ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    3 | THE GUARD ღ หัวใจเสี่ยงรัก ϟ

    ลำดับตอนที่ #10 : EP [9] พ่ายแพ้ต่อความเอาใจใส่ ✓

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 64


     
     
       

    คิวไอวี่
    .
    .
    .
    .
    ::::::::╙ ( ⊙﹏⊙  ) :::::::




    EP [9] พ่ายแพ้ต่อความเอาใจใส่ 


    ไรท์กลับไปรีไรท์เนื้อหาใหม่ทั้งหมดนะคะ

    ถ้าอย่างไรอ่านไม่เข้าใจกลับไปอ่านตอนแรกๆ ใหม่นะคะ

    เราเกลาเนื้อหาให้ไม่เวิ่นเว้อและยืดยาวค่ะ บางทีแต่ละตอน

    ก็แทรกเนื้อหาทับใหม่ค่ะ

    ขอบคุณที่ยังคิดตามพี่คิวนะคะ

    _____________________________



    “แกยิ้มอะไรของแกวะไอ”

    สาลี่เขกหัวไอวี่ไม่เบาไม่แรงทำให้ไอวี่มองค้อนตาแทบถลนออกมา สาลี่มันไม่รู้หรือไงว่าถึงใจมันจะเป็นผู้หญิงแต่ร่างกายมันเป็นผู้ชาย มือที่ลงแรงมาก็เลยเยอะจนเธอต้องเอามือลูบหัวปอยๆ

    ตอนน้ำไอวี่กับเพื่อนอยู่ในห้องเรียนคาบเช้าซึ่งกำลังรออาจารย์เข้าสอนอยู่ แต่เป็นเพราะตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ไอวี่เหม่อลอยจนไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอยิ้มและเหม่อจนไม่ได้สนใจที่พวกเพื่อนๆ พูด

    “พวกแกว่าไงนะ” ไอวี่ถามย้ำเพราะไม่ได้ฟังคำถาม

    “เห้ออีคุณหนูนี่..พวกเราบอกว่าเย็นนี้จะแยกย้ายกันกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหรือจะไปพร้อมกันเลย”

    “ไปไหน?” ไอวี่ถามด้วยความมึนงง

    “นี่แกไม่ได้ฟังเลยเหรอวะ” ไอวี่กระพริบตาปริบๆ มองมิ้นท์ที่ถามด้วยสีหน้าขอโทษอย่างไม่จริงจังนัก

    “อาการเป็นไงไหนเล่ามาสิ” สาลี่ถามขึ้นเพื่อนคนอื่นก็สนใจด้วย

    “เปล่า..ก็แค่..เมื่อวานคิวให้พวกหนังสือเรียนมาน่ะ” ตอนแรกไอวี่ไม่คิดจะบอกเพื่อนๆ แต่ความสุขที่ล้นปรี่จนแทบล้นหัวใจทำให้ต้องระบายความสุขออกมาบ้าง ไม่อย่างนั้นเธอคงอัดอั้นตายแน่นอน

    “ตายแล้วเพื่อนกูแค่เขาให้หนังสือเรียนมาก็เพ้อเลย” สาลี่แซว

    “ไม่ใช่แค่หนังสือเรียนธรรมดานะเว้ยแต่มันเป็นหนังสือที่คิวใช้เรียนมาก่อน ดูดิมีลายมือของคิวด้วย อีกอย่างไม่ให้ฉันดีใจได้ไงคิวไม่ได้ให้หนังสือของเขากับยัยแป้งเน่าแต่เขาให้ฉันอ่ะ”

    “เราเข้าใจไอนะ เหมือนได้รับความสำคัญใช่ไหม” ดาวพูด

    “อือ ก็ฉันไม่เคยได้อะไรจากคิวนี่หว่า”

    “เข้าใจละ ยินดีด้วยก็แล้วกันกับพัฒนาการที่ช้ายิ่งกว่าเตาคลาน แต่ตอนนี้ช่างเรื่องของที่พี่คิวไปก่อนไหม ตกลงที่ถามอ่ะว่าไง เย็นนี้รุ่นพี่นัดไปเลี้ยงสายแกไปไหม แล้วจะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหรือรอไปที่ร้านพร้อมกันเลย”

    พวกรุ่นพี่ที่สาลี่ว่าคือกลุ่มของพวกคิวที่นัดรุ่นน้องไปเลี้ยงสายรหัส และพอรุ่นพี่เราอยู่กลุ่มเดียวกันก็เลยนัดพวกเราพร้อมกันด้วย

