ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~#EiDoLon#~

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter IV : Brother & Sister (พี่น้องตระกูลนักรบ) RW

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 49


                    ซี่เหล็กหนาทิ้งตัวดิ่งลงขวางกั้นเส้นทางเฉียดเพียงปลายจมูกของกาเบรีย

    แต่ยังไม่ไวพอที่จะเฉือนเอาเนื้อของเด็กชายไปเป็นของฝากผู้ที่ตั้งใจให้มันทิ้งตัวลงมา

    เด็กชายชะงักฝีเท้ากึกอย่างกะทันหัน ดวงตาสีเทาเบิกกว้างด้วยความตกใจ

    ยืนนิ่งไม่ไหวติงอย่างฉงนสงสัย



                    เสียงฝีเท้าดังขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วหยุดไป

    ไม่มีเสียงใดอื่นอีกนอกจากความเงียบ แต่แล้ว.....



                    เสียงหายใจแผ่วดังขึ้นอย่างกระชั้นชิด

    ลมร้อนปะทะเข้ากับต้นคอของเด็กชายจนเขาสะดุ้งโหยง

    เหวี่ยงตัวหันหลังไปมองที่มา



                    ดวงตาสีน้ำเงินสดใสจ่อกระชั้นชิดใบหน้าของเด็กชายห่างเพียงแค่คืบ

    ใบหน้าขาวนวลแฝงความขี้เล่นของหญิงสาวตรงหน้าทำเอากาเบรียตกใจ

    ถอยฝีเท้าไปติดซี่ลูกกรง



                    หญิงสาวคลี่ริมฝีปากแดงยิ้มบอกท่าทางชอบใจกับใบหน้าแสดงความตกใจของเด็กชาย

    แล้วหล่อนก็ม้วนตัวกลางอากาศกลับหลังครั้งหนึ่งก่อนจะไปหยุดลงใจกลางห้อง



                    ฟรอเซล!?



                    กาเบรียพึมพำกับตนเองในใจพลางหรี่นัยน์ตาสีเทาลงสังเกตการณ์

    เมื่อกี้เด็กชายไม่เห็นรู้สึกว่ามีคนอยู่ใกล้เลยแม้แต่น้อย

    แล้วแถมยังมาอยู่ซะกระชั้นชิด



                    หญิงสาวที่กาเบรียเรียกว่าฟรอเซลดีดนิ้วครั้งหนึ่ง

    แล้วพูดเสียงดังเหมือนกำลังพูดอยู่กับใครอีกคน

    ทั้งๆที่ห้องนี้ก็ไม่มีใครอีกนอกจากเด็กชายกับหล่อน



                    "เฮ้! ไซครอฟ มีแขกแน่ะ"



                    ไซครอฟ!??



                    เด็กชายทวนคำของฟรอเซลอย่างตกตะลึง ร่างกายเกร็งขึ้นมาฉับพลัน

    ขณะเดียวกันกับที่ใจกลางห้องบังเกิดแสงประหลาดวาบขึ้น

    พร้อมปรากฏร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่ง!!???



                    จากภาพที่เลือนลางของบุรุษผู้นั้นก็ค่อยๆปรากฏชัดขึ้นๆ

    นัยน์ตาสีน้ำเงินสวยทว่าเย็นชาเหลือบมองตรงมายังเด็กชายที่กำลังยืนตัวแข็งทื่อ

    บุรุษหนุ่มหรี่ดวงตาลงจับภาพพร้อมกับสบถในใจอย่างหงุดหงิด

    คิ้วเข้มขมวดมุ่นขึ้นอย่างรำคาญใจ



                    เด็ก!!



