คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : EP [1] ไอวี่ และ คิว ✓
หลังจากที่คุณหนูไอวี่ไม่แผลงฤทธิ์อะไรอีกทิมจึงขับรถพาคุณหนูของตัวเองมาถึงคฤหาสน์
ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่หมาย เมื่อรถจอดก็ทำหน้าที่เปิดประตูรถให้กับคุณหนูก่อนจะเดินตามหญิงสาวไปที่เจ้านายอีกคนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
ทิมมองดูเจ้านายทั้งสองคนจ้องมองประสานสายตากันอย่างไม่ลดละยอมแพ้
ซึ่งดูท่าแล้วจะไม่ใช่ในความหมายที่หวานซึ้งแต่เป็นครุกรุ่นกดดัน
“เดี๋ยวผมจะพาคุณหนูไปส่งที่เรือนแก้วเองครับ”
ทิมกล่าวแทรกขึ้น
เมื่อคิวพยักหน้าแล้วเดินแยกตัวออกไปจึงหันไปกล่าวกับคุณหนูคฤหาสน์เรือนแก้วอีกที
“คุณหนูครับเดี๋ยวพวกผมเดินไปส่งครับ”
สายตาของไอวี่มองตามร่างสูงที่เดินออกไป
คิวไม่แม้จะพูดกับเธอเลยสักประโยค เห็นได้ว่าเขาคงจะโกรธมากจริงๆ
“เหอะ
ไม่ต้องเดี๋ยวฉันเดินไปเอง”
“ไม่ได้ครับคุณคิวสั่งเอาไว้”
“สั่งเหรอ?
ฉันเห็นแค่เขาพยักหน้าพวกนายนั่นล่ะที่พูดเองเออเองฉันไม่เห็นไอ้ท่อนไม้เดินได้นั่นพูดอะไรซะหน่อย”
“ให้พวกผมตามไปส่งเถอะนะครับ”
ทิมพูดขึ้นอีกครั้ง สีหน้าบ่งบอกว่าลำบากใจและกังวลถ้าหากปล่อยให้ไอวี่กลับไปคนเดียว
ให้ตายเถอะขนาดอยู่ในบ้านยังต้องกังวลว่าจะถูกใครทำร้ายอีก!
ไอวี่บ่นในใจแต่ก็ยอมให้ทิมและบอดี้การ์ดเดินตามไปส่งเธอที่คฤหาสน์เรือนแก้ว
เธอเป็นหลานของผู้มีอิทธิพลระดับต้นๆ ของประเทศ ศัตรูมีทั้งในและนอกคฤหาสน์จะถูกปองร้ายเมื่อไรก็ไม่อาจรู้ได้ดังนั้นเธอจึงต้องมีบอดี้การ์ดคอยตามคุ้มกันตลอดเวลา
ด้วยความที่ตระกูลหงส์ฤดีเกียร์ติกุลเป็นตระกูลใหญ่มีทรัพย์สินมหาศาลเขตพื้นที่ของตัวบ้านจึงกว้างขนาดเท่ากับโครงการบ้านจัดสรรหนึ่งโครงการ
รั้วประตูด้านหน้าห่างจากตัวคฤหาสน์ใหญ่จนต้องขับรถเข้ามาเพราะถ้าหากใช้เท้าเดินก็ต้องใช้เวลาร่วมสามสิบนาทีกว่าจะถึงประตูด้านหน้า
แต่ระยะทางดังกล่าวไม่เป็นปัญหากับคนในตระกูลเลยแม้แต่น้อย เพราะเจ้านายแต่ละคนล้วนแต่มีรถยนต์เป็นของตนเอง
หากเจ้านายคนไหนขับรถไม่ได้ก็ยังมีลูกน้องขับให้ ส่วนเมดและบอดี้การ์ดภายในบ้านก็ใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหรือรถกอล์ฟสำหรับเดินทางแทน
เขตพื้นที่ของตระกูลหงส์ฤดีเกียร์ติกุลประกอบไปด้วยคฤหาสน์ใหญ่
4 หลังและบ้านสองชั้นขนาดใหญ่อีกประมาณ 5 หลัง นอกจากนั้นจะเป็นบ้านของคนงานและบอดี้การ์ด ถัดจากบ้านของคนงานจะเป็นพื้นที่สวน
(ที่ใหญ่ขนาดเรียกได้ว่าป่าขนาดย่อม) ของตระกูล
คฤหาสน์ใหญ่ด้านหน้าเป็นที่อยู่อาศัยของหัวหน้าตระกูลหลักนั่นคือ
‘ไอศวรรย์’ ภายในคฤหาสน์นี้จะมีเพียงแค่
