ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมแฟนฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส

    ลำดับตอนที่ #1 : บทสรุปของหัวขโมยแห่งบารามอส

    • อัปเดตล่าสุด 12 ธ.ค. 47


    เรามาเริ่มกันดีกว่าครับกับ บทสรุป ของหัวโขมย แห่งบารามอส



    “เฮ้ยๆ คาโล คิล พวกแกมาดูประกาศนี่สิ” เจ้าคนเสียงดังตะโกน “ไหนๆขอพวกเราดูก่อนเด๊ะ”



    เสียงของครี้ด เดท ซีบิลดังขึ้นจากทางด้านหลัง



    “ประกาศนี่มัน…” ซีบิลอุทาน



    หลังจากเหตุการณ์ข้าวยากหมากแพงในดินแดนเอเดนซึ่งปิดฉากลงด้วยเอวิเดสยอมช่วยเหลือเอเดน เฟริน ไม่ต้องถูกตามในฐานะธิดาแห่งความมืด ทุกอย่างค่อยๆดีขึ้น เอเดนกลับมาอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่งอีกครั้ง



    “แล้วคราวนี้ความดีตกเป็นของหลานหญิงของข้า เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะพริ๊นเซส ออฟ เดมอสแอนด์

    บารามอส”



    ไฮคิงตรัสไว้ เพราะสงครามไม่ต้องเกิดแค่เธอไปขอร้องท่านเจ้าเอวิเอส



    เมื่อทุกอย่างกลับมาเหมือนเก่าเฟรินก็ยังคอยทำเรื่องน่าปวดหัวให้คาโล คิล และคนอื่นๆ เอือมระอาต่อไป…



    แต่ในการแข่งหมากรุกกระดานเกียรติยศในแต่ละปีคนที่นำความภาคภูมิใจมาให้กับป้อมอัศวินก็คือเธอ แต่ยังไงๆ ตัวกวนก็คือตัวกวน ยังหาเรื่องยุ่งได้เสมอ



    พวกเขาเรียนในชั้นที่สูงขึ้นวีรกรรมของเฟรินก็มากขึ้น เฟริน แองเจลิน่า เรนอน มาทิลด้า ถูกขนานนามว่า 4สาว

    แห่งป้อมอัศวิน แต่เฟรินนี่กึ่งๆนะ เอ๊ะ!นี่มันยังไงกันแน่



    จนมาถึงปีที่7 ปีสุดท้ายของการเป็นนักเรียนโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก ของรุ่นนี้ หลังสอบเสร็จ…



    ประกาศ



    พิธีจบการศึกษาและมอบใบประกาศณียบัตรนักเรียนปี7 โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก

    จะมีขึ้นในวันพุธที่ 1 มิถุนายน เวลา 8.00น.

    ขอให้นักเรียนทั้งโรงเรียนมารวมกันที่สนามหมากรุกกระดานเกียรติยศในวันและเวลาดังกล่าวโดยพร้อมเพรียง

    สำนักอาจารย์ใหญ่

    (ลงชื่อ) เลโมธี



    “คุณแองจี้ครับ อีกไม่นานพวกเราก็จะจบการศึกษากันแล้วนะครับเนี่ย”

    ซีบิล เอ่ยขึ้นหลังจากได้อ่านประกาศ



    “เฮ้อ!แล้วพวกเราจะได้เจอกันหลังเรียนจบไม้น้า วันพรุ่งนี้แล้วสินะ”



    แองเจลิน่า โรมานอฟ นางฟ้าประจำป้อมอัศวินเอ่ยกับซีบิลแฟนใหม่หลังจากตัดใจจากเฟรินได้แล้ว



    ‘หลังจากจบไปจะมีชีวิตกันยังไง’ เป็นหัวข้อที่นักเรียนปี7 ป้อมอัศวินทุกคนตั้งเป็นประเด็นร้อนและประเด็นดังในเวลานี้



    “เฟรินๆ เฮ้!เฟริน คาโล พวกแกอยู่หนาย”



    เสียงคิล ตะโกนเรียกเฟรินกับคาโลทั่วป้อม



    “เฮ้ย! ไอ้โร แกเห็นเฟรินกับไอ้บ้าคาโล มั่งป่าว”



    “ไม่เห็น แกจะทำไม” รู้แต่ก็ไม่จำเป็นต้องพูด โรคิด



    “ไอ้ จิ๊บอ๋าย”



    “แกก็ไปหาต่อสิวะ ตะโกนข้างหูฉันอยู่ได้” โรพูดพร้อม เอนตัวลงไปนอนที่โซฟาอย่างเดิม



    เฟริน เดอเบอโรว์ เดอะทิฟ ออฟ บารามอส อยู่กับเจ้าชายคาโล วาเน-บลี เดอะพริ๊น ออฟ คาโนวาล ยอดป้อม

    อัศวิน ในยามวิกาล



    “นี่ คาโล”



    คนดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ หลังยืนอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานแต่ไม่มีใครพูดอะไรเลย



    “แกมีอะไรหรอ” คนสีหน้าเย็นชาถาม



    “อย่าทำเย็นชาสิวะ ฉันจะมาถามเรื่องของแกหลังเรียนจบ” เฟรินเผลอตัวลูบแผลเป็นใต้ตาอย่างเคยชิน



    “ฉันจะกลับไปเดมอสไปทำพิธีเปลี่ยนร่างให้เป็นผู้หญิงจริงๆอีกสักที…” เจ้าตัวกวนทำสีหน้าไม่สบายใจ



    “ก็ดีนี่”เจ้าชายน้ำแข็งตอบอย่างไม่ไยดี



    ไอ้บ้าน้ำแข็งเอ๊ย อุตส่าห์จะทำเพื่อแกยังมาเย็นชากะฉันอีก เฟริน คิดในใจแต่ยังไม่ทันจะลงมือกับคาโล เขาก็เอ่ยขึ้น



    “นายจะกลับเดมอสเมื่อไร” คำพูดของคาโลทำให้เฟรินหยุดชะงัก และหลุบหน้าลงต่ำ



    “พรุ่งนี้”เธอตอบเสียงเบาราวกระซิบ



    “ฉันยังไม่อยากเรียนจบเลย” เฟรินเอ่ยขึ้นช้าๆ



    “ทำไมล่ะ เรียนจบแกก็ไม่ต้องมาเป็นชายครึ่งหญิงกึ่งหมาไง” “มันไม่ใช่แค่นั้นนะโว้ย” เฟรินโพล่งขึ้นมาน้ำตาเอ่ออยู่ที่ขอบตา เธอเริ่มน้ำตาซึม



    “เฮ้ย!อย่าร้องให้สิ ให้ตายสิไอ้ผู้หญิงขี้แย ผู้หญิงน่าเบื่อชะ…อุ้บบ”พูดไม่ทันจบ เจ้าชายคาโลก็ถูกหมัดของเจ้าตัวยุ่งต่อยเข้าที่ท้อง ลงไปนอนหน้าตาบิดเบี้ยว



    ฮึให้มันรู้ซะบ้าง เฟรินคิดอย่างสะใจ “อูยย ไอ้ยัยบ้าเจ็บนะ”



    เฟรินเดินหนีไป



    “อ่าวเฟรินแกมาทำอะไรที่นี่วะ วิ่งหาทั้งวันเล่นเอาฉันหอบ” คิลกำลังจะมาตามหาทั้งสองที่บนยอดป้อมพอดี



    “แกมีอะไรหรอ” เฟรินรีบเช็ดน้ำตาที่ซึมอยู่



    “ปล่าวๆ ก็แค่จะถามแกกับไอ้คาโลว่าพรุ่งนี้พวกเราจะเรียนจบ ในฐานะที่ฉันเป็นเพื่อนสนิทพวกแก จะไปฉลองที่ไหนดีวะ แต่ เอ๊ะ! แกร้องให้นี่หว่า อ้าว!แล้วทำไมไอ้คาโลมันนอนจุกอยู่ตรงนั้นละ”



    “ไปถามมันเอาเองดิ” เฟรินไม่ยอมบอก และวิ่งหนีไป



    “เอ้าๆ เป็นอะไรมากไหม”คิลวิ่งไปหาคาโลและถามอาการเจ็บปวด



    “เจ็บสิวะ”คาโลตอบ อูยย หมัดหนักขี้งอน คนอุตส่าห์คุยด้วยดันมาต่อย

    “พวกนายมีเรื่องอะไรกันฟะ”คิลถามด้วยความสงสัยอย่างยิ่ง



    “แกอย่ารู้เลยคิล ไปนอนเหอะว่ะ!” แล้วคิลก็พยุงคาโลกลับห้อง



    เมื่อเข้าประตูไปพบเฟรินเข้านอนแล้ว จึงไม่ได้สนใจ



    ทั้งคืนนั้นเฟรินเอาแต่คิดว่า คาโลคงจะเบื่อเธอ ใช่สิฉันมันตัวกวน ปากหมา ทำแต่เรื่อง คงจะเบื่อฉันล่ะสิ ก็ดี จะได้ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลย เชอะ



    รุ่งเช้า เฟริน เมินคาโล จนเมื่อพิธีจบ เฟริน คาโล คิลมาพบกันที่บนยอดป้อมอัศวิน ด้วยคำชวนของคิล



    เฟรินเดินหนีคาโล ชายหนุ่มเดินตามไปเรื่อยไม่ยอมหยุด ใครมาเห็นภาพนี้คงหัวเราะ ก้อนน้ำแข็งที่ตามง้อคนโขมยเตาเผา



    “เฟรินๆ” “ฟังฉันสิ” เฟรินหยุดเดิน แต่ยังไม่หันกลับมามอง



    “ฉันขอโทษเรื่องเมื่อคืน” ”ไม่นึกว่าแกจะโมโหขนาดนั้น”



    “ทีหลัง อย่าทำเหมือนว่าอยากจะทิ้งฉัน  อีก นะ เฟ่ย” เฟรินกล่าวพร้อมแยกเขี้ยว “แกจะต้องเป็นหนี้ชีวิตฉันต่อไป” ท่าของคนอวดดีทำให้คาโลกุมขมับ



    “เออดีๆ พวกแกหายโมโหกันแล้วก็ดี” คิลเอ่ย “เฟริน คาโล เรา3คน พบกันครั้งแรกที่นี่โรงเรียนนี้ ฉันดีใจมากที่

    เจอพวกแก ทำให้ฉันมีเรื่องสนุกๆทำเยอะแยะ”



    “อือ ฉันก็ดีใจ” เฟรินเอ่ย



    “อิอ ฉันด้วย” คาโลสมทบ



    คิลพูดต่อ“เพราะฉะนั้น เอาดาบของพวกนายออกมา”



    “เฮ้ย! คิลแกจะท้าพวกเราสู้เรอะ” เฟรินกล่าวพร้อมดึงผ่าปฐพีดาบคู่กายขึ้นมาป้องกันตนเองก่อน



    “บ้าน่า ฉันจะทำพิธีสาบานกับพวกแก เจ้าโง่!” คิลพูดฉุนๆ



    “อ่อ  แหะๆ ขอโทษที่กลัวไม่เข้าเรื่องว่ะ” เฟรินลดดาบลง



    คาโลเรียกดาบของตนมาสมทบ



    “ยกดาบของพวกนายขึ้นมาประสานกับดาบฉัน” คิลกล่าวอย่างจริงจัง



    ”พูดตามฉันนะ” แล้วคิลก็อธิบายขั้นตอนคร่าวๆ แล้วก็ให้เฟรินเริ่มก่อน



    “ข้า เฟริน เดอเบอโรว์ เดอะทิฟ ออฟบารามอส”



    “ข้า คาโล วาเน-บลี เดอะพริ๊น ออฟ คาโนวาล”

    “ข้า คิลมัส ฟิลมัส เดอะคิลเลอร์ ออฟซาเรส”



    “พวกเราขอสาบานจะเป็นเพื่อนตาย จะร่วมเป็นร่วมตาย  จะไม่ทิ้งเพื่อน ไม่ทรยศซึ่งกันและกัน ใครผิดคำ

    สาบานก็จะต้องไม่ตายดี”



    ข้อสุดท้ายทำให้หัวโขมยตัวน้อยกลืนน้ำลายไม่ลงคอ



    พลันดาบของทั้ง3ก็ส่องประกายสีทองแสบตา ทั้ง3รีบหลับตา เมื่อแสงหายไป ปรากฏ ตรารูปมงกุฏพระราชาที่

    ด้ามของดาบทั้งสามเล่ม



    “เสร็จละทีนี้พวกเราก็เป็นเพื่อนตายกันแล้วนะ” คิลกล่าว

    “ฉันอ่านเจอการทำพิธีแบบนี้ในห้องสมุดเลยเอามาลองทำดูกะพวกนาย ได้ผลเกินคาดแฮะ”



    “แล้วไอ้ตราที่ขึ้นมาเนี่ยยังไงหรอ” เจ้าตัวป่วนถาม



    “ถ้าอีกคนต้องการความช่วยเหลือ ให้เรียกชื่ออีกคนกับดาบนี่ ดาบจะเปล่งแสงแล้วพาอีกคนมาหา แสงสี

    น้ำตาลแทนตัวนาย เฟริน สีฟ้าแทนตัวฉัน และสีม่วงแทนนาย คิล” คาโลอธิบาย



    “แกรู้ได้ไงคาโล” เฟรินเอ่ยขึ้น ดูเหมือนเธอเป็นคนเดียวที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เจ็บใจ แล้วเผลอลูบแผลเป็นใต้ตาอย่างลืมตัวด้วยความฉุน



    “ก็ตอนปี2ฉันกับไอ้คิลไปหาหนังสือในห้องสมุด เรื่องปจด.ของแกไง ไปเจอเรื่องนี้เข้า” คาโลอธิบาย



    เจ้าตัวกวนทำหน้าฉุนกึก เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องบ้านั่นเลยจริงๆ



    “ถึงเวลาที่พวกเราต้องแยกย้ายกันแล้วสินะ”คิลกล่าว ทำให้อีก2คนทำหน้าสลด

    “ขอให้พวกนายโชคดี เฟรินขอให้แกได้เป็นผู้หญิงเต็มตัว ได้มีลูกกะไอ้คาโลมันสักคน”



    เธออายหน้าขึ้นสี “ไอ้บ้า ไม่มีทางเว้ย”



    คาโลขมวดคิ้วแต่ยังไม่ทิ้งมาดน้ำแข็งแห้ง



    “คาโล แกต้องเป็นคิงออฟคาโนวาลให้ได้นะ เร็วๆด้วยล่ะ เดี๋ยวเมียแกไม่มีตำแหน่ง 55”



    “อืม” คาโลรับอย่างราบเรียบ



    ไอ้บ้ามีอย่างที่ไหนให้ฉันไปมีลูกกะไอ้คาโล โขมยตัวดี ทำหน้าฉุน ไอ้คนข้าง2ทั้งสองคน



    “คิล” “แกเองก็ต้องเป็นยอดนักฆ่าตามพ่อแกให้ได้นะ แต่ขอเรื่องนะ อย่ารับงานสุ่มสี่สุ่มห้า มาล่าฉันนะเว้ย” เฟรินทำหน้าแหย



    คิลหัวเราะร่า  ทั้งสามคนเข้ามากอดกันกลม



    สิ้นสุดแล้วสินะชีวิตนักเรียนของพวกเรา กับการอยู่ในห้องหัวหน้าป้อมของชั้นปีร่วมกันมาตลอด7ปี



    “บาย”คิลกล่าวพร้อมวิ่งลงจากป้อมไป  เฟรินวิ่งไปกอดคาโล ทำให้คนถูกกอดตกใจ



    “เฟริน เป็นอะไรไป ยังไงวันแบบนี้ก็ต้องมาถึงน่า”



    “ฉันยังไม่อยากจากแกไปนี่นา” เฟรินเงยหน้าขึ้นมองคาโล



    เจ้านี่เริ่มรู้จักมารยาหญิง คาโลยิ้ม อย่างน้อย ก็ยังน่ารักกว่าตอนกวน



    น้ำตาใสๆเริ่มไหลออกจากตาของคนที่ไปกอดคาโล



    คาโลก้มลงจูบหน้าผากเฟริน ทำให้อีกฝ่ายหน้าขึ้นสี เขาคิดอะไรขึ้นมาได้อย่างนึง



    “เฟริน”



    “อะไร ” เฟรินยังร้องให้กระซิกเป็นเด็ก



    “สัญญากับฉันข้อหนึ่ง”



    “อะไรล่ะ” เฟรินเริ่มสงสัย



    “แกไปทำพิธีเปลี่ยนร่างให้สำเร้จ”



    “แต่ว่า…” เฟรินเอาซุกหน้าลงกับอกคาโล อุ่น อุ่นจัง อยากหลับ หลับไม่ตื่น กอดนายแบบนี้ตลอดไป  



    คาโลก้มลงเช็ดน้ำตาให้เฟริน “ตอบฉันก่อนว่าจะสัญญา” คาโลกระซิบ



    “ฉันสัญญา” เธอรีบสัญญา



    “ทำเพื่อฉัน เป็นผู้หญิงจริงๆสักที ฉันจะได้รับเธอไปอยู่กับฉัน” เฟรินหลับตาพริ้มยิ้มหวาน



    “อีก1ปีวันที่โรงเรียนเปิดการแข่งขันหมากรุกเกียรติยศ มาเจอฉันที่ยอดหอคอยเอดินเบิร์ก”



    “อื้อ” เฟรินรับคำ



    “เพราะฉันมีอะไรที่ต้องพูดกับเธอ แต่ฉันจะกลับไปทบทวนมันให้ดีก่อนจะพูดออกมา…”



    “องค์หญิงงง” “องค์หญิงของกระหม่อม”



    เมื่อทั้งคู่หันไปทางต้นเสียง ก็พบเจ้าโกโดม โคมุสยืนอยู่



    “เจ้าคนแคระเขากวาง?”



    ”แกมานี่ทำไม” คาโลถาม



    “ท่านคาโลถามได้ ข้าก็มารับเจ้าหญิงของข้า กลับเดมอสน่ะสิ”



    เมื่อฟังคำตอบแล้ว คาโลจึงก้มลงไปดูเฟริน “เฟรินๆ โกโดมมารับแกแล้ว”



    ไม่มีเสียงตอบจากเฟริน

    คาโลก้มลงมองก็พบว่าเธอหลับไปทั้งที่ยืนกอดกับเขาอยู่จึงอุ้มเฟรินไปส่งที่รถม้าทองคำจากเอวิเดสที่มารับเธอกลับไปเดมอส



    คาโลจูบลาเฟรินก่อนส่งตัวเธอขึ้นรถในสภาพที่ยังนิทรา และเดินกลับไปขึ้นรถม้าที่ทางคาโนวาลส่งมารับเขา โดยที่ เจ้าหญิงเรนอน นั่งรออยู่เพื่อกลับไปด้วยกัน



    หลังจากเฟรินกลับไปถึงเดมอส ก็เข้ารับการทำพิธีเปลี่ยนร่าง



    โดยเจ้าท่านเอวิเดส ได้ย้อนเวลากลับไปตอนที่จิ้งจอกเก้าหางยังไม่ถูกฆ่าตัดตอน และนำเลือดกลับมาในกาลเวลาปัจจุบัน



    “โอท่านจ้าว ผู้ยิ่งใหญ่ของกระหม่อม” โกโดมคราง



    “จิ๊บจ๊อยน่าเรื่องแค่นี้ เอ้าเริ่มพิธี”



    โกโดมจัดแจงทำพิธีเหมือนคราวก่อนเฟรินกลายเป็นผู้หญิงโดยสมบูรณ์



    “ฮ่า ฮ่า ลูกสาวของข้า กลับมาแล้ว 55555 ลูกสาวข้าสวยเหมือนแม่ 5555”



    เฟรินเป็นสาวสะพรั่งมีทั้งความสวยที่สวยกว่าเก่า ความเซ็กซี่เต็มตัว ใครเห็นเป็นต้องหลงใหล เรียนรู้เวทมนตร์ต่างๆ วิชาการปกครอง ฝึกดาบจากเจ้าคนแคระเขากวาง โกโดม โคมุสและเรียนรู้มารยาหญิงเพื่อให้คาโลหลงไหลจากพี่สาวในคฑาพิพากษาที่คาโลส่งมาให้ที่เดมอส



    ตอนนี้เฟรินไม่จำเป็นต้องใส่แหวนที่ใส่แล้วแปลงเป็นชาย แต่เธอก็ยังคงเอามันมาทำสร้อยคล้องคอเพื่อเป็นการระลึกถึงช่วงเวลาที่เรียนที่โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก ที่มีความสุข



    จ้าวปีศาจเอวิเดสและไฮคิงทรงแต่งตั้งให้เฟรินเป็น เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะพริ๊นเซส ออฟ เดมอสแอนด์

    บารามอส ทั้ง2พระองค์ทรงยอมรับเธอ  



    ชีวิตของฉันจะเป็นยังไงต่อไปน้า ไอ้ชีวิตแบบหญิงสาวเนี่ย



    คาโล หลังจากกลับไปที่คาโนวาลก็ได้ใช้วิชาที่เรียนมาจากโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์กทำให้คาโนวาลขยาย

    อำนาจอย่างกว้างขวาง  เขามีผลงานมากมายจนคิงบาโรพอใจมาก เขาเฝ้ามองดูพระจันทร์ทุกคืนและคิดว่ามัน

    เป็นหน้าของเจ้าตัวยุ่งดวงตาสีน้ำตาล



    “ป่านนี้ไปทำสวยอยู่แถวไหนวะ” คาโลพึมพำอยู่กับตนเอง



    คิล กลายเป็นยอดนักฆ่านามว่า คิล ฟิลมัส เดอะเกรท คิลเลอร์ ออฟซาเรส เมื่อมีอำนาจและเงินทองมากมายเขา

    จึงไปสู่ขอเจ้าหญิงเรนอนเป็นภรรยา แล้วทั้งคู่ก็แต่งงานกัน



    แองจี้เริ่มคบหาเป็นแฟนกับซีบิลอย่างจริงจัง



    โรถูกเผยความลับที่เป็นเจ้าชายโร เซวาเรส เดอะ พริ้นส์ ออฟ ทริสทอร์ที่ปลอมตัวมา



    มาทิลด้าดีใจมาก เพราะเธอได้หันมาชอบโรหลังอกหักจาก ก้อนน้ำแข็งแห้งคาโล  



    ลูคัสและลอรี่หลังจากจบจากโรงเรียนเมื่อหลายปีที่แล้วก็ร่วมกันออกผจญภัยหาทวีปใหม่ ได้เพื่อนมากมาย



    กัซ ครี้ด เดท ซอร์โรและเจคทำงานเป็นราชองครักษ์รับใช้ไฮคิง



    ทางด้านเจ้าชายโรเวนและจักรพรรดินีวิเวียนนานีย่า โรเวนขึ้นเป็นกษัตริย์ ทั้งสองแต่งงานกันอย่างลับๆ และยังรวมดินแดนเจมิไนและเวนอลเป็นแผ่นดินเดียวกัน ^_^



    …1ปีต่อมา…



    วันเปิดการแข่งขันหมากรุกเกียรติยศ ป้อมอัศวิน VS ปราการปราชญ์  เฟรินตามเสด็จขบวนเสด็จไฮคิงมาดูการ

    แข่งนี้ด้วย



    “คาโลๆ” เสียงแจ้วๆคุ้นหูที่เจ้าชายคาโล วาเน-บลีคุ้นหูแต่ไม่ได้ยินมานาน



    “เฟลิโอน่า” คาโลพึมพำ ตะลึงกับภาพตรงหน้า ใบหน้ารูปไข่ผิวใสเนียน พวงแก้มสีชมพูตามธรรมชาติ คิ้วเข้มเรียวสวย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตในกรอบยาวรีดูใสกระจ่างใต้ขนตายาวงอน จมูกโด่งปลายรั้นนิดๆ ริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อ มุมปากยกขึ้นกับชุดเจ้าหญิงเต็มยศสีเหลืองอ่อนสดใส กำแพงน้ำแข็งที่กะจะตั้งไว้เตรียมรอคนตรงหน้าละลายหายไปในอากาศ



    ในใจเจ้าชายหิมะสรุปได้คำเดียวว่า “เพอร์เฟค”



    “คิกๆ” “ฉันสวยมากหรอ” เธอหัวเราะยั่ว แล้วยิ้มให้หวานหยดย้อย



    เธอพูดทีน้ำแข็งละลาย



    “อะ เอ้อ สะ สะ สวย สวยมากเลย เปลี่ยนไปมาก”  คาโลสะบัดหัวเรียกสตีคืนมา แล้วกล่าวทักทาย



    “เอ้อ  หวัดดี”



    เมื่อเห็นชายหนุ่มคนอื่นมองคนของเขา ก็ทำให้เขาฉุนกึก รีบลากเจ้าหญิงจอมยั่วขึ้นไปบนยอดหอคอยเอดินเบิร์ก

    เฟรินถามด้วยความฉุนเพราะโดนลากมาตลอดทาง



    “ลากหญิงมาทำไมอ้า เจ็บนะคะ” เธอแกล้งใช้มารยาหญิง  



    “พูดแบบเดิมได้ไหม” คาโลหน้าขึ้นสี



    “ที่นี่ที่นายนัดฉันไว้” “จำสัญญาเมื่อปีแล้วได้หรือเปล่า คาโล วาเน-บลี” เฟลิโอน่าถาม



    คาโลมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน “จำได้”



    “อะ เรื่องอะไรบอกมาดิค้าา จะตั้งใจฟัง”



    เมื่อคาโลเงียบเฟรินจึงว่า “มีอะไรก็พูดมาซี่เว้ย อย่าให้ผู้หญิงคอยนาน”



    “จำได้ไหมตอนปี2 เธอบอกรักฉัน ฉันยังไม่เคยบอกรักเธอเลย”



    เธอหน้าแดงเพราะความอาย จะบอกรักกันตรงๆหรอ

    คาโลสูดหายใจลึกรวบรวมความกล้า และพูดออกไปเหมือนคนเก็บกดเอาไว้นานมาก



    “ฉันรักเธอตั้งแต่ที่เธอเปลี่ยนร่างเป็นผู้หญิงตอนปี1 ตอนนั้นฉันยังไม่แน่ใจตัวเอง จึงคอยทำตัวเย็นชากับเธอตลอด”



    “แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว คำตอบในใจฉันมันบอกว่า… ฉันรักเธอ แต่งงานกับฉันได้รึเปล่า”



    คนถูกขอแต่งงานทำหน้าแดงก่ำ เผลอตัวทุบคนตรงหน้าซะหลายที



    “เฮ้ยย หยุดๆๆๆ” “นี่คำตอบของเธอเรอะ ”



    “ทิ้งฉันไป1ปีอยู่ดีๆทำไมมีหน้ามาพูดแบบนี้ ฮึ นายน้ำแข็งใส”



    “คำตอบคือไม่” ธิดาเตาเผาปฏิเสธ



    “ทำไม” คาโลสวนกลับ



    “เสด็จพ่อรู้ว่าเรารักกันและไม่ได้ว่าอะไรก็จริง” เธอทำหน้าเศร้า



    “แต่ ท่านต้องการให้นายพิสูจน์ โดยการผ่านการทดสอบทั้ง4ไปให้ได้” เธอสรุป



    “การทดสอบอะไรอีก ฉันไม่มีทางจะรับการทดสอบอะไรนั่นอีกหรอก” คาโลก็ดึงเฟรินเข้ามากอด



    ดวงหน้าของทั้งสองแนบชิดกัน คาโลจูบหน้าผากเฟลิโอน่า



    “ฉันรอไม่ไหวแล้ว เธอควรจะแต่งกับฉันสักทีนะ อย่ารออะไรอีกเลยนะ”



    คนถูกเกลี้ยกล่อมทำหน้าแดงก่อนจะทำหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่งแล้วตอบไปว่า



    “ถ้านี่เป็นความเห็นพ้องของท่านตาไฮคิง เสด็จพ่อเอวิเดส พ่อดามัส และปราชญ์เลโมธีละ”



    คาโลก็คิดว่า ถ้านี่เป็นคำสั่งของทั้ง4ท่านนั้นละก็ ไม่ยอมคงไม่ได้ ต้องลองลุยดูซักตั้ง“



    เอาละฉันจะทำตามที่เธอขอ”



    “แต่มีข้อแม้”



    “ข้อแม้อะไรอีกอ้ะ” เธอถามพร้อมกอดเจ้าชานน้ำแข็งแน่น



    “คืนนี้อยู่กับฉันทั้งคืนนะ



    ” ผัวะ ตึงงง ร่างของคาโลที่ถูกเฟลิโอน่าถีบลอยไปกระทบผนังหอคอย เธอเรียกผ่าปฐพีออกมา



    “แกจะมากไปแล้วนะไอ้คาโล เห็นว่าเป็นผู้หญิงแล้วแกจะทำอะไรวะ ห๊ะ”



    เฟรินสบถไม่สมมาดเจ้าหญิง คาโลที่กำลังกุมท้องตัวเองอยู่พูดแทบไม่ออก



    “อูยย นี่กะเอาฉันตายเลยเรอะ ไอ้ตัวแสบ ขอแค่นิดหน่อยเองนะ”



    “นิดหน่อยอะไรฟะ ฉันเป็นสาวเป็นนางแกมาของี้ได้ไง” เธอชักหงุดหงิดจะเดินไปกระทืบคาโลต่อ



    เธฮเอาดาบผ่าปฐพีจ่อคอหอยของคาโลและเหยียบอกคาโลเอาไว้ แต่เมื่อมองดูคนตรงหน้าที่นอนไม่ขยับเขยื้อน

    ไม่โต้ตอบ ทำให้สาวน้อยเริ่มสงสาร เก็บผ่าปฐพีของเธอแล้วนั่งลงมองดูเจ้าชายน้ำแข้งผู้น่าสงสาร



    ดูหน้าเขาทีไรใจของเราเต้นไม่เป็นส่ำทุกที



    “คาโล”



    “อะไรยัยตัวแสบ”คาโลทำหน้าหงุดหงิดเพราะลุกไม่ขึ้น “เจ็บรึป่าว ขอโทษน้า น้า”



    เฟรินกล่าวขอโทษและสวมกอดคาโล



    “ไม่เป็นไรแล้วหละ ฉันแค่เจ็บนิดหน่อย ว่าแต่เธอน่ะ เท้าหนักกว่าแต่ก่อนอีกนะ”



    “ฮื่อ ฉันฝึกวิชากับเจ้ากวางมาตั้งเยอะนี่นา สงสัยฝีมือฉันคงจะสู้นายได้แล้วมั้ง”

    “อะแล้วนี่ คฑาพิพากษาของนาย พี่สาวในคฑาจู้จี้มากทีหลังอย่าเอามาใกล้ฉัน”



    “แหม นายหญิงก็ ข้าแค่สอนในสิ่งที่ควรสอนนายหญิงนะคะ” เสียงผีสาวออกมาจากคฑา



    เธอส่งคฑากลับไปสู่เจ้าของ



    หญิงสาวนึกย้อนดูตอนที่คาโลใช้เวทมนตร์ช่วยเธอเอาไว้มากมาย มันทำให้เธอพลั้งปากถามคาโลไปว่า



