ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter III : Attack (ปะทะ)RW
นาฬิกาดิจิตอลฉายเวลาบนผนังบอกว่าเป็นเวลา 5 ทุ่มเศษ
กาเบรียกลับมานั่งประจำที่อยู่บนเตียงนอนภายในห้องของตนอย่างสงบ
โดยไม่ให้ใครรู่ได้ว่าหลังคืนอันเงียบสงบนี้พายุกำลังตั้งเค้ารอถล่มอยู่เรียบร้อยแล้ว
จากปากคำของเฟเนคกล่าวเอาไว้ว่า
เวลาเที่ยงคืนของวันนี้จะมีการนัดประชุมสมาคมนักวิทยาศาสตร์ที่ห่างไกลออกไปจากที่นี่
ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาก็จะเหลือเพียงการป้องกันอย่างหละหลวม
แต่กระนั้นก็ยกเว้นชั้น 30 ไว้ชั้นหนึ่ง!?
กาเบรียหรี่ดวงตาสีเทาไปยังเป้าหมายที่ง่ายต่อการจู่โจม และรอเวลา ..
ถ้าเกิดมีคนตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อแล้วละก็
เวลาจะผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนโกหกเลยทีเดียว
แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถหยุดยั้งเวลาไม่ให้เดินต่อไปได้
เมื่อในนาทีต่อมา ตัวเลขบนผนังกำแพงแปลเปลี่ยน .. จาก 23.59 น. เปลี่ยนเป็น 24 นาฬิกา!!!
เด็กชายไม่รอช้า
เขาอดทนมาพอแล้วกับการรอจังหวะอันเหมาะสม
จึงรีบคว้าเอาสายไฟจากมุมห้องอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีคนสังเกตเห็น และ
พรึบ!
ดั่งหลอดไฟนับร้อยนัดพากันดับลงพร้อมกัน
และไม่รอให้ใครไหวตัวทัน กาเบรียรีบจ้ำออกไปจากห้องที่ตนนั่งสงบเสงี่ยมอยู่เมื่อครู่อย่างฉับไว
ในเมื่อประตูที่ถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์อัจฉริยะขาดกระแสไฟ
ประตูที่แน่นหนาราวเหล็กสิบตันก็เปิดออกง่ายดั่งเล่นมายากล
และมายากรก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่กำลังย่างก้าวออกมาจากประตู เด็กชายผู้มีนัยน์ตาสีเทา กาเบรีย
เขาใช้ความมืดพรางกายจากสายตาของผู้อื่น
ก้าวเดินไปตามทางเดินของศูนย์วิจัยซึ่งก็คือส่วนของโซน B อย่างที่ได้รับฟังมาจากเฟเนค
และสำคัญอย่างยิ่ง โอกาสรอดไปจากที่นี่นั้นมีเพียง 30% ซึ่งไม่ได้ทำให้ใจชื้นขึ้นมาเลยซักนิด
ถ้าเป็นคนอื่นการเดินไปในความมืดนั้นนับว่าเป็นเรื่องยากลำบาก
และการดับไฟก็ถือว่าเป็นการตัดกำลังของตนไปในตัว
แต่เด็กชายอย่างกาเบรียกลับไม่ได้รับผลกระทบที่ตามมาจากการดับไฟ
ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม เขาสามารถมองฝ่าความมืดออกไปได้อย่างในเวลามีแสงสว่าง
สิ่งกีดขวางตามทางเดินไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคและสามารถผ่านมันไปได้อย่างสบายๆ แต่ ..
ในสมองกลับสั่งการให้ตระหนักว่าสถานการณ์ชักเลวร้ายไปทุกขณะ
ในเมื่อนี่คือโซน B แต่ทำไมเขากลับผ่านลงมาได้โดยไม่เจอกับอะไรเลยนะ มันเรื่องแปลกชัดๆ!!??
สิ้นเสียงความคิดของเด็กชายหยุดลง
สิ่งที่เขาคิดนั้นไม่ถือว่าผิดเสียทีเดียวเมื่อเบื้องหน้ามีเสียงคำรามคล้ายเสียงของสัตว์ป่าดังแว่วมาเข้าหู
พร้อมกับที่นาทีถัดมาเจ้าของเสียงคำรามนั่นได้โผล่พ้นขอบกำแพงที่กั้นระหว่างเด็กชายกับเจ้าสิ่งนั่นเอาไว้ให้เขาได้ยลโฉม
หมาป่า!
ไม่แปลกหากสถานที่ๆถูกเรียกว่าศูนย์ทดลองจะมีสัตว์อย่างหมาป่าอยู่เพื่อใช้ในการทดลอง
แต่ทว่าสัตว์ที่ดุร้ายเยี่ยงนี้เหมาะสมที่จะนอนหมอบอยู่ภายในกรงขังหรือไม่ก็อาศัยอยู่ตามชายป่ามากกว่า
ที่จะออกมาเดินเพ่นพ่านแถวทางเดินอย่างนี้ หรือเพราะว่ากรงขังก็ถูกควบคุมด้วยกระแสไฟฟ้า!
เมื่อไฟถูกตัดกรงจึงเปิดขึ้น!!!??
เด็กชายเหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบๆ ถึงแม้เจ้าหมาป่าที่เขาเผชิญอยู่จะมีเพียงแค่ตัวเดียวก็ตาม
ด้วยสถานที่แล้วทำให้เขาอดจะหวั่นใจไปไม่ได้ว่ามีหรือที่สถานที่อย่างนี้จะปล่อยให้มีเพียงหมาป่าอย่างเดียว
และไม่ใช่เพียงแค่นั้น! มีหรือว่าจะมีเพียงหมาป่าธรรมดา
อย่างนี้สินะ เฟเนคถึงจัดให้อยู่ในโซน B
เด็กชายคิด เขากำลังปั้นสีหน้าเครียดเขม็ง
ดวงตาสีเทาสบประสานกับดวงตาสีเหลืองอำพันเจ้าหมาป่าอย่างไม่ลดละ ไม่สิ!
ถ้าเกิดว่าเขาเป็นฝ่ายละสายตาจากเจ้าหมาป่านี่ เขาเองที่จะเป็นฝ่ายถูกเขมือบทั้งเป็น!!!
