ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    In your head, Zombie

    ลำดับตอนที่ #1 : The fellowship of the vaccine 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ย. 53


    " อ้ายสิไปเบิ่งทางหลังเด้อ "

    พอพี่สมหมายพูดจบ แกก็หันหลังให้พร้อมกับก้าวเดินจากไป ผมมองส่งแผ่นหลังของแกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับคืน สองมือกระชับ M16A2 ให้จับถนัดมากขึ้นก่อนจะออกเดินหน้าต่อ ผมค่อย ๆ ย่างสามขุมไปอย่างช้า ๆ ตาดู หูเงี่ยงฟัง เปิดทุกประสาทสัมผัสเพื่อตรวจจับสิ่งผิดปกติ
    ด้วยเหตุที่ว่า ข้างหน้าของผมเป็นมุมของตึก อาจจะมีบางอย่างหลบซ่อน รอคอยผมอยู่ ดังนั้นผมจึงต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ

    เยื้องย่างช้า ๆ ไป ทันทีที่ถึงมุมตึก ผมรีบเอาตัวแนบกับผนังแล้วหยิบกระจกเงาออกมาจากกระเป๋าเสื้อกั๊ก ค่อยเอาออกมายื่นส่อง ตรวจดูว่าอีกฟากของมุมตึกมีพวกมันซุ่มอยู่หรือไม่

    เฮ้อ

    ผมแอบลอบถอนหายใจเบา ๆ เพราะภาพที่สะท้อนให้ปรากฎในกระจก ไม่มีอะไรผิดปกติ ผมจึงเคลื่อนตัวออกจากมุมตึก ออกเดินสำรวจต่อ แต่ก็ไม่ได้ชะล่าใจ ยังคงความระแวดระวังไว้ให้เต็มเปี่ยมอยู่เสมอ

    เบื้องหน้าของผมเป็นด้านหน้าของอาคารหลังนี้ ตัวอาคารจะอยู่ทางขวามือ ส่วนทางซ้ายมือ เป็นถนนเข้าและสวนหย่อม มีพุ่มดอกเข็ม ต้นปาล์มหลังขาว และไม้ดอกอื่น ๆ ที่ถูกเริ่มดูรกรุุงรังไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น พุ่มไม้ไม่ได้ตัด หญ้าแทงยอดสูง ใบไม้แห้ง กิ่งไม้หัก เกลื่อนกลาดไปทั่ว คงเป็นเพราะขาดการดูแลรักษา

    ก็การระบาดมันผ่านมาเกือบเดือนแล้วนี่

    ใช่แล้วแค่เดือนหนึ่งก็เพียงพอที่จะให้ธรรมชาติรังสรรสิ่งควรจะเป็นไป สร้างระบบระเบียบในแบบของมัน หากแต่มนุษย์เองต่างหากที่มองว่ามันไม่อยู่ระบบระเบียบ พยายามฝืนและเอาชนะธรรมชาติอยู่ คอยมาตัดตกแต่งต้นไม้ให้เป็นไปอย่างที่ตัวเองต้องการ สุดท้าย แล้วไงล่ะ พอไม่มีใครดูแล สวนหย่อมที่อยู่ตรงหน้าผมนี้ก็เลยเป็นไปอย่างที่ธรรมชาติควรจะเป็น

    แซ่ก

    !!!

    " ใคร ? "

    ...

    " ถามว่าใคร ? "

    ...

