คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1
วันนี้ช่างเป็นวันที่อากาศสดชื่น ท้องฟ้าดูสว่างสดใส ก้อนเมฆขาวสะอาดดุจดั่งก้อนสำลียังไงยังงั้น ประตูบานใหญ่ของพระราชวังฮิวตันค่อย ๆ เปิดออกโดยทหารรูปร่างบึกบึนประมาณ 4-5 คน
และการด้อม ๆ มอง ๆ ของเด็กหนุ่ม ผมซอยสั้นสีขาวสะอาดตา ผมของเขายุงหยิกเสียจนทำให้ใบหน้าของเขาดูจืดชืดในทันที แต่ยังมีดวงตาสีเขียวข้างซ้ายที่ยังพอเป็นสีสันอยู่บ้าง ส่วนตาข้างขวาของเขาถูกปิดด้วยผ้าพันแผล เด็กหนุ่มเดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้ๆประตูวังที่กำลังค่อยๆถูกเปิดออกอย่างช้าๆ เขาหลบซ้ายทีขวาทีเหมือนกับนักสืบที่กำลังจับตามองใครสักคนนึ่งอยู่ และเมื่อเขาเข้ามาถึงหน้าประตูวัง เขาก็หลบเข้าไปในซอกประตูเพื่อไม่ให้ทหารเห็นตนเอง เมื่อทำหน้าที่เสร็จทหารที่เปิดประตูก็เดินกลับเข้าไปในพระราชวัง เขาค่อยๆชะโงกหน้าออกมามองทหารและทันใดนั้นเอง
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของชายวัยกลางคนก็โผล่เข้ามาอยู่ในระดับสายตาของเขา จนทำให้เขาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
“จ๊ากกกกกกกกก!!!” เด็กหนุ่มถอยหลังอย่างลุกลี้ลุกลน พร้อมกับหันหลังให้กับชายวัยกลางคนผู้นี้เพื่อเตรียมใส่เกียร์สุนัข และเมื่อชายวัยกลางคนเห็นท่าทีของเด็กหนุ่มเขาก็ใช้มือที่ใหญ่โตข้างถนัดคว้าคอเสื้อของเด็กหนุ่มไว้
“ว๊ากกกกกกกกก!!!~” เด็กหนุ่มร้องอีกครั้ง ขณะที่ตัวของเขาลอยอยู่บนอากาศ เขาก็ได้แต่ส่งเสียงร้องโหวกแหวกโวยวายลั่นพระราชวัง
“แค่ก แค่ก ปล่อยสิเว้ย!! แอ๊คคคค”
ความแข็งแรงของชายวัยกลางคนทำให้การดิ้นไปดิ้นมาของเด็กหนุ่มไม่เกิดผล เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองหายใจไม่ค่อยออก หน้าของเด็กหนุ่มเริ่มเปลี่ยนสี....
