คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ ๑ ถูกผู้ชายสารภาพรัก!!
ตอนที่ ๑ เมื่อผมถูกสารภาพรัก
“ผมชอบพี่ครับ!!” ร่างโปร่งผงะทันทีที่มีเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักยื่นซองจดหมายสีชมพูหวานแหววมาตรงหน้า
พวงแก้มขาวนวลของเด็กหนุ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ
ดวงตากลมโตสุกใสสีน้ำตาลเข้มเหมือนลูกกวางตัวน้อยๆ เหลือบขึ้นมองหน้าเขา
จนเกือบเผลอใจตกลงรับคำสารภาพรักนั้นไปแล้ว ถ้าไม่ติดตรงที่ว่า…….
ไอ้หมอนี่เป็นผู้ชาย!!
นายกานต์ กริตยสานนท์
บุคคลผู้ขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้ติดอันดับหนึ่งในสิบของมหาวิทยาลัย
ด้วยรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร บวกกับฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างดี
ทำให้คว้าตำแหน่ง ‘หนุ่มวายร้ายที่สาวๆอยากควงมากที่สุด’
มาจนได้
และด้วยกิตติศัพท์อันเลื่องชื่อนี่เองทำให้มีสาวๆมากหน้าหลายตารุมล้อมมาสารภาพรักกับเขา
และนายกานต์เองก็ไม่เคยปฏิเสธคนที่เข้ามาตามประสาคนเจ้าชู้
แต่…วันนี้มันกลับผิดคาด
แทนที่จะเป็นสาวหน้าตาน่ารักอกโตมาสารภาพหากกลับกลายเป็นผู้ชายมาสารภาพรัก!!
แถมยังมาสารภาพกันกลางคณะทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองมากันตรึมพลางซุบซิบกันเสียยกใหญ่
“ขอปฏิเสธ!!” เขาบอกปัดคนตรงหน้าเสียงดังฟังชัด
เดินฮึดฮัดๆ เข้าคณะไปโดยไม่หันกลับมามองเด็กหนุ่มน่ารักที่ถูกทิ้งเบื้องหลัง
วันนี้ต้องโดนล้อแน่ๆเลยว้อยยยย!!! เขาคิดอย่างหงุดหงิด เพราะหางตาดันเหลือบไปเห็นหลังเพื่อนในกลุ่มวิ่งเข้าคณะไปแวบๆ
“วู้ๆ มาแล้วเว้ย” เสียงผิวปากวี้ดวิ้วของบรรดาเพื่อนตัวแสบดังขึ้นทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในห้อง
เขาเดินฉึบๆ ไม่สนใจเสียงแซวของเพื่อน
ปากระเป๋าลงบนโต๊ะแล็คเชอร์ตัวสุดท้ายริมหน้าต่างของห้องเรียนแล้วนั่งฟุ่บทันที
บรรดาเพื่อนทโมนทั้งหลายรีบกรูรุมกันเข้ามา
“อะไร” เขาชักสีหน้าเซ็งๆ ใส่แล้วหันหนีสายตาอยากรู้อยากเห็นที่รุมล้อม
“ได้ข่าวว่าถูกเด็กผู้ชายสารภาพรัก” เสียงทะเล้นตามนิสัยเอ่ยขึ้นกลั้วหัวเราะ
ดวงตาสีดำเข้มมีประกายขบขัน อย่างอารมณ์ดีทันทีที่เห็นคนตรงหน้าทำหน้าเซ็งสุดขีด
“เออ” เขาบอกเสียงเรียบๆ
แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะส่งสายตาอาฆาตไปให้เพื่อนคนอื่น โทษฐานที่พวกมันยังไม่เลิกขำ
