ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter IV : Brother & Sister (พี่น้องตระกูลนักรบ) RW
ซี่เหล็กหนาทิ้งตัวดิ่งลงขวางกั้นเส้นทางเฉียดเพียงปลายจมูกของกาเบรีย
แต่ยังไม่ไวพอที่จะเฉือนเอาเนื้อของเด็กชายไปเป็นของฝากผู้ที่ตั้งใจให้มันทิ้งตัวลงมา
เด็กชายชะงักฝีเท้ากึกอย่างกะทันหัน ดวงตาสีเทาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ยืนนิ่งไม่ไหวติงอย่างฉงนสงสัย
เสียงฝีเท้าดังขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วหยุดไป
ไม่มีเสียงใดอื่นอีกนอกจากความเงียบ แต่แล้ว.....
เสียงหายใจแผ่วดังขึ้นอย่างกระชั้นชิด
ลมร้อนปะทะเข้ากับต้นคอของเด็กชายจนเขาสะดุ้งโหยง
เหวี่ยงตัวหันหลังไปมองที่มา
ดวงตาสีน้ำเงินสดใสจ่อกระชั้นชิดใบหน้าของเด็กชายห่างเพียงแค่คืบ
ใบหน้าขาวนวลแฝงความขี้เล่นของหญิงสาวตรงหน้าทำเอากาเบรียตกใจ
ถอยฝีเท้าไปติดซี่ลูกกรง
หญิงสาวคลี่ริมฝีปากแดงยิ้มบอกท่าทางชอบใจกับใบหน้าแสดงความตกใจของเด็กชาย
แล้วหล่อนก็ม้วนตัวกลางอากาศกลับหลังครั้งหนึ่งก่อนจะไปหยุดลงใจกลางห้อง
ฟรอเซล!?
กาเบรียพึมพำกับตนเองในใจพลางหรี่นัยน์ตาสีเทาลงสังเกตการณ์
เมื่อกี้เด็กชายไม่เห็นรู้สึกว่ามีคนอยู่ใกล้เลยแม้แต่น้อย
แล้วแถมยังมาอยู่ซะกระชั้นชิด
หญิงสาวที่กาเบรียเรียกว่าฟรอเซลดีดนิ้วครั้งหนึ่ง
แล้วพูดเสียงดังเหมือนกำลังพูดอยู่กับใครอีกคน
ทั้งๆที่ห้องนี้ก็ไม่มีใครอีกนอกจากเด็กชายกับหล่อน
"เฮ้! ไซครอฟ มีแขกแน่ะ"
ไซครอฟ!??
เด็กชายทวนคำของฟรอเซลอย่างตกตะลึง ร่างกายเกร็งขึ้นมาฉับพลัน
ขณะเดียวกันกับที่ใจกลางห้องบังเกิดแสงประหลาดวาบขึ้น
พร้อมปรากฏร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่ง!!???
จากภาพที่เลือนลางของบุรุษผู้นั้นก็ค่อยๆปรากฏชัดขึ้นๆ
นัยน์ตาสีน้ำเงินสวยทว่าเย็นชาเหลือบมองตรงมายังเด็กชายที่กำลังยืนตัวแข็งทื่อ
บุรุษหนุ่มหรี่ดวงตาลงจับภาพพร้อมกับสบถในใจอย่างหงุดหงิด
คิ้วเข้มขมวดมุ่นขึ้นอย่างรำคาญใจ
เด็ก!!
นัยน์ตาสีน้ำเงินวาววับประกายดุมองสะท้อนภาพเด็กชายที่น้องสาวของตนเรียกว่า
แขก ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แล้วบุรุษผู้เย็นชาก็เบนหน้าไปทางผู้เป็นน้องสาว
พร้อมกล่าวด้วยเสียงเข้ม
"ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆเด็กจะมาเดินป้วนเปื้ยน พาไปส่งผู้ปกครองซะ ฟรอเซล"
ผู้เป็นเจ้าของนามที่ถูกออกคำสั่งเผยรอยยิ้มบาง
นัยน์ตาสีเดียวกันกับผู้เป็นพี่ประกายพราวอย่างขี้เล่นเป็นนิสัย
หล่อนยังยืนนิ่งราวกับเสียงที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ
แต่ริมฝีปากแดงก็ขยับพูดแย้งเสียงเรียบแฝงกระแสหยั่งเชิง
"ถ้าแม้แต่ผู้ปกครองของเขาคือ ดร. ดาร์คเนส น่ะหรือ"
บุรุษผู้รับฟังชะงักฝีเท้ากึก เปลี่ยนสีหน้าจากรำคาญใจเป็นไม่เชื่อถือ
ขณะหันไปมองดูเด็กชายที่ยืนทำท่าพร้อมรบอยู่ทุกขณะ
เขาหันหน้ากลับไปทางน้องสาวพลางโคลงศีรษะ กล่าวค้านเสียงเครียด
"เหลวไหล!"
ริมฝีปากแดงของฟรอเซลเหยียดยิ้มหนักกว่าเก่า
หล่อนไล้นิ้วเรียวไปตามริมฝีปากล่าง
นัยน์ตาสีน้ำเงินเช่นเดียวกับพี่ชายยังคงประกายระริก
"แล้วถ้าชั้นบอกพี่ว่าเด็กคนนี้เกี่ยวข้องกับ 'แฟ้มลับของไอน์สไตน์' ล่ะ"
สีหน้าของผู้ฟังที่เคร่งขรึมอยู่เป็นนิจอยู่แล้วเมื่อได้ฟังจบประโยค
ยิ่งเคร่งเครียดหนักกว่าเก่าเป็นสองเท่า
ฟรอเซลมองสบพี่ชายของหล่อนแล้วกล่าวต่อด้วยเสียงเรียบเช่นเดิม
"และตอนนี้... ก็กำลังพยายามหลบหนีออกจากBABYLONIS"
ใบหน้าของบุรุษผู้เย็นชาพลันแปลเปลี่ยน
นัยน์ตาลุกโชนวาวโรจน์อย่างทรงอำนาจ ปรากฏรอยยิ้มเย็นภายใต้อารมณ์คุกรุ่น
แล้วเสียงเย็นเยียบก็ดังกึกก้องไปทั่วโสตประสาต
"ไม่เคยมีผู้ใดที่ก้าวล้ำเข้ามามีชีวิตรอด
และไม่มีผู้ใดที่กล้าลองดีหลบหนีเหลือลมหายใจ"
นัยน์ตาวาวจ้องมายังเชลยเรียกเอาขุมขนทั้งหลายพากันตั้งชัน
ร่างกายเกร็ง แขนขาแข็งทื่อขณะที่สมองวิ่งแล่นอย่างครุ่นคิด
'แฟ้มลับของไอน์สไตน์' BABYLONIS คืออะไรกัน!!?
