คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 4
4
ภายในงานเลี้ยง ยุวันดี สมายด์และเอมมิกาเดินเข้ามา พวกเธอใส่ชุดที่สวยที่สุดที่เธอเคยใส่มา เอมมิกาที่ใครๆเคยบอกว่า ทอมนั้นเพียงเห็นเธอราวกับว่า เธอเป็นนางฟ้า เนื่องจากเจ้าตัวถูกยุวันดีจับแต่งหน้าตั้งแต่ 5 โมงเย็นเพราะกลัวไปงานน้องสาวสุดที่รักของเธอไม่ทัน
“สวัสดีค่ะ พี่ดี พี่เอม และก็พี่มายด์”ลูกศรบอก
“สุขสัตน์วันเกิดนะลูกศร”เอมมิกาบอก
“อืม พี่ให้”ยุวันดีบอก
“เล่มนี้ยัยดีนั่งทำเองกับมือ ทั้งเนื้อหา รูปเล่ม หน้าตา ดีทำหมด”สมายด์บอก
หลายเดือนก่อนยุวันดีไปที่จังหวัดพังงา เพื่อนำข้อมูลมาเขียนนิยายให้น้องสาวในวันเกิด ลูกศรดีใจมากที่ได้ของขวัญชิ้นพิเศษจากพี่สาวถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่กระเป๋าแบรนด์เนมที่คุณแม่ของเธอซื้อให้จากเกาหลี ไม่ใช่ชุดกระโปรงสีฟ้าที่พลตำรวจหญิงน้ำมนต์ เวียงวลาซื้อมาให้จากจังหวัดที่เธอไปราชการลับ
ระหว่างที่ทุกคนกำลังเข้างาน ลูกศรได้แกะของขวัญที่พี่สาวให้ เมื่อเธอแกะเสร็จ เธอมองไปที่หน้าปก เธอเห็นชื่อเรื่องก็ชอบใจ ยุวันดีแต่งหนังสือเรื่อง ผี้เสือที่หายไป ให้เป็นของขวัญลูกศร ลูกศรจึงเปิดอ่านหน้าแรก
“ณมลเพิ่งเข้าใจว่า ไม่มีผี้เสื้อตัวไหนสวย ดีและรักเธอไปมากไปกว่าสุนิสาของเธอ”ลูกศรอ่าน
ทุกปียุวันดีจะแต่งหนังสือเป็นของขวัญวันเกิดให้กับน้องสาวที่เธอรักไม่เว้นแม้แต่พลตำรวจหญิงน้ำมนต์ เวียงวลา เธอให้ของขวัญเป็นข่าวการติดตามเล็กๆที่ไม่ลำบากเท่าไร เช่น ในวันเกิดปีก่อน ยุวันดีส่งจดหมายลึกลับและข้อความเกี่ยวกับคดีของสำราญ นักส่งผู้หญิงเข้า-ออกรายใหญ่ของประเทศไทย คดีนี้เป็นคดีชิ้นโบว์แดงของพลตำรวจหญิงน้ำมนต์ เวียงวลามากๆจนถูกเลื่อนขั้นเป็นพลตำรวจเอกหญิงน้ำมนต์ เวียงวลา ตำรวจชำนาญการด้านอาชยกรรม ทุกครั้งที่ยุวันดีรู้คดีต่างๆเธอให้ความยุติธรรมกับคนร้ายและผู้ถูกกระทำมากโดยส่งเรื่องนี้ให้น้องสาวต่างมารดาซึ่งเป็นตำรวจในด้านนี้ แต่เรื่องที่เธอเป็นสวยสังหารและทำลายคนของนายพลชอนเธอไม่บอกน้องสาวหรือใครๆเลย เพราะเธอกลัวสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นกับครอบครัวและคนอื่นที่ต้องมารับเคราะห์จากสิ่งที่เธอกระทำ
เมื่อเสร