ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~#EiDoLon#~

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter III : Attack (ปะทะ)RW

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 49


        นาฬิกาดิจิตอลฉายเวลาบนผนังบอกว่าเป็นเวลา 5 ทุ่มเศษ

    กาเบรียกลับมานั่งประจำที่อยู่บนเตียงนอนภายในห้องของตนอย่างสงบ

    โดยไม่ให้ใครรู่ได้ว่าหลังคืนอันเงียบสงบนี้พายุกำลังตั้งเค้ารอถล่มอยู่เรียบร้อยแล้ว



        จากปากคำของเฟเนคกล่าวเอาไว้ว่า

    เวลาเที่ยงคืนของวันนี้จะมีการนัดประชุมสมาคมนักวิทยาศาสตร์ที่ห่างไกลออกไปจากที่นี่

    ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาก็จะเหลือเพียงการป้องกันอย่างหละหลวม

    แต่กระนั้นก็ยกเว้นชั้น 30 ไว้ชั้นหนึ่ง!?



        กาเบรียหรี่ดวงตาสีเทาไปยังเป้าหมายที่ง่ายต่อการจู่โจม และรอเวลา………..



        ถ้าเกิดมีคนตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อแล้วละก็

    เวลาจะผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนโกหกเลยทีเดียว

    แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถหยุดยั้งเวลาไม่ให้เดินต่อไปได้

    เมื่อในนาทีต่อมา ตัวเลขบนผนังกำแพงแปลเปลี่ยน….. จาก 23.59 น. เปลี่ยนเป็น 24 นาฬิกา!!!



        เด็กชายไม่รอช้า

    เขาอดทนมาพอแล้วกับการรอจังหวะอันเหมาะสม

    จึงรีบคว้าเอาสายไฟจากมุมห้องอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีคนสังเกตเห็น และ…



        พรึบ!



        ดั่งหลอดไฟนับร้อยนัดพากันดับลงพร้อมกัน

    และไม่รอให้ใครไหวตัวทัน กาเบรียรีบจ้ำออกไปจากห้องที่ตนนั่งสงบเสงี่ยมอยู่เมื่อครู่อย่างฉับไว

    ในเมื่อประตูที่ถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์อัจฉริยะขาดกระแสไฟ

    ประตูที่แน่นหนาราวเหล็กสิบตันก็เปิดออกง่ายดั่งเล่นมายากล

    และมายากรก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่กำลังย่างก้าวออกมาจากประตู เด็กชายผู้มีนัยน์ตาสีเทา กาเบรีย



        เขาใช้ความมืดพรางกายจากสายตาของผู้อื่น

    ก้าวเดินไปตามทางเดินของศูนย์วิจัยซึ่งก็คือส่วนของโซน B อย่างที่ได้รับฟังมาจากเฟเนค

    และสำคัญอย่างยิ่ง โอกาสรอดไปจากที่นี่นั้นมีเพียง 30% ซึ่งไม่ได้ทำให้ใจชื้นขึ้นมาเลยซักนิด



        ถ้าเป็นคนอื่นการเดินไปในความมืดนั้นนับว่าเป็นเรื่องยากลำบาก

    และการดับไฟก็ถือว่าเป็นการตัดกำลังของตนไปในตัว

    แต่เด็กชายอย่างกาเบรียกลับไม่ได้รับผลกระทบที่ตามมาจากการดับไฟ



    ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม เขาสามารถมองฝ่าความมืดออกไปได้อย่างในเวลามีแสงสว่าง

    สิ่งกีดขวางตามทางเดินไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคและสามารถผ่านมันไปได้อย่างสบายๆ แต่…..



    ในสมองกลับสั่งการให้ตระหนักว่าสถานการณ์ชักเลวร้ายไปทุกขณะ

    ในเมื่อนี่คือโซน B แต่ทำไมเขากลับผ่านลงมาได้โดยไม่เจอกับอะไรเลยนะ มันเรื่องแปลกชัดๆ!!??