ดูราวจะเป็นการหยั่งเชิงกันระหว่างเด็กชายกับหมาป่า
ในเมื่อไม่มีฝ่ายใดแสดงท่าทีว่าจะขยับเขยื้อนไปจากที่ๆตนประจำอยู่
ความเงียบโรยตัวลงเผยให้เสียงคำรามและเสียงขบฟันจากปากที่มีน้ำลายหนืดไหลย้อยของเจ้าหมาป่าเท่านั้น
ที่ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาตของเด็กชาย เรียกให้เขามองเจ้าเขี้ยวขาวๆที่โชว์อวดออกมาอย่างขวัญผวา
และแล้วในระหว่างที่ความเงียบยังปกคลุม เจ้าหมาป่าก็ครางเสียงอ่อนลง
เบนเขี้ยวคมๆจากการประจันหน้ากับกาเบรียไปด้านข้าง มองทะลุผ่านกระจกใสออกไป
จนเด็กชายนึกสงสัยเลื่อนสายตาออกไปมองบ้าง
เมฆครึ้มเริ่มถูกไล่ให้เคลื่อนที่โดยสายลมแรง
เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆเผยให้เห็นพระจันทร์กลมโตสีนวลลอยเด่นทำหน้าที่อย่างเช่นทุกวัน
แต่ที่ผิดแผกไปก็คือ วันนี้เป็นวัน "จันทร์เต็มดวง"!!??
ทำไม ? แค่พระจันทร์เต็มดวงถึงมีผลกับหมาป่า
กาเบรียที่ยังฉงนกับท่าทีของหมาป่าตรงเบื้องหน้ารีบเบนสายตากลับมาจดจ้องที่เจ้าหมาป่าดังเดิม
และก็พบสิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจเพิ่มขึ้น เมื่อเจ้าหมาป่าตัวสั่นเทิ้ม ใบหูตกลู่ลง
และสิ่งต่อมาที่ทำให้เด็กชายถึงกับต้องยกมือขึ้นมาขยี้ตาตนเองคือ
ร่างของเจ้าหมาป่าตัวนั้นกำลังขยายใหญ่ขึ้น!!???
ดวงตาสีเทาเบิกกว้างฉายแววตื่นตระหนก ขยับผีเท้าห่างออกมาหนึ่งฝีก้าว
สมองพยายามสั่งการให้รีบหนีไปโดยด่วน แต่ทว่าร่างกายของเด็กชายกลับถูกตรึงไว้กับที่
ดั่งมีมือที่มองไม่เห็นฉุดร่างเขาเอาไว้ให้มองดูการกลายร่างให้เสร็จสมบูรณ์
จากหมาป่าตัวกระจ้อยร่อยที่ไม่ค่อยจะน่าเอ็นดูนักอยู่แล้ว
กลับกลายวิวัฒนาการยืนด้วยสองขาหลังที่มีกรงเล็บคมกริมดั่งใบมีดกางเตรียมขย้ำหัวกลมๆของเหยื่อ
และยิ่งไม่ต้องพูดถึงอีกสองข้างที่เหลือใช้ต่างมือเพราะกรงเล็บมรณะนั่นก็ยาวไม่แพ้กันนัก
ดวงตาสีเหลืองอำพันกลับก่ำแดง น้ำลายไหลย้อยจากรอยห่างของซี่ฟัน เรียกได้ว่าปิศาจดีๆนี่เอง
ดวงตาแดงก่ำจ้องมองเข้ามาในดวงตาสีเทา
จนเด็กชายต้องกลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างยากลำบาก
ไม่เห็นเคยมีใครบอกสักคนแม้แต่เจ้าเฟเนค
ว่าศูนย์วิจัยเลี้ยงสัตว์จำพวกตัวประหลายอย่างงี้ด้วย
กรรร........!!!
เสียงขู่คำรามดังขึ้นขณะเจ้าปิศาจใช้ขาหลังทั้งสองย่างสามขุมตรงมายังกาเบรีย
กรงเล็บกางออกเหนี่ยวไปข้างหลังเตรียมพร้อมตะปบลงที่สีข้างของเด็กชาย!!!??
ไวเท่าความคิด กาเบรียหลุดจากพันธนาการของมือล่องหน
เหวี่ยงตัวหลบวูบอย่างกระชั้นชิด การโจมตีเมื่อกี้ทำเอาเสื้อของเขาฉีกขาดเป็นทาง
เด็กชายฉวยจังหวะที่เจ้าปิศาจเปิดช่องว่างเตะสวนกลับไปกลางลำตัวของมัน
แต่ก็กลับถูกป้องกันโดยลำแขนทั้งสองข้างเอาไว้ได้
โดยที่กาเบรียตั้งหลักทัน เด็กชายกระโดดหลบวูบไปอีกทาง
หมุนตัวกลางอากาศ เหนี่ยวกำปั้นเต็มกำลังเล็งไปที่ศรีษะเจ้าปิศาจ
ผลั่ก!!!
ศรีษะเจ้าหมาป่าปิศาจถูกกระแทกสะบัด
ชะงักการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ ดวงตาสีแดงก่ำเริ่มมีประกายฉุนเฉียว
แล้วเจ้าหมาป่าปิศาจก็พุ่งทะยานพาร่างอันเทอะทะเข้าหากาเบรีย!???