‘นายใหญ่’ ของตระกูล เหล่าเมดและบอดี้การ์ดเพียงเท่านั้น
ด้านซ้ายที่ห่างออกมาจากบ้านใหญ่คือคฤหาสน์เรือนลั่นทม
เป็นที่อยู่อาศัยของบุตรคนโตนั่นก็คือ ‘ดนัย’ และสะใภ้ใหญ่ ‘ผกามาศ’ ทั้งสองมีลูกชายหนึ่งคนชื่อว่า
‘อิศเรศ’ ซึ่งตอนนี้เรียนอยู่ที่ต่างประเทศ
ถัดไปจากคฤหาสน์เรือนลั่นทมคือคฤหาสน์ดาหลา
ซึ่งคฤหาสน์นี้เป็นที่อยู่ของบุตรชายคนที่สามอย่าง ‘ณรงค์เกียรติ์’
และภรรยา ‘ศรีสวาท’ รวมไปถึงลูกชายและลูกสาวอีกสองคนด้วย
อีกฝั่งหนึ่งทางด้านขวาของคฤหาสน์ใหญ่
คือคฤหาสน์เรือนแก้วที่เป็นที่อยู่ของบุตรชายคนรองนั่นก็คือ ‘ไอยสิงห์’ และภรรยา ‘ไอยรา’
ซึ่งก็คือพ่อกับแม่ของไอวี่ ทั้งสองมีลูกด้วยกัน 4 คน
คนโตเป็นผู้ชายชื่อ
‘ไอสูรย์’ เรียนบริหารปี 4
ซึ่งอยู่คนละมหา’ลัยกับไอวี่ ส่วนมากจะอยู่ที่คอนโดไม่ได้กลับมาที่คฤหาสน์เรือนแก้วบ่อยนัก
คนรองเป็นผู้หญิงชื่อ
‘ไอริณ’ อายุน้อยกว่าไอสูรย์หนึ่งปี
กำลังศึกษาด้านแฟชั่นอยู่ที่อเมริกา กลับประเทศไทยประมาณปีละ 2 – 3 ครั้ง
คนที่สี่เป็นผู้ชายชื่อ
‘ไออุ่น’ เป็นเด็กมัธยมปลายที่สนใจด้านเชฟขนมหวาน
ปัจจุบันอยู่บ้าน ‘อุ่นไอรัก’ บ้านพักตากอากาศนอกเมืองหลวง
และยังมีหลานอีกคนที่เป็นลูกของน้องสาวของแม่ชื่อว่า
‘ไอริส’ อาศัยอยู่ในคฤหาสน์เรือนแก้วด้วยเหมือนกัน
ทว่าไอริสนั้นเรียนโรงเรียนประจำ นานๆ ครั้งถึงจะได้กลับมาบ้านสักที
ดังนั้นคฤหาสน์เรียนแก้วจึงมีเพียงไอวี่พักคนเดียวเพียงเท่านั้น
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เหล่าบอดี้การ์ดของเธอจะเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย เพราะพ่อและแม่ของไอวี่เสียไปอย่างกะทันหันเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์จึงไม่มีร่มโพธิ์ร่มไทรคอยปกป้องคุ้มครองจากเหยี่ยวจากกา
ไอวี่เดินเข้ามาในตัวบ้านก็พบแต่ความว่างเปล่า
คล้ายกับสิ่งเหล่านี้มันเป็นอะไรที่เธอชินชาจึงเดินผ่านความว่างเปล่านั้นขึ้นไปบนห้องนอนก่อนจะโยนกระเป๋าสะพายข้างแบรนด์เนมที่มีสัญลักษณ์ตัว
C เอาไว้บนเตียงลวกๆ จากนั้นก็จัดการถอดเสื้อผ้าแล้วก้าวเข้าไปในห้องน้ำ
เปิดเรนชาวเวอร์จนน้ำไหลละมากระทบร่างกายจึงปล่อยความคิดให้ไหลไปตามน้ำอีกครั้ง
ในวันที่เกิดอุบัติเหตุมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมากมายหนึ่งในนั้นคือพ่อกับแม่ของเธอ
ทว่าคดีดังกล่าวถูกปิดไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบเสียจนน่าสงสัย ไอวี่ไม่เชื่อว่าการตายของพ่อกับแม่จะไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลัง
เธอมั่นใจว่าจะต้องมีใครบงการอยู่แน่ๆ แต่เธอยังหาตัวคนร้ายไม่พบก็เท่านั้น และที่เธอคิดแบบนั้นก็เพราะพ่อของเธอเป็นคนที่มีสิทธิที่จะได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปมากที่สุดดังนั้นจะต้องมีคนคิดจะกำจัดแน่นอน
