คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : The Quell - 02
02
บนรถไฟที่นำบรรณาการจากเขตสี่ตรงไปยังแคปิตอล วิคตอเรีย พี่เลี้ยงจากแคปิตอลจัดการตามตัวทุกคนมานั่งร่วมโต๊ะกันมนเวลาอาหารเย็นเพื่อจะได้ทำความรู้จักกัน
เช่นเดียวกับเขตหนึ่งและเขตสองซึ่งมีผู้พิชิตมากกว่าเขตอื่นๆ เขตสี่มีพี่เลี้ยงซึ่งเป็นอดีตผู้พิชิตสองคนที่คอยดูแลบรรณาการของเขต
เจีย เป็นผู้พิชิตหญิงคนล่าสุดของเขตสี่
ส่วน โจวมี่ พี้เลี้ยงอีกคนเป็นผู้พิชิตที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขตสี่ที่ยังมีชีวิตอยู่
บรรณาการอีกคนของเขต ซูจี นั้น จื่อเทาไม่เคยได้คุยด้วย เพราะอยู่กันคนละกลุ่มที่โรงเรียน ถึงจะเคยเห็นกันตั้งแต่เด็กๆที่เขายังอยู่ที่หมู่บ้านผู้พิชิต แต่ก็ไม่เคยได้เล่นกัน
“อิ่มแล้วเหรอ ทานไปได้นิดเดียวเอง” วิคตอเรียหันมาถามเมื่อเห็นเขาว่าส้อมลง
จื่อเทาพยักหน้า จริงๆแล้วมันก็ไม่เชิงอิ่ม พูดว่ากินไม่ลงจะถูกกว่า
โจวมี่มองดูคนที่นั่งเงียบ ก่อนตันสินใจพูดขึ้นมา
“สองคนนี้ ไม่สนิทกันใช่ไหม”
ซูจีกับจื่อเทาหันมามองหน้ากัน
“รู้จักเฉยๆ ไม่ค่อยได้คุยกันหรอกค่ะ” เจียเป็นคนตอบ
โจวมี่พยักหน้ารับรู้ ก่อนถามต่อ “งั้นอยากจะฝึกด้วยกันหรือฝึกเดี่ยวละ”
“ไม่ใช่ว่าเขตเราร่วมมือกับเขตหนึ่งและเขตสองทุกปีเหรอครับ”
ตามปกติแล้ว บรรณาการมืออาชีพจากเขตหนึ่ง สอง และสี่ จะมีการรวมกลุ่มในตอนต้นๆของการแข่งเกมล่าชีวิต แบ่งเสบียงและอาวุธจากคอร์นูโคเปียกัน และช่วยกันไล่ล่าบรรณาการจากเขตอื่นๆ หลังจากนั้นพอผู้เขาแข่งขันเหลือน้อย ก็จะหันมาต่อสู่เข่นฆ่ากันเอง
“นั่นมันเป็นแค่กลยุทธ์ในการสู้ ไม่ใช่กฎที่ต้องทำตามทุกปี” คราวนี้เป็นเจียที่พูดขึ้น ในปีที่เธอแข่งนั้น เจียก็ไม่ได้เข้ารวมกลุ่มกับมืออาชีพจากเขตอื่นๆ แต่ฉายเดี่ยวตั้งแต่ต้น ทั้งการหาอาหาร น้ำ และที่พัก และในที่สุดเธอก็ชนะ
“ว่าไง แยกกันฝึกดีกว่าไหม” ซูจีหันมาถามจื่อเทา
“ก็ได้ครับ แยกกันฝึกก็ได้ ”
หลังจากทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย วิคตอเรียต้อนทุกคนให้เข้าไปในห้องนั่งเล่นที่หรูหราเกินกว่าจะมาอยู่บนรถไฟ ก่อนจะเปิดโทรทัศน์เพื่อดูสรุปเหตุการณ์วันเก็บเกี่ยว ซึ่งมีการถ่ายทอดสดไปทั่วพาเน็ม และประชาชนทุกคนต้องดู โดยมีโจวมี่กับเจียคอยวิเคราะห์บรรณาการจากแต่ละเขตให้ฟังไปด้วย
“ว้าว” เจียร้องขึ้นเบาๆ เมื่อบรรณาการชายจากเขตหนึ่งก้าวขึ้นไปบนเวทีหลังจากถูกประกาศชื่อ “สปอนเซอร์ครึ่งหนึ่งในแคปปิตอลต้องเล่นข้างหมอนี่แน่”
เมื่อมองดูบรรณาการจากเขตหนึ่งชัดๆ จื่อเทาไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยว่าทำไมเจียถึงพูดแบบนั้น ถึงตามปกติแล้วบรรณาการจากเขตหนึ่งจะเป็นคนโปรดของแคปิตอลอยู่แล้วทุกปี