    “นี่คาโล”

    “อะไร” คาโลยังหน้าเขียว นี่ถ้ามไดึงหน้ากากฟาโรห์ออกมาสวมไว้ก่อน เฟรินคงตกใจ



    “1ปีมานี่นายทำอะไรมาบ้าง คิดถึงฉันบ้างรึเปล่า” คาโลพยักหน้า



    “ฉันคิดถึงเธอตลอดแหละ ฉันทำงานให้เสด็จพ่ออยู่ที่คาโนวาลก็สบายดีทำไมหรอ”



    เมื่อคาโลพูดทำให้เธอคิดถึงคิงปีศาจบาโรหน้าบากก็ทำให้เธอสะดุ้ง ขนลุกชัน



    “เอ้อ มะ ไม่มีอะไรหรอก ใครจะกล้ายุ่งกับพ่อนายฮึ” เธอตอบอย่างลุกลี้ลุกลน



    “มาต่อเรื่องของเราเถอะน่า เรื่องอื่นช่างมันก่อน” คาโลว่า “การทดสอบนั่นฉันต้องทำไงบ้าง”



    “ก็ เอ้อ อาทิตย์หน้าแหละ สถานที่ก็สนามประลองหมากรุกเกียรติยศ”



    เมื่อรู้ว่าคาโลยอมเข้ารับการทดสอบเพื่อเธอทำให้เธอดีใจมาก



    เธอเอื้อมตัวไปจูบกับคาโล เมื่อเธอผละออกมาเธอพูดว่า

    “ฉันดีใจนะคาโลที่นายยังยินดีเพื่อที่จะทำเพื่อฉัน”



    “ แน่นอน\"ฉันจะทำให้เธอเป็นหนี้ฉันจนมีแต่ฉันที่จะเอาชีวิตเธอได้\" “



    งั้นฉันขอนอนกอดเธอทั้งคืนได้ไหมเฟริน สัญญาจะจะไม่ทำเกินเลย”



    “ก็ได้ ยังไงก็ไม่ได้เจอกันตั้งปีนึงคิดถึงจะแย่กอดแค่นี้ไม่หวงหรอก” เธอขยับเข้าไปใกล้



    “สัญญานะ ว่าจะยังไม่ทำอะไรก่อนแต่ง”เฟรินถาม



    คาโลพยักหน้า แล้วก้มลงจูบกับเฟรินอย่างแผ่วเบาและทนุถนอม



    คืนนั้นทั้งคู่กอดกันดูดาวบนยอดหอคอยเอดินเบิร์ก…



    ทั้งคู่คุยกันถึงเรื่องต่างๆในอดีต หยอกเย้าเล่นกัน เธอเผลอหลับไปก่อน



    คาโลจึงถอดผ้าคลุมมาคลุมให้กับเธอ แล้วก็หลับต่อไป



    เช้าวันถัดมา…



    เฟรินและคาโล เรียกคิลออกมาจากตรามงกุฏที่ดาบ…



    “ดาบเอย จงเรียกสหายของข้า คิล ฟิลมัสออกมาด้วยเถิด”



    พลันเกิดแสงสีดำ ร่างของคิลปรากฏขึ้นต่อหน้าทั้งคู่

    “หาววววว อ้าวนี่พวกแก คิดยังไงเรียกฉันตั้งแต่เช้า ว่าแต่เรียกออกมาได้จริงๆด้วยแฮะ”



    “ว่าแต่พวกแกมีอะไรถึงเรียกฉันมาแต่เช้า”



    เมื่อคาโลเล่าเรื่องทั้งหมดให้คิลฟัง



    “คงไม่มีอะไรมากหรอก นายพยายามเข้าละกัน ฉันจะส่งข่าวให้เพื่อนๆรู้เอง”คิลว่า



    “อืมม ได้ นายจัดการละกัน” หญิงสาวอนุมัติ



    “งั้นฉันส่งนายกลับเอง” เธออาสา



    “เรนอนสบายดีปะ” คิลพยักหน้ารับ



    เฟลิโอน่าหยิบดาบผ่าปฐพีออกมา



    “นี่ เธอน่ะน่าจะเปลี่ยนดาบนะ”คิลแย้ง



    เขาไม่เห็นว่าผู้หญิงจะควรถือดาบใหญ่แบบนี้เลย



    “นายจะรู้อะไร ดาบน่ะเรียกหาเจ้าของ แล้วดาบอื่นไม่เคยเรียกหาฉัน มีแต่ผ่าปฐพีเล่มเดียวที่ซื่อสัตย์ต่อฉันตลอดมา อีกอย่างนี่น่ะของพ่อฉัน ใช้ของพ่อน่ะไม่น่าผิดนะ” เธอแย้งยืดยาว



    คิลโคลงศรีษะยกมือแบ



    “ช่างเถอะน่า” คาโลปรามก่อนที่เธอจะสาธยายยืดยาวต่อไป



    “ไปเลยนะคิล” ชายหนุ่มพยักหน้า



    เธอก้มลงร่ายเวทย์ที่ดาบผ่าปฐพี สักพักแสงสีม่วงก็บังเกิด เธอแทงดาบไปในอากาศเกิดประตูมิติขึ้น



    คิลก้าวเข้าไปในนั้นแล้วประตูมิติก็หายวับ



    “เดี๋ยวนี้ชักจะเก่ง” คาโลออกปากชม



    “แหมก็ไม่เท่าไหร่หรอกคร่าา” เฟลิโอน่าแกล้งทำเสียงอ่อนหวาน



    “คาโลจ๋าา” เจ้าชายน้ำแข็งเมื่อได้ฟังคำหวานก็เสียงสันหลังวาบ



    “มีอะไรอีกหรอ”



    “ฉันจะเอาใจช่วยเธอนะ แล้วผ่านการทดสอบให้ได้ละ”



    หญิงสาวจุ๊บที่แก้มชายหนุ่ม แล้วจึงวิ่งหนีหายวับไปอย่างรวดเร็ว สมกับที่มีฉายาเดอะทิฟ ทำให้คาโลถึงกับอึ้ง เขาเดินลงจากหอคอยเอดินเบิร์กไปอย่างช้าๆ ในใจก็คิดเรื่องการทดสอบ ไปต่างๆนานา



    “คาโลๆ ฉันอยู่ทางนี้”



    เมื่อมองตามเสียงไป คาโลต้องส่ายหน้า เอาอีกแล้ว ไม่นึกว่าจะยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม เป็นเจ้าหญิงแล้วแท้ๆ ยังแสดงกิริยานี้ต่อหน้าประชาชนอีก



    ยัยบื้อเอ้ย…



    คาโลสาวเท้าก้าวเข้าไปหาต้นเสียงที่กำลังตะโกนเสียงดังจนคนรอบข้างมองอย่างแปลกใจ



    “มีอะไร” คาโลทำเสียงเย็น ทำเอาเจ้าหญิงน้อยเฟลิโอน่าทำหน้าบึ้ง



    “ฉันอยากมีเวลาส่วนตัวกับเธอก่อนจะถึงวันทดสอบน่ะ แค่นี้ก็ไม่ได้”



    คาโลเปลี่ยนสีหน้า แล้วพูดล้อว่า”จะยอมอยู่กับฉันทั้งคืนแล้วรึ” ชายหนุ่มหยิบผมที่ยาวสลวยตรงหน้ามาดมเล่นอย่างทนุถนอม



    “เปล่า นี่นายอย่าคิดอะไรบ้าๆสิ” เฟลิโอน่าแหวใส่



    “จะมาชวนไปนั่งเรือไปไหม”



    “ไปสิไป” “เดี๋ยวฉันจะเรียกคนรับใช้ให้จัดการเรื่องเรือนะ” เธอพยักหน้า



    เมื่ออยู่บนเรือพายลำเล็ก คาโลซึ่งเป็นคนพายเรือเอาแต่หลงไหลใบหน้าสวยได้รูปของคนตรงหน้า จนลืมวาดฝีพาย



    “นี่คาโลขาาา คาโล นี่!ไอ้คาโล” คาโลสะดุ้ง



    เมื่อถูกคนตรงหน้าหัวเราะเข้าเขาจึงเอาพายตวัดน้ำใส่สาวน้อยตรงหน้าเป็นการแก้แค้น

    “ว้าย ไม่เอานะ หยุดๆ” แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็สาดน้ำใส่กันไปใส่กันไปมาเป็นที่สนุกสนาน



    “ฮะ ฮะ ฮะ ฮ้าด เช้ยย บรื้อส์” ทั้งคู่จาม



    “โอยยย หนาววววว” เมื่อคาโลเห็นดังนั้นจึงส่งผ้าให้คลุม



    “เอ้าหนาวก็เอาผ้าคลุมไปคลุมสิ” แล้วเขาจึงคลุมผ้าผืนเดียวกับเธอ



    “ฉันมีความสุขจังเลย คาโล” หญิงสาวบอกความรู้สึกในให้คาโลรู้  



    คาโลจึงจับแก้มเธอบิดๆไปมาแก้เขิน “ไม่เอาน่าอย่าทำหน้าตุ้บป่องๆสิ”คาโลว่า



    “ก็นายบิดแก้มฉันอ้าา อ้าา โอ้ยๆ หยุดๆๆได้แล้ว” เฟลิโอน่าดึงมือคาโลออกจากหน้าตนเอง



    “นี่คาโล” เฟลิโอน่าทำเสียงดุ



    “อะไรค้าบท่านหญิง ” คาโลแกล้งทำกวน



    “พรุ่งนี้ไปเจอพ่อฉันหน่อย พ่อฉันเรียกหา”



    “พ่อคนไหนของเธออะ” คาโลถาม



    “พ่อดามัสเรอะ” คาโลลุกขึ้นยืน



    “ปล๊าว”



    “เสด็จพ่อเอวิเดส”



    คาโลส่ายหน้า เฟรินหัวเราะก๊าก เขาไม่นึกว่าชื่อของพ่อจ้าวปิศาจของเธอจะทำให้เขาส่ายหน้า



    “เรากลับกันเถอะเฟริน” ทั้งสองคนจึงเดินทางกลับไปที่พัก



    ก่อนหญิงสาวจะเข้าที่พักของตนซึ่งเป็นพลับพลาของไฮคิง เธอก็หันหน้าขวับมาทางชายหนุ่มก่อนจะเข้าห้อง



    “พรุ่งนี้ห้ามเบี้ยวนะคะ คาโล ” คาโลตอบตกลงด้วยการพยักหน้า เฟลิโอน่าปิดประตู

    คาโลเดินคิดอะไรไปเรื่อย เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตนเองเดินเข้ามาในป้อมอัศวิน บ้านเก่าตอนนี้นักเรียนคนอื่นคงจะหลับหมดแล้วคงเหลือแต่เจ้าพวก4ผู้คุมกฏรุ่นน้องเขาจึงถือวิสาสะเดินขึ้นไปชั้นบนของป้อม



    “หยุดนะ นั่นนายจะไปไหน เด็กปีอะไรน่ะ” คาโลหยุดกึก เสียงนี้มันคุ้นๆหูอยู่นะ เมื่อเขาหันหลังกลับไป คนที่ไม่น่าจะมาปรากฏตัวมากที่สุดก็เดินออกมาจากมุมมืดของป้อม ดวงตาสีเขียวซึ่งเป็นจุดเด่นของคนผู้นั้นทำให้คาโลจำได้ทันที โร เซวาเรส เจ้าขอทานกำมะลอ



    “เรียกฉันทำไมรึ ท่านขอทาน”



    “เฮ้ๆ อย่ามาประชดฉันเซ่ ฉันมันทาสกระจอกๆของเดมอสเท่านั้นจะอาจหาญเทียบชั้นเจ้าชายอะไรกับนาย”



    “ชิ! แกมันก็แค่คนปลิ้นปล้อน หลอกลวงมาตลอด7ปี”คาโลแขวะ



    “แล้วทำไมล่ะท่านเจ้าชาย ฉันแค่มาส่งข่าวว่าการทดสอบนี้ไม่ได้มีนายคนเดียวที่ทดสอบนะ”



    แล้วความมืดก็โรยตัวไปทั่วร่างของโรและกลืนไปกับความมืด เมื่อมีแสงจันทร์ผ่านเข้ามาจากช่องหน้าต่างปรากฏว่าโรก็ได้หายตัวไปแล้ว



    คาโลแปลกใจกับข้อความที่โรนำมาส่งให้ทราบ แต่ข่าวมันไว หรือมันรู้ก่อนเรา อาจจะจริงมันเป็นทาสแห่งเดมอสนี่นา



    เช้าวันรุ่งขึ้น คาโลมารอเฟลิโอน่าที่หน้าประตูห้อง เขาเคาะประตู



    “เฟรินๆ เปิดหน่อยย” ทั้งเคาะทั้งเรียกยังไม่เปิด



    คาโลจึงลองบิดลูกบิด ประตูล็อคอยู่



    “สงสัยต้องลองนี่ดู”



    ยัยขี้เซาทำอะไรอยู่ คาโลทำหน้าครุ่นคิด อาบน้ำ แต่มันต้องหลับอยู่แน่ๆ



    คาโลร่ายมนตร์ กริ๊ก กลอนประตูเปิดล็อค คาโลยิ้มกว้าง มนตร์บทสั้นๆสบายสำหรับเขามาก



    เจ้าชายน้ำแข็งเปิดประตูเข้าไป เขาพบสาวน้อยในชุดนอนกำลังหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาใน

    ห้องเสียแล้ว

    คาโลก้มลงมองสาวน้อยตรงหน้า… นี่หรือธิดาแห่งความมืด… นี่หรือยอดหัวโขมยแห่งบารามอส



    …แล้วนี่หรือคนรักของเจ้าชายแห่งสโนว์แวนด์อย่างเรา…

    เขาใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อต้องเผชิญกับดวงหน้าของสาวน้อยที่สามารถทำให้หนุ่มๆใจละลายไม่นึกว่าจะเป็นผู้ชายมาก่อน คาโลนั่งลงบนเตียงข้างตัวสาวน้อย



    เขาเขย่าตัวเรียกเธอเท่าไรก็ไม่ตื่น



    เธองัวเงียๆ “คาโล แกอย่าผิดนัด น้าาา ครอกๆ ฟรี้” แล้วเธอก็สลบไสลต่อไป



    “เฮ้ย นี่รึเจ้าหญิงเฟลิโอน่า” คาโลทำหน้าสลด ปิดหน้าไม่เชื่อสายตาตนเอง “ไม่ได้ดีขึ้นเลยสิ พับผ่า”



    คาโลจับปกเสื้อของเธอขึ้นเช็ดน้ำลายที่หยดตามมุมปากของเธอ สาวน้อยลืมตา



    “เฮ้ยย นายมาอยู่ในห้องฉันได้ไง คาโล” “นายไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาห้องฉันโดยพละการณ์นะ!”



    เฟรินต่อยหน้าคาโล ปึงง “อูยย แค่เข้ามาดูว่าทำอะไรอยู่”



    “ก็เห็นเคาะประตูแล้วไม่ตอบน่ะ” คาโลลุกขึ้นจะเดินหนีไป



    “ฉันขอโทษนะ” คาโลขอโทษ



    “อืมม ฉันก็ขอโทษ ที่ต่อยนาย” “เจ็บมากเปล่าคะ” เธอถามด้วยความห่วงใย



    “ไม่หรอก ฉันเตะต่อยกับเธอตั้งแต่สมัยเรียน ฉันทนได้นะแค่นี้เอง”



    “แต่นี่มันสายแล้วนะเฟริน เดี๋ยวไปหาเสด็จพ่อเธอไม่ทันหรอก”



    “กี่โมงแล้วเนี่ยคาโล”



    “เที่ยง” คาโลตอบเสียงราบเรียบ



    เจ้าหญิงวิ่งลงจากเตียง ตรงไปที่ห้องน้ำ



    ”คาโล นายไปรอนอกห้องเรียกนางกำนัลมาสักคน-2คนนะ”



    “ได้ๆ ว่าแต่ฉันนั่งรอในห้องได้ไหม”



    เฟลิโอน่าแลบลิ้น“แบร่ ฝันไปเถอะ ออกไปรอข้างนอกไป๊” “เดี๋ยวฉันก็ออกไปแล้ว”



    “ก็ได้ๆ ออกไปก็ได้” คาโลจึงเดินออกจากห้องและรอ ร๊อ รอ



    เมื่อเจ้าหญิงน้อยออกมาจากห้อง คาโลก็ต้องตะลึง



    เฟลิโอน่าในชุดเจ้าหญิงสีฟ้าสดใส เป็นชุดที่เหมาะกับเธอจริงๆ เธอหมุนตัวให้ดูรอบหนึ่ง เป็นการยั่วเล่น



    คาโลลืมตัวอุทาน “สวย สวยมาก”



    “ไอ้บ้า ชมซึ่งๆหน้า เขินนะ” สาวน้อยอายม้วน



    คาโลจึงรีบบอก”เอ้อ เรารีบไปกันเถอะ”



    “ฉันจัดการเอง”



    เฟรินหยิบผลึกสีฟ้าเม็ดหนึ่งขึ้นมาแล้วจับมือคาโลไว้ข้างหนึ่ง



    “เกาะดีๆนะ” เฟรินเอาผลึกเม็ดนั้นขึ้นท่องมนตร์อยู่สักครู่หนึ่ง และตะโกน “Warp portal Demos”



    เกิดแสงสีฟ้าใต้เท้าทั้งคู่ ทั้งสองคนหลับตา เมื่อลืมตาอีกทีคาโลก็พบว่าตนเองอยู่หน้าพระราชวังของเอวิเดส



    เฟรินยิ้มกว้าง เธอสวยมากในยามนี้ “ไปพบเสด็จพ่อกันเถอะ” เฟรินจูงมือคาโลเข้าไปในปราสาท



    ปีศาจน้อยใหญ่ มาคอยต้อนรับเธอ “องค์หญิงทรงพระเจริญ องค์หญิงทรงพระเจริญ...”



    “องค์หญิง ท่านคาโล”



    เจ้าคนแคระเขากวางวิ่งปุเลงปุเลงมา  



    “มาก็ดีแล้ว เสด็จพ่อละ”



    “ท้องพระโรง พะยะค่ะ”



    “นำทางไป” ธิดาแห่งเอวิเดสออกคำสั่ง



    เมื่อไปถึงท้องพระโรง คาโลเห็นร่างในชุดสีดำดวงตาสีนิลจ้องตรง เส้นผมสีดำสนิททรงชุดพระราชาอย่างสง่างาม

    นั่งอยู่บนบังลังค์



    “ว่ายังไงลูกพ่อ เฟลิโอน่า โอ้นั่น เจ้าชายคาโล วาเน-บลี ใช่ไหมนั่น”



    “ว่าไงไม่ได้เจอกกันนานนะท่านเจ้าชาย”



    “เสด็จพ่อ คาโล เอ้อ มาตามนัดเพคะ”



    “ถวายบังคมพะยะค่ะ” คาโลคุกเข่าลงคำนับเจ้าปีศาจเอวิเดส



    “เดมอสยินดีต้อนรับ” “ท่านไม่ต้องมากพิธี”  



    “ผมอยากรู้เรื่องการทดสอบครับ”



    เจ้าปีศาจเอวิเดสหัวเราะร่า อารมณ์ดี



    “ฮ่ะฮ่ะ เรื่องการทดสอบนั่น เจ้าก็ต้องรู้ว่าข้าจะยกลูกสาวคนเดียวให้ใครง่ายๆได้อย่างไรใช่ไหม?”



    “ครับ”



    เขารู้สึกเป็นกันเองกับเจ้าปีศาจเอวิเดสมากขึ้น

    “ถ้าสมมติว่าผมผ่านการทดสอบทั้งหมด จะได้แต่งงานกับเฟรินใช่ไหมครับ”คนที่ถูกคาโลเอ่ยถึงหน้าแดงก่ำ  



    เอวิเดสตอบ“ ห้ามสมมติ ท่านต้องทำให้ได้  คำตอบคือใช่”



    “แต่ว่าการทดสอบนี้เป็นการทดสอบทุกคนที่ต้องการตัว ลูกหญิงของเรา”



    “การทดสอบครั้งนี้เป็นทัวนาเมนท์?” เจ้าปีศาจพยักหน้า



    “แต่คงไม่ยากเกินความสามารถของท่านหรอกน่า”



    “การทดสอบ4ด่าน ด่านแรกของดามัสผู้ชนะจะได้รับมงกุฏแห่งใจ ด่านต่อมาของเจ้าตาแก่เลโมธีชนะรับคฑาแห่งพลัง ต่อมาด่านไฮคิงชนะรับแหวนแห่งปราชญ์ ด่านสุดท้ายของข้าชนะรับดาบแห่งกษัตริย์”



    “ผู้ชนะในแต่ละด่านมาสู้กัน ผู้ชนะยึดของวิเศษจากอีกฝ่าย ใครรวบรวมของวิเศษ ทั้ง4อย่างครบนำของทั้ง4อย่าง วางบน แท่น แล้วหีบที่ใส่การทดสอบสุดท้ายเอาไว้จะเปิดออก…”



    “ผ่านตรงนั้นได้เจ้าก็จะได้แต่งงานกับลูกสาวข้า”



    เอวิเดสอธิบายยืดยาว “ผมเข้าใจแล้วครับ เพื่อเจ้าหญิงน้อยๆองค์นี้ผมจะต้องทำให้ได้”



    “ข้ารู้ว่าท่านรักลูกหญิงของเรา และลูกหญิงของเราก็รักท่านมาก เห็นได้จากเหตุการณ์ครั้งนั้น”



    เอวิเดสพูดถึงเหตุการณ์ที่คาโลจะขอเข้าพบเฟรินตอนที่ทำพิธีเปลี่ยนร่างไม่สำเร็จ ดวงตาแข้งกร้าวของชายหนุ่มทำให้ท่านจ้าวเอวิเดส รู้สึกถึงความจริงใจ ความรู้สึกของเจ้าชายตรงหน้าที่อยากจะปกป้องลูกหญิงของตน



    “ดีมาก งั้นข้าขอฝากด้วยอย่าให้ลูกหญิงข้าตกอยู่ในมือกระจอกตัวอื่น จำไว้ เอ้ารับสิ่งนี้ไป”



    เจ้าปีศาจเอวิเดสส่งของสิ่งหนึ่งให้แก่เจ้าชายน้ำแข็ง ของสิ่งนั้นถูกห่อหุ้มด้วยพลังบางอย่างทำให้ไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นเป็นอะไร



    “อะไรครับนี่”



    “จงไปเปิดที่เอดินเบิร์กเถอะ”



    “เอ้า เฟลิโอน่า มาหาพ่อซิ”



    สิ้นคำเจ้าปีศาจ ธิดาแห่งความมืดก็เดินไปหาเสด็จพ่อของนาง



    “อะไรคะ เสด็จพ่อ”



    “ลูกพ่อ จงดูแลรักษาเนื้อรักษาตัวนะ พยายามช่วยเหลือคนรักของเจ้าด้วยล่ะ”



    “รับทราบ ค่า”



    “พวกเจ้ากลับไปสวีตกันเถอะ พ่อขอพักก่อนนะ มา เฟลิโอน่า กอดลาพ่อที”



    เจ้าหญิงน้อยเอื้อมตัวไปกอดลาท่านพ่อของนาง



    “บะบาย เสด็จพ่อ”



    “ลาละครับ ท่านพ่อตา” คำที่คาโลเอ่ยทำให้เอวิเดสหัวเราะ



    เฟรินจูงมือคาโล  ทั้งสองเดินออกมานอกพระราชวัง



    พลันสายตาของคาโลสะดุดอยู่กับดอกไม้ดอกหนึ่งที่ขึ้นอยู่ที่พื้น



    เขาเดินไปดมดอกไม้นั่น “หอมจัง” คาโลอุทาน



    เขาเด็ดดอกไม้นั่นไปทัดหูเฟริน “อย่างนี้เธอดูสวยขึ้นมากเลย”



    เฟรินยิ้ม”ลองมองดูดอกไม้ต้นเดิมซิ”



    แล้วคาโลก็ต้องแปลกใจที่ดอกไม้กำลังปรับสภาพ



    ตรงที่คาโลเด็ดขึ้นมากลับมีดอกไม้งอกขึ้นมาอีกครั้ง และกลายเป็น2ดอก



    “ทำได้ไงอะ เฟริน”



    “คิก คิก นี่แหละ ความอัศจรรย์ของดินแดนเดมอส ถึงจะเป็นแดนปีศาจแต่ก็เป็นแดนปีศาจที่สวยงามนะคาโล”



    “ฉันชักชอบที่นี่แล้วสิ พ่อเธอก็ใจดีมากเลย”



    “แต่เจ้ากวางบอกว่าเวลาพ่อเอาจริงจะกลายเป็นจอมปีศาจที่ดุร้ายมากเลย พลังของพ่อน่ะเยอะมาก ถ่ายทอด

    ทางสายเลือดให้ฉันก็เยอะนะ ไม่งั้นฉันคงสู้พลังดาบผ่าปฐพีแล้วใช้มันไม่ได้”



    ในยามนี้คาโลรู้สึกว่าเฟรินของเขากลายเป็นเจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล แล้วเต็มตัว เธอเป็นสาวน้อยน่ารักโดยสมบูรณ์แบบแล้ว



    “เอาละกลับกันเถอะ” “Warp portal Adinberk’s” แล้วทั้งสองก็กลับมายืนอยู่ในห้องของเฟริน



    “เฟริน คลายมนตร์สะกดให้ไอ้ของขวัญนี่หน่อยดิ” คาโลขอร้อง



    “ได้ๆ”



    “โอม ” ข้าแต่พลังมหาเวทมนตร์ดำอันยิ่งใหญ่ โปรดประทานพละกำลังบันดาลให้ความมืดจงกลืนกินแสงสว่าง…\" น้ำเสียงกังวาน ของเฟรินทำให้คาโลแทบหยุดหายใจเมื่อใจความแห่งมนต์มืดสยบได้แม้แต่ลมหายใจ

    ของคนที่ยืนอยู่



    \"...ข้าแต่จ้าวพญามารแห่งใจอันยิ่งยง โปรดประทานพลังอำนาจ ควบคุมจิตใจเหล่ามนุษย์ตัวจ้อยผู้หาญมา

    ลองฤทธิ์..\"



    บทมารที่สาปแผ่นดินเอเดน…



    ร่างของผู้ร่ายเวทดวงหน้าดูอ่อนหวานนุ่มนวล งดงามภายใต้แสงสีทองอบอุ่นอ่อนจาง ภาพที่ขลังไปด้วย

    มนต์เสน่ห์ที่หวังสะกดหัวใจผู้คนให้ตกเป็นทาส “จงคลายมนตร์สะกดที่ห่อหุ้มของสิ่งนี้ด้วย”



    “จงให้พลังแก่ข้าในการคลายมนตร์สะกดด้วย…”



    วู้มมม ของขวัญที่เอวิเดสประทานให้ลอยขึ้น เหนือศรีษะทั้งสอง



    “คาโล เอาคฑาของนายออกมา” เมื่อคาโลนำคฑาของเขาออกมา เฟรินสั่งให้คาโล จิ้มไม้คฑาของคาโลเข้า

    ไปที่ของขวัญที่ลอยอยู่ คฑาของคาโลถูกดูดเข้าไปในพลังนั้น



    “ถ้าฉันคิดไม่ผิด พ่อส่งพลังอันยิ่งใหญ่มารวมร่างและเพิ่มพลังให้คฑานาย…”



    รวมร่างมันเลยซะดีกว่า คาโลคิด



    “ฟิวชั่น…” คาโลตะโกนบ้าง



    สิ้นเสียงคาโล เกิดแสงสีดำทะมึน และกลายเป็นสีขาวเจิดจ้าแทบจะในทันที…



    เขายื่นมืออกมา แสงนั่น เคลื่อนที่เข้ามาที่มือเขา เมื่อแสงดับไป ปรากฏไม้คฑาอันใหม่ตรงหน้าเฟรินและคาโล



    ตัวคฑาสีขาวราวหิมะ หัวคฑามีลูกแก้วอันเก่าของคาโลฝังอยู่และมีเขาที่เหมือนกับเขาของปีศาจบาโฟเมตงอกออกมา และหุบเข้าไปในคฑาแทบจะทันที ปลายไม้มีพู่ห้อย ซึ่งทำจากเส้นผมเจ้าหญิงหิมะ



    “คฑานี่ดูเผินๆเหมือนของเก่านะเฟริน”



    “ไม่หรอกคาโล ฉันว่ามีพลังเพิ่มขึ้นนะ”



    “พลังของพ่อเธอช่วยฉันได้แน่ๆ” คาโลมั่นใจดังนั้น เขาจึงลองร่ายมนตร์ที่ตนเองถนัด



    “ไอซ์วอล์” เงียบบ…  ไม่มีอะไรออกมา แม้แต่ไอมนตร์



    คาโลกับเฟรินทำหน้าสงสัย “เป็นไรของมันวะ”



    “ของดีจริงปะฟะเนี่ย” เฟรินเผลอปากเบา



    เสียงๆหนึ่งดังมาจากคฑา “นายท่าน นายหญิง”



    “พี่สาวในคฑานี่นา ออกมาดิ”



    ผีสาวในคฑาของคาโลจึงออกมา พร้อมกับชุดสวยชุดใหม่



    “อ้าวพี่สาวเปลี่ยนชุดแล้วหรอ” “ค่ะนายหญิง พลังของคฑามากขึ้นทำให้พลังของเราทั้งสามในคฑามีมากขึ้นด้วยแต่…”



    “แต่อะไร ว่ามา” คาโลถามรวดเร็ว



    “ชื่อของคฑาค่ะนายท่าน ตราบใดที่ยังไม่รู้ชื่อแท้จริงของคฑา พลังอันมหาศาลก็จะไม่ถูกปลดปล่อยออกมา”



    “ก๊อ กลายเป็นไม้เท้าตีหัวหมาธรมดาๆ” เฟรินแหย่



    คาโลเขม่น



    แหะๆ “พูดเล่นๆ”



    หลังจากที่ทั้งคู่พยายามเรียกชื่อคฑาทั้งวัน แต่ก็ยังไม่มีชื่อไหนที่เป็นชื่อที่แท้จริง



    “พอเหอะเอาเวลาไปฝึกฝนดีกว่า เอาคฑาอันอื่นก่อนนะ”เฟรินเสนอ



    “อืมม ตามใจ”คาโลเห็นด้วย



    เฟรินให้คาโลเข้าคอร์สฝึกโหดนรก แบบเร่งรัด โดยมี โกโดม โคมุส เป็นผู้รับผิดชอบการฝึก



    คาโลถูกสั่งให้ไปฝึกในพื้นที่สีแดงของเดมอส วันละพื้นที่ วันละพื้นที่ จนในตอนนี้คาโลเรียกได้ว่าแข็งแกร่งมาก



    อาจเกือบเท่าเอวิเดสก็เป็นได้ เพราะเอวิเดสเป็นผู้ที่ปราบพื้นที่เหล่านี้มาหมดแล้ว



    วันสุดท้ายของการฝึกโหดนรก…



    “ย่าห์” กึ๊งง คาโลแช่แข็งคนแคระดำ ซึ่งคมดาบและเวทย์มนตร์ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้แต่คาโลสามารถ

    ทำได้



    “โอ้ ท่านคาโลท่านทำสำเร็จ”



    “เย้คาโลของชั้นทำได้แล้วแหละโกโดม” เฟลิโอน่ากระโดดดีใจพลางส่งผ้าเช็ดเหงื่อไปให้คาโล



    เย็นวันนั้น…

    “เฟลิโอน่าที่รัก ขอบใจสำหรับทุกๆอย่าง เฮ้ยไม่เอาๆ” “เฟลิโอน่า ขอบใจสำหรับทุกอย่าง”  โว้ยย จะขอบคุณเธอยังไงดีนะ คาโลรำพึงในใจ



    พอดีกับเจ้าหญิงที่ทำตัวไม่ค่อยสมหญิงถือวิสาสะแอบเข้ามาในห้อง คนซ่อนตัวอยู่มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความขบขัน



    “เฮ้ย ใครหลบอยู่ตรงนั้น ออกมานะเว่ย” คาโลตะโกน เขาไม่ชอบให้ใคร มาแอบฟังเขา โดยเฉพาะในตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่



    “อ้าว เฟริน เธอเองหรอ”



    “อือ ได้ยินนายหมดแล้วด้วย” คาโลหน้าขึ้นสี เอามือลูบท้ายทอยแก้เขิน



    “ขอบใจละกัน ที่เรียกเจ้าโกโดมมาฝึกให้ฉัน”



    “ฮิฮิ จะขอบคุณไปขอบคุณ โกโดมเองเถอะย่ะ” แล้วเธอก็เดินออกไปจากห้อง



    เช้าวันแข่งขัน ณ สนามประลองหมากรุกเกียรติยศ ผู้คนฮือฮามากเพราะ ไฮคิง เจ้าปีศาจเอวิเดส จอมปราชญ์เล

    โมธี และดามัสกำลังคุยกัน ก่อนการแข่งจะเริ่ม ทำให้ประชาชนแปลกใจมาก



    ผู้ชมมีหลายระดับตั้งแต่ขอทาน ชาวนา ข้าราชการ สัตว์ประหลาด เอลฟ์ มังกร ยักษ์ คนแคระจากทั่วสารทิศ



    ..ราชายักษ์เกรเซอร์ เอลฟ์ดำ  ลูซิฟิน สเกเลตอนหัวหน้าหุบเขาหัวกะโหลก ราชินีจันทรา ก็ยังตามเสด็จจ้าวปีศาจเอวิเดสมาด้วย



    ทางฝั่งเอเดน กษัตริย์ทุกเมืองก็มากันหมด ตั้งแต่ คิงแอเรียส คิงบาโรหน้าบาก..