เด็กชายเบี่ยงตัวหลบซ้ายขวาจากทิศทางที่กรงเล็บที่สามารถปลิดชีพเข้าได้ในชั่วพริบตาอย่างเฉียดฉิว
แต่ปลายเท้าเจ้ากรรมกลับสะดุดลงกับพื้นทำให้เขาตั้งรับไม่ทันกับกรงเล็บที่ทิ้งตัวลงมาอีกระลอก
เกือบที่กรงเล็บนั่นจะข่วนฝากเอารอยแผลไว้บนร่างกาย กาเบรียอาศัยทักษะโยกตัวหลบในระยะกระชั้นชิด
แต่ไม่ทันที่จะหลบมือที่คว้าเข้ามาลากคอเขาโดยที่ไม่ทันมอง
ราวกับมีความแค้นเคืองกันมาก่อนก็ไม่ปาน
มือที่ปกคลุมไปด้วยขนนั้นบีบเค้นคอของเด็กชายเข้าแน่น ยกร่างลอยขึ้นจากพื้น
ลมหายใจติดขัดเมื่อหลอดลมถูกบีบเค้นมากเข้า หน้าของกาเบรียซีดเผือดลง
เขาพยายามแกะมือของเจ้าหมาป่าปิศาจให้หลุดออกจากพันธนาการที่น่าอึดอัดนั่น
แต่พยายามเท่าใดก็ไม่สามารถรอดพ้นออกจาเงื้อมมือที่มากไปด้วยพละกำลังมหาศาลนั่นได้
เมื่อความอดทนหยุดลง ความเหนื่อยล้าอ่อนแรงเริ่มส่งผล
กาเบรียรวบรวมพละกำลังเฮือกสุดท้ายนั้นเหยียดขาทั้งสองขึ้นมาเสยคางเจ้าหมาป่าปิศาจ!!!
คอของเด็กชายหลุดจากมือทั้งสองของเจ้าปิศาจตาแดง
เด็กชายไม่รอช้าที่จะถอยตัวออกห่างไปตั้งหลัก กลับมาหอบตัวโยนจากความเหน็ดเหนื่อย
คุกเข้าลงกับพื้น และหรี่ดวงตาสีเทาลงเล็งเป้าหมาย
ฉับพลัน ในมือที่ว่างเปล่ากลับปรากฏกริชสีเงินวาววับคมกริบ
ประกายสะท้อนล้อแสงจันทร์ยามคืนวันเพ็ญเล่น
เด็กชายกุมมือจับด้ามกริชแน่นกระชับ เตรียมการโจมตีครั้งต่อไป!!!
ไม่รอให้เจ้าปิศาจเป็นฝ่ายบุก
กาเบรียดีดตัวจากพื้นพุ่งทะยานเข้าหาร่างหมาป่าปิศาจกระหายการฆ่า
ฟันกริชคมกริบเข้าพาดที่หน้าเจ้าหมาป่าเป็นแนวรอยบาก
พาดผ่านแม้กระทั่งดวงตาสีก่ำข้างขวาของมัน!!
หมาป่าปิศาจกรีดร้องจากเนื่องด้วยความเจ็บปวดระคนเจ็บแค้น
โถมร่างเข้าหาเด็กชายเตรียมพร้อมใช้กรงเล็บตะบันหน้าเขาไม่ยั้ง แต่ทว่า...
กลับคว้าได้เพียงอากาศ เด็กชายหลบหลีกการโจมตี-นับครั้งไม่ถ้วนได้เพียงเสี้ยววินาที
ดุจความเร็วของสายลม กาเบรียทะยานร่างเข้าหากรงเล็บมรณะ นัยน์ตาสีเทาวาวโรจน์
มือจับด้ามกริชแน่นกระชับ ปักลงบนลำตัวเจ้าหมาป่าปิศาจอย่างแม่นยำที่ขั้วหัวใจ!!!?
เสียงกรีดร้องของเจ้าปิศาจโหยหวน
เลือดสีแดงข้นไหลทะลักจากปากแผลอาบไปทั่วร่าง และล้มตึงลงกับพื้นในที่สุด
กาเบรียยืนมองนิ่ง นัยน์ตาสีเทาเย็นชาอย่างสุดแสน
แล้วเด็กชายก็ปรับฝีเท้าให้เดินออกห่างและลับตาจากไป...
กริชเงินทอแสงจันทร์วาววับที่เคยปักร่างเจ้าหมาป่าพลันเลือนหาย
หาย... ไปพร้อมกับลมหายใจของเจ้าหมาป่าปิศาจ
กาเบรียยังคงวิ่งต่อมาเรื่อยๆแม้จะเหน็ดเหนื่อยเต็มที
เด็กชายไม่คิดจะเสียเวลาหยุดพักเอาแรงเพราะเขาปรารถนาที่จะออกไปจากสถานที่นี้ให้เร็วที่สุด
บังเอิญหรือ?
เด็กชายคิดขณะสาวเท้าวิ่งต่อไปด้วยใจที่สับสน ก็อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น
อยู่ๆ เมื่อนึกถึงกริชขึ้นมามันก็ปรากฏอยู่บนมือราวมีเวทมนต์
แต่ถ้าไม่ใช้เพราะกริชเล่นนั้นเขาก็คงได้ไปวิ่งต่อในยมโลก
ไม่ต้องมาเหนื่อยหอบอยู่ในตึกอย่างนี้
เด็กชายสั่นหัวแรงๆไล่ความคิดที่คอยตามรังควานให้เขาต้องปวดหัวออกไป
เมื่อย่างก้าวลงมาถึงชั้น39... ส่วนของโซน A !!??
ฝีเท้าที่ย่างก้าวอย่างรวดเร็วชะงักกึกเมื่อก้าวลงบันไดขั้นสุดท้ายเปลี่ยนเป็นเดินต่อไปอย่างช้าๆ
ความกดดันแผ่ขยายเข้าคลอบคลุมทุกอาณาเขตจนเด็กชายรู้สึกได้
ความหวาดระแวงเริ่มเข้ามาเกาะกุมจิตใจ
มันก็อดที่จะทำให้เขานึกถึงตอนที่เฟเนคปราศรัยไม่ได้
โซน A โอกาสรอด 0%!!???
เด็กชายตีหน้าเครียด มีเพียง 0%เท่านั้นหรือ เพราะอะไรกัน!?
กาเบรียเงยหน้าไปมองใบหน้าของผู้พูดที่เครียดไม่แพ้กันอย่างขอความเห็น
และเฟเนคจึงเริ่มอธิบาย
"ส่วนของโซน A คือช่วงชั้นที่ 39 ลงมาถึงชั้น 30 ซึ่งก็ถือว่าถึงครึ่งทางได้ถ้ามาถึงชั้นนี้
และช่วงชั้นที่ต่ำลงไปก็คือส่วนของโซน C ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ได้เองว่าผ่านลงไปได้อย่างสบายๆ
แต่กระนั้นก็หมายถึงถ้าผ่านชั้น 30 ลงไปได้ละก็นะ"
เฟเนคเว้นช่วง ซึ่งทำให้คนฟังอยากจะลุกขึ้นไปตะบันหน้ากวนๆเดี๋ยวนั้น
เนื่องจากกำลังถึงตอนสำคัญ
"ชั้น 30 คือชั้นที่มีโอกาสรอด 0%อย่างแท้จริง...