คริส อู๋ เป็นชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาหล่อเหลาจนเหมือนรูปปั้นมากกว่ามนุษย์ ผมสีทองยิ่งทำให้ดูเขาเหมือนเจ้าชาย แน่นอนว่าคนคนนี้ต้องเป็นที่ถูกอกถูกใจของบรรดาเศรษฐีนีผู้ร่ำรวยในแคปิตอล
ซึ่งหมายความว่า คริส อู๋ จะไม่มีปัญหาเรื่องอาหารการกินเลย เพราะสปอนเซอร์(ผู้หญิง) จำนวนมากมาย ต้องคอยส่งของขวัญเข้าไปให้ไม่ขาดมือแน่นอน ในขณะที่บรรณาการคนอื่นๆอาจจะต้องพยายามแทบตายที่จะหาอาหารแต่ละมื้อในสนามประลองถ้าไม่มีสอปนเซอร์ช่วยเหลือ
มีเรื่องตื่นเต้นเล็กน้อยในเขตสอง หลังจากการจับชื่อบรรณาการหญิง ในตอนที่กำลังจะจับรายชื่อบรรณาการชายนั้น
“ผมขออาสา!”
มือของพี่เลี้ยงประจำเขตที่กำลังจะคว้ากระดาษในลูกบอลแก้วชะงัก
“ผมขออาสาเป็นบรรณาการของเขตสอง”
เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนเจ้าของเสียงจะแหวกบรรดาลูกหลานของผู้พิชิตออกมายืนข้างหน้า
“ขึ้นมาบนเวทีเลยครับ ”
การขออาสาเป็นเรื่องปกติของเขตสอง ลูกชายของเหล่าผู้พิชิตที่เหลือมีสีหน้าโล่งใจที่ตัวเองไม่ต้องเข้าไปแข่งขัน
“ขอทราบชื่อด้วยครับ”
ผู้ขออาสายกยิ้ม นัยน์ตากลมๆที่ดูเหมือนลูกกวางหันมองกล้องข้างเวที
“ลู่หาน ครับ”
เขตอื่นๆหลังจากนั้นไม่มีอะไรน่าสนใจมาก นอกจากจื่อเทามาสังเกตว่าหน้าเขาซีดมากจนเหมือนจะเป็นลมตอนอยู่บนเวที บรรณาการคนอื่นๆดูที่สะดุดตาและเป็นที่จดจำมีเด็กหนุ่มผอมสูงหน้าตาดีจากเขตห้า ที่โจวมี่บอกว่าน่าจะเป็นตัวหารสปอนเซอร์กับบรรณการชายเขตหนึ่ง ชายหนุ่มตัวสูงอีกคนจากเขตหกที่รอยยิ้มไม่หายไปจากใบหน้าเลยตั้งแต่ตอนยืนรอประกาศชื่อจนถึงตอนที่ยืนอยู่บนเวที เด็กหญิงจากเขตแปดที่ร้องกรี๊ดอย่างหวาดกลัวและเริ่มร้องไห้หลังจากชื่อถูกประกาศออกมา และสุดท้ายเด็กหนุ่มผิวเข้มบรรณาการชายจากเขตสิบสองที่เป็นคนเดียวซึ่งยืนอยู่ในเขตเชือกที่กั้นไว้สำหรับลูกชายของผู้พิชิต
“เขตสิบสองมีผู้พิชิตน้อยที่สุดในพาเน็ม หมอนั่นเป็นทายาทผู้พิชิตคนเดียวที่เป็นผู้ชาย” โจวมี่อธิบาย ก่อนบอกให้แยกย้ายกันไปพักผ่อน
“ราตรีสวัสดิ์นะจ๊ะ พักผ่อนให้เต็มที่นะ พรุ่งนี้มีเรื่องต้องทำอีกเยอะ” วิกตอเรียพูดเมื่อมาส่งที่หน้าห้อง
ในห้องพัก จื่อเทานอนเหม่อมองเพดานห้องอยู่นานหลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย คิดอะไรไปเรื่อบเปื่อยก่อนจะนึกถึงแม่ที่เข้ามาลาเมื่อตอนบ่ายก่อนเขาจะขึ้นรถไฟมา
พิธีการทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนภาพเบลอ เหมือนฝัน เสียงที่พี่เลี้ยงจากแคปิตอลอ่านชื่อเขาจากกระดาษใบน้อยที่ถูกจับออกมาเหมือนเรียกชื่อคนอื่นมากว่า เขาไม่รู้ก็ไม่รู้ตัวว่าเดินออกมาจากแถวไปที่เวทีได้ยังไงโดยไม่สะดุดขั้นบันไดล้มไปซะก่อน
จื่อเทามารู้สึกตัวอีกทีตอนได้ยินเสียงประตูไม้ของห้องที่เขาเข้ามานั่งหลังจากเสร็จพิธีเก็บเกี่ยวเปิดขึ้น