    ไอวี่ดีใจที่ได้เลี้ยงสายพร้อมกับเพื่อน แต่ก็ไม่ชอบใจกับสิ่งที่พ่วงตามมาด้วยเช่นกัน เพราะการที่บอกว่านัดพร้อมกันนั่นก็หมายความว่ารวมยัยแป้งเน่านั่นเข้าไปด้วย

    “ฉันจะกลับบ้านก่อนแล้วค่อยไปเจอกันที่ร้าน”

    “อะแฮ่ม” ไอวี่หันไปมองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ เป็นแป้งหอม ดาหลาและเจนที่ยืนมองกลุ่มไอวี่ด้วยสีหน้าที่เย้ยหยั่น

    “แป้งเน่า” สาลี่เอ่ยทักก่อนเป็นคนแรก

    “ฉันชื่อแป้งหอมไม่ใช่แป้งเน่าย่ะ!

    “แล้วมีอะไรมิทราบ”

    “ฉันก็แค่จะมาบอกให้รู้ไว้ว่าฉันอยู่สายรหัสเดียวกับพี่คิวก็เท่านั้นล่ะ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันกับพี่คิวต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ” แป้งหอม

    “เพ้อเจ้อ” ไอวี่ไม่สนใจเก็บของใส่กระเป๋าต่อ

    “ก็แพ้อ่ะนะก็เลยต้องทำใจและคอยปลอบใจตัวเอง” เจน

    “โอ้ยอย่ามโนไปเลยค่ะก็แค่น้องรหัสไม่ใช่เมียเขาอ่ะเนอะ”

    สาลี่พูดขัด ก่อนที่เพื่อนคนอื่นจะเข้ามาเสริม

    “อีตุ๊ดเงียบปากไปเลย” เป็นเจนเพื่อนแป้งเน่าที่เข้ามาขวาง

    “มีปากก็พูดได้มะ แล้วอีกอย่างนะแค่น้องรหัสอ่ะจะคุยโวทำเพื่อ? ให้ได้เป็นเมียเขาก่อนสิแล้วค่อยมาอวด!!” สาลี่ยังตอบโต้

    “ถึงยังไม่เป็นแฟนกันแต่อนาคตก็ไม่แน่ ยิ่งได้เป็นสายรหัสยิ่งได้ใกล้ชิดกันก็ยิ่งมีโอกาส..อย่าอิจฉากันแรงนักล่ะไอวี่”

    “หึ ไอวี่มันไม่เห็นต้องอิจฉาเลย ก็อย่างที่สาลี่พูดนั่นล่ะเป็นแค่น้องรหัสก็อย่าพึ่งคิดสิว่าตัวเองสำคัญ กับไอวี่เขาไปรับไปส่งทุกวันมันยังไม่คุยเลย” เยลพูดออกมาอีกคน

    ไอวี่ส่ายหน้าเบาๆ กับความกวนของเพื่อน เธอก็โกรธเหมือนกันที่แป้งเน่ามาหาเรื่องแต่พอคิดว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรนักก็ปล่อยให้เพื่อนออกปากแทน เพราะตอนนี้เธอกำลังอารมณ์ดีเรื่องที่คิวให้ของเทคมาอยู่ ทว่าเสียงโทรศัพท์ของแป้งเน่าดังขึ้นก่อนจะโชว์ให้ไอวี่และเพื่อนๆ ดูว่าเป็นใครที่โทรมา รายชื่อที่ปรากฎนั่นทำให้อารมณ์ที่ดีอยู่เริ่มเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดแทนอารมณ์เสียแทน

    “อุ้ย! นี่เบอร์พี่คิวนี่นา สวัสดีค่ะพี่คิว..”

    “แป้งว่างตอนเที่ยงค่ะพี่คิวจะนัดที่ไหนคะ” แป้งเน่ายังไม่วายเบ้ปากแล้วส่งสายตาเย้ยหยันมาให้

    ไอวี่กำมือแน่นด้วยความหงุดหงิดมองคนที่โคฟเวอร์เป็นนางร้ายในละครหลังข่าวอย่างกดอารมณ์

    “อย่าพึ่งอารมณ์เสีย ใจเย็นๆ นางก็แค่อยากจะมาปั่นหัวแกเท่านั้นล่ะ” สาลี่พูดเสริมไม่วายมิ้นท์กับดาวที่พยายามพูดปลอบด้วย

    โอเคเธอจะใจเย็นนะถ้าอีกฝ่ายไม่วอนหาเรื่องจนโดนตบน่ะนะ

    “อุ้ยแป้งหอมใครโทรมาอ่ะ” ดาหลาบีบเสียงถามเพื่อนสาวทันที

    “พี่คิวโทรมาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยกลางวันนี้นัดให้ไปเจอ”