“แล้วนี่ใครบอกพวกมึงเนี่ย” ถามเสียงฮึดฮัดทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าใครเป็นตัวต้นที่คาบข่าวมาบอก
“นี่เลย ไอ้คุณทิวาเลยครับ” บรรดาเพื่อนทั้งหลายที่รุมล้อมพร้อมใจกันชี้ไปที่นายทิวา
จันทวัฒนะ หรือทิน เด็กหนุ่มสัญชาติจีนแท้
ตาเล็กหยีเป็นเส้นเดียวควบคู่มากับผิวที่เหลืองจนนึกว่าเป็นดีซ่าน
ผู้ถือคติที่ว่าเรื่องของเขาเราต้องเผือก
“เมื่อกี้เห็นหลังไวๆก็กะแล้วว่าต้องเป็นมึง” เขาพูดก่อนจะทำหน้าเบื่อหน่าย
“ฮ่าๆ กูอยู่ดูไม่จบหรอกมีมารยาทพอ” เด็กหนุ่มหน้าตี๋พูดพลางหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี พลางเอามือเท้าโต๊ะเล็คเชอร์ก่อนจะถามต่อ
“แล้วตกลงรับรักป่ะ?” ฝ่ามือแข็งตบผัวะแทบจะเป็นจังหวะเดียวกับคำถาม
คนถูกตีหัวจนหน้าทิ่มได้แต่ทำปากบู้เล็กๆ ก่อนจะลูบหัวตัวเองป้อยๆ
“รับรักกับผีน่ะสิ กูไม่ใช่เกย์เว้ยย!!” เขาว่าเสียงดังฟังชัด
หันไปหยิบหนังสือเรียนออกมาวางบนโต๊ะทันทีที่เห็นอาจารย์เดินเข้ามาในห้อง
เพื่อนที่รุมอยู่เริ่มเดินกลับที่ตัวเองอย่างรวดเร็วเพราะเกรงในความโหดของอาจารย์ประจำวิชา
“ให้มันจริงเหอะ…ระวังนะเกลียดอย่างไหนก็ได้อย่างนั้น”
ชายหนุ่มกระซิบเสียงนุ่มก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นสายตาอาฆาต มือคว้าเอาหนังสือมาบังหัวตัวเองจนมิด
“ห้ามตบ
แผลเก่ากูยังไม่หายนะครับ!”
กานต์ทำเป็นไม่สนใจไอ้คนที่จงใจนั่งห่างจากเขาไปโต๊ะหนึ่งเพราะกลัวโดนเขาเพ่นกบาล
ก่อนหันมาจ้องกระดานไวน์บอร์ดอย่างเบื่อๆ ปากก็หาววอดไปพลาง นี่ถ้าไม่ติดว่าเทอมนี้เขาโดดเรียนคาบนี้ครบสามครั้งแล้วล่ะก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะมาเข้าเรียน
แถมวิชานี้อาจารย์ก็เคี่ยวมากจนเขาฝากเพื่อนเช็คชื่อไม่ได้อีก....ให้ตายสิ
เฮ้อออ…ว่าแล้วเซ็ง
......
“วันนี้ไปกินข้าวไหนดี” เด็กหนุ่มหน้าติดหวานเอ่ยถามเสียงใส
มือขาวล้วงหยิบกระจกบานพับอันเล็กขึ้นมาส่องตรวจสอบความเรียบร้อยของใบหน้าและทรงผม
“ไอ้ไนท์ เมิงจะส่องอะไรทั้งวันห้ะ นี่กูชักสงสัยแล้วสิ
ว่าเมิงเป็นผู้ชายหรือเป็นตุ๊ด” โจ อริยาพัตน์ พงศ์เพ็ญ หนุ่มขี้เล่นประจำกลุ่มพูดติดตลก
ไนท์อมยิ้มขำขันน้อยๆเพราะรู้นิสัยคนตรงหน้าดีว่าชอบแหย่เล่น
ทว่าเจ้าตัวยังไม่ทันได้พูดโต้ตอบอะไรเสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“หึ! นี่มึงไม่รู้จริงๆเหรอวะไอ้โจว่ามันสำอางไปทำไม” ชายร่างสูงแค่นหัวเราะ
หากแต่คนถูกพาดพิงกลับไม่ขำด้วย ร่างเพรียวผุดลุกขึ้นยืนและเผลอกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ
ก่อนจะรวบข้าวของกวาดใส่กระเป๋าเป้สีน้ำตาลและเดินออกไปนอกห้องทันที
“เต้ย ทำไมมึงขอบไปแหย่ให้ไอ้ไนท์มันโกรธจังวะ!?” ทินปรามอย่างเบื่อหน่าย
“หึ!” ร่างสูงเพียงแค่นยิ้มเป็นคำตอบก่อนจะเดินหนีออกไปจากห้อง
“เออ...เอาเข้าไป
เดินหนีกันเข้าไป แล้วอย่างนี้จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยวะเนี่ย แม่ง!!” หนุ่มหน้าตี๋ระบายอารมณ์อย่างเหลืออด
“พวกมันเพิ่งมาทะเลาะกันตอนต้นปีเองใช่ป่าววะ กูจำได้ว่าเมื่อปีที่แล้วที่เข้ามาเรียนใหม่ๆมันยังญาติดีกันอยู่เลย
แถมสนิทกันจนพวกมึงก็ล้อมันอยู่บ่อยๆว่าพวกมันเป็นผัวเมียกัน” กานต์เอ่ยเสียงถาม
เขาจำได้ว่าปีที่แล้วว่าพวกมันสนิทกันมาก เรียกได้ว่า ที่ไหนมีเต้ย ที่นั่นมีไนท์
“เออ...กูจำได้
กูล้อพวกมันทุกวันแหละ ตอนนั้นพวกมันก็ชอบด่ากูกลับนะ แต่ก็แค่ด่าแบบเล่นๆ”
หนุ่มขี้เล่นเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาสีดำผลุบต่ำอย่างครุ่นคิด “ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาเกินอะไรขึ้นกันแน่วะ”
“มึงอยากรู้มึงก็ไปถามสิวะไอ้โจ”
ทินเปรยขึ้นมาเบาๆ
“แล้วทำไมเมิงไม่ถามมันเองวะ
มึงสนิทกับพวกมันที่สุดนี่หว่า“
หนุ่มหน้าตี๋ส่ายหัวน้อยๆ
“กูเคยไปถามมาไอ้ไนท์มาครั้งนึงแล้ว แต่มันก็เลี่ยง เหมือนไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้
ถามไอ้เต้ยมันก็บอกว่าไม่มีอะไร”
“ขนาดมึงเป็นคนที่พวกมันสนิทที่สุดมันยังไม่บอกมึงเลย
แล้วให้กูไปถามมันจะยอมบอกกูเหรอวะ” ทั้งคู่ถอนหายใจออกมาพร้อมกันก่อนที่โจจะเปรยขึ้นมาอีกรอบ
“ตกลงพวกมันเป็นอะไรกันแน่วะ”
…….
หน้ารายการอาหารในมือถูกพลิกไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนเพื่อนอีกสี่คนที่นั่งร่วมโต๊ะเริ่มทำหน้าตาไม่สู้ดีนัก
แกล้งเคาะนิ้วเป็นจังหวะกลองลงบนโต๊ะหมายจะเรียกสติไอ้คนเหม่อลอยที่นั่งตรงข้ามให้วิญญาณกลับร่างก็แล้ว
ลองเป่าข้างหูก็แล้ว แต่ก็ยังไร้ผลเหมือนคนตรงข้ามสติลอยออกจากร่างไปไกลจนกู่ไม่กลับ
“ฮะแฮ่ม…ไอ้คุณชายกานต์ครับ”
หนุ่มหน้าตี๋เริ่มทนไม่ไหวจึงส่งเสียงกระแอมเรียกสติไอ้คนที่นั่งพลิกเมนูเล่นข้างตัว
แต่ดูท่าสติยังไม่กลับเข้าร่าง เป็นผลให้ต้องตะโกนสุดเสียงใส่หูคนสติลอยละลิ่วข้างตัวอย่างเสียไม่ได้
“ไอ้คุณชายกานต์ครับ!! มึงจะสั่งได้รึยังครับ!!”
ได้ผล คนที่ราวกับวิญญาณออกจากร่างสะดุ้งโหยงสุดตัวขึ้นมาทันที
เอามือมาป้องหูที่ดูท่าจะอื้อไปชั่วขณะก่อนจะสบถออกมาอย่างขัดใจ
“เล่นเหี้ยไรวะ!”