    ไปจนถึงคิงโรเวนแห่งเจมิไน และควีนวิเวียนนานีย่าแห่งเวนอล ก็ทรงจูงพระหัตถ์กันมาดูด้วย ได้ข่าวแว่วๆมาว่า

    เจมิไนและเวนอลจะรวมประเทศกัน (ถ้าเป็นเช่นนั้น เดมอสและบารามอสของเจ้าตัวยุ่ง ก็อาจจะมีการรวมกับคาโนวาลของ เจ้าชายน้ำแข็งด้วย ถ้าได้แต่งกันนะ ^^”a)



    เมื่อถึงเวลาแข่งขัน ปรากฏว่าตั๋วเข้าชมการแข่งแพงมากแต่ก็ยังขายหมดอยู่ดี จนมีผู้ผลิตตั๋วมืดออกมาขายใน

    ราคาแพงหูฉี่ เพื่อให้ทุกคนได้เข้าดูการแข่ง ธงของทุกประเทศแม้แต่ธงสีดำสนิทของเดมอสก็สะบัดร่าอยู่บนยอดปราสาท



    คาโลมารู้เอาทีหลังว่าในจำนวณผู้เข้าแข่งขันมี คิลรวมอยู่ด้วย



    “ไม่ใช่ว่านายจะนอกใจเรนอนนะคิล” คาโลเอ่ยถามเพื่อนรัก



    “บ้าเรอะ ฉันน่ะรักเรนอนมากนะ ฉันแค่มาช่วยนาย”



    “ช่วยฉันยังไง” คาโลทำหน้าสงสัย



    “เดี๋ยวนายก็รู้” คิลยิ้มอย่างมีเลศนัย

    เมื่อทุกอย่างเข้าที่ พิธีกรก็ประกาศ “สวัสดีค่ะท่านผู้มีเกียรติ”



    “วันนี้เป็นวันที่สำคัญสำหรับบางคนนะคะ”



    “เพราะเป็นการทดสอบ ผู้ที่จะได้อภิเษก กับเจ้าหญิงเฟลิโอน่า..” เสียงกังวานก้องของพิธีกรยังคง

    พูดต่อไป



    “สู้เพื่อฉัน” เฟรินอ้อนวอน



    “งั้นฉันขอเติมพลังก่อนซี่” คาโลทำหน้ากวนๆ



    “นายจะเติมพลังอะไรอีกล่ะ” เฟรินสงสัย



    เธอกับคาโลก็กินข้าวในห้องอาหารดรากอนกันแล้ว



    “ฉันต้องไปหาท่านพ่อกับท่านตานะ”



    “เดี๋ยว”คาโลดึงแขนเฟรินเอาไว้



    “อะไรอีกล่ะคาโล” เฟรินพยายามสะบัดแขนออกจากมืออันแข็งแกร่งของคาโลแต่ก็ไม่หลุด



    “ฉันเจ็บน้าา ปล่อยเหอะ” เฟรินอ้อน



    “ให้กำลังใจฉันหน่อย นะ”คาโลพูดพลางส่งสัญญาณโดยการยื่นแก้มให้เธอ  เขาจ้องตาเฟรินเป็นเชิงบังคับ



    เธอจึงจูบแก้มนักรบแห่งคาโนวาล…



    สาวน้อยดวงตาสีน้ำตาลจ้องตาคนดวงตาสีฟ้า “ให้กำลังใจนายแล้วรีบไปได้แล้วนะ” สาวน้อยหน้าแดง



    “แล้วเจอกันหลังจบการแข่ง”



    “อือ” เฟลิโอน่าตอบรับ พลางเดินไปลับสายตาชายหนุ่ม



    เมื่อถึงเวลาแข่งด่านแรก ก็มีประกาศให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่สนามแข่ง เฟรินกำลังจะไปที่เต๊ณท์ที่เอวิเดสและไฮ

    คิง ระหว่างทางเจอเพื่อนๆที่มารวมตัวกัน ทั้ง แองจี้ มาทิลด้า เรนอน กัซ ครี้ด เดท ซีบิล ซอร์โร เจค



    โอ้! เพื่อนสนิทมากันครบ



    “สวัสดีเฟริน” ทุกคนทักทาย



    “เฮ้! หวัดดีทุกคน เป็นไงมั่งละ” เฟรินทักตอบ



    “ว้าว เฟริน เธอสวยจริงๆ” ครี้ดชม



    “ใช่ๆสวยมาก” กัซและเดทเสริม



    “คุณเฟรินทำพิธีนั่นสำเร็จแล้วหรอครับ” ซีบิลถาม



    “จ้ะ” เธอหันไปทางแองเจลิน่า



    “นี่แองจี้” ”เป็นไงมั่ง” แองเจลิน่าหันหน้ามายิ้มให้



    “ก็ดี แล้วเธอละ ปรับปรุงนิสัยเดิมรึยัง ล่ะ” เฟรินทำหน้าบูด



    “ตอนนี้ฉันก็นิสัยเหมือนผู้หญิงทั่วไปแล้วย่ะ ไม่ต้องเอาคฑาออกมาตีฉันอีกนะ” แองเจลิน่าหัวเราะร่า



    “คุณเฟรินเก่งนะครับหลุดรอดจากคฑามาได้ แต่ผมนี่สิ…” ซีบิลพูดลางทำหน้าเสียวสันหลัง



    แล้วทั้งหมดก็หัวเราะกัน “นี่พวกเธอมีที่นั่งกันหรือยัง”



    “ก็ยังน่ะ พวกเราก็มาตามที่คิลนัดมาน่ะ แต่คิลล่ะไปไหนแล้ว”



    “ฉันน่ะขอให้คิลลงแข่งด้วย”



    “อ้าวแล้วเธอไม่ว่าหรอเรนอน” มาทิลด้าถาม



    “นี่ อย่าคิดแบบนั้นสิคะ ฉันอนุญาติเพราะจะให้ท่านพี่คอยช่วยเหลือ คุณคาโลต่างหาก”



    “ฉันขอเชิญพวกเธอทุกคนไปดูการแข่งในเต๊ณท์ฉันนะ”เฟรินชวน



    “อือ ตกลง” ทั้งหมดก็เลยได้ไปดูอยู่ที่เต๊ณท์ของเฟริน ที่นั่งใกล้สนามเห็นชัดที่สุด  



    “การแข่งครั้งนี้…” ดามัสเดอเบอโรว์ เดอะทิฟ ออฟบารามอสเริ่ม เขาเอ่ยกับผู้เข้าแข่งขันทุกคน “เป็นการแข่งเพื่อ

    ลูกสาวของข้า ถึงแม้จะเป็นลูกไม่แท้ แต่ข้าก็รักเธอมาก”



    ดามัสจ้องมาทางคาโลเหมือนจะบอกว่าถ้าแกไม่ชนะ ตายย!

    คาโลจึงทำสีหน้ามั่นใจ



    ดามัสจึงเอ่ยต่อ “บททดสอบแรก ตอบปัญหาเกี่ยวกับตระกูลเดอเบอโรว์ให้ถูกต้อง”



    “เด็กๆ แจก..”



    สิ้นเสียงดามัส ก็มีเด็กนักเรียนจากแผ่นดินประชาชนออกมาแจกข้อสอบให้กับทุกคน



    “บททดสอบนี้จะทำให้ฉันรู้ว่าผู้ที่จะมาเป็นคู่ครองของลูกสาวของฉัน รู้เรื่องเกี่ยวกับลูกสาวฉันมากเพียง

    ไร ผู้ผ่านการทดสอบจะได้รับมงกุฏแห่งใจไปก่อน”



    “เอ้าเริ่มได้” สิ้นเสียงของดามัส เดอเบอโรว์ ทุกคนก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบของตนเอง คาโลมองไปยังคิล เจ้าบ้าคิลเอ๊ย เอาแต่นอนหลับ



    คาโลสลัดหัวให้คิดถึงแต่เรื่องการทดสอบเขาก้มลงดูข้อสอบของตนเอง



    ข้อสอบวัดความรู้ตระกูลเดอเบอโรว์ +ถูกข้อละ1คะแนน++ผิดตัดข้อละ2คะแนน++คะแนนติดลบ ตกรอบ+



    1.)นามเดิมของเจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะพริ๊นเซส ออฟเดมอสแอนด์บารามอสคือ



    2.)ดาบประจำตัวของเจ้าหญิงมีชื่อว่า



    3.เจ้าหญิงมีแผลเป็นส่วนใดของร่างกาย



    4.ส่วนผสมยาเปลี่ยนร่างที่เจ้าหญิงต้องใช้คืออะไร



    5.ตอนปี1ขณะแข่งกระดานหมากรุกเกียรติยศ เจ้าหญิงทำหน้าที่อะไร



    คาโลมองข้อสอบและนั่งยิ้ม ถ้าเขาตอบผิดสักข้อคงจะเสียใจตาย ข้อ1 ใครไม่รู้ก็บ้า ข้อ2 ข้อ3 และข้อ5 เห็นๆกัน

    อยู่  ข้อสี่ คนตามหาส่วนผสมอย่างฉันจะไม่รู้ได้อย่างไร



    เมื่อหมดเวลา… “หมดเวลา เด็กๆเก็บข้อสอบ”



    “วันนี้พักไว้แค่นี้ชื่อผู้เข้ารอบต่อไปประกาศเย็นนี้ ที่บอร์ดหัวขโมย หน้าสนามสอบ…”



    “บอกไว้ก่อนคนตรวจข้อสอบ ก็คือเจ้าหญิงเฟลิโอน่า เองนะ”



    อย่างงี้ก็หมู คาโลและคิลพึมพำกับตนเอง



    “นี่พ่ออ อยู่หนายยยย” เฟรินตะโกนหาดามัส เดอเบอโรว์ เจ้าพ่อบ่าอยู่ไหนนะ



    “มีอาไร เจ้าตัวแสบ ฉันอยู่นี่”



    “พ่อตรวจข้อสอบแทนฉันได้ไม้..อะ”



    “หึหึ จะหนีเที่ยวอีกแล้วเรอะ แกนี่เป็นเจ้าหญิงแล้ว การทดสอบเลือกคู่ครองก็จัดให้แล้ว ยังทำตัวแก่นอีก”



    “แหมพ่อก็ ฉันน่ะอยากจะ…” เฟรินทำหน้าแดง



    “อยากจะอะไร ไหนหน้าแดงเลย ไหนดูซิเป็นอะไร” ดามัสจับหน้าน้อยๆของเฟรินมาสำรวจ เฟรินรีบหลบ



    “ปล่าววว โห่ พ่อก็ ก้อ…แค่อยากไปเที่ยวฉลองกับเพื่อนๆไม่ได้เจอกันนานตั้ง1ปี แล้วก็พา..”



    “เจ้าหนุ่มคาโลไปเที่ยว ใช่มะ” ดามัสดักคอเฟรินทำให้เฟรินหน้าแดงก่ำ



    “แกน่ะเป็นผู้หญิงแล้ว ทำอะไรก็ระวังตัวล่ะ พ่อน่ะไม่สามารถบังคับเจ้าได้หรอก เจ้ามันโตแล้ว”



    ดามัสกล่าวพร้อมหน้าเปื้อนยิ้ม จริงๆแล้วเขารู้สึกน้อยใจบ้างบางครั้งที่ไม่ได้เป็นพ่อแท้ๆของสาวน้อยตรงหน้า แต่

    ก็ต้องเก็บความรู้สึกผูกพันนั้นไว้ เพราะรู้ว่าสักวันหนึ่ง ยังไงเฟรินก็ต้องไปจากอ้อมอกพ่ออย่างเขา ขอแค่

    ได้จัดการงานนี้หาผู้ที่เหมาะสมที่สุดให้เป็นคู่ครองลูกสาวตนเองได้ก็พอใจ

      

    “โอ๋ๆ พ่อ” เฟรินเข้ามาโอบกอดดามัส



    “วันอื่นจะมาชวนน้าาาา” ดามัสดึงตัวเฟรินออกมาแล้วจ้องหน้าลูกสุดที่รัก



    ดามัสกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง“จำไว้นะ! ต่อไปพ่อคงไม่ได้เจอกับแกอีกหลังการทดสอบนี่ พ่อจะไปมีครอบครัว

    ของตัวเองสักที เจ้าจะต้องดูแลตนเอง! เมื่อมีอันตรายใดๆจงท่องกฏของตระกูลเราไว้ให้ดี ไหนว่ามาซิ”



    “กฎของยอดหัวขโมยแห่งบารามอส



    กฎเหล็กข้อแรก จงมองให้เห็นโอกาส



    กฎเหล็กข้อสอง ความโกรธเป็นศัตรูแรกที่ต้องฆ่า



    แล้วกฎหลักข้อที่สาม ความกลัวเป็นมิตรหายากในยามเหงา”



    เธอตะโกนมันออกมาสุดเสียง เลือดในกายเดือดพล่าน ราวกับว่าเป็นชายหนุ่มแม้จะอยู่ในร่าวสาวน้อยอ้อนแอ้น



    “แน่นอนพ่อ ฉันจะไม่มีวันลืมกฏของตระกูลเรา พ่อก็ต้องจำไว้นะ ไม่ว่าจะอย่างไร พ่อก็จะเป็นพ่อของ

    ฉันตลอดไป” เฟรินพูดโดยไม่รู้ว่าน้ำตาได้ไหลลงมา



    “พ่อรักแกนะ แกต้องดูแลตนเองให้ดี ห้ามมีน้ำตา”



    เฟรินพยักหน้า ปาดน้ำตาทิ้ง



    “ไปนะพ่อ แหมแค่ไปเที่ยวเทศน์ซะนาน เบร่ๆๆ” เฟรินแลบลิ้นใส่ดามัส และวิ่งหนีไปด้วยความเร็วสูง



    “พ่ออ ให้คาโลกับคิลผ่านโดยไม่ต้องตรวจด้วยน้าาา” เฟรินตะโกนทิ้งไว้



    “ไอ้ๆ ลูกกวนติง ฮ่าๆๆๆ” ดามัสหัวเราะก้อง มันยิ้มได้ตลอดเวลา ลูกพ่อ…



    “แฮ่กๆ เสด็จพ่อ เสด็จตา” เฟรินวิ่งหอบมาหา เอวิเดสและไฮคิงที่กำลังวางรูปแบบการทดสอบต่อๆไปอยู่



    “อะไรรึลูก” เจ้าปีศาจเอ่ย



    “หญิงจะไปฉลองกับเพื่อนเก่าน่ะเพคะ”



    “ระวังตัวด้วยล่ะหลาน” ไฮคิงเอ่ย



    “มานี่ซิ” เอวิเดสเอ่ย เฟรินจึงเดินเข้าไปใกล้



    “ซาปารุส เซวาเก้…” มนตร์ของเอวิเดสเผยออกมาแล้ว



    ทันใดนั้นก็เกิดแสงเจิดจ้า ร่างของเฟรินค่อยๆกลายเป็นชายหนุ่ม



    “แหะๆ ถูกใจมากเลยเพคะ” เฟรินยืดแข้งยืดขา เขารู้สึกราวกับได้เกิดใหม่ ร่างนี้แหละที่เขาจะทำอะไรก็ได้ ร่างที่

    รอมานาน



    “พ่อกับตาของเจ้าไม่ค่อยชอบร่างนี้ของเจ้าเท่าไรหรอกนะ แต่ก็ยังดีกว่าให้ไปเที่ยวโดยร่างสาวน้อยน่าฟัดหน้า

    กอดของเจ้านั่นแหละ ป้องกันไว้ เอาผ่าปฐพีไปด้วยนะ ร่างนี้แม้จะใช้พลังได้ไม่เต็มที่แต่ก็ยังมีวิชาโจรติดตัว ยังปลอดภัย…” เอวิเดสกล่าว



    เมื่อเฟรินมองทางไฮคิงก็เห็นไฮคิงพยักหน้า



    ไฮคิงกล่าวบ้าง”ถ้าหลานต้องการกลับร่างสาวน้อยดังเดิมก็จงร่ายมนตร์ เหมือนที่พ่อเจ้าร่าย”



    เฟรินพยักหน้า ยื่นมือออกมา



    “ผ่าปฐพี..” ผ่าปฐพีดาบคู่ใจของเจ้าคนตาสีน้ำตาลปรากฏขึ้น เฟรินยิ้มร่า หัวใจพองโต และเผลอลูบแผลเป็นใต้ตาซ้ายอย่างเคยชิน



    “ไปนะเพคะเสด็จพ่อ เสด็จตา”



    “เดี๋ยวๆ รอสักครู่สิองค์หญิง” เสียงหนึ่งดังขึ้น



    “อะไรอีกอะเจ้ากวาง” เฟรินทำหน้าเบ้ เขาเดาว่าโกโดมคงอยากตามไปด้วยแน่ๆ



    “บอกกี่ครั้งแล้วกระหม่อมชื่อ โกโดม โคมุส”



    “ช่างเหอะ ว่าแต่มีอะไรถึงเรียกฉัน”



    “ให้กระหม่อมคอยอารักขานะพะย่ะค่ะ”



    “ไม่” หัวโขมยหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง เขาไม่มีวันให้โกโดมมาก่อกวน ความสนุกของเขา

    “ดาบเอยย ส่งข้าไปหาสหายข้านะบัดนี้”



    แว่บบ ร่างของเฟรินหายวับไปกับตา



    เจ้าปีศาจเอวิเดส และไฮคิงยิ้มกับการกระทำของเขาดูฝีมือเข้าขั้น โดยหารู้ไม่ว่านั่นอะฝีมือคิล



    “เฮ้ ทุกคน ฉันมาตามนัดแล้ว”



    “เฮ้ยย!”



    ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน คนที่ดูตกใจมากที่สุดดูจะเป็นคาโล



    “ไม่ต้องตกใจ แค่มนตร์บทหนึ่งของพ่อเอง” เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนจึงโล่งใจ แม้แต่โรก็ยังมา



    “เอ้าพวกแก ไปกันยัง” ครี้ดตะโกนด้วยความหงุดหงิดเพราะเฟรินมาช้า



    “ปะๆ ไปเลยๆ เร็ว เสียเวลามานานแล้วนะ” แองจี้ตะโกนสั่ง



    “คิล คาโล เรื่องการทดสอบวันนี้พวกนายไม่ต้องห่วงนะ” เฟรินพูดพร้อมจ้องไปทางทั้งสองคนที่เดินกอดคอเคียง

    กับเขาไปกันสามคน



    “เอ้อ โร ของนายก็ไม่รู้สิ” เฟรินเหลียวหลังไปบอกโร



    “กระหม่อมรู้น่าว่า เจ้าหญิงไม่ได้ให้กระหม่อมใช้เส้น” ทุกคนหัวเราะร่า แม้แต่เฟรินและโรก็ยังหัวเราะไปด้วย



    คืนนั้นทุกคนฉลองกันอย่างสุดเหวี่ยง



    ปึงง หลังของเฟรินชนกับชายร่างใหญ่เข้าอย่างจังจนเฟรินล้มก้นกระแทก



    “อูยย เจ็บชะมัด” เขาถูก้นตนเองเพื่อบรรเทาความเจ็บ



    “แกกล้าดียังไงถึงกล้ามาชนข้า ชิริว gaTARing The Rogue ออฟบารามอส”



    ชายร่างใหญ่หันหน้ามา ผมสีเขียวเข้ม ดวงตาแดงโรจน์ราวกับผีดิบกระหายเลือด ที่หน้าข้างขวามีรอยถูกมีดฟันตั้งแต่หน้าผากพาดเอียงลงมาถึงใต้ตา



    “ขอโทษทีครับ” เฟรินกล่าวขอโทษเพราะเขาไม่ต้องการมีเรื่อง



    ฟึ้บบ ชิริว ชัดมีดอีโต้เล่มโตออกมา คิลเตรียมหยิบมีดพก



    “เจ้าหนุ่มน้อย อย่าคิดว่าชนข้าได้ฟรีๆ..” “ใสกางเกงยีนส์ คิดว่าเก๋านักเหรอ…”

    “เก๋าไม่เก๋าก็ไปถามพ่อเอาเองเด้” ตัวแสบตอกกลับ



    ฟึ่บบ อีโต้เฉียดเส้นผม หัวโขมยหนุ่มไปอย่างหวุดหวิด

      

    “มีดนี่น่ะนะอาบยาพิษกุหลาบดำ และพิษของงูพิษ100ชนิด ฟันถูกเหล็กยังกร่อนราวโดนน้ำกรด ถ้าแกโดนเข้า

    ไปคงจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวแน่ๆ ฮ่าๆ หึ รับไปซะ”



    ต๊ะ gaTAing ฟันมีดใส่เฟรินด้วยความเร็ว



    แต่เจ้าคนเก่งใช้ความได้เปรียบโยกหลบ พร้อมกับที่เพื่อนๆเข้ามาขวางเฟรินไม้ให้โดนThe Rogueฟัน



    “ห้ามทะเลาะกันที่นี่นะ” แองเจลิน่าตะโกนห้าม เฟรินชักคันมือ



    “ไปเจอกันที่อื่นดีไหมพวก”



    “ที่ไหนดีล่ะไอ้หนู ที่ๆจะฝังศพแก” อันธพาลร่างใหญ่ ถามด้วยเสียงอันดัง



    “ที่ๆจะฝังศพแกมากกว่านะ หลังร้านเป็นยังไง” คิลชักหมดความอดทนกับอันธพาลอวดดี ชิมาหาเรื่องเพื่อนข้ารึ

    จะต้องโดนดีแน่ๆ



    คิลจึงตะโกนว่า “แน่จริง ก็เจอกะข้าหลังร้าน” พร้อมๆกับที่เดินออกไปทางหลังร้าน



    ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันเดินออกไปดูกันด้วย



    “คิล นี่มันเรื่องของฉันแกจะมาเจือกทำไมฟะ” เฟรินประท้วงเขาไม่ต้องการให้เพื่อนบาดเจ็บเพื่อเขา



    “เอาน่า ฉันอยากลองวิชานะเว่ย” คิลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ



    “เอาเถอะ ตามใจแกนะคิล ไอ้ตัวยุ่งหลบมานี่” คาโลเห็นพ้องด้วย ดึงยัวยุ่งไปยืนด้วย



    “ระวังนะคะคุณพี่” เรนอนกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง



    คิลยกนิ้วโป้งให้เพื่อนๆทุกคน แล้วหันกลับไปมองชิริวซึ่งเตรียมพร้อมอยู่กับลูกน้องอีกฝูงหนึ่ง



    “ตัวต่อตัวนะ เจ้าโย่งสมองทึ่ม” คิลท้าอย่างดูถูก

    ชิริว gaTARing แสยะยิ้ม “บอกไว้ก่อนพิษใดๆก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้หรอกนะ” ชิริวกล่าว



    “ว่าแต่จะเริ่มรึยัง” คิลพยักหน้า



    ทันใดนั้นชิริวก็วิ่งพุ่งตรงเข้ามาหาคิลด้วยความเร็วสูง คิลยังใจเย็นอยู่เมื่อ เจ้าอันธพาลเข้ามาใกล้



    “ไฮดิ้ง” คิลตะโกน



    ร่างของคิลหายวับไปกับตา ทำให้เจ้าคนที่เพิ่งวิ่งเข้ามาเบรคไม่อยู่วิ่งชนกำแพง



    โครมมม กำแพงทะลุแต่เจ้าgaTARingก็ยังคงไม่เป็นอะไร ยังแสยะยิ้มได้อยู่



    “ไฮดิ้ง” เจ้าอันธพาลร่างใหญ่หายตัวบ้างสร้างความงุนงงแก่ผู้พบเห็นในเมื่อทั้งคู่หายตัวอยู่ใครจะออกมาโจมตีก่อนกันแน่ชั่วอึดใจหนึ่งร่างของคิลก็ปรากฏขึ้น ชักมีดพกออกมาเตรียมพร้อม



    “แบคสเตป” สิ้นเสียงของชิริวคิลล้มลง



    ร่างของชิริวค่อยๆเผยออก “หึหึ ไอ้หนูมีฝีมือแค่นี้เรอะ 55555 ข้าชนะแล้วสินะ”



    แต่ร่างของคิลก็กลายเป็นท่อนไม้ เจ้าตัวใหญ่ตกใจ



    “ฝีมือแค่นี้ยังรู้จักข้าน้อยไปนะ เจ้าโย่ง” เสียงของคิลดังขึ้นโดยไร้ตัวตน



    “รู้เอาไว้ซะข้าคือ คิล ฟิลมัส เดอะเกรทคิลเลอร์ ออฟ ซาเรส”



    “ธันเดอร์” สายฟ้าจำนวนมากผ่าลงมายัง อันธพาลอวดดี



    “อูยย” อันธพาลใหญ่ลุกขึ้นยืน ชาไปทั่วร่าง สั่นกระตุก



    ทันใดนั้นร่างของคิลก็ปรากฏขึ้นโดยที่เอามีดจ่อคอเจ้าอันธพาลตัวใหญ่ไว้



    “ขะ ขะ ข้า ยอมแพ้แล้ว ไว้ชีวิตข้าเถอะ” ชิริวร้องขอชีวิต



    เมื่อลูกน้องของมันได้เห็นดังนั้นจึงพากันวิ่งหนีแตกฮือหายไป “เฟริน



    คาโลเอาไงกะมันดีวะ” คิลถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบและยังคงจ้องเจ้าอันธพาลอย่างกระหายเลือด



    “ว่าไงคาโล” เฟรินขอความเห็น



    “แล้วแต่นายคิล เจ้าทึ่มนี่เป็นของเล่นของนายแล้ว” คาโลทำหน้าไม่แยแส



    “ที่รักขอเชือกหน่อยจ้ะ” เรนอนส่งเชือกให้คิล และช่วยคิลมัดเจ้าอันธพาลอย่างแน่นหนาไว้กับเสาหินต้นหนึ่ง



    “ใครอยากซ้อมมันมั่ง” ครี้ดเสนอ ทุกคนยกมือกันหมด และช่วยกันกรูรุมประชาทัณฑ์ เจ้าอัณธพาลร่างใหญ่

    อย่างสนุกสนาน แล้วก็ปล่อยไป



    “พวกแกจงจำไว้ข้าจะกลับมาล้างแค้น” แล้วอันธพาลใหญ่ก็วิ่งหนีไป



    “เฮ้ยทุกคนวันนี้สนุกมากเลยว่ะ” เดทพูดขณะเดินอยู่กับทุกคนเพื่อกลับที่พักในโรงเรียน



    “เวลาแบบนี้ของพวกเรากลับมาอีกแล้วเนอะ” เมื่อได้ยินเจ้าตัวแสบจอมก่อเรื่องพูด ทุกคนจึงหัวเราะขึ้น



    “เอ้า ใครวิ่งถึงหน้าประตูโรงเรียนก่อน ชนะ” สิ้นเสียงมาทิลด้า ทุกๆคนวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายไปที่หน้าโรงเรียน



    เมื่อทุกคนกล่าวลาและแยกย้ายกันไปพักผ่อนแล้วเหลือเพียงแต่เฟรินซึ่งคืนร่างหญิงสาวแล้วและคาโล…



    ด้วยความเขินอายเมื่ออยู่กัน2คนเฟรินจึงลูบแผลเป็นใต้ตาซ้ายอย่างเคยชิน พลันนึกอะไรดีๆออก



    “คาโลพาฉันกลับห้องที เหนื่อยอะ เดินไม่ไหว” คาโลส่ายหัว ทำหน้าเย็นชา



    “แกหนัก”  เธอทำหน้าแหย แล้วก็คิดอะไรดีๆออก



    “งั้นรอเดี๋ยวน้าา” เฟรินยิ้มร่าเริง ก่อนจะเริ่ม…



    “โอม ซาปารุส เซวาเก้… ด้วยมนตราแห่งข้าจงเปลี่ยนร่างข้าให้เป็นสุนัข”



    แว้บบ ร่างของเฟรินกลายเป็นสุนัขเพสเมียเหมือนตอนปี1อีกครั้ง



    “ทีนี้อุ้มได้ยังคะท่านเจ้าชาย”



    เมื่อเห็นดังนั้นคาโลจึงส่ายหัวอย่างเอือมระอา และก้มลงไปอุ้มหมาน้อยขึ้นมาอย่างง่ายดาย



    “หนักกว่าที่คิดไว้นะเนี่ย ลดน้ำหนักบ้างนะ แกน่ะ”



    เมื่อได้ยินคาโลพูดเหน็บแนมเฟรินจึงเลียหน้าคาโลอย่างเอาเป็นเอาตาย



    “หยุดๆนะฉันขอโทษ” แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันอย่างมีความสุข



    ระหว่างที่คาโลอุ้มเฟรินพากลับห้อง เฟรินก็เผลอหลับไป



    เมื่อคาโลเห็นดังนั้น จึงหยุดเดิน จับตัวเฟรินมาจ้องหน้า หึหึ ร่างหมายังน่าเอ็นดูเลยนะเธอ เนี่ย



    คาโลเดินเหม่อมาหยุดหน้าห้องๆหนึ่ง



    นี่มันห้องตูนี่หว่า เผลอเดินมาได้ไงวะเนี่ย เอาวะ คืนนี้เอาเจ้าเฟรินมานอนด้วยกันก่อนละกัน…คงไม่เสียหาย



    คืนนั้นคาโลนอนกอดหมาน้อยเฟรินซึ่งนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนตัวคาโล



    กลางดึก… คาโลงัวเงียตื่นขึ้น รู้สึกว่าข้างบนตัวเองหนักขึ้นจึงมองบนตัวของตนเอง พอดีมีแสงจันทร์ส่องเข้ามาที่



    บนตัวเขาพอดี คาโลตะลึง ร่างของเจ้าหมาน้อยหายไปแล้ว เหลือไว้แต่เจ้าหญิงเฟลิโอน่าที่

    นอนหลับน้ำลายยืดไม่รู้เรื่องอยู่ บนตัวเขา มนตร์เสื่อมแล้ว



    คาโลนอนหงายหน้ายิ้มกริ่ม จะว่าไปเจ้านี่เวลาหลับก็ดูน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย..