    “..พี่คิวเป็นพี่ปีสี่มีอะไรก็ต้องให้พี่แจงกับพี่แก้วมาแจ้งแกแล้วสิ แต่นี่นัดแกไปคุยส่วนตัว ฮันแน่มีอะไรกันแน่น้า” เจนเพื่อนสนิทแป้งเน่าร่วมสมทบ ไอวี่ยังควบคุมสีหน้าได้ดีก็มองทั้งสามคนที่มองมาอย่างเยาะเย้ย

    “เห่ากันเสร็จแล้วก็ถอยไป” ความจริงไอวี่ก็ไม่อยากจะยอมหรอกอยากจะประเคนฝ่ามือลงที่หน้าปลอมๆ ของพวกนางแต่ก็คิดได้ว่าไม่ควรเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือก็เลยเมินเฉยไปซะ

    “อุ้ยๆ ดูคนแพ้ดิหน้าหงอยเลยอ่ะ” แป้งเน่ายังยืนขวางและเยาะเย้ยใส่ ไอวี่ถอนหายใจออกมา

    “นี่แป้งเน่า ถ้าไม่โดนตบนี่จะไม่เงียบปากใช่ไหม”

    “คิดว่ากลัวเหรอ?” ไอวี่แค่นยิ้มให้ก่อนจะโยนกระเป๋าลงพื้น

    “กลัวบ้างก็ดีนะเพราะฉันน่ะคาราเต้สายดำ!

    “แกจะทำอะไรน่ะ! นี่มันสถานศึกษานะแกจะมาทำร้ายร่างกายคนอื่นได้ยังไง ถึงฉันจะไม่กลัวแกก็เถอะ!” ไอวี่แค่นยิ้ม

    “ก็ถ้ายังเห่าส่งเสียงน่ารำคาญต่อไป ฉันก็คงจะต้องช่วยประเคนมือปิดปากเธอมั้ง” ไอวี่วางของพลางทำหน้าข่ม

    “ชิ! ฉันไม่ได้กลัวแกหรอกนะ! ก็แค่ต้องรีบไปเรียน!

    เมื่อเห็นว่าไอวี่เอาจริงพวกนางสามคนก็ยอมถอยไปก่อน ไอวี่มองทั้งสามที่เดินออกไปจนลับสายตา หันไปหยิบกระเป๋าจากสาลี่

    “แกขู่ได้น่ากลัวว่ะ เสียงกับท่าทางไม่เท่าไรแต่แววตาคุกคามนี่ขนาดเป็นพวกเดียวกันยังกลัวเลย” ไอวี่ขำเพื่อนๆ ที่มองตนเองแปลกๆ

    ความจริงไอวี่ไม่ใช่ผู้หญิงบอบบางที่ต้องรอใครมาช่วยเหลือเสมอไปหรอก เธอก็เคยบอกแล้วว่าอยู่ในวงการที่ดำมืดพวกนั้นมีโอกาสตายสูง และแน่นอนว่าจะรอความช่วยเหลือจากคนอื่นอย่างเดียวไม่ได้ดังนั้นจะต้องมีสกิลติดตัวเอาไว้บ้าง และคนที่บอกและสอนศิลปะป้องกันตัวให้ไอวี่ก็คือคิวนั่นล่ะ

    “ว่าแต่พี่คิวนัดยัยแป้งเน่าไปทำไมวะ” มิ้นท์พูดขึ้นมา

    “พี่คิวคงจะเรียกไปแจ้งอะไรเกี่ยวกับสายรหัสนั่นล่ะ แกอย่าไปคิดมากเลยนะไอ” เยลพูดแกมปลอบไม่ให้ไอวี่คิดมาก

    “ไอต้องรู้จักควบคุมสติและอารมณ์ตัวเองหน่อยนะ การมีเรื่องกันในสถานศึกษาไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ถึงเขาจะยั่วอารมณ์มากแค่ไหนก็เถอะ ไอควรคิดถึงผลที่จะตามมาด้วย เชื่อเราสิว่าพี่คิวไม่ชอบผู้หญิงที่ทำอะไรขาดสติหรือผู้หญิงร้ายๆ แบบแป้งหอมหรอก” ดาวเสริม

    “โอ้ยดาวแกจะด่าจะสอนหรือจะให้กำลังใจมันเอาสักอย่างสิ”

    “เราพูดรวมๆ น่ะเยล”