“มึงน่ะสั่งสักที.. สาดด
เห็นไหมว่าน้องเขายืนรอรับออเดอร์นานแล้ว” คนต้นเหตุทำเขาหูอื้อพยักพเยิดให้หันไปมองพนักงานสาวหน้าตาน่ารักที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่ข้างโต๊ะ
กานต์ส่งยิ้มน่ารักให้พนักงานสาวเป็นเชิงขอโทษเป็นผลให้พนักงานหน้าตาน่ารักแก้มขึ้นสีเลือดจางๆด้วยความเคอะเขิน
“เอ่อ…งั้นพี่เอาสปาเก็ตตี้ไก่ผัดพริกไทดำแล้วกันครับ
ขอโทษนะครับที่ทำให้เสียเวลา” เขากวาดสายตามองเมนูลวกๆ
สั่งอาหารก่อนจะยื่นเมนูส่งคืนให้กับพนักงานสาวคนเดิม
พนักงานสาวเพียงส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรพลางส่งยิ้มกว้าง
ก่อนจะเดินออกจากโต๊ะเพื่อนำออเดอร์ไปส่งให้กับคนครัว สาวร่างเล็กแอบเหลือบมองทางโต๊ะที่เพิ่งรับออเดอร์มาด้วยสายตามีความหมาย
โต๊ะที่เธอเพิ่งไปยื้อแย่งรับออเดอร์มาจากเพื่อนพนักงานคนอื่น
ด้วยเพราะรูปร่างหน้าตาของหนุ่มแต่ละคนที่ราวกับกลุ่มเทพบุตรลงมาจุติก็ไม่ปาน
“ไอ้สัดกานต์ ม่ออีกแล้วนะมึง” หนุ่มขี้เล่นพูดติดหัวเราะ
“กูไปม่อใครตอนไหนฟระ!?” เขาได้รับคำตอบเป็นการบุ้ยปากไปทางพนักงานสาวหน้าตาน่ารักที่เพิ่งมารับออเดอร์โต๊ะเขาไป
หนุ่มร่างโปร่งทำหน้างุนงงก่อนจะเลิกคิ้วเป็นคำถามอย่างไม่เข้าใจ
“ไอ้โจมันหมายถึงว่ามึงไปให้ความหวังน้องพนักงานคนนั้นไง”
ทินตอบคำถามแทน
“แล้วกูไปให้ความหวังยังไงล่ะ” เขาถามต่ออย่างสงสัย
“โอ๊ยย… หล่อซะเปล่าแต่เสือกโง่ชิบหาย”
โจส่ายหัวอย่างเซ็งบรมกับไอ้คนตรงข้าม
“ก็รอยยิ้มมึงไง แจกยิ้มให้เค้าไปทั่วยังกะแจกใบปลิว”
ว่าแล้วก็แกล้งเอื้อมมือไปดีดหน้าผากคนตรงข้ามที่เริ่มทำหน้างงซะเต็มแรงจนคนโดนร้องเสียงระงม
“สัด! เจ็บนะ..เล่นเหี้ยๆ”
ว่าแล้วเอามือลูบหน้าผากตัวเองเบาๆ
แสบชิบหายย!!
“จะว่าไป…ไม่ได้ยินเสียงไอ้ไนท์กับไอ้เต้ยเลยว่ะ”
หนุ่มหน้าตี๋เปรยขึ้นลอยๆ เสตาไปมองคนตรงข้ามที่เสียบหูฟังไว้ในหู มือก็กดซัมซุงกาแล็กซี่โน๊ตสองของตัวเองไปพลาง
ก่อนจะเหลือบไปมองอีกคนที่ทำหน้าบูดเอามือเท้าคางหันไปมองนอกร้านผ่านกระจกบานใส
“ไอ้คู่นี้ท่าจะคืนดีกันยากว่ะ” ทินหันกลับมามองเพื่อนอีกสองคน
ทั้งสองได้แต่ถอนหายใจเบาๆกับอาการต่างฝ่ายต่างเมินของไอ้เพื่อนสองตัว
“ว่าแต่…เมื่อกี้มึงเหม่อไรวะ”
คนตรงข้ามถามด้วยเขาน้ำเสียงปนสงสัย กานต์สะดุ้งเฮือกก่อนจะอึกอักไม่ยอมตอบคำถาม
ก็จะให้เขาตอบไปได้ไงเล่าว่านึกถึงไอ้เด็กคนที่มาสารภาพรักกับเขาน่ะ!!
“นั่นแน่…ลับลมคมในนะมึง
ให้กูเดานะ…อืมมม…” หนุ่มขี้เล่นเดาะลิ้น แอบเหลือบมองท่าทีเลิ่กลั่กของเพื่อนไปพลาง
“มึงนึกถึงคนที่สารภาพรักกับมึงใช่ม้าา…”
ว่าแล้วก็หลุดขำพรืดออกมากับอาการหน้าแดงระเรื่อที่ถูกจี้ใจดำของคนตรงข้าม
“มันก็ไม่แปลกหรอกว่ะที่ไอ้เชี่ยกานต์มันจะใจเต้น ก็น้องเขาน่ารักซะขนาดนั้น”
หนุ่มหน้าตี๋เอ่ยยิ้มๆ ตาเป็นประกายกับอากัปกริยาคนข้างตัวที่นานๆจะได้เห็นสักที
“กูยังไม่ได้บอกสักคำว่ากูคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า!”