    เสียอย่างเดียวที่ทำให้คาโลหนักใจ เพราะเธอเป็นคนนอนขี้เซามาก



    ปล่อยให้นอนทับไปจนกว่าจะตื่นละกัน เมื่อคิดดังนั้นคาโลจึงสวมกอดเฟรินเบาๆแต่กระชับแน่น ใช้แทนหมอนข้างและนอนหลับต่อไป…



    “กรี๊ดดดดด…”



    คาโลตกใจตื่น มองไปทางต้นเสียงเจอเฟรินที่ตื่นแล้แต่วยังทับตัวเขาอยู่หน้าตาดูตกใจสุดขีด เธอพยายามจะหนีออกจากวงแขนของคาโล แต่ก็ถูกเขากอดแน่นยิ่งขึ้น



    “นะ..นะ..นี่ นายบอกมานะคาโล.. เอ้อ ฉันมาอยู่นี่ได้ไง นายทำอะไรกับฉัน อะป่าว ฉันเป็นผู้หญิงนะทำงี้ได้ไง”



    “ปล้าวว ฉันก็แค่อุ้มหมาตัวนึงไปส่งที่ห้องแค่นั้นเอง”



    คาโลตอบหน้าตาเฉย ขณะที่เฟรินทำหน้าบึ้งตึงสบถออกมาอีกหลายคำไม่สมหญิง



    “แล้วทำไมไม่ส่งที่ห้องฉันล่ะ” “นี่แน่ะๆ” เฟรินทุบอกคาโล



    “อุ้บบ โอ๊ยย พอแล้วๆ ฉันขอโทษ”



    “มันดึกแล้วน่ะ เธออยู่ในร่างหมา แล้วก็นอนขี้เซามากๆ ฉันออกไปแล้วใครจะล็อคประตูอะ ใครบุกมาทำอะไรแกกลางดึกจะให้ฉันทำไง ก็ต้องเอามานอนด้วยสิ รู้จักคิดซะบ้าง ก็ไม่นึกว่ามนตร์จะเสื่อมแล้วกลายร่างนี้มานอนทับฉัน” คาโลร่ายยาว



    เฟรินค่อยวางใจว่าเขายังไม่ได้ย่ำยีเธอแต่อย่างใด ยังคงเป็นสุภาพบุรุษน้ำแข็งใสเสมอ…1



    “เอ้อ ขอโทษนะ แล้วก้อ.. ขอบใจ ปล่อยฉันเหอะ” เฟรินพูดอย่างเก้อเขิน



    “ไม่ยกโทษ! ไม่ปล่อย ฉันจะนอนต่อ” คาโล ส่งสายตาเย็นชาแล้วหลับตาลง



    “แล้วจะเอาไง ให้อภัยฉันเหอะ” เฟรินจ้องหน้าคาโลอย่างเว้าวอน เพื่อออกจากวงแขนแข็งแกร่งของเขา



    “หอมแก้มฉันทีดิ แล้วจะไม่โกรธ แล้วปล่อย”



    “เอาเปรียบกันนี่ ฉันเป็นผู้หญิงนะ” เธอพูดอย่างหงุดหงิด พลางลูบแผลเป็นอย่างใช้ความคิด แล้วเฟรินก็ยิ้มออก  



    ชั่วพริบตาเฟรินก็มายืนอยู่ข้างเตียงคาโล รอยยิ้มเหยียดออกมาจากริมฝีปากบางได้รูปของเธอ



    “แค่นี้ก็ไม่ต้องขอโทษแล้ว เบร่ ๆ” เฟรินแลบลิ้นเยาะเย้ย



    “ขอบใจมากนะ ไปล่ะ”



    ยังไม่ทันที่จะขยับตัวเลยนะ…



    คาโลก็ตะโกนประท้วง “เฮ้ย เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป อยู่กับฉันก่อน” คาโลลุกขึ้นนั่ง

    บนเตียงจะดึงเธอไว้ แต่เฟรินไวกว่าวิ่งออกจากห้องหนีไปเลย ปล่อยให้คาโลนั่งหัวเสียทุบหมอน ปึ้กๆ “เจ็บใจ…”



    “โอ๋ย โย๋” เฟรินรีบหลบทหารที่เดินรักษาการณ์ ถ้ามีคนเห็นร่างหญิงสาวของเธอคงจะตกเป็นข่าวไม่ดีกะเจ้าน้ำ

    แข็งแน่ ดังนั้นเธอจึงร่ายเวทย์แปลงเป็นสุนัขและวิ่งหนีกลับที่พักของตนเองไปอย่างปลอดภัย



    “ตาย ตาย ตาย เมื่อคืนมันทำอะไรเราปะหว่า” เฟรินเริ่มสำรวจร่างกายตนเอง แต่คิดดูอีกทีสัมผัสเมื่ออยู่ใต้วง

    แขนของคาโลก็ทำให้เฟรินอุ่นกาย สบายใจมาก “กี่โมงแล้วหว่าา…” “เฮ้ยย 9โมงแล้วหรอเนี่ย” เฟรินรีบอาบน้ำ

    แต่งตัวและไปหาไฮคิงกับเอวิเดส เพื่อดูการแข่งรอบต่อไปที่เป็นด่านของเลโมธี



    “ง่า เสด็จพ่อ เสด็จตา” “ไรรึ หลานรัก”



    “ก้อ วันนี้มีโปรแกรมอาไรมั่งเพค้า” เฟรินอ้อน



    “ก็มีการมอบมงกุฏแห่งใจให้คนชนะเมื่อวาน การทดสอบด้วยเวทย์มนตร์ในด่านของเลโมธี” เอวิเดสอธิบาย



    “คฑาของคาโลยังใช้ไม่ได้เลยง้าา ช่วยเขาได้มั้ย เพคะ” เจ้าปิศาจเอวิเดสส่ายหน้า



    “มันคงจะเป็นไปไม่ได้ ชื่อของคฑานั่น อยู่ในส่วนลึกของใจเจ้าและเขาเอง ต้องค้นหาให้เจอ” ไฮคิงเสริม



    หว๋าา แล้วจะทำไงเนี่ย คาโลจะทำไงเนี่ย



    ถึงเวลาการแข่งขัน ดามัสก็ออกมาประกาศชื่อผู้ที่ชนะเลิศเมื่อวาน คาโลนั่นเอง คาโลจึงได้มงกุฏแห่งใจไปแล้ว

    1 อย่าง เฟรินยิ้มนิดๆอย่างดีใจ



    ที่สนาม เลโมธีกำลังยืนอธิบายกติกาให้กับผู้เข้ารอบ10คนจากเมื่อวาน



    “เมื่อวานนี้ เป็นการคัดเรื่อกจาก100คนเหลือ10คน แต่จากนี้จะเป็นการทดสอบโดยไม่คัดใครออกยกเว้นบาดเจ็บ

    สาหัสและตาย จะโดนคัดออก” ทุกคนเงียบกริบ



    “เอาละๆ…วันนี้จะมีการจับคู่สู้กัน แพ้ก็ตกรอบของวันนี้และสามารถ ไปแข่งในวันพรุ่งนี้ได้อีก เพราะทุกคนมีสิทธิ์

    ที่จะครอบครองเหล่าของวิเศษอีก3อย่าง ใครชนะเลิศก็รับนี่ไป คฑาแห่งพลัง” สิ้นเสียงจอมปราชญ์เลโมธีก็มี

    เสียงฮือฮาขึ้นอีก หลังจากจับคู่โดยจับฉลากแล้ว…



    “ฉันสู้กับ เจ้า เมลีส เดอะ พรีส ออฟ คาโนวาล อะ นายล่ะคาโล” คิลเข้ามาทัก



    “ฉันคู่กะ บิสกิต เดอะครูเซเดอร์ ออฟซาเรส” คาโลตอบเอื่อย เขาจะทำมันได้ยังไง ในเมื่อชื่อของคฑายังไม่

    ปรากฏ ทำไงดีว้า “เฮ้ย คาโล ใจลอยไปถึงไหนฟะ” คาโลสะดุ้ง



    “ปละ เปล่านี่นา ฉันจะใจลอยไปทำหอกอะไร”



    “เฮ้ยนี่แกคิดว่าหลอกฉันได้หรือไง เรารู้จักกันมาจนฉันรู้ไต๋แกหมดแล้วนะ ตกลงมีเรื่องอะไรลองบอกมาซิ เรื่องคู่

    แข่งใช่รึเปล่า”



    “เปล่าหรอก แต่เรื่องคู่แข่งก็มีส่วนนะ นายดูนี่สิ” คาโลหยิบคฑาใหม่ที่เขายังหาชื่อของมันไม่เจอและยื่นให้คิลดู



    “คฑาอันนี้มันใช่คฑาอันเก่าของนายปะวะ คาโล” คาโลพยักหน้าและกล่าวต่อว่า



    “มันใช่นะคิล แต่มันไม่เหมือนอันเดิม นายลองพิจารณาดูดีๆสิ” คิลมองพิจารณาไม้คฑาอย่างครุ่นคิด



    “ใช่ด้วย มีบางอย่างแปลกไป นายไปทำอะไรกะมันมาอะ ดูใหม่ขึ้น และ อืมม ดูทรงพลังขึ้นนะ”



    “คฑาเก่าฉัน ได้รับพลังจากท่านเอวิเดส พระองค์ประทานกลุ่มพลังมาก้อนหนึ่ง เฟรินบอกให้รวมพลังนั่นเข้ากับ

    คฑาฉัน แล้วมันก็กลายเป็นคฑาอันนี้”



    “ไม่น่ามีปัญหานี่หว่า” “แล้วแกยังกังวลอะไรอีกคาโล”



    “ฉันใช้มันไม่ได้ การที่จะใช้จะต้องรู้ชื่อที่แท้จริงของมันก่อนน่ะ พี่สาวในคฑาบอก ฉันลองมาหลายชื่อแล้วไม่ถูก

    เลย” คาโลนั่งกุมขมับ คิลวางฝ่ามือลงบนไหล่เพื่อนรักหวังจะปลอบ



    “แล้วยังงี้ ฉัน ฉันจะชนะการทดสอบได้ยังไง ฉันไม่กล้านึกภาพเฟรินของฉันกลายเป็นของคนอื่นนะ แกต้องช่วย

    ฉันนะเว้ยคิล” คาโลอ้อนวอน ท่าทางเย็นชาของคาโลได้หายไปแล้วในสายตาคิล งานนี้คาโลเอาจริงแน่! เขารู้ใจ

    เพื่อนรักของเขาดี และเขาก็ต้องการให้เพื่อนรักทั้งสองคนสมรักกัน



    “เอาละ ฉันจะช่วย แต่นายตอบคำถามฉันข้อดิ” คิลยื่นข้อเสนอ คาโลยิ้มอย่างเต็มกลืนและพยักหน้า



    “ง่ายๆนะ การแต่งงานน่ะมันหมายถึงอะไร” คิลยิ้ม เขารู้คำตอบแล้วเจ้าปิศาจเอวิเดสช่างเฉียบคม



    “ก้อ การทำให้คนสองคนที่รักกันมาอยู่ร่วมกัน ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน”



    “แล้วการแต่งงานเป็นของใครกับใคร” คิลถามต่อ



    “ของผู้ชาย กับ ผู้หญิง ที่..รักกัน”



    “แล้วถ้าเปรียบกับตัวนายล่ะ” คิลยิงคำถามต่ออีก



    “ก็งานแต่งของฉัน เจ้าชายคาโล กับ องค์หญิงเฟลิโอน่า.. เฮ้ย!คิลเดี๋ยวนะๆ ฉันคิดว่ารู้แล้ว” คาโลยิ้มออก



    เขาดึงคฑาออกมา “ฉันอยู่ในเอเดน แต่เธออยู่ที่เดมอส การที่จะทำให้ทั้งสองคนรวมเป็นหนึ่ง



    คือการรวมอาณาจักรทั้งสองเข้าด้วยกัน”



    “ ‘เอมอส’ ”



    คฑาเปล่งแสง..เขาบาโฟเมตซึ่งเคยหุบไปบัดนี้เผยขึ้นอย่างสง่างาม แหลมคม ทรงอำนาจ



    คาโลลองแกว่งไม้คฑาดู เปรี้ยง! สายฟ้าฟาดลงมาคาโลและคิลยิ้ม เพราะมันทำให้พวกเขาย้อนกลับไปคิดถึง



    เรื่องเมื่อตอนปีหนึ่ง ที่เฟรินร่ายเวทย์สายฟ้าได้อย่างเดียวคฑาเปล่งแสงที่คิลซ่อมให้ แล้วก็เลยได้ฉายาเจ้าหนุ่มสายฟ้าแห่งป้อมอัศวิน



    คาโลไม่รอช้าที่จะลองของ “ไอซ์วอล์” กึ้งง ตรงหน้าของทั้งสองเกิดกำแพงน้ำแข็งสูงชัน มันสูงกว่าที่คฑาอันเก่า

    เคยร่ายได้



    “ขอบใจคิล ถ้าไม่ได้แกฉันคงจะไม่มีทางออก ขอบใจที่ชี้ทางสว่างให้”



    “เฮ้ยย ไม่เอาน่า เพื่อนกัน เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นข้าวมื้อนึงดีไหม หลังจากการทดสอบวันนี้” คิลเสนอ



    “ตกลง เราไปกันเถอะจะถึงเวลาแข่งแล้ว” ทั้งสองออกวิ่งไปยังสนามแข่ง



    ในรอบนี้คาโลผ่านคู่แข่งมาอย่างง่ายดายจนมาถึงคู่แข่งคนสุดท้ายที่จะทำให้เขาได้คฑาแห่งปราชญ์มาเพิ่มอีกใน

    วันนี้ คือ โร เซวาเรส เดอะพริ้นส์ ออฟ ทริสทอร์  ส่วนคิลไม่ถนัดด้านเวทย์สักเท่าไร แพ้คู่ต่อสู้คนที่สามไปอย่างน่าเสียดาย



    “เจอกันอีกแล้วนะท่านคาโล” โรทักทายก่อน



    “นายมาสู้กับฉันเพื่ออะไรโร ในเมื่อนายก็ยอมรับว่า ฉันกับเฟรินรักกัน” คาโลพูดพลางส่งสายตาเย็นชา



    “จุ๊ จุ๊ อย่าเอะอะเซ่ แล้วพระนามองค์หญิงก็อย่านำมาพูดถึงพร่ำเพร่อสิ” โรยิ้มกวน



    ดวงตาสีฟ้าและเขียวของทั้งคู่สบกัน รอยยิ้มเยาะอย่างเย็นชาปรากฏบนดวงตาของคาโล



    “ฉันน่ะสู้เพื่อที่จะได้แต่งงานกับคนที่รัก แล้วนายล่ะโร” คาโลเอ่ยถาม



    “ฉันสู้ เพื่อรักษาเกียรติแห่งทริสทอร์ ทาสแห่งเดมอส เพื่อมิให้ไอ้กระจอกหน้าไหนพรากองค์หญิงไปจากท่านจ้าว”



    “นี่เป็นคำสั่งของท่านเอวิเดสหรือเปล่า” คาโลชักไม่แน่ใจว่าเอวิเดสให้เขาสู้ทำไม กำจัดคนรักลูกสาวรึไง



    “ไม่ใช่ นายอย่ามากล่าวหาท่านจ้าวนะ! นี่เป็นความคิดฉันเอง” โรรีบตอบ จริงๆแล้วเขาก็แอบรักเฟรินเช่นกัน



    “งั้นดี ฉันจะได้แสดงให้นายดู ว่าฉันไม่ได้กระจอก อย่างที่นายคิด ฉันจะปกป้องเฟรินเอง” คาโลชักเริ่มฉุน



    “เอมอส ” คฑาเอมอสขึ้นมาอยู่บนมือคาโล “ไอซ์วอล์” คาโลกระโดดขึ้นไปเหยียบบนกำแพงน้ำแข็งที่

    ตนเองสร้างขึ้น



    “รูซาจ” คฑาของโรลอยขึ้นมาอยู่บนมือเขา “ร็อควอล์” แล้วก็เกิดกำแพงหินขึ้นมาให้โรเหยียบขนาดเท่าๆ

    กับกำแพงน้ำแข็งของคาโล



    “แค่นี้ก็ทัดเทียมกันแล้ว” โรกล่าว เกิดเสียงฮือฮาจากผู้คนเบื้องล่าง เจ้าหญิงเฟลิโอน่าและสหายก็เริ่มนั่งไม่ติดที่

    แล้วเหมือนกัน



    ‘ขอโทษนะ…โร ชายที่ฉันรักมีเพียงหนึ่งเดียว ฉันจึงต้องการให้คาโลชนะมากกว่านาย แม้ว่านายจะเป็นเพื่อนและทาสแห่งเดมอสที่แสนดีเพียงใด… ฉันก็ไม่อยากให้นายมาทำเพื่อฉันแบบนี้…’



    ‘คาโลชนะให้ได้นะ…ฉันรักเพียงเธอ… คนเดียว’



    เฟลิโอน่ารำพึงในใจ เธอรู้ว่า แม้โรจะเคยเผลอมองเธอแบบไม่ใช่เจ้านายกับทาสในบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เธอชอบโรได้เลย



    “คาโลฉันมีข้อเสนอให้นาย” โรเสนอ เขายิ้มอย่างมีเลศนัย



    มันจะเอาไงกันแน่ฟะ เจือกใช้กำแพงเลียนแบบอีก คาโลครุ่นคิด



    “นายมีอะไรดีว่ามา” คาโลเอ่ยถาม



    ขณะที่เจ้าปีศาจเอวิเดสที่นั่งดูอย่างตั้งอกตั้งใจเพราะว่าที่ลูกเขยกับลูกน้องมาสู้กัน ใครจะชนะ นะเนี่ย



    ‘คาโลเอยชัยชนะจงมาสู่เจ้า’ เอวิเดส พึมพำในใจ



    “ข้อเสนอของฉันก็คือมาเล่นเวทมนตร์กันเอาไหม” คาโลนิ่งคิด หึ ฉันไม่หลงกลแน่ๆ คิดจะจำเวทย์ของฉันมาอัด

    ฉันเองรึ แต่ก็น่าสนุกดีนี่ ลองดูหน่อยเป็นไร



    “ตกลง ใครจะเริ่มก่อน”



    “นายไง”



    คาโลทำหน้าเคียดแค้น บัดซบ คิดไว้ไม่มีผิด ลองเป็นแบบนี้ฉันก็จะลุยล่ะนะ



    “ถ้าฉันจะเปลี่ยนเป็นการร่ายเวทย์แข่งกันล่ะ” คาโลยื่นข้อเสนอ



    “ย่อมได้” โรตอบตกลง



    “เอาล่ะนะ ตาแรกของฉัน ไอซ์วูลฟ์ ” สุนัขน้ำแข็งยืนจังก้าอยู่เบื้องล่างของโร



    “ตาฉันละ  ไลก้าไทเกอร์ ไปเลย” เสือตัวมหึมากระโจนเข้าขย้ำหมาน้ำแข็งของโร



    “หึ” “ตาแรกฉันแพ้นาย” แล้วโรก็ยิ้มเหี้ยม คนดูทำเสียงผิดหวัง



    “แต่ตานี้ไม่แน่นะ อนาคอนด้า”



    งูยักษ์หล่นจากท้องฟ้า เขมือบเสือของโรเข้าไปในท้องทันที



    “เสมอกันแล้วสินะ” โรว่า “งั้นตัดเชือกกันล่ะ”



    งูยักษ์ของคาโลหายไป



    “ปล่อยมาพร้อมกันซะเลย เอ้าา วอเธอร์ดราก้อน”



    มังกรน้ำบินโผล่อยู่บนฟ้าเหนือหัวคาโล



    “ฉันมั่งละนะ โอวว ไฟเยอร์กิเลน ออกมา”



    กิเลนไฟก็ออกมาบินเหนือโรเหมือนกัน



    “มังกรฟ้าแช่แข็ง” “ไฟกิเลนนรก” ทั้งสองคนร่ายเวทย์ให้สัตว์อสูรทั้งสองปล่อยพลังออกมาพร้อมกัน



    มังกรฟ้าแช่แข็ง และ ไฟกิเลนนรก ชนกันกลางอากาศ ตูมม สัตว์อสูรทั้งสองค่อยๆหายไป



    “เสมอกันสินะ” โรว่า “งั้นก็ต้องมาวัดฝีมือกันละ”



    คาโลยิ้ม “ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ” “ไอซ์บอล”



    โรกระโดดหลบจากลูกบอลน้ำแข็งแทบไม่ทัน



    “ฮึ่มม มัดลัมป์” โรสาดโคลนใส่หน้าคาโลหวังให้มองไม่เห็น แต่คาโลก็เสกกระจกน้ำแข็งมาสะท้อนกลับไปได้



    “ฮึ่มม ไฟเยอร์บอล” โรปล่อยลูกไฟไปรอบๆคาโล เกิดเป็นวังวนเพลิงขนาดใหญ่





    “ ร้อนแค่นี้ทำอะไรฉันได้ ฉันน่ะเจ้าชายน้ำแข็งนะ” คาโลตะโกน



    “ไอซ์การ์ด” อากาศรอบกายคาโลเย็นลงๆ จนแข็งกลายเป็นเกราะน้ำแข้งห่อหุ้มร่างของเขาไว้



    “หึเพียงเท่านี้ไฟของนายก็ไร้ค่า”



    “วินดี้เรซ” คาโลเสกพายุและดูดกลืนโรเข้าไป



    ทันใดนั้นพายุก็กลับกลายเป็นเสาเพลิงซึ่งกลายเป็นเกราะห่อร่างของโรด้วยเกราะไฟไปซะแล้ว



    “หึ ลมของนายมันก็แค่มาทำให้ไฟฉันกระหน่ำลุกโชนขึ้นก็เท่านั้น”



    “งั้นต้องเจอนี่ วิชาถนัดฉัน ปั้นน้ำเป็นตัว(แช่แข็ง) ฟรอสไดร์เวอร์”



    วิ้งง ด้วยพลังเวทมนตร์จากคฑาเอมอสอันมหาศาลทำให้โรถูกแช่แข็ง ในก้อนน้ำแข็งยักษ์



    “อยู่ในนั้นไปก่อนนะ โร” “นี่น่ะโลงน้ำแข็งนิรันดร์ที่ไม่มีวันละลายนายไม่มีทางออกมาได้หรอก”



    “จบละนะ ” คาโลกระซิบกับตนเอง



    “ธัน เดอร์ ฟอร์จ”



    เปรี้ยงงงง ฟ้าผ่าลงมายัง โลงน้ำแข็งนิรันดร์



    ทำให้โลงน้ำแข็งแยกเป็นสองส่วน โรกระเด็นออกมา ในสภาพไม่รู้สึกตัว  ร่างของโรค่อยๆหายไปจากสนามแข่ง เกราะของคาโลระเหยหายไปแล้ว



    คาโลเป็นฝ่ายชนะ เขามองไปยังปรำพิธีที่หญิงสาวนั่งอยู่ เขายกนิ้วโป้งเป็นเชิงว่า ฉันทำสำเร็จแล้วนะ!



    ฟุ่บบ คาโลล้มลง สลบไป เฟรินและเพื่อนๆตกใจมากรีบพากันมาช่วยพาคาโลไปห้องพยาบาล  



    “เรื่องเดียวที่ไม่ยอม ให้ยอมไม่ได้

    จะยอมดูเธอเจ็บใจได้อย่างไร

    เมื่อเธอปวดร้าว เดียวดายไม่เหลือใคร

    จะเอาเธอคืนกลับมา

    ทำให้เธอหายดี แล้วฉันถึงจะยอม”

    http://music.kapook.com/newmusicstation/play.php?id=2764



    เฟรินนั่งกุมมือของคาโลตลอดเวลาที่เขาสลบ เธอเฝ้าภาวนาว่า พลังเวทย์ที่รุนแรงนั้นจะไม่ทำให้คาโลบาด

    เจ็บมากนัก



    เฮ้อ ฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาบาดเจ็บซะแล้ว เราจะทำยังไงดีถ้าคาโลฟื้นขึ้นมาแล้ว



    ฟรี้ ฟรี้ เสียงคาโลกรนเบาๆ เป็นเสียงที่ไพเราะสำหรับเธอมากในเวลานั้นทำให้เธอนึกย้อนไปถึงตอนที่เขาโดนเธอ

    ทำให้กลายเป็นเด็กเมื่อตอนปี 2 เป็นเด็กที่น่ารัก ดวงตาโตสีฟ้าใส ช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก



    “อุ..อ๊ะ เฟริน เฟรินอย่าจากฉันไปนะ อย่าจากฉันไปนะ อยู่กับฉัน..อยู่กับฉาน ครอกก ฟรี้ๆ”



    “แหม ละเมอยังละเมอหา คุณเฟรินเลยนะคะ”



    เรนอนเข้ามาพร้อมกับคิลพอดี เฟรินอายจนหน้าแดง



    “เฮ้ย ฉันถามหมอแล้ว เจ้าบ้านี่มันใช้เวทย์เกินขีดจำกัดของร่างกาย ทำให้หมดสติน่ะ” เฟรินเริ่มใจชื้น



    “แต่ว่านะ..” คิลทำหน้าเศร้า



    “แต่อะไร” เธอถามด้วยความตกใจ



    “ความทรงจำของไอ้คาโลมันจะกลับไปตอนที่มันยังเด็กล่ะ ต้องใช้เวลาสักสัปดาห์นึงถึงจะกลับมาเหมือนเดิม ถ้า

    มันฟื้นเธอก็ต้องเลี้ยงมันเหมือนเป็นแม่ล่ะนะ”



    คิลทำหน้าเศร้า “อาจจะเลี้ยงยากนะ ชีวิตวัยเด็กของเจ้านี่มันดื้อ”



    เฟรินเงยหนาขึ้นมามองคิล เธอยิ้ม “ฉันทำได้น่าไม่ต้องห่วง”



    นั่นสินะเธอพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อชายที่ตนรัก



    “โอย ผมเป็นอะไรไปเนี่ย” คาโลลุกขึ้นนั่ง



    “แม่ แม่คับ” คาโลสวมกอดเฟริน เฟรินทำอะไรไม่ถูกในสถานการณ์อย่างนี้แล้ว



    “พอดีเธอหน้าตาคล้ายแม่มันว่ะ ยอมๆให้มันแต๊ะอั๋งหน่อยละกัน” คิลขอร้องก่อนเดินออกจากห้องไป

    พร้อมเรนอน



    “โชคดีนะคะคุณเฟริน” เรนอนยิ้มให้ก่อนจะเดินจากไป 7วันเชียวหรือนี่กว่าจะเป็นเหมือนเดิม



    “เอ้า ปล่อยได้แล้วคาโล”



    “ไม่ผมไม่ปล่อย ท่านแม่อยู่กับผมนะ” คาโลอ้อน เธอจึงยอมให้คาโลกอดนอนอยู่อย่างนั้น



    “ท่านแม่ผมปวดหัว” เฟรินจึงนำยามาให้คาโลกิน



    “ไม่เป็นอะไรแล้วน้า นอนซะนะจ๊ะ” เฟรินกอดคาโลแน่น



    “จะคอยดูแลเธอ ด้วยใจ ที่ยัง รักเธอ ทั้งใจ

    จะไม่ยอม ให้เธอ เสียใจ รู้ไว้คนดี” เธอร้องกล่อมคาโล



    ทั้งคู่หลับไป วันรุ่งขึ้น ไฮคิงประกาศว่าจากการแข่งในคู่ของคาโลและโร ทำให้สนามของโรงเรียนเสียหาย

    จะขอหยุดการแข่งเอาไป1สัปดาห์ ทำให้เฟรินมีเวลาที่จะดูแลเอาใจใส่คาโลจนกว่าความจำจะกลับมา



    ระหว่างนั้นเฟรินจึงพาคาโลไปเที่ยวในเดมอส และดูแลคาโลเหมือนกับว่าเป็นลูกของตน



    สงสัยข้อมูลของคิลจะได้มาผิดๆ คาโลไม่เพียงไม่ดื้อและก็ยังไม่งอแงด้วย แต่ก็ออกจะซนตามความคิดแบบเด็ก



    เธอกำลังพาคาโลมายังสนามฝึกในพระราชวัง “มามะ คาโล แม่จะสอนวิชาหัวโขมยให้”



    เธอยิ้มและจูงมือคาโลไปยังสนามฝึก



    “จำไว้นะเอ้อ..ลูกแม่”เธอเขิน เพราะยังไม่เคยเป็นแม่คนสักที



    “ความเร็วของเดอะทิฟน่ะลูกต้องจำแล้วนำไปใช้ในทางที่ดีนะ”



    “คับ” เด็กชายคาโลในร่างชายหนุ่มยิ้มอย่างมีความสุข ไม่เหลือมาดเจ้าชายน้ำแข็ง



    “ผมดีใจจังที่ท่านแม่สอนวิชาให้ผม” เฟรินสวมกอดเขาไว้ เสียงหัวใจทั้งสองประสานกันเป็นจังหวะเดียว หัวใจ

    ของเธอเต้นระรัว



    “ทำไมท่านแม่ใจเต้นแรงจัง”



    “เอ้อ ไม่มีอะไรจ้ะ” เธอจูบหน้าผากคาโล น้ำตาไหลพราก



    ช่วยกลับมาเป็นคาโลคนเดิมของฉันเร็วๆเถอะนะ ที่รัก ฉันอยากให้เธอกลับมาเร็วๆ เธอภาวนา กอดคนตรงหน้แน่น



    จวบจนวันที่ 7… วันนี้แล้วสินะที่จิตวิญญาณเดิมของเขาจะกลับมาเหมือนเดิม



    “แม่คร้าบบ ผมจะฝึกต่อละนะคร้าบบ” เสียงเจ้าชายคาโลดังข้างหู



    “จ้า จ้า เบานะจ๊ะ แต่เอ๊ะ รอแม่เดี๋ยว” แล้วเธอก็เริ่มร่ายเวทย์นั่นอีก



    “โอม ซาปารุส เซวาเก้… เปลี่ยนร่างเฟริน”



    ฟึ่บบ เธอกลายเป็นชายหนุ่มนามเฟริน



    เอ.. เฟรินหรอ ชื่อนี้คุ้นนจัง ช่างเถอะ…

    …ว่าแต่ท่านแม่เปลี่ยนร่างทำไมนะท่านแม่เปลี่ยนร่างได้ด้วยเท่จัง… เด็กน้อยคาโลคิด



    “ผ่า..ปฐพี!” เขาเรียกดาบคู่กายออกมา



    คาโลนิ่งอึ้ง เขาไม่เคยเจอดาบที่ไหนใหญ่โตเท่านี้มาก่อน



    “ทะ ท่านแม่จะทำอะไรผม”



    สิ้นเสียงของคาโล ฟึ่บบ คาโลรอดอย่างหวุดหวิดด้วยการโดดหลบไปข้างๆ



    “เยี่ยม เซนต์ของลูกไวเกือบเท่าแม่แล้ว ขอโทษนะจ้ะที่โจมตีไม่ให้สุ้มให้เสียง”



    “มา ฝึกอีกหน่อย” เขาร้องบอกคาโล



    หลังจากฝึกกันต่อได้ประมาณ 2ชั่วโมง ทั้งสองคนก็นั่งพักกินน้ำ



    “ผมเก่งมั้ยท่านแม่”



    ภาพของคาโลตอนยิ้มแย้มตรึงใจเธอมาก ทำให้เธอใจลอยไปไกล



    “ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่!”