                    นัยน์ตาสีน้ำเงินวาววับประกายดุมองสะท้อนภาพเด็กชายที่น้องสาวของตนเรียกว่า

    แขก ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แล้วบุรุษผู้เย็นชาก็เบนหน้าไปทางผู้เป็นน้องสาว

    พร้อมกล่าวด้วยเสียงเข้ม





                    "ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆเด็กจะมาเดินป้วนเปื้ยน พาไปส่งผู้ปกครองซะ ฟรอเซล"



                    ผู้เป็นเจ้าของนามที่ถูกออกคำสั่งเผยรอยยิ้มบาง

    นัยน์ตาสีเดียวกันกับผู้เป็นพี่ประกายพราวอย่างขี้เล่นเป็นนิสัย

    หล่อนยังยืนนิ่งราวกับเสียงที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ

    แต่ริมฝีปากแดงก็ขยับพูดแย้งเสียงเรียบแฝงกระแสหยั่งเชิง



                    "ถ้าแม้แต่ผู้ปกครองของเขาคือ ดร. ดาร์คเนส  น่ะหรือ"



                    บุรุษผู้รับฟังชะงักฝีเท้ากึก เปลี่ยนสีหน้าจากรำคาญใจเป็นไม่เชื่อถือ

    ขณะหันไปมองดูเด็กชายที่ยืนทำท่าพร้อมรบอยู่ทุกขณะ

    เขาหันหน้ากลับไปทางน้องสาวพลางโคลงศีรษะ กล่าวค้านเสียงเครียด



                    "เหลวไหล!"



                    ริมฝีปากแดงของฟรอเซลเหยียดยิ้มหนักกว่าเก่า

    หล่อนไล้นิ้วเรียวไปตามริมฝีปากล่าง

    นัยน์ตาสีน้ำเงินเช่นเดียวกับพี่ชายยังคงประกายระริก



                    "แล้วถ้าชั้นบอกพี่ว่าเด็กคนนี้เกี่ยวข้องกับ 'แฟ้มลับของไอน์สไตน์' ล่ะ"



                    สีหน้าของผู้ฟังที่เคร่งขรึมอยู่เป็นนิจอยู่แล้วเมื่อได้ฟังจบประโยค

    ยิ่งเคร่งเครียดหนักกว่าเก่าเป็นสองเท่า

    ฟรอเซลมองสบพี่ชายของหล่อนแล้วกล่าวต่อด้วยเสียงเรียบเช่นเดิม



                    "และตอนนี้... ก็กำลังพยายามหลบหนีออกจากBABYLONIS"



        ใบหน้าของบุรุษผู้เย็นชาพลันแปลเปลี่ยน

    นัยน์ตาลุกโชนวาวโรจน์อย่างทรงอำนาจ ปรากฏรอยยิ้มเย็นภายใต้อารมณ์คุกรุ่น

    แล้วเสียงเย็นเยียบก็ดังกึกก้องไปทั่วโสตประสาต



        "ไม่เคยมีผู้ใดที่ก้าวล้ำเข้ามามีชีวิตรอด

    และไม่มีผู้ใดที่กล้าลองดีหลบหนีเหลือลมหายใจ"




        นัยน์ตาวาวจ้องมายังเชลยเรียกเอาขุมขนทั้งหลายพากันตั้งชัน

    ร่างกายเกร็ง แขนขาแข็งทื่อขณะที่สมองวิ่งแล่นอย่างครุ่นคิด



    'แฟ้มลับของไอน์สไตน์'… BABYLONIS…  คืออะไรกัน!!?

    ทำไมถึงมีผลกับชายผู้แสนเย็นชาไซครอฟคนนั้น แล้วตอนนี้... ที่สำคัญกว่านั้น

    ชายผู้ถูกขนานนามว่าเชี่ยวทางดาบมากที่สุด

    ไม่มีทางปล่อยให้ผู้ที่หลบหนีได้ออกไปเดินลอยชายข้างนอกอย่างเป็นๆ!!!??



        ขณะที่บรรยากาศกำลังคุกรุ่น หญิงสาวเพียงผู้เดียวยังคงเหยียดยิ้ม

    ยิ้มอย่างพึงพอใจกับภาพตรงหน้า หล่อนอยากทดสอบอะไรบางอย่างที่หล่อนหยั่งไม่ถึง

    ใจของหล่อนกำลังร้องส่งสัญญาณเตือน เตือนว่าจะมีภัยจากเด็กชายที่ยืนเกร็งอยู่ตรงหน้าพี่ชายของหล่อน

    และลางสังหรณ์ของหล่อนไม่เคยพลาด!!?