กานต์ตะคอกเสียงดังเถียงข้างๆคูๆทั้งที่สีหน้าแสดงความจริงออกมาจนหมด
จนคนนั่งข้างๆอดไม่ได้ที่จะตบกะโหลกไปเต็มเหนี่ยว
“อย่ามาสตอร์หน้ามึงออกซะขนาดนั้น…ว่าแต่
มึงหวั่นไหวกับผู้ชายเหรอวะ!? มึงเชี่ยวผู้หญิงจริงป่าวเนี่ยยยย”
หนุ่มหน้าตี๋ยิงคำถามใส่กานต์ที่เอามือคลำหัวตัวเองป้อยๆ
ก่อนเงื้อมือตบหัวเจ้าของคำถามคืนดังป๊าบใหญ่เป็นคำตอบแทน
“กานต์นี่มึงจะเป็นเกย์เหรอวะ” อยู่ดีๆคนนั่งหัวโต๊ะที่เงียบมานานก็เอ่ยขึ้นมา
สีหน้าจริงจังของเต้ยทำเอาเขารีบแก้ตัวเป็นพัลวัน
“เอาเชี่ยไรมาพูด!!”
“ก็ดีกูยังไม่อยากมีเพื่อนผิดเพศเพิ่ม” พูดจบก็หันไปจ้องกระจกบานใสเหมือนเดิม
ทิ้งให้เพื่อนที่เหลือมีเครื่องหมายเควชชั่นมาร์กลอยมาเต็มหัว
อ้อ! ยกเว้นคนนึง
รายนั้นนอกจากจะใส่หูฟังแล้วยังกดเล่นเกมยิกๆไม่ได้สนใจโลกภายนอกเล้ยยยยย
“ว่าแต่ตกลงมึงกำลังนึกถึงน้องคนเมื่อเช้าใช่ป่าว”
หลังจากที่เลิกมึนกับประโยคบอกเล่าลอยๆเมื่อครู่ หนุ่มหน้าตี๋ก็หันขวับกลับมาถามคำถามเดิมที่ยังไม่ได้รับคำตอบ
กานต์ยักไหล่ไหวๆเอามือเกาต้นคอตัวเองเล่นๆก่อนจะตอบกลับไปส่งๆ
เสียงอ่อย “เออ…ก็นิดหน่อย…”
“จริงเหรอวะเป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่มึงคิดถึงคนอื่นนอกจากตัวเอง…
โอ๊ยย!!” พูดยังไม่ทันจบดีก็ได้ฝ่ามือหนักๆฟาดผัวะเข้าที่หัว
โจยกมือขึ้นลูบๆผมสีน้ำตาลทองของตัวเองก่อนจะรัวยิงคำถามใส่เด็กหนุ่มหน้าตี๋ที่กำลังอมยิ้มน้อยๆอย่างอารมณ์ดี
“แล้วน่ารักมากป่ะวะ…สูงกว่ารึเตี้ยกว่าไอ้กานต์มัน…หน้าตาเป็นไงอ่ะ”
“กูเห็นแวบหนึ่ง สูงพอๆกับไอ้กานต์มันเนี่ย” ทินตอบพลางทำท่าคิด
กานต์ก้มลงดูดเป๊ปซี่ตรงหน้าเสียงดัง
ยกหน้าที่ตอบคำถามทั้งหลายไปให้ไอ้สปายชอบเผือกหมายเลขหนึ่งประจำกลุ่ม แน่นอนว่าหมายเลขสองหนีไม่พ้นไอ้คนผมทองที่กำลังทำตาวาวระยับรอคำตอบ
“หน้าตาน่ารักนะ หน้าตาเหมือน…” พูดยังไม่ทันจบเสียงของโมบายเปลือกหอยตรงประตูหน้าร้านก็ส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเรียกสายตาของพวกเขาให้หันไปมองผู้มาเยือนคนใหม่
ร้านนี้จัดว่าเป็นร้านที่มีบรรยากาศและรสชาติอาหารดีทีเดียว
แต่ด้วยความที่สถานที่ตั้งของร้านไกลจากตัวมหาวิทยาลัย บวกกับวันนี้เป็นวันธรรมดาทำให้ไม่มีลูกค้าคนอื่นนั่งอยู่ภายในร้านเลยนอกจากโต๊ะพวกเขา
คนที่เดินนำหน้าเข้าร้านมาคนแรกสวมเสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวสะอาดติดกระดุมจนชิดคอ
เนคไทมหาลัยสีกรมท่าถูกผูกอย่างเรียบร้อย พวงหน้าขาวจัดแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อยจากไอแดดด้านนอก
ผมสีน้ำตาลอมแดงเปียกชื้นจากเหงื่อที่ซึมผุดออกมาบริเวณไรผม
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มหลุบต่ำลงมองพื้นกระเบื้องสีฟ้าสวยด้านหน้า
หยุดยืนรออีกคนด้านหลังที่เหงื่อโทรมไม่แพ้กันเดินตามเข้ามาในร้าน
“เหมือนคนนั้น…คนนั้นเลย!”