    “หือ อะไรกัน”



    “ก็ท่านแม่นั่งเหม่อ แก้มเป็นสีแดงด้วย” เธอรีบหลบหน้าลูกชายตัวดี



    เปรี้ยงง! เสียงฟ้าผ่าสนั่นหวั้นไหวมาจากทางด้านหลังของทั้งคู่ ทั้งๆที่ไม่มีเค้าว่าฝนจะตก



    หลังคาสนามฝึกแตกเป็นรูเมื่อฝุ่นจางหายปรากฏร่างชายหนุ่มใส่หน้ากากผู้หนึ่ง เดินออกมาจากม่านหมอก



    “นาย” เธอทำหน้าสงสัย



    “ข้ามาทดสอบองค์ชายแห่งคาโนวาล หวังว่าองค์หญิงคงอนุญาตินะพระเจ้าค่ะ” ชายหนุ่มผมสีดำกล่าวออกมา



    “ฮึ่มม เจ้าจะทำอะไรข้ากับท่านแม่ ท่านแม่หลบไปข้างหลังข้า”



    “โอ้! มีกำลังใจดีนี่ งั้นมารับการทดสอบของข้าดูไหม”



    ชายผมดำลึกลับหยิบมีดพกออกจากกระเป๋า ฟึ่บบ เขาหายไปแล้ว



    “ท่านแม่ระวังนะ เฮือก..”



    ภาพตรงหน้าทำให้องค์ชายแห่งคาโนวาลตกใจสุดขีด เธอถูกชายลึกลับเอามีดจ่อคอไว้…



    “อย่าน้าา อย่าทำอะไรกับท่านแม่”



    “ย๊ากกก”



    เคร้งง! เสียงดาบกับมีดปะทะกัน



    ชายลึกลับใช้มีดในมืออีกข้างเชือดคอเฟรินลงไปจมกองเลือดที่พื้น



    “เฟริน.. ฉันนึกออกแล้ว เฟ.. เฟรินนนนน” คาโลตะโกนก้อง



    “ไอ้ห่า แกตายย ย๊ากก” ฉึกก ดาบของคาโลเสียบทะลุร่างของชายลึกลับ



    แต่คาโลกลับแทงได้เพียงขอนไม้ ร่างของบุรุษลึกลับหายไป



    “เฟริน เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า ห้ามตายนะ”



    คาโลรีบประคองเธอขึ้นมาหนุนตักเขา ร่างของเฟรินกลับกลายเป็นเฟลิโอน่าแล้ว



    “คา.. โล..”



    “จำ..ได้..แล้ว.. สินะ ฉัน..ดี..ใจ..ดะ..ด้วย..นะ” เฟรินหลับตา



    แล้ว เธอก็สิ้นใจ.. คาโลปิดตาเธอ วางเธอลงกับพื้นและยืนขึ้น



    “หึหึ ในที่สุดแกก็ตื่นจนได้นะคาโล” เสียงลึกลับดังขึ้น คาโลมองหาต้นเสียง



    “แกเป็น ใคร!” คาโลตวาดด้วยโทสะ “แกมันบังอาจมาก บังอาจฆ่าคนรักของข้า!”



    “ออกมา ข้าจะฆ่าแก” น้ำแข็งคลั่ง อากาศรอบๆเย็นลงจนหิมะตก



    ฟุ่บบ ชายปริศนากระโดดลงมายืนต่อหน้าคาโลซึ่งขณะนี้โกรธจนน้ำแข็งเกาะไหล่



    “เดี๋ยว!” “แกกล้าฆ่าเพื่อนรึคาโล”



    เมื่อชายปริศนาเปิดหน้ากากออกคาโลก็ต้องอึ้ง ไม่น่าเชื่อคนอย่าง คิลมัส ฟิลมัสจะมาทำร้ายแม้กระทั้งเพื่อนรักที่ร่วมสาบานกันมาโดยไม่ได้มีเหตุผล หรือใครจ้างมันมา



    “เฮ้ยย! ฉันมาปลุกแกจากความเป็นเด็กเท่านั้นเว้ย ไม่เห็นต้องรุนแรงกันเลยเว้ย” คิลสบถ



    คาโลน้ำตาไหลพราก ตะโกนออกมา “ฉันก็ตื่นแล้วไง แล้วทำไมต้อง.. ทำให้เฟรินต้องตาย วิธีอื่นน่ะใช้สิโว้ยยย”



    คาโลหันไปทางเฟริน และก็ต้องตะลึง เธอยังไม่ตายแถมรอยบาดแผลก็ค่อยๆหายไป เหลือเพียงรอยจางๆ ในที่สุดแผลก็สมานกันสนิท



    คาโลวิ่งไปหาเธอ “เธอไม่เป็นอะไรนะ!”



    เธอฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาและผมสีน้ำตาล ริมฝีปากบางได้รูป รดวงหน้าของหญิงสาวที่ตนคิดถึง ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์



    “คาโล แม่ เอ๊ย! ฉันไม่เป็นไรแล้ว”



    เธอสวมกอดคาโล เขาก็สวมกอดเธอด้วย สัมผัสแนบแน่นที่เขาและเธอต่างก็ไม่ได้สัมผัสมานาน หัวใจทั้งสองดวงต่างร้องเรียกหากัน…



    ทั้งสองจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม ไม่ได้สนใจไอ้คนผมดำที่ยืนอยู่ข้างๆแม้แต่น้อย…



    “เฮ้ย! เบาเว้ยเบา พอแล้วแยกกันก่อนเว้ย” คนข้างกายประท้วง



    ทั้งสองแยกออกจากกันแต่ยังคงสวมกอดกันอยู่



    “อายฟ้าดินมั่งสิเฟร้ย หรือไม่ก็อายฉันบ้าง แหม พวกแก”



    เฟลิโอน่าหน้าแดง คาโลยิ้มกว้าง หันไปทางคิลเพื่อนรักของพวกเขา



    “เรื่องนี้มันเป็นไงมาไงอะคิล ทำไมแกกับยัยนี่ต้องมาวางแผนอะไรกัน” คาโลเอ่ยถามหลังทั้งสามคนนั่งลงที่ห้องของคาโล



    “หลังจากชนะไอ้โรเสร็จฉันก็ไม่รู้สึกตัว ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจนแกเข้ามาทำร้ายยัยนี่เมื่อกี้”



    “แกน่ะหลังจากชนะไอ้โรแล้วแกก็สลบไป มันเป็นเพราะแกใช้พลังไปกับการต่อสู้มากจนเกินขีดของร่างกายแก

    ร่างกายแกก็รวนขึ้นมา ตื่นมาเรียกไอ้เฟรินว่าแม่”



    คาโลหน้าแดง



    “เจ็ดวันมานี้ความทรงจำแกกลับไปตอนที่แกเป็นเด็ก จนถึงวันนี้ฉันจึงต้องวางแผนกับเฟรินกระตุ้นแก ให้แกตื่น แล้วแกก็ได้ยัยนี่แหละดูแลคอยเป็นแม่แกมาตลอด1สัปดาห์ สนามแข่งใช้เวลาซ่อม7วันพอดี พรุ่งนี้แกกลับไปแข่งได้เลยนะ”



    “ขอบใจนายกับเธอมากนะ” คาโลเอ่ยขอบคุณผู้มีพระคุณทั้งสอง



    “ไม่เป็นไรน่า” ทั้งสองประสานเสียง



    “แต่ว่านะ แกต้องดูแลเฟรินดีๆหน่อยนะ เพราะการโจมตีของฉันที่ทำไป และการเชื่อมแผลของเธอมันอันตรายมากแม้ปากแผลปิดสนิทก็ยังไม่หายขาดนะ”



    “นี่เธอทำเพื่อฉันขนาดนี้เลยเหรอ ถึงเวลาฉันดูแลเธอละ” หญิงสาวอายม้วน



    นี่เธอยังต้องให้เขากลับมาดูแลอีกหรือนี่…  



    “ไปละเจอกันพรุ่งนี้นะ”



    “บาย” คาโลและเฟรินกล่าวลา



    คิลกลับไปเอดินเบิร์ก แจ้งข่าวว่าคาโลปลอดภัยพร้อมแข่งในวันรุ่งขึ้นแล้ว













    ในคืนนั้น…



    “เฟลิโอน่า” คาโลกระซิบเบา



    หลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจว่าจะนอนห้องของเธอ เพราะตอนที่เธอพาเขามายังเดมอสนี้ทั้งสองก็นอนด้วยกันทุกคืนอยู่แล้ว



    “มีอะไรหรอโค” เธอเอ่ยถามหลังจากทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงแล้ว



    คาโลเลิกคิ้ว “โค ชื่อใคร หรือเธอมีคนอื่นนอกจากฉันแล้วเผลอเรียก”



    “เฮ้ย! ป่าวๆชื่อนายแหละแต่ฉันอยากเรียกสั้นๆนี่”



    “อ่อ เรอะ แต่ว่ามันดูโง่เหมือนวัวเลยนะชื่อนี้”คาโลทำหน้าไม่แยแส



    “หรือ..ว่า..ม่าย..ชอบบบ” เขารู้สึกถึงจิตสังหารรุนแรงจากตัวเธอ



    “อะ อะ ชอบจ้ะ” ไรฟะแค่นี้ก็ต้องขู่



    “คิก คิก” “หัวเราะอารายย ฮึยายบ๊อง” คาโลเอาดึงเอาหมอนมาตีหัวเธอ



    “โอ๊ยๆ เจ็บน้าา ก็เพิ่งเคยเห็นน้ำแข็งกลัวอ๊ะ มันขำนี่”



    “นี่แน่ะๆ น้ำแข็งกลัวเรอะ แล้วยังมาหัวเราะอีก” คาโลกระหน่ำตี



    ทั้งสองเริ่มเอาหมอนตีกันอย่างสนุกสนานจนเขารวบตัวเธอมาไว้ในอ้อมกอด เธอสะดุดกึก



    ตาสองตาจ้องกัน เกิดสปาร์ค ช็อตๆๆ…



    “เฮ้ย” คาโลสะดุ้ง หน้าแดงก่ำ



    “คิก คิก น้ำแข็งละลาย” คาโลสะดุดกึก เผลอปล่อยเธอออกจากอ้อมกอด



    ตุ้บบ “อูยส์ จะปล่อยทีหลังก็บอกมั่งซี่”



    “ขอโทษๆ” คาโลดึงเธอขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน



    “แล้วนายมีอะไรจะบอกฉันม่ายใช่เรอะ”



    “ตลอดเวลาที่ดูแลฉันมาน่ะ ขอบใจนะ”



    “อื้อ ม่ายเปงราย ดอนท์ มายด์”



    “แต่ว่า..” คาโลอ้ำอึ้ง



    “แต่ว่าอะไร”



    “คืนนี้เธอทำกับฉันแบบเมื่อหลายวันก่อนได้ม๊ะ ฉันจำเรื่องอะไรไม่ได้เลยอยากรู้ว่าเธอดูแลแนยังไงว่ะ”



    “อืมม ก็ได้ๆ”



    “มาๆ เดี๋ยวแม่จะพาไปอาบน้ำนะลูก”  



    เฟลิโอน่าจับคาโลอาบน้ำ เรือนร่างของเขาแม้เธอจะเห็นอยู่ทุกวัน แต่วันนี้ เธออายหน้าแดง คาโลเองก็เช่นกัน เขาจำเรื่องราวเมื่อ7วันก่อนไม่ได้เลยสักนิด





    ก็เลยรู้สึกว่าเพิ่งเคยโดนอาบน้ำให้เป็นครั้งแรก “เบาๆหน่อยนะ” คาโลเกร็งจนสั่น



    หลังจากทั้งคู่อาบน้ำเสร็จ เธอจับคาโลแต่งตัวทาแป้งเหมือนเด็กชายตัวเล็กๆ จูงเด็กชายตัวยักษ์ มานอนเอาหัวหนุนตักบนเตียง



    เธอเล่านิทานก่อนนอน เกี่ยวกับตำนานยอดหัวโขมยแห่งบารามอสผู้ยิ่งใหญ่ ต้นตระกูลเดอเบอโรว์



    “จาก เดอะเชสมาสเตอร์ เดอะวอริเออร์ จนชีวิตผกผันมาเป็น เดอะทิฟ…” เธอเล่าด้วยเสียงอันไพเราะ กังวาน



    “แม้ว่าชีวิตของเขาจะต้องตกต่ำมาเป็นเดอะทิฟ แต่เขาก็โขมยแต่คนรวยที่ขี้เหนียวนะลูก”



    “ไม่มีใครเคยจับคนตระกูลนี้ได้…พวกเขาไวมาก ถึงแม้จะถูกจับได้สักกี่ครั้ง ไม่นานพวกเขาก็จะหลุดจากพันธนาการได้ด้วยวิชาก้นหีบของตระกูล เจ็ดกลเม็ดรอดตายของตระกูลเดอเบอโรว์… เรียกได้ว่าคนตระกูลนี้เป็นยอดหัวโขมยตัวจริง”



    “มือที่สัมผัสไวกว่าแสง ฝีเท้าที่ไวกว่าพายุใต้ฝุ่น อาวุธหลักประจำตัวของพวกเขาคือมีดดามาคัสที่ทำจากเหล็กกล้าพิเศษ น้อยคนนักที่จะได้เห็นหน้าพวกเขา เพราะก่อนที่จะจับพวกเขาได้ก็โดนฆ่าทิ้งไปแล้ว..

    บางทีเดินอยู่ข้างนอกไม่สามารถรู้ได้เลยว่าพวกเขาก็ปะปนอยู่กับคนธรรมดา.. อ้าวหลับซะแล้ว ว้ายังไม่จบเลย”



    นิทานนี่พ่อดามัสเล่าให้เราฟังทุกคืนจนจำขึ้นใจ อุตส่าห์งัดมาเล่าให้ฟัง ถ้าเป็นคนอื่นไม่มีวันที่จะได้ยินตำนานนี้ แน่ๆ



    เธอจับคาโลนอนข้างๆ แล้วเธอก็นอนข้างกายเขา ใช้มือข้างหนึ่งกอดชายหนุ่มไว้แล้ว นอนจ้องหน้าหล่อเหลาของ

    เขา



    ฮิฮิ คาโลตอนนอนนี่ก็เด็กดีๆนี่เอง ดวงหน้าดวงนี้เธอดูไม่เบื่อเลย



    “เฮ้ๆ เจ้าคนนอนกินบ้านกินเมืองตื่นๆ”



    คาโลเอานิ้วสะกิดแก้มของเธอเบาๆ



    “นี่คุณผู้หญิงตื่นได้ยังครับเดี๋ยวสายนะ”



    “อือๆ อ๊ะ ห๊าวว เช้าแล้วหรอ คาโล”



    “เอ้าแม่คุณอาบน้ำได้แล้วนะ” คาโลยั่วเย้า

    พอถูกสายตาอาฆาตของเธอจ้องเข้า คาโลก็เหมือนถูกแช่แข็ง ให้ตายห่าสิน้ำแข็งอย่างเขาโดนแช่ซะเอง



    เฟลิโอน่า อาบน้ำ แล้วเสกตัวเองเป็นผู้ชาย เพื่อความสะดวกในการเดินทางกลับเอดินเบิร์ก



    เมื่อถึงหน้าประตูโรงเรียน..



    “เฮ้ หลบหน่อยๆ หลีกไปๆ ถ้าไม่อยากโดนชน..อะเฮ้ย! บอกว่าหลบปาย”



    เฟรินกระโดดหลบวูบล้มขาครูดไปกับพื้น



    กึ๊งง ฉับพลันรถม้าคันนั้นกลายเป็นน้ำแข็ง หิมะตกลงมาในฤดูที่ไม่ควรตก



    คนขับรถงงงวย



    รถม้าของเขากลายเป็นน้ำแข้งได้อย่างไรเนี่ย



    “เฮ้ยไอ้บ้า ขับรถภาษาไรฟะ ถ้าชนโดนฉันรู้ไหมว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง ฉอดๆๆ แว้ดๆๆ” ตะโกนสบถเป็นหมีกินผึ้ง



    ไอความเย็น รังสีแห่งการเข่นฆ่าของคาโลพุ่งกระจายทั่ว เหมือนจะประกาศว่าใครหาญมาทำร้ายคนของเขา

    ต้องโดนแช่แข็ง



    “ช่างมันเถอะเฟริน เราไปกันเถอะ” เสียงคาโลเยียบเย็น



    เขาพาเธอเดินไปด้วยกันปล่อยให้เจ้าของรถม้านั่ง งงอยู่ตรงนั้นคนเดียว ท่ามกลางสายตา ขบขันของฝูงชน



    คาโลเดินนำไป เฟรินเดินตามไปได้หน่อยหนึ่ง…



    “ตุบ อูยส์ ทำไมขาเราเป็นยังงี้”



    เธอล้มลงก้นจ้ำเบ้า คาโลหันกลับมามองก็ต้องตกใจเพราะขาของเฟรินมีรอยแผลถลอกลึกตั้งแต่ขาอ่อนข้างซ้ายลงไปจนถึงหัวเข่า แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่…



    สาวน้อยนั่งกุมเท้าขวาอยู่ เลือดไหลซิบๆ คาโลรีบวิ่งไปดูอาการคนรักของตน “เป็นอะไรมากเปล่า”



    ด้วยความที่ไม่อยากให้คาโลเป็นห่วง เฟรินจึงชักหน้ากากฟาโรห์ออกมาตอบหน้าตาเฉยว่า “ไม่เจ็บ เด็กๆน่า”



    “หึ ไม่เจ็บรึเมื่อกี้เห็นตวาดแว้ดๆ นี่แน่ะ”



    “โอ๊ย เจ็บๆๆ เบาๆสิ” คาโลเอานิ้วจิ้มที่ขาเธอ ทำให้เธอร้อง จ๊าก



    “เอ้า ฉันจะเอาน้ำแข็งโปะให้” คาโลกางมือออก



    ไอเย็นรวมตัวเกาะที่แผล และขาที่เธอเจ็บ “เป็นยังไงบ้าง”



    “ไม่เป็นไรแล้ว รู้สึกชาๆแทน ขอบใจนะ” คาโลยื่นมือดึงเธอลุกขึ้น



    เธอขากะเผลกเดินต่อไม่ไหวแล้ว



    “มาๆขี่หลังฉันจะพาไปส่งห้องพยาบาล คงทันเวลาแข่งนะ” คาโลจับเฟรินขี่หลัง



    เมื่อเดินไปได้สักหน่อย เฟรินก็ถามว่า “นี่ พ่อยอดชายชาตรี ไหวปะ”



    “สบายมาก กับการแบกไม้เสียบผีแบบเธอ”



    โป๊ก! “นี่แน่ะไม้เสียบผีหรอ นี่แน่ะๆ” เจ้าตัวแสบเขกหัวคนอยู่ข้างล่างรัวๆ



    “พอๆ พอแล้ว เดี๋ยวเถอะ” เฟรินจึงหยุดตี



    “นี่ อยากลองแบกหนักๆมั่งมะ” คาโลไม่ตอบ



    เฟรินเลยถือโอกาส ร่ายมยตร์บางอย่าง ซึ่งก็เป็นของเล่นที่ได้มาจากเดมอสเช่นกัน



    “สโตนบอดี้ “



    ”ฮิฮิ”



    ในตอนแรกคาโลก็ไม่ได้รู้สึกอะไร สักพักเขารู้สึกว่าตัวเฟรินเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ



    “อูย แกเป็นไม้เสียบผีที่หนักที่สุดเลย อัคร์”



    “เชอะ” เฟรินเบือนหน้าหนี



    คาโลทนแบกเฟรินที่ตัวหนักขึ้นเรื่อยๆไปถึงห้องพยาบาล



    เมื่อถึงที่คาโลรีบทิ้งเฟรินลงไปบนเตียง “อูยย ทิ้งเบาๆหน่อยดี้ ฉันเจ็บ”



    คาโลมองเฟรินอย่างเย็นชาที่สุด “ก็แกล้งตูก่อนทำไมฟะ” คาโลทำหน้าเย็นชา



    เฟรินกลับร่างหญิงสาว

    “กรี๊ดดดดด”



    คาโลมองไปยังต้นเสียงอย่างรำคาญ แต่พอเห็นหน้าสวยๆเจ็บปวดแล้วก็โมโหไม่ลง รีบเข้าไปคุกเข่าข้างเตียงจับขาของเธอมาดู แผลลึกขึ้นมาก



    “เป็นอะไรหรือเปล่า” คาโลถามเธอด้วยความเป็นห่วง



    “นายดูสิ แผลใหญ่ขึ้น แล้วร่างบอบบางอย่างฉันจะทนได้ยังไง”



    “เฮ้ย หมอ หมออยู่ไหนฟะ”



    “ไอ้หมอไปหดหัวอยู่ไหนวะเนี่ย รีบมาดูอาการองค์หญิงเร็วๆโว้ย” คาโลร้อนรน



    หมอรีบมาดูอาการและทำแผลให้เฟลิโอน่าอย่างเร่งด่วน ดีที่เธอไม่เป็นอะไรมากมาย หมอใส่ยาให้แล้วสั่งว่าห้ามเดินอีก2วัน เวลา2วันนี้คาโลต้องดูแลเธอ



    คาโลเข็นรถเข็นให้เจ้าหญิงจอมซ่านั่ง “นี่ถ้าฉันเจอหน้าไอ้หมอนั่นอีกนะ จะด่าให้เละเลย” เฟลิโอน่าบ่นอุบทำหน้าตุ๊บป่องๆ



    คาโลพาเธอมาหาเจ้าปีศาจเอวิเดสและไฮคิง



    “เสด็จพ่อ เสด็จตา หวัดดีเพคะ”



    เอวิเดสและไฮคิงแปลกมากที่เห็นเธอในสภาพมีผ้าพันแพลที่ขาและนั่งรถเข็นซึ่งไม่น่าเป็นไปได้



    “ใครทำเจ้า” เอวิเดสถาม



    “หรือว่าเป็นเจ้า เจ้าหนุ่มคาโล” ไฮคิงมองมายังคาโล



    “เปล่าครับ คนอื่นขับเกวียนมาชนครับ”



    “มานี่คาโลเจ้าพาลูกหญิงมานี่” คาโลเข็นพาเฟรินไปให้เอวิเดสดูอาการของเธอ



    “อืมม ห้ามเดิน2วัน อย่างนี้เราจะเลื่อนการแข่งไปอีก2วันนะ แล้วเจ้า! คาโลในฐานะเจ้าอยู่ในเหตุการณ์

    จงดูแลลูกสาวข้าด้วย”

    “ครับ” คาโลพาเธอออกไป



    “นี่เอวิเดส เจ้ามีคาถาที่เสกให้ลูกสาวหายได้ทำไมไม่ทำล่ะ” ไฮคิงทักท้วง



    “โธ่!เสด็จพ่อ ลูกต้องการให้ทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันตลอดเวลาน่ะ ไม่แน่ เฟลิโอน่าหรือคาโลจูเนียร์ ก็อาจจะมาเกิดเร็วกว่าที่เราหวังไว้นะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”



    “นางอภิเษกกับคาโลเมื่อไร ข้าจะยกเดมอสให้นางนะท่านพ่อ” จ้าวเอวิเดสกล่าวน้ำเสียงจริงจัง



    “พ่อก็จะสละราชย์ยกบารามอสให้นางด้วย” ไฮคิงคิดปวดระวางตนเองเช่นกัน

    “ให้ลูกหญิงปกครองเดมอส ให้หลานปกครองบารามอส ให้ลูกเขยปกครองคาโนวาล อีกไม่นานแหละท่านพ่อคาโลจะได้เป็นไฮคิงต่อจากท่าน แล้ว2ดินแดนจะรวมกัน สงครามจะไม่เกิดนะท่านพ่อ”  



    “เจ้าก็จะเป็นท่านตาแทนข้า ข้าก็จะเป็นท่านทวด ฮ่ะฮ่ะ” กษัตริย์2พระองค์หัวเราะกันอย่างมีความสุข



    “คาโลจ๊ะ”



    “อะไรจ๊ะ” คาโลแกล้งทำเสียงตามเธอ



    เฟลิโอน่าหันมาศอกคาโลที่สีข้างเบาๆ “นี่อย่ากวนดิเว้ย”



    “ฉันจะบอกเธอว่าไปดูรายชื่อคนเข้ารอบกัน พาฉันไปดูที”



    “จ้า จ้า ซิ่งละนะ บรืนๆๆ”



    คาโลเล่นกับเฟรินเหมือนกับเด็กชายและเด็กหญิงไม่ประสาเล่นกัน



    “เอี๊ยดด ถึงแล้วคร้าบเจ้าหญิง” ทั้งสองยิ้มให้กันบ่งบอกถึงความสุขที่มีล้นใจ



    “ไหนๆองครักษ์ เจ้าไปดูซิว่าบัญชีลูกเขยพ่อฉันมีกี่คน”



    คาโลเดินเข้าไปอ่านด้วยเสียงอันดัง



    “คนที่หนึ่ง คาโล วาเน-บลี เดอะ พริ้นซ์ ออฟคาโนวาล”



    ว่าแล้วก็หันไปดูหน้าขบขันของเจ้าหญิงน้อย “ใครก็ไมรู้ ม่ายรู้จัก” เฟรินกลอกตาไปมา



    “คนที่สอง คิลมัส ฟิลมัส เดอะเกรทคิลเลอร์ ออฟ ซาเรส”



    “คนที่สาม มามิ กุกุริน เดอะ นินจา ออฟ เจมิไน”



    “คนที่สี่ แวนด้า กุกุริน เดอะ นินจา ออฟ เจมิไน”



    “นี่เฟรินสงสัยจะเป็นฝาแฝดกันนะ”



    “อือ”



    “คนที่ห้า…”



    “คนที่หก…”



    “คนที่เจ็ด …”



    คาโลยังคงอ่านรายชื่อไป จนกระทั่งคนที่สิบ



    “สิบ โ.”



    “โร เซวาเรส เดอะพริ้นส์ ออฟ ทริสทอร์” เสียงของชายลึกลับดังขึ้น



    “ฉันเองไง”



    “แก ยังไม่ตายรึ” คาโลส่งสายตาแค้นเคือง



    “แน่นอน ฉันจะตายไม่ได้ตราบใดที่มีหน้าที่ปกป้อง เจ้านายแห่งทริสทอร์”

      

    “แต่ฉันอยากให้คาโลปกป้องฉันมากกว่านายนะ” เฟลิโอน่ากล่าวน้ำเสียงเรียบ



    “ก็ได้ๆ งั้นต่อไปนี้ องค์หญิง น่ะ ฝากท่านดูแลด้วยท่านคาโล วาเน-บลี” โรจ้องไปทางคาโล



    “เพราะทาสแห่งเดมอสผู้นี้ ได้เจอผู้ที่จะปกป้องฝ่าบาทอย่างใกล้ชิดแทนกระหม่อมแล้ว”



    “และที่มาในวันนี้จะมาบอกองค์หญิงว่า ต่อไปนี้กระหม่อมจะไปอารักขา ท่านจ้าวแทนแล้ว”



    “ค่อยยังชั้วหน่อย แกก็ทำตามที่พ่อสั่งไปเถอะ ฉันน่ะมีคนสนใจพอแล้ว” เธอพยักเพยิดไปทางคาโล



    ก๊องง คาโลเขกหัวเธอ อูยย



    “อย่าพูดมากสิเฟริน ฉันไปล่ะโร ทำตามคำสัตย์ของแกล่ะ” คาโลเข็นเฟรินผ่านไป



    “บายนะโร”เฟรินหันหลังส่งเสียง และโบกมือ  จนคนทั้งคู่ลับหลัง…



    ฮ่ะ ฮ่ะ เจ้าชายแห่งทริสทอร์อย่างเราก็เป็นได้แค่ทาสแห่งเดมอส ไปรักคนที่รักเราดีกว่า



    โรรำพึงกับตนเอง และเดินจากไปอีกทาง



    “ฉันก็รู้ตัวดีเสมอ

    ว่าฉันได้เจอเธอแค่ตอนที่เขาไม่มา

    ข้อตกลงที่คุยกันไว้ ห้ามหึงและห้ามห่วง

    ให้ได้แค่ความห่วงใย”



    “แต่เธอคงไม่รู้ มันเริ่มจะไม่ง่าย

    ใกล้เธอเท่าไร ใจฉันยิ่งไหวหวั่น เกิดเป็นคำว่ารัก

    มากในใจขึ้นทุกวัน จนต้องย้ำตัวเองเป็นได้แค่ไหน”



    “เป็นมากเกินกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่คนรัก

    เธอให้เพียงสัมผัส แต่ไม่ให้หัวใจ

    ว่าฉันไม่ควรรักเธอ ก็เผลอให้เธอไปแล้วจนหมดใจ

    ก็รู้ฐานะตัวเองเป็นใคร ยังจะคิดให้ใจเจ็บช้ำ”







    “ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจ

    ก็คำนิยามเรื่องการคบกันของเรา

    เป็นมากเกินกว่าเพื่อน แต่ว่าฉันไม่ใช่คนรัก

    ก็รู้ฐานะตัวเองเป็นใคร ยังจะคิดให้ใจเจ็บช้ำ”



    “….เพราะว่าฉันไม่ใช่คนรัก

    เพราะว่าฉันไม่ใช่คนรัก…. “



    “อ้าว โร หวัดดี” มาทิลด้าเดินมาพอดี



    “หวัดดี มาทิล มีอะไรหรอ” โรถามกลับ



    “มานี่หน่อยสิฉันมีอะไรจะบอกเธอ…” แล้วมาทิลด้าก็จูงมือโรไปด้วยกัน..



