คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : The Quell - 03
03
หลังจากต้องอยู่นิ่งๆเป็นตุ๊กตาให้ทีมแต่งตัวจัดการขัดถูแต่งหน้าแต่งตัวอยู่หลายชั่วโมง จื่อเทาก็ถูกพาตัวมายังโรงม้าชั้นล่างสุดของศูนย์แปลงโฉม มายืนรอเวลาเริ่มพิธิเปิดอยู่ข้างๆรถเทียมม้า ส่วนซูจีนั้น ทีมแต่งตัวของเธอบอกว่าชุดยุ่งยากและใช้เวลาแต่งนาน จะลงมาทีหลัง จื่อเทาก็เลยต้องมายืนรออยู่คนเดียว
เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยเสื้อกั๊กแขนกุดสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีน้ำตาล รองเท้าบูทหนาๆสีเดียวกัน เขาขยับเสื้อคลุมยาวสีเข้าที่ใส่ทับไว้นอกสุด ก่อนหันมาสนใจพิจารณาใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนตัวรถเทียมม้าโลหะอย่างเห็นเป็นของแปลก ดวงตาข้างหนึ่งถูกปิดด้วยผ้าปิดตาหนังสีดำ หมวกสีดำทับอยู่บนศีรษะที่มีผ้าสีแดงคาดบริเวณหน้าผาก ลูกปัดไม้ห้อยระข้างใบหน้า ยังดีที่สไตลิสต์ที่ดูแลเขาไม่สั่งให้เขาปลูกหนวดหรือใส่ตะขอที่มือเพื่อจะได้ดูสมกับเป็นโจรสลัดมากกว่านี้
ตามธรรมเนียมแล้วการแต่งตัวของบรรณาการในพิธีเปิดจะสะท้อนถึงอุตสาหกรรมหลักของเขตที่ตนอยู่ เขตสี่ทำอุตสาหกรรมประมง มีอยู่ปีหนึ่งที่บรรณาการชายของเขตแต่งตัวด้วยเชือกหรือวัสดุอะไรสักอย่างเอามาถักเป็นแห ซึ่งปิดร่างกายบางส่วนได้อย่างหมิ่นเหม่น่าหวาดเสียว จื่อเทานึกขอบคุณที่สไตลิสต์คนใหม่ของเขตมีความสนใจเกี่ยวกับตำนานเรื่องลึกลับ เขาเลยได้แต่งแบบนี้แทนจะที่จะต้องเอาเชือกสานมาพันเอว
“ว่าไงโจรสลัด หมวกสวยนะ”
เสียงทักที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้จื่อเทาหันไปดู แล้วก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
ผู้มาใหม่เป็นบรรณาการชายที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกับจื่อเทา เตี้ยกว่าเล็กน้อยและผิวขาวกว่า แต่ที่สะดุดตาคือผมของอีกฝ่ายถูกย้อมเป็นสารพัดสี ทั้งสีเหลือ ส้ม ชมพู ฟ้า ม่วง เขียว เรียกได้ว่าสีรุ้งเลยทีเดียว ยังดีที่เจ้าตัวผิวขาว มันเลยดูไม่น่าเกลียด จื่อเทาคิดว่าถ้าตัวเองทำคงดูประหลาดพึลึกและตลกกว่านี้แน่นอน
“สีผมนายก็สวยดี”
อีกฝ่ายเบ้ปาก ท่าทางจะไม่ถูกใจสีผมใหม่นัก ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง โดยยื่นมือข้างหนึ่งออกมา