เด็กหนุ่มหน้าตี๋โพล่งขึ้นมาเสียงดังลั่นอย่างยั้งไม่อยู่ เรียกให้คนถูกพาดพิงเหลือบมองมาทางโต๊ะพวกเขา
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสะดุดกึกจับจ้องอยู่ที่ดวงตาเรียวคมสีดำที่มองมาอยู่ก่อน
เรียวปากบางสีชมพูใสส่งยิ้มน่ารักกลับมาให้
กานต์ผลุบสายตาหลบต่ำก้มลงมองพื้นกระเบื้องสีฟ้าใสเบื้องล่างแทนการสบดวงตาคู่สวยกับรอยยิ้มชวนหลงใหล
พวงหน้าขาวอมชมพูของเขาขึ้นสีแดงระเรื่อจางๆ
เผลอกัดริมฝีปากสีแดงจัดรูปกระจับของตัวเองซะจนแทบช้ำ
นึกก่นด่าในความคิดอกุศลของตัวเองที่นึกอยากจะฉวยริมฝีปากสีชมพูนั้นมาบดจูบเสียให้หนำใจ
เขาสะบัดหัวแรงๆให้กับความคิดที่แล่นปราด
ไม่ได้ๆ ไอ้หมอนั่นมันผู้ชายเว้ยยยย!!
ไอ้กานต์ตื่นๆ
“ขอโทษค่ะ อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ” เขาสะดุ้งตื่นจากความคิดทันทีที่อาหารหอมฉุยถูกยกมาวางเบื้องหน้า
บรรดาเพื่อนๆร่วมโต๊ะของเขาต่างละสายตาจากผู้มาเยือนสองคนที่ตอนนี้ไปนั่งโต๊ะฝั่งตรงข้ามพวกเขา
กานต์หยิบส้อมขึ้นม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ไก่พริกไทดำของตัวเองเข้าปากคำโต ก่อนเสียงอู้อี้ๆน่าหนวกหูจะดังขึ้นจากคนผมสีน้ำตาลทองที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“แอ่งอ่าอั้กอิงอิงอ้วยอ่ะ” โจพูดเสียงอู้อี้ๆ
มือก็ตักไข่ดาวฟองโตเข้าปากไม่หยุด
เขาหม่นคิ้วด่าคนตรงข้ามที่พูดไม่รู้เรื่อง
“พูดส้นตีนไรไม่รู้เรื่อง…แดกให้หมดก่อนได้มั้ยวะ”
ด่าจบก็ตักสปาเก็ตตี้เข้าปากพอดีกับที่คนตรงข้ามกลืนไข่ดาวลงคอดังเอื้อกพอดี
“กูบอกว่าแม่งน่ารักจริงๆด้วย” เด็กหนุ่มพูดก่อนจะหันมาคว้าแก้วดูดเป๊ปซี่อึกใหญ่ไล่ไข่ดาวที่ค้างเติ่งตรงคอให้ลงไปในกระเพาะ
เขาเลิกคิ้วพร้อมทั้งแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าหมายถึงใคร
“มึงหมายถึงใคร”
“หูยยย…อย่ามาเสือกแกล้งเขางอกตอนนี้ว่ะ
กูหมายถึงน้องจดหมายหวานสะดิ้งเมื่อเช้าไง” ว่าแล้วก็เอามือป้องปากกระซิบกระซาบเหล่ตาไปมองทางโต๊ะฝั่งตรงข้าม
“มึงว่าน้องเขามากับใครวะ”
“ไม่รู้ดิ…แฟนน้องเขามั้ง”
เขายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แต่สายตาก็แอบเหลือบไปมองโต๊ะฝั่งตรงข้ามอยู่ดี
ไล่สายตาสำรวจเค้าโครงหน้าตั้งแต่หน้าผากหม่นลงมาจนถึงปลายคางเรียว
เขายอมรับจริงๆว่าน้องคนนั้นเป็นคนหน้าตาน่ารักมาก
ถ้าบอกว่าเป็นผู้หญิงปลอมตัวเป็นผู้ชายเขาคงเชื่ออย่างสนิทใจไม่ยาก
กานต์ละสายตาจากคนน่ารักไปมองชายอีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกัน
ผมสีดำสนิทรับกับคิ้วเข้มที่พาดตรง ดวงตาคมเข้มสีดำบ่งบอกได้ว่าเป็นคนจริงจัง
“กูว่าคงไม่ใช่แฟนหรอก
ก็น้องเขาเพิ่งบอกรักมึงเมื่อเช้าเองนี่” ทินเอ่ยก่อนจะกวาดเอาข้าวขาหมูคำสุดท้ายใส่ปากเคี้ยวตุ้ย