    “อย่างที่มิ้นท์ ดาว เยลพูดนั่นล่ะ ท่องไว้สิแกอ่ะสำคัญกับเขาที่สุด ยังไงซะพี่คิวก็เป็นคนคอยดูแลแกนี่ แกมีโอกาสได้อยู่ใกล้เขามากที่สุด และแกมีโอกาสทำคะแนนมากกว่าใคร” สาลี่ให้กำลังใจไอวี่ก็พยักหน้ารับ

    ใช่..เธอสำคัญกับเขาที่สุด ยังไงเสียก็อยู่บ้านเดียวกันได้อยู่ใกล้เขามากกว่าใครๆ ทำไมไอวี่คนนี้จะทำให้คิวหันมามองเธอไม่ได้กันล่ะ!

    “เราว่าไอไปซื้อข้าวก่อนดีกว่านะเดี๋ยวเที่ยงแล้วคนเยอะ”

    ไอวี่เดินตามเพื่อนเข้ามาในโรงอาหารกลางพลางกดโทรศัพท์หาใครบางคนไม่ยอมหยุด จวบจนเพื่อนสะกิดให้เธอไปซื้ออาหารเธอจึงละสายตาจากโทรศัพท์มองหน้าเพื่อน

    “เดี๋ยวค่อยซื้อ”

    “จะกินอะไรเดี๋ยวฝากเยลมันไปซื้อก็ได้” มิ้นท์บอก

    “เอาอะไรมาก็ได้ เออมิ้นท์ฝากซื้อน้ำด้วย” ไอวี่ตอบแต่ไม่ได้มองเพื่อนๆ แต่ยังกดโทรศัพท์ไม่หยุด

    “ปล่อยมันก่อนค่ะ เยลกูฝากซื้อข้าวผัดทะเลร้านป้าติ๋มด้วย เดี๋ยวกูนั่งอยู่กับนางเอง” เยลกับเพื่อนๆ พยักหน้าก่อนจะแยกกันไปซื้อข้าว

    ไอวี่นั่งกดโทรศัพท์หาคิวด้วยอารมณ์ที่ไม่ปรกติ เนื่องจากเรื่องเมื่อตอนเช้าที่แป้งเน่ามาพูดว่านัดกับคิวไว้ตอนเที่ยงไอวี่จึงรู้สึกร้อนรน อยากจะโทรให้คิวมาหาตัวเอง หรือไม่ก็อยากจะถามว่าอยู่ไหนเธอจะได้ไปหาถูก แต่คิวไม่รับสายจึงเป็นเหตุให้ไอวี่มานั่งหงุดหงิดอยู่ตรงนี้

    “โอ้ย โทรศัพท์จะระเบิดแล้วค่ะคุณหนูไอวี่”

    “เงียบไปเลยอีลี่”

    “อ้าว มาพาลหงุดหงิดใส่กันเฉยเลย อย่าไปคิดมากน่ากูว่าพี่คิวก็แค่นัดมันไอคุยเรื่องเลี้ยงสายรหัสเย็นนี้นั่นล่ะ”

    “ก็คิดงั้นแต่ก็ไม่ไว้ใจให้อยู่ใกล้ใคร” ไอวี่พูดออกมาด้วยความหวง

    ผู้หญิงที่คิวมั่วด้วยมีสไตล์ที่โดดเด่นที่ไม่ค่อยเหมือนใคร จะว่าไงดีล่ะ พวกแรงๆ น่ะคิวไม่ค่อยจะยุ่งแต่จะชอบผู้หญิงแบบธรรมดาหน้าสวยเสียมากกว่า แล้วไอวี่ก็พอจะเดาออกว่าผู้หญิงที่เข้าหาคิวน่ะที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น แต่เติมแต่งทำให้ตัวเองเป็นแบบที่คิวชอบก็เท่านั้น

    สายรหัสของคิวปีสามที่ชื่อแจงกับปีสองที่ชื่อแก้ว จากที่สาลี่มันเล่ามาคือพวกนางน่ะเป็นผู้หญิงแรงแต่ที่เห็นทำตัวอ่อนหวานเรียบร้อยไม่มีพิษภัยก็เพราะอยู่ต่อหน้าคิวเท่านั้น แล้วนี่ในสายรหัสนั้นยังมีแป้งเน่าเข้าไปอีก บันเทิงกันล่ะ

    สายพี่ระเบียบแต่ในรุ่นมีแต่คิวเท่านั้นล่ะที่ถูกระเบียบน่ะ!

    ไม่รู้ว่าหากปล่อยให้คลาดสายตาจะถูกใครคนไหนแย่งไป!