“มาทำอะไรแถวนี้หนุ่มน้อย” ชายวัยกลางคนถาม การแต่งตัวที่ดูภูมิฐานของชายผู้นี้ช่างแตกต่างจากข้าราชการทั่วไป โดยเฉพาะใบหน้าของชายวัยกลางคนผู้นี้
“แค่ก แค่ก หายใจไม่ออก”
ตอนนี้หน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงอ่อนเพื่อจะกลายเป็นสีม่วงเข้มในอีกไม่ช้า ชายวัยกลางคนเห็นท่าทีจะไม่ดีเขาปล่อยเด็กหนุ่มลงแล้วก็เอาเชือกมามัดแขนไว้แทน หลังจากที่มือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มถูกมัดรวบเข้าด้วยกันชายวัยกลางคนก็ถามคำถามเดิมอีกครั้ง
“งั้นตอบมาสิ ว่ามาทำอะไรแถวนี้” เขาพูดพร้อมกับเตะข้อพับที่ขาทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มจนทำให้เด็กหนุ่มลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นดิน แล้วชายวัยกลางคนก็ค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นเหมือนกับเด็กหนุ่ม เขาจ้องมองเด็กหนุ่มอย่างไม่ละสายตา เด็กหนุ่มได้แต่กลืนน้ำลายตัวเองก่อนจะทำหน้าจืดชืดใส่ชายวัยกลางคน
“มาหาบีโร่ฮ่ะ” เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับจ้องหน้าชายวัยกลางคนเขม็ง
“บีโร่... งั้นรึ!” ชายวัยกลางคนทวนขึ้น ก่อนจะถามเด็กหนุ่มกับไปอีกว่า... “แล้วเจ้าชื่ออะไรละ”
“คิลฮ่ะ” เด็กหนุ่มตอบ
“เป็นเพื่อนกับบีโร่หรอ” ชายวัยกลางคนถาม
“ใช่”
น้ำเสียงที่หนักแน่นของคิล ทำให้ชายวัยกลางคนเพ่งมองเขาอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะหยิบซิกก้าอันใหญ่ขึ้นมาสูบ เขาอัดควันเข้าไปเต็มปอดพร้อมกับปล่อยออกมาใส่หน้าคิลอย่างใจเย็น คิลหลับตาปี๋พร้อมกับกลั้นหายใจเพื่อไม่ให้ควันพิษสีดำเข้าสู่ร่างกายตนเอง....
“ที่นี่ไม่มีคนชื่อบีโร่หรอกนะเจ้าหนุ่ม” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นพร้อมกับเริ่มอัดควันพิษอีกครั้ง
“บอกไว้ก่อนนะลุง ถ้าเกิดลุงปล่อยไอ้ควันสีดำนั่นใส่หน้าผมอีกครั้งละก็.......” คิลลากเสียงยาวพรางกรอกสายตาไปทางซิกก้าของชายวัยกลางคน
“ทำไมรึ!” เขาถามพร้อมกับปล่อยควันสีดำใส่หน้าของคิล
“ก็อย่างงี้ไงเล่า!!!”
เท้าทั้งสองข้างที่ไร้ซึ่งการพันธนาการ คิลยื่นเท้าข้างขวาจนสุดเหยียดพร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้คีบซิกก้าอันใหญ่ออกจากปากของชายวัยกลางคน พร้อมกับจิ้มซิกก้าลงกับพื้นดินเพื่อดับไฟ ชายวัยกลางคนนั่งนิ่งอ่าปากค้าง เขาได้แต่กระพริบตาปริบๆ พรางกรอกสายตาไปทางคิลที่กำลังขยี้ซิกก้าให้อย่างเมามัน!
“ฉันคงต้องเลิกสูบมันตลอดชีวิตแหงๆ” ชายวัยกลางคนกล่าว ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ก็ดีแล้วละฮ่ะ ลุงจะได้อยู่ดูแลคนที่ลุงรักไปนานๆ เหมือนลุงเบรกที่เลิกมันเพื่ออยู่ดูแลผม” น้ำเสียงที่นุ่มนวลบวกกับสายตาที่อ่อนโยนทำให้ชายวัยกลางคนเข้าใจคำพูดที่ออกมาจากปากของคิลเป็นอย่างดี
ชายวัยกลางคนส่งยิ้มให้กับคิลก่อนจะยื่นมือใหญ่ๆของตนให้คิลจับ คิลแหงนหน้ามองชายวัยกลางคนพร้อมกับบอกให้ชายกลางคนแก้เชือกที่มัดอยู่ที่มือทั้งสองข้างออก ชายวัยกลางคนหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะก้มลงไปแก้มัดที่เชือก ดูเหมือนว่าเชือกที่ชายวัยกลางคนเป็นคนมัดเองแท้ๆ แต่.....ทำไมเขากับแก้เชือกนั่นไม่ได้สักที และในขณะนั้นเองชายหนุ่มสวมหมวกทรงสูงแต่งกายข้าราชการเต็มยศสองคนก็เดินมาทางชายวัยกลางคน เขาลงนั่งชันเข่ากับพื้นพร้อมกับโค้งคำนับให้กับชายวัยกลางคน จนทำให้คิลเกิดความสงสัยขึ้นในสมองก้อนน้อยๆของตนเอง.....