    จากนั้นโรก็เริ่มไปคบหากับมาทิลด้า เจ้าหญิงแห่งอเมซอน…



    “พี่หญิง พี่หญิง รอหญิงด้วย ท่านคาโลรอด้วย”



    เสียงคุ้นๆหูทำให้คาโลหยุดยืน หญิงสาวและชายหนุ่มหันกลับไปมอง



    “วิเวียน..”



    “องค์หญิง วิเวียน” เฟลิโอน่าพึมพำ นางมาทำอะไรที่นี่นะ



    จักรพรรดินีวิเวียนนานีย่าวิ่งมา หอบ แฮ่ก แฮ่ก ชุดราตรีกระโปรงยาวทำให้วิ่ง่ไม่สะดวก



    “พี่หญิง ถวายบังคมคะ” “เอ้อ สวัสดีครับ เอ๊ย ค่ะ องค์หญิง”



    “แหม พี่หญิงพูดน่ารักขึ้นนะคะ ตั้งแต่เป็นผู้หญิงเนี่ย”



    “เอ้อ มันก็ขึ้นอยู่กะไอ้น้ำแข็งก้อนโตข้างหลังด้วยว่าจะน่ารักกะมันดีไหม”



    เป๊กก อูยย อีกแล้ว คนโดนเขกหัวน้ำตาเล็ด



    “ให้มันเพลาๆหน่อยน่า เฟริน” คาโลส่งสายตาดุ



    “แกนะแก คาโล ถ้าฉันไม่ได้เดี้ยงอยู่ แกหัวแบะแน่ อูย” เฟลิโอน่าหันกลับไปด่าคนดุ



    “คิก คิก คู่นี้เข้ากันได้ดีจังนะคะ” วิเวียนชม



    “แล้วท่านมีธุระใด ถึงได้มาที่นี่” คาโลกล่าวเสียงเรียบเย็น ไร้ความรู้สึก



    วิเวียนยักไหล่ “ก็ไม่มีอะไรนี่คะ หญิงก็แค่จะมาเยี่ยมพี่สาวของหญิงเท่านั้นเอง ไม่ได้หรอ” วิเวียนตอกกลับ



    “เอาน่าๆ แล้ว โรเวนละ น้องหญิง”



    พอถูกพี่หญิงของเธอจี้จุด องค์หญิงวิเวียนก็หน้าแดงก่ำ



    “พี่หญิงเนี่ยพูดอะไรๆไม่รู้เรื่อง เจ้าพี่ไม่อยู่คะ แต่เอ๊ะ ทำไมพี่หญิงนั่งรถเข็นไปโดนอะไรมาเพคะ”



    “อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะไม่มีอะไร”



    คาโลพูดก่อนที่เฟรินจะพูดถึงความซื่อบื้อของเธอที่กระโดดแล้วล้มเอง



    “พี่หญิงน่าสงสาร นี่ท่านคาโลดูแลพี่หญิงให้ดีนะคะ”



    คาโลพยักหน้านิดๆ “มันเป็นหน้าที่ของกระหม่อมอยู่แล้วที่ต้องควบคุมความประพฤติเจ้าหัวโขมยคนนี้”



    วิเวียนหัวเราะคิกคัก  ส่วนคนถูกพูดถึงทำหน้าเบ้



    “ไปก่อนนะคะ พี่หญิง”



    แล้วจักรพรรดินีวิวเยนนานีย่าก็ทรงเสด็จกลับไป



    “นี่คาโล นายพาฉันไปเที่ยวในตลาดทีสิ ไม่ได้ไปนานแล้ว”



    คาโลรู้ว่าถ้าขัดใจเธอแล้วจะต้องเป็นอย่างไร จึงพาเข็นออกไปเที่ยวตลาดเอดินเบิร์ก



    “ทางนี้ครับ ทางนี้ แอปเปิ้ลสวยๆ ถูกๆครับ…”



    คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นน้ำลายสอ  ยังไม่ทันสะกิดคนเข็น รถเข็นของเธอก็ไปจอดหน้าร้านแล้ว



    “รอนี่นะ” คาโลพูดเร็วๆก่อนจะเดินเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว



    วันนี้มาแปลก… เธอคิด



    เธอนั่งแกร่วอยู่สักพัก คาโลเดินออกมาจากร้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับกล่องๆหนึ่ง



    ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าของในกล่องใบน้อยคืออะไรแต่เธอก็ยังถามว่า



    “นี่อะไรหรอคาโล แล้วทำไมไปนานจัง”



    “แอปเปิ้ล พอดีฉันไปรู้วิธีเลือกแอปเปิ้ลมา อยากลองวิชาดู เอ้านี่ฉันให้”



    เมื่อเธอรับกล่องมาแล้วเปิดกล่องออกดู พบแอปเปิ้ลสีแดงสดสวยๆอยู่4ลูก



    เมื่อหยิบมาพิจารณาดูแต่ละลูกเห็นคำว่า “ฉัน” “รัก” ”เธอ” “นะ”



    เฟรินหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ



    “ขอบคุณนะ”



    “ก็รู้ว่าชอบน่ะ เลยซื้อให้ ไม่มีอะไรมากมาย” คาโลทำหน้าเย็นชาแล้วเข็นรถเข็นพาเธอกลับโรงเรียน



    “เอ้า ฮึบ ตัวหนักจริง” คาโลอุ้มเธอนอนบนเตียง



    “เอาอีกแล้วนะ หาว่าฉันหนักหรอ” เฟลิโอน่าเอาหน้ากากฟาโรห์มาใส่ทำหน้าแบะจะร้องไห้



    “เฮ้ย ฉันพูดเล่นหรอกน่า อย่าคิดมากสิ” คาโลรีบปลอบเมื่อเห็นเธอจะร้องไห้



    ฮิ ได้ผล



    “ทีหลังว่าว่าฉันแบบนี้น๊า” พูดพลางเกาะแขนคาโลเอาหน้าซบ



    “อือ” คาโลตอบรับ

    “ฉันไปแล้วนะเธอเรียกนางกำนัลมาช่วยอาบน้ำนะ ไปละ บาย”



    “อือ”



    แล้วคาโลก็เดินออกไป



    กลางดึก เจ้าหญิงเฟลิโอน่ากำลังหลับสบายอยู่



    “อ๊า อ๊า คาโล อย่าๆ อย่าเลียหน้าฉัน” แล้วเธอก็ตกใจตื่นขึ้นมาพบคาโลวาเน-บลีกำลังเลียหน้าเธออยู่อย่างเมามัน พอเห็นเธอตื่นจึงตกใจมากแล้วจึงวิ่งหนีออกจากห้องไป



    รุ่งเช้า…



    “นี่เรนอน เมื่อคืนน่ะฉันฝันว่าถูกคาโลเลียหน้าล่ะ” แองเจลิน่ากำลังเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้เรนอนฟัง



    “พอฉันตกใจตื่นมาคาโลรีบวิ่งหนีออกไปจากห้องเลย” แองจี้เล่าต่อ



    “ฉันก็ด้วยนะคะ แต่ทำไมคุณคาโลต้องทำแบบนั้นกับพวกเราละคะ” เรนอนก็สงสัยเช่นกัน



    ข่าวว่าเจ้าชายคาโลไปเลียหน้าหญิงสาวทุกคนในโรงเรียนแพร่ไปทั่วโรงเรียนอย่างเงียบๆ



    คาโลไม่มาหาเฟลิโอน่าทั้งวันเธอจึงต้องไปหาเรนอน แองเจลิน่า และมาทิลด้าเพื่อคุยแก้เซ็ง



    “อ้าวคุณเฟริน มา มานั่งคุยกันก่อนสิคะ” เรนอนร้องทัก



    “หวัดดีแองจี้ มาทิลด้า เรนอน อยุ่กัยครบเลยนะ นางฟ้าแห่งป้อมอัศวิน” เฟรินทักตอบ



    “เอ๊ะเรอนอนแล้วนั่นเด็กผู้หญิงที่ไหนละนั่นหรือว่า…” เฟรินทำหน้าเหมือนมีอะไรชั่วร้ายขึ้นในหัว



    “อ๋อนี่หรอคะ เรเน่ลูกสาวเรนอนเองค่ะ” “เอ้าลูกไปหาคุณน้าซิคะ”



    เด็กน้อยเรเน่ลอยเข้าไปนอนบนตักเฟริน



    “โห ลูกสาวเธอ เก่งจังเลยเรนอน บินได้ด้วย” เฟลิโอน่าเอ่ยชม



    “ว่าไงหนูเรเน่” เด็กน้อยยิ้มตอบ ร้องเอิ๊กอ๊าก พอใจที่มีคนเล่นด้วย



    “อุ๊ย คุณเฟริน บาดเจ็บอยู่นี่คะ”



    “ก็ใกล้หายแล้วละจ้า” เธอพูดอย่างสบายๆ



    “เรเน่ช่วยคุณน้าทีสิลูก”



    พอเรนอนร้องบอก เรเน่ก็ทำเหมือนรุ้เรื่องคลานลงไปตรงขาเฟริน แล้วพึมพำภาษาทารก



    “อู้ อี้ แอ๊ง แอ๊ง” แว่บ ปลายนิ้วของเด็กน้อยมีแสงสว่างพอชี้ไปที่แผลของเฟริน แผลก็ค่อยๆหายไปจนหมด



    เฟรินลุกขึ้นยืน เธอเดินได้ก่อนกำหนด เธอกระโดดดีใจ ทำให้เด็กน้อยร้องเอิ๊กอีาก ดีใจเช่นกัน



    “ลูกของเธอกับคิลนี่น่ารักจังนะ”  



    “ค่ะ แต่เวลาโมโหขึ้นมาคุณคิลคุมอยุ่คนเดียวละคะ” เรนอนทำหน้าหวาดๆ



    “ทำไมหรอ” เฟลิโอน่าทำหน้าสงสัย



    “ก็เวลาโมโหน่ะสิ ผลิตกระแสไฟฟ้าออกมาทั่วตัวเลย จับแล้วโดนไฟช๊อตเลยนะ ฉันยังเคยโดน” แองจี้อธิบาย



    “อืมม ได้ความสมมารถของพ่อกับแม่มาหมดเลยนะ ฮิฮิ เด็กเก่ง” เธอหัวเราะ



    “นี่แล้วลูกของโรกับมาทิลด้าคงคงจะเป็นหนอนหนังสือแล้วชอบทำหน้าดุละมั้ง”



    พอเห็นมาทิลด้าค้อนขวับ คนปากพล่อยก็หัวเราะแห้งๆ



    “โทษๆมาทิลด้า” “เอ้าแต่เมื่อกี้พวกเธอคุยอะไรกันอยู่หรอ”



    “ก็พวกเราน่ะสิ โดนคาโลยอดชายของเธอเลียหน้าเมื่อคืนกันหมดเลย” แองจี้ทำหน้าบูด



    “ห๊ะ พวกเธอก็โดนด้วยเหรอ ฉันนึกว่าคาโลมันหื่นกะฉันคนเดียวซะอีก” เธอทำหน้าตกใจ



    “อย่างงี้ต้องมีเรื่องคุยกันหน่อยแล้ว” ว่าแล้วเจ้าหญิงเฟลิโอน่าก็เดินไป

    เฟรินเดินหาคาโลทั้งวันก็ไม่เจอไม่ว่าจะไปหาทางไหนก็ไม่เจอ ถามใครก็ไม่มีใครเห็น



    “มันหนีไปไหนนะ นอกใจฉันแล้วยังไม่มาเคลียร์” เธอแอบไปนอนร้องไห้หลังจากกลับห้องนอน



    ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม



    ก๊อกๆ มีเสียงคนเคอะประตูห้องเธอ



    “ใคร?”



    “กระหม่อมเององค์หญิง”



    “เข้ามา”



    โร เซวาเรสเดินเข้ามาในห้อง เธอรีบเช็ดน้ำตา



    “นายมีอะไร”



    “ได้ข่าวคาโลแล้วกระหม่อม”



    “หมอนั่นไปมุดหัวที่ไหน”



    “เค้ากำลังมา อย่าห่วงเลย องค์หญิง”



    “แล้วคาโลทำไมถึงทำกับผุ้หญิงทุกคนอย่างนั้น”



    “ให้คาโลอธิบายดีกว่านะองค์หญิง” แล้วโรก็เดินออกไป



    “เฟริน ฉันมาแล้ว” เสียงที่เธอรอคอยดังขึ้น



    “ไปทำอะไรมา” เธอตะคอกถาม



    “รู้ไหมฉันเป็นห่วง” “มีข่าวนายไปเลียหน้าสาวๆทุกคนในเอดินเบิร์ก รวมทั้งฉัน ทำไมไม่เป็นฉันคนเดียว”



    “ฉันไม่มีเหตุผลต้องบอกเธอ” คาโลตอบเย็นชา

    “ดี งั้นออกไปเลยแล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก” เธอออกปากไล่



    คาโลเดินออกไปจากห้อง



    พอประตูปิด เฟรินปล่อยโฮออกมา



    …ทำไมถึงไม่อธิบาย ทำไมไม่ทำให้ฉันวางใจ ทำไมทำอย่างนี้กับคนอื่น ทำไม ทำไม…



    …ไม่สามารถข่มตานอนได้เพราะคำพูดของเขา…



    …ความเจ็บปวดที่สะท้อนอยู่ในใจ เพราะเขาค่อยๆเดินออกจากห้องไป…



    เปรี้ยงง ฟ้าผ่า ฝนตกลงมาอย่างหนัก กลบเสียงร้องไห้ของหญิงสาว



    “ฉันขอโทษนะเฟริน ตอนนี้ฉันยังอธิบายอะไรให้ฟังไม่ได้” คาโลรำพึงกับตนเองหลังจากกลับมาถึงที่พัก



    เช้าวันรุ่งขึ้น….



    การแข่งขันเริ่มขึ้นอีกครั้ง



    “เอาละตอนนี้เป็นด่านของฉันนะ ผู้ชนะก็จะได้แหวนแห่งปราชญ์ ไปนะ” ไฮคิงตรัส



    “สำหรับกติกาในด่านนี้ จับคู่กันเป็น5ทีมๆละ2คน แล้วสู้กับ4ทีมที่เหลือ ทีมใดชนะเลิศ ก็แข่งกันเอง ผู้ชนะก็อย่างที่บอก ได้แหวนแห่งปราชญ์ไป…”



    “จำไว้ว่าสู้กันแค่วิชาดาบ ใช้ดาบและมีดเท่านั้น และผู้เข้าแข่งเกิดเสียชีวิต ทางเราจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น”



    คิลยิ้มเหี้ยมเลียริมฝีปาก อย่างนี้สนุก



    “ฉันจะให้เวลาจับคู่5นาที”



    “เอาไงดีวะ คาโล โร” คิลเอ่ยถามเพื่อนทั้งสอง



    “นายเข้าคู่กับคิลได้ดีฉันขอบายไปคู่กับคนอื่นดีกว่านะคาโล” โรเอ่ย



    “ก็แล้วแต่นาย” คาโลตอบเรียบๆ



    “อย่างนี้ทีมเรา2ทีมต้องชนะพวกที่เหลือให้ได้นะ” คิลเอ่ยในที่สุด



    “อือ จะพยายาม” โรตอบ



    “คู่แรกเป็นทีมของ มามิ กุกุริน เดอะ นินจา ออฟ เจมิไน และ แวนด้า กุกุริน เดอะ นินจา ออฟ เจมิไน”



    “กับทีมของ บิสกิต เดอะครูเซเดอร์ ออฟซาเรส และ เมลีส เดอะ พรีส ออฟ คาโนวาล ”



    “นินจาสู้กับนักบวชและนักรบศักดิ์สิทธิ์ หึสนุกแน่” คิลกระซิบกับคาโล



    เจ้าหญิงเฟลิโอน่าดูอยู่ที่เต๊ณท์กับเพื่อนๆในขณะที่ประชาชนผู้ที่ซื้อบัตรเข้ามาทั้งหลายต้องนั่งกลางแดด



    เธอเหมื่อมองไปยังที่พักนักกีฬา



    เขา..อยู่ที่นั่น



    เขา..ผู้ที่ไม่ยอมอธิบายเรื่องราว



    เขา..คนที่เธอรัก



    เขา..คนที่รักเธอ



    โอย อะไรก็คาโล..หมอนั่นมันไม่สนใจชั้นแล้วชั้นจะสนใจมันทำไมเนี่ย ปวดหัว ปวดหัว



    เฟลิโอน่าสะบัดหัวเพื่อให้ความคิดเกี่ยวกับคาโลออกไปจากหัวแล้วตั้งใจดูการแข่งขันต่อไป



    “3 2 1 เริ่มการแข่ง” พิธีกรตะโกนลั่นสนามแข่งขัน



    “เกมโอเวอร์แล้วนะท่านนักบวช ท่านอัศวิน” นินจาทั้งสองเอ่ยหลังจากกรรมการนับเวลาถอยหลังเพื่อเริ่มการแข่ง



    “ยังไม่เริ่มเกมจะโอเวอร์ได้ไงท่านนิน..” “อ๊าคคค” บิสกิต เดอะครูเซเดอร์ ออฟซาเรส ลงไปนอนจมกองเลือดกับพื้นในชั่วพริบตาที่นินจาทั้งสองขยับตัว มีดในมือนินจาทั้งสองเปื้อนเลือดทั้งๆที่ขยับตัวแค่นิดเดียว



    “ท่านนักบวช เอาด้วยไหม” นินจาทั้งสองเอ่ยถาม



    “เซฟตี้วอล์” “นินจา ท่านลองเข้ามาดูสิว่าจะเข้ามาในนี้ได้รึเปล่า” นักบวชหนุ่มเอ่ยในที่สุด



    “แต่ท่านก็ต้องแพ้พวกเราในที่สุด” นินจาทั้งสองเอ่ยพร้อมกัน



    มามิ ก้าวออกไปข้างหน้าหยิบเข็มมาเล่มหนึ่งและซัดออกไปทาง เดอะพรีส



    กึ๊งง เสียงเข็มกระทบกับเกราะแก้ว ช่างไพเราะนัก เกราะแก้วยังคงอยู่ดี ไม่มีแม้รอยร้าว



    กึ๊งง กึ๊งง เดอะนินจามามิ และเดอะนินจาแวนด้า ช้วยกันซัดเข็มใส่เกราะแก้วกันอย่างหนักหน่วงและรวดเร็ว



    เกราะแก้วของเดอะพรีส เริ่มจะทนความแหลมของเข็มไม่ได้ เริ่มปริร้าว เมื่อเห็นดังนั้นเดอะพรีสจึงเร่งพลังเวทย์ให้สมานรอยแตกของเกราะแก้ว



    แต่มันก็สายไปเสียแล้วเข็มเล่มสุดท้ายทะลุผ่านเกราะเซฟตี้วอล์ไปได้



    เพล้งง เกราะแตกออก เมื่อไอมนตร์จางลง ก็พบเดอะพรีสนอนกุมไหล่ขวาอยู่



    “บอกเรามา”มามิพูด



    “ว่าท่านจะยอมแพ้” แวนด้าเสริม



    “ไม่ ข้าจะสู้ต่อจนกว่า…” ไม่ทันได้พูดจบหลอดลมของเดอะพรีสก็ขาด หยดเลือดไหลลงจากมีดของเดอะนินจาแวนด้า



    “แวนด้า และมามิ เดอะนินจา เป็นฝ่ายชนะ” พิธีกรประกาศลั่น



    นินจาทั้งสองก้าวลงจากเวที พร้อมกับร่างของนักบวชและนีกรบศักดิ์ศิทธิ์ที่กำลังหายไป



    “ดูอย่างนั้นก็เถอะ ไม่ตาย” คิลบอกกับคาโล เมื่อเห็นว่ามีคนดูจำนวนมากสยดสยองกับภาพเมื่อครู่



    “มันแกล้งฆ่า ฝีมือดีมาก ระวังไว้นะคาโล” คิลเอ่ยต่อเมื่อเห็นเพื่อนรักนั่งเงียบ



    “คู่ต่อไป…” พิธีกรเริ่มอีกครั้ง



    “เซรุส เดรีอุส เดอะ คิลเลอร์ ออฟ ทริสทอร์ และ โร เซวาเรส เดอะ พริ้นส์ ออฟ ทริสทอร์ ”



    “กับ การีมัส เดอะ ฮันเตอร์ ออฟ เวนอล และ นาก้า เรนาดอน เดอะ ไนท์ ออฟ สโนว์แลนด์”



    “ฉลาด เข้าคู่กับคนเมืองเดียวกัน แถมยังเป็นลูกน้อง นี่จะมีกี่คนนะคาโลที่แข่งเพื่อช่วยนาย” คิลหันไปทางคาโล



    “3 2 1 เริ่มการแข่งขัน”



    เมื่อสัญญาณเริ่มการแข่งดังขึ้น เซรุส เดอะคิลเลอร์ก็หายไป เหลือเพียงโร เซวาเรสยืนต่อหน้าคู้ต่อสู้ทั้งสอง



    “ท่านเจ้าชาย ท่านต้องการศพสวยๆหรือ ว่าเละเทะดีมิทราบ” นาก้าเอ่ยขึ้น ดวงตาบ่งบอกว่าเป็นคนฆ่าศัตรูไม่เลือก



    “ขอประทานโทษ คำนั่น ข้าควรจะถามท่านมากกว่า เอ้าเลือกมา” โรตอกกลับ



    “หึกล้าดีนะ แต่สำหรับข้าชอบอะไรที่มันดูดีน่ะ ขอสวยๆละกัน” เดอะไนท์ยิ้มเหี้ยมเกรียม



    “พวกท่านจะคุยกันอีกนานไหม” การีมัสเอ่ยขึ้นด้วยความรำคาญ



    “จบแล้วละท่าน เรามาเริ่มบทเพลงแห่งความตายกันเถิด” โรเอ่ย



    “ท่านคือ นักล่า และท่านคือ อัศวิน ใช่ไหม” โรเริ่มอีกครั้งด้วยการเอ่ยถาม  เขากำลังจะทำแบบเดียวกับที่ทำกับคิลเมื่อตอนเข้าไปโขมยคฑาแห่งพลัง



    “ใช่ ฉันเป็นนักล่า” “ใช่ฉันก็คือ อัศวิน”คู่ต่อสู้ทั้งสองตอบเรียบๆ



    “ดี เริ่มจากท่าน ท่านนักล่า” โรยิ้มเหี้ยม



    เสียงเดิมของเขาชัดๆ แต่มันกำลังก้องสะท้อนในหู ดังราวไม่สิ้นสุด แต่ละเสียงดังกว่าเก่า แรงกว่าเดิม มันเริ่มจากรำคาญ ก่อนทรมานขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ



    \"โร เซวาเรส ท่านทำอะไร\"



    \"ฉันจะไปทำอะไรท่าน นอกจากจะเล่นทริกนิดๆหน่อยๆ พอสนุกๆ น่ะท่านนักล่า\" โรหัวเราะก้อง



    “ท่านกำลังโกงนะ อัคร์”



    “หืม นี่ไม่ได้เรียกว่าโกงนะท่าน นักล่า”



    โรตะโกนก้อง \"ถ้าท่านระวังสักหน่อยคงไม่ติดกับ กฎแห่งวจี อดทนหน่อยแล้วกัน ไม่ได้ยินคำว่า นักล่า สักห้านาที เวทก็คลายไปเอง\"



    “แต่ท่านก็คงจะทนไม่ได้นานนักนะท่าน นักล่า ”



    “อ๊าคคคคค” นักล่าผู้นั้นลงไปนอนดิ้นกับพื้นสนาม อัศวินข้างกายตกใจทำอะไรไม่ถูก



    “เอาอย่างนี้ท่านนักล่า ”



    \"เพื่อเป็นการไถ่โทษ ข้าร้องเพลงให้ท่านฟังแล้วกัน ดีไหม ท่าน นักล่า\" โรม่รอคำตอบเริ่มต้นร้องเพลงเด็กที่มีชื่อว่า ลิตเติ้ลอินเดียน ซึ่งดัดแปลงเป็น ลิตเติ้ลฮันเตอร์



    \"One little two little three little Hunters.. four little five little six little Hunters..

    seven litter eight little nine little Hunters.. ten little Hunter boys\"



    บทเพลงปีศาจร้องสลับจากต้นไปท้าย ย้อนจากท้ายมาต้น ซ้ำไปซ้ำมา มากจนไม่รู้มีฮันเตอร์ตัวน้อยออกมามากมายแค่ไหน แต่ เดอะฮันเตอร์ก็ดิ้นทรมานอยู่อย่างนั้น จนตัดสินใจทำบางอย่าง



    ฉึกก การีมัสชักมีดออกมาทิ่มหูตนเอง ทั้งสองข้าง



    “เพียงเท่านี้ก็ทำอะไรข้าไม่ได้นะท่านเจ้าชาย” เดอะฮันเตอร์ลุกขึ้น เขาลงทุนทำลายหูตนเอง



    “จริงรึ ท่าน นักฆ่าาา” โรหัวเราะก้อง



    “อ๊าคค” “ทำไมหูข้าหนวกไปแล้วยังได้ยินแกพูดอีก”



    “แน่นอน มันส่งไปถึงสมองท่านโดยตรงน่ะ เสียงของข้า น่าจะฉลาดหน่อยนะ นักฆ่า”

    ในตอนนี้ไม่เหลือแววตาของโรคนเก่าอยู่เลย กลับมีแววตาของปีศาจเข้ามาแทน



    “ได้เวลาปิดฉากกับพวกท่านแล้วกระมัง” โรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระหายความตาย



    “ข้าๆ ยอมแพ้” การีมัสรีบตะโกนลั่น



    “แล้วท่านล่ะอํสวิน” โรหันหน้าเหี้ยมๆไปทาง นาก้า อัศวินผู้หิวกระหายเลือดซึ่งบัดนี้ยืนฉี่ราดหน้าถอดสีอยู่

    มาดเดิมๆไม่เหลือ เป็นที่ขบขันของคนดูทั้งมวล



    “ข้า ข้าไม่ยอมท่านหรอก” นาก้าตะโกนลั่นวิ่งเข้ามาหาโรพร้อมดาบเล่มโต



    ฉัวะ… แล้วทุกอย่างก็จบลง ร่างของนาก้าขาดออกเป็นสองท่อนโดยที่โรไม่ขยับสักนิด



    นักฆ่าแห่งทริสทอร์ผู้ที่หายตัวไปตั้งแต่ต้นการแข่งปรากฏกายพร้อมดาบที่โชกไปด้วยเลือด

    (คงเดาออกนะว่าเลือดคราย+_+ เหอๆ)



    “โร เดอะพริ้นส์ และ เซรุสเดอะคิลเลอร์ เป็นฝ่ายชนะ” พิธีกรตะโกนด้วยน้ำเสียงหวาดๆ



    “เด็ดขาด…น่ากลัว” คาโลเอ่ยขึ้น



    “แล้วถ้าต้องสู้กันฉันขอสู้กับไอ้โรมันละ หนี้ที่ค้างกันเมื่อตอนปี2 ยังไม่ได้เคลียร์กัน” คิลเอ่ยเหมือนอัดอั้น



    “ตามใจนาย ฉันเด็ดหัวนักฆ่านั่นเองก็ได้”คาโลรับเรียบๆ พลันสายตามองไปยังเต๊ณท์ที่หญิงสาวอยู่



    สายตาทั้งสองสบกัน.. แต่เธอเป็นฝ่ายหลบสายตาไปก่อน



    สร้างความเจ็บช้ำให้กับเจ้าชายแห่งสโนว์แลนด์มากมาย เหมือนถูกมีดกรีดใจ หนาวใจดั่งโดนเข็มพันเล่มทิ่มคาอยู่ตามตัว…



    “รอฉันก่อนนะ แล้วจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังเอง” คาโลกระซิบกับตนเอง



    “คู่ต่อไป มามิ กุกุริน เดอะ นินจาออฟ เจมิไน และ แวนด้า กุกุริน เดอะ นินจา ออฟเจมิไน”

    “และ คาโล วาเน-บลี เดอะพริ้นส์ ออฟคาโนวาล กับ คิลมัส ฟิลมัส เดอะเกรทคิลเลอร์ ออฟซาเรส“



    “3 2 1 เริ่มการแข่งได้” พิธีกรประกาศลั่นอีกครั้ง



    “เกมโอเวอร์แล้วท่านสุดยอดนักฆ่า ท่านเจ้าชาย” อีกแล้วเดอะนินจากล่าวคำเดิม



    “ใครกันแน่” คิลว่า



    “ลองมองขาของพวกท่านสิ” คาโลเอ่ยบ้าง



    “หาา อะไรกัน น้ำแข็งนี่เกาะขาพวกเราตั้งแต่เมื่อไร” มามิตะโกนลั่น



    “ฮึ่มม งั้นก็ต้องรวมพลังกันละ มามิ” แวนด้าเอ่ย



    “ฮึ่มม ไม่ออก” มามิและแวนด้าเดอะนินจา ร้องเมื่อดิ้นไม่หลุด น้ำแข้งกำลังเกาะขึ้นมาครึ่งแข้งแล้ว



    “ท่านโกง” เดอะนินจาทั้งสองกล่าวหา



    “เปล่าเราแค่อยากจะรู้จุดประสงค์ของพวกท่านเท่านั้นรู้แล้วจะปล่อยมาสู้กันตัวต่อตัว” คิลเอ่ย



    “ได้” แล้วเดอะนินจาทั้งสองก็ถอดผ้าคลุมหน้า ผู้ชมรอบสนามฮืฮา พร้อมคิลและคาโลที่ยืนอึ้ง



    ที่แท้ เดอะนินจาทั้งสองเป็นผู้หญิง



    “ท่านทั้งสองเป็นผู้หญิง พวกเราทำร้ายผู้หญิงไม่ลง” คาโลเอ่ยในที่สุด



    “ฮึ อย่าทำเก่งไปเจ้าชายน้ำแข็ง” มามิร้องบอกบัดนี้น้ำแข็งเกาะขึ้นมาถึงเอวพวกเธอแล้ว



    “งั้นรึ แต่พวกเธอช่วยตอบอะไรฉันที” คาโลพูดต่อ



    “ได้ ถ้าตอบแล้วจะปล่อยมาตัวต่อตัวไหมล่ะ” แวนด้าพูดและพยายามดิ้นให้หลุด



    คาโลพยักหน้าเล็กน้อย “พวกเธอเป็นผู้หญิงแท้ๆทำไมมาเข้าแข่งหาเจ้าสาว”



    “นายไม่รู้อะไรท่านเจ้าชายพลังของธิดาแห่งความมืดน่ะยาอายุวัฒนะชั้นดีเยียมเลยล่ะ” คาโลหน้าซีด

    “นี่หมายความว่าพวกเธอจะเอาเฟรินไปเพื่อดูดพลังให้ตัวเองสาวสะพรั่งตลอดเวลา” คิลถามด้วยสีหน้าตกใจ



    “แล้ววิธีที่พวกเราทำคือ ร่วมรักกับนางแล้วก็จะดูดพลังมาได้” พวกเธอพูดต่อ



    คาโลและคิลหน้าถอดสีเหงื่อผุดพรายใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ นี่พวกมันมาเพื่อการแค่นี้ ทั้งสองโมโหมาก