        เอาล่ะ แสดงให้ชั้นดูหน่อยซิ



        สิ้นเสียงในห้วงความคิด ร่างของหญิงสาวก็พลันเลือนหายไปกับธาตุอากาศ

    หลงเหลือเพียงคลื่นแห่งภัยพิบัติที่กำลังคุกคามกาเบรีย



        เหงื่อซึมไหลย้อยลงมาตามใบหน้าและฝ่ามือ

    แม้บุรุษตรงหน้าจะยังไม่ได้ทำแม้ขยับตัว

    แต่เพียงบรรยากาศอึมครึมก็ทำเอาเด็กชายเคร่งเครียด ในเมื่อ...



                    สภาพห้องกำลังเปลี่ยนไป!!?



        หัวใจเต้นเร่าๆราวกับกำลังวิ่งอย่างเหนื่อยหอบ เลือดในกายฉีดพล่าน

    ท้องไส้บิดมวนดังกับขาดอาหารมาเป็นเวลานาน

    แต่ทุกสิ่งในกระเพาะกำลังดันขึ้นมาจุกอยู่ในหลอดลม

    เมื่อสายตาได้ประจักร



        ดั่งทะเลเพลิงขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆสร้างความร้องระอุ

    ซากโครงกระดูกที่พยายามคิดว่าเจ้าของเก่าจะเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานกลาดเกลื่อนอยู่แทบเท้า

    กลิ่นเหม็นเน่าซากศพชวนให้คลื่นไส้ เหล่าภูติพรายไม่ก็ปิศาจกำลังคืบคลานอย่างเชื่องช้า

    และพร้อมใจกันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนเป็นภาพอันน่าสยดสยอง

    ไม่ต่างอะไรไปจากนรกภูมิที่เคยได้ฟังคำเล่าขานต่อๆกันมา



        เสียงหัวเราะก้องเรียกสติของเด็กชายกลับมาด้วยอาการสะดุ้งเฮือก

    เสียงหัวเราะดังกับปิศาจร้ายซึ่งเย็นเยียบลึกไปถึงขั้วหัวใจ

    ร่างของบุรุษตรงหน้าลอยสูงขึ้นไปกลางอากาศ

    ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างเหื้ยมโหดพร้อมกล่าวคำประกาศิตก้อง



        "เจ้าเด็กที่เกี่ยวข้องกับแฟ้มลับ

    ถ้าอยากออกไปจากที่นี่นักขอชั้นเล่นซ่อนหาด้วยสักหน่อย

    กฎมีเพียงสองข้อ หาชั้นให้เจอ และ... ผ่านเจ้าพวกนั้นไปให้ได้"



        พลันเสียหยุดลง ร่างของชายหนุ่มเลือนหาย ขณะที่กองซากโครงกระดูกกำลังสั่นไหว

    ปิศาจร่างผอมแห้งท่าทางหิวกระหาย นัยน์ตาลึกโบ๋แดงก่ำ ตัวไม่สูงไปกว่ากาเบรียสักเท่าไหร่นัก

    กำลังพยายามตะเกียดตะกายขึ้นมายืนหยัดอยู่บนซากกองโครงกระดูก

    นัยน์ตาลึกโบ๋ไร้แววจดจ้องเหยื่อเพียงหนึ่งเดียวของมัน



        สิบ... ร้อย... มากกว่านั้น!!



        เด็กชายกวาดสายตาคะเนจำนวนของฝ่ายตรงข้ามพลางใช้สมองคำนวณการต่อสู้ที่ไม่เคยต้องการ

    ปิศาจมากกว่าร้อยตัวแถมยังหิวกระหาย มีเพียงเด็กชายเท่านั้นที่ต้องรับมือ

    เขาพึ่งจะตระหนักได้เดี๋ยวนี้เองว่าการดันทุรังออกไปโลกภายนอกมันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ!!