“เจ้าชายซาเซคัส ราคาเอลอัลโตนิโอ ฮิวตัน ให้มากราบทูลพระองค์ว่า ขณะนี้ได้รับสารจากเมืองโลนลิเน็ซแล้วพะยะคะ”
“ส่งมาแล้วรึ” ชายวัยกลางคนฮึมฮำกับตนเองก่อนจะหันมามองคิลเด็กหนุ่มที่กำลังยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความงวยงง? คิลเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวเขาจึงถามชายวัยกลางคนทันที
“นี่..ลุงเป็นใครกันแน่!!”
และทันใดนั้นเองดาบสีเงินยาวประมาณสองเมตรเล่มหนึ่ง ก็จ่ออยู่ที่คอของคิลโดยที่คิลไม่ทันได้ตั้งตัว จนทำให้เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลย้อยลงมาจนถึงคางก่อนจะตกลงสู่พื้นดิน คิลกลืนน้ำลายตัวเองหนึ่งอึกก่อนจะกรอกสายตามองดาบสีเงินที่กระทบแสงแดดเกิดเป็นประกายเจิดจ้า
“สามหาว!!!~ กล้าดียังไงถึงพูดกับพระราชาแบบนี้” ชายสวมหมวกทรงสูงพูดพร้อมกับจ้องมองคิลเขม็ง
“ลุงเป็นพระราชาหรอเนี่ย....ไม่อยากจะเชื่อ”
“ไอ้เด็กนี่สามหาว!!!” แล้วดาบอีกเล่มก็จ่อที่ขมับของคิลทันที
“ลูซิเฟอ อาเธอร์ ปล่อยเด็กนั่นซะ” พระราชาบอกพร้อมกับเดินเข้าไปหาคิลที่ยืนตัวแข็งทื่อเป็นก้อนหิน แค่ดาบที่จ่อคอก็ชวนให้เสียวจนฉี่แทบจะราดอยู่แล้ว นี่ยังเอาดาบอีกเล่มมาจ่อที่ขมับอีกแบบนี้ก็ตายศพไม่สวยกันพอดี....
“แต่....กระหม่อม....เด็กนี่มัน...” ลูซิเฟออัมอึ้งก่อนจะเหลือบมองคิล
“ถ้าหากพวกเจ้าไม่ทำตามที่เราบอกก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กคนนี้หรอกนะ” พระราชากล่าวก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าตัวคิล และก่อนที่พระราชาจะถึงตัวคิลลูซิเฟอกับอาเธอร์ก็รีบเก็บดาบของตนพร้อมกับโค้งคำนับทันที
“เจ้าชื่อคิลใช่ไหมละ” พระราชาถาม
“ลุงรู้ได้ยังไงว่าผมชื่อคิล”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” พระราชาหัวเราะลั่นก่อนจะตบบ่าคิลเบาๆแล้วพูดต่อว่า “ก็เจ้าเพิ่งบอกข้าเมื่อกี้นี้เอง....”
“นั่นสิ แล้วลุงจะมาถามผมทำไม...”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้านี่เป็นคนตลกดี ไปคุยกันในวังเถอะฉันมีของอร่อยๆให้เจ้ากินเพรียบเลยนะ” พระราชากล่าวก่อนจะจุงมือคิลเข้ามาในพระราชวัง โดยมีลูซิเฟอและอาเธอร์เดินตามหลังอย่างใกล้ชิด.....