ช่วงชั้นที่ถูกปกครองโดย 3 ผู้พิทักษ์ศูนย์วิจัย !"
เฟเนคกล่าวประโยคถัดมาด้วยเสียงเบาราวกระซิบ
แต่เด็กชายก็จับได้ถึงทุกคำพูดของชายหนุ่ม
3 ผู้พิทักษ์ศูนย์วิจัย!?
กาเบรียรำพึงในใจอย่างหวาดหวั่น
"3 ผู้พิทักษ์ศูนย์วิจัยประกอบไปด้วย ไซครอฟและฟรอเซล สองพี่น้องแห่งตระกูลนักรบ
ไซครอฟออกจะเป็นคนที่มีบุคลิกเงียบขรึม ชอบเก็บตัว และไม่เข้าสังคม
แต่เป็นผู้มีจิตสังหารเฉียบคมจนชั้นยังรู้สึกได้
และก็เป็นผู้ที่มีฝีมือดาบเป็นอันดับหนึ่งของผู้พิทักษ์ด้วยกัน
ซึ่งต่างจากฟรอเซลผู้เป็นน้องสาวอย่างสุดขั้ว
รายนั้นเอะอะขี้โวยวาย แล้วก็อาแต่ใจเป็นที่สุด แต่ฝีมือกลับไม่แพ้ผู้พี่"
เฟเนคเล่ามาเรื่อย แต่พอจบสองคนเขาก็ไม่ยอมพูดต่อ
แม้ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าผู้พิทักษ์คนที่สามเป็นใคร ผู้ที่กำลังเล่าเรื่องทั้งหมด
เฟเนคเองนั่นแหละผู้พิทักษ์คนที่สาม เพราะฉะนั้นทำให้เจ้าตัวไม่อยากจะพูดถึงซักเท่าไหร่นัก
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"เอาล่ะ จบและ แล้วจากที่ชั้นเล่านายก็คงเดาได้ว่าชั้นออกไปได้ยังไง
แต่ถึงยังงั้นก็ใช่ว่าชั้นอยากจะต่อกรกับเจ้าสองคนนั่นหรอกนะ"
ชายหนุ่มว่าพร้อมกดปิดภาพสามมิติ
ตีไม้กระดานเข้าที่หัวเตียงแล้วล้มตัวลงนอน
ที่แท้หมอนั่นก็ใช้ยศบวกกับความเจ้าเลห์หลบออกไป!!
กาเบรียคิดพร้อมเหล่สายตาไปมองร่างที่นอนเหยียดกายยาวบนเตียง
ทันทีที่กาเบรียลุกขึ้นจากเก้าอี้ ชายหนุ่มก็หันใบหน้ามาหาเด็กชายแล้วกล่าวบอก
"อ้อ เจ้าหนู วันนี้ชั้นได้ยินมาว่าพวกนักวิทยาศาสตร์จอมจู้จี้จะไม่อยู่
ไปประชุมไอ้สมาคมอะไรซักอย่างนี่ล่ะ อาจจะพอใช้ประโยชน์อะไรได้... มั้งนะ ไม่รับประกัน
ก็ถ้านายผ่านชั้น 30ไปได้ แล้ววันนี้ไม่ต้องห่วง ชั้นไม่อยู่ มีนัด โชคดีละกัน"
สิ้นเสียงอวยพรกาเบรียก็หันหลังเดินออกจากห้องพร้อมกล่าวลา
"ขอบใจ"
ไม่นึกว่ามาถึงโซน A เพียงชั้นเดียวจะอึดอัดขนาดนี้!
เด็กชายคิดเมื่อกลับเข้าสู่ความจริงขณะก้าวลงบันไดมุ่งสู่ชั้น 30
แค่เพียงชั้นเดียวกับดักตั้งมากมายก็โผล่มาให้เห็นแล้ว คงคิดเผื่อผู้บุกรุกล่ะสิ
แต่ยังสงสัย ติดไปทำไมตั้งมากมาย ก็ดูท่าเจ้าพวกนั้นคงผ่านชั้น 30 ขึ้นมาไม่ได้ง่ายๆอยู่แล้วไม่ใช้หรือ!?
กาเบรียยังคงเดินต่อไป เดินและเดิน ก้าวลงมาถึงชั้น 30
แม้บางทีจะมีกับดักโผล่มาอีกบางเป็นพักๆ แต่กับอิแค่กับดักแค่นี้ไม่ได้ครณามือของเด็กชายแม้แต่น้อย
แล้วในที่สุดเขาก็ก้าวลงสู่ชั้น 30!!???
บรรยากาศกลับเย็นยะเยือกลงในชั่วอึดใจเมื่อก้าวลงบันไดขั้นสุดท้าย
ดวงตาสีเทาหรี่ลงจับสังเกตไปทั่วบริเวณ
แปลก!?
ทำไมทั่วทั้งชั้นที่ 30 กลับโล่ง ไม่มีห้องสลับซับซ้อน โล่ง... และเงียบจนน่าขนลุก
และถ้าสังเกตดีๆ การตกแต่งก็ประหลาด ทั่วทั้งชั้นกลับมีภาษาอักขระที่เด็กชายไม่รู้จัก
สลักอยู่เต็มฝาผนัง แม้แต่พื้นและเพดาน
ไม่มีวี่แววว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ กาเบรียจึงรีบจ้ำจะเดินละไปจากชั้น 30
เพราะบางทีที่เฟเนคเล่าอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องตลก
และเป็นตลกร้ายทีเดียว แต่ฉับพลันนั้นเอง!!???
กึก!!
เสียงฝีเท้าสัมผัสลงบนพื้น และสิ้นเสียง
กรงเหล็กก็ทิ้งตัวลงมากางกั้นขวางทางเด็กชายไม่ให้ก้าวต่อไปจากอาณาเขตของชั้น!!!??