โจดีดนิ้วเป๊าะอย่างคิดได้ “ฮ่าๆ ถ้าน้องเขาชอบมึงจริงนะน้องเขาต้องรู้ว่ามึงชอบกินบัวลอยหลังกินข้…”
ยังพูดไม่ทันจบเสียงพนักงานเสริ์ฟก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ขอโทษค่ะขออนุญาตเสิร์ฟของหวานค่ะ” ว่าแล้วก็จัดแจงวางถ้วยกระเบื้องสีขาวมุกขนาดกระทัดรัดที่ภายในถ้วยบรรจุไปด้วยน้ำกะทิข้นหวานกับแป้งนิ่มๆสีขาวเนียนลงตรงหน้าหนุ่มร่างโปร่งที่กระพริบตาปริบๆ
เขามองบัวลอยตรงหน้าอย่างงุนงง เพื่อนทั้งโต๊ะหันมามองถ้วยบัวลอยกันอย่างพร้อมเพรียง
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทองรีบท้วงพนักงานเสิร์ฟที่กำลังจะเดินกลับออกไปอย่างร้อนรน
“น้องครับ โต๊ะพี่ไม่ได้สั่ง” นิ้วชี้ไปยังถ้วยบัวลอยตรงหน้าเพื่อน
“อ๋อ…พอดีโต๊ะนู้นสั่งมาให้ค่ะ”
พนักงานส่งยิ้มน่ารัก พยักพเยิดไปทางโต๊ะฝั่งตรงข้ามที่มองมาอยู่
ก่อนจะขอตัวกลับเข้าไปในครัว
กานต์หันหน้าไปมองโต๊ะฝั่งตรงข้ามจนสบเข้ากับพวงหน้าขาวนวลเนียนของเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เป็นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย
ริมฝีปากบางสีชมพูคลี่ยิ้มน่ารักมาให้
กานต์มองตาค้างก่อนจะรีบผลุบตาลงต่ำเมื่อเริ่มรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผะผ่าว
ไอ้กานต์เอ้ยยย!! ผ่านหญิงมาก็เยอะ…ทำไมมาเขินผู้ชายด้วยกันวะ!
“เอาแล้วไง…สงสัยกานต์คงได้เมียไวๆนี้แหละ”
โจหัวเราะร่าก่อนเดาะลิ้นระรัวเล่น ส่งผลให้โดนทิชชู่ก้อนกลมปาผัวะเข้าที่หน้าผากเต็มแรง
“กูไม่ใช่เกย์ไอ้เวร” เขาส่งเสียงรอดไรฟันอย่างหัวเสีย
แต่ก็ยอมรับว่าแอบเทใจให้กับความน่ารักไปนิดนึงแล้วล่ะ
“กูวางพนันสามร้อยคนนี้ไอ้กานต์เอาชัวร์” เด็กหนุ่มหน้าตี๋เอามือตบโต๊ะดังปึง
ก่อนที่เสียงสรวลหัวเราะของเพื่อนๆอีกสามคนจะดังขึ้นมา
“กูให้สี่เลย…สัดกานต์เสร็จน้องเขาชัวร์”
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเอานิ้วเคาะรัวบนโต๊ะเป็นจังหวะอย่างอารมณ์ดี
“งั้นกูวางพนันด้วยสามร้อย ไอ้กานต์ไม่เอา” เต้ยที่นั่งเงียบอยู่นานโพล่งขึ้น ควักแบงก์ร้อยสามใบจากกระเป๋าตังค์ลาคอสต์สีดำมาวางป๊าบลงบนโต๊ะ
เรียกเสียงหัวเราะกร๊ากจากตัวต้นคิด
“แล้วมึงอ่ะไนท์ไม่เอาหรอ” โจหันไปถามคนที่นั่งเงียบไปพูดไม่จามาพักใหญ่
“มึงก็รู้ว่าบ้านกูไม่ได้รวย” เด็กหนุ่มผลุบสายตาลงต่ำพลางส่งยิ้มน้อยๆให้เพื่อน
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทองยื่นมือไปตบบ่าเบาๆ ส่งยิ้มเย็นให้ “ถ้าบ้านมึงไม่รวยนะ…กูลูกแม่ค้าแล้วสัด! ไอ้ลูกชายเจ้าของบริษัทประกัน” ว่าจบก็ขยี้ผมสีแดงของไอ้คนข้างตัวจนยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง
“นี่…พวกมึงจะพนันส้นตีนไรกันอีกนานมั้ย!