        แต่จะมากลับลำเอาตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ไม่มีทางให้ถอยหลังกลับมีแต่มุ่งต่อไปข้างหน้าเท่านั้น

    ความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่ต้องยึดมั่นคือการต่อสู้เข้าปะทะกับพวกปิศาจชั้นต่ำ

    และหาบุรุษเลือดเย็นให้เจอ แต่จะสู้ไหวหรือ!!??



        ปิศาจกว่าร้อยตัวค่อยๆคืบคลายเข้ามา เด็กชายผู้ไร้ซึ่งอาวุธก็หาวิธีเอาตัวรอดอีกครั้ง



        ดาบ... มีด... ปืน!!!



        ปืนสั้นช็อตกันปรากฏในครอบครองของเด็กชาย

    ลำกล้องหันเข้าหาเจ้าพวกปิศาจชั้นต่ำ กราดยิงห่ากระสุนอย่างไม่คิดจะหมดแม็ก

    เพียงหนึ่งนัดต่อหนึ่งตนแม่นยำราวจับวาง ความสามารถที่เหนือกว่าปิศาจจากการฝึกฝนร่วมสามเดือน



    แต่กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ปิศาจที่คาดว่าไร้พิษสงเมื่อลงไปนอนกองกับพื้นผุดลุกขึ้นมาได้อย่างกับเป็นอมตะ

    เรียกให้นัยน์ตาสีเทาฉายแววตื่นตระหนก แต่ก็ยังกราดยิงอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุดพัก



        ริมฝีปากบางของบุรุษผู้เฝ้าสังเกตการณ์เหยียดยิ้มเย็น

    หัวเราะในลำคออย่างดูแคลนให้กับเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่กล้าท้าลองของอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้

    มองดูสีหน้าฉายแววร้อนรนอย่างเห็นได้ชัดเจน



        บัดนี้เด็กชายกำลังรับศึกหนัก พวกปิศาจชั้นต่ำกว่าร้อยเริ่มตีวงเข้าล้อมเขาเอาไว้ทุกทิศ

    ปิศาจชั้นต่ำ... แต่ยิงเท่าไหร่มันก็ไม่ตาย กลับลุกขึ้นต่อต้านด้วยพละกำลังที่มากกว่าเดิมอีกเท่าตัว

    อย่าว่าแต่ร้อย ถึงมีแค่สิบเขาก็จะเอาไม่ไหว เรี่ยวแรงหมดไปซะดื้อๆ

    กระสุนแม้จะไม่หมดแต่ดูท่าว่าเขาจะไม่มีแรงยกขึ้นมาเหนี่ยวไกซะเอง



        ความอ่อนแรงถาโถมเข้าใส่เด็กชาย มันเกินกำลังเด็กคนหนึ่งจะรับไหว

    เหล่าปิศาจชั้นต่ำตีวงเข้ามาใกล้ขึ้นทุกลมหายใจแผ่ว

    กรงเล็บยาวเฟื้อยทว่าแข็งแกร่งประดุจเหล็กง้างออกเต็มที่

    เป้าหมายคือศีรษะของเด็กชายที่ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะต่อสู่อีกต่อไป



        แค่ครั้งเดียวแล้วจบ คงไม่เจ็บสักเท่าไหร่



        เด็กชายคิดในเสี้ยววินาทีดับจิตแล้วเปลือกตาก็ปิดลงอย่างปลงสังขาร

    และปิดลงแน่นเมื่อกรงเล็บมรณะฟาดผ่านสายลมหวือ



        ฟึ่บ!!!



        จิตสังหารพลันดับวูบ บรรยากาศอันร้อนระอุกลับสงบอย่างประหลาด

    เสียงร้องโหยหวนกัมปนาทเงียบหายไปโดยสิ้นเชิงเล่นเอาใจหาย

    ศีรษะของกาเบรียยังอยู่ดีไม่ได้หลุดจากบ่าไปกลิ้งโค่โล่อยู่บนพื้น และไม่ใช่แค่นั้น

    เพราะเพียงแค่หลับตา... ห้องทั้งห้องก็แปลกลับสภาพเดิม!!!



