำลังใจกันบ้างนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×