“ฉันโอเซฮุน เขตห้า”
เขตห้า เขตที่มีประชากรอาศัยอยู่น้อยที่สุดในสิบสองเขต เป็นเขตที่เป็นแหล่งผลิตพลังงานกระแสฟฟ้าให้กับพาเน็ม
จื่อเทาพิจารณาการแต่งตัวของอีกฝ่าย เสื้อเชิ้ตสีสันประหลาดๆ มีทั้งสีดำ ม่วง น้ำเงิน เหมือนหยดสีน้ำที่ไม่ผสมรวมกัน และยังมีจุดสีขาวกระจายอยู่ทั่ว จ้องอยู่ครู่หนึ่งถึงรู้ว่ามันเป็นลายห้วงอวกาศ
เอาเถอะ อย่างน้อยก็ดูธรรมดากว่าเครื่องแบบโจรสลัดของเขา ถ้าไม่พูดถึงสีผมนะ
“หวง จื่อเทา เขตสี่” จื่อเทายื่นมือไปจับตอบ อย่างน้อยตอนนี้ไม่สร้างศัตรูน่าจะดีที่สุด
อีกอย่าง…สีผมของหมอนี่ก็ตลกดีด้วย
“นายได้ไปทำอะไรให้บรรณาการคนอื่นเหม็นขี้หน้ารึเปล่า” เซฮุนถาม
คนถูกถามขมวดคิ้ว ตั้งแต่มาถึงแคปิตอล ลงจากรถไฟมาเขาก็ถูกพาไปหาทีมแต่งตัว นั่งเป็นหุ่นจนแต่งตัวเสร็จแล้วก็ลงมายืนรอเวลาอยู่นี่ จริงๆวันนี้ยังไม่ได้คุยกับใครนอกจากพี่เลี้ยง ทีมแต่งตัว สไตลิสต์ แล้วก็เซฮุนนี่แหละ
“เปล่านะ ทำไม”
“หมอนั่นจ้องมาทางนี้ตั้งนานแล้ว ข้างหลังนายน่ะ”
จื่อเทาหันไปดูตามที่อีกฝ่ายบอก
มีคนจ้องเขาจริงๆ ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาว เหมือนชุดของเจ้าชาย เขาจำหน้าได้ บรรณาการชายของเขตหนึ่งคนที่เจียบอกว่าน่าจะเป็นขวัญใจสปอนเซอร์
ฝ่ายนั้นมองมาที่เขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงออกว่าคิดอะไรอยู่ แต่แค่สายตาที่จ้องมาก็มากพอแล้วที่จะทำให้จื่อเทารู้สึกแปลกๆ
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่หลบตา จื่อเทาจ้องอีกฝ่ายกลับ ปากก็คุยกับเซฮุนไปด้วย
“ไม่เคยเจอ ไม่เคยคุยกัน ฉันจะไปทำให้เขาไม่ชอบขี้หน้าได้ยังไง”
“ไม่รู้สิ” เซฮุนว่า “หมายหัวนายไว้รึเปล่า อาจจะเห็นหน้านายตอนวันเก็บเกี่ยว แล้วก็เล็งไว้”
บ้าไปแล้ว
ยังไม่ทันจะได้อ้าปากแย้งอะไร เสียงเรียกชื่อเซฮุนก็ดังขึ้นก่อน อีกฝ่ายแอบทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนบอกลาจื่อเทาแล้วเดินไปที่รถม้าของเขตตัวเอง
ไม่นานหลังจากนั้นซูจีที่แต่งตัวเสร็จแล้วก็ลงมาพร้อมกับสไตลิสต์ บรรณาการทั้งสองคนขึ้นไปยืนข้างกันบนรถเทียมม้า ก่อนเสียงเพลงในพิธีเปิดจะแผดดังไปทั่วแคปปิตอล ประตูบานใหญ่เปิดออก รถเทียมม้าทั้งสิบสองคันจะแล่นไปตามถนนซึ่งมีชาวแคปิตอลรอชมบรรณาการอยู่เต็มสองฝาก ไปสู่วงเวียนกลางเมือง ที่ซึ่งประธานาธิบดีจะกล่าวต้อนรับเหล่าบรรณาการ