        สิ้นเสียงความคิดของเด็กชายหยุดลง

    สิ่งที่เขาคิดนั้นไม่ถือว่าผิดเสียทีเดียวเมื่อเบื้องหน้ามีเสียงคำรามคล้ายเสียงของสัตว์ป่าดังแว่วมาเข้าหู

    พร้อมกับที่นาทีถัดมาเจ้าของเสียงคำรามนั่นได้โผล่พ้นขอบกำแพงที่กั้นระหว่างเด็กชายกับเจ้าสิ่งนั่นเอาไว้ให้เขาได้ยลโฉม



        หมาป่า!



        ไม่แปลกหากสถานที่ๆถูกเรียกว่าศูนย์ทดลองจะมีสัตว์อย่างหมาป่าอยู่เพื่อใช้ในการทดลอง

    แต่ทว่าสัตว์ที่ดุร้ายเยี่ยงนี้เหมาะสมที่จะนอนหมอบอยู่ภายในกรงขังหรือไม่ก็อาศัยอยู่ตามชายป่ามากกว่า

    ที่จะออกมาเดินเพ่นพ่านแถวทางเดินอย่างนี้ หรือเพราะว่ากรงขังก็ถูกควบคุมด้วยกระแสไฟฟ้า!

    เมื่อไฟถูกตัดกรงจึงเปิดขึ้น!!!??



        เด็กชายเหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบๆ ถึงแม้เจ้าหมาป่าที่เขาเผชิญอยู่จะมีเพียงแค่ตัวเดียวก็ตาม

    ด้วยสถานที่แล้วทำให้เขาอดจะหวั่นใจไปไม่ได้ว่ามีหรือที่สถานที่อย่างนี้จะปล่อยให้มีเพียงหมาป่าอย่างเดียว

    และไม่ใช่เพียงแค่นั้น! มีหรือว่าจะมีเพียงหมาป่าธรรมดา



        อย่างนี้สินะ เฟเนคถึงจัดให้อยู่ในโซน B



        เด็กชายคิด เขากำลังปั้นสีหน้าเครียดเขม็ง

    ดวงตาสีเทาสบประสานกับดวงตาสีเหลืองอำพันเจ้าหมาป่าอย่างไม่ลดละ ไม่สิ!

    ถ้าเกิดว่าเขาเป็นฝ่ายละสายตาจากเจ้าหมาป่านี่ เขาเองที่จะเป็นฝ่ายถูกเขมือบทั้งเป็น!!!



                    ดูราวจะเป็นการหยั่งเชิงกันระหว่างเด็กชายกับหมาป่า

    ในเมื่อไม่มีฝ่ายใดแสดงท่าทีว่าจะขยับเขยื้อนไปจากที่ๆตนประจำอยู่

    ความเงียบโรยตัวลงเผยให้เสียงคำรามและเสียงขบฟันจากปากที่มีน้ำลายหนืดไหลย้อยของเจ้าหมาป่าเท่านั้น

    ที่ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาตของเด็กชาย เรียกให้เขามองเจ้าเขี้ยวขาวๆที่โชว์อวดออกมาอย่างขวัญผวา



                    และแล้วในระหว่างที่ความเงียบยังปกคลุม เจ้าหมาป่าก็ครางเสียงอ่อนลง

    เบนเขี้ยวคมๆจากการประจันหน้ากับกาเบรียไปด้านข้าง มองทะลุผ่านกระจกใสออกไป

    จนเด็กชายนึกสงสัยเลื่อนสายตาออกไปมองบ้าง



                    เมฆครึ้มเริ่มถูกไล่ให้เคลื่อนที่โดยสายลมแรง

    เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆเผยให้เห็นพระจันทร์กลมโตสีนวลลอยเด่นทำหน้าที่อย่างเช่นทุกวัน

    แต่ที่ผิดแผกไปก็คือ วันนี้เป็นวัน "จันทร์เต็มดวง"!!??



                    ทำไม ? แค่พระจันทร์เต็มดวงถึงมีผลกับหมาป่า



                    กาเบรียที่ยังฉงนกับท่าทีของหมาป่าตรงเบื้องหน้ารีบเบนสายตากลับมาจดจ้องที่เจ้าหมาป่าดังเดิม

    และก็พบสิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจเพิ่มขึ้น เมื่อเจ้าหมาป่าตัวสั่นเทิ้ม ใบหูตกลู่ลง

    และสิ่งต่อมาที่ทำให้เด็กชายถึงกับต้องยกมือขึ้นมาขยี้ตาตนเองคือ

    ร่างของเจ้าหมาป่าตัวนั้นกำลังขยายใหญ่ขึ้น!!???