เมื่อเดินขึ้นมาชั้นบนสุดของพระราชวังฮิวตันก็จะพบห้องใต้หลังคาห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ภายในห้องมีเพียงโคมไฟเก่าๆ กับเก้าอี้ไม้โบราณ ด้านซ้ายของห้องมีชั้นวางหนังสือวางเรียงรายจนเต็มชั้นทำให้มีหนังสือบางเล่มต้องวางกองกับพื้น ตรงหน้าชั้นวางหนังสือมีบันไดไม้พาดติดกับชั้นหนังสือที่ขณะนี้บีโร่เด็กหนุ่มผมยาวสีทองผมของเขามัดรวบไว้ระดับบ่า เขากำลังปืนขึ้นไปเพื่อหยิบหนังสือจากชั้นบนสุด นัยน์ตาสีฟ้าของบีโร่จ้องมองชื่อหนังสือทีละเล่มๆ และเมื่อสายตาของเขาจะมาหยุดที่หนังสือเล่มสีเทา เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก๊อก ก๊อก บีโร่ละสายตาจาหนังสือเล่มนั้นก่อนจะรีบไต่ลงจากบันไดเพื่อเดินไปเปิดประตู และในขณะที่บีโร่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูเขาก็ได้ยินเสียงโหวกแหวกโวยวายดังมาจากข้างนอก เสียงนั่นเหมือนกับเสียงคนกำลังทะเลาะกัน เปรี้ยง!!~ ประตูห้องขยับเล็กน้อยเมื่อมีใครบางคนกำลังจะถีบประตู แล้วเสียงโหวกแหวกโวยวายก็ดังขึ้นอีก บีโร่รีบดึงโซ่ที่คล้องประตูออกพร้อมกับผลักประตูออกไป!
สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของบีโร่คือคิลกำลังใช้มือข้างขวาจิกผมซอยสั้นสีทองของผู้เป็นพี่ชาย พร้อมกับหมัดซ้ายจ่อที่ปลายคาง และผู้เป็นพี่ชายขณะนี้เขากำลังกระชากคอเสื้อคิลด้วยมือซ้าย แล้วก็จ่อหมัดตรงที่แก้มขวาของคิล....
“เล่นอะไรกันอยู่หรอซาคัส คิล” บีโร่ถาม สีหน้าของเขาดูนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไอ้เด็กนี่ มันกวนประสาทฉันก่อนนะ” ซาคัสผู้เป็นพี่ตอบ ก่อนจะพุ่งหมัดตรงเข้าที่แก้มข้างขวาของคิล คิลหันหน้าไปตามความแรงของหมัดพร้อมกับจิกผมของซาคัสที่ตนเองจับอยู่ที่มือขวาติดไปด้วย
“กล้าดียังไงมาชกหน้าฉัน ห๊า! ไอ้เจ้าชายเห่ย”
คิลเสยปลายคางของซาคัสอย่างจัง จนหน้าของซาคัสหงายไปข้างหลังพร้อมกับมือที่กระชากคอเสื้อของคิลติดไปด้วย คิลไม่ทันตั้งตัวเขาล้มเอาใบหน้าทะหลาลงกับพื้นซาคัสเองก็เช่นเดียวกัน
“แกว่าฉันเป็นเจ้าชายเห่ยงั้นหรอ อย่าอยู่เลย”
แล้วการนัวเนียครั้งยิ่งใหญ่ก็เริ่มขึ้น ซาคัสกับคิล กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่นาน จนกระทั่ง แก๊ก! เสียงเหมือนกับปืนที่ถูกเหนี่ยวไกล
“จะหยุดมั๊ย” บีโร่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์และใบหน้าที่นิ่งเฉยสุดๆ