ทำไมถึงมีผลกับชายผู้แสนเย็นชาไซครอฟคนนั้น แล้วตอนนี้... ที่สำคัญกว่านั้น
ชายผู้ถูกขนานนามว่าเชี่ยวทางดาบมากที่สุด
ไม่มีทางปล่อยให้ผู้ที่หลบหนีได้ออกไปเดินลอยชายข้างนอกอย่างเป็นๆ!!!??
ขณะที่บรรยากาศกำลังคุกรุ่น หญิงสาวเพียงผู้เดียวยังคงเหยียดยิ้ม
ยิ้มอย่างพึงพอใจกับภาพตรงหน้า หล่อนอยากทดสอบอะไรบางอย่างที่หล่อนหยั่งไม่ถึง
ใจของหล่อนกำลังร้องส่งสัญญาณเตือน เตือนว่าจะมีภัยจากเด็กชายที่ยืนเกร็งอยู่ตรงหน้าพี่ชายของหล่อน
และลางสังหรณ์ของหล่อนไม่เคยพลาด!!?
เอาล่ะ แสดงให้ชั้นดูหน่อยซิ
สิ้นเสียงในห้วงความคิด ร่างของหญิงสาวก็พลันเลือนหายไปกับธาตุอากาศ
หลงเหลือเพียงคลื่นแห่งภัยพิบัติที่กำลังคุกคามกาเบรีย
เหงื่อซึมไหลย้อยลงมาตามใบหน้าและฝ่ามือ
แม้บุรุษตรงหน้าจะยังไม่ได้ทำแม้ขยับตัว
แต่เพียงบรรยากาศอึมครึมก็ทำเอาเด็กชายเคร่งเครียด ในเมื่อ...
สภาพห้องกำลังเปลี่ยนไป!!?
หัวใจเต้นเร่าๆราวกับกำลังวิ่งอย่างเหนื่อยหอบ เลือดในกายฉีดพล่าน
ท้องไส้บิดมวนดังกับขาดอาหารมาเป็นเวลานาน
แต่ทุกสิ่งในกระเพาะกำลังดันขึ้นมาจุกอยู่ในหลอดลม
เมื่อสายตาได้ประจักร
ดั่งทะเลเพลิงขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆสร้างความร้องระอุ
ซากโครงกระดูกที่พยายามคิดว่าเจ้าของเก่าจะเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานกลาดเกลื่อนอยู่แทบเท้า
กลิ่นเหม็นเน่าซากศพชวนให้คลื่นไส้ เหล่าภูติพรายไม่ก็ปิศาจกำลังคืบคลานอย่างเชื่องช้า
และพร้อมใจกันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนเป็นภาพอันน่าสยดสยอง
ไม่ต่างอะไรไปจากนรกภูมิที่เคยได้ฟังคำเล่าขานต่อๆกันมา
เสียงหัวเราะก้องเรียกสติของเด็กชายกลับมาด้วยอาการสะดุ้งเฮือก
เสียงหัวเราะดังกับปิศาจร้ายซึ่งเย็นเยียบลึกไปถึงขั้วหัวใจ
ร่างของบุรุษตรงหน้าลอยสูงขึ้นไปกลางอากาศ
ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างเหื้ยมโหดพร้อมกล่าวคำประกาศิตก้อง
"เจ้าเด็กที่เกี่ยวข้องกับแฟ้มลับ
ถ้าอยากออกไปจากที่นี่นักขอชั้นเล่นซ่อนหาด้วยสักหน่อย
กฎมีเพียงสองข้อ หาชั้นให้เจอ และ... ผ่านเจ้าพวกนั้นไปให้ได้"
พลันเสียหยุดลง ร่างของชายหนุ่มเลือนหาย ขณะที่กองซากโครงกระดูกกำลังสั่นไหว
ปิศาจร่างผอมแห้งท่าทางหิวกระหาย นัยน์ตาลึกโบ๋แดงก่ำ ตัวไม่สูงไปกว่ากาเบรียสักเท่าไหร่นัก
กำลังพยายามตะเกียดตะกายขึ้นมายืนหยัดอยู่บนซากกองโครงกระดูก
นัยน์ตาลึกโบ๋ไร้แววจดจ้องเหยื่อเพียงหนึ่งเดียวของมัน
สิบ... ร้อย... มากกว่านั้น!!
เด็กชายกวาดสายตาคะเนจำนวนของฝ่ายตรงข้ามพลางใช้สมองคำนวณการต่อสู้ที่ไม่เคยต้องการ
ปิศาจมากกว่าร้อยตัวแถมยังหิวกระหาย มีเพียงเด็กชายเท่านั้นที่ต้องรับมือ
เขาพึ่งจะตระหนักได้เดี๋ยวนี้เองว่าการดันทุรังออกไปโลกภายนอกมันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ!!
แต่จะมากลับลำเอาตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ไม่มีทางให้ถอยหลังกลับมีแต่มุ่งต่อไปข้างหน้าเท่านั้น
ความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่ต้องยึดมั่นคือการต่อสู้เข้าปะทะกับพวกปิศาจชั้นต่ำ
และหาบุรุษเลือดเย็นให้เจอ แต่จะสู้ไหวหรือ!!??
ปิศาจกว่าร้อยตัวค่อยๆคืบคลายเข้ามา เด็กชายผู้ไร้ซึ่งอาวุธก็หาวิธีเอาตัวรอดอีกครั้ง
ดาบ... มีด... ปืน!!!