    อยู่ ๆ ก็มีเสียงประหลาดดังมาจากต้นฉำฉาซึ่งมีลำต้นอวบใหญ่ประมาณ 3 คนโอบ ผมสะดุ้ง รีบยกปืนขึ้นมาประทับเล็งไปยังต้นเสียงในทันที พร้อมกับเอ่ยถามด้วยเสียงทีไม่ดังแต่ก็เพียงพอจะให้อะไรก็ตามที่อยู่หลังต้นไม้ต้นนั้นได้ยิน

    หลังจากเสียงที่ถามครั้งที่สองได้จางหายไปกับสายลมเกือบหนึ่งนาที ทุกอย่างยังเงียบสงัดอยู่ ไม่มีการตอบรับใด ๆ ประสาทของผมเรื่องเขม็งเกลียวมากขึ้นอีก คิดอยู่แว่บหนึ่ง ผมก็ตัดสินใจค่อย ๆ ก้าวย่างไปหาต้นไม้ต้นนั้น ด้วยหัวใจที่ค่อย ๆ เต้นเร็วขึ้น เหงื่อหลายเม็ดเริ่มผุดซึมออก สองตาจับจ้องไปที่ ต้นไม้ ศูนย์หน้าและศูนย์หลังของปืน นิ้วชี้แตะไปที่ไกปืน

    อีกห้าก้าว

    อีกสี่ก้าว

    อีกสามก้าว

    " แหว่ฮ์ฮ์ฮ์ฮ์ฮ์ฮ์ "

    !!!

    ทันใดนั้น ร่าง ๆ หนึ่งก็ปรากฏออกมาจากหลังต้นไม้ มันพุ่งเข้ามาใส่พร้อมกับร้องด้วยเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์แต่แหบต่ำ สองมือยื่นออกมาหมายจะไขว่คว้าจับร่างของผม

    ฟุ่บ ! ฟุ่บ ! ฟุ่บ !

    พริบตาที่มันพุ่งออกมา นิ้วชี้ของผมก็เหนี่ยวไก M16A2 ตอบรับสอดประสานโดยทันที มันส่งกระสุน 5.56 NATO ผ่านลำกล้องปืนและกระบอกเก็บเสียงพุ่งไปใส่เป้าหมายพร้อมกับสลัดปลอกกระสุนที่ไม่ต้องการอีกแล้วกระเด็นร่วงใส่พื้นหญ้า

    พร้อมกับเสียงปืน ร่างที่พุ่งเข้ามาก็หน้าสะบัดเงยขึ้นอย่างเเรง ผงะร่างถอยหลังแล้วก็ล้มตึงไป เศษเนื้อ ก้อนเลือดแตกกระจายออกกระเด็นไปทั่ว แล้วก็ไม่ไหวติงอีก ควันปืนค่อย ๆ ลอยอ้อยอิ่งและจางลง แต่ผมยังคงประทับปืนเล็งมันอยู่

    หัว 1 อก 2

    แม่นฉิบหายเลยกู

    ถึงจะหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่ผมก็รู้สึกอดที่จะชมตัวเองไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจับปืนมาได้ไม่ถึงเดือนแต่กลับยิงได้เเม่นยำราวกับทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ทุกนัดเข้าเป้าและจุดสำคัญหมด สามารถฆ่ามันได้ในที ไม่เรียกว่าอัจฉริยะขั้นเทพก็ต้องเรียกว่ามือสังหามาจุติแล้ว


    " แฮ่ฮ์ฮ์ฮ์ฮ์ "

    !!!

    พริบตาที่ผมชะล่าใจ ทันใดนั้นผมก็ถูกจู่โจมโดยทันที มันอีกตัวโผล่มาจากหลังต้นไม้ต้นเดิมอย่างรวดเร็วจนผมไม่ทันได้ทำอะไร ก็เลยถูกมันใช้สองมือคว้าจับเข้าที่ไหล่ผม แล้วก็โถมแรงทั้งหมดของมันข่มผมเอาไว้พร้อมยื่นหน้าตาที่ซีดเผือดและมีรอยม่วงจ้ำเข้ามาใกล้ ปากถูกอ้ากว้างจนเห็นน้ำลายเหลืองข้นยืดเหนียวเป็นสาย ผมพยายามใช้ปืนดันมันให้ออกไปแต่ก็สู้แรงมันไม่ได้เนื่องจากไม่สามารถยืนตั้งหลักได้ทัน ขาเลยไม่มีแรงส่ง

    แล้วผมโดนมันผลักให้ล้มลง นอนหงาย

    มันนั่งคร่อม โน้มตัวพร้อมกับยื่นปากมาหมายจะกัดผม

    M16A2 หลุดจากมือ ผมเหลือเพียงมือเปล่าสองข้างที่พยายามค้ำคอมันสุดฤทธิ


    ฟุ่บ !