                    ดวงตาสีเทาเบิกกว้างฉายแววตื่นตระหนก ขยับผีเท้าห่างออกมาหนึ่งฝีก้าว

    สมองพยายามสั่งการให้รีบหนีไปโดยด่วน แต่ทว่าร่างกายของเด็กชายกลับถูกตรึงไว้กับที่

    ดั่งมีมือที่มองไม่เห็นฉุดร่างเขาเอาไว้ให้มองดูการกลายร่างให้เสร็จสมบูรณ์



                    จากหมาป่าตัวกระจ้อยร่อยที่ไม่ค่อยจะน่าเอ็นดูนักอยู่แล้ว

    กลับกลายวิวัฒนาการยืนด้วยสองขาหลังที่มีกรงเล็บคมกริมดั่งใบมีดกางเตรียมขย้ำหัวกลมๆของเหยื่อ

    และยิ่งไม่ต้องพูดถึงอีกสองข้างที่เหลือใช้ต่างมือเพราะกรงเล็บมรณะนั่นก็ยาวไม่แพ้กันนัก

    ดวงตาสีเหลืองอำพันกลับก่ำแดง น้ำลายไหลย้อยจากรอยห่างของซี่ฟัน เรียกได้ว่าปิศาจดีๆนี่เอง



                    ดวงตาแดงก่ำจ้องมองเข้ามาในดวงตาสีเทา

    จนเด็กชายต้องกลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างยากลำบาก

    ไม่เห็นเคยมีใครบอกสักคนแม้แต่เจ้าเฟเนค

    ว่าศูนย์วิจัยเลี้ยงสัตว์จำพวกตัวประหลายอย่างงี้ด้วย



                    กรรร........!!!



                    เสียงขู่คำรามดังขึ้นขณะเจ้าปิศาจใช้ขาหลังทั้งสองย่างสามขุมตรงมายังกาเบรีย

    กรงเล็บกางออกเหนี่ยวไปข้างหลังเตรียมพร้อมตะปบลงที่สีข้างของเด็กชาย!!!??



                    ไวเท่าความคิด กาเบรียหลุดจากพันธนาการของมือล่องหน

    เหวี่ยงตัวหลบวูบอย่างกระชั้นชิด การโจมตีเมื่อกี้ทำเอาเสื้อของเขาฉีกขาดเป็นทาง

    เด็กชายฉวยจังหวะที่เจ้าปิศาจเปิดช่องว่างเตะสวนกลับไปกลางลำตัวของมัน

    แต่ก็กลับถูกป้องกันโดยลำแขนทั้งสองข้างเอาไว้ได้

    โดยที่กาเบรียตั้งหลักทัน เด็กชายกระโดดหลบวูบไปอีกทาง

    หมุนตัวกลางอากาศ เหนี่ยวกำปั้นเต็มกำลังเล็งไปที่ศรีษะเจ้าปิศาจ



                    ผลั่ก!!!



                    ศรีษะเจ้าหมาป่าปิศาจถูกกระแทกสะบัด

    ชะงักการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ ดวงตาสีแดงก่ำเริ่มมีประกายฉุนเฉียว

    แล้วเจ้าหมาป่าปิศาจก็พุ่งทะยานพาร่างอันเทอะทะเข้าหากาเบรีย!???



                    เด็กชายเบี่ยงตัวหลบซ้ายขวาจากทิศทางที่กรงเล็บที่สามารถปลิดชีพเข้าได้ในชั่วพริบตาอย่างเฉียดฉิว

    แต่ปลายเท้าเจ้ากรรมกลับสะดุดลงกับพื้นทำให้เขาตั้งรับไม่ทันกับกรงเล็บที่ทิ้งตัวลงมาอีกระลอก

    เกือบที่กรงเล็บนั่นจะข่วนฝากเอารอยแผลไว้บนร่างกาย กาเบรียอาศัยทักษะโยกตัวหลบในระยะกระชั้นชิด