ทั้งสองค่อยๆกรอกสายตามาทางบีโร่อย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดชะงักที่ปากกระบอกปืนสองอันที่จ่อใบหน้าของทั้งสองอยู่
“แหมๆๆๆ... ใจเย็นๆก็ได้บีโร่ แหะๆ” ซาคัสรีบเข้ามาบีบนวดบีโร่ทันทีก่อนจะตามด้วยเสียงหัวเราะแห้งๆออกมาเบาๆ
“เชอะ เป็นพี่ปะสาอะไรกลัวน้องชายตัวเอง สมแล้วที่ได้รับฉายาว่าเจ้าชายเห่ย” คิลพูดขึ้นก่อนจะผิวปากแล้วก็เดินเข้าไปในห้องหนังสือของบีโร่เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
“หนอย.... ดูไอ้เด็กบ้านี่สิบีโร่ มันว่าฉัน!!!!!” คาซัสตะโกนลั่นพระราชวังพร้อมกับกระโจนใส่คิลที่กำลังเดินเข้าไปในห้องหนังสือทันที
“หยุดเถอะซาคัส” บีโร่กล่าวก่อนจะจับมือของผู้เป็นพี่เอาไว้แน่น คาซัสชะงักเล็กน้อยพร้อมกับค่อยๆกรอกสายตามาทางบีโร่
“เขาข้างมันหรือไง” น้ำเสียงของซาคัสเริ่มแข็งขึ้นเมื่ออารมณ์ฉุนเล็กๆของเขาปะทุออกมา
“ก็หมอนั่นเป็นเพื่อนของฉัน” บีโร่ยังคงพูดด้วยเสียงหน้าที่นิ่งเฉย (เฉยสุดๆ)
“เพื่อนงั้นหรอ... เพื่อนที่เป็นคนธรรมดาอย่างงั้นหรอ นายลืมไปแล้วหรือเปล่าบีโร่ ว่านายน่ะเป็นเจ้าชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรฮิวตัน” ซาคัสตะหวาดใส่บีโร่ดังลั่น จนทำให้คิลที่เพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องหนังสือต้องวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากห้องด้วยความตกใจ!! ‘เกิดอะไรขึ้น!!...’
“โห... ที่แท้พี่น้องทะเลาะกันนี่เอง” คิลแทรกขึ้นทันที พรางค่อยๆเหลือบมองหน้าตาที่นิ่งเฉยของบีโร่
“เพราะแกสินะไอ้หัวงอก” ซาคัสพูดพร้อมกับหันมาจ้องคิลเขม็งด้วยสายตาโกรธเกลียวสุดๆ
“หา.. เพราะฉันหรอ” คิลฮึมฮำก่อนจะชี้นิ้วมือมาที่ตนเอง ‘ไม่เห็นเคยรู้มาก่อนเลย’
“ใช่แล้วเพราะแกนั่นแหละ แกทำให้บีโร่กลายเป็นแบบนี้ เพราะแก.. เพราะแกคนเดียว ตั้งแต่บีโร่คบแกเป็นเพื่อน บีโร่ก็มีแต่เรื่องโจรสลัดบ้าบออยู่ในหัวสมอง” ซาคัสกระแทกเสียงใส่คิลอย่างไม่ยั้ง แต่... ทำไมคิลถึงไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นคนผิดเลยสักนิด...
“แหงอยู่แล้ว มันก็ต้องเป็นเรื่องโจรสลัดสิ มันจะเป็นเรื่องอื่นไปได้ยังไงกันเล่า ก็พวกเราสองคนคุยกันแต่เรื่องของโจรสลัด ต้องเป็นโจรสลัดเท่านั้น จริงมั๊ยบีโร่” คิลบอก ก่อนจะหันไปถามบีโร่ที่ขณะนี้ยืนอึ้งกับคำพูดที่ออกมาจากปากของคิล
“หึหึ!”