ตระกูลนี้มีกฎอยู่
สมาชิกในบ้านสามารถทำทุกอย่างเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ได้แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่จะไม่ทำร้ายกันจนเกินไป
และกฎนั่นล่ะที่ทำให้ไอวี่เกลียดปู่ของเธอ เพราะมันเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อกับแม่ของเธอที่เป็นผู้มีโอกาสในการรับสมบัติมากที่สุดโดนพวกพี่น้องตัวเองวางแผนฆ่าตกรรมจนเสียชีวิต
ไม่ใช่เพียงแค่นั้นน้าของเธอที่เป็นผู้ให้กำเนิดไอริสก็ด้วย แน่นอนว่าไม่มีใครบอกแต่เป็นไอวี่เองที่ให้คนสืบจนรู้
และนั่นทำให้เธอรักไอริสพอๆ
กับไออุ่นที่เป็นน้องชายของตนเอง
ตระกูลหงส์ฤดีเกียรติกุลเป็นตระกูลใหญ่ที่ประสบความสำเร็จร่ำรวย
และมีอำนาจเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เป็นตระกูลที่หลายๆ คนคอยจับตามองไม่ว่าจะเป็นแวดวงธุรกิจเบื้องหน้าเบื้องหลัง
และธุรกิจเหล่านั้นถูกแบ่งให้กับคนในตระกูลดูแล พูดง่ายๆ ก็คือแบ่งให้ลูกหลานในตระกูลแต่ละคนรับผิดชอบกันอย่างน้อยคนละหนึ่งบริษัท
ตัวไอวี่เองก็ได้รับมาด้วยเช่นกัน
ส่วนมากก็จะมีทรัพย์สินที่ปู่ให้กับลูกหลานแต่ละคนเอาไว้ใช้ และพ่วงมาด้วยการบริหารบริษัทหลักในตระกูล
ซึ่งข้อมูลเชิงลึกของบริษัทเธอแทบจะไม่รู้เรื่องเลยเพราะว่าเธอไม่ได้เป็นคนบริหารดูแล
อย่างไรเสียเธอก็บอกปู่ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ต้องการและไม่อยากได้ ทว่าปู่ก็ไม่ยอมฟังบอกเธอว่ามันเป็นกฎอีกข้อหนึ่งของตระกูล
ดังนั้นเธอจึงโยนเรื่องที่น่าปวดหัวทั้งหมดไปให้คิว
คิวจึงไม่ได้เป็นเพียงบอดี้การ์ดแต่ยังเป็นผู้ดูแลของเธอด้วย ดูแลในที่นี้คือการดูแลในทุกๆ
เรื่องของเธอ ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัย ธุรกิจ หรือทรัพย์สินต่างๆ ถ้ามันอยู่ในชื่อของ
อุรัสยา หงฤดีเกียรติกุล ล้วนเป็นคิวที่จัดการ
ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนจะเป็นผู้ปกครองของเธอมากกว่าบอดี้การ์ดประจำตัวเสียอีก
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เหล่าบอดี้การ์ดจะยกคิวขึ้นมาเป็นเจ้านายอีกคนก็ไม่แปลก
แต่ถึงไม่มีตำแหน่งผู้ดูแลของเธอคิวก็อยู่เหนือบอดี้การ์ดเหล่านั้นอยู่แล้ว
เพราะได้ยินมาว่าคิวเป็นคนที่มีฝีมือดีอันดับต้นๆ ของตระกูลจึงทำให้เขาเป็นที่เคารพอย่างมากในโลกมืดเบื้องหลัง
ไอวี่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความหาใครบางคนก่อนจะล้มตัวลงนอน
ให้ตายเถอะพอนึกถึงเรื่องอดีตเธอก็รู้สึกแย่ขึ้นมา