    แต่ไม่ทันที่จะหลบมือที่คว้าเข้ามาลากคอเขาโดยที่ไม่ทันมอง

    ราวกับมีความแค้นเคืองกันมาก่อนก็ไม่ปาน

    มือที่ปกคลุมไปด้วยขนนั้นบีบเค้นคอของเด็กชายเข้าแน่น ยกร่างลอยขึ้นจากพื้น



                    ลมหายใจติดขัดเมื่อหลอดลมถูกบีบเค้นมากเข้า หน้าของกาเบรียซีดเผือดลง

    เขาพยายามแกะมือของเจ้าหมาป่าปิศาจให้หลุดออกจากพันธนาการที่น่าอึดอัดนั่น

    แต่พยายามเท่าใดก็ไม่สามารถรอดพ้นออกจาเงื้อมมือที่มากไปด้วยพละกำลังมหาศาลนั่นได้



                    เมื่อความอดทนหยุดลง ความเหนื่อยล้าอ่อนแรงเริ่มส่งผล

    กาเบรียรวบรวมพละกำลังเฮือกสุดท้ายนั้นเหยียดขาทั้งสองขึ้นมาเสยคางเจ้าหมาป่าปิศาจ!!!



                    คอของเด็กชายหลุดจากมือทั้งสองของเจ้าปิศาจตาแดง

    เด็กชายไม่รอช้าที่จะถอยตัวออกห่างไปตั้งหลัก กลับมาหอบตัวโยนจากความเหน็ดเหนื่อย

    คุกเข้าลงกับพื้น และหรี่ดวงตาสีเทาลงเล็งเป้าหมาย



                    ฉับพลัน ในมือที่ว่างเปล่ากลับปรากฏกริชสีเงินวาววับคมกริบ

    ประกายสะท้อนล้อแสงจันทร์ยามคืนวันเพ็ญเล่น

    เด็กชายกุมมือจับด้ามกริชแน่นกระชับ เตรียมการโจมตีครั้งต่อไป!!!




                    ไม่รอให้เจ้าปิศาจเป็นฝ่ายบุก

    กาเบรียดีดตัวจากพื้นพุ่งทะยานเข้าหาร่างหมาป่าปิศาจกระหายการฆ่า

    ฟันกริชคมกริบเข้าพาดที่หน้าเจ้าหมาป่าเป็นแนวรอยบาก

    พาดผ่านแม้กระทั่งดวงตาสีก่ำข้างขวาของมัน!!



                    หมาป่าปิศาจกรีดร้องจากเนื่องด้วยความเจ็บปวดระคนเจ็บแค้น

    โถมร่างเข้าหาเด็กชายเตรียมพร้อมใช้กรงเล็บตะบันหน้าเขาไม่ยั้ง แต่ทว่า...

    กลับคว้าได้เพียงอากาศ เด็กชายหลบหลีกการโจมตี-นับครั้งไม่ถ้วนได้เพียงเสี้ยววินาที

    ดุจความเร็วของสายลม กาเบรียทะยานร่างเข้าหากรงเล็บมรณะ นัยน์ตาสีเทาวาวโรจน์

    มือจับด้ามกริชแน่นกระชับ ปักลงบนลำตัวเจ้าหมาป่าปิศาจอย่างแม่นยำที่ขั้วหัวใจ!!!?



                    เสียงกรีดร้องของเจ้าปิศาจโหยหวน

    เลือดสีแดงข้นไหลทะลักจากปากแผลอาบไปทั่วร่าง และล้มตึงลงกับพื้นในที่สุด

    กาเบรียยืนมองนิ่ง นัยน์ตาสีเทาเย็นชาอย่างสุดแสน

    แล้วเด็กชายก็ปรับฝีเท้าให้เดินออกห่างและลับตาจากไป...



                    กริชเงินทอแสงจันทร์วาววับที่เคยปักร่างเจ้าหมาป่าพลันเลือนหาย

    หาย... ไปพร้อมกับลมหายใจของเจ้าหมาป่าปิศาจ



                    กาเบรียยังคงวิ่งต่อมาเรื่อยๆแม้จะเหน็ดเหนื่อยเต็มที

    เด็กชายไม่คิดจะเสียเวลาหยุดพักเอาแรงเพราะเขาปรารถนาที่จะออกไปจากสถานที่นี้ให้เร็วที่สุด




                    บังเอิญหรือ?