        ภาพลวงตา!!?



        ในใจตระหนักแล้วริมฝีปากของเด็กชายก็เหยียดยิ้ม

    บุรุษผู้ชวนเล่นซ่อนหายังไม่ได้หลบฉากหายไปไหน

    ชายหนุ่มเพียงแค่กลบร่องรอยแล้วยืนอยู่บริเวณมุมหนึ่งของห้อง



        เห็นแล้วก็ยกกระบอกปืนเล็งเป้า ปลดเซฟ แล้วเหนี่ยวไกทั้งยังหลับตา

    ลูกกระสุนพุ่งทะยานแหวกว่ายไปตามกระแสของสายลมอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า…!!!?

    ชายผู้ยืนเป็นเป้าลูกของตะกั่วกลับไวกว่านัก ขยับฝีเท้าเบี่ยงตัวหลบภายในระยะกระชั้นชิด

    ลูกปืนทำได้เพียงเฉี่ยวใบหน้าของเขาถากๆ เลือดไหลซิบออกจากปากแผลของบุรุษ

    ที่ดวงตาประกายยังคงวาววับแม้เพิ่งจะหลบลูกปืนได้อย่างหวุดหวิดก็ตามที



    เขายกมือขึ้นมาปาดเลือดสีสดพร้อมกับลิ้มรสชาติด้วยปลายลิ้นอย่างกระหาย

    สีหน้าเย็นชา บรรยากาศเย็นยะเยือก แต่ฉับพลันก็แปลเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย็น

    ขณะเค้นเสียงคำรามในลำคออย่างชอบใจ



        บุคคลอันตราย!!? สนุก.. ที่ได้ต่อสู้  ยินดี.. ที่ได้เห็นโลหิต !!!



        กาเบรียขยับเปลือกตาให้เปิดขึ้น ภายในห้องกลับมาคงสภาพเดิม

    อย่างไม่เหลือเค้าขุมนรกของภาพลวงตาเมื่อครู่ เพียงแต่... ว่างเปล่า ว่างเกินไป

    เพราะแม้บุรุษที่สมควรจะปรากฎตัวออกมาได้แล้วกลับไม่ปรากฎตัวออกมาดังที่คาด



        แล้วเพียงเสี้ยววินาทีที่กระพริบตา...

    ไซครอฟก็ยืนประจันหน้ากับกาเบรียจากอากาศธาตุที่ว่างเปล่า



        นัยน์ตาสีน้ำเงินประกายดุดันเฉกเช่นสัตว์ป่าหิวกระหาย

    ริมฝีปากแดงที่บางจัดเหยียดยิ้มเหื้+ยมเบาบาง ชายหนุ่มก้าวขายาวสาวเท้าเข้าหาเด็กชาย

    แม้อีกไม่กี่คืบหน้าของกาเบรียก็จะชนเข้ากับแผ่นอกของเขาแล้วก็ตาม

    ทำให้เด็กชายก้าวเท้าถอยออกห่างอย่างไม่รู้ตัว



        นาน... กว่าจะรู้ตัวว่าร่างของบุรุษตรงหน้าหายไปจากเบื้องหน้าของเด็กชายอีกครั้ง

    เพราะครั้งนี้แม้ชายหนุ่มจะเลือนหายไปแต่ภาพกลับยังตกค้างอยู่ในดวงตาของกาเบรีย

    เพียงแต่ความรู้สึกของจิตสังหารได้หายไปพร้อมกับร่างของชายหนุ่มด้วย



        แต่แววตาประหลาดใจก็ไม่ได้ฉายอยู่บนใบหน้าของเด็กชายแต่อย่างใด

    เมื่อตระหนักได้ก่อนหน้านี้แล้วว่า



        เงื่อนไขยังไม่จบสิ้น!!!? การต่อสู้จึงปะทุขึ้น!!