กาเบรียกลับมานั่งประจำที่อยู่บนเตียงนอนภายในห้องของตนอย่างสงบ
โดยไม่ให้ใครรู่ได้ว่าหลังคืนอันเงียบสงบนี้พายุกำลังตั้งเค้ารอถล่มอยู่เรียบร้อยแล้ว
จากปากคำของเฟเนคกล่าวเอาไว้ว่า
เวลาเที่ยงคืนของวันนี้จะมีการนัดประชุมสมาคมนักวิทยาศาสตร์ที่ห่างไกลออกไปจากที่นี่
ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาก็จะเหลือเพียงการป้องกันอย่างหละหลวม
แต่กระนั้นก็ยกเว้นชั้น 30 ไว้ชั้นหนึ่ง!?
กาเบรียหรี่ดวงตาสีเทาไปยังเป้าหมายที่ง่ายต่อการจู่โจม และรอเวลา ..
ถ้าเกิดมีคนตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อแล้วละก็
เวลาจะผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนโกหกเลยทีเดียว
แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถหยุดยั้งเวลาไม่ให้เดินต่อไปได้
เมื่อในนาทีต่อมา ตัวเลขบนผนังกำแพงแปลเปลี่ยน .. จาก 23.59 น. เปลี่ยนเป็น 24 นาฬิกา!!!
เด็กชายไม่รอช้า
เขาอดทนมาพอแล้วกับการรอจังหวะอันเหมาะสม
จึงรีบคว้าเอาสายไฟจากมุมห้องอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีคนสังเกตเห็น และ
พรึบ!
ดั่งหลอดไฟนับร้อยนัดพากันดับลงพร้อมกัน
และไม่รอให้ใครไหวตัวทัน กาเบรียรีบจ้ำออกไปจากห้องที่ตนนั่งสงบเสงี่ยมอยู่เมื่อครู่อย่างฉับไว
ในเมื่อประตูที่ถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์อัจฉริยะขาดกระแสไฟ
ประตูที่แน่นหนาราวเหล็กสิบตันก็เปิดออกง่ายดั่งเล่นมายากล
และมายากรก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่กำลังย่างก้าวออกมาจากประตู เด็กชายผู้มีนัยน์ตาสีเทา กาเบรีย
เขาใช้ความมืดพรางกายจากสายตาของผู้อื่น
ก้าวเดินไปตามทางเดินของศูนย์วิจัยซึ่งก็คือส่วนของโซน B อย่างที่ได้รับฟังมาจากเฟเนค
และสำคัญอย่างยิ่ง โอกาสรอดไปจากที่นี่นั้นมีเพียง 30% ซึ่งไม่ได้ทำให้ใจชื้นขึ้นมาเลยซักนิด
ถ้าเป็นคนอื่นการเดินไปในความมืดนั้นนับว่าเป็นเรื่องยากลำบาก
และการดับไฟก็ถือว่าเป็นการตัดกำลังของตนไปในตัว
แต่เด็กชายอย่างกาเบรียกลับไม่ได้รับผลกระทบที่ตามมาจากการดับไฟ
ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม เขาสามารถมองฝ่าความมืดออกไปได้อย่างในเวลามีแสงสว่าง
สิ่งกีดขวางตามทางเดินไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคและสามารถผ่านมันไปได้อย่างสบายๆ แต่ ..
ในสมองกลับสั่งการให้ตระหนักว่าสถานการณ์ชักเลวร้ายไปทุกขณะ
ในเมื่อนี่คือโซน B แต่ทำไมเขากลับผ่านลงมาได้โดยไม่เจอกับอะไรเลยนะ มันเรื่องแปลกชัดๆ!!??
สิ้นเสียงความคิดของเด็กชายหยุดลง
สิ่งที่เขาคิดนั้นไม่ถือว่าผิดเสียทีเดียวเมื่อเบื้องหน้ามีเสียงคำรามคล้ายเสียงของสัตว์ป่าดังแว่วมาเข้าหู
พร้อมกับที่นาทีถัดมาเจ้าของเสียงคำรามนั่นได้โผล่พ้นขอบกำแพงที่กั้นระหว่างเด็กชายกับเจ้าสิ่งนั่นเอาไว้ให้เขาได้ยลโฉม
หมาป่า!
ไม่แปลกหากสถานที่ๆถูกเรียกว่าศูนย์ทดลองจะมีสัตว์อย่างหมาป่าอยู่เพื่อใช้ในการทดลอง
แต่ทว่าสัตว์ที่ดุร้ายเยี่ยงนี้เหมาะสมที่จะนอนหมอบอยู่ภายในกรงขังหรือไม่ก็อาศัยอยู่ตามชายป่ามากกว่า
ที่จะออกมาเดินเพ่นพ่านแถวทางเดินอย่างนี้ หรือเพราะว่ากรงขังก็ถูกควบคุมด้วยกระแสไฟฟ้า!
เมื่อไฟถูกตัดกรงจึงเปิดขึ้น!!!??
เด็กชายเหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบๆ ถึงแม้เจ้าหมาป่าที่เขาเผชิญอยู่จะมีเพียงแค่ตัวเดียวก็ตาม
ด้วยสถานที่แล้วทำให้เขาอดจะหวั่นใจไปไม่ได้ว่ามีหรือที่สถานที่อย่างนี้จะปล่อยให้มีเพียงหมาป่าอย่างเดียว
และไม่ใช่เพียงแค่นั้น! มีหรือว่าจะมีเพียงหมาป่าธรรมดา
อย่างนี้สินะ เฟเนคถึงจัดให้อยู่ในโซน B
เด็กชายคิด เขากำลังปั้นสีหน้าเครียดเขม็ง
ดวงตาสีเทาสบประสานกับดวงตาสีเหลืองอำพันเจ้าหมาป่าอย่างไม่ลดละ ไม่สิ!
ถ้าเกิดว่าเขาเป็นฝ่ายละสายตาจากเจ้าหมาป่านี่ เขาเองที่จะเป็นฝ่ายถูกเขมือบทั้งเป็น!!!