                    เด็กชายคิดขณะสาวเท้าวิ่งต่อไปด้วยใจที่สับสน ก็อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น

    อยู่ๆ เมื่อนึกถึงกริชขึ้นมามันก็ปรากฏอยู่บนมือราวมีเวทมนต์

    แต่ถ้าไม่ใช้เพราะกริชเล่นนั้นเขาก็คงได้ไปวิ่งต่อในยมโลก

    ไม่ต้องมาเหนื่อยหอบอยู่ในตึกอย่างนี้



                    เด็กชายสั่นหัวแรงๆไล่ความคิดที่คอยตามรังควานให้เขาต้องปวดหัวออกไป

    เมื่อย่างก้าวลงมาถึงชั้น39... ส่วนของโซน A !!??



                    ฝีเท้าที่ย่างก้าวอย่างรวดเร็วชะงักกึกเมื่อก้าวลงบันไดขั้นสุดท้ายเปลี่ยนเป็นเดินต่อไปอย่างช้าๆ

    ความกดดันแผ่ขยายเข้าคลอบคลุมทุกอาณาเขตจนเด็กชายรู้สึกได้

    ความหวาดระแวงเริ่มเข้ามาเกาะกุมจิตใจ

    มันก็อดที่จะทำให้เขานึกถึงตอนที่เฟเนคปราศรัยไม่ได้



                    โซน A โอกาสรอด 0%!!???



                    เด็กชายตีหน้าเครียด มีเพียง 0%เท่านั้นหรือ เพราะอะไรกัน!?



                    กาเบรียเงยหน้าไปมองใบหน้าของผู้พูดที่เครียดไม่แพ้กันอย่างขอความเห็น

    และเฟเนคจึงเริ่มอธิบาย

                    "ส่วนของโซน A คือช่วงชั้นที่ 39 ลงมาถึงชั้น 30 ซึ่งก็ถือว่าถึงครึ่งทางได้ถ้ามาถึงชั้นนี้

    และช่วงชั้นที่ต่ำลงไปก็คือส่วนของโซน C ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ได้เองว่าผ่านลงไปได้อย่างสบายๆ

    แต่กระนั้นก็หมายถึงถ้าผ่านชั้น 30 ลงไปได้ละก็นะ"



        เฟเนคเว้นช่วง ซึ่งทำให้คนฟังอยากจะลุกขึ้นไปตะบันหน้ากวนๆเดี๋ยวนั้น

    เนื่องจากกำลังถึงตอนสำคัญ



                    "ชั้น 30 คือชั้นที่มีโอกาสรอด 0%อย่างแท้จริง...

    ช่วงชั้นที่ถูกปกครองโดย 3 ผู้พิทักษ์ศูนย์วิจัย !"



                    เฟเนคกล่าวประโยคถัดมาด้วยเสียงเบาราวกระซิบ

    แต่เด็กชายก็จับได้ถึงทุกคำพูดของชายหนุ่ม



                    3 ผู้พิทักษ์ศูนย์วิจัย!?



                    กาเบรียรำพึงในใจอย่างหวาดหวั่น



                   "3 ผู้พิทักษ์ศูนย์วิจัยประกอบไปด้วย ไซครอฟและฟรอเซล สองพี่น้องแห่งตระกูลนักรบ

    ไซครอฟออกจะเป็นคนที่มีบุคลิกเงียบขรึม ชอบเก็บตัว และไม่เข้าสังคม

    แต่เป็นผู้มีจิตสังหารเฉียบคมจนชั้นยังรู้สึกได้

    และก็เป็นผู้ที่มีฝีมือดาบเป็นอันดับหนึ่งของผู้พิทักษ์ด้วยกัน



    ซึ่งต่างจากฟรอเซลผู้เป็นน้องสาวอย่างสุดขั้ว

    รายนั้นเอะอะขี้โวยวาย แล้วก็อาแต่ใจเป็นที่สุด แต่ฝีมือกลับไม่แพ้ผู้พี่"



        เฟเนคเล่ามาเรื่อย แต่พอจบสองคนเขาก็ไม่ยอมพูดต่อ

    แม้ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าผู้พิทักษ์คนที่สามเป็นใคร ผู้ที่กำลังเล่าเรื่องทั้งหมด

    เฟเนคเองนั่นแหละผู้พิทักษ์คนที่สาม เพราะฉะนั้นทำให้เจ้าตัวไม่อยากจะพูดถึงซักเท่าไหร่นัก