ปืนสั้นช็อตกันปรากฏในครอบครองของเด็กชาย
ลำกล้องหันเข้าหาเจ้าพวกปิศาจชั้นต่ำ กราดยิงห่ากระสุนอย่างไม่คิดจะหมดแม็ก
เพียงหนึ่งนัดต่อหนึ่งตนแม่นยำราวจับวาง ความสามารถที่เหนือกว่าปิศาจจากการฝึกฝนร่วมสามเดือน
แต่กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ปิศาจที่คาดว่าไร้พิษสงเมื่อลงไปนอนกองกับพื้นผุดลุกขึ้นมาได้อย่างกับเป็นอมตะ
เรียกให้นัยน์ตาสีเทาฉายแววตื่นตระหนก แต่ก็ยังกราดยิงอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุดพัก
ริมฝีปากบางของบุรุษผู้เฝ้าสังเกตการณ์เหยียดยิ้มเย็น
หัวเราะในลำคออย่างดูแคลนให้กับเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่กล้าท้าลองของอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้
มองดูสีหน้าฉายแววร้อนรนอย่างเห็นได้ชัดเจน
บัดนี้เด็กชายกำลังรับศึกหนัก พวกปิศาจชั้นต่ำกว่าร้อยเริ่มตีวงเข้าล้อมเขาเอาไว้ทุกทิศ
ปิศาจชั้นต่ำ... แต่ยิงเท่าไหร่มันก็ไม่ตาย กลับลุกขึ้นต่อต้านด้วยพละกำลังที่มากกว่าเดิมอีกเท่าตัว
อย่าว่าแต่ร้อย ถึงมีแค่สิบเขาก็จะเอาไม่ไหว เรี่ยวแรงหมดไปซะดื้อๆ
กระสุนแม้จะไม่หมดแต่ดูท่าว่าเขาจะไม่มีแรงยกขึ้นมาเหนี่ยวไกซะเอง
ความอ่อนแรงถาโถมเข้าใส่เด็กชาย มันเกินกำลังเด็กคนหนึ่งจะรับไหว
เหล่าปิศาจชั้นต่ำตีวงเข้ามาใกล้ขึ้นทุกลมหายใจแผ่ว
กรงเล็บยาวเฟื้อยทว่าแข็งแกร่งประดุจเหล็กง้างออกเต็มที่
เป้าหมายคือศีรษะของเด็กชายที่ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะต่อสู่อีกต่อไป
แค่ครั้งเดียวแล้วจบ คงไม่เจ็บสักเท่าไหร่
เด็กชายคิดในเสี้ยววินาทีดับจิตแล้วเปลือกตาก็ปิดลงอย่างปลงสังขาร
และปิดลงแน่นเมื่อกรงเล็บมรณะฟาดผ่านสายลมหวือ
ฟึ่บ!!!
จิตสังหารพลันดับวูบ บรรยากาศอันร้อนระอุกลับสงบอย่างประหลาด
เสียงร้องโหยหวนกัมปนาทเงียบหายไปโดยสิ้นเชิงเล่นเอาใจหาย
ศีรษะของกาเบรียยังอยู่ดีไม่ได้หลุดจากบ่าไปกลิ้งโค่โล่อยู่บนพื้น และไม่ใช่แค่นั้น
เพราะเพียงแค่หลับตา... ห้องทั้งห้องก็แปลกลับสภาพเดิม!!!
ภาพลวงตา!!?
ในใจตระหนักแล้วริมฝีปากของเด็กชายก็เหยียดยิ้ม
บุรุษผู้ชวนเล่นซ่อนหายังไม่ได้หลบฉากหายไปไหน
ชายหนุ่มเพียงแค่กลบร่องรอยแล้วยืนอยู่บริเวณมุมหนึ่งของห้อง
เห็นแล้วก็ยกกระบอกปืนเล็งเป้า ปลดเซฟ แล้วเหนี่ยวไกทั้งยังหลับตา
ลูกกระสุนพุ่งทะยานแหวกว่ายไปตามกระแสของสายลมอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า !!!?
ชายผู้ยืนเป็นเป้าลูกของตะกั่วกลับไวกว่านัก ขยับฝีเท้าเบี่ยงตัวหลบภายในระยะกระชั้นชิด
ลูกปืนทำได้เพียงเฉี่ยวใบหน้าของเขาถากๆ เลือดไหลซิบออกจากปากแผลของบุรุษ
ที่ดวงตาประกายยังคงวาววับแม้เพิ่งจะหลบลูกปืนได้อย่างหวุดหวิดก็ตามที
เขายกมือขึ้นมาปาดเลือดสีสดพร้อมกับลิ้มรสชาติด้วยปลายลิ้นอย่างกระหาย
สีหน้าเย็นชา บรรยากาศเย็นยะเยือก แต่ฉับพลันก็แปลเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย็น
ขณะเค้นเสียงคำรามในลำคออย่างชอบใจ
บุคคลอันตราย!!? สนุก.. ที่ได้ต่อสู้ ยินดี.. ที่ได้เห็นโลหิต !!!
กาเบรียขยับเปลือกตาให้เปิดขึ้น ภายในห้องกลับมาคงสภาพเดิม
อย่างไม่เหลือเค้าขุมนรกของภาพลวงตาเมื่อครู่ เพียงแต่... ว่างเปล่า ว่างเกินไป
เพราะแม้บุรุษที่สมควรจะปรากฎตัวออกมาได้แล้วกลับไม่ปรากฎตัวออกมาดังที่คาด
แล้วเพียงเสี้ยววินาทีที่กระพริบตา...
ไซครอฟก็ยืนประจันหน้ากับกาเบรียจากอากาศธาตุที่ว่างเปล่า
นัยน์ตาสีน้ำเงินประกายดุดันเฉกเช่นสัตว์ป่าหิวกระหาย
ริมฝีปากแดงที่บางจัดเหยียดยิ้มเหื้+ยมเบาบาง ชายหนุ่มก้าวขายาวสาวเท้าเข้าหาเด็กชาย
แม้อีกไม่กี่คืบหน้าของกาเบรียก็จะชนเข้ากับแผ่นอกของเขาแล้วก็ตาม
ทำให้เด็กชายก้าวเท้าถอยออกห่างอย่างไม่รู้ตัว
นาน... กว่าจะรู้ตัวว่าร่างของบุรุษตรงหน้าหายไปจากเบื้องหน้าของเด็กชายอีกครั้ง
เพราะครั้งนี้แม้ชายหนุ่มจะเลือนหายไปแต่ภาพกลับยังตกค้างอยู่ในดวงตาของกาเบรีย
เพียงแต่ความรู้สึกของจิตสังหารได้หายไปพร้อมกับร่างของชายหนุ่มด้วย
แต่แววตาประหลาดใจก็ไม่ได้ฉายอยู่บนใบหน้าของเด็กชายแต่อย่างใด
เมื่อตระหนักได้ก่อนหน้านี้แล้วว่า
เงื่อนไขยังไม่จบสิ้น!!!? การต่อสู้จึงปะทุขึ้น!!
ร่างที่หายไปเมื่อครู่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วเบื้องหลังของกาเบรีย
ชายหนุ่มทิ้งลำแขนแข็งแกร่งกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของเด็กชาย
กระแสความเจ็บปวดแล่นเข้าใส่เบื้องหลังแล้วค่อยๆลามถ่ายถอดไปจุกอยู่ที่ลิ้นปี่
แรงอัดกระแทกซัดเด็กชายพุ่งถลาไปข้างหน้าแล้วทรุดลงไปนอนกองกับพื้นอันเย็นเยียบอย่างไร้ความปรานี
ชายหนุ่มยังคงโถมร่างตามเป้าหมายอย่างไม่หยุดยั้งความพยายาม
เงื้อกำปั้นทรงพลังที่ห่อหุ้มด้วยกระแสของลำแสงสีขาวที่วิ่งแล่นวนอยู่รอบๆเตรียมเหนี่ยว
ทว่ากาเบรียไหวตัวทันฝืนดีดตัวขึ้นจากพื้นทั้งๆยังจุกหลบกำปั้นอันหนักหน่วงทันการณ์
เมื่อเป้าหมายที่เคยเล็งเคลื่อนย้าย กำปั้นที่ไม่สามารถหยุดรั้งก็ทิ้งตัวลงบนพื้นปูนอย่างแม่นยำ
เศษฝุ่นผงปลิวกระจายเมื่อเศษฝุ่นจางลงเผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่เฉกเช่นบนดวงจันทร์
เด็กชายจ้องมองหลุมกว้างตาค้าง จินตนาการไปว่าถ้าเกิดตนหลบไม่ทันท่วงทีละก็...