บีโร่ได้แต่เปล่งเสียงออกมาจากลำคอเบาๆเพื่อแทนคำตอบที่คิลถาม ทำเอาซาคัสถึงกับยืนงง ‘หึหึ ทำไมฟระ’
“เห็นมั๊ยละ บีโร่ยังบอกเลยว่าแหงอยู่แล้ว ต้องเป็นโจรสลัดเท่านั้น กร๊ากกกก ฮ่าฮ่าฮ่า” คิลหัวเราะออกมาทันทีเพื่อเป็นการเยอะเย้ยซาคัส
“ไอ้บ้า!! แค่บีโร่มัน หึหึ แค่นี้นะ แกเล่นแปลเป็นประโยคสะยาวยืดเลย” ซาคัสตะโกนลั่นเหมือนคนสติแตก
“แกมันอ่อนหัดไอ้เจ้าชายเห่ย” คิลบอกพร้อมกับเอามือขึ้นมาท้าวเอวพรางชี้นิ้วชี้ไปทางซาคัส
“หนอย.... นี่แกเรียกฉันว่าเจ้าชายเห่ยกี่ครั้งแล้วเนี่ย มันจะหยามกันเกินไปแล้ว” ซาคัสเริ่มหักนิ้วของตนเล่นจนเกิดเป็นเสียงดัง กร๊าบ กร๊าบ...
“แล้วทีแกเรียกฉันไอ้หัวงอกละเฟ้ย!!!”
“ก็มันจริงไม่ใช่หรอ ไอ้หัวงอก”
“ฉันไม่ได้หัวงอกเฟ้ย ไอ้เจ้าชายเห่ย”
“ไม่ใช่แค่หัวงอกอย่างเดียวนะ แกมันไอ้ตาบอด ไอ้หัวงอก ตาบอด”
“หนอย... ฉันไม่ได้ตาบอด แล้วก็ไม่ได้หัวงอกด้วยเฟ้ย!! ไอ้เจ้าชายเห่ย ตูดหมึก”
แฮ่ แฮ่~ แล้วทั้งคู่ก็เริ่มแยกเขี้ยวใส่กันอีกรอบ แก๊ก! เสียงเหนี่ยวไกลปืนก็ดังอีกรอบเช่นเดียวกัน แต่ทีนี้ไม่ใช่แค่เหนี่ยวไกลเฉยๆ
ปัง! ฟิ้ววววววว~ เพียงแค่กระสุนนัดเดียวทำให้แก้มของซาคัสและคิลเกิดเป็นรอยเลือดซิบๆออกมาทันที
“จ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!” เสียงร้องถูกประสานขึ้นทันทีเมื่อทั้งสองหันไปเห็นใบหน้าที่กำลังฉีกยิ้มของบีโร่ จนทำให้ทั้งสองทะหลาเข้ากอดกันอย่างไม่รู้ตัว แล้วรังสีอำมหิตก็ค่อยๆแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของบีโร่
“ใจเย็นๆนะบีโร่...” คิลค่อยๆพูด
“นั่นสิใจเย็นๆ....” ซาคัสเสริม
“หึหึหึหึหึหึหึ... ฮ่าฮ่าฮ่า” บีโร่หัวเราะลั่นพระราชวัง ทำให้คิลและซาคัสยิ่งกอดรัดกันแน่นเข้าไปอีก ‘ทำไมหน้าเวลายิ้มของบีโร่ถึงได้หน้ากลัวแบบนี้... ยึ๋ย... สยอง....’
เมื่อสิ้นเสียงหัวเราะที่หน้าสยดสยองของบีโร่ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มและรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ ของบีโร่ก็ค่อยๆจางหายไป แล้วใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของบีโร่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทำให้คิลและซาคัสรู้สึกดีเป็นอย่างมากที่ได้เห็นใบหน้าไร้อารมณ์อีกครั้ง
“ต้องให้โมโหอยู่เรื่อย” บีโร่ต่อว่าทั้งสองทันทีก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปหาทั้งสองที่ขณะนี้ยังคงกอดรัดกันอยู่อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว (ความรู้สึกช้าจริงๆ)
“มีอะไรหรือบีโร่” ซาคัสถามขึ้น
“ไม่มีอะไร” บีโร่ตอบพร้อมกับจับทั้งสองคนแยกจากกัน เมื่อทั้งสองรู้สึกตัว..