หวังว่าไอ้คนที่ฉันส่งข้อความหาจะยอมทำตามคำสั่งง่ายๆ นะ ไม่อย่างนั้นเธอโวยวายบ้านแตกแน่
ღ
หลังจากส่งเจ้าหญิงถึงเรือนแก้วแล้ว
บอดี้การ์ดทุกคนยกเว้นทิมก็กลับมาประจำการที่คาสิโนที่ใหญ่หนึ่งในสามของประเทศ ซึ่งคาสิโนแห่งนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจเบื้องหลังที่อยู่ในความดูแลของตระกูลหงส์ฤดีเกียร์ติกุล
ทุกคนกลับมาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยและควบคุมสถานการณ์ตามที่เจ้านายหนุ่มสั่งเอาไว้
ภายในห้องทำงานใหญ่ชั้นสี่ของคาสิโน
มีชายร่างสูงกึ่งนั่งกึ่งนอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่กำลังอ่านข้อความที่เพิ่งจะเด้งขึ้นมา
พออ่านจบรังสีความไม่พอใจก็แผ่กดดันไปทั่วห้องจนทำให้เหล่าลูกน้องที่ยืนอยู่ไกลๆ ต้องขนลุกขนชันกันขึ้นมาทันที
มือแกร่งโยนโทรศัพท์ไว้ด้านข้างอย่างไม่สบอารมณ์
‘พรุ่งนี้ฉันจะไปมหา’ลัยด้วยรถของนาย
ฉะนั้นรอฉันนี่คือคำสั่ง’
รถของคิวไม่เคยมีใครได้ขึ้นมานั่งแม้แต่ผู้หญิงหรือคู่นอน
ทว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อแหกกฎเพื่ออยากจะเอาชนะปั่นหัวคิวก็เท่านั้นซึ่งคิวจะไม่ทำตามก็ได้แต่ว่าเขาก็ยอมเพราะไม่อยากมีปัญหา
เสียงด้านนอกที่ดังอยู่กระชากให้คิวออกจากภวังค์
เขาปลายตามองลูกน้องคนสนิทอีกคนเชิงอนุญาตให้รายงานได้
“มีคนโกงครับ”
เมืองสิงห์รายงานด้วยสีหน้านิ่งเรียบ บ่งบอกได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่พบเจอได้ทุกวัน
คิวถอนโบกมือไล่ให้ลูกน้องไปจัดการ
เพราะตอนนี้เขาไม่ได้มีอารมณ์จะไปสนใจเรื่องไร้สาระ
เมืองสิงห์คุมลูกน้องลงไปจัดการกับปัญหาด้านล่างให้เรียบร้อยก่อนที่ปัญหาพวกนั้นจะบานปลายจนต้องให้เจ้านายที่อารมณ์ไม่ดีมาจัดการ
เพราะถ้าถึงตอนนั้นจะเป็นพวกเขาเองที่ต้องเละแทน
คิวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
ปัญหาพวกนี้มันซ้ำซากจนเขาเบื่อหน่าย วันๆ มีแต่ปัญหาให้เขาต้องจัดการมากพออยู่แล้วแต่คุณหนูเอาแต่ใจนั่นยังหาเรื่องมาเพิ่มให้เขาต้องปวดหัวได้ทุกวี่ทุกวันก็เพราะต้องการจะปั่นหัวเขาก็เท่านั้น
คิวเลิกคิดถึงตัวปัญหาแล้วเอนหลังนอนหลับอยู่บนโซฟาเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า
ღ
เช้าวันถัดมาไอวี่ตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มาหยุดอยู่หน้ากระจกบานใหญ่
หมุนซ้ายขวามองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในนั้นแล้วก็ยิ้มขำออกมา
เสื้อนักศึกษารัดเสียจนหน้าอกแทบปริ
กระโปรงที่สั้นเลยเข่ามามากโข ใบหน้าเติมแต่งด้วยเครื่องสำอาง ทั้งตัวมีแต่เครื่องประดับวิบวับแสบตา
บอกได้เลยว่าเครื่องแต่งกายทุกอย่างบนตัวเธอผิดระเบียบทุกชิ้น!