ในขณะที่รถม้าวิ่งไปตามถนน จื่อเทาสังเกตเห็นว่าบรรณาการจากเขตหนึ่งทั้งหญิงชาย ในชุดเจ้าชายเจ้าหญิงเข้าคู่กัน ได้รับเสียงเชียร์จากชาวเมืองมากกว่าเขตอื่นๆ เขากระซิบถึงสิ่งที่สังเกตได้นี้กับซูจี ซึ่งตอบกลับมาว่า ไม่น่าแปลกใจเลย ทั้งพี่เลี้ยงและสไตลิสต์ก็พูดว่าเขตหนึ่งเป็นคนโปรดของแคปิตอล
เมื่อรถเลี้ยวเข้าวงเวียน จื่อเทาแอบเหลือบมองรถม้าของเขตห้าที่ตามหลังมาก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา
“อะไร” ซูจีถามด้วยความสงสัย จื่อเทาชี้มือไปทางรถของเขตห้า
บรรณาการหญิงของเขตห้าอยู่ในชุดลายประหลาดๆเหมือนเซฮุน แต่ใส่กระโปรง และไม่ได้ย้อมผมสีรุ้ง แต่ตอนนี้จุดขาวๆเล็กๆที่กระจายบนชุดของทั้งสองคนเปล่งแสงออกมาเหมือนเป็นดวงดาว เข้ากับลายอวกาศของเสื้อ
เขตห้า – พลังงาน
ทีนี้ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมลายเสื้อมันถึงประหลาดๆแบบนั้น
แต่เรื่องผมสีรุ้งของเซฮุน… ยังไม่เข้าใจจริงๆ
หลังจากประธานาธิบดีกล่าวคำต้อนรับ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีเปิด รถเทียมม้าทั้งสิบสองคันนำบรรณาการเข้าสู่ศูนย์ฝีกซ้อม ซึ่งจะเป็นที่พักสำหรับบรรณาการจนถึงวันแข่งขัน
จื่อเทายืนรออยู่หน้าลิฟต์คนเดียว เหวี่ยงหมวกในมือเล่นแก้เบื่อ ด้วยความที่ชุดของซูจีได้แรงบันดาลใจมาจากนางเงือก กระโปรงมันจึงยาวเอามากๆ ทำให้มีแค่สี่คนที่เข้าลิฟต์ไปได้ ส่วนลิฟต์อีกตัวหนึ่งนั้นคนก็เต็มก่อนแล้ว
“เจอกันอีกแล้วนะ” เสียงทักดังขึ้นจากข้างหลัง จื่อเทาจำได้ว่าคือเสียงบรรณาการชายเขตห้าที่มีผมสีรุ้ง
“อย่าบอกนะว่านายก็โดนทิ้งไว้เหมือนกัน” เขาถาม อีกฝ่ายแค่ยักไหล่
ลิฟต์มาถึงพอดี ทั้งสองคนก้าวเข้าไปข้างในก่อนจะกดหมายเลขชั้นตามเขตของตัวเอง
แต่ประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิดเปิดออกอีกครั้ง ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองคนที่เข้ามาใหม่ก่อนชะงักไป
คริส อู๋ บรรณาการชายเขตจากหนึ่ง
จื่อเทาเผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาในลิฟต์
เพราะอะไรบางอย่าง อาจจะเพราะสายตาของคริสที่มองมา ทำให้เขาตัดสินในจะทำเหมือนตัวเองเป็นผนังลิฟต์จนกว่าอีกฝ่ายจะออกไป
“สวัสดี นาย… คริส ใช่ไหม?”