    แต่เขาก็ต้องทำตามสัญญา ปล่อยนางทั้งสอง



    “เข้ามา แล้วพวกแกจะรู้ว่า เจ้าหญิงน่ะมีไว้เพื่อสิ่งใดแน่” คาโลตะโกนลั่น



    “เข้ามาถ้าอยากได้นักข้ามศพฉันไปก่อนโว้ย” คิลเครื่องร้อนจึงเอาบ้าง



    “หึ ท่าทางพวกนายจะรักองค์หญิงมากสินะ งั้นพวกเราก็ไม่ออมมือแล้ว” มามิเอ่ย



    คิลขยับตัว แล้วหายวูบไปพร้อมเงาของตนเอง พร้อมๆกับคาโลที่วาดดาบเตรียมพร้อมหลับตา



    มามิหายตัวบ้าง “ฉันจะเป็นคู่มือให้เธอเองพ่อนักฆ่า ถ้าเธอแพ้ต้องมาปรณนิบัติฉันนะ”



    เสียงของนินจาสาวลอยตามลม



    คิลไม่ตอบ… เรนอนเริ่มฉุนแต่ยังนั่งอยู่กับที่ หนูเรเน่รู้ว่าคุณแม่เริ่มโมโห จึงร้อง “มาม๊า..ปะป๊า”



    เมื่อคิลได้ยินดังนั้นจึงมีกำลังใจสู้ขึ้นมาอีกมาก



    เคร้งง เคร้งง เสียงมีดของมามิและคิลกระทบกันกลางอากาศ โดยไม่มีตัวตน



    “ทีนี้ฉันจะเป็นคู่มือให้เธอเอง” คาโลพูด ใช้มือข้างหนึ่งจับดาบอีกมือลูบที่คบดาบเบาๆ



    พลันดาบเปล่าๆของเจ้าชายน้ำแข็งกลายเป็นดาบน้ำแข็ง



    แวนด้าดึงมีดพกออกมา



    “เอาละนะ” นินจาสาวร้องขึ้น



    “ย๊ากกก” เธอวิ่งเข้าไปหาคาโลด้วยความเร็วสูง

    ฉัวะ คาโลกระโดดหลบแต่เสื้อขาด เขาจึงถอดเสื้อออก



    “ชีวิตนี้ฉันจะเอามาเดิมพันเพื่อคนที่ฉันรัก” คาโลตะโกนก้อง



    “ชิ โง่จริงท่านเจ้าชายไม่มีเกราะแล้ว ท่านก็เสร็จข้า” แวนด้าว่า



    “มันก็ไม่แน่ ไอซ์การ์ด” คาโลสวมเกราะน้ำแข็งอีกครั้ง



    “ทีนี้สูสีกันแล้วฉันขอบุกละนะ” แวนด้าตะโกนพร้อมวิ่งบุกเข้ามาอีกที



    ฟุ่บบ คาโลหลบได้ง่ายดาย เขาเริ่มนึกถึงเรื่องเมื่อหลายวันก่อนออก เฟรินสอนความเร็วให้เขานี่เอง

    มิน่าร่างกายถึงได้เบาเหมือนนุ่น เอาล่ะนะ วิชาที่เธอให้จะไม่สูญเปล่า ฉันจะนำมาใช้เพื่อเธอ



    “ตาข้าบุกมั่งล่ะนะ ย๊ากส์” คาโลวิ่งไปหาแวนด้าพร้อมกับกับที่อีกฝ่ายก็วิ่งเข้ามาหาเขา



    เคร้งง เคร้งง ด้วยความเร็วที่สูสีกัน ดาบน้ำแข้งจึงปะทะกับมีดพกของนินจาสาว



    “กรี๊ดดดดดด” เสียงหนึ่งดังขึ้น



    “มามิ น้องเป็นอะไรไป” แวนด้าตะโกนลั่นหันไปทางต้นเสียง พร้อมๆกับร่างของมามิที่เผยออกจากการหายตัว

    นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นเลือดที่ตรงหน้าท้องไหลปรี่



    “สู้แทนฉันด้วย พี่แวนด้า” มามิกล่าวก่อนสิ้นใจ



    คิลเผยตัวออกมา…



    “ฉันลืมบอกพวกเธอไป..ว่าฉันมีภรรยาที่สวย…และลูกสาวที่น่ารักอยู่แล้ว พวกเธอมีค่าไมได้ครึ่งหนึ่งของพวกเขาเลย”



    “แก แกฆ่าน้องสาวฉัน ให้อภัยไม่ได้” แวนด้าพูดพลางหยิบมีดพกของน้องสาวจากร่างไร้วิญญาณ



    “พวกแกรู้หรือไม่ มีดสองเล่มสำหรับนินจาหมายถึงความตายของคนที่อยู่ตรงหน้า” แวนด้ากล่าวทั้งน้ำตา



    “พวกแกต้องเอาเลือดมาสังเวยน้องสาวชั้น”



    คิลโคลงหัว ทำตัวตามสบาย “แน่จริงก็เข้ามา”



    “เฮ้ย เดี๋ยวคิล” คาโลขัดจังหวะ



    “นี่คู่ต่อสู้ฉันแกจะทำอะไร” คาโลกล่าวเชิงไม่พอใจ



    “ก็แค่เก็บกวาด ถ้าแกอยากทำก็ตามใจ” คิลพูดเรียบๆพลางเดินออกไปรอที่ขอบสนาม



    “ไหนเธอว่า มีด2เล่มของเธอดีมาก งั้นฉันจะใช้ดาบน้ำแข็งเล่มเดียวกำจัดเธอ” คาโลประกาส



    “ฮึบบ ย๊ากส์” คาโลกระโดดขึ้นพร้อมกับนินจาสาว



    เคร้งง ดาบเดียวตัดสิน คาโลกระโดดลงมาในสภาพแขนขวาถูกฟันเลือดไหล



    แต่นินจาสาวกลับกระโดดลงมายืนหน้าตาเฉย



    “ฉันแพ้แล้ว ท่านเจ้าชายน้ำแข็ง” แวนด้ากล่าวก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาแล้วล้มลงสิ้นใจ



    ใครบังอาจทำร้ายคนของฉัน ฉันไม่ไว้มันแน่ คาโลคิดในใจ



    “คาโลเดอะพริ้นส์ และคิลเดอะเกรทคิลเลอร์ เป็นฝ่ายชนะ” พิธีกรประกาศลั่น



    สิ้นเสียงพิธีกร คนดูทั้งสนามตบมือเกรียวกราวให้กับฝีมือของเจ้าชายน้ำแข็งและสุดยอดนักฆ่า…



    แล้วก็มาถึงรอบตัดสินจนได้…



    “เฮ้ยโร เอาไงดี แกจะให้คาโลชนะนัดนี้ปะ” คิลเอ่ยถาม



    “ไม่ต้องหรอก รอบนี้ฉันอยากให้โรชนะ” คาโลพูดเนือยๆ



    “หึ ขอบใจ” โรตอบรับด้วยสีหน้ายินดี



    “ไม่ต้องมาขอบใจหรอก ฉันแค่อยากทำฝันของพวกแกให้เป็นจริง” คาโลทำหน้าเย็นชาใส่เพื่อนฝูง



    “งง กะพวกแกหวะ” คิลส่ายหัวพร้อมเดินไปที่สนามแข่งเคียงข้างคาโล โร และเซรุส …



    “รอบตัดสินนี้เป็นการต่อสู้ระหว่าง…”



    “เซรุส เดรีอุส เดอะ คิลเลอร์ ออฟ ทริสทอร์ และ โร เซวาเรส เดอะ พริ้นส์ ออฟ ทริสทอร์”



    “และ คาโล วาเน-บลี เดอะพริ้นส์ ออฟคาโนวาล กับ คิลมัส ฟิลมัส เดอะเกรทคิลเลอร์ ออฟซาเรส“



    “3 2 1 เริ่มการแข่งได้”



    “เก็บแรงไว้เรื่องคืนนี้ด้วยนะ คิล โร ตอนนี้แค่เล่นละครไปก่อน” คาโลออกคำสั่ง



    “เค เค” คิลรับคำ



    “ได้เลย” โรตอบรับ



    “แล้วฉันจะสู้กะใครดีฟะ” คิลเอ่ย



    “กับฉันก็ได้แต่แค่แกล้งแพ้เหมือนตอนนั้นน่ะ” คำของโรทำให้คิลนึกย้อนไปเมื่อสมัยปี2



    “ไม่เอาได้มะขอวิธีอื่น” คิลสายหัว เขาขี้เกียจแกล้งลงไปนอนกับพื้น



    “งั้นฉันแกล้งเฉือนคอนาย นายแกล้งตายละกันวะ พ่อคิลเลอร์” โรหาทางออกอย่างรำคาญ



    “งั้นเซรุส เป็นคู่มือให้ทีสิ” สิ้นคำคาโล นักฆ่าแห่งทริสทอร์พยักหน้ารับนิดๆก่อนจะหยิบมีดพกขึ้นมา



    “ลุยละนะ” โรร้อง



    โร เซวาเรสวิ่งเข้าไปหาคิลมัส ฟิลมัส ซึ่งยืนแคะหูอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน



    “ย๊ากส์” โรตวัดดาบใหญ่เข้าที่พุงของคิลอย่างแรง แต่สิ่งที่เหลืออยุมีเพียงท่อนไม้ถูกผ่าครึ่งซีก



    คิลเอ๊ย ไหนบอกว่าอยากจบเร็วๆที่แท้ก็อยากเล่นสนุก ไอ้บ้า โรบ่นในใจอย่างหงุดหงิด



    “ฮ่า ฮ่า ปล่อยให้โดนฟันง่ายๆก็ม่ายใช่เดอะคิลเลอร์สิโว้ย” คิลร้องออกมา



    โรหันกลับไป คิลยังคงยืนแคะหูอยู่ด้านหลังเขา



    “เฮ้ย ใจเย็น แคะหูเสร็จค่อยเล่นกัน” คิลร้องห้ามเมื่อเห็นเพื่อนรักจะวิ่งเข้ามาฟันต่อ



    โรชะงักยืนนิ่ง รอเวลา เวลาที่จะเล่นสนุกกับไอ้คิลมันเหมือนเมื่อก่อน มันอาจดูเหมือนการฆาตกรรมที่แสนจะน่าขยะแขยง แต่สำหรับเขาทั้งสอง การที่ได้นำฝีมือมาใช้กันอย่างเต็มที่ มันคือการเล่นสนุกของพวกเขานั่นเอง



    เพียงแต่วันนี้เล่นได้ไม่มาก ต้องรีบๆเก็บแรง ไว้รอภารกิจลับในค่ำคืนนี้



    “เร็วๆสิวะ” โรออกคำสั่งด้วยความรำคาญ



    “เออๆ เสร็จแล้วไอ้นายขอทานหะลาทองคำ” คิลหยิบมีดออกมาตั้งท่าสู้เช่นกัน



    แน่ะ ยังมาหยอกตูแรงๆอีกนะไอ้คิล



    “เอ้า ดาบเดียวรู้ผลนะ คิล” โรขอร้อง เขาขี้เกียจออกแรง รอไปสู้กันจริงๆจังๆ ตอนที่จบทัวร์นาเม้นท์ดีกว่า



    “เออ วู้ เล่นหน่อยไม่ได้เลยนะโว้ย” คิลพูดอย่างรำคาญ



    “ย๊ากกกกก” โรวิ่งเข้ามา



    “โอววว” คิลก็วิ่งเข้ามา



    ฟึ่บบ คิลแกล้งถูกโรฟัน แล้วลงไปนอนกับพื้นแอบเอาถุงเลือดปลอมเทบริเวณที่จะให้ดูว่าโดนฟัน



    “จบแล้วว่ะ” โรส่ายหัว ไอ้บ้าคิลหาวิธีแกล้งแพ้ดีๆหน่อยสิเว้ย ขายหน้า



    สบายคิลไปคนหนึ่งแล้ว…



    ทางด้านคาโล เขากำลังลังเลว่าจะสู้กับเดอะคิลเลอร์ของทริสทอร์ดีหรือแกล้งแพ้ดี  



    โอย…ปวดหัวตุ้บ ตุ้บ เมื่อคืนก็ตากฝน นอนก็ไม่หลับพับผ่า เอาก็เอาวะสู้ไปก่อน



    “มาเซรุส มาสู้กับ..” ตุ้บบ คาโลล้มลงสลบไป



    เอ้า เอาอีกแล้วนายน้ำแข็ง  คิลนึกอยากจะส่ายหัวให้คาโลเป็นการด่วนถ้าไม่ติดที่ว่าแกล้งสลบอยู่เหมือนกัน



    เจ้าหญิงเฟลิโอน่าซึ่งนั่งดูอยู่ปล่อยโฮ วิ่งลงมาดูอาการคาโลเหมือนตอนจบการทดสอบด่านที่2



    “ไปอุ้มคาโลไปที่ห้องของชั้น ฉันจะพยาบาลเค้าเอง” การที่เธอจะให้พาคาโลไปนั้นเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิด และถามเหตุผลต่อคาโลด้วย



    แน่นอน ทีมของโรเป็นฝ่ายชนะ แหวนแห่งปราชญ์ตกเป็นของโร เพราะเซรุสได้เตี๊ยมกับโรมาก่อนแล้วเช่นกัน

    (ไม่ให้ก็โดนฆ่าดิกั๊บ)



    “แกเนี่ยน้าคาโล ต้องทำให้ฉันเป็นห่วงทุกที ทำไมสัยเรียนแกมาห่วงฉัน เรียนจบฉันต้องมาห่วงแก” เฟลิโอน่ารำพึงกับตนเองหลังจับคาโลนอนบนเตียงมุมหนึ่งในห้องของเธอ



    เธอปฐมพยาบาลเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวคาโล และรอคอย… รอคอยเวลาที่คาโลจะตื่น



    “อา..น้ำ..น้ำ ขอน้ำ..หน่อย” เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังสลบไสล



    เฟรินรีบไปเอาแก้วใส่น้ำและใส่หลอดมาให้คาโลดื่ม



    “นายเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นยัง” เธอถามเบาๆด้วยความห่วงใย



    “ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย ทำไมต้องหามมาห้องแกด้วย” คาโลพูดอย่างไม่สำนึกบุญคุณ



    “คนอุตส่าห์ช่วยยังมาทำปากดี ไอ้นี่ เดี๋ยวโดน” เธอชักฉุนไอ้ก้อนน้ำแข็งปากดี



    “ขอถามคำถามสองข้อ” เธอเริ่ม



    “ถ้าตอบได้ฉันจะตอบ” คาโลทำหน้าเย็นชาและปิดตาลง



    “นายหายไปไหนมาทั้งวันเมื่อวาน”



    “ธุระ”



    “แล้วเมื่อคืนก่อนนู้นทำไมมาหื่นเลียหน้าฉันกับสาวๆทั่วเอดินเบิร์ก”



    “ฉันไม่มีเหตุผลต้องบอก ขอนอนละ” คาโลตอบเรียบๆแล้วหลับตาลงอีกครั้ง



    เฟลิโอน่าโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม นี่ถ้าไม่ติดว่าแกป่วยนะไอ้คาโล แกได้โดนฉันตะเพิดไปนอนนอกห้องจริงๆด้วย คนอะไรฟะ ไม่ยอมอธิบายอะไรเลย คนเค้ารึก็อุตส่าห์เป็นห่วง เชอะ จะไม่ห่วงมันแล้ว อาบน้ำนอนดีกว่า



    แล้วเธอก็ไปอาบน้ำ พอออกมาจากห้องน้ำไม่พบแม้เงานายน้ำแข็งแห้ง



    พบเพียงโน้ตแผ่นหนึ่งและแอปเปิ้ลอีกลูกหนึ่ง



    เธอหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมากัดแล้วล้มตัวลงนั่งบนเตียง พลางอ่านโน้ตแผ่นนั้นใจความว่า



    “เฟริน อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ตาเธอเห็น ฉัน ยังบอกอะไรเธอมากไม่ได้บอกได้แค่ว่าระวังตัวไว้ด้วย ถ้ามีอะไรขึ้นมาเรียก โรกับไอ้คิลมาช่วยนะ

                                                                                                                                                  รัก

                                                                                                                                           เจ้าชายน้ำแข็งแห้ง



    “เชอะ ใครต้องให้ไอ้พวกนั้นปกป้องฉันดูแลตัวเองได้น่ามีดาบผ่าปฐพีอยู่ซะอย่าง” แต่เธอก็แอบยิ้มเล้กยิ้มน้อยกับตัวเอง



    เธอล้มตัวลงนอนอีกครั้งหลังกินแอปเปิ้ลของโปรดเสร็จ



    กลางดึก…



    “แฮ่ก แฮ่ก พลัง พลัง ฉันต้องการพลัง ธิดาแห่งความมืดแกอยู่ไหน แฮ่ก แฮ่ก” เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางอิดโรยเข้ามาใกล้



    ก๊อก ก๊อก เสียงคนเคาะประตูห้องเจ้าหญิงเฟลิโอน่า



    “ใครน่ะ” เธอร้องถามออกไป



    “ฉันเองคาโล”



    เธอจึงไปเปิดประตู พอประตูเปิดร่างใหญ่กำยำของชายหนุ่มก็กระโจนฉุดเธอขึ้นไปบนเตียงหวังขืนใจ



    “คาโล คาโล อย่าสิ อุ๊ย ฉันยังไม่เคยนะ” เธอขัดขืนแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคาโลถึงได้อยากจะขืนใจเธอด้วย



    “แฮ่ แฮ่ แผลบ แผลบ” คาโลก้มลงไม่ใช่จูบเธอแต่กำลังเลียหน้าเธออย่างเมามัน



    “แก แกไม่ใช่คาโลนี่นา ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วย” เธอเริ้มร้องให้คนมาช่วย



    ปึงง ร่างของคาโลลอยไปติดผนัง



    “ผ่าปฐพี” เธอเรียกดาบคู่กายลุกขึ้นมาตั้งท่าจะฟัน



    “แก เป็นแก ธิดาแห่งความมืด ดีล่ะ ฉันจะดูดพลังแกให้หมด” คาโลในตอนนี้สีหน้าบ่งบอกว่าหื่นกระหายสุดๆ



    หน้าของคาโลวาเน-บลี ค่อยๆเปลี่ยนเป็น อสุรกายหน้าสุนัขกระโจนเข้ามาหาเธอ



    ฟึ่บบ ผ่าปฐพีฟันไม่โดนเนื่องจากเจ้าปีศาจตัวนี้ตัวเล็กและไวมาก



    “แล้วฉันจะกลับมา แฮ่ แฮ่” มันกระโจนออกไปนอกหน้าต่าง



    “เฟริน มีอะไรเกิดขึ้น เป็นอะไรไหม” คาโลวิ่งเข้ามาในห้อง



    เนื่องจากยังหวาดระแวงเธอจึงไม่ไว้ใจชายตรงหน้า เขาเป็นตัวจริงรึเปล่า



    “เฮ้ย นี่ตัวจริง” คาโลตะโกนเมื่อเห็นเธอเตรียมจะเอาดาบฟันเขา



    เธอเก็บดาบล้มลงนั่งกับพื้น เริ่มร้องไห้



    “แง แง มันออกไปทางหน้าต่างแล้วง่า แง แง” เธอร้องไห้หนักเห็นดังนั้นคาโลจึงเข้าไปปลอบ



    คาโลดึงเธอขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วกอดเพื่อปลอบเธอ



    “โอ๋ โอ๋ ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ฉันมาอยู่ข้างๆแล้ว” คาโลปลอบโยนด้วยน้ำเสียงห่วงใย



    “ทำไม ทำไมต้องเป็นชั้น แล้วทำไมเวลาที่ต้องการนายที่สุดแต่นายกลับมุดหัวไปอยู่ไหน รู้ไหมฉันเกือบจะโดนมันสูบพลังไปหมดตัว ถ้าไม่มีผ่าปฐพี แกรู้ไหมว่ามันจะทำอะไรฉัน” เธอปล่อยโฮน้ำเสียงตัดพ้อ



    “ฉันขอโทษ ฉันตามล่ามันอยู่ แต่ไม่นึกว่ามันจะกล้าขนาดนี้ มันทำอะไรเธอรึเปล่า”

    คำกล่าวของคาโลค่อยทำให้เธอใจชื้นขึ้นมาบ้าง เขามาแล้ว มาอยู่ข้างๆเธอแล้ว



    “ฉันกลัวนายช่วยฉันด้วยนะ” พูดพลางนึกในใจ ไม่น่าไปอวดดีเลยจริงๆ เจ็บใจนัก



    “เพื่อเป็นการป้องกันคืนนี้ไปนอนกับพวกเรนอน มาทิลด้า แองเจลิน่า”



    เธอพยักหน้าอย่างน้อยก็มีเพื่อนนอน



    “แต่ไปนอนห้องนายไม่ได้หรอ”



    น้ำแข็งเริ่มละลายเพราะเตาเผา ยื่นคำขาด “ไม่ได้!”



    สาวน้อยหัวเราะคิกคัก เธอชอบเวลาที่น้ำแข็งของคาโลละลาย



    “ฉันเป็นผู้ชาย เธอเป็นผู้หญิงแล้ว มันไม่เหมาะ” คาโลส่งสายตาดุ



    “ทำมายอ๊ะ เมื่อก่อนยังนอนด้วยกันเลยนะโว้ย หรือแกเขิน” คนทำตัวไม่สมหญิงพูดต่อ



    “ให้ตายสิ เมื่อไรจะทำตัวสมหญิง ซะทีโว้ย” คาโลขยี้หัวคนข้างๆจนเธอหันหัวหนี



    “เชอะ ไปก็ได้ แต่ไปส่งทีสิ ฉันกลัว” เธอส่งสายตาอ้อนวอนทำให้น้ำแข็งที่กำลังก่อตัวใหม่ของคาดลพึงครืนลงมาอีก(^^:a)



    “อือ ก็ได้” คาโลรับปาก



    แล้วเฟรินก็ร่ายมนตร์ใส่ตนเองให้เป็นร่างสุนัขเหมือนเคยคาโลจึงจับกอดไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินพาไปส่งที่ห้องของสาวๆ



    ก๊อก ก๊อก



    “ครายงะ ครายมาเคาะปาตู” แองจี้เดินมาเปิดประตูพบคาโลอุ้มเฟรินมาก็ตกใจมาก(กลัวโดนเลียหน้าไง-^-)



    “เอ้อ คาโลนายพาเฟรินมาทำไมดึกๆดื่นๆ หรือว่าพวกเธอ2คนเป็นพวก..”



    ก่อนที่แองจี้จะได้พูดอะไรต่อไปคาโลก็ยื่นหมาน้อยที่กำลังหลับสบายให้เธออุ้มแล้วก็เดินจากไป

    “อ้าว ยัยเฟรินก็ดันหลับมาตลอดทาง เอ้ารับฝากไว้ก่อนก็ได้ คงจะเกิดเรื่อง น่าสงสารจริง”



    แองจี้ปิดประตูห้องพาเฟรินขึ้นมาบนเตียงและห่มผ้าให้



    เธอนอนมองดูหมาน้อยซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเด็กชายที่เธอเคยแอบชอบ



    เฟริน… เธอช่างโชคร้ายที่เกิดมาเป็นธิดาแห่งความมืด



    เฟริน…ทำไมหนอเธอถึงไม่เกิดมาเป็น เฟริน เดอเบอโรว์ คนนิสัยกวนประสาทคนนั้น เฮ้อ..



    รุ่งเช้า…



    “อ๊า อ๊ะ” (น้าคะ) เด็กน้อยเรเน่คลานไปหาแองจี้และมาทิลด้าขณะที่พวกเธอเพิ่งตื่น



    “อะไรหรอจ๊ะเรเน่” แองจี้ถามหลานสาวตัวน้อย



    “อั๊น อะ ไอ อะ” (นั่นอะไรอะ) ชี้ไปที่หมาน้อยบนเตียง



    แองจี้จึงไปปลุกเฟริน



    “เรื่องเมื่อคืนน่ะมันยาวนะฉันละเล่าให้ฟังเป็นตอนๆละกัน” หมาน้อยเพิ่งตื่นโดนซักไซร้มากๆเข้าก็ต้องเล่าว่าทำไมมันต้องมานอนที่ห้องนี้



    เรเน่น้อยเห็นหมาน้อยตัวใหญ่กว่าเธอนิดหน่อยจึงพยายามดึงหูเพื่อที่จะปีนไปขี่



    “โอ๊ยๆ เรเน่น้าเจ็บนะ” เฟรินร้องลั่น



    “เอ้าเรเน่ปล่อยคุณน้านะ” มาทิลด้าดึงเรเน่ออกมา



    เฟรินกลับร่างหญิงสาวดังเดิม เด็กหญิงเรเน่ต๊กกะใจ หมากลายเป็นคน ร้องไห้ลั้นห้อง



    “โอ๋ๆ อย่าตกใจนะลูก น้าเขาเป็นแบบนี้เอง น้าเค้าจะเล่นด้วย” เรนอนรีบปลอบลูกสาว



    “เฮ้อ เด็กก็คือเด็กนั่นละเรนอน ต๊กกะใจวันยังค่ำ” คนปากดีกล่าว



    “มามะ ให้น้าเฟอุ้มนะคะ เด็กดี” คนปากดีตั้งชื่อตัวเองใหม่เสร็จสรรพ รับเด็กหญิงผมสีแดงตาสีม่วงมาอุ้อย่างพอใจ



    “แอ๊ แอ๊” (เย่ เย่)



    “แล้วนายตัวดีของฉันละเรนอน แองจี้ มาทิลด้า”



    “ไม่รู้สิ เมื่อคืนพาเธอมาส่งไม่พูดอะไรสักคำ ส่งเธอเสร็จวิ่งหายไปเลย ที่พูดนี่แนยังเสียวหัวตัวเองกลัวโดนเลียน่ะ อี๋” แองจี้ทำท่าขยะแขยง



    “ไปกันเถอะ”



    ณ สนามแข่งขันวันนี้ผู้คนมากันมากกว่าวันอื่นๆเป็นพิเศษเรียกได้ว่าแทบจะล้นออกไปนอกโรงเรียนด้วยซ้ำ



    มันเป็นเพราะท่านจ้าวเอวิเดสที่ไม่เคยโชว์ตัว ได้ออกมายืนอยู่บนสนามแล้ว



    “กระหม่อมว่าท่านจ้าวตากแดดแล้วผิวจะเสียนะพระเจ้าค่ะ” โกโดมคนสนิทเพ็ดทูล



    “โกโดม เจ้าน่ะ หัดออกมาโดนแดดบ้างก็ดีนะ ข้าไม่ได้เห็นแสงตะวันมานาน แกก็รู้” ท่านจ้าวยิ้มแย้ม



    “เฮ้ยแกดูเดะ เอวิเดสไม่เห็นจะโหดร้ายตรงไหนนี่หว่า” ชายคนหนึ่งซึ่งนั่งดูอยู่บนอัฒจรรย์ บอกเพื่อนของตน



    “ฉันก็ว่างั้นอะ ใจดีมาช่วยดินแดนเอเดนด้วย ไม่งั้นป่านนี้สงครามคงยังไม่จบ พวกเราก็อดอยากตายด้วย”



    เพื่อนของชายคนนั้นตอบรับกับคำพูดของเพื่อนที่เห็นว่าจริง



    “เอาละ คาโล คิล โร เซรุส ตอนนี้เหลือเพียงพวกเจ้าทั้ง4คน เท่านั้น” ท่านจ้าวเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวานดั่งระฆังทอง



    “คนที่ยังไม่ได้อะไรเลยตลอดการแข่งคือ ท่านคิล และ ท่าน เซรุส” ท่านจ้าวพูดต่อไป



    “เราอยากจะถามวาพวกท่านจะยอมสู้กับเพื่อชิงดาบแห่งกษัตริย์หรือไม่ หรือว่าต้องการสู้กันเอง4คน”



    ท่านจ้าวพูดแบบนี้เพราะรู้เรื่องของคิลและโรเช่นกัน ทรงทราบที่ทั้งสองอยากประมือกัน แต่ก็หาทางช่วยไม่ได้มาก เพราะถ้าคิล สู้ไม่ชนะเซรุส ก็หมดโอกาสที่จะได้สู้กับโร



    “แล้วแต่แกว่ะคิล” คาโลและโรโคลงหัว



    เมื่อเพื่อนเปิดโอกาสไหนเลยเราจะทิ้งไป



    “โอเคเลยท่านจ้าว”



    “กระหม่อมก็เช่นกัน”



    “งั้นเอาเป็นว่าเป็นไปตามนั้น”



    “พวกเจ้าส็กันด้วยอะไรก็ได้ให้ชนะก็พอ อยากจะฆ่าก็ได้แต่อย่ารุนแรงมาก”ว่าแล้วท่านจ้าวก็เสด็จกลับเต๊ณท์



    พิธีกรคนเดิมกับทุกวันเดินออกมา



    “การต่อสู้คู่ต่อไป…”



    “คู่หยุดโลกชิงดาบแห่งกษัตริย์… ”



    “ระหว่างเดอะคิลเลอร์ออฟทริสทอร์ และเดอะเกรทคิลเลอร์ ออฟซาเรส”



    “เซรุส การีมัส เดอะคิลเลอร์ออฟ ทริสทอร์ และ คิลมัส ฟิลมัส เดอะเกรทคิลเลอร์ ออฟ ซาเรส”



    “3 2 1 เริ่มการแข่งขัน”



    แม้จะสิ้นเสียงกรรมการ  เซรุส และคิลยืนนิ่งไม่ขยับ แถมคิลยังยืนหลับตา…



    จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าจะขยับไม่ได้แต่ถ้าขยับแล้วจะถูกลอบโจมตีต่างหาก



    คิลหมดความอดทน”นี่นาย เซรุส”



    “มีอะไรรึท่านคิล” เซรุสทำหน้าสงสัย



    “มาสู้กันด้วยวิชาที่มีกันคนละวิชาไหม” คิลเสนอ



    “ก็ดี ข้าก็อยากรู้ว่า ดินแดนแห่งนักฆ่าซาเรส สอนท่านมาอย่างไร” เซรุสตอบอย่างวางอำนาจ

    “พร้อมกันนะ ฉันนับเอง แล้วนายจะได้สนุกแน่ๆ” คนชอบความสนุกเริ่มสนุกแล้วก็เลยยิ้มเหี้ยม



    “3 2 1 GO!” สุดยอดนักฆ่าแห่งซาเรส และนักฆ่าแห่งทริสทอร์กระโดเข้าหากันด้วยความเร็วสูง

    ไม่มีใครมองทันนอกจาก เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะพริ้นเซส ออฟ เดมอสแอนด์ บารามอส แน่ละเธอเคยเป็นหัวโขมยมาก่อน หัวโขมยผู้ที่ไวกว่านักฆ่า ภาพเมื่อครู่มันสโลว์โมชั่นสำหรับเธอ



    คิล นายพัฒนาขึ้นมาก… ควักหัวใจของคู้ต่อสู้โดยไม่มีเลือดซักหยด และที่สำคัญคู่ต่อสู้ไม่ได้รู้เลยว่าโดนควักหัวใจไปแล้ว…



    คู่ต่อสู้ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง



    เซรุส ยืนหันหลังให้คิล คิลนั่งยองๆล้วงกระเป๋าหันหลังให้เซรุสเช่นกัน



    เซรุส การีอุส ไม่มีแม้แต่บาดแผล แต่คิลมัส ฟิลมัส มีรอยฟันเพียงถากๆที่แขนขวา



    “ข้าชนะแล้วนะท่านคิล” เซรุสกล่าวอย่างกระหยิ่มที่สร้างบาดแผลให้คิลได้



    “ฉันต่างหากโว้ย แกดูนี่..”