สภาพเขาในตอนนี้ก็คงไม่ต่างไปจากหลุมนั่นเท่าไรนัก!!!??
มีเวลาให้หยุดคิดเพียงเสี้ยววินาที เมื่อขายาววาดเตะเล็งมาที่กลางลำตัวของเด็กชาย
เขาพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่ความเร็วดุจสายฟ้านั่นก็ใช่ว่าจะหลบกันได้ง่ายๆ
หน้าแข้งจึงปะทะเข้ากลางลำตัวของกาเบรียอย่างจังเบอร์
ความจุกอัดแน่นไปทั่วท้องน้อยวิ่งพล่านไปตามภายในร่างกาย
ไต่ขึ้นไปตามลำคอจนในที่สุดเด็กชายก็สำลักของเหลวอุ่นออกมาภายนอก
กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วช่องปาก ลิ้นลิ้มรสขมอย่างเต็มที่
รู้สึกได้ถึงความรู้สึกอุ่นๆที่ไหลเยิ้มลงมาตามมุมปาก
แต่ไม่อาจทำให้เขาละความพยายามดิ้นรนต่อสู้ไปได้
เด็กชายตะเกียดตะกายยันตัวลุกขึ้น เขาลุกขึ้นมาได้เพียงนิดหนึ่ง
แล้วก็ล้มลงไปกองกับพื้นตามเดิม ไซครอฟเดินมามองสภาพของคู่กรณีแล้วก็ประเมินจากสายตา
ว่าคู่ต่อสู้ไม่อาจจะสู่ได้อีกต่อไป แต่เขากลับสะดุดใจกับเด็กชายอยู่ครู่ใหญ่
จดจ้องใบหน้าดั่งกับกำลังหยั่งคิดแต่แล้วซักพักเขาจึงละจากร่างของกาเบรียด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เดินไปหยุดอยู่มุมหนึ่งแล้วร่างของชายหนุ่มก็ค่อยๆเลือนหายไป
ภาพเลือนลางยังคงสะท้อนอยู่บนดวงตาแข็งกร้าวของกาเบรีย
เด็กชายกำหมัดแน่น นึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่อาจลุกขึ้นได้
เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดช้าๆ กลั้นใจ ยันตัวลุกขึ้นในที่สุด!!!
ร่างของไซครอฟที่กำลังจะเลือนหายกลับเด่นชัดขึ้นในชั่วพริบตา
ชายหนุ่มหันหน้ากลับมามองเด็กชายที่บัดนี้กลับลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
จากสภาพ มีเพียงความดื้อรั้นเท่านั้นที่ทำให้เด็กชายลุกขึ้นมายืนได้ดั่งปาฏิหาริย์
ไซครอฟกางฝ่ามือออก ประกายสีดำวิ่งวนตามกระแสอยู่รอบฝ่ามือของเขาเป็นจุดเล็กๆ
ชายหนุ่มปล่อยให้มันมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนอยู่นาน จากก้อนเล็กๆ ก็ทวีความใหญ่ขึ้น
เขากำมือ แว้บหนึ่งประกายของสีดำหายวับไป ไซครอฟกุมมือเอาไว้แล้วผลักออกไป
กลุ่มสีดำก็ทะยาน มุ่งเข้าหากาเบรีย!!??
สายลมแรงอัดเข้าปะทะกาเบรียเต็มแรง เด็กชายลอยละลิ่วไปตามสายลม
อัดเข้ากับกำแพงคอนกรีตหนา เศษปูนร่วงกราวฟุ้งตลบกลบเด็กชาย
แรงเฮือกสุดท้ายที่มีได้ใช้ไปหมดแล้ว เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก
ไซครอฟยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ใบหน้าไม่ได้แสดงอาการใดๆทั้งสิ้น
จะมีก็แค่เพียงสายตาที่เย็นชา ชายหนุ่มขยับปากเอ่ยขึ้น หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนาน
"ทำไมนายถึงกระเสือ-กกระสนที่จะออกไปขนาดนั้น"
เสียงเย็นชาจากบุรุษเอ่ยถาม
เด็กชายรวบรวมพละกำลังแขนจัดท่าให้นั่งโดยไม่หงายหลังไปซะก่อน
เขาเงยหน้าขึ้นมองไซครอฟแล้วเบนหน้าหนี ขยับปากตอบอย่างเชื่องช้าจากความบาดเจ็บ
"ก็แค่... อยากจะเป็นอิสระเหมือนคนอื่นๆ
อยากจะเห็นความสวยงามบนโลกด้วยตาของตัวเอง... ก็เท่านั้น"
มีเสียงหัวเราะในลำคออย่างดูถูกมาจากไซครอฟ โดยที่ไม่สังเกต
ชายหนุ่มรวบรวมกลุ่มพลังงานสีดำขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้ความหนาแน่นของมัน
ก็คลอบคลุมไปทั่วฝ่ามือของเขามากว่าครั้งก่อนเป็นเท่าตัว
"อย่างงั้นเหรอ... แต่แค่เลือดของนายมันก็แตกต่างอย่างที่สุดแล้วล่ะ
แต่ถ้าต้องการอย่างนั้นละก็ฉันจะช่วย.. ให้นายได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนจะหลุดจากความทรมานแล้วกัน"
ชายหนุ่มผลักดันกลุ่มพลังงานก้อนโตด้วยความเร็วเพียงหน่วย
แล้วลำแสงสีดำก็เป็นจ้าวแห่งเวลานี้ ด้วยแรงอันมหาศาลและพลังอันล้นหลาม
ผลักดันให้ตัวเด็กชายกระเด็นไปกระทบกำแพงหนา
คำพูดประโยคสุดท้ายนั่นยังคงฝังอยู่ในสมองให้คิดวกวนไปมา
เขาจึงใช้แขนปาดไปที่มุมปากขณะกำลังลอยไปตามกระแสลม
ก่อนที่ความดำมืดจะครอบครองทุกสิ่งไป
สิ่งสุดท้ายก่อนสติสัมปชัญะจะดับวูบ
ไปพร้อมเสียงกรีดร้องของฟรอเซลที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันนั้นก็คือ
"เลือด... สีเงิน"
แต่ยังไม่ไวพอที่จะเฉือนเอาเนื้อของเด็กชายไปเป็นของฝากผู้ที่ตั้งใจให้มันทิ้งตัวลงมา
เด็กชายชะงักฝีเท้ากึกอย่างกะทันหัน ดวงตาสีเทาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ยืนนิ่งไม่ไหวติงอย่างฉงนสงสัย
เสียงฝีเท้าดังขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วหยุดไป
ไม่มีเสียงใดอื่นอีกนอกจากความเงียบ แต่แล้ว.....