กูอายคนอื่นจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดลงรูไหนแล้ว!” กานต์ตะโกนเสียงดังก่อนเอาฝ่ามือขาวๆทั้งสองข้างมาปิดหน้าที่แดงฉ่าเอาไว้
ไอ้ห่าคุยกันเสียงยังกะปรอทแตก
น้องเขาได้ยินไปถึงไหนต่อไปไหนแล้ว!! หัดมองรอบตัวมั่งว้อยยย!!
พนักงานทั้งร้านหันมามองหมดแล้ว!! แสรดด!!
“ฮ่าๆ โทษทีพวกกูลืมตัว…นี่มึงแดกไวๆดิเดี๋ยวเข้าเรียนตอนบ่ายสองไม่ทัน” โจหันมายิ้มแหยๆเกาหัวแกรกๆหลังจากพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ห่า! ทียังงี้มาเร่ง! เขาส่ายหัวอย่างระอา
มือเรียวหันไปตักบัวลอยตรงหน้าเข้าปาก
รสชุ่มช่ำของกะทิแทรกซึมไปทั่วลิ้นทำเอาเขายิ้มแก้มปริ
เวลากินของที่ชอบก็มีความสุขยังงี้แหละ
กินไปจนเกือบหมดถ้วยท่ามกลางสายตาที่มองมาของเพื่อนๆทั้งโต๊ะ ทำเอาเขาเกือบจะกินไม่ลง
ก็แม่งคนจะกินใครเขาสอนให้มองวะ!
เขาละสายตาจากถ้วยขนมตรงหน้าเหลือบไปมองตรงฝั่งตรงข้ามจนสบเข้ากับพวงหน้าขาวที่นั่งเท้าคางมองมาที่เขาอยู่ก่อน
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมีแววขบขันเล็กน้อยกับท่าทีเลิ่กลั่กของเขา ริมฝีปากสีชมพูส่งรอยยิ้มแสนหวานมาให้
เขารีบหลบสายตาก้มลงมองถ้วยขนมตรงหน้า ใบหน้าของเขาเริ่มร้อนผะผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง….
นายกานต์ กริตยสานนท์
บุคคลผู้ขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้ติดอันดับหนึ่งในสิบของมหาวิทยาลัย
ด้วยรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร บวกกับฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างดี
ทำให้คว้าตำแหน่ง‘หนุ่มวายร้ายที่สาวๆอยากควงมากที่สุด’
มาจนได้
และด้วยกิตติศัพท์อันเลื่องชื่อนี่เองทำให้มีสาวๆมากหน้าหลายตารุมล้อมมาสารภาพรักกับเขา
และนายกานต์เองก็ไม่เคยปฏิเสธคนที่เข้าหา และไม่รั้งคนที่ออกไป ตามประสาคนเจ้าชู้
กิตติศัพท์อันเลื่องชื่อ ไม่ปฏิเสธคนที่เข้าหา แต่เกิดมายี่สิบสองปีเพิ่งเคยโดนผู้ชายบอกรัก
แถมไอ้อาการใจเต้นระรัว กับใบหน้าแดงเรื่อตอนสบตากันเนี่ย มันทำให้เขาคิดไม่ตก
นี่ตกลงกูหลงเสน่ห์ผู้ชายเหรอวะ!!
…............
..........
ความคิดเห็น