“จ๊ากกกกกกกกกก” เสียงร้องถูกประสานอีกครั้งก่อนที่ทั้งสองจะถอยห่างออกจากกันอย่างรวดเร็ว
“หยี๋!!!! หนอย... แกคิดจะลวนลามฉันงั้นหรอไอ้หัวงอก” ซาคัสกระแทกเสียงใส่คิลทันทีพรางปัดอะไรบางอย่างตามเสื้อผ้าของตนเอง
“บีโร่แย่แล้ว!!” คิลไม่ได้สนใจคำพูดของซาคัสแต่อย่างใด
“อะไร” บีโร่ค่อยๆกรอกสายตามาทางคิล
“ฉันถูกพิษของมนุษย์เห่ยตูดหมึกเขาให้แล้วสิ!!! อ๊าคคคคคค ต้องให้หมอผีมาขับไล่พิษตูดหมึกออกไป” คิลบอกพร้อมกับวิ่งพร่านไปทั่วบริเวณ ก่อนจะฉุกใจคิดขึ้นมาได้ว่า ตนเองมีเรื่องต้องบอกบีโร่นี่หน่า....
“ลืมสนิทเลย” คิลเปลี่ยนอิริยาบถอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินเข้าไปหาบีโร่ที่ยืนมองเขาอยู่อย่างไม่ละสายตา
“อะไรรึ” บีโร่ถามด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเฉยมากๆ เหมือนกับว่าไม่อยากรู้ยังไงยังงั้น (จริงๆแล้วก็อยากรู้นั่นแหละแต่ไม่แสดงออกทางหน้าตา)
“ฉันทำเรือโจรสลัดของพวกเราเสร็จแล้วนะ กะว่าวันนี้จะมาชวนไปดูความภาคภูมิใจของพวกเราสักหน่อย” คิลบอก
“จริงหรอ...”
ถึงน้ำเสียงของบีโร่จะนิ่งเฉยจนไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาสนใจหรือไม่สนใจ แต่แววตาของเขาไม่ได้นิ่งเฉยเหมือนกับน้ำเสียง ขณะนี้แววตาที่แสดงออกอย่างเห็นชัดว่าเขาตื่นเต้นมากขนาดไหนเมื่อเริ่มเข้าเรื่องที่เกี่ยวกับโจรสลัด ทำเอาซาคัสพี่ชายแท้ๆของบีโร่ถึงกับยืนอึ้งกับแววตาที่เปลี่ยนไปของผู้เป็นน้องชาย แต่ก็ยังอดโมโหคิลไม่ได้ ‘เมื่อกี้ว่าฉันเป็นมนุษย์เห่ยตูดหมึกงั้นหรอ!!!’
“ไปกันหรือยังละ” คิลหันมาถาม
“ชิ!! รอมานอนแล้ว”
เมื่อพูดจบบีโร่ก็วิ่งนำไปก่อน เมื่อคิลเห็นดังนั้นจึงวิ่งตามบีโร่ไป ปล่อยให้ซาคัสยืนเป็นตัวแถมอยู่ในห้องใต้หลังคาเพียงผู้เดียว
“ไหงเป็นตัวแถมได้ละเฟ้ย” ซาคัสหันมาต่อว่าผู้แต่งทันทีก่อนที่เขาจะวิ่งลงจากห้องใต้หลังคานี้ไป..