เสียงหายใจแผ่วดังขึ้นอย่างกระชั้นชิด
ลมร้อนปะทะเข้ากับต้นคอของเด็กชายจนเขาสะดุ้งโหยง
เหวี่ยงตัวหันหลังไปมองที่มา
ดวงตาสีน้ำเงินสดใสจ่อกระชั้นชิดใบหน้าของเด็กชายห่างเพียงแค่คืบ
ใบหน้าขาวนวลแฝงความขี้เล่นของหญิงสาวตรงหน้าทำเอากาเบรียตกใจ
ถอยฝีเท้าไปติดซี่ลูกกรง
หญิงสาวคลี่ริมฝีปากแดงยิ้มบอกท่าทางชอบใจกับใบหน้าแสดงความตกใจของเด็กชาย
แล้วหล่อนก็ม้วนตัวกลางอากาศกลับหลังครั้งหนึ่งก่อนจะไปหยุดลงใจกลางห้อง
ฟรอเซล!?
กาเบรียพึมพำกับตนเองในใจพลางหรี่นัยน์ตาสีเทาลงสังเกตการณ์
เมื่อกี้เด็กชายไม่เห็นรู้สึกว่ามีคนอยู่ใกล้เลยแม้แต่น้อย
แล้วแถมยังมาอยู่ซะกระชั้นชิด
หญิงสาวที่กาเบรียเรียกว่าฟรอเซลดีดนิ้วครั้งหนึ่ง
แล้วพูดเสียงดังเหมือนกำลังพูดอยู่กับใครอีกคน
ทั้งๆที่ห้องนี้ก็ไม่มีใครอีกนอกจากเด็กชายกับหล่อน
"เฮ้! ไซครอฟ มีแขกแน่ะ"
ไซครอฟ!??
เด็กชายทวนคำของฟรอเซลอย่างตกตะลึง ร่างกายเกร็งขึ้นมาฉับพลัน
ขณะเดียวกันกับที่ใจกลางห้องบังเกิดแสงประหลาดวาบขึ้น
พร้อมปรากฏร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่ง!!???
จากภาพที่เลือนลางของบุรุษผู้นั้นก็ค่อยๆปรากฏชัดขึ้นๆ
นัยน์ตาสีน้ำเงินสวยทว่าเย็นชาเหลือบมองตรงมายังเด็กชายที่กำลังยืนตัวแข็งทื่อ
บุรุษหนุ่มหรี่ดวงตาลงจับภาพพร้อมกับสบถในใจอย่างหงุดหงิด
คิ้วเข้มขมวดมุ่นขึ้นอย่างรำคาญใจ
เด็ก!!
นัยน์ตาสีน้ำเงินวาววับประกายดุมองสะท้อนภาพเด็กชายที่น้องสาวของตนเรียกว่า
แขก ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แล้วบุรุษผู้เย็นชาก็เบนหน้าไปทางผู้เป็นน้องสาว
พร้อมกล่าวด้วยเสียงเข้ม
"ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆเด็กจะมาเดินป้วนเปื้ยน พาไปส่งผู้ปกครองซะ ฟรอเซล"
ผู้เป็นเจ้าของนามที่ถูกออกคำสั่งเผยรอยยิ้มบาง
นัยน์ตาสีเดียวกันกับผู้เป็นพี่ประกายพราวอย่างขี้เล่นเป็นนิสัย
หล่อนยังยืนนิ่งราวกับเสียงที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ
แต่ริมฝีปากแดงก็ขยับพูดแย้งเสียงเรียบแฝงกระแสหยั่งเชิง
"ถ้าแม้แต่ผู้ปกครองของเขาคือ ดร. ดาร์คเนส น่ะหรือ"
บุรุษผู้รับฟังชะงักฝีเท้ากึก เปลี่ยนสีหน้าจากรำคาญใจเป็นไม่เชื่อถือ
ขณะหันไปมองดูเด็กชายที่ยืนทำท่าพร้อมรบอยู่ทุกขณะ
เขาหันหน้ากลับไปทางน้องสาวพลางโคลงศีรษะ กล่าวค้านเสียงเครียด
"เหลวไหล!"
ริมฝีปากแดงของฟรอเซลเหยียดยิ้มหนักกว่าเก่า
หล่อนไล้นิ้วเรียวไปตามริมฝีปากล่าง
นัยน์ตาสีน้ำเงินเช่นเดียวกับพี่ชายยังคงประกายระริก
"แล้วถ้าชั้นบอกพี่ว่าเด็กคนนี้เกี่ยวข้องกับ 'แฟ้มลับของไอน์สไตน์' ล่ะ"
สีหน้าของผู้ฟังที่เคร่งขรึมอยู่เป็นนิจอยู่แล้วเมื่อได้ฟังจบประโยค
ยิ่งเคร่งเครียดหนักกว่าเก่าเป็นสองเท่า
ฟรอเซลมองสบพี่ชายของหล่อนแล้วกล่าวต่อด้วยเสียงเรียบเช่นเดิม
"และตอนนี้... ก็กำลังพยายามหลบหนีออกจากBABYLONIS"
ใบหน้าของบุรุษผู้เย็นชาพลันแปลเปลี่ยน
นัยน์ตาลุกโชนวาวโรจน์อย่างทรงอำนาจ ปรากฏรอยยิ้มเย็นภายใต้อารมณ์คุกรุ่น
แล้วเสียงเย็นเยียบก็ดังกึกก้องไปทั่วโสตประสาต
"ไม่เคยมีผู้ใดที่ก้าวล้ำเข้ามามีชีวิตรอด
และไม่มีผู้ใดที่กล้าลองดีหลบหนีเหลือลมหายใจ"
นัยน์ตาวาวจ้องมายังเชลยเรียกเอาขุมขนทั้งหลายพากันตั้งชัน
ร่างกายเกร็ง แขนขาแข็งทื่อขณะที่สมองวิ่งแล่นอย่างครุ่นคิด
'แฟ้มลับของไอน์สไตน์' BABYLONIS คืออะไรกัน!!?