ไอวี่หยิบกระเป๋าเดินออกมาจากห้องลงมาด้านล่าง
ริมฝีปากอวบอิ่มยกยิ้มขึ้นทันทีที่เห็นพี่ระเบียบหน้านิ่งยืนทำหน้าหงุดหงิดอยู่ตรงโซฟา
ถึงจะรู้สึกขัดใจกับใบหน้านั้นแต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายยอมทำตามคำสั่งที่ว่าจะให้ไปมหา’ลัยด้วยกัน
“พร้อมละ”
ไอวี่เรียกความสนใจจากคิวที่นั่งดูบางอย่างในโทรศัพท์อยู่
เมื่ออีกฝ่ายเห็นเธอเดินลงมาก็เก็บเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วลุกขึ้นยืน
ไอวี่เลิกคิ้วมองใบหน้าคมที่แสกนมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่เธอรู้ว่าคิ้วเข้มมันขมวดมากกว่าเดิม
“คุณท่านให้เธอไปทานอาหารเช้าด้วย”
คิวบอกเสียงเรียบ นี่คงเป็นประโยคยาวสุดในชีวิตของเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เพราะอะไรที่เกี่ยวกับปู่ของเธอเขามักจะทำตรงกันข้ามกับที่ทำกับทุกคน
เหมือนสุนัขที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของก็มิปาน..
“ไม่หิวไม่กินไปกันได้แล้ว”
ไอวี่บอกก่อนจะเดินดำอีกฝ่ายออกมา ถึงคิวจะส่งสายตาเรียบเฉยให้แต่ก็ไม่ได้ขัดคำสั่ง
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะไอวี่มีอำนาจเฉพาะในเขตบ้านและนอกมหา’ลัย
หากเป็นที่อื่นคิวสามารถที่จะไม่ทำตามได้เพราะนั่นเป็นสิทธิ์ของคิวที่ปู่ของไอวี่เคยขอเอาไว้
ไอวี่เรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยคิงส์ตันที่เป็นมหา’ลัยอันดับต้นๆ ของประเทศ
และแน่นอนที่ไอวี่เลือกเรียนคณะนี้ก็เพราะคิวเรียนอยู่ที่นั่นเนี่ยล่ะ
ใช่..เธอไม่ปฏิเสธว่าที่เรียนที่นั่นเพราะต้องการจะตามคิว
ก็ใครใช้ให้เขาเป็นคนที่คุณหนูแสนเอาแต่ใจอย่างเธอชอบกันล่ะ
คิวเป็นคนของคุณปู่และถูกโอนย้ายมาอยู่กับเธอเมื่อสองปีที่แล้ว
มีหน้าที่คุ้มกันตามคำสั่งที่ได้รับจากปู่ของเธอ และแน่นอนว่าเขามักจะปรากฎตัวและปกป้องเธอได้ทุกครั้งที่เกิดอันตราย
ไม่รู้ว่าเขารู้ได้ยังไงแต่เพราะเป็นอย่างนั้นเธอจึงอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้
คิว
คิวกรณ์ เป็นคนที่น่าเกรงขามในหลายๆ บทบาท หนึ่งคือผู้ทำหน้าที่บริหารงานต่างๆ
ในชื่อของไอวี่ แต่ในมหา’ลัยแห่งนี้เขาก็เป็นถึง ‘พี่ระเบียบ’ ที่ทุกคนต่างเกรงกลัวด้วยเช่นกัน
ชื่อเสียงของคิวคือคนที่ยึดมั่นในกฎระเบียบ
และเขาจะไม่ยอมให้นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ต้องออกนอกกฎที่บัญญัติเอาไว้
แต่ก็จะมีบางพวกเท่านั้นที่ยอมทำผิดเพื่อจะได้เจอพี่ระเบียบอย่างคิว
พวกที่คิดจะประเคนตัวเองให้ไอ้ขอนไม้เดินได้นั่นล่ะ
ไม่รู้ว่าเผลอคิดเรื่องคิวไปนานแค่ไหน
รู้สึกตัวอีกทีรถก็จอดนิ่งอยู่หน้าคณะแล้ว
“ลงไป
เที่ยงก็อย่าลืมไปรายงานตัวเรื่องเมื่อคืนด้วย”
ไอวี่ไหวไหล่ให้อย่างโนสนโนแคร์ใดๆ
ทั้งสิ้น ยังไม่รู้ว่าจะทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายหรือไม่เพราะถ้าเธอขัดคำสั่งคิวก็จะยิ่งไม่พอใจ
และแน่นอนว่าเขาคงไม่ปล่อยให้ใครทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชนในคณะแน่นอน
ไอวี่ปลดล็อคเบลท์แล้วสะพายกระเป๋าเตรียมจะเปิดประตูรถออกไปทว่าก็ต้องหยุดกายเอาไว้เสียก่อนเพราะเสียงทุ้มดุที่เปรยออกมาอย่างไม่พอใจเป็นประโยคยาวๆ
ดังขึ้น
“เสื้อรัดจนนมแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
กระโปรงตามระเบียบทางมหา’ลัยคือยาวเลยเข่าได้นิดเดียวแต่นี่สั้นเหมือนใส่แค่กางเกงในมา
หน้าตาแต่งอย่างกับจะไปเล่นงิ้ว เล็บก็แดงจนนึกว่าเป็นปอบ..”