ดูราวจะเป็นการหยั่งเชิงกันระหว่างเด็กชายกับหมาป่า
ในเมื่อไม่มีฝ่ายใดแสดงท่าทีว่าจะขยับเขยื้อนไปจากที่ๆตนประจำอยู่
ความเงียบโรยตัวลงเผยให้เสียงคำรามและเสียงขบฟันจากปากที่มีน้ำลายหนืดไหลย้อยของเจ้าหมาป่าเท่านั้น
ที่ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาตของเด็กชาย เรียกให้เขามองเจ้าเขี้ยวขาวๆที่โชว์อวดออกมาอย่างขวัญผวา
และแล้วในระหว่างที่ความเงียบยังปกคลุม เจ้าหมาป่าก็ครางเสียงอ่อนลง
เบนเขี้ยวคมๆจากการประจันหน้ากับกาเบรียไปด้านข้าง มองทะลุผ่านกระจกใสออกไป
จนเด็กชายนึกสงสัยเลื่อนสายตาออกไปมองบ้าง
เมฆครึ้มเริ่มถูกไล่ให้เคลื่อนที่โดยสายลมแรง
เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆเผยให้เห็นพระจันทร์กลมโตสีนวลลอยเด่นทำหน้าที่อย่างเช่นทุกวัน
แต่ที่ผิดแผกไปก็คือ วันนี้เป็นวัน "จันทร์เต็มดวง"!!??
ทำไม ? แค่พระจันทร์เต็มดวงถึงมีผลกับหมาป่า
กาเบรียที่ยังฉงนกับท่าทีของหมาป่าตรงเบื้องหน้ารีบเบนสายตากลับมาจดจ้องที่เจ้าหมาป่าดังเดิม
และก็พบสิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจเพิ่มขึ้น เมื่อเจ้าหมาป่าตัวสั่นเทิ้ม ใบหูตกลู่ลง
และสิ่งต่อมาที่ทำให้เด็กชายถึงกับต้องยกมือขึ้นมาขยี้ตาตนเองคือ
ร่างของเจ้าหมาป่าตัวนั้นกำลังขยายใหญ่ขึ้น!!???
ดวงตาสีเทาเบิกกว้างฉายแววตื่นตระหนก ขยับผีเท้าห่างออกมาหนึ่งฝีก้าว
สมองพยายามสั่งการให้รีบหนีไปโดยด่วน แต่ทว่าร่างกายของเด็กชายกลับถูกตรึงไว้กับที่
ดั่งมีมือที่มองไม่เห็นฉุดร่างเขาเอาไว้ให้มองดูการกลายร่างให้เสร็จสมบูรณ์
จากหมาป่าตัวกระจ้อยร่อยที่ไม่ค่อยจะน่าเอ็นดูนักอยู่แล้ว
กลับกลายวิวัฒนาการยืนด้วยสองขาหลังที่มีกรงเล็บคมกริมดั่งใบมีดกางเตรียมขย้ำหัวกลมๆของเหยื่อ
และยิ่งไม่ต้องพูดถึงอีกสองข้างที่เหลือใช้ต่างมือเพราะกรงเล็บมรณะนั่นก็ยาวไม่แพ้กันนัก
ดวงตาสีเหลืองอำพันกลับก่ำแดง น้ำลายไหลย้อยจากรอยห่างของซี่ฟัน เรียกได้ว่าปิศาจดีๆนี่เอง
ดวงตาแดงก่ำจ้องมองเข้ามาในดวงตาสีเทา
จนเด็กชายต้องกลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างยากลำบาก
ไม่เห็นเคยมีใครบอกสักคนแม้แต่เจ้าเฟเนค
ว่าศูนย์วิจัยเลี้ยงสัตว์จำพวกตัวประหลายอย่างงี้ด้วย
กรรร........!!!
เสียงขู่คำรามดังขึ้นขณะเจ้าปิศาจใช้ขาหลังทั้งสองย่างสามขุมตรงมายังกาเบรีย
กรงเล็บกางออกเหนี่ยวไปข้างหลังเตรียมพร้อมตะปบลงที่สีข้างของเด็กชาย!!!??
ไวเท่าความคิด กาเบรียหลุดจากพันธนาการของมือล่องหน
เหวี่ยงตัวหลบวูบอย่างกระชั้นชิด การโจมตีเมื่อกี้ทำเอาเสื้อของเขาฉีกขาดเป็นทาง
เด็กชายฉวยจังหวะที่เจ้าปิศาจเปิดช่องว่างเตะสวนกลับไปกลางลำตัวของมัน
แต่ก็กลับถูกป้องกันโดยลำแขนทั้งสองข้างเอาไว้ได้
โดยที่กาเบรียตั้งหลักทัน เด็กชายกระโดดหลบวูบไปอีกทาง
หมุนตัวกลางอากาศ เหนี่ยวกำปั้นเต็มกำลังเล็งไปที่ศรีษะเจ้าปิศาจ
ผลั่ก!!!
ศรีษะเจ้าหมาป่าปิศาจถูกกระแทกสะบัด
ชะงักการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ ดวงตาสีแดงก่ำเริ่มมีประกายฉุนเฉียว
แล้วเจ้าหมาป่าปิศาจก็พุ่งทะยานพาร่างอันเทอะทะเข้าหากาเบรีย!???