เป็นเซฮุนที่ทำลายความเงียบขึ้น คริสพยักหน้าตอบรับ
“ฉันโอ เซฮุน เขตห้า ส่วนนี่…”
“หวง จื่อเทา เขตสี่” คริสพูดแทรกขึ้นมา หันมามองเขาด้วยรอยยิ้มที่ดูยังไงก็ไม่ชวนให้ยิ้มตอบ
ให้ตาย จื่อเทาคิดว่าเซฮุนพูดถูกแล้วที่ว่าเขาถูกหมายหัวไว้
คริสมองเขาหัวจรดเท้าอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนหันไปคุยกับเซฮุน
“เสื้อสวย”
เซฮุนทำหน้าประหลาดๆเหมือนอยากจะถามว่า ไอ้ลายกาแล็คซี่เนี่ยนะสวย…
ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี คริสก้าวออกไปแต่ยังไม่วายหันมา
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้ ตอนฝึกซ้อม”
จื่อเทาคิดไปเองรึเปล่าว่าคริสจงใจหันมาพูดกับเขาโดยเฉพาะ
“ตลกดีแฮะ…” เซฮุนว่า หลังจากประตูลิฟต์ปิดเรียบร้อย “หมอนี่แปลกๆดีนะว่าไหม”
จื่อเทาถูกวิกตอเรียเคาะห้องปลุกในตอนเช้า ตอนที่เดินออกมาทางอาหารก็ยังไม่หายงัวเงีย ขอบตาดำๆที่แม่บอกว่าเหมือนหมีแพนด้ายิ่งชัดเจนกว่าเดิม
เมื่อวานกว่าเขาจะนอนหลับได้ก็ดึกมากแล้ว เพราะสมองหยุดคิดไปเรื่องเปื่อยไม่ได้ ทั้งเป็นห่วงแม่ ทั้งคิดเรื่องการจะต้องแข่งเกมล่าชีวิต คิดเรื่องการฝึกซ้อมทั้งสามวัน ที่เริ่มวันนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จะได้พบบรรณาการทุกคน
และไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเขาคิดเรื่องบรรณาการชายของเขตหนึ่ง
มันเป็นเพราะเซฮุนที่พูดเล่นๆว่าเขาโดนหมายหัว ประกอบกับสายตาของคริสที่มองเขาเหมือนจะให้ทะลุไปถึงในสมองที่ทำให้จื่อเทาระแวงแบบนี้ และรู้สึกว่า คริส อู๋ ไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย
หลังทานมื้อเช้าเรียบร้อย จื่อเทากับซูจีลงลิฟต์ไปยังชั้นใต้ดินของศูนย์ฝึกซ้อมด้วยกัน คำแนะนำที่จื่อเทาได้จากโจวมี่คือให้พยายามเรียนรู้สิ่งที่ไม่รู้และน่าจะเป็นประโยชน์ในสนามประลอง แต่ก็อย่าลืมฝึกการต่อสู้ไปด้วย ถ้ามีอะไรที่ไม่อยากฝึกให้บรรณาการคนอื่นเห็นหรือรู้ ก็ให้เก็บไว้ฝึกในวันสุดท้ายตอนช่วงเวลาการฝึกส่วนตัว
ขณะที่มีคนทำป้ายผ้าที่ระบุหมายเลขสี่มาติดที่หลังให้ จื่อเทาสำรวจโรงยิมขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นที่ฝึกซ้อมอย่างสนใจ มีทั้งลู่วิ่ง เครื่องออกกำลังหลายอย่าง ทุ่มน้ำหนัก ลานซ้อมต่อสู้มือเปล่า อาวุธสารพัดชนิดให้ฝึกซ้อม นอกจากนั้นยังมีสถานีฝึกทักษะต่างๆ ทั้งผูกเงื่อน ก่อไฟ พรางตัว สนเรื่องพืชและแมลงกินได้
