คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter12 - (Bad) to meet you again
Chepter 12 (Bad) to meet you again
“มาร์คเดี๋ยวก่อนสิ ไหนบอกว่าจะไปกินเนื้อย่างด้วยกันไง”
ตะโกนตามหลังคนที่เอาแต่เดินหนี….
ตั้งแต่ออกมาจากบ้านเป้าหมายเมื่อวาน แจ็คสันก็ต้องพบกับร่างบางที่ฟุบหลับอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ บนใบหน้าเนียนดูจะเหนื่อยล้าเต็มที ตั้งใจจะปลุกให้ตื่น แต่ตาคมกับเหลือบไปเห็นเศษใบไม้แห้งติดอยู่ที่ผมสีน้ำตาลเข้มของอีกคน เดินเข้าไปใกล้ๆ ใกล้ๆ นั่งคุกเข่าให้อยู่ในระดับเดียวกัน จัดการเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ ใกล้ๆ ทิ้งระยะห่างไว้ไม่ถึงฝ่ามือ...
“จะทำอะไรอ่ะ”
ดวงตากลมตรงหน้าเปิดขึ้นทันทีที่ลมหายใจสัมผัสกัน แจ็คสันตกใจเด้งตัวออกห่างจนล้มหงายหลัง
“ปะ ปะ ป่าว ฉันแค่จะปลุกนาย ได้เวลากลับแล้วน่ะ”
ไม่มีคำพูดตอบกลับใดๆ มาร์คลุกขึ้นยืนจัดการปัดเศษฝุ่นที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าออกอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินจ้ำอาวไป
....เป็นอะไรของเขา โกรธเหรอ ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่ ก็แค่จะปัดเศษใบไม้ที่ติดให้.....
ก่อนที่อีกคนจะหนีหายไปไกล แจ็คสันวิ่งตามสุดฝีเท้าจนถึงตัว แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากอีกฝ่ายแต่อย่างใด แม้เค้าจะพยายามทวงสัญญาที่มาร์คเคยบอกไว้ว่าจะไปกินเนื้อย่างร้านที่เปิดใหม่ใกล้บ้านเค้าเย็นนี้ด้วยกัน
......หรือว่ามาร์คจะโกรธเขาจริงๆ…..
“แจ็คสัน ทำไมวันนี้รีบไปจังเลย แม่ยังทำกับข้าวไม่เสร็จเลย”
เสียงร้องทักจากหญิงสาววัยกลางคนในชุดกันเปื้อนที่กำลังวุ่นอยู่กับงานจับกระทะ จับตะหริวอยู่ในครัว
ตั้งแต่เมื่อวานที่เขาพยายามติดต่อมาร์คไป แต่กลับได้รับเพียงความว่างเปล่าเป็นคำตอบ Miss call นับสิบที่ปรากฏอยู่บนโทรศัพท์ของมาร์คก็คงจะไม่ถูกสนใจ เช่นเดียวกับข้อความที่เขาส่งไปอีกหลายสิบเมสเสจ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมวันนี้แจ็คสันควรจะออกจากบ้านแต่เช้าตรู่
“วันนี้ออกไปกินข้างนอกนะมี๊ มีธุระด่วน สำคัญม๊ากกกกกก”
เน้นย้ำท้ายประโยคเพื่อบ่งบอกถึงความสำคัญของการออกจากบ้านแต่เช้าในวันนี้ ผู้เป็นแม่จึงได้เพียงยิ้มส่ายหัวให้กับท่าทางตลกของลูกชายตัวดี
“เฮ้อ ลูกตัวดี คงลืมวันสำคัญของตัวเองไปอีกแล้วสิน่า”
เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าคอนโดที่เขามักจะมาเนียนรอมาร์คเพื่อไปโรงเรียนพร้อมกันเสมอ แต่วันนี้ต่างตรงที่เขามาก่อนเวลาถึง3ชั่วโมง ด้อมๆมองๆผู้คนที่เดินเข้าออกคนแล้วคนเล่า ก็ยังไม่มีวี่แววที่คนที่เขารอจะออกมา
...คงยังไม่ถึงเวลา...
เวลายังคงเดินไปเรื่อยๆ จะมีก็แต่เขาที่หยุดอยู่ที่เดิมเพื่อรอใครบางคน ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความกระวนกระวายในใจก็ยิ่งมีมากขึ้น สมองคิดไปต่างๆนาๆ สายตาก็ยังคงสอดสายมองประตูเลื่อนบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
“เอ้า แจ็คสันมารอมาร์คหรอ”
ความคิดในสมองหยุดพลัน เมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มร่างใหญ่ ที่กำลังหอบของพะลุงพะลังออกมาจากกระโปรงท้ายรถ “เบอนาร์ด” ชายหนุ่มร่างใหญ่ ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของคอนโด ด้วยนิสัยเฟรนด์ลี่ของแจ็คสัน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสนิทกับคนง่ายๆ ทั้งเบอนาร์ดเองก็คงจะเห็นเขามาส่งมาร์คที่นี่อยู่บ่อยๆ
“ครับ รอตั้งนานแล้ว นี่ก็ใกล้เวลาเข้าเรียนมาร์คยังไม่ออกมาสักที ไม่รู้เป็นอะไรรึป่าว”
“คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง พี่เห็นมาร์คแต่งชุดนักเรียนออกไปตั้งแต่เช้าแล้วนะ แต่ก็ไม่ทันได้ถามว่าไปไหน ทะเลาะกันละสิ แบบนี้แหระ วัยรุ่น”
เพียงแค่ประโยคธรรมดาจากเบอนาร์ดแต่กลับทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มแห้งเหี่ยว เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แน่ๆ นอกจากมาร์คต้องการจะหลบหน้าเขา ในขณะที่เขาพยายามออกจากบ้านให้เช้าที่สุด เพื่อมารอมาร์คที่หน้าคอนโด แต่มาร์คกลับใช้ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ออกไปก่อนที่เขาจะมา
เดินเตะเศษหินน้อยใหญ่ ทั้งกระป๋องที่ถูกทิ้งไว้ข้างทางจนกระเด็นกระดอน อย่างไร้จุดหมาย แม้ว่าทางที่เขาควรจะเดินคือการตรงไปยังโรงเรียนให้ทันเวลา แต่ขากลับไม่ทำแบบนั้น ไม่รู้ว่าถ้าได้เจอมาร์คตอนนี้เขาจะดีใจหรือหดหู่ไปยิ่งกว่าเดิมกันแน่
“เฮ้ หยุดก่อน อย่าเพิ่งไป”
เสียงดังตะโกนตามหลัง แต่ดูเหมือนว่าจิตใจเขาจะล่องลอยไปไกลซะแล้ว
“นาย... หยุดก่อน ฉันมีอะไรจะคุยด้วย นี่ไม่ได้ยินรึไง?”
รู้สึกตัวอีกทีร่างที่ว่านั่นตรงมาอยู่ตรงหน้าจนแจ็คสันแทบจะหยุดเดินไม่ทัน “อะไรอีกว่ะ วันนี้มันน่ารำคานทั้งวันเลยโว้ย” คิดในใจ ก่อนจะค่อยๆมองร่างตรงหน้า เริ่มจากเท้า และค่อยๆเลื่อนสายตาขึ้นไปเรื่อยๆ
“เห้ย !!!!” อุทานออกมาเสียงดังอย่างลืมตัวเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ คือรุ่นพี่มือปลาหมึกที่เขาอัดจนน่วมไปเมื่อหลายวันก่อน
มาร์คที่จัดการแต่งตัวออกจากคอนโดตั้งแต่เช้าตรู่ไม่ต่างจากแจ็คสัน โดยที่เป้าหมายวันนี้พาให้เขามายืนอยู่ที่หน้าร้านเบเกอร์รี่ เพียงย่างเท้าเข้าไปแค่ก้าวแรก กลิ่นหอมอบอวลจากบรรดาขนมหลากหลายที่วางเรียงอยู่บนชั้นก็ลอยมาเตะจมูกเข้าเต็ม ช่างเย้ายวนชวนให้น้ำลายไหลซะจริง แต่วันนี้มาร์คไม่ได้ตั้งใจจะมากินขนมเหล่านั้นหรอก
“เอ่อ... เค้กแบบไหนที่ขายดีที่สุดในร้านครับ” เดินตรงไปหาพนักงานหน้าเคาเตอร์เพื่อสอบถามอะไรบางอย่าง การเลือกเค้กสีสันสดใสที่อยู่ในตู้นี่ช่างไม่ใช่ทางของเขาเอาซะเลย อย่าว่าแต่น่าตาที่ดูเหมือนกันหมด รสชาติเป็นยังไงมาร์คก็แทบจะแยกไม่ออก หรืออาจจะเป็นเพราะเขาไม่ชอบกินเค้ก
“คุณลูกค้าต้องการเป็นแบบไหนล่ะค่ะ ทานเอง หรือว่าซื้อไปเป็นของฝาก”
“เอ่อออ ... เค้กวันเกิดครับ”
**
แจ็คสันที่เอาตอนนี้นิ่งไปราวกับรูปถ่าย หลังจากภาพคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้เขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“เฮ้ !!! นาย... ฉันต้องการคำปรึกษานะโว้ย ใช่นิ่งเงียบไปแบบนี้ เออใช่สิ !! ฉันลืมแนะนำตัวไป ฉัน แทคยอน รุ่นพี่ที่โรงเรียนเดียวกับนาย แถมยังเป็นพี่ชายของคนที่นายบุกเข้าไปในห้องนอนเขาเมื่อวานนี่ด้วย”
อะไรกัน(?) พี่ชายเจ้าของห้องนอน(?) เมื่อวาน(?) คำถามผุดขึ้นมาในหัวของแจ็คสันมากมายเต็มไปหมด ลำพังแค่มาเจอรุ่นพี่มือปลาหมึกที่คิดจะลวนลามมาร์คไม่พอ ยังจะมาพูดจาชวนหน้าปวดหัวแบบนี้อีก หรือว่าเจ้าของห้องที่พูดถึงเมื่อวาน.....
“ยองแจ” พลั้งปากเอ่ยชื่อคนที่คิดขึ้นมาในหัว
“ใช่แล้ว ฉันคือพี่ชายของยองแจ แล้วตอนที่นายเข้าห้องน้องชายฉัน ฉันก็อยู่ในบ้านนั้นด้วย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ฉันมาหานายวันนี้หรอกนะ”
ไม่รู้ว่าเขาควรจะอยู่ฟังเหตุผลของหมอนี่ต่อไป หรือชิ่งเดินหนีไปซะตอนนี้เลย
“ฉันมาหานายก็เพราะ มาร์ค”
ขาที่คิดจะก้าวกลับหยุดลงทันทีเมื่อได้ยินชื่อของคนคนนั้น
“วะ ว่า ไงนะ มาร์คงั้นหรอ ทำไมต้องเป็นเขาละ”
“นายมีเวลาหน่อยมั้ยล่ะ ฉันจะพาไปที่ที่หนึ่ง”
แจ็คสันเดินตามรุ่นพี่ที่ไม่น่าไว้ใจมาอย่างไม่ต้องใช้ความคิดให้มาก ไม่ว่าที่ที่นายนี่จะพาไป หรือสิ่งที่เขากำลังจะพูด แจ็คสันจะต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นอะไรกันแน่ รุ่นพี่ร่างยักษ์หยุดอยู่หน้าอาคารไม้หลังเก่าที่เขาแทบจะไม่เคยเห็นมาก่อน แม้ว่ามันจะอยู่ในโรงเรียนแต่อาคารเก่าหลังนี้ถูกใช้เป็นเพียงที่เก็บอุปกรณ์ที่ใช้งานไม่ได้แล้ว
“เข้าไปสิ”
ชี้นิ้วให้แจ็คสันเข้าไปก่อน
ภายในอาคารแทบจะเต็มไปด้วยฝุ่นและใยแมงมุมตามสภาพของอาคารที่ถูกทิ้งล้าง และไม่จะมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อาศัยอยู่ได้ ไม่งั้นก็คงจะมีปัญหากับระบบหายใจเป็นแน่ เดินลึกเข้าไปภายในอาคาร ก่อนจะหยุดชะงัก เมื่อกลิ่นหอมจากการประกอบอาหารลอยมาเตะจมูกเข้าอย่างจัง
“เฮ้ นั่นกลิ่นอะไรน่ะ ถ้าให้เดาก็คงเป็นพุลโกกิ ไม่ก็ทักคาลบิ แน่แน่ แต่หน้าร้อนแบบนี้บะหมี่เย็นน่าจะดีสิ ฮึ่ย ! ไม่สิ บางทีฉันอาจจะหิวเกินไปจากที่ไม่ได้กินข้าวเช้า คนบ้าที่ไหนก็มาทำอาหารอยู่ในอาคารล้างแบบนี้ล่ะ”
เมื่อปล่อยท้องวาง สมองก็จินตนาการไปต่างต่างนานา แต่ถึงอย่างนั้นเถอะ กลิ่นนี่มันชวนน้ำลายไหลชะมัด
“นายลองเข้าไปในห้องนี้ดูสิพวก”
รุ่นพี่มือปลาหมึกตบที่บ่าอย่างคนสนิทก่อนจะเปิดประตูที่อยู่ตรงหน้าให้กว้างออก เป็นอีกครั้งที่แจ็คสันแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ภายใต้ประตู้ไม้เก่านี้ กับบรรยากาศภายในห้องต่างกันราวกับหน้ามือหลังมือ ภาพที่ปรากฏคือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยครบครัน ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ราวกับบรรยากาศในคอนโดซะอย่างนั้น มีรุ่นพี่ที่เขาจำได้ว่าเป็นพวกเดียวกับที่ถูกอัดซะลงไปกองกับพื้นกำลังนั่งเล่นเกมส์อย่างออกรสออกชาติ บางคนหลับอยู่บนโซฟาสีแดงสด ส่วนอีกคนกำลงัยุ่งอยู่กับการประกอบอาหารอยู่ในครัวขนาดย่อม
“เป็นไงนี่มันเจ๋งไปเลยใช้มั่ยล่ะ ที่นี่คือรังของพวกฉันเอง”
“เฮ้... หวัดดีเด็กใหม่ สนใจมาเล่นดวลเกมส์กับฉันมั้ยล่ะ”
เสียงกล่าวต้อนรับอย่างเป็นมิตร จะว่าไปแล้วรุ่นพี่พวกนี้ก็ไม่ได้ดูมีพิษสงอะไรเลย ก็แค่เด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ต้องการมีจุดยืน ส่วนรังนี่ รุ่นพี่แทคยอนก็ได้เล่าให้ฟังว่า พวกเขาได้แอบเข้ามาใช้อาคารล้างกันแบบลับลับ จนกระทั่งแทบจะเป็นบ้านหลังที่สองเลยก็ว่าได้
หลังจากอาหารเช้าเสร็จ ทุกคนก็มานั่งร่วมวงกันอย่างพร้อมหน้า รวมถึงแจ็คสันด้วย
“เอาว่ะ ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน ฝากท้องกับที่นี่สักมื้อคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ถึงจะตายอย่างน้อยก็อิ่มละโว้ยย”
“นี่นายน่ะ เป็นเพื่อนกับมาร์คใช้มั้ย จะว่าก็ว่าเถอะนะฉันเห็นนายกับมาร์คตัวติดกันเหมือนกับว่าไม่ใช่แค่เพื่อนแน่ะ”
รุ่นพี่เปิดประเด็นสนทนาทั้งที่ข้าวยังอยู่เต็มปาก
“แล้วถ้าไม่ใช่แค่เพื่อนล่ะ”
“เหอะ... ไม่มีทางน่า อย่ามาขี้ตู่ไปหน่อยเลย ฉันน่ะคอยติดตามดูพวกนายสองคนอยู่ตลอดเวลา ไม่เห็นว่ามาร์คจะสนใจนายตรงไหน”
“ย่าห์ !!! นี่นายเป็นสโตกเกอร์รึไงกัน ”
“ก็ไม่ถึงกับขนาดนั้นหรอก เข้าเรื่องเลยเถอะ ฉันจะบอกนายตรงแบบลูกผู้ชายละกัน ฉันชอบมาร์ค ”
**
เดินออกมาพร้อมกับถุงใส่กล่องเค้กขนาดกลางที่ตั้งใจจะใช้เป็นเค้กอวยพรวันเกิดให้กับใครบางคน คนที่เขาไม่ได้ใจจะหลบหน้า เดินตรงไปยังห้องชมรมเพื่อหวังว่าจะเจอกับคนที่เป็นเจ้าของเค้กก้อนนี้
“อ้าว มาร์ค แจ็คสันไม่มาด้วยหรอ แล้วหอบถุงอะไรมาล่ะน่ะ”
อิมแจบอม ที่ยุ่งอยู่กับการเช็คเทปการแข่งขันอย่างที่เคยทำ ก็ยังไม่ลืมกล่าวทักทายผู้มาทีหลัง
“อ่อ ถุงหนังสือน่ะ ฉันเพิ่งไปยืมมาจากห้องสมุด ว่าแต่นายอยู่คนเดียวหรอ”
ตอบกลับไปที พลางยัดถุงที่ถืออยู่ใส่กระเป๋าเป้อย่างไม่กลัวของที่อยู่ที่กล่องนั้นจะเสียหาย
“อืม ...ไม่รู้คนพวกนั้นไปไหนกันหมด นั่งก่อนสิ !”
######
ขอโทษอย่างสุดซึ้งที่ทิ้งเวลาไปนานขนาดนี้นะคะ
ช่วงนี้ไรท์มัวยุ่งกับการหาที่ฝึกงาน แล้วก็จะพยายามอัพตอนต่อไปให้ไว้ที่สุดนะคะ
อย่าลืมติดตามอ่านตอนต่อไป
ความคิดเห็น