เด็กชายเบี่ยงตัวหลบซ้ายขวาจากทิศทางที่กรงเล็บที่สามารถปลิดชีพเข้าได้ในชั่วพริบตาอย่างเฉียดฉิว
แต่ปลายเท้าเจ้ากรรมกลับสะดุดลงกับพื้นทำให้เขาตั้งรับไม่ทันกับกรงเล็บที่ทิ้งตัวลงมาอีกระลอก
เกือบที่กรงเล็บนั่นจะข่วนฝากเอารอยแผลไว้บนร่างกาย กาเบรียอาศัยทักษะโยกตัวหลบในระยะกระชั้นชิด
แต่ไม่ทันที่จะหลบมือที่คว้าเข้ามาลากคอเขาโดยที่ไม่ทันมอง
ราวกับมีความแค้นเคืองกันมาก่อนก็ไม่ปาน
มือที่ปกคลุมไปด้วยขนนั้นบีบเค้นคอของเด็กชายเข้าแน่น ยกร่างลอยขึ้นจากพื้น
ลมหายใจติดขัดเมื่อหลอดลมถูกบีบเค้นมากเข้า หน้าของกาเบรียซีดเผือดลง
เขาพยายามแกะมือของเจ้าหมาป่าปิศาจให้หลุดออกจากพันธนาการที่น่าอึดอัดนั่น
แต่พยายามเท่าใดก็ไม่สามารถรอดพ้นออกจาเงื้อมมือที่มากไปด้วยพละกำลังมหาศาลนั่นได้
เมื่อความอดทนหยุดลง ความเหนื่อยล้าอ่อนแรงเริ่มส่งผล
กาเบรียรวบรวมพละกำลังเฮือกสุดท้ายนั้นเหยียดขาทั้งสองขึ้นมาเสยคางเจ้าหมาป่าปิศาจ!!!
คอของเด็กชายหลุดจากมือทั้งสองของเจ้าปิศาจตาแดง
เด็กชายไม่รอช้าที่จะถอยตัวออกห่างไปตั้งหลัก กลับมาหอบตัวโยนจากความเหน็ดเหนื่อย
คุกเข้าลงกับพื้น และหรี่ดวงตาสีเทาลงเล็งเป้าหมาย
ฉับพลัน ในมือที่ว่างเปล่ากลับปรากฏกริชสีเงินวาววับคมกริบ
ประกายสะท้อนล้อแสงจันทร์ยามคืนวันเพ็ญเล่น
เด็กชายกุมมือจับด้ามกริชแน่นกระชับ เตรียมการโจมตีครั้งต่อไป!!!
ไม่รอให้เจ้าปิศาจเป็นฝ่ายบุก
กาเบรียดีดตัวจากพื้นพุ่งทะยานเข้าหาร่างหมาป่าปิศาจกระหายการฆ่า
ฟันกริชคมกริบเข้าพาดที่หน้าเจ้าหมาป่าเป็นแนวรอยบาก
พาดผ่านแม้กระทั่งดวงตาสีก่ำข้างขวาของมัน!!
หมาป่าปิศาจกรีดร้องจากเนื่องด้วยความเจ็บปวดระคนเจ็บแค้น
โถมร่างเข้าหาเด็กชายเตรียมพร้อมใช้กรงเล็บตะบันหน้าเขาไม่ยั้ง แต่ทว่า...
กลับคว้าได้เพียงอากาศ เด็กชายหลบหลีกการโจมตี-นับครั้งไม่ถ้วนได้เพียงเสี้ยววินาที
ดุจความเร็วของสายลม กาเบรียทะยานร่างเข้าหากรงเล็บมรณะ นัยน์ตาสีเทาวาวโรจน์
มือจับด้ามกริชแน่นกระชับ ปักลงบนลำตัวเจ้าหมาป่าปิศาจอย่างแม่นยำที่ขั้วหัวใจ!!!?
เสียงกรีดร้องของเจ้าปิศาจโหยหวน
เลือดสีแดงข้นไหลทะลักจากปากแผลอาบไปทั่วร่าง และล้มตึงลงกับพื้นในที่สุด
กาเบรียยืนมองนิ่ง นัยน์ตาสีเทาเย็นชาอย่างสุดแสน
แล้วเด็กชายก็ปรับฝีเท้าให้เดินออกห่างและลับตาจากไป...
กริชเงินทอแสงจันทร์วาววับที่เคยปักร่างเจ้าหมาป่าพลันเลือนหาย
หาย... ไปพร้อมกับลมหายใจของเจ้าหมาป่าปิศาจ
กาเบรียยังคงวิ่งต่อมาเรื่อยๆแม้จะเหน็ดเหนื่อยเต็มที
เด็กชายไม่คิดจะเสียเวลาหยุดพักเอาแรงเพราะเขาปรารถนาที่จะออกไปจากสถานที่นี้ให้เร็วที่สุด
บังเอิญหรือ?
เด็กชายคิดขณะสาวเท้าวิ่งต่อไปด้วยใจที่สับสน ก็อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น
อยู่ๆ เมื่อนึกถึงกริชขึ้นมามันก็ปรากฏอยู่บนมือราวมีเวทมนต์
แต่ถ้าไม่ใช้เพราะกริชเล่นนั้นเขาก็คงได้ไปวิ่งต่อในยมโลก
ไม่ต้องมาเหนื่อยหอบอยู่ในตึกอย่างนี้
เด็กชายสั่นหัวแรงๆไล่ความคิดที่คอยตามรังควานให้เขาต้องปวดหัวออกไป
เมื่อย่างก้าวลงมาถึงชั้น39... ส่วนของโซน A !!??
ฝีเท้าที่ย่างก้าวอย่างรวดเร็วชะงักกึกเมื่อก้าวลงบันไดขั้นสุดท้ายเปลี่ยนเป็นเดินต่อไปอย่างช้าๆ
ความกดดันแผ่ขยายเข้าคลอบคลุมทุกอาณาเขตจนเด็กชายรู้สึกได้
ความหวาดระแวงเริ่มเข้ามาเกาะกุมจิตใจ
มันก็อดที่จะทำให้เขานึกถึงตอนที่เฟเนคปราศรัยไม่ได้
โซน A โอกาสรอด 0%!!???
เด็กชายตีหน้าเครียด มีเพียง 0%เท่านั้นหรือ เพราะอะไรกัน!?
กาเบรียเงยหน้าไปมองใบหน้าของผู้พูดที่เครียดไม่แพ้กันอย่างขอความเห็น
และเฟเนคจึงเริ่มอธิบาย
"ส่วนของโซน A คือช่วงชั้นที่ 39 ลงมาถึงชั้น 30 ซึ่งก็ถือว่าถึงครึ่งทางได้ถ้ามาถึงชั้นนี้
และช่วงชั้นที่ต่ำลงไปก็คือส่วนของโซน C ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ได้เองว่าผ่านลงไปได้อย่างสบายๆ
แต่กระนั้นก็หมายถึงถ้าผ่านชั้น 30 ลงไปได้ละก็นะ"
เฟเนคเว้นช่วง ซึ่งทำให้คนฟังอยากจะลุกขึ้นไปตะบันหน้ากวนๆเดี๋ยวนั้น
เนื่องจากกำลังถึงตอนสำคัญ
"ชั้น 30 คือชั้นที่มีโอกาสรอด 0%อย่างแท้จริง...