ไอวี่เบิกตากว้าง
แปลกใจที่เขาพูดกับเธอเกินหกคำได้! และเธอก็ไม่ได้รู้สึกกลัวแต่รู้สึกตื่นเต้นดีใจแปลกๆ
ถึงคำที่พูดมาจะรุนแรง แต่ก็พูดมากกว่าเกณฑ์ของเขาที่พูดกับปู่ของเธออีก!!
ระหว่างเธอกับเขาก้าวหน้าขึ้นรึเปล่านะ?..
“...แต่งตัวเหมือนอยากจะให้คนฉุดตั้งแต่ยังไม่ออกจากบ้าน
มาเรียนไม่ต้องแรดมากก็ได้”
ไอวี่ได้สติก็รู้สึกขำขึ้นมา
ภายในใจมันฟูนุ่มไปหมด รึว่าคิวหวงเธอกันนะถึงพูดขึ้นมาแบบนี้
ไม่รู้ว่าเธอทำหน้าแบบไหนอยู่แต่ภายในใจรู้สึกดีมากเป็นพิเศษ ทว่าคนหน้าดุที่มองมาคงจะคิดว่าเธอไม่สลดกับคำพูดคิ้วเข้มๆ
จึงกระตุกถี่ยิบยิ่งกว่าเดิม
“นายพูดยาวๆ
ก็เป็นเหมือนกันนี่” คิวคงจะรู้ว่าถูกเธอปั่นประสาทจึงเบนสายตาไปมองเบื้องหน้าแทน “เย็นมารอกลับด้วยนะ”
“ไม่
เธอสั่งฉันไม่ได้” เสียงเข้มกดลึกจนไอวี่นิ่งไป
เวรละ!
ลืมสนิท! ว่าไม่สามารถสั่งเขาที่นี่ได้!
เมื่อไอวี่ลงรถมาคิวก็ขับออกไปจากตรงนี้ทันที
ไอวี่มองตามจากนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมา เอาเถอะครั้งนี้เธอจะยอมเขาไปก่อน
เพราะเธอพลาดเองที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคำสั่งของเธอไม่มีผลกับเขาในเขตรั้วมหา’ลัย
ไอวี่หันหลังเดินเข้าไปในตึกเรียนทันทีโดยเมินเฉยต่อสายตาและคำนินทาต่างๆ
ที่ได้ยิน ไอ้ประโยคที่ว่า ‘ยัยนี่เป็นใครถึงมากับท่านคิวได้’
‘ผู้หญิงหน้าด้านที่ริอาจเทียบเสมอพี่ระเบียบสุดหล่อ’
‘พี่คิวไม่เคยให้ใครนั่งลูกรักทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้กล้า
นางเป็นใครกัน!’
อาจเพราะไม่เคยมีใครเข้าใกล้คิวแบบที่เธอถึงกำลังเป็นจึงลำพองใจก็เลยไม่ถือสาคำพูดเหล่านั้นสักเท่าไร
แต่เธอจะไม่มีวันบอกกับใครแน่นอนว่าที่เขามาอยู่ใกล้ๆ เธอยอมให้เธอนั้นเป็นเพราะอะไร
ความคิดเห็น