        ร่างที่หายไปเมื่อครู่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วเบื้องหลังของกาเบรีย

    ชายหนุ่มทิ้งลำแขนแข็งแกร่งกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของเด็กชาย

    กระแสความเจ็บปวดแล่นเข้าใส่เบื้องหลังแล้วค่อยๆลามถ่ายถอดไปจุกอยู่ที่ลิ้นปี่

    แรงอัดกระแทกซัดเด็กชายพุ่งถลาไปข้างหน้าแล้วทรุดลงไปนอนกองกับพื้นอันเย็นเยียบอย่างไร้ความปรานี



    ชายหนุ่มยังคงโถมร่างตามเป้าหมายอย่างไม่หยุดยั้งความพยายาม

    เงื้อกำปั้นทรงพลังที่ห่อหุ้มด้วยกระแสของลำแสงสีขาวที่วิ่งแล่นวนอยู่รอบๆเตรียมเหนี่ยว

    ทว่ากาเบรียไหวตัวทันฝืนดีดตัวขึ้นจากพื้นทั้งๆยังจุกหลบกำปั้นอันหนักหน่วงทันการณ์



        เมื่อเป้าหมายที่เคยเล็งเคลื่อนย้าย กำปั้นที่ไม่สามารถหยุดรั้งก็ทิ้งตัวลงบนพื้นปูนอย่างแม่นยำ

    เศษฝุ่นผงปลิวกระจายเมื่อเศษฝุ่นจางลงเผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่เฉกเช่นบนดวงจันทร์

    เด็กชายจ้องมองหลุมกว้างตาค้าง จินตนาการไปว่าถ้าเกิดตนหลบไม่ทันท่วงทีละก็...

    สภาพเขาในตอนนี้ก็คงไม่ต่างไปจากหลุมนั่นเท่าไรนัก!!!??



                    มีเวลาให้หยุดคิดเพียงเสี้ยววินาที เมื่อขายาววาดเตะเล็งมาที่กลางลำตัวของเด็กชาย

    เขาพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่ความเร็วดุจสายฟ้านั่นก็ใช่ว่าจะหลบกันได้ง่ายๆ

    หน้าแข้งจึงปะทะเข้ากลางลำตัวของกาเบรียอย่างจังเบอร์



                    ความจุกอัดแน่นไปทั่วท้องน้อยวิ่งพล่านไปตามภายในร่างกาย

    ไต่ขึ้นไปตามลำคอจนในที่สุดเด็กชายก็สำลักของเหลวอุ่นออกมาภายนอก

    กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วช่องปาก ลิ้นลิ้มรสขมอย่างเต็มที่

    รู้สึกได้ถึงความรู้สึกอุ่นๆที่ไหลเยิ้มลงมาตามมุมปาก

    แต่ไม่อาจทำให้เขาละความพยายามดิ้นรนต่อสู้ไปได้



                    เด็กชายตะเกียดตะกายยันตัวลุกขึ้น เขาลุกขึ้นมาได้เพียงนิดหนึ่ง

    แล้วก็ล้มลงไปกองกับพื้นตามเดิม ไซครอฟเดินมามองสภาพของคู่กรณีแล้วก็ประเมินจากสายตา

    ว่าคู่ต่อสู้ไม่อาจจะสู่ได้อีกต่อไป แต่เขากลับสะดุดใจกับเด็กชายอยู่ครู่ใหญ่

    จดจ้องใบหน้าดั่งกับกำลังหยั่งคิดแต่แล้วซักพักเขาจึงละจากร่างของกาเบรียด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    เดินไปหยุดอยู่มุมหนึ่งแล้วร่างของชายหนุ่มก็ค่อยๆเลือนหายไป



                     ภาพเลือนลางยังคงสะท้อนอยู่บนดวงตาแข็งกร้าวของกาเบรีย

    เด็กชายกำหมัดแน่น นึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่อาจลุกขึ้นได้

    เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดช้าๆ กลั้นใจ ยันตัวลุกขึ้นในที่สุด!!!