    “ฮัลโหลอยู่ไหน” เมื่อคิวรับโทรศัพท์ไอวี่จึงกรอกเสียงถามทันที

    (ห้องพยาบาล)

    “นายเป็นอะไร” ไอวี่เริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้เมื่อคิดว่าคิวเป็นอะไรไป

    (แผลโดนยิงมันปริ)

    (พี่คิวคะ..)

    “นายอยู่กับใคร” เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงที่ไอวี่คิดว่าน่าจะเป็นยัยแป้งเน่าก็เลยถาม

    (แค่นี้ก่อน ไม่จำเป็นไม่ต้องโทรมา)

    ไอวี่มองโทรศัพท์ที่ขึ้นโชว์ว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว ในใจมันร้อนลุ่มลนลานเพราะโกรธที่โดนตัดสายและโกรธที่คิวไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

    “จะไปไหนวะไอ”

    “ไปห้องพยาบาล” ตอบเพื่อนไปแบบนั้นโดยที่ไม่รอฟังเสียงมันที่ด่าให้กลับไปกินข้าวก่อนด้วยซ้ำ ไม่รู้ล่ะตอนนี้รู้สึกว่าต้องไปที่นั่นโดยเร็ว

    ความจริงแล้วไอวี่ก็เคยรู้ว่าเขามีอะไรกับผู้หญิงไปทั่วแต่เขาก็ไม่เคยทำให้เห็นต่อหน้าหรือต้องให้ไอวี่มารับรู้ ฉะนั้นตอนนี้เธอถึงรู้สึกเสียหน้าและรู้สึกเป็นห่วงคิวจนอยากจะไปกระชากหัวของผู้หญิงทุกคนที่อยู่ข้างๆ เขา

    ไอวี่มาถึงห้องพยาบาลอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องเรียกหรือขออนุญาตใครก่อน แต่พอเปิดเข้าไปก็เห็นแป้งหอมกำลังช่วยทำแผลให้กับคิวอยู่ และที่แปลกไปกว่านั้นก็คือคิวก็ยอมให้ยัยแป้งเน่าแตะเนื้อต้องตัวนั่งทำแผลให้ง่ายๆ เนี่ยนะ?

    ไอวี่สำรวจทั้งสองคน แป้งหอมมีแผลที่ข้อศอกกับแขนแต่คิวน่าจะเป็นแค่ตรงแผลที่เขาเคยโดนยิงมาก็เท่านั้น

    “ทำอะไรกัน” ไอวี่เอ่ยขัดและนั่นก็ทำให้ทั้งสองคนหันมาหาเธอ และเป็นยัยแป้งเน่าที่ตอบคำถาม

    “ทำแผลให้พี่คิวน่ะสิ”

    “หลบไปเดี๋ยวฉันทำเอง”

    “เรื่องอะไรล่ะ ฉันทำให้พี่คิวเจ็บตัวก็ต้องเป็นคนทำแผลให้เขาสิ”

    “เธอทำอะไรเขา?”

    “ฉันไม่ได้ทำมันก็แค่อุบัติเหตุ แต่ถึงอย่างนั้นฉันทำพี่คิวเจ็บก็ต้องทำแผลให้เขาน่ะถูกแล้ว” แป้งหอมพูดอย่างยิ้มเยาะ

    “เดี๋ยวฉันทำเอง” ไอวี่แย่งอุปกรณ์ทำแผลแต่แป้งหอมไม่ยอม

    “ไม่ ฉันจะเป็นคนทำให้พี่คิวเอง”

    “หยุดเถียงกันสักที” คิวเอ่ยปากออกมาเพราะรู้สึกรำคาญหู ทว่าหญิงสาวทั้งสองก็ยังไม่เลิกโต้เถียงกันเหมือนเดิม

    “ถอยไปยัยแป้งเน่า” ไอวี่

    “เธอนั่นล่ะ” แป้งหอม

    “หยุดทั้งสองคนนั่นล่ะ!” คิวจัดการใส่เสื้อให้เรียบร้อยก่อนจะมองทั้งสองคนที่ทะเลาะกันอยู่ “แป้งหอมออกไปก่อน”

    แป้งหอมไม่อยากขัดใจคนที่ตัวเองชอบจึงยอมออกไปโดยดี

    ในห้องมีเพียงคิวและไอวี่ ไอวี่เมินสายตาของคิวก่อนจะเข้าไปดูแผลที่ตอนนี้พันผ้าอย่างดีแล้ว “ยัยนั่นทำอะไรนาย?”