ทำไมถึงมีผลกับชายผู้แสนเย็นชาไซครอฟคนนั้น แล้วตอนนี้... ที่สำคัญกว่านั้น
ชายผู้ถูกขนานนามว่าเชี่ยวทางดาบมากที่สุด
ไม่มีทางปล่อยให้ผู้ที่หลบหนีได้ออกไปเดินลอยชายข้างนอกอย่างเป็นๆ!!!??
ขณะที่บรรยากาศกำลังคุกรุ่น หญิงสาวเพียงผู้เดียวยังคงเหยียดยิ้ม
ยิ้มอย่างพึงพอใจกับภาพตรงหน้า หล่อนอยากทดสอบอะไรบางอย่างที่หล่อนหยั่งไม่ถึง
ใจของหล่อนกำลังร้องส่งสัญญาณเตือน เตือนว่าจะมีภัยจากเด็กชายที่ยืนเกร็งอยู่ตรงหน้าพี่ชายของหล่อน
และลางสังหรณ์ของหล่อนไม่เคยพลาด!!?
เอาล่ะ แสดงให้ชั้นดูหน่อยซิ
สิ้นเสียงในห้วงความคิด ร่างของหญิงสาวก็พลันเลือนหายไปกับธาตุอากาศ
หลงเหลือเพียงคลื่นแห่งภัยพิบัติที่กำลังคุกคามกาเบรีย
เหงื่อซึมไหลย้อยลงมาตามใบหน้าและฝ่ามือ
แม้บุรุษตรงหน้าจะยังไม่ได้ทำแม้ขยับตัว
แต่เพียงบรรยากาศอึมครึมก็ทำเอาเด็กชายเคร่งเครียด ในเมื่อ...
สภาพห้องกำลังเปลี่ยนไป!!?
หัวใจเต้นเร่าๆราวกับกำลังวิ่งอย่างเหนื่อยหอบ เลือดในกายฉีดพล่าน
ท้องไส้บิดมวนดังกับขาดอาหารมาเป็นเวลานาน
แต่ทุกสิ่งในกระเพาะกำลังดันขึ้นมาจุกอยู่ในหลอดลม
เมื่อสายตาได้ประจักร
ดั่งทะเลเพลิงขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆสร้างความร้องระอุ
ซากโครงกระดูกที่พยายามคิดว่าเจ้าของเก่าจะเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานกลาดเกลื่อนอยู่แทบเท้า
กลิ่นเหม็นเน่าซากศพชวนให้คลื่นไส้ เหล่าภูติพรายไม่ก็ปิศาจกำลังคืบคลานอย่างเชื่องช้า
และพร้อมใจกันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนเป็นภาพอันน่าสยดสยอง
ไม่ต่างอะไรไปจากนรกภูมิที่เคยได้ฟังคำเล่าขานต่อๆกันมา
เสียงหัวเราะก้องเรียกสติของเด็กชายกลับมาด้วยอาการสะดุ้งเฮือก
เสียงหัวเราะดังกับปิศาจร้ายซึ่งเย็นเยียบลึกไปถึงขั้วหัวใจ
ร่างของบุรุษตรงหน้าลอยสูงขึ้นไปกลางอากาศ
ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างเหื้ยมโหดพร้อมกล่าวคำประกาศิตก้อง
"เจ้าเด็กที่เกี่ยวข้องกับแฟ้มลับ
ถ้าอยากออกไปจากที่นี่นักขอชั้นเล่นซ่อนหาด้วยสักหน่อย
กฎมีเพียงสองข้อ หาชั้นให้เจอ และ... ผ่านเจ้าพวกนั้นไปให้ได้"
พลันเสียหยุดลง ร่างของชายหนุ่มเลือนหาย ขณะที่กองซากโครงกระดูกกำลังสั่นไหว
ปิศาจร่างผอมแห้งท่าทางหิวกระหาย นัยน์ตาลึกโบ๋แดงก่ำ ตัวไม่สูงไปกว่ากาเบรียสักเท่าไหร่นัก
กำลังพยายามตะเกียดตะกายขึ้นมายืนหยัดอยู่บนซากกองโครงกระดูก
นัยน์ตาลึกโบ๋ไร้แววจดจ้องเหยื่อเพียงหนึ่งเดียวของมัน
สิบ... ร้อย... มากกว่านั้น!!
เด็กชายกวาดสายตาคะเนจำนวนของฝ่ายตรงข้ามพลางใช้สมองคำนวณการต่อสู้ที่ไม่เคยต้องการ
ปิศาจมากกว่าร้อยตัวแถมยังหิวกระหาย มีเพียงเด็กชายเท่านั้นที่ต้องรับมือ
เขาพึ่งจะตระหนักได้เดี๋ยวนี้เองว่าการดันทุรังออกไปโลกภายนอกมันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ!!
แต่จะมากลับลำเอาตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ไม่มีทางให้ถอยหลังกลับมีแต่มุ่งต่อไปข้างหน้าเท่านั้น
ความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่ต้องยึดมั่นคือการต่อสู้เข้าปะทะกับพวกปิศาจชั้นต่ำ
และหาบุรุษเลือดเย็นให้เจอ แต่จะสู้ไหวหรือ!!??
ปิศาจกว่าร้อยตัวค่อยๆคืบคลายเข้ามา เด็กชายผู้ไร้ซึ่งอาวุธก็หาวิธีเอาตัวรอดอีกครั้ง
ดาบ... มีด... ปืน!!!