                    ร่างของไซครอฟที่กำลังจะเลือนหายกลับเด่นชัดขึ้นในชั่วพริบตา

    ชายหนุ่มหันหน้ากลับมามองเด็กชายที่บัดนี้กลับลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง



        จากสภาพ มีเพียงความดื้อรั้นเท่านั้นที่ทำให้เด็กชายลุกขึ้นมายืนได้ดั่งปาฏิหาริย์

    ไซครอฟกางฝ่ามือออก ประกายสีดำวิ่งวนตามกระแสอยู่รอบฝ่ามือของเขาเป็นจุดเล็กๆ

    ชายหนุ่มปล่อยให้มันมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนอยู่นาน จากก้อนเล็กๆ ก็ทวีความใหญ่ขึ้น

    เขากำมือ แว้บหนึ่งประกายของสีดำหายวับไป ไซครอฟกุมมือเอาไว้แล้วผลักออกไป

    กลุ่มสีดำก็ทะยาน มุ่งเข้าหากาเบรีย!!??



        สายลมแรงอัดเข้าปะทะกาเบรียเต็มแรง เด็กชายลอยละลิ่วไปตามสายลม

    อัดเข้ากับกำแพงคอนกรีตหนา เศษปูนร่วงกราวฟุ้งตลบกลบเด็กชาย

    แรงเฮือกสุดท้ายที่มีได้ใช้ไปหมดแล้ว เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก



        ไซครอฟยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ใบหน้าไม่ได้แสดงอาการใดๆทั้งสิ้น

    จะมีก็แค่เพียงสายตาที่เย็นชา ชายหนุ่มขยับปากเอ่ยขึ้น หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนาน



        "ทำไมนายถึงกระเสือ-กกระสนที่จะออกไปขนาดนั้น"



                    เสียงเย็นชาจากบุรุษเอ่ยถาม



                    เด็กชายรวบรวมพละกำลังแขนจัดท่าให้นั่งโดยไม่หงายหลังไปซะก่อน

    เขาเงยหน้าขึ้นมองไซครอฟแล้วเบนหน้าหนี ขยับปากตอบอย่างเชื่องช้าจากความบาดเจ็บ



                    "ก็แค่... อยากจะเป็นอิสระเหมือนคนอื่นๆ

    อยากจะเห็นความสวยงามบนโลกด้วยตาของตัวเอง... ก็เท่านั้น"



                    มีเสียงหัวเราะในลำคออย่างดูถูกมาจากไซครอฟ  โดยที่ไม่สังเกต

    ชายหนุ่มรวบรวมกลุ่มพลังงานสีดำขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้ความหนาแน่นของมัน

    ก็คลอบคลุมไปทั่วฝ่ามือของเขามากว่าครั้งก่อนเป็นเท่าตัว



                    "อย่างงั้นเหรอ... แต่แค่เลือดของนายมันก็แตกต่างอย่างที่สุดแล้วล่ะ

    แต่ถ้าต้องการอย่างนั้นละก็ฉันจะช่วย.. ให้นายได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย

    ก่อนจะหลุดจากความทรมานแล้วกัน"



                    ชายหนุ่มผลักดันกลุ่มพลังงานก้อนโตด้วยความเร็วเพียงหน่วย

    แล้วลำแสงสีดำก็เป็นจ้าวแห่งเวลานี้ ด้วยแรงอันมหาศาลและพลังอันล้นหลาม

    ผลักดันให้ตัวเด็กชายกระเด็นไปกระทบกำแพงหนา



                     คำพูดประโยคสุดท้ายนั่นยังคงฝังอยู่ในสมองให้คิดวกวนไปมา

    เขาจึงใช้แขนปาดไปที่มุมปากขณะกำลังลอยไปตามกระแสลม

    ก่อนที่ความดำมืดจะครอบครองทุกสิ่งไป



                     สิ่งสุดท้ายก่อนสติสัมปชัญะจะดับวูบ

    ไปพร้อมเสียงกรีดร้องของฟรอเซลที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันนั้นก็คือ



                     "เลือด... สีเงิน"





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×