                    ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



                    "เอาล่ะ จบและ แล้วจากที่ชั้นเล่านายก็คงเดาได้ว่าชั้นออกไปได้ยังไง

    แต่ถึงยังงั้นก็ใช่ว่าชั้นอยากจะต่อกรกับเจ้าสองคนนั่นหรอกนะ"



        ชายหนุ่มว่าพร้อมกดปิดภาพสามมิติ

    ตีไม้กระดานเข้าที่หัวเตียงแล้วล้มตัวลงนอน



        ที่แท้หมอนั่นก็ใช้ยศบวกกับความเจ้าเลห์หลบออกไป!!



        กาเบรียคิดพร้อมเหล่สายตาไปมองร่างที่นอนเหยียดกายยาวบนเตียง

    ทันทีที่กาเบรียลุกขึ้นจากเก้าอี้ ชายหนุ่มก็หันใบหน้ามาหาเด็กชายแล้วกล่าวบอก



                    "อ้อ เจ้าหนู วันนี้ชั้นได้ยินมาว่าพวกนักวิทยาศาสตร์จอมจู้จี้จะไม่อยู่

    ไปประชุมไอ้สมาคมอะไรซักอย่างนี่ล่ะ อาจจะพอใช้ประโยชน์อะไรได้... มั้งนะ ไม่รับประกัน

    ก็ถ้านายผ่านชั้น 30ไปได้ แล้ววันนี้ไม่ต้องห่วง ชั้นไม่อยู่ มีนัด โชคดีละกัน"



        สิ้นเสียงอวยพรกาเบรียก็หันหลังเดินออกจากห้องพร้อมกล่าวลา



                    "ขอบใจ"



        ไม่นึกว่ามาถึงโซน A เพียงชั้นเดียวจะอึดอัดขนาดนี้!



        เด็กชายคิดเมื่อกลับเข้าสู่ความจริงขณะก้าวลงบันไดมุ่งสู่ชั้น 30

    แค่เพียงชั้นเดียวกับดักตั้งมากมายก็โผล่มาให้เห็นแล้ว คงคิดเผื่อผู้บุกรุกล่ะสิ

    แต่ยังสงสัย ติดไปทำไมตั้งมากมาย ก็ดูท่าเจ้าพวกนั้นคงผ่านชั้น 30 ขึ้นมาไม่ได้ง่ายๆอยู่แล้วไม่ใช้หรือ!?



        กาเบรียยังคงเดินต่อไป เดินและเดิน ก้าวลงมาถึงชั้น 30

    แม้บางทีจะมีกับดักโผล่มาอีกบางเป็นพักๆ แต่กับอิแค่กับดักแค่นี้ไม่ได้ครณามือของเด็กชายแม้แต่น้อย

    แล้วในที่สุดเขาก็ก้าวลงสู่ชั้น 30!!???



        บรรยากาศกลับเย็นยะเยือกลงในชั่วอึดใจเมื่อก้าวลงบันไดขั้นสุดท้าย

    ดวงตาสีเทาหรี่ลงจับสังเกตไปทั่วบริเวณ



        แปลก!?



        ทำไมทั่วทั้งชั้นที่ 30 กลับโล่ง ไม่มีห้องสลับซับซ้อน โล่ง... และเงียบจนน่าขนลุก

    และถ้าสังเกตดีๆ การตกแต่งก็ประหลาด ทั่วทั้งชั้นกลับมีภาษาอักขระที่เด็กชายไม่รู้จัก

    สลักอยู่เต็มฝาผนัง แม้แต่พื้นและเพดาน



        ไม่มีวี่แววว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ กาเบรียจึงรีบจ้ำจะเดินละไปจากชั้น 30

    เพราะบางทีที่เฟเนคเล่าอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องตลก

    และเป็นตลกร้ายทีเดียว แต่ฉับพลันนั้นเอง!!???



        กึก!!



        เสียงฝีเท้าสัมผัสลงบนพื้น และสิ้นเสียง

    กรงเหล็กก็ทิ้งตัวลงมากางกั้นขวางทางเด็กชายไม่ให้ก้าวต่อไปจากอาณาเขตของชั้น!!!??






     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×