อย่างเดียงที่ไม่มีให้ฝึกซ้อมที่นี่คือว่ายน้ำ บรรณาการถ้าไม่เข้าไปในสนามโดยว่ายน้ำเป็นอยู่แล้ว ก็ต้องเรียนรู้เร็วมากหากมีเหตุจำเป็นให้ต้องลงน้ำ อย่างมีอยู่ปีหนึ่ง ที่ผู้คุมเกมทำเขื่อนแตก บรรณาการของปีนั้นชนะเพราะว่ายน้ำเก่งที่สุด คือบรรณาการจากเขตสี่นั่นเอง
นี่คือความได้เปรียบของเขตสี่อย่างหนึ่ง จื่อเทาว่ายน้ำในทะเลที่มีคลื่นตลอดเวลาได้คล่องตั้งแต่ยังเด็กๆ
หวังว่ามันจะช่วยเขาได้ในสนามประลอง
บรรณาการทั้งยี่สิบสี่คนยืนล้อมกัน หัวหน้าผู้ฝึกสอนแนะนำตารางการฝึกและร่ายรายชื่อสถานีฝึกทักษะต่างๆที่บรรณาการสามารถเลือกเข้าไปฝึกได้ตามความต้องการ ตามแผนการฝึกที่พี่เลี้ยงแนะนำ ตอนหัวหน้าผู้ฝึกสอบจะบอกเลิกกลุ่ม
จื่อเทายืนหันซ้ายหันขวาอยู่ครู่หนึ่ง เลือกไม่ถูกว่าจะทำอะไรก่อนดี ซูจีแยกออกไปดูตรงอาวุธพวกดาบ มีดชนิดต่างๆ พอดีกับที่เซฮุนเดินมาหาแล้วชวนไปฝึกด้วยกัน
ทั้งสองคนเลือกมาสถานีผูกเงื่อนเพราะไม่มีคน ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับคนอื่นๆ จื่อเทาเคยเรียนสานแหสานอวนมาจากปู่เลยลองทวนความจำดู โชคดียังไม่ลืม ต่อจากนั้นจึงเรียนเงื่อนต่างๆที่น่าจะเป็นประโยชน์ เช่นกับดักสัตว์ต่างๆ เซฮุนเรียนรู้ได้ไว และผูกเงื่อนแปลกๆได้หลายแบบ ซึ่งบางอันก็ไม่น่าจะใช้ประโยชน์ในสนามประลองได้ อย่างเช่นเงื่อนทีดูเหมือนเงื่อนตายพันกันแน่น แต่ถ้ากระตุกถูกจุดทีเดียวปมก็หลุดหมด
ชั่วโมงต่อมาจื่อเทาแยกมาสถานีสอนเกี่ยวกับการทำเพิงที่พักคนเดียว เพราะเซฮุนยังสนุกกับการผูกเงื่อน ขณะที่เขากำลังพยายามมัดกิ่งไม้ที่มีใบใหย่สองกิ่งเข้าด้วยกันเพื่อทำเป็นหลังคาเพิงอย่างทุลักทุเล เพราะต้องจับกิ่งไม้ให้พิงกันอยู่นิ่งๆในขณะที่พยายามผูกเชือก มือของใครบางคนก็เอื้อมมาจับมันไว้ให้
“ไง”
เสียงนั้นทุ้ม ดังอยู่ข้างหู ด้วยความที่ยืนอยู่ใกล้มากทำให้ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเจ้าของเสียงตัวสูงกว่าเขา ซึ่งมันก็มีอยู่ไม่ก็คนหรอกในที่นี้
คริส
“…ขอบใจ” จื่อเทาตอบ ก่อนรีบมัดเชือกเข้ากับกิ่งไม้ จัดให้เข้าที่ก่อนถอยออกมาพิจารณาเพิงพักอย่างง่ายจากกิ่งไม้ฝีมือตัวเอง พยายามไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ถ้าพายุมาน่าจะช่วยไม่ได้เท่าไหร่นะ” คริสวิจารณ์ แน่นอนอยู่แล้วว่าไอ้เพิงนี่กันพายุหนักๆไม่ได้ แต่ถ้าฝนตกเฉยๆก็น่าจะพอได้อยู่หรอก
“อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีอะไรละน่า!”