“แม่…”
เขาเรียกเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามา แม่ไม่พูดอะไรแต่เข้ามากอดเขาไว้แน่น
“ไม่เป็นไรหรอกครับ…” เขาสูดหายใจ พยายามไม่ให้เสียงสั่น
“ผมต้องกลับมาได้แน่ ไม่ต้องห่วงนะ”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่จื่อเทาก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้ ถึงพ่อจะเคยสอนศิลปะป้องกันตัว และหลังจากที่พ่อไม่อยู่แล้วเขาก็ยังเรียนกับปู่ แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับการต่อสู้ฆ่าฟันกันในเกมล่าชีวิต
ไม่ใช่แค่เอาชนะ แต่มันถึงตาย
แม่ผละออกไป หันไปดูประตูห้องว่าปิดสนิท ก่อนมองหน้าเขาด้วยสายตาจริงจังแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ฟังแม่นะ ลูกเอานี่ติดตัวเข้าไปในสนามประลองด้วย”
อะไรบางอย่างถูกยัดใส่มือเขา ยังไม่ทันจะได้ถามว่าคืออะไรผู้พิทักษ์สันติภาพก็เปิดประตูเข้ามาเพื่อเตือนแม่ว่าหมดเวลาให้ร่ำลากันแล้ว
“แม่รักลูกนะ กลับออกมาจากที่นั่นให้ได้”
แม่จูบหน้าผากเขา ก่อนตามผู้พิทักษ์สันติภาพออกจากห้องไป
ในตอนนั้นเอง เขาก็นึกถึงของที่แม่ให้มาได้ จื่อเทาลุกขึ้นคว้ากางเกงตัวที่ใส่เมื่อกลางวันที่กองอยู่กับพื้นข้างเตียงขึ้นมา ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
เขายกของในมือขึ้นพิจารณาใกล้ๆ มันทำจากโลหะสีเงิน หนาพอประมาณ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวประมาณหนึ่งนิ้ว ปลายด้านหนึ่งมีรูร้อยกับสายสร้อยที่ยาวพอคล้องคอได้ เมื่อดูดีๆ บนเนื้อโลหะมีตัวอักษรสามตัวสลักอยู่
‘TAO’
คริส อู๋นั่งดูสรุปเหตุการณ์วันเก็บเกี่ยวอยู่คนเดียวในห้องพักบนรถไฟ ในขณะที่คนอื่นๆอยู่รวมกันในห้องนั่งเล่น
เขาพิจารณาดูบรรณาการของเขตสี่อย่างสนใจเป็นพิเศษ อีกฝ่ายตัวสูง แต่ไม่น่าจะสูงไปกว่าเขา ถึงจะดูจากในโทรทัศน์ก็พอจะรู้ว่าผอม ถือว่าผอมถ้าเทียบกับความสูงขนาดนั้น อีกอย่างคือก้มหน้าก้มตาไม่ค่อยยอมมองกล้อง
แล้วเขาก็นึกถึงคำพูดของพ่อตอนที่เข้ามาลาในตึกกระทรวงยุติธรรม คำพูดที่ทำให้เขามานั่งพิจารณาบรรณาการจากเขตสี่อยู่ตอนนี้
“ว่าไงครับพ่อ มีอะไรจะแนะนำบ้าง” คริสยิ้มให้พ่อ ยิงคำถามใส่ทันทีที่พ่อนั่งลงข้างๆ
“บรรณาการของเขตสี่ที่ชื่อ หวง จื่อเทา พอเข้าไปในสนามประลองแล้วพยายามตามเขาไว้”
“ทำไม…” คริสขมวดคิ้ว ตั้งใจจะถามว่าพ่อรู้ชื่อบรรณาการเขตสี่มาจากไหน เพราะตอนนี้ที่เขตสี่คงกำลังจับรายชื่อกันอยู่ หรือถ้าจับแล้ว นอกจากคนที่อยู่ในพาเน็มที่มีการถ่ายทอดพิธีเก็บเกี่ยวของทุกเขตให้ชม คนในเขตอื่นๆจะไม่ทางรู้ชื่อบรรณาการจากเขตอื่นๆนอกเหนือจากเขตตที่ตัวเองอยู่
แต่พอเห็นสายตาของพ่อ เขาก็เปลี่ยนคำถาม
“ทำไม ทำแบบนั้นแล้วผมจะชนะหรือ?”