    สิ่งที่คิลควักออกจากกระเป๋าทำให้คนดูทั่วสนามแม้แต่เซรุสเองก็ลืมหายใจ



    หัวใจที่มีเลือดแดงฉานสดๆ หยดติ๋งๆบนพื้น…



    “รู้สึกหายใจขัดข้องบ้างไหม” คิลพูดพลางยิ้มเหี้ยม



    “อ่ะ จะ เจ้า..” นักฆ่าแห่งทริสทอร์ล้มลงคุกเข่า



    “จะลองขอชีวิตมั้ย จะใส่กลับให้” คิลยื่นเสนอ



    “ข้าตายได้เพื่อ.. ทริสทอร์” แล้วเซรุสก็สิ้นใจลงไปนอนกับพื้นสนาม



    “มาเทียบชั้นกับฉันอีกนานโว้ย” ไม่พูดเปล่าคิลวิ่งไปผ่าตัดใส่หัวใจคืนให้กับเซรุสด้วยมือเปล่าทันที

    แน่ละไม่มีเลือดซักหยดเช่นกัน… นับว่านักฆ่าที่มีทั้งฝีมือสูงส่ง และมีศีลธรรมอย่างคืลมัส ฟิลมัสหายากมาก…



    “ผู้ชนะ คิลมัส ฟิลมัส เดอะเกรท คิลเลอร์ ออฟ ซาเรส”

    สิ้นเสียงกรรมการเสียงปรบมือให้คิลก็กระหึ่มไปซะทั่วเวที



    แล้วตอนสำคัญก็มาถึง



    “เอาละครับ ตอนนี้ก็จบการทดสอบทั่งสี่ด่านไปแล้ว.. ผมจะอ่านรายชื่อของผู้ที่ได้รับของวิเศษไปแล้วนะครับ”



    “คาโล วาเน-บลี เจ้าชายแห่งคาโนวาล มงกุฏแห่งใจ และคฑาแห่งพลัง”



    “โร เซวาเรส เจ้าชายแห่งทริสทอร์ แหวนแห่งปราชญ์”



    “สดๆร้อนๆ คิลมัส ฟิลมัส สุดยอดนักฆ่าแห่งซาเรส ดาบแห่งกษัตริย์”



    “ฉันง่าจบงานนี้แล้วคิลมันต้องมีคนมาจ้างไปเล่นมายากลแน่เลยว่ะ” โรพูดกวนๆ



    “แกจะบ้าหรอวะ นั่นน่ะวิชานักฆ่าไม่ใช่ปาหี่นะเว้ย” คิลด่ากลับอย่างฉุนกึกในอารมณ์



    “พวกแกจะหยุดทะเลาะกันก่อนได้ไหม” คาโลส่งสายตาดุ ทำให้เพื่อนทั้งสองหันมารักษามาดนิ่งของตัวเองบ้าง



    “อย่างน้อย เวทีต่อไปพวกแกก็ได้สู้กันจนหายอยากแน่” คาโลเสริม



    คิล และ โร นัดแนะบางอย่างกันมาแล้วจึงนั่งกลั้นหัวเราะกันทั้งคู่ มาดนิ่งๆของคาโลมันน่าแกล้งว่ะ



    “แกว่าเดี๋ยวมันรู้ว่าเราหักหลังมัน มันจะทำหน้ายังไงวะ” คิลกระซิบกับโร



    “นั่นดิ มันยิ่งอยากให้พวกเราสู้กันให้หายอยากอยู่ด้วย กั้ก กั้ก” โรกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่



    “พวกแกซุบซิบไรกันวะ” สติขิงเจ้าชายน้ำแข็งแห้งเริ่มขาดผึงเมื่อเพื่อนสองคนมันมีอะไรดีไม่บอกเขา



    พอโดนดุอีกรอบโรแลคิลก็เลยแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้



    “ต่อไปนี้จะเป็นการต่อสู้ระหว่างคนที่มีของวิเศษชิ้นเดียวในครอบครอง..”



    “เจ้าชายโร เซวาเรส และสุดยอดนักฆ่า คิลมัสฟิลมัส”



    “สงสัยถึงเวลาแล้วว่ะ” คำกล่าวของคิลทำให้โรพยักหน้าเห็นด้วย

    “อะ อะ ไปเล่นสนุกสักแปป ก็ได้ว๊า” คิลเอ่ยอย่างรำคาญ



    ทั้งสองคนเดินไปขึ้นเวที คาโลเดินเข้ามาบอกว่า



    “เบาๆนะพวกแก”



    “อย่าห่วงโว้ย”



    เมื่อคิลและโรขึ้นไปบนเวทีจึงเดินเข้าไปหาพิธีกร แย่งไมค์มาแล้วพูดด้วยเสียงอันดังว่า



    “อย่าเพิ่งๆ พวกเราน่ะไม่ได้คิดจะสู้กัน พวกเราขอมอบของวิเศษทั้งสองให้เจ้าชายคาโล” คิลกล่าว



    คาโลทำหน้าสงสัย พวกมันทำอะไรกันวะนั่น



    “ใช่ เพราะพวกเรารู้ดีว่าเจ้าชายคาโลเป็นคนเดียว ที่รักเจ้าหญิงเฟลิโอน่าอย่างจริงใจ”



    คาโลหน้าเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ นึกอยากเดินไปต่อยไอ้สองตัวนั่น แต่ต้องรักษามาดไว้ก่อน



    เช่นเดียวกับทางฝั่งเฟลิโอน่าที่กำลังปิดหน้าปิดตาเหนื่อยใจกับการกระทำของเพื่อนรักและลูกน้อง



    “พวกแกนะพวกแก ไอ้ขอทานปัญญาอ่อนกับนักฆ่ากิ๊กก๊อก ทำฉันเสียหมดเลยนะโว้ย” เธอตะโกนด่าจากในเต๊ณท์ พอคนหันมามองเยอะๆเลยรีบหดหัวกลับไปนั่งมาดเจ้าหญิงต่อ



    เสียมาดเจ้าหญิงหมดเลยเว้ยตู พับผ่า… มันเล่นกันแบบนี้



    แล้วโรกับคิลก็ลงจากเวที



    เกิดความโกลาหลขึ้น พิธีกรรีบรุดไปยังที่ประทับของไฮคิง และจ้าวปีศาจเอวิเดสเพื่อขอความเห็น



    เอวิเดส ไฮคิง เลโมธี ดามัส ประชุมกันอย่างเร่งด่วน สรุปว่า ต้องเออๆออๆกับเรื่องนี้ไปด้วย



    “องค์หญิงได้เวลาแล้วเชิญเสด็จพระเจ้าค่ะ” โกโดมจะมาพาเธอไปไหนฟะเนี่ย



    “ผลออกมาว่ายอมนะครับ งั้นขอให้เจ้าชายโร กับคุณคิล มอบของวิเศษให้เจ้าชายคาโลเลยครับ”



    เมื่อของวิเศษทั้งสี่มารวมอยู่ที่คาโลแล้วก็หมายความว่า การทดสอบครั้งนี้คาโลผ่านแล้ว



    เขามีคุณสมบัติจะได้แต่งงานกับเธอแล้ว…



    “ขอให้เจ้าชายคาโลไปยืนบนแท่นเลยครับ”



    คาโลก้าวขึ้นไปบนแท่นวางของวิเศษทั้งสี่อย่างลงในช่องพอดีกับของทั้งสี่…



    กริ๊ก แท่นหินเหนือศรีษะคาโลเปิดออก สิ่งที่เห็นทำให้คาโลตกใจมาก



    สิ่งมีชีวิตหน้าตาเหมือนเขากำลังกอดรัดและเลียหน้าคนรักของเขาอยู่อย่างเอร็ดอร่อย



    ทุกคนตกใจมาก โร และคิลวิ่งมาดูด้วย



    “ว้าย คาโล พวกนายช่วยชั้นทีสิโว้ย มันจะกินฉันเข้าไปแล้ว” เฟรินตะโกนเพราะควมาตกใจสุดขีด



    ทำไมเธอต้องมาเจอไอ้ตัวประหลาดหน้าเหมือนคาโลด้วยนะ ยิ่งมันมาเลียอย่างนี้ยิ่งขยะแขยง



    “เฮ้ยคาโลเอาไงดี เจอตัวมันแล้ว เสือกมาอยู่นี่ แถมทำอะไรแบนี้กับเฟรินอีก” คิลขอความเห็น



    “ระวังนะคาโล มันเลียเอาพลังของหญิงสาวทั่วเอดินเบิร์กแถมเลียเอาพลังของเฟรินไปอีกมันแข็งแกร่งฆ่ายากนะ” โรตะโกนเสริม



    เงียบ… คาโลไม่ตอบ แต่สิ่งที่เขากำลังจะทำคือคำตอบ



    เจ้าชายน้ำแข็งแห่งคาโนวาลเรียกคฑาเอมอสออกมา



    “มาดูกันว่าคฑานี่จะเปลี่ยนให้ฉันเป็นนักรบปีศาจได้อีกครั้งหรือไม่”



    คฑาทรงพลังในมือปีศาจ



    สายฝนหายไป ลมกรรโชกหยุดพัด สรรพสิ่งทุกอย่างเงียบกริบ เหลือเพียงความหนาวเหน็บ



    หิมะกำลังเริ่มโปรยปรายแผ่วเบา… พื้นดินค่อยแปรเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง



    ร่างถือคทายืนสงบความเงียบ เยือกเย็น อ้างว้าง...ราวกับดินแดนน้ำแข็ง



    คาโลขยับรอยยิ้ม รอยยิ้มที่น่ากลัว ออร่าสีดำทะมึนก็แผ่ซ่าน

    คนเบื้องหน้ากลายเป็นใครสักคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในชีวิต…



    เจ้าชายแห่งคาโนวาลกลายเป็นนักรบปีศาจแห่งคาโนวาลไปแล้ว…

    เฟรินกลืนน้ำลายหนืดลงคอยากเย็น เหลือบมองคนข้างตัว



    เจ้าปีศาจนั่นหยุดเลีย หันมองนักรบปีศาจ



    “พลัง พลังที่ทัดเทียมกับธิดาแห่งความมืด ข้าต้องการ” มันพูดพลางปล่อยเธอ แล้วเดินดุ่มไๆปหาชายหนุ่ม



    ทุกสรรพสิ่งขาวโพลน ว่างเปล่า เงียบเหงา



    ดินแดนน้ำแข็งแห่งสโนว์แลนด์ถูกยกมาวางอยู่ในเอดินเบิร์ก...



    พลันเธอส่งสายตาเมียงมองนักรบปีศาจ



    น่ากลัว เย็นชา แต่มีความรู้สึก ความรู้สึกที่ยังอบอุ่น เขายอมกลายร่างเพื่อเธอ…



    “มา แกมาสู้กับฉันดีกว่า จะดูดเลียหญิงสาวไปใย พลังแห่งข้า สูงกว่านางนัก” นักรบปีศาจผู้หยิ่งผยองกล่าวอย่างเย็นชา



    คาโลปล่อยพลังความเย็นไปหวังจะแช่แข็งแต่เจ้าปีศาจกลับปัดกลับออกมาได้ คาโลกระเด็นตกแท่น



    เจ้าปีศาจกิ๊กก๊อก เมื่อได้ดูดพลังมาแล้วจึงแข็งแกร่ง แข็งแกร่งจริงๆ เกินกว่าคาโลจะรับมือได้…



    “เฟรินรีบออกมา เร็ว” คิลออกคำสั่งโดยไม่สนว่ายศต้อยต่ำกว่าเธอ



    แต่คนอยากมีชีวิตรอดก็ใช้ความเร็วของตนเองให้เป็นประโยขน์…



    วูบเดียว... วูบเดียวเท่านั้น นึกว่าจะพ้น แต่ก็ถูกเจ้าปีศาจจับตัวไว้ได้ เฟรินสลบไป



    “บัดซบ ไอ้ปีศาจหมาจอมเลีย” คิลโกรธจนคุมตัวเองไม่อยู่ ชักมีดออกมา



    เปรี้ยะะ แสงสว่างส่องไปทั่ว ความรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตนี่มันอะไรกัน..



    “อ๊าา ” คิลร้องโหยหวนน่ากลัว



    เมื่อแสงสว่างวาบหายไป ดวงตาที่ควรจะเป็นสีม่วงกลับเป็นสีเหลืองทอง



    เทพสายฟ้าแห่งซาเรสปรากฏตัว…



    “ข้าก็ขอเป็นคู่ต่อสู่ให้แก อีกคน” คิลก้าวออกมา



    “กระหม่อมก็ขอถวายหัวเพื่อองค์หญิง หัวกระหม่อมจะเป็นเครื่องค้ำจุนบังลังก์ให้เอง ด้วยเกียรติของทริสทอร์”



    โรประกาศลั่น… หยิบดาบคู่ใจและกะลาทองคำออกมา



    “ย๊ากกกก”



    พรึ่บบ ไฟลุกท่วมร่างของโร เผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ร่างกายของ กลับกลายเป็นสีแดงฉานดวงตาที่เคยเป็นสีเขียวสดใสหายไป เส้นผมและดวงตา กลับกลายเป็นสีแดงสด



    จ้าวอัคคีแห่งทริสทอร์ออกมาอีกคน



    “ดีข้าจะได้ดูดกลืนพลังของพวกแกทุกคน แล้วโค่นเอวิเดสลง ข้าก็จะกลายไปจ้าวโลก” ปีศาจหมาโอ้อวด



    “ใครหาญมาทำร้ายผู้เป็นที่รักแห่งข้า มันต้องตาย” น้ำเสียงเยียบเย็นมาจากนักรบปีศาจคาโนวาล



    “ใครที่หาญมาทำร้ายเพื่อนรักของข้ามันก็ต้องตาย” เทพปีศาจคิลเสริม



    “และใครที่มันบังอาจทำร้ายนายแห่งทริสทอร์ มันก็ต้อตายย” ไม่พูดเปล่าโรปล่อยไฟออกมาเผาเจ้าปีศาจทันที



    เมื่อไฟถูกผิวของเจ้าปีศาจหมา ไฟก็กลับดับมอดลง



    “ฮึ นี่รึพลังของพวกเจ้า” เจ้าปีศาจอวดดีกล่าวโอ้อวด ไม่พูดเปล่ากลับอ้าปากจับเฟรินจะกินเข้าไป



    กึ้งง มือของเจ้าปีศาจแข็งเป็นน้ำแข็ง



    “อะไรกัน พลังของข้ามากกว่าพวกแกแล้วทำไมยังแช่แข็งมือข้าได้อีก” ปีศาจหมาตกใจมาก



    “ข้าบอกแล้วไงโว้ย ใครที่อาจหาญจะทำร้ายคนรักของข้า มันจะต้องเจอดี”



    “ทางที่ดีปล่อยเฟรินแล้วมาสู้กันจะดีกว่า” เทพสายฟ้ากล่าว



    “ถ้าชนะข้าได้ ก็กินข้าเข้าไปได้เลย” คำเชิญชวนของจ้าวอัคคีโร เซวาเรสทำให้ปีศาจหมาหันไปทางโร



    มันปล่อยหญิงสาวทิ้งเธอนอนสลบไว้เบื้องหลัง แล้วเดินเข้ามาหาโร



    “ดี น่าสนใจดี แล้วก็จงตายพร้อมความอวดดีของแกเหอะนะ”  



    โรถือดาบไฟเตรียมพร้อม…



    เจ้าปีศาจตวัดแขน… ปึกก ฟันไม่เข้า ทำไมกัน



    ฉัวะ ร่างของโรกระเด็นออกไปด้วยกงเล็บแห่งปีศาจร้าย



    ผู้คนที่ยืนดูเหตุการณ์ดังกล่าววิ่งหนีกันเป็นอลหม่าน



    “กะลาบินน ” โป๊ก แต่เจ้าปีศาจร่างใหญ่กลับไม่รู้สึกเจ็บ



    “คาโล ขออะไรนายอย่างนึงนะ” จ้าวอัคคีโรที่บาดเจ็บหันไปทางนักรบปีศาจแห่งคาโนวาล



    “ทำให้ไฟของฉันลุกโชนขึ้นมาที” คาโลพยักหน้ารับ



    “ด้วยเวทมนตร์แห่งคาโนวาลและเดมอส ลมพายุใหญ่จงพัดพา เร่งไฟในใจแห่งจ้าวอัคคีให้ลุกโชนถึงที่สุด”



    วู้มม ฉับพลันลมพายุใหญ่ก็ห่อหุ้มร่างที่มีแต่ไฟของโร ด้วยอำนาจแห่งลมพายุใหญ่ ปีสาจร่างยักษ์ก็กระเด็นไปติดอัฒจรรย์อีกฝั่ง



    “อูยย ลมแรงนัก” ปีศาจร้ายลุกไม่ขึ้น



    ฉับพลันพายุที่ห่อหุ้มร่างโรก็กลายเป็นเสาไฟขนาดยักษ์



    โรชูมือขึ้น ดูดกลืนพลังแห่งพายุไฟเข้ามาในตัว เร่งไฟในกายให้เกินขีดจำกัดของร่างกาย



    “ไฟบรรลัยกัลป์” ตูมม เจ้าปีศาจที่กำลังจะลุกขึ้นมากระเด็นไปอีกรอบ ผิวหนังไหม้เกรียม



    “แก แก ต่อต้านข้า พลัง พลังอยู่ไหน อยู่ไหน แฮ่” เจ้าปีสาจหวังจะเลียพลังของผู้คนจึงวิ่งไปจับคนมากิน

    อย่างเอร็ดอร่อย



    “ปัดโธ่เว้ย” “พลาสม่าช็อต” คิลปล่อยไฟฟ้าเข้าสู่ร่างของเจ้าปีศาจ



    “อ๊าคค” เจ้าปีศาจสั่นกระตุก ลงไปนอนดิ้นด้วยความเจ็บปวดจากการถูกไฟช๊อต



    “คาโล ขังมันไว้ในพายุน้ำแข็งของนายเลย”



    เจ้าปีศาจอยากได้พลังอันสูงสุดจึงคิดกินเฟรินเข้าไป จึงคลานไปทางเฟริน แล้วจับเธอกลืนเข้าไปในท้อง



    ท้องฟ้ามืดครึ้ม ดูดกลืนแสงสว่างทั้งมวลเข้าไป ทั้งเอดินเบิร์กตกอยู่ในความมืดมิด



    ร่างของเจ้าปีศาจเปลี่ยนรูปไป ร่างกายขยายใหญ่เขางอกออกจากหัว และแขน ขา



    ร่างกายเป็นสีดำสนิท แต่ที่สำคัญร่างของเจ้าหญิง เฟลิโอน่า ถูกตรึงอยู่ที่หน้าผากของเจ้าปีศาจนั่น



    “เฟริน เฟริน ตื่นสิ ฉันจะไปช่วยเธอเดี๋ยวนี้” คาโลกระโดดขึ้นไปหาเจ้าปีศาจ



    ตุ้บบ คาโลถูกปัดกระเด็นลงมา



    “อัคร์” ด้วยแรงกระแทกทำให้นักรบปีศาจแห่งคาโนวาลถึงกับกระอักเลือด



    “ท่านคาโล ท่านโร เป็นอะไรมากไหม” โกโดมวิ่งมาพลางใช้เวทย์รักษาให้ทั้งสอง



    “แก จะทำอะไรองค์หญิงของข้า” โกโดมยืนอยู่เบื้องหน้าปีศาจตัวยักษ์ที่ใหญ่กว่าตนเองถึง50เท่า



    “ข้าแต่เวทย์มนตร์อันยิ่งใหญ่แห่งเดมอส โปรดประทานพลังอันยิ่งใหญ่ ทำลายปีศาจที่มันอาจหาญมาทำร้ายเจ้านายแห่งเดมอส” “อาชูร่าซอร์ต”



    “ท่านคาโลดาบนี้จะช่วยให้ท่านนำพาองค์หญิงออกมาได้ ข้าก็ช่วยได้เท่านี้”



    “จำไว้ องค์หญิงเป็นขุมพลังของเจ้าปีศาจ หากพาเจ้าปีศาจออกมาได้มันจะอ่อนแรง ข้าก็ช่วยท่านได้เท่านี้”



    พูดจบโกโดมก็เทเลพอร์ทหาย ไปทันที



    “อาชูร่าซอร์ตตต” คาดลร้องกู่ก้องจับดาบกระโดดขึ้นไปสุดแรงฟันหน้าผากของปีศาจหมาแล้วปักดาบลงไป



    “อ๊าคคร์”



    ขณะเจ้าปีศาจกำลังเจ็บปวดกับแผลตรงหน้าผากที่กำลังเปิดกว้าง คาโลก็ดึงร่างของสาวน้อยออกมาจากกายเจ้าปีศาจ



    “เฟริน เฟริน เป็นยังไงบ้าง” คาโลรีบปลุกเธอเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ตาย



    “คา..โล ขอบใจนะ” เธอกอดคอคาโลแน่น



    “ไฮคิง จ้าวเอวิเดสได้โปรดดูแลเธอด้วย” คาโลส่งตัวเธอให้กับไฮคิงและจ้าวเอวิเดสและก้าวเดินออกจะไปสู้ต่อ



    “เดี๋ยว คาโล”



    “ผ่าปฐพี”



    “ใช้วิชาหัวโขมยที่ฉันสอนให้นายร่วมกับพลังที่นายมีจัดการมันแก้แค้นแทนฉันนะ สู้แทนฉัน สู้เพื่อฉัน”



    คาโลเดินกลับมารับดาบจากเธอแล้วจูบหน้าผากของเธอ



    “พักก่อนนะเฟริน เด่ยวฉันจะกลับมาหาเธอ” แล้วนักรบปีศาจก็เดินกลับมาสมทบกับเทพสายฟ้า และจ้าวอัคคีที่กำลังต้านพลังของปีศาจสุนัขตนนั้นอยู่



    “พลังของมันอ่อนแล้วนะคาโล เดี๋ยวนายขังมันไว้ในพายุนะ ฉันจะใช้ไฟเผามัน” โรร้องบอก



    คาโลไม่ตอบแต่กลับเร่งพลังความเย็น



    “วังวนแห่งเพลิงง” โรสร้างวงกลมเพลิงขึ้นรอบๆตัวของเจ้าปีศาจทำให้มันออกมาไม่ได้



    “พายุ…น้ำแข็งง” กึ้งง ด้วยอำนาจแห่งพายุน้ำแข็งของนักรบปีศาจแห่งคาโนวาลเจ้าปีศาจก็ถูกแช่แข็ง



    “ตาฉันล่ะ ขอให้แกชักกระตุกตายนะโว้ย” คิลกระโดดขึ้นไปบนหัวของปีศาจแช่แข็ง



    คิลชูมือขึ้นฟ้า เมฆฝนดำทะมึนเคลื่อนเข้ามาใกล้…



    “ธันเดอร์ฟอร์จูน” เปรี้ยงง เมื่อคิลวางมือลงบนหัวของปีศาจแช่แข็ง ฟ้าก็ผ่าลงบนหัวของปีศาจสุนัข



    น้ำแข็งแตกออก ร่างของปีศาจสุนัขล้มลง



    “อูยย พวกแก” เจ้าปีศาจยังยืนหยัดขึ้นใหม่ เมื่อสูญพลังร่างของเจ้าปีศาจก็หด จนเหลือแค่ใหญ่กว่าคนธรรมดานิดหน่อย



    “โร แกเผามันไว้ คิล กระชากหัวใจมันมาสังเวยเฟริน ฉันจะบั่นคอมันลงมาเอง”



    น้ำแข็งในใจของคาโลไม่ได้เป็นน้ำแข็งอีกต่อไป แต่กลับหลอมร้อนดั่งเตาหลอม



    เขาจะสู้เพื่อเธอ..เพื่อเธอ..  



    “เอาละน่ะ ไฟเยอร์วิป” โรปล่อยไฟในรูปของแส้ออกไปมัดเจ้าปีศาจให้ดิ้นหนีไม่ได้



    ฉัวะะ คิลกระชากหัวใจของเจ้าปีศาจ  ออกมา และบีบให้เละคามือในทันที



    “อ๊าคคค” เจ้าปีศาจเมื่อไร้หัวใจก็ร้องโหยหวนอย่างทรมาน



    “ปิดฉากซะทีนะะะะ!” คาโลวิ่งเข้าไป



    ฉัวะะ  คาโลฟันเจ้าปีศาจสุนัขเต็มแรงด้วยผ่าปฐพีที่เธอให้ยืม



    ตุ้บ หัวของเจ้าปีศาจหล่นลงกับพื้น



    “จบแล้วโว้ย โร คาโล” คิลตะโกนอย่างดีใจ



    คาโล คิล และโร กลับร่างมนุษย์ตามเดิม ทั้งสามล้มลงสลบไป



    “คาโล คาโล อย่าตายนะ”



    “หือม์” คาโลงัวเงียตื่นขึ้นพบว่าตัวเองยังนอนอยู่ที่เดิม เขานอนอยู่บนตักของเฟลิโอน่า เกรเดเวล



    “นายไม่เป็นอะไรแล้วนะ ฉันมาแล้ว” น้ำตาเธอไหลพราก เธอตกใจว่าเขาจะตาย



    “นี่ ไอ้ตัวยุ่ง ฉันไม่ไเป็นไรแล้วนะ” เขายกมือปาดน้ำตาของเธอทิ้งไป



    “อืม ฮือฮือ” เธอก้มหน้าลงซบกับใบหน้าของชายหนุ่ม ท่ามกลางซากศพของผู้คนที่ถูกฆ่าและ ศพของเจ้าปีศาจสุนัข



    เมื่อคาโลเบือนไปทางโร และคิล ก็พบว่ามาทิลด้า และเรน่อน พร้อมด้วยเด็กหญิงเรเน่ตัวน้อยก็ไปปฐมพยาบาลอยู่ เขาจึงหลับตาลง



    หลายวันต่อมา…



    “นี่จริงๆแล้วอะนะ การทดสอบเนี่ยมันไม่ได้จะมีจริงหรอก” ไอ้ตัวแสบกล่าวขึ้นหลังจากคาโลและเธอเดินมาหยุดอยู่ที่ระเบียงแห่งหนึ่ง หลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งคิงแห่งคาโนวาล เพราะอยู่ดีๆ คิงบาโรก็เกิดเบื่อสงครามและประกาศออกบวช เขาจึงไม่ต้องฆ่าพ่อตนเองเพื่อขึ้นเป็นกษัตริย์



    “ทำไมมันถึงจะไม่มีล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างสงสัย



    “ก็ถ้านายไม่รับปากจะยอมทดสอบ ตอนนั้นฉันแค่คิดจะพูดเล่นกับนาย แต่นายดันเอาจริง ฉันเลยต้องปล่อยเลยตามเลย แล้วไอ้ปีศาจบ้านั่นด้วย จริงๆแล้วนายเปิดแท่นหินมาจะเจอฉันคนเดียว แต่มันแปลงเป็นโกโดมจับฉันยัดเข้าไปกับมันในนั้น นายเลยต้องมาบาดเจ็บเพราะฉันอีก ขอบใจแล้วก็ เอ้อ ขอบคุณนะ ฉันไม่นึกว่า..”



    คาโลโน้มตัวลงมาจุมพิตเธอแผ่วเบา…



    “ไม่เป็นไร.. ฉันก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วยังไงว่าฉัน.. รักเธอจริง” ดวงหน้าคนถูกจุมพิตแดงเป็นลูกพุทราสุก



    “ฉันรักเธอ แต่งงานกับฉันนะเฟริน” คาโลโน้มตัวลงกระซิบแผ่วเบา



    “อืม ตกลง”



    “เย้ ในที่สุดเธอก็ยอม” คาโลสวมกอดหญิงสาวหมุนไปมา…

    “เจ้าชายคาโล วาเน-บลี เดอะคิง ออฟคาโนวาล ท่านยินดีจะรับสาวน้อยผู้นี้เป็นภรรยาหรือไม่”



    “เอ้อ ยอมรับ”



    “แล้วท่าน องค์หญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะ พริ้นเซส ออฟเดมอส แอนด์บารามอส ท่านจะรับชายหนุ่มผู้นี้ เป็นสามีหรือไม่”



    “รับสิ ไอ้เจ้าโกโดม เร็วๆน่า” หญิงสาวพูดอย่างรำคาญ



    คืนนั้น…



    “นี่เฟริน คิดว่าจะมีลูกสักกี่คน” ชายหนุ่มพูดหลังจากล้มตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆหญิงสาว ทำให้เธอนึกย้อนไปถึงคนๆหนึ่ง



    เคนเดล วาเน-บลี ออฟคาโนวาล อดีตเจ้าชายแห่งคาโนวาล อาของคาโล เขาได้กล่าวไว้ว่า



    “จำไว้อย่ามีลูกจนกว่าคาโลจะขึ้นเป็นคิง” “แล้วมีลูกแค่คนเดียวพอล่ะ ลูกจะได้ไม่ฆ่าพ่อ”



    “ใครจะไปมีลูกกับนาย เบร่ คนเดียวก็พอย่ะ” หญิงสาวแลบลิ้นให้ไม่สมหญิง



    “แล้วนายล่ะ เราแต่งงานกันแล้วจะรวมดินแดนกับเดมอสกะบารามอสของฉันอ๊ะป่าว” หญิงสาวพูดทีเล่นทีจริง



    คาโลโน้มตัวเธอนอนลงบนเตียง



    “ฉันว่าเรามาวางแผนผลิตลูกกันก่อนดีกว่านะ…”  แล้วคาโลก็เอื้อมมือไปดับไฟ แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตาม

    สัญชาตญาณ



    คิงคาโล วาเน-บลี รวมคาโนวาลกับบารามอสและเดมอส ให้ชื่อเป็นเดมอสอย่างเดียว เมื่อ จักรพรรดินีเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะ ควีน ออฟเดมอส แอนด์บารามอส ขึ้นครองบังลังก์ แห่งเดมอสและบารามอส หลังจากจ้าวเอวิเดส และไฮคิงสละราชสมบัติและออกบวชตามคิงบาโรหน้าบากไป…



    โรแต่งงานกับมาทิลด้าและก็รวมประเทศกันด้วย



    คาโลและเฟลิโอน่าได้ลูกชายคนหนึ่ง นามว่า “เฟริน”



    แต่เป็น เจ้าชาย เฟริน วาเน-บลี เดอะ พริ้นส์ ออฟเดมอส…



    ++++++++++++++++++++++++++++จบแย้วจ้า^^++++++++++++++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×