กลิ่นเค็มลอยตลบอบอวนไปทั่วบริเวณเมื่อสายลมอ่อนๆพัดโฉบเอาระอองของคลื่นที่ซัดเข้าหาชายฝั่งอย่างช้าๆ ซ่า ซ่า~
“อ๊ะฮ้า~ สดชื่นจริงๆ” คิลยืนอ้าแขนรับสายลมที่พัดผ่านตัวของเขาไป ก่อนจะนั่งลงบนพื้นทรายที่ขาวบริสุทธิ์ที่เขามักจะใช้มันวาดเป็นแผนที่ของเมืองฮิวตัน
“วันนี้อากาศดีจังเน๊อะกัปตัน” บีโร่พูดขึ้นเมื่อเขาเดินมาถึงตรงจุดที่คิลนั่งอยู่ ก่อนจะค่อยๆนั่งลงอย่างช้าๆ
“อยากให้ถึงตอนนั้นเร็วๆจัง ฉันอยากจะเป็นกัปตันใจจะขาดแล้ว คิดว่ายังไงท่านรองกัปตัน” คิลล้มตัวลงนอนกับพื้นทรายพร้อมกับเอามือมาไขว้ไว้ที่ศีรษะ
“หึหึ! ไหนเรือที่สร้างไว้ละ” บีโร่ถามทันทีเมื่อนึกขึ้นได้
“อ๋า.. ลืมสนิท” คิลอุทานทันที ก่อนจะชี้ไปทางเรือที่เขาสร้างไว้ “นั่งไงละ สุดยอดเรือโจรสลัด”
เมื่อบีโร่เห็นก็ถึงกับอึ้ง!!! นั่นหรือที่เรียกว่าเรือถ้าไม่บอกคิดว่าเป็นเศษไม้ที่มีคนเอามากองทิ้งไว้สะอีก บีโร่จ้องมองสิ่งที่เรียกว่าเรืออยู่นาน ทั้งขยี้ตา ทั้งเพ่งมอง แต่ก็เป็นเศษไม้ที่กองทิ้งไว้เหมือนเดิม...
“เรือที่ภาคภูมิใจนักหนางั้นหรอ” บีโร่หันมาถามคิลที่นอนยิ้มอยู่อย่างภาคภูมิใจ
“แหงอยู่แล้ว สุดยอดเรือโจรสลัดที่ทำเพื่อมุ่งหน้าสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ แล้วก็ได้ไปผจญภัยในที่ต่างๆ” คิลสาธยายเป็นชุด แล้วสักพักเขาก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่ขณะนี้บีโร่กำลังส่งยิ้มมาทางเขาอยู่
“ผจญภัยในที่ต่างๆงั้นหรอ อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้เศษไม้พวกนั้นจะพาพวกเราไปได้ถึงไหนกัน” บีโร่พูดก่อนจะมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมา
“เหวอ... ฉันแค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง แหะๆ” คิลรีบบอกทันที
“งั้นหรอ เรื่องแบบนี้เอามาล้อเล่นได้ยังไงละกัปตัน” รอยยิ้มบนใบหน้าของบีโร่ค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆ
“แหม... ก็เวลาที่นายโดนยัยป้าไลย่านั่นกักตัวไว้ ฉันก็ไม่มีเพื่อนเล่นนี่หน่า...เลยลองไปเอาเศษไม้ที่ไม่ใช้แล้วมาลองต่อๆดู มันก็ได้แค่นั่นแหละ นายก็รู้ว่าฉันทำของแบบนั้นไม่เป็นอยู่แล้ว...” น้ำเสียงของคิลดูอ่อนลงทันทีเมื่อความรู้สึกหว้าเว้แทรกเข้ามาในจิตใจ บีโร่เหลือบมองคิลเล็กน้อย
“ไม่ได้เห็นนานเหมือนกันนะสีหน้าแบบนั้นของนาย” บีโร่บอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยเช่นเคย ก่อนจะเหลือบมองสีหน้าของคิลอีกครั้ง ‘สีหน้าที่หว้าเว้ สีหน้าที่เหมือนกับว่าตัวเองอยู่ในโลกนี้เพียงผู้เดียว... สีหน้าที่เหมือนกับฉันเมื่อตอนนั้น..... ’
ความคิดเห็น