    “ช่างเถอะ แล้วโทรมามีอะไร?”

    “เล่ามา” ไอวี่ถามเสียงแข็ง เพราะเธอต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    คิวถอนหายใจออกมาเพราะรู้ว่าหากไม่พูดบอกอีกฝ่ายคงจะอาละวาดแน่นอน “เรียกให้มาเอาใบสมัครดาวคณะ และเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยก็เท่านั้น”

    “แค่นั้นจริงๆ นะ” ไอวี่ถามเพื่อย้ำอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อแต่แค่อยากได้ความมั่นใจก็เท่านั้น

    “ทำไม? ถ้าไม่แค่นั้นแล้วเธอจะทำไม”

    “ถ้ามากกว่านั้นก็จะ...”

    ไอวี่นิ่งไปเพราะรู้ว่าคิวหมายถึงอะไร  ถ้าไม่ติดสายตาดุๆ นั่นก็อยากจะตอบว่า ก็จะกระชากหัวยัยนั่นมาตบน่ะสิ แต่เธอก็ยอมเงียบลง

    “เธอเป็นน้องรหัสฉันอย่าทำอะไรให้มากเกินไปนัก”

    “ดูไม่ออกหรือไงว่ายัยนั่นจ้องจะงาบนายน่ะ!

    “อย่ายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉัน”

    “แต่เรื่องส่วนตัวของนายที่ว่ามันก็หมายถึงเรื่องหัวใจของฉันเหมือนกันนี่! นายจะทำตาบอดมองไม่เห็นว่าฉันรู้สึกกับนายยังไงก็ตามใจแต่นายไม่มีสิทธิ์มาห้ามไม่ให้ฉันรักนายหรือหวงนายสิ!

    ไอวี่มองคิวด้วยสายตาที่สั่นไหวคล้ายกับมีน้ำตาคลออยู่ เธอรู้สึกโกรธและน้อยใจคิว โกรธแป้งหอมโกรธทุกคนที่ได้อยู่ใกล้คิวและโกรธตัวเองที่ยอมให้เขาวางตัวเธอเอาไว้นอกสายตา โกรธที่เขาทำเป็นไม่เห็นว่าเธอมีความรักให้เขาแค่ไหน โกรธที่เขาเอาแต่ทำเหมือนกับว่าการที่เธอคอยตามหวงเขาแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าเบื่อหรือเป็นกาวก้าวก่ายชีวิตของเขา

    “เฮ้อ  กินข้าวหรือยัง” คิวเปลี่ยนเรื่อง

    “ยัง” ไอวี่เช็ดน้ำตาลวกๆ “..อยากมาดูนายก่อนว่าไม่ได้เจ็บหรือไม่ได้เป็นอะไรไป แต่ที่เห็นคงจะไม่เป็นอะไรมากไม่อย่างนั้นก็คงไม่มานั่งอี๋อ๋อกับคนอื่นได้หรอก”

    “งั้นไปกินข้าว” คิวเมินคำประชดจูงมือหญิงสาวให้เดินตามไป

    ไอวี่ยอมเดินตามไปด้วยสติที่เหม่อลอยลืมเรื่องที่ประชดใส่คิวไปครู่หนึ่ง เพราะคาดไม่ถึงว่าคิวจะจับมือเธอเดินในที่สาธารณะแบบนี้

    แล้วยิ่งที่นี่เป็นมหาลัยแล้วด้วยละก็..คิวไม่มีทางทำเด็ดขาด

    ไอวี่ที่เดินตามหลังคิวมาระยะหนึ่ง เธอได้สติก็ตอนที่คิวพาเข้าไปนั่งในโรงอาหารที่มีกลุ่มเพื่อนของเขานั่งอยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่แค่รุ่นพี่กลุ่มเขาเท่านั้นยังมีผู้หญิงอีกสามคนนั่งรวมอยู่ด้วย

    “โว้วๆ นั่นน้องไอวี่คนสวยปีหนึ่งน้องรหัสไอ้คินทร์นี่นา”

    ไอวี่หันมองพี่ออสตินที่เอ่ยปากทักเธอก่อนคนแรก ทำให้ทุกคนบนโต๊ะมองเธอกันเป็นตาเดียว คิวพาเธอมานั่งที่โต๊ะก่อนจะหันไปคุยกับพี่คินทร์ ไอวี่เกาะแขนคิวทันทีที่เห็นว่าเพื่อนของเขาสามคนที่เหลือมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ และเหมือนคิวจะไม่รู้ว่าเธอจะต้องเผชิญกับสายตาหลายๆ คู่เพราะเมื่อเขาพูดกับพี่คินทร์เสร็จก็ลุกขึ้นยืน