ปืนสั้นช็อตกันปรากฏในครอบครองของเด็กชาย
ลำกล้องหันเข้าหาเจ้าพวกปิศาจชั้นต่ำ กราดยิงห่ากระสุนอย่างไม่คิดจะหมดแม็ก
เพียงหนึ่งนัดต่อหนึ่งตนแม่นยำราวจับวาง ความสามารถที่เหนือกว่าปิศาจจากการฝึกฝนร่วมสามเดือน
แต่กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ปิศาจที่คาดว่าไร้พิษสงเมื่อลงไปนอนกองกับพื้นผุดลุกขึ้นมาได้อย่างกับเป็นอมตะ
เรียกให้นัยน์ตาสีเทาฉายแววตื่นตระหนก แต่ก็ยังกราดยิงอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุดพัก
ริมฝีปากบางของบุรุษผู้เฝ้าสังเกตการณ์เหยียดยิ้มเย็น
หัวเราะในลำคออย่างดูแคลนให้กับเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่กล้าท้าลองของอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้
มองดูสีหน้าฉายแววร้อนรนอย่างเห็นได้ชัดเจน
บัดนี้เด็กชายกำลังรับศึกหนัก พวกปิศาจชั้นต่ำกว่าร้อยเริ่มตีวงเข้าล้อมเขาเอาไว้ทุกทิศ
ปิศาจชั้นต่ำ... แต่ยิงเท่าไหร่มันก็ไม่ตาย กลับลุกขึ้นต่อต้านด้วยพละกำลังที่มากกว่าเดิมอีกเท่าตัว
อย่าว่าแต่ร้อย ถึงมีแค่สิบเขาก็จะเอาไม่ไหว เรี่ยวแรงหมดไปซะดื้อๆ
กระสุนแม้จะไม่หมดแต่ดูท่าว่าเขาจะไม่มีแรงยกขึ้นมาเหนี่ยวไกซะเอง
ความอ่อนแรงถาโถมเข้าใส่เด็กชาย มันเกินกำลังเด็กคนหนึ่งจะรับไหว
เหล่าปิศาจชั้นต่ำตีวงเข้ามาใกล้ขึ้นทุกลมหายใจแผ่ว
กรงเล็บยาวเฟื้อยทว่าแข็งแกร่งประดุจเหล็กง้างออกเต็มที่
เป้าหมายคือศีรษะของเด็กชายที่ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะต่อสู่อีกต่อไป
แค่ครั้งเดียวแล้วจบ คงไม่เจ็บสักเท่าไหร่
เด็กชายคิดในเสี้ยววินาทีดับจิตแล้วเปลือกตาก็ปิดลงอย่างปลงสังขาร
และปิดลงแน่นเมื่อกรงเล็บมรณะฟาดผ่านสายลมหวือ
ฟึ่บ!!!
จิตสังหารพลันดับวูบ บรรยากาศอันร้อนระอุกลับสงบอย่างประหลาด
เสียงร้องโหยหวนกัมปนาทเงียบหายไปโดยสิ้นเชิงเล่นเอาใจหาย
ศีรษะของกาเบรียยังอยู่ดีไม่ได้หลุดจากบ่าไปกลิ้งโค่โล่อยู่บนพื้น และไม่ใช่แค่นั้น
เพราะเพียงแค่หลับตา... ห้องทั้งห้องก็แปลกลับสภาพเดิม!!!
ภาพลวงตา!!?
ในใจตระหนักแล้วริมฝีปากของเด็กชายก็เหยียดยิ้ม
บุรุษผู้ชวนเล่นซ่อนหายังไม่ได้หลบฉากหายไปไหน
ชายหนุ่มเพียงแค่กลบร่องรอยแล้วยืนอยู่บริเวณมุมหนึ่งของห้อง
เห็นแล้วก็ยกกระบอกปืนเล็งเป้า ปลดเซฟ แล้วเหนี่ยวไกทั้งยังหลับตา
ลูกกระสุนพุ่งทะยานแหวกว่ายไปตามกระแสของสายลมอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า !!!?
ชายผู้ยืนเป็นเป้าลูกของตะกั่วกลับไวกว่านัก ขยับฝีเท้าเบี่ยงตัวหลบภายในระยะกระชั้นชิด
ลูกปืนทำได้เพียงเฉี่ยวใบหน้าของเขาถากๆ เลือดไหลซิบออกจากปากแผลของบุรุษ
ที่ดวงตาประกายยังคงวาววับแม้เพิ่งจะหลบลูกปืนได้อย่างหวุดหวิดก็ตามที
เขายกมือขึ้นมาปาดเลือดสีสดพร้อมกับลิ้มรสชาติด้วยปลายลิ้นอย่างกระหาย
สีหน้าเย็นชา บรรยากาศเย็นยะเยือก แต่ฉับพลันก็แปลเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย็น
ขณะเค้นเสียงคำรามในลำคออย่างชอบใจ
บุคคลอันตราย!!? สนุก.. ที่ได้ต่อสู้ ยินดี.. ที่ได้เห็นโลหิต !!!
กาเบรียขยับเปลือกตาให้เปิดขึ้น ภายในห้องกลับมาคงสภาพเดิม
อย่างไม่เหลือเค้าขุมนรกของภาพลวงตาเมื่อครู่ เพียงแต่... ว่างเปล่า ว่างเกินไป
เพราะแม้บุรุษที่สมควรจะปรากฎตัวออกมาได้แล้วกลับไม่ปรากฎตัวออกมาดังที่คาด
แล้วเพียงเสี้ยววินาทีที่กระพริบตา...
ไซครอฟก็ยืนประจันหน้ากับกาเบรียจากอากาศธาตุที่ว่างเปล่า
นัยน์ตาสีน้ำเงินประกายดุดันเฉกเช่นสัตว์ป่าหิวกระหาย
ริมฝีปากแดงที่บางจัดเหยียดยิ้มเหื้+ยมเบาบาง ชายหนุ่มก้าวขายาวสาวเท้าเข้าหาเด็กชาย
แม้อีกไม่กี่คืบหน้าของกาเบรียก็จะชนเข้ากับแผ่นอกของเขาแล้วก็ตาม
ทำให้เด็กชายก้าวเท้าถอยออกห่างอย่างไม่รู้ตัว
นาน... กว่าจะรู้ตัวว่าร่างของบุรุษตรงหน้าหายไปจากเบื้องหน้าของเด็กชายอีกครั้ง
เพราะครั้งนี้แม้ชายหนุ่มจะเลือนหายไปแต่ภาพกลับยังตกค้างอยู่ในดวงตาของกาเบรีย
เพียงแต่ความรู้สึกของจิตสังหารได้หายไปพร้อมกับร่างของชายหนุ่มด้วย
แต่แววตาประหลาดใจก็ไม่ได้ฉายอยู่บนใบหน้าของเด็กชายแต่อย่างใด
เมื่อตระหนักได้ก่อนหน้านี้แล้วว่า
เงื่อนไขยังไม่จบสิ้น!!!? การต่อสู้จึงปะทุขึ้น!!
ร่างที่หายไปเมื่อครู่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วเบื้องหลังของกาเบรีย
ชายหนุ่มทิ้งลำแขนแข็งแกร่งกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของเด็กชาย
กระแสความเจ็บปวดแล่นเข้าใส่เบื้องหลังแล้วค่อยๆลามถ่ายถอดไปจุกอยู่ที่ลิ้นปี่
แรงอัดกระแทกซัดเด็กชายพุ่งถลาไปข้างหน้าแล้วทรุดลงไปนอนกองกับพื้นอันเย็นเยียบอย่างไร้ความปรานี
ชายหนุ่มยังคงโถมร่างตามเป้าหมายอย่างไม่หยุดยั้งความพยายาม
เงื้อกำปั้นทรงพลังที่ห่อหุ้มด้วยกระแสของลำแสงสีขาวที่วิ่งแล่นวนอยู่รอบๆเตรียมเหนี่ยว
ทว่ากาเบรียไหวตัวทันฝืนดีดตัวขึ้นจากพื้นทั้งๆยังจุกหลบกำปั้นอันหนักหน่วงทันการณ์
เมื่อเป้าหมายที่เคยเล็งเคลื่อนย้าย กำปั้นที่ไม่สามารถหยุดรั้งก็ทิ้งตัวลงบนพื้นปูนอย่างแม่นยำ
เศษฝุ่นผงปลิวกระจายเมื่อเศษฝุ่นจางลงเผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่เฉกเช่นบนดวงจันทร์
เด็กชายจ้องมองหลุมกว้างตาค้าง จินตนาการไปว่าถ้าเกิดตนหลบไม่ทันท่วงทีละก็...