    โพล๊ะ !

    แล้วจู่ ๆ เกิเสียงแหวกอากาศหวีดหวิวพร้อมกับหัวของมันก็เเตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เศษกระโหลกที่ยังคงมีหนังหัวและเส้นผมกระเด็นหาย มันสมองกระจายออกราวกับเต้าหู้ไข่ที่โดนขว้างเข้าใส่กำเเพงอย่างแรง และพอสิ้นเสียงที่เหมือนกับแตงโมที่ถูกไม้หวดอย่างแรงจนแตก ร่างที่ตั้งแต่เหนือหว่างคิ้วขึ้นไปไม่มีอะไรเหลือ ก็ผละมือออกจากผมพร้อมกับเอนตัวนอนหงาย

    ผมรีบพลิกตัว สะบัดร่างมันให้พ้นออกไป ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว มือขวาเอื้อมไปที่ซองปืนพก กระชาก Glock ออกมาประทับพร้อมกับปลดเซฟตี้ เล็งไปยังร่างที่นอนหงายสมองทะลักกระจายออกมากับพื้น พอเห็นมันแ่น่นิ่งไปแล้ว ผมก็รีบหันหลังกลับทันที

    " Thank John ! you're man โคตร ๆ ! "

    ผมรีบขอบคุณฝรั่งคนหนึ่งที่กำลังประทับปืน HK MSG-90 พร้อมลำกล้องและกระบอกเก็บเสียงเล็งปืนมาทางผมด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างเป็นล้นพ้นผนวกกับชื่นชมความแม่นของเขา

    " Muay Hua Khob ! "
    จอห์นลดปืนไรเฟิลลง ชูมือขึ้นพร้อมกับร้องตอบผม เขายิ้มแฉ่งก่อนเดินเข้ามาหา

    ผมก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่จอห์นพูดมันแปลว่าอะไร แต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัย ก็เพราะตั้งแต่เจอหน้ากัน จอห์นมันก็พูดประโยคนี้อยู่เรื่อย ๆ เคยถามอยู่ว่า ไอ้ที่พูดน่ะแปลว่าอะไร จอห์นก็ตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน ไกด์ที่เคยเที่ยวสอนคำนี้ให้ ตอนที่นั่งรถตุ๊ก ๆ ไป
    ดูมวยที่เวทีราชดำเนินแล้วเจอกับฝูงคนเยอะแยะ ไกด์ชี้ไปที่คนพวกนั้นพร้อมกับพูดว่า

    " Those are Muay Hua Khob "

    ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงวันนี้ จอห์นก็ยังไม่รู้ความหมายของมัน แต่ก็รู้สึกชอบคำนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นเวลารู้สึกสะใจอะไรขึ้นมา จอห์นเลยมักตะโกนคำนี้เสมอ มันก็เลยกลายเป็นคำติดปากของเขา

    จะไม่ว่าไป ผมก็รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกันนะ คำนี้ 

    แท่ก แท่ก แท่ก

    !!!

    ผมและจอห์นรีบยกปืนขึ้นมาประทับ เล็งไปยังร่างที่กำลังวิ่งมาหา นิ้วชี้อยู่ในโกร่งไกพร้อมที่จะลั่นกระสุน แต่พอเห็นหน้าของคนที่กำลังวิ่งมาหาพวกเรา ผมก็สะดุ้งวาบ หน้าถอดสี

    ฉิบหาย หมอปูมา !

    ~จบตอนที่ 1 ~
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×