    “ไปไหน” เธอถามเขาทันทีที่ขยับตัว

    “รออยู่นี่” เพียงแค่น้ำเสียงสั้นๆ เปล่งออกมาเธอก็นั่งนิ่งไม่ขยับเหมือนสุนัขที่เชื่อฟังของเขาก็มิปาน

    “น้องไอวี่ครับทำไมถึงมากับไอ้คิวได้ล่ะครับ”

    เธอหันมองคนที่น่าจะชื่อว่าคอปเตอร์พูดขึ้น แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตอบก็โดนพี่คีนส์พี่ว้ากปีสี่ลากออกจากบทสนทนาเสียก่อน

    “สวัสดีค่ะน้องไอวี่” ไอวี่หันไปมองรุ่นพี่คณะอาหารที่เธอได้ผูกสัมพันธ์เอาไว้ แคลร์แฟนพี่คินทร์พี่รหัสของเธอนั่นเอง

    “สวัสดีค่ะพี่แคลร์”

    “นี่ปาด้าและนี่หมิวเพื่อนของพี่เองค่ะ” เธอแนะนำไอวี่จึงหันไปทักทายทั้งสองคนด้วย

    “มาเห็นใกล้ๆ แบบนี้น้องสวยกว่าในรูปภาพอีกครับ” พี่ออสตินพูดขึ้นมา ใบหน้านั้นประดับด้วยรอยยิ้มที่แพรวพราวสื่ออะไรบางอย่าง

    “เงียบปากสักห้านาทีก็ไม่มีใครว่าพี่เป็นใบ้หรอกนะคะ”

    คนใส่แว่นที่ชื่อหมิวพูดขัดแต่พี่ออสตินที่โดนแซะก็ไม่มีท่าทีสงบเสงี่ยมยังเข้าไปเกาะแกะจนโดนสาวแว่นประเคนฝ่ามือหลายครั้งก็ไม่ยอมปล่อย ไอวี่รู้ได้ในทันทีว่าสองคนนี้คงเป็นมากกว่าคนรู้จักหรือรุ่นพี่รุ่นน้องแน่ และพอมองอีกข้างที่มีพี่เคนกับผู้หญิงที่ชื่อปาด้านั่งคุยกันอย่างสนิทสนมก็เลยเดาได้เลยว่าสองคนนั้นคงเป็นแฟนกันด้วยเหมือนกัน

    “น้องไอวี่ยังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมมาพร้อมกับพี่คิวได้”

    “บังเอิญเจอค่ะ” เธอข้ามเรื่องน่าหงุดหงิดแล้วโกหกออกไป

    “น้องไอวี่อยากจะกินเค้กนี่หน่อยไหม พอดีพี่เอามาจากร้านหน้าคณะน่ะ อร่อยนะ”

    “ไม่ชอบกินของหวานค่ะ”

    แคลร์เป็นคนเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้ม ทว่าไอวี่กลับปฏิเสธแต่ถึงกระนั้นรอยยิ้มของเธอก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย และไม่มีความรู้สึกโกรธใดๆ เลยแม้แต่น้อย

    ทางด้านไอวี่ความจริงแล้วชอบกินของหวานจำพวกเค้กและไอศครีมมาก แต่ของที่มาจากผู้หญิงที่คิวเอ็นดูนั้น..เธอทำใจกินยากจริงๆ

    เมื่อพูดจบประเด็นก็ทำให้โต๊ะเงียบไปอีก ไอวี่เห็นว่าทุกคนก็มีเรื่องพูดคุยกับแฟนของตัวเองไม่เว้นแม้แต่พี่คินทร์พี่รหัสของเธอจึงนั่งฟังอยู่เงียบๆ

    ไอวี่ลองสังเกตว่าคนอย่างพี่คินทร์ไม่น่าจะกินของหวานแบบนี้ได้ แต่เห็นสายตาที่แสนอบอุ่นที่มองคนทำแล้วยอมกินบ้างเป็นบางคำแล้วใช้กาแฟดับความหวานอย่างเป็นธรรมชาติแล้วรู้สึกอิจฉาขึ้นมา

    อิจฉาแคลร์ที่ได้รับสายตาเอ็นดูจากแฟนที่น่ารัก อิจฉาที่แคลร์ได้รับความเอ็นดูจากคนอื่น และที่สำคัญจากคิวด้วย

    ผ่านไปเกือบสิบนาทีคิวกลับมาพร้อมกับข้าวสองจาน จากนั้นก็วางจานข้าวเอาไว้ตรงหน้าไอวี่และตัวเองแล้วนั่งลง ไอวี่มองอาหารที่คิวซื้อมาให้ เมื่อเห็นว่าเป็นสิ่งที่เธอชอบก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

    ข้าวผัดใส่กุ้งเยอะๆ..