สภาพเขาในตอนนี้ก็คงไม่ต่างไปจากหลุมนั่นเท่าไรนัก!!!??
มีเวลาให้หยุดคิดเพียงเสี้ยววินาที เมื่อขายาววาดเตะเล็งมาที่กลางลำตัวของเด็กชาย
เขาพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่ความเร็วดุจสายฟ้านั่นก็ใช่ว่าจะหลบกันได้ง่ายๆ
หน้าแข้งจึงปะทะเข้ากลางลำตัวของกาเบรียอย่างจังเบอร์
ความจุกอัดแน่นไปทั่วท้องน้อยวิ่งพล่านไปตามภายในร่างกาย
ไต่ขึ้นไปตามลำคอจนในที่สุดเด็กชายก็สำลักของเหลวอุ่นออกมาภายนอก
กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วช่องปาก ลิ้นลิ้มรสขมอย่างเต็มที่
รู้สึกได้ถึงความรู้สึกอุ่นๆที่ไหลเยิ้มลงมาตามมุมปาก
แต่ไม่อาจทำให้เขาละความพยายามดิ้นรนต่อสู้ไปได้
เด็กชายตะเกียดตะกายยันตัวลุกขึ้น เขาลุกขึ้นมาได้เพียงนิดหนึ่ง
แล้วก็ล้มลงไปกองกับพื้นตามเดิม ไซครอฟเดินมามองสภาพของคู่กรณีแล้วก็ประเมินจากสายตา
ว่าคู่ต่อสู้ไม่อาจจะสู่ได้อีกต่อไป แต่เขากลับสะดุดใจกับเด็กชายอยู่ครู่ใหญ่
จดจ้องใบหน้าดั่งกับกำลังหยั่งคิดแต่แล้วซักพักเขาจึงละจากร่างของกาเบรียด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เดินไปหยุดอยู่มุมหนึ่งแล้วร่างของชายหนุ่มก็ค่อยๆเลือนหายไป
ภาพเลือนลางยังคงสะท้อนอยู่บนดวงตาแข็งกร้าวของกาเบรีย
เด็กชายกำหมัดแน่น นึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่อาจลุกขึ้นได้
เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดช้าๆ กลั้นใจ ยันตัวลุกขึ้นในที่สุด!!!
ร่างของไซครอฟที่กำลังจะเลือนหายกลับเด่นชัดขึ้นในชั่วพริบตา
ชายหนุ่มหันหน้ากลับมามองเด็กชายที่บัดนี้กลับลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
จากสภาพ มีเพียงความดื้อรั้นเท่านั้นที่ทำให้เด็กชายลุกขึ้นมายืนได้ดั่งปาฏิหาริย์
ไซครอฟกางฝ่ามือออก ประกายสีดำวิ่งวนตามกระแสอยู่รอบฝ่ามือของเขาเป็นจุดเล็กๆ
ชายหนุ่มปล่อยให้มันมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนอยู่นาน จากก้อนเล็กๆ ก็ทวีความใหญ่ขึ้น
เขากำมือ แว้บหนึ่งประกายของสีดำหายวับไป ไซครอฟกุมมือเอาไว้แล้วผลักออกไป
กลุ่มสีดำก็ทะยาน มุ่งเข้าหากาเบรีย!!??
สายลมแรงอัดเข้าปะทะกาเบรียเต็มแรง เด็กชายลอยละลิ่วไปตามสายลม
อัดเข้ากับกำแพงคอนกรีตหนา เศษปูนร่วงกราวฟุ้งตลบกลบเด็กชาย
แรงเฮือกสุดท้ายที่มีได้ใช้ไปหมดแล้ว เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก
ไซครอฟยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ใบหน้าไม่ได้แสดงอาการใดๆทั้งสิ้น
จะมีก็แค่เพียงสายตาที่เย็นชา ชายหนุ่มขยับปากเอ่ยขึ้น หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนาน
"ทำไมนายถึงกระเสือ-กกระสนที่จะออกไปขนาดนั้น"
เสียงเย็นชาจากบุรุษเอ่ยถาม
เด็กชายรวบรวมพละกำลังแขนจัดท่าให้นั่งโดยไม่หงายหลังไปซะก่อน
เขาเงยหน้าขึ้นมองไซครอฟแล้วเบนหน้าหนี ขยับปากตอบอย่างเชื่องช้าจากความบาดเจ็บ
"ก็แค่... อยากจะเป็นอิสระเหมือนคนอื่นๆ
อยากจะเห็นความสวยงามบนโลกด้วยตาของตัวเอง... ก็เท่านั้น"
มีเสียงหัวเราะในลำคออย่างดูถูกมาจากไซครอฟ โดยที่ไม่สังเกต
ชายหนุ่มรวบรวมกลุ่มพลังงานสีดำขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้ความหนาแน่นของมัน
ก็คลอบคลุมไปทั่วฝ่ามือของเขามากว่าครั้งก่อนเป็นเท่าตัว
"อย่างงั้นเหรอ... แต่แค่เลือดของนายมันก็แตกต่างอย่างที่สุดแล้วล่ะ
แต่ถ้าต้องการอย่างนั้นละก็ฉันจะช่วย.. ให้นายได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนจะหลุดจากความทรมานแล้วกัน"
ชายหนุ่มผลักดันกลุ่มพลังงานก้อนโตด้วยความเร็วเพียงหน่วย
แล้วลำแสงสีดำก็เป็นจ้าวแห่งเวลานี้ ด้วยแรงอันมหาศาลและพลังอันล้นหลาม
ผลักดันให้ตัวเด็กชายกระเด็นไปกระทบกำแพงหนา
คำพูดประโยคสุดท้ายนั่นยังคงฝังอยู่ในสมองให้คิดวกวนไปมา
เขาจึงใช้แขนปาดไปที่มุมปากขณะกำลังลอยไปตามกระแสลม
ก่อนที่ความดำมืดจะครอบครองทุกสิ่งไป
สิ่งสุดท้ายก่อนสติสัมปชัญะจะดับวูบ
ไปพร้อมเสียงกรีดร้องของฟรอเซลที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันนั้นก็คือ
"เลือด... สีเงิน"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น