จื่อเทาหันไปเถียงอย่างลืมตัว อีกฝ่ายแค่ยิ้มขำๆแล้วเอ่ยถาม
“ไปที่อื่นกันต่อไหม”
เดี๋ยวนะ เราไปรู้จักสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่
จื่อเทาอยากจะถามออกไปแบบนั้นด้วยความงุนงง แต่บวกลบคูณหารแล้วคงไม่ดีเท่าไหร่
“เอาสิ อยากไปสถานีไหนละ”
หลังจากนั้นจื่อเทากับคริสก็ไปสถานีสอนจุดไฟ ต่อด้วยสวนเรื่องพืชผักกินได้ คริสอยากไปเรียนการพรางตัวโดยใช้สีและวัสดุต่างๆจากธรรมชาติ แต่จื่อเทาดูท่าแล้วว่าหมอนี่คงอยากละเลงสีเล่นมากกว่าเรียนจริงๆเลยชวนไปสถานีสอนเรื่องแมลงกินได้ดีกว่า
อาหารเที่ยงมีจัดไว้ให้ที่ห้องข้างๆ เป็นแบบให้ตักเอง โต๊ะนั่งก็คล้ายๆโต๊ะในโรงอาหารโรงเรียน จื่อเทาเดินไปตักอาหาร(โดยมีคริสเดินตามมาด้วย) เห็นเซฮุนโบกมือเรียกอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ข้างๆมีบรรณาการชายที่อายุเท่าๆกันนั่งอยู่ด้วยคนหนึ่ง
“ได้เพื่อนใหม่เหมือนกันเหรอ”
เห็นว่าคนที่ตัวเองถามไม่ตอบเซฮุนเลยหันไปหาคริสที่นั่งลงข้างๆจื่อเทาแทน
“นายไม่ต้องไปอยู่กับพวกนั้นหรือไง”
‘พวกนั้น’ ที่เซฮุนพูดถึงคือกลุ่มบรรณาการของเขตสองทั้งชายหญิง และบรรณาการหญิงของเขตหนึ่งที่นั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะตัวที่อยู่กลางห้องอาหาร
ตามปกติ บรรรณาการมืออาชีพจะรวมกลุ่มกันตั้งแต่ตอนฝึกซ้อม ทำอะไรด้วยกัน แสดงท่าทีเหนือกว่าเพื่อข่มขวัญบรรณาการเขตอื่นๆที่ต่างแยกตัวโดดเดี่ยว
“ไม่ล่ะ นั่งกับพวกนายน่าจะสนุกกว่า”
ไอ้หมอนี่มันแปลกอย่างที่เซฮุนว่าจริงๆด้วย
เซฮุนแนะนำเพื่อนใหม่ว่าชื่อ คิม จงอิน จากเขตสิบสอง เจ้าตัวบอกว่าจะเรียกว่า ไค ก็ได้ จงอินตัวเตี้ยกว่าเซฮุนเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงกว่าเซฮุนที่ออกจะผอมแห้ง ผิวเข้ม หน้าตาเหมือนจะง่วงนอนตลอดเวลา แต่ก็ดูเป็นคนคบได้ ไม่ได้มีรังสีไม่น่าไว้ใจแผ่ออกมาเหมือนคริส และถึงจะเป็นทายาทชายของผู้พิชิตคนเดียวของเขตสิบสอง ถูกมัดมือชกให้มาเป็นบรรณาการแบบไม่มีตัวตายตัวแทน จงอินก็ดูจะไม่เดือดร้อนสักเท่าไหร่ ยังพูดติดตลกอยู่เลยว่า
‘อย่างน้อยก็ทำให้ครั้งหนึ่งในชีวิตได้เข้ามาในแคปิตอล กินอาหารได้ไม่อั้น จานก็ไม่ต้องล้างเอง’
จื่อเทาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“นี่ ดูนี่” เซฮุนเรียกให้สามคนที่เหลือหันไปสนใจตัวเอง เมื่อเห็นว่าต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินไม่พูดอะไรกันอีก