    “นายรู้ได้ไงว่าฉันชอบกินข้าวผัดกุ้ง”

    “กินเถอะ” คิวไม่ได้ตอบคำถาม ทำแค่พยักหน้าให้หญิงสาวเริ่มกินอาหารตรงหน้าก่อนจะเลื่อนน้ำมาวางไว้ด้านข้างด้วย

    ด้านไอวี่ถึงจะเดาได้ว่าเขารู้มาจากบรรดาลูกน้องก็ไม่ได้น้อยใจ เธอคิดเข้าข้างตัวเองว่าอย่างน้อยคิวก็สนใจเรื่องของเธอบ้างเหมือนกัน

    “พี่คิวกินนี่หน่อยไหมแคลร์ทำแบบไม่ค่อยหวานเหมาะกับพี่และพี่คินทร์มากๆ”

    ไอวี่หันไปสนใจแคลร์อีกครั้งก่อนจะลอบมองคิวที่มองหญิงสาวด้วยสายตาที่ไอวี่เคยเห็นและอิจฉามาก่อน

    มันคือสายตาที่บ่งบอกว่าคิวเอ็นดูผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน

    และเธอก็เห็นว่าคิวกินขนมนั่นจริงๆ..

    “อร่อยดี” เธอไม่คิดว่าจะได้ยินคิวชมผู้หญิงด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ไอวี่มองแคลร์ด้วยความรู้สึกอิจฉาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

    “มีอะไรหรือเปล่าคะน้องไอวี่” แคลร์หันมาถามไอวี่เมื่อเห็นว่าสายตาแข็งกร้าวนั่นมองมาที่ตน ความจริงความรู้สึกของแคลร์นั้นดูออกว่าไอวี่คิดอย่างไรกับพี่คิวแต่เธอก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งย่าม “อยากลองกินเหรอจ้ะ”

    เธอส่ายหน้าให้ก่อนจะนั่งกินข้าวต่อเงียบๆ โดยคิดเรื่องของคิวไปด้วย สักพักก็มีขนมเค้กที่เธอจำได้ว่าเป็นของศัตรูหัวใจอันดับหนึ่งมาวางไว้ตรงหน้าเธอ เธอจึงหันไปมองเจ้าของมือแกร่งที่เป็นคนหยิบยื่นมาให้

    “ฉันไม่กิน” หันไปบอกคิวแต่เขาแค่เลิกคิ้วให้

    “เธอชอบกินนี่?”

    ไอวี่รู้สึกแพ้ แพ้ราบคราบ เธอแพ้ความเอาใจใส่ของคิว..

    ไอวี่หยิบขนมของศัตรูหัวใจมาไว้ข้างๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ แน่นอนว่าที่เธอรับมาไม่ได้อยากจะกินแต่เป็นเพราะรู้สึกดีที่คิวจำได้ว่าเธอชอบกินของพวกนี้..มันเหมือนเธอได้รับความใส่ใจจากคิวไม่มากก็น้อย

    ถึงจะปฏิเสธว่าไม่ชอบก่อนหน้านี้ก็ไม่ทำให้ไอวี่หน้าแตกหรืออายกับสายตาของคนหลายๆ คู่ที่มองมาเลยแม้แต่น้อย กลับกันเธอรู้สึกมีความมั่นใจขึ้นมาอีกนิด ว่าเรื่องของคิว...เธอเองก็สู้คนอื่นได้เหมือนกัน 



    Talk

    เง้อ นายรู้ได้ไงว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร

    ไหนนายบอกรำคาญและไม่อยากจะใส่ใจไง หือออ 

    ปล.บางคนอาจจะรำคาญนางเอก

    ที่ชอบเอาแต่ตบตีแย่งผู้ชาย

    แต่ด้วยความที่นางเอกเป็นคุณหนูที่มีแต่คนดูแล

    พอมีคนที่หวงแหนก็เป็นธรรมดาที่นิสัยแย่ๆ

    จะแผ่ออกมาตลอดเวลา

    แต่ส่วนมากคนประเภทนี้ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง

    พูดและกระทำโดยใช้หัวใจคิดมากกว่าสมอง


     



    ※ โหวต เม้นท์ เฟบ ให้กำลังใจ 



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×