ช่วงชั้นที่ถูกปกครองโดย 3 ผู้พิทักษ์ศูนย์วิจัย !"
เฟเนคกล่าวประโยคถัดมาด้วยเสียงเบาราวกระซิบ
แต่เด็กชายก็จับได้ถึงทุกคำพูดของชายหนุ่ม
3 ผู้พิทักษ์ศูนย์วิจัย!?
กาเบรียรำพึงในใจอย่างหวาดหวั่น
"3 ผู้พิทักษ์ศูนย์วิจัยประกอบไปด้วย ไซครอฟและฟรอเซล สองพี่น้องแห่งตระกูลนักรบ
ไซครอฟออกจะเป็นคนที่มีบุคลิกเงียบขรึม ชอบเก็บตัว และไม่เข้าสังคม
แต่เป็นผู้มีจิตสังหารเฉียบคมจนชั้นยังรู้สึกได้
และก็เป็นผู้ที่มีฝีมือดาบเป็นอันดับหนึ่งของผู้พิทักษ์ด้วยกัน
ซึ่งต่างจากฟรอเซลผู้เป็นน้องสาวอย่างสุดขั้ว
รายนั้นเอะอะขี้โวยวาย แล้วก็อาแต่ใจเป็นที่สุด แต่ฝีมือกลับไม่แพ้ผู้พี่"
เฟเนคเล่ามาเรื่อย แต่พอจบสองคนเขาก็ไม่ยอมพูดต่อ
แม้ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าผู้พิทักษ์คนที่สามเป็นใคร ผู้ที่กำลังเล่าเรื่องทั้งหมด
เฟเนคเองนั่นแหละผู้พิทักษ์คนที่สาม เพราะฉะนั้นทำให้เจ้าตัวไม่อยากจะพูดถึงซักเท่าไหร่นัก
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"เอาล่ะ จบและ แล้วจากที่ชั้นเล่านายก็คงเดาได้ว่าชั้นออกไปได้ยังไง
แต่ถึงยังงั้นก็ใช่ว่าชั้นอยากจะต่อกรกับเจ้าสองคนนั่นหรอกนะ"
ชายหนุ่มว่าพร้อมกดปิดภาพสามมิติ
ตีไม้กระดานเข้าที่หัวเตียงแล้วล้มตัวลงนอน
ที่แท้หมอนั่นก็ใช้ยศบวกกับความเจ้าเลห์หลบออกไป!!
กาเบรียคิดพร้อมเหล่สายตาไปมองร่างที่นอนเหยียดกายยาวบนเตียง
ทันทีที่กาเบรียลุกขึ้นจากเก้าอี้ ชายหนุ่มก็หันใบหน้ามาหาเด็กชายแล้วกล่าวบอก
"อ้อ เจ้าหนู วันนี้ชั้นได้ยินมาว่าพวกนักวิทยาศาสตร์จอมจู้จี้จะไม่อยู่
ไปประชุมไอ้สมาคมอะไรซักอย่างนี่ล่ะ อาจจะพอใช้ประโยชน์อะไรได้... มั้งนะ ไม่รับประกัน
ก็ถ้านายผ่านชั้น 30ไปได้ แล้ววันนี้ไม่ต้องห่วง ชั้นไม่อยู่ มีนัด โชคดีละกัน"
สิ้นเสียงอวยพรกาเบรียก็หันหลังเดินออกจากห้องพร้อมกล่าวลา
"ขอบใจ"
ไม่นึกว่ามาถึงโซน A เพียงชั้นเดียวจะอึดอัดขนาดนี้!
เด็กชายคิดเมื่อกลับเข้าสู่ความจริงขณะก้าวลงบันไดมุ่งสู่ชั้น 30
แค่เพียงชั้นเดียวกับดักตั้งมากมายก็โผล่มาให้เห็นแล้ว คงคิดเผื่อผู้บุกรุกล่ะสิ
แต่ยังสงสัย ติดไปทำไมตั้งมากมาย ก็ดูท่าเจ้าพวกนั้นคงผ่านชั้น 30 ขึ้นมาไม่ได้ง่ายๆอยู่แล้วไม่ใช้หรือ!?
กาเบรียยังคงเดินต่อไป เดินและเดิน ก้าวลงมาถึงชั้น 30
แม้บางทีจะมีกับดักโผล่มาอีกบางเป็นพักๆ แต่กับอิแค่กับดักแค่นี้ไม่ได้ครณามือของเด็กชายแม้แต่น้อย
แล้วในที่สุดเขาก็ก้าวลงสู่ชั้น 30!!???
บรรยากาศกลับเย็นยะเยือกลงในชั่วอึดใจเมื่อก้าวลงบันไดขั้นสุดท้าย
ดวงตาสีเทาหรี่ลงจับสังเกตไปทั่วบริเวณ
แปลก!?
ทำไมทั่วทั้งชั้นที่ 30 กลับโล่ง ไม่มีห้องสลับซับซ้อน โล่ง... และเงียบจนน่าขนลุก
และถ้าสังเกตดีๆ การตกแต่งก็ประหลาด ทั่วทั้งชั้นกลับมีภาษาอักขระที่เด็กชายไม่รู้จัก
สลักอยู่เต็มฝาผนัง แม้แต่พื้นและเพดาน
ไม่มีวี่แววว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ กาเบรียจึงรีบจ้ำจะเดินละไปจากชั้น 30
เพราะบางทีที่เฟเนคเล่าอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องตลก
และเป็นตลกร้ายทีเดียว แต่ฉับพลันนั้นเอง!!???
กึก!!
เสียงฝีเท้าสัมผัสลงบนพื้น และสิ้นเสียง
กรงเหล็กก็ทิ้งตัวลงมากางกั้นขวางทางเด็กชายไม่ให้ก้าวต่อไปจากอาณาเขตของชั้น!!!??
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น