ในมือของเซฮุนมีช้อนอยู่คันหนึ่ง ถือไว้ด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้งจับบริเวณโคนด้ามช้อน
“ดูดีๆนะ” คนผมสีรุ้งย้ำ ขยับมือเล็กน้อย ก่อนด้ามช้อนจะค่อยๆงอลงมา
“เฮ้ย ไม่จริงอะ”
เซฮุนหัวเราะกับท่าทางไม่เชื่อของจงอิน ส่งช้อนที่งอผิดรูปให้อีกฝ่ายไปพิจารณา
“นายเป็นนักมายากล?” คริสถาม เขาเคยเห็นกลแบบนี้มาบ้าง ความสมจริงขึ้นอยู่กับการแสดงและเบี่ยงเบนความสนใจจองคนดูรอบข้าง
“เปล่า แค่งานอดิเรกนะ เขตฉันคนน้อยกว่าเขตอื่น นายก็รู้ มันไม่มีเพื่อนเล่นฉันก็เลยฝึกเล่นแก้เบื่อเวลาว่าง ไว้วันพรุ่งนี้จะเอาไพ่มาเล่นให้ดู”
ในตอนนั้นเอง หัวหน้าผู้ฝึกสอนก้าวเข้ามาในห้องทานอาหาร ประกาศเสียงดังฟังชัดว่า หัวหน้าผู้คุมเกมที่เพิ่งมาถึงอยากจะลงมาพบกับทุกคน
“ทำไมต้องลงมาพบด้วยละ ไม่เห็นเคยได้ยิน” เสียงซุบซิบดังไปทั่วขณะที่ผู้รักษาสันติภาพสองคนก้าวเข้ามาในห้องอาหาร ตามปกติ คณะผู้คุมเกมจะคอยสังเกตบรรณาการขณะฝึกซ้อม จากระเบียงชั้นลอย ซึ่งจะทำให้เห็นห้องฝึกและบรรณาการทั้งหมด ผู้คุมเกมจะไม่พูดคุยกับบรรณาการนอกจากเวลาการฝึกซ้อมส่วนตัวซึ่งมีการประเมินให้คะแนนบรรณาการแต่ละคน
“ปีนี้เปลี่ยนหัวหน้าผู้คุมเกมคนใหม่ ได้ยินมาว่าเป็นหัวหน้าผู้คุมเกมอายุน้อยที่สุดตั้งแต่มีเกมล่าชีวิต” คริสอธิบายเสียงเบา
ผู้พิทักษ์สันติภาพหนึ่งในสองคนหันไปส่งสัญญาณให้ข้างนอกห้อง ก่อนที่ผู้พิทักษ์สันติภาพอีกลายคนจะเดินเข้ามาเป็นแถว เหมือนจะคุ้มกันคนสำคัญ ทั้งหมดมายืนเรียงกันเป็นแถว ก่อนที่คนในชุดสูทสีเข้มจะก้าวออกมาข้างหน้า
หัวหน้าผู้คุมเกมเป็นชายหนุ่มร่างเล็ก ยิ่งเมื่อยืนอยู่ท่างกลางผู้พิทักษ์สันติภาพในเครื่องแบบและอาวุธครบมือ ยิ่งดูตัวเล็กกว่าเดิม ดวงตาโตๆที่กวาดมองมาอย่างสนใจทำให้ ใบหน้านั้นดูเด็ก จนไม่น่าเชื่อว่าจะมีตำแหน่งสำคัญอย่างหัวหน้าผู้คุมเกมได้ ริมฝีปากยกยิ้มจนกลายเป็นรูปหัวใจ ก่อนจะกล่าวทักทาย
“สวัสดีครับ ผมดีโอ เป็นหัวหน้าผู้คุมเกมคนใหม่”
เคร้ง!
เสียงช้อนงอๆหลุดจากมือของคิม จงอินลงกระทบกับโต๊ะ ก่อนเสียงที่เบากว่ากกระซิบจะรอดออกมาจากปาก
“…คยองซู…”
++++++++++++++++++++++++
รีบมาต่อก่อนเพราะพรุ่งนี้ไม่อยู่
จริงๆพิมพ์เสร็จตั้งแต่เมื่อวานแต่ไม่ได้อัพเพราะมัวแต่เล่นเกม
อยากได้ขอรางวัลอะ แต่ไม่ชนะ งอแงแป๊บ เกมมันยาก
บ่นแค่นี้แหละ แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ
ปล. เวิ่นใน Twitter อย่าลืมติดแท็ก #thequellexo นะคะ
ความคิดเห็น