พ่อยิ้ม
“แกจะได้กลับออกมาจากสนามประลอง”
ตามปกติทุกปีเด็กชายเด็กหญิงที่มีอายุครบสิบสองจะถูกใส่ชื่อเข้าไปในลูกบอลแก้วเพื่อจับในพิธีเก็บเกี่ยว เริ่มที่อายุสิบสอง - หนึ่งใบ สิบสาม - สองใบ เพิ่มขึ้นปีละใบ เมื่ออายุครบสิบแปดซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่จะถูกจับชื่อ ก็จะมีชื่ออยู่ในลูกบอลคนละเจ็ดใบ
นี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้
แต่เด็กจากเขตที่ยากจนและหิวโหย สามารถเลือกใส่ชื่อตัวเองได้เพื่อแลกกับแผ่นไม้ ซึ่งสามมารถนำไปรับธัญพืชกับน้ำมัน หนึ่งชื่อ แลกแผ่นไม้หนึ่งชิ้น ซึ่งแผ่นไม้หนึ่งชิ้น แลกน้ำมันกับธัญพืชสำหรับหนึ่งคน ดังนั้นเด็กจำนวนมากจึงใส่ชื่อตัวเองลงไปเพิ่มเพื่อให้ได้รับสิทธิ์นี้ เพื่ออาหารสำหรับคนในครอบครัว
ดังนั้นจำนวนชื่อในลูกบอลจึงไม่เป็นไปตามกฎที่ว่า
มันเป็นความไม่ยุติธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ว่าในเขตไหน ลูกหลานจากบ้านที่มีฐานะดีไม่ต้องใส่ชื่อเข้าไปเพื่อแลกกับแผ่นไม้ ย่อมมีชื่ออยู่ในลูกบอลน้อยกว่าเด็กๆที่ยากจน โอกาสที่ชื่อจะถูกจับขึ้นมาก็มีน้อยกว่าด้วย
มันเป็นกับดักอย่างหนึ่ง
แต่ปีนี้ด้วยกฎใหม่ของควอเตอร์เควลทำให้รายชื่อที่มีอยู่ในลูกบอลมีเฉพาะชื่อของลูกสาวลูกชายของผู้พิชิตเท่านั้น
เสียงไฟในเตาผิงข้างๆปะทุเป็นระยะ ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างโต๊ะไม้ตัวใหญ่ที่วางลูกบอลแก้วยี่สิบสี่ลูกไว้ ปลายนิ้วไล้แตะขอบเย็นๆของบอลแก้วลูกหนึ่งเล่นก่อนจะล้วงลงไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาเปิดอ่าน
“หวง จื่อเทา”
อีกแผ่น
“หวง จื่อเทา”
อีกแผ่น
“หวง จื่อเทา”
อีกแผ่น
“หวง จื่อเทา”
และอีกแผ่น
“หวง จื่อเทา”
“จะเปิดไปทำไม..” อีกเสียงดันขึ้นข้างๆ มือขาวของคนพูดคว้าเอากระดาษรายชื่อแผ่นเล็กๆทั้งหมดออกมาจากมืออีกฝ่ายแล้วใส่กลับคืนอย่างเดิม
ก่อนจะยกลูกบอลแก้วลูกนั้นขึ้น
เทกระดาษรายชื่อทั้งหมดลงในเปลวไฟ
“…ในนี้มันก็ชื่อหวง จื่อเทา ทั้งหมดนั่นแหละ”
++++++++++++++++++++++++
หายไปนานมั้ย ไม่นานหรอกเนอะ แต่นี้ไม่นานหรอก
อ่านตอนนี้แล้วงงมั้ย งงใช่มั้ย ดีค่ะ งงต่อไป //ผิด
เจอกันตอนหน้านะคะ
ปล. เวิ่นใน Twitter อย่าลืมติดแท็ก #thequellexo นะคะ
ความคิดเห็น