ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เจ้าชายน้ำแข็งแห้ง1
ตั้งแต่เข้าโรงเรียนนี้ทัศนคติเกี่ยวกับหัวขโมยของเราก็ได้เปลี่ยนไป
หลังจากวันนั้นเมื่อ10ปีที่แล้วที่เราเฝ้ารังเกียจหัวขโมยตลอดมา
ก่อนหน้านั้น10ปี
“คาโลเจ้าพร้อมรึยังที่จะไปดูพ่อซ้อมรบ” กษัตริย์หนุ่มหน้าตาคมคาย เสียงห้าว ผิวทองแดง หันมาทางลูกชายผู้เป็นมกุฎราชกุมารแห่งคาโนวาล คาโล วาเน-บลี เดอะ พริ้นส์ ออฟคาโนวาล
“พร้อมแล้วครับเสด็จพ่อ” เด็กชายอายุ6ปีตอบรับ
“เผียะะ” เด็กชายล้มลงไปนอนกุมหน้ากับพื้น
“อูยย เจ็บ”
แม่นมเห็นดั่งนั้นก็เข้ามาช่วยมิได้ เนื่องจากชายตรงหน้ามีอำนาจพอจะตัดคอนางได้ในชั่วพริบตา
แม้แต่ลูกชายของตนเขายังทำได้ ปีศาจชัดๆ
นักรบปีศาจแห่งคาโนวาล ..
“ลุกขึ้น น่าน ใช่แล้ว ใช่”
เด็กชายลุกขึ้นไร้น้ำตา ก้มหัวลงเคารพผู้เป็นพ่อเหมือนขอบคุณ แต่ในใจปวดร้าวลึก
“ในเวลารบ ไม่มีพ่อไม่มีลูก มีแต่จอมทัพ กับ ลูกน้อง”
“ครับ! ท่านจ้าว”
ชายร่างใหญ่และเด็กชายเดินออกมาถึงที่ตั้งของกองทัพ
“จงดู นี่คือมหาทัพแห่งข้า กษัตริย์บาโร แห่งคาโนวาล”
เด็กชายนิ่งเฉย ไม่เห็นเกี่ยวกับเราสักนิด รบกันเพื่ออะไร
“ท่านพ่อ เอ้ย! ท่านจ้าว ตอนนี้ข้าต้องทำสิ่งใดบ้างขอรับ”
เด็กชายคุกเข่าลงถามผู้เป็นเสด็จพ่อ
“ตอนนี้ไม่ อีกไม่นานอาจใช่ เจ้าจะไปไหนก็จงไป แต่อย่ากลับมาดึกนักละ” กษัตริย์หนุ่มเสียงอ่อนลง กล่าวเป็นนัย
“งั้นข้าขอตัว”
แล้วเด็กชายก็วิ่งไปทางอื่น
ไปไหนดีนะ จริงสิ ตลาด เรายังไม่เคยเที่ยวตลาด
ผลุบหัวเข้าห้องไปแวบเดียว เดินออกมาในคราบเด็กชายชาวบ้านธรรมดา
ที่ตลาด คาโนวาล
“ที่นี่คนพลุกพล่าน แต่ไม่มีใครให้ทานข้าเลยพับผ่า” เสียงขอทานลอยมาตามลม
เด็กชายเดินชมตลาดพลาง ซื้อของกินไปพลาง
ฟึ่บบ
“เฮ้ยอะไรกันเนี่ย” เด็กชายสบถเล็กน้อยสมมาดเจ้าชาย
ถุงขนมหายไปจากมือซะแล้ว ทีนี้จะกินอะไรต่อละ กำลังอร่อย
หันรีหันขวางไปมา ก็เจอเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง รอถุงขนมจากพี่ชาย
นั่นมันถุงขนมของเรา เจ้านั่นเอาไปได้อย่างไร เอาไปแบ่งพรรคพวกอีก อย่างนี้ต้องสั่งสอน
“นี่เจ้า เจ้าน่ะ เจ้าหัวขโมย” เด็กชายวิ่งไปเรียก
ขโมยน้อยหันมา ดวงตาสีแดงปูดโปนมีแววตกใจเล็กน้อย และรีบกลบเกลื่อนแทบจะทันที
“เอ้อ เจ้ามีอะไรรึ” ขโมยน้อยเอ่ยถาม
“ข้าขอสิ่งนั้นคืน ขนมข้า” เด็กชายชี้ไปที่ถุงขนมซึ่งเด็กหญิงตัวน้อยพยายามจะซ่อนไว้ข้างหลังแต่ก็ไม่มิด
“อะไรก๊าน อะไรกัน นั่นน่ะขนมข้านะ ข้าซื้อให้น้องสาวข้า ใช่ม้า เยย่า” หัวขโมยน้อย พยักเพยิดไปทางน้องสาว
“เอ้อ ค่ะ ใช่แล้วหละ พี่ อานีม พี่เค้าซื้อให้ฉันเองแหละ นายน่ะอย่ามาขี้ตู่นะ” เมื่อได้โกหกไปบ้างเด็กหญิงเริ่มกล้าที่จะต่อปาก
คาโลส่ายหัว เขาไม่เคยเจอคนประเภทนี้เลย เอาของๆคนอื่นไปโดยเจ้าตัวยังไม่รู้ตัว แถมยังตู่ว่าเป็นของตนเอง
“เอาเถอะ ตอนนี้ข้าอิ่มแล้ว พวกเจ้ากินไปเถอะข้ายกให้” เมื่อเห็นท่าทีที่รักน้องสาวของอานีม หัวขโมยที่ขโมยขนมให้น้องสาว เขาก็ใจอ่อน
“จริงๆนะ ขอบใจมาก ว่าแต่ว่าเจ้าชื่ออะไร มีอะไรที่ข้าพอตอบแทนเจ้าได้บ้าง” อานีมรีบพูด เขาดีใจมาก
“ข้า จูซีส ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าขอแค่พวกเจ้าสองคนพาข้าไปเที่ยวนอกเมืองจนถึงบ่ายสาม-บ่ายสี่ก็พอ” คาโลจงใจปกปิดชื่อเขา
เอนีมยิ้มในใจ แล้วก็ตอบตกลง
สองพี่น้องพาคาโลไปเที่ยวนอกเมืองจนเหนื่อยแล้วพวกเขาก็พากันกลับมาในเมือง
“ขอบใจพวกเจ้ามาก ข้าไปล่ะ” คาโลกล่าวลา เขาเหนื่อยอ่อนและสนุกมากแล้ว
“เดี๋ยวจูซีส ไปพักดื่มน้ำบ้านข้าก่อนน่า” เอนีมกล่าวชวน
“ช่าย ช่าย พักกินน้ำบ้านเรา” เด็กหญิงเยย่าก็เสริมคำพูดของพี่ชาย
เด็กชายจึงตอบตกลงโดยเสียไม่ได้
ทั้งหมดกึ่งเดินกึ่งเล่นจนมาถึงสถานที่หนึ่งที่น่าจะเรียกว่าเพิงมากกว่าบ้าน
“มาๆเชิญนั่งก่อน เยเย่าเอาน้ำมารับแขก” เด็กชายหลิ่วตากับน้องสาวก่อนที่เด็กหญิงจะผลุบหายไป
คาโลน้อยมิได้รู้ตัวเลยว่า ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์แห่งความโชคร้าย
“น้ำมาแล้ว เชิญดื่มก่อนค่ะ” เด็กหญิงยิ้มกว้างไม่ยอมหุบ
คาโลรับน้ำมาดื่ม
“น้ำของพวกเจ้าเย็น หอมชื่นใจจัง” เด็กชายยิ้มแล้วดื่มน้ำอีกอึกใหญ่จนหมดแก้ว
“ขอบใจนะ วันนนี้ข้าสนุกมาก ข้าขอตัวก่อน ล่ะ ”
ตึงง เด็กชายล้มลงสลบไป สติขาดวูบ
“เจ้าโง่เอ๊ย โดนหลอกมาทั้งวันไม่รู้ตัว” เอนีมว่าพลางช่วยกันกับน้องสาวค้นตัวคาโล
พวกเขาพบถุงเงินที่บรรจุเงินคราวน์ทองไว้มากมาย พอที่เด็กสองคนจะอยู่อย่างสบายไม่ต้องลักขโมยไปอีกเป็นเดือน
“ขอบใจไอ้หน้าโง่” เอนีมจูบถุงบรรจุเงินแล้วจูงน้องสาวเดินจากไป
เมื่อคาโลตื่นขึ้น
ท้องฟ้ามืดแล้ว นี่เขามาทำอะไรแถวนี้นะ อ๋อใช่แล้ว หัวขโมยอานีมกับเยย่า น้องสาว ว่าแต่สองคนนั่นหายไปไหนซะหละ
“เฮ้ย ถุงเงิน ไม่มี ไม่มี” คาโลตกใจมาก นี่เขาถูกขโมยขนมแล้วยังถูกเจ้าพวกนั้นหลอกปล้นอีกหรือนี่
คนเราก็ไว้ใจไม่ได้อย่างนี้นี่เอง
“ฉันเกลียดขโมยยยยยยยยยยยย” คาโลตะโกนก้อง เหมือนจะส่งสัญญาณให้ฟ้ารู้ความในใจ
“ต่อไปนี้ ฉันจะไม่เชื่อใจใคร นอกจากตนเอง!” คราวนี้เขากระซิบเพื่อให้ตนเองได้ยินเพียงคนเดียว
นั่นก็เป็นเรื่องเมื่อ10ปีที่แล้ว เราไม่เคยเปิดใจยอมรับใครอีก แต่เจ้าสองคนนี่ก็ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา
เฟริน เดอเบอโรว์ เดอะทิฟ ออฟบารามอส หรืออีกนัยหนึ่ง เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะพริ้นส์เซส ออฟ เดมอส แอนด์ บารามอส ยัยเจ้าหญิงหัวขโมยจอมปากเบา ดันมาขโมยใจเราไปซะนี่ ยึดใจเราเหนียวแน่นยิ่งกว่าตังเม
เขาหลงรักเธอเข้าเต็มเปา
“ไม่สวย ไม่มีเสน่ห์ ไม่น่ารัก แต่มีบางอย่างที่มากกว่านั้น บางอย่างที่ทำให้เราหลงไหลได้ ” เจ้าชายหนุ่มรำพันกับตนเอง
 
“ยัยเตาเผาเอ๊ย!” เขายิ้มให้กับตนเอง
ส่วนอีกคน เจ้านักฆ่าปัญญาอ่อนแห่งซาเรส
คิลมัส ฟิลมัส เดอะคิลเลอร์ ออฟซาเรส
มันเก่งจริง ซ่อนคม แต่ถึงกระนั้นก็รักพวกพ้อง ถึงจะทรยศหน่อยๆถ้ามีคนจ้าง
แต่เอ๊ะ! ยังมีก้างขวางคออยู่อีกคน แต่มันก็นับเป็นเพื่อนสนิทด้วยอีกคน
โร เซวาเรส เดอะ แบกการ์ ออฟ ทริสทอร์
ไอ้ห้องสมุดเคลื่อนที่ ไอ้นี่ฉลาด ไม่สมกับตำแหน่งขอทาน อย่างมันรูปร่างหน้าตา ความรู้ เป็นเจ้าชายได้สบาย
แต่เป็นขอทานดีแล้วจะได้ไม่เป็นคู่แข่งกะข้า ลืมไปๆ มันชอบเอาแต่บ่นกับยัยเฟรินว่า ข้าเป็นทาสแห่งเดมอส
ไอ้ทาสสูงส่ง กะลาทองคำที่มันถอก็ไม่สม.ฐานะเอาซะเลย
สามคนนี่ เปิดใจเราที่ปิดตายให้เปิดออกสี่โลกภายนอกอีกครั้ง
หัดเชื่อใจคนอื่นอีกสักครั้งน่า .
“อาา มีความสุขจริง” คาโล รำพึงกับตนเอง
ตั้งแต่ได้พบกับสามคนนี่เขามีความสุขเป็นล้นพ้นเลยจริงๆ
“นายเหม่ออะไรอยู่วะ คาโล” นักฆ่าแห่งซาเรส เข้ามาถามแล้วก็ได้พบร่างของสาวน้อย นามเฟริน เดอเบอโรว์นอนหลับอยู่บนเตียงโดยมี เจ้าชายคาโล วาเน-บลีนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงกุมมือซีดเซียวของเธอเอาไว้
“เฟรินมันป่วย จะนั่งดูอาการมันหน่อย แกไปกินข้าวก่อนเหอะว่ะ เดี๋ยวตามไป”
คิลพยักหน้าและเบือนหน้าออกไปทางประตู แต่ก็หยุดชะงักเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“อย่ามากุ๊กกิ๊ก กันในห้องนะโว้ย” แล้วนักฆ่าหนุ่มก็วิงแจ้นไปก่อนที่จะโดนแช่แข็ง
“หึ ไอ้นี่วอนโดนแช่แข็ง”
“อ้าวเฟริน แกตื่นแล้วหรอ”
“อือ ตื่นตอนแกคุยกะไอ้คิลมัน ท่าทางแกเหนื่อยๆ ไปหาอะไรยัดใส่กระเพาะซะสิ” เฟรินพูดเหนื่อยๆ
“ขอโทษที่ปลุก แต่แกยังไม่หายป่วยจะให้วางใจยังไงได้” ไม่พูดเปล่าดึงมือคนที่นอนอยู่มาจุมพิตซะอีก
“ไม่ต้องห่วงฉันน่า” เธอจะชักมือกลับ แต่ก็ยังโดนรั้งไว้ เธอไม่มีแรงขัดขืน
คนนอนซมดวงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความอายจากการถูกจุมพิตและถูกจ้อง
“งั้นฉันขอนอนต่อแล้วนายไปกินข้าวเหอะ เอามาเผื่อฉันด้วยนะ” แล้วก็หลับตาลงนอนอีกครั้ง
“ไม่ละ จะเฝ้าจนกว่าแกจะหาย” คนดื้อดึงนั่งนิ่งเฝ้าต่อไป
พอผ้าหายอุ่น คาโลก็เอาไปชุบน้ำร้อนพอหมาดๆ เช็ดตามตัวสาวน้อยทีกำลังหลับตา
ถึงแม้แกกับฉัน จะเป็นศัตรูร่วมชะตากรรม ก็ขอให้รู้ไว้ว่าฉันไม่มีวันทำร้ายใจแกแน่นอน คาโล
เพราะว่าอะไรเหรอ เพราะว่าฉันรักแกน่ะสิ
ขอบใจจริงๆ ขอบใจที่ดูแลฉัน แม้จะป่วยตายก็ยังเป็นสุข
เธอหลับตาพริ้มแล้วกล่าวออกมา
“คาโล”
“มีอะไรหรอ”
“ถ้าฉันตายนายจะทำไงล่ะ”
“ไอ้บ้า ปากหมา แกเป็นแค่หวัด จะตายได้ไงวะ ฉันไม่ให้แกตายนะ” คาโลร่ายยาว
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก จน ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำ
“เอ้อ เพราะฉันเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์ให้แกตาย”
“บอกแล้วไงว่าฉันจะให้นายเป็นหนี้ฉัน จนมีแต่ฉันที่ฆ่านายได้” คาโลกลับมาวางมาดเจ้าชายตามเดิม
“เชอะ ถ้าฉันจะตายแกก็ห้ามไม่อยู่ร๊อกก” เฟรินเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“เธอห้าม ตายนะ ต้องอยู่เป็นราชินีให้ฉันนะ” คาโลตกใจทิ้งมาดเจ้าชาย ช้อนร่างบางขึ้นมากอดแน่น
“อือ อือ แกก็ดูแลฉันดีๆล่ะ อย่าให้ฉันเป็นอะไรไปก่อนล่ะ ไอ้เจ้าชายน้ำแข็งแห้ง ”
“อาหารมาแล้วโว้ย” คิลตะโกน
ทั้งสองรีบผละออกจากกัน หัวเราะแห้งๆ
“ว่าแล้วเชียว พวกแกเนี่ยปล่อยทิ้งไว้สองต่อสองไม่ได้เลย เอ้าอมปรอทเด๊ะ เฟริน” คิลสั่ง
“ไข้ลดไปบ้างแล้วแต่ก็ต้องนอนพักซักสองวันนะ” คาโลเอ่ยหลังจากดูไข้ที่ปรอทแล้ว
“นอนซะ” คาโลเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
โครกก  โครกก
“แหะๆก่อนนอนต่อฉันขอกินบ้างละกัน“ เฟรินยิ้มแห้งๆ
แล้วทั้งสามก็หัวเราะกันใหญ่ และก็ร่วมกันทานอาหารที่คิลนำมา
ลืมความทุกข์เสียนะ เด็กน้อย
คอยที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ในวันข้างหน้า
ก้าวต่อไป สู้กับอุปสรรค
สิ่งที่ผ่านเข้ามา ให้เป็นบทเรียน
สิ่งสุดท้ายที่เหลือ คือเพื่อนเรา
ก่อนหน้านั้น10ปี
“คาโลเจ้าพร้อมรึยังที่จะไปดูพ่อซ้อมรบ” กษัตริย์หนุ่มหน้าตาคมคาย เสียงห้าว ผิวทองแดง หันมาทางลูกชายผู้เป็นมกุฎราชกุมารแห่งคาโนวาล คาโล วาเน-บลี เดอะ พริ้นส์ ออฟคาโนวาล
“พร้อมแล้วครับเสด็จพ่อ” เด็กชายอายุ6ปีตอบรับ
“เผียะะ” เด็กชายล้มลงไปนอนกุมหน้ากับพื้น
“อูยย เจ็บ”
แม่นมเห็นดั่งนั้นก็เข้ามาช่วยมิได้ เนื่องจากชายตรงหน้ามีอำนาจพอจะตัดคอนางได้ในชั่วพริบตา
แม้แต่ลูกชายของตนเขายังทำได้ ปีศาจชัดๆ
นักรบปีศาจแห่งคาโนวาล ..
“ลุกขึ้น น่าน ใช่แล้ว ใช่”
เด็กชายลุกขึ้นไร้น้ำตา ก้มหัวลงเคารพผู้เป็นพ่อเหมือนขอบคุณ แต่ในใจปวดร้าวลึก
“ในเวลารบ ไม่มีพ่อไม่มีลูก มีแต่จอมทัพ กับ ลูกน้อง”
“ครับ! ท่านจ้าว”
ชายร่างใหญ่และเด็กชายเดินออกมาถึงที่ตั้งของกองทัพ
“จงดู นี่คือมหาทัพแห่งข้า กษัตริย์บาโร แห่งคาโนวาล”
เด็กชายนิ่งเฉย ไม่เห็นเกี่ยวกับเราสักนิด รบกันเพื่ออะไร
“ท่านพ่อ เอ้ย! ท่านจ้าว ตอนนี้ข้าต้องทำสิ่งใดบ้างขอรับ”
เด็กชายคุกเข่าลงถามผู้เป็นเสด็จพ่อ
“ตอนนี้ไม่ อีกไม่นานอาจใช่ เจ้าจะไปไหนก็จงไป แต่อย่ากลับมาดึกนักละ” กษัตริย์หนุ่มเสียงอ่อนลง กล่าวเป็นนัย
“งั้นข้าขอตัว”
แล้วเด็กชายก็วิ่งไปทางอื่น
ไปไหนดีนะ จริงสิ ตลาด เรายังไม่เคยเที่ยวตลาด
ผลุบหัวเข้าห้องไปแวบเดียว เดินออกมาในคราบเด็กชายชาวบ้านธรรมดา
ที่ตลาด คาโนวาล
“ที่นี่คนพลุกพล่าน แต่ไม่มีใครให้ทานข้าเลยพับผ่า” เสียงขอทานลอยมาตามลม
เด็กชายเดินชมตลาดพลาง ซื้อของกินไปพลาง
ฟึ่บบ
“เฮ้ยอะไรกันเนี่ย” เด็กชายสบถเล็กน้อยสมมาดเจ้าชาย
ถุงขนมหายไปจากมือซะแล้ว ทีนี้จะกินอะไรต่อละ กำลังอร่อย
หันรีหันขวางไปมา ก็เจอเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง รอถุงขนมจากพี่ชาย
นั่นมันถุงขนมของเรา เจ้านั่นเอาไปได้อย่างไร เอาไปแบ่งพรรคพวกอีก อย่างนี้ต้องสั่งสอน
“นี่เจ้า เจ้าน่ะ เจ้าหัวขโมย” เด็กชายวิ่งไปเรียก
ขโมยน้อยหันมา ดวงตาสีแดงปูดโปนมีแววตกใจเล็กน้อย และรีบกลบเกลื่อนแทบจะทันที
“เอ้อ เจ้ามีอะไรรึ” ขโมยน้อยเอ่ยถาม
“ข้าขอสิ่งนั้นคืน ขนมข้า” เด็กชายชี้ไปที่ถุงขนมซึ่งเด็กหญิงตัวน้อยพยายามจะซ่อนไว้ข้างหลังแต่ก็ไม่มิด
“อะไรก๊าน อะไรกัน นั่นน่ะขนมข้านะ ข้าซื้อให้น้องสาวข้า ใช่ม้า เยย่า” หัวขโมยน้อย พยักเพยิดไปทางน้องสาว
“เอ้อ ค่ะ ใช่แล้วหละ พี่ อานีม พี่เค้าซื้อให้ฉันเองแหละ นายน่ะอย่ามาขี้ตู่นะ” เมื่อได้โกหกไปบ้างเด็กหญิงเริ่มกล้าที่จะต่อปาก
คาโลส่ายหัว เขาไม่เคยเจอคนประเภทนี้เลย เอาของๆคนอื่นไปโดยเจ้าตัวยังไม่รู้ตัว แถมยังตู่ว่าเป็นของตนเอง
“เอาเถอะ ตอนนี้ข้าอิ่มแล้ว พวกเจ้ากินไปเถอะข้ายกให้” เมื่อเห็นท่าทีที่รักน้องสาวของอานีม หัวขโมยที่ขโมยขนมให้น้องสาว เขาก็ใจอ่อน
“จริงๆนะ ขอบใจมาก ว่าแต่ว่าเจ้าชื่ออะไร มีอะไรที่ข้าพอตอบแทนเจ้าได้บ้าง” อานีมรีบพูด เขาดีใจมาก
“ข้า จูซีส ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าขอแค่พวกเจ้าสองคนพาข้าไปเที่ยวนอกเมืองจนถึงบ่ายสาม-บ่ายสี่ก็พอ” คาโลจงใจปกปิดชื่อเขา
เอนีมยิ้มในใจ แล้วก็ตอบตกลง
สองพี่น้องพาคาโลไปเที่ยวนอกเมืองจนเหนื่อยแล้วพวกเขาก็พากันกลับมาในเมือง
“ขอบใจพวกเจ้ามาก ข้าไปล่ะ” คาโลกล่าวลา เขาเหนื่อยอ่อนและสนุกมากแล้ว
“เดี๋ยวจูซีส ไปพักดื่มน้ำบ้านข้าก่อนน่า” เอนีมกล่าวชวน
“ช่าย ช่าย พักกินน้ำบ้านเรา” เด็กหญิงเยย่าก็เสริมคำพูดของพี่ชาย
เด็กชายจึงตอบตกลงโดยเสียไม่ได้
ทั้งหมดกึ่งเดินกึ่งเล่นจนมาถึงสถานที่หนึ่งที่น่าจะเรียกว่าเพิงมากกว่าบ้าน
“มาๆเชิญนั่งก่อน เยเย่าเอาน้ำมารับแขก” เด็กชายหลิ่วตากับน้องสาวก่อนที่เด็กหญิงจะผลุบหายไป
คาโลน้อยมิได้รู้ตัวเลยว่า ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์แห่งความโชคร้าย
“น้ำมาแล้ว เชิญดื่มก่อนค่ะ” เด็กหญิงยิ้มกว้างไม่ยอมหุบ
คาโลรับน้ำมาดื่ม
“น้ำของพวกเจ้าเย็น หอมชื่นใจจัง” เด็กชายยิ้มแล้วดื่มน้ำอีกอึกใหญ่จนหมดแก้ว
“ขอบใจนะ วันนนี้ข้าสนุกมาก ข้าขอตัวก่อน ล่ะ ”
ตึงง เด็กชายล้มลงสลบไป สติขาดวูบ
“เจ้าโง่เอ๊ย โดนหลอกมาทั้งวันไม่รู้ตัว” เอนีมว่าพลางช่วยกันกับน้องสาวค้นตัวคาโล
พวกเขาพบถุงเงินที่บรรจุเงินคราวน์ทองไว้มากมาย พอที่เด็กสองคนจะอยู่อย่างสบายไม่ต้องลักขโมยไปอีกเป็นเดือน
“ขอบใจไอ้หน้าโง่” เอนีมจูบถุงบรรจุเงินแล้วจูงน้องสาวเดินจากไป
เมื่อคาโลตื่นขึ้น
ท้องฟ้ามืดแล้ว นี่เขามาทำอะไรแถวนี้นะ อ๋อใช่แล้ว หัวขโมยอานีมกับเยย่า น้องสาว ว่าแต่สองคนนั่นหายไปไหนซะหละ
“เฮ้ย ถุงเงิน ไม่มี ไม่มี” คาโลตกใจมาก นี่เขาถูกขโมยขนมแล้วยังถูกเจ้าพวกนั้นหลอกปล้นอีกหรือนี่
คนเราก็ไว้ใจไม่ได้อย่างนี้นี่เอง
“ฉันเกลียดขโมยยยยยยยยยยยย” คาโลตะโกนก้อง เหมือนจะส่งสัญญาณให้ฟ้ารู้ความในใจ
“ต่อไปนี้ ฉันจะไม่เชื่อใจใคร นอกจากตนเอง!” คราวนี้เขากระซิบเพื่อให้ตนเองได้ยินเพียงคนเดียว
นั่นก็เป็นเรื่องเมื่อ10ปีที่แล้ว เราไม่เคยเปิดใจยอมรับใครอีก แต่เจ้าสองคนนี่ก็ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา
เฟริน เดอเบอโรว์ เดอะทิฟ ออฟบารามอส หรืออีกนัยหนึ่ง เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะพริ้นส์เซส ออฟ เดมอส แอนด์ บารามอส ยัยเจ้าหญิงหัวขโมยจอมปากเบา ดันมาขโมยใจเราไปซะนี่ ยึดใจเราเหนียวแน่นยิ่งกว่าตังเม
เขาหลงรักเธอเข้าเต็มเปา
“ไม่สวย ไม่มีเสน่ห์ ไม่น่ารัก แต่มีบางอย่างที่มากกว่านั้น บางอย่างที่ทำให้เราหลงไหลได้ ” เจ้าชายหนุ่มรำพันกับตนเอง
 
“ยัยเตาเผาเอ๊ย!” เขายิ้มให้กับตนเอง
ส่วนอีกคน เจ้านักฆ่าปัญญาอ่อนแห่งซาเรส
คิลมัส ฟิลมัส เดอะคิลเลอร์ ออฟซาเรส
มันเก่งจริง ซ่อนคม แต่ถึงกระนั้นก็รักพวกพ้อง ถึงจะทรยศหน่อยๆถ้ามีคนจ้าง
แต่เอ๊ะ! ยังมีก้างขวางคออยู่อีกคน แต่มันก็นับเป็นเพื่อนสนิทด้วยอีกคน
โร เซวาเรส เดอะ แบกการ์ ออฟ ทริสทอร์
ไอ้ห้องสมุดเคลื่อนที่ ไอ้นี่ฉลาด ไม่สมกับตำแหน่งขอทาน อย่างมันรูปร่างหน้าตา ความรู้ เป็นเจ้าชายได้สบาย
แต่เป็นขอทานดีแล้วจะได้ไม่เป็นคู่แข่งกะข้า ลืมไปๆ มันชอบเอาแต่บ่นกับยัยเฟรินว่า ข้าเป็นทาสแห่งเดมอส
ไอ้ทาสสูงส่ง กะลาทองคำที่มันถอก็ไม่สม.ฐานะเอาซะเลย
สามคนนี่ เปิดใจเราที่ปิดตายให้เปิดออกสี่โลกภายนอกอีกครั้ง
หัดเชื่อใจคนอื่นอีกสักครั้งน่า .
“อาา มีความสุขจริง” คาโล รำพึงกับตนเอง
ตั้งแต่ได้พบกับสามคนนี่เขามีความสุขเป็นล้นพ้นเลยจริงๆ
“นายเหม่ออะไรอยู่วะ คาโล” นักฆ่าแห่งซาเรส เข้ามาถามแล้วก็ได้พบร่างของสาวน้อย นามเฟริน เดอเบอโรว์นอนหลับอยู่บนเตียงโดยมี เจ้าชายคาโล วาเน-บลีนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงกุมมือซีดเซียวของเธอเอาไว้
“เฟรินมันป่วย จะนั่งดูอาการมันหน่อย แกไปกินข้าวก่อนเหอะว่ะ เดี๋ยวตามไป”
คิลพยักหน้าและเบือนหน้าออกไปทางประตู แต่ก็หยุดชะงักเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“อย่ามากุ๊กกิ๊ก กันในห้องนะโว้ย” แล้วนักฆ่าหนุ่มก็วิงแจ้นไปก่อนที่จะโดนแช่แข็ง
“หึ ไอ้นี่วอนโดนแช่แข็ง”
“อ้าวเฟริน แกตื่นแล้วหรอ”
“อือ ตื่นตอนแกคุยกะไอ้คิลมัน ท่าทางแกเหนื่อยๆ ไปหาอะไรยัดใส่กระเพาะซะสิ” เฟรินพูดเหนื่อยๆ
“ขอโทษที่ปลุก แต่แกยังไม่หายป่วยจะให้วางใจยังไงได้” ไม่พูดเปล่าดึงมือคนที่นอนอยู่มาจุมพิตซะอีก
“ไม่ต้องห่วงฉันน่า” เธอจะชักมือกลับ แต่ก็ยังโดนรั้งไว้ เธอไม่มีแรงขัดขืน
คนนอนซมดวงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความอายจากการถูกจุมพิตและถูกจ้อง
“งั้นฉันขอนอนต่อแล้วนายไปกินข้าวเหอะ เอามาเผื่อฉันด้วยนะ” แล้วก็หลับตาลงนอนอีกครั้ง
“ไม่ละ จะเฝ้าจนกว่าแกจะหาย” คนดื้อดึงนั่งนิ่งเฝ้าต่อไป
พอผ้าหายอุ่น คาโลก็เอาไปชุบน้ำร้อนพอหมาดๆ เช็ดตามตัวสาวน้อยทีกำลังหลับตา
ถึงแม้แกกับฉัน จะเป็นศัตรูร่วมชะตากรรม ก็ขอให้รู้ไว้ว่าฉันไม่มีวันทำร้ายใจแกแน่นอน คาโล
เพราะว่าอะไรเหรอ เพราะว่าฉันรักแกน่ะสิ
ขอบใจจริงๆ ขอบใจที่ดูแลฉัน แม้จะป่วยตายก็ยังเป็นสุข
เธอหลับตาพริ้มแล้วกล่าวออกมา
“คาโล”
“มีอะไรหรอ”
“ถ้าฉันตายนายจะทำไงล่ะ”
“ไอ้บ้า ปากหมา แกเป็นแค่หวัด จะตายได้ไงวะ ฉันไม่ให้แกตายนะ” คาโลร่ายยาว
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก จน ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำ
“เอ้อ เพราะฉันเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์ให้แกตาย”
“บอกแล้วไงว่าฉันจะให้นายเป็นหนี้ฉัน จนมีแต่ฉันที่ฆ่านายได้” คาโลกลับมาวางมาดเจ้าชายตามเดิม
“เชอะ ถ้าฉันจะตายแกก็ห้ามไม่อยู่ร๊อกก” เฟรินเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“เธอห้าม ตายนะ ต้องอยู่เป็นราชินีให้ฉันนะ” คาโลตกใจทิ้งมาดเจ้าชาย ช้อนร่างบางขึ้นมากอดแน่น
“อือ อือ แกก็ดูแลฉันดีๆล่ะ อย่าให้ฉันเป็นอะไรไปก่อนล่ะ ไอ้เจ้าชายน้ำแข็งแห้ง ”
“อาหารมาแล้วโว้ย” คิลตะโกน
ทั้งสองรีบผละออกจากกัน หัวเราะแห้งๆ
“ว่าแล้วเชียว พวกแกเนี่ยปล่อยทิ้งไว้สองต่อสองไม่ได้เลย เอ้าอมปรอทเด๊ะ เฟริน” คิลสั่ง
“ไข้ลดไปบ้างแล้วแต่ก็ต้องนอนพักซักสองวันนะ” คาโลเอ่ยหลังจากดูไข้ที่ปรอทแล้ว
“นอนซะ” คาโลเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
โครกก  โครกก
“แหะๆก่อนนอนต่อฉันขอกินบ้างละกัน“ เฟรินยิ้มแห้งๆ
แล้วทั้งสามก็หัวเราะกันใหญ่ และก็ร่วมกันทานอาหารที่คิลนำมา
ลืมความทุกข์เสียนะ เด็กน้อย
คอยที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ในวันข้างหน้า
ก้าวต่อไป สู้กับอุปสรรค
สิ่งที่ผ่านเข้ามา ให้เป็นบทเรียน
สิ่งสุดท้ายที่เหลือ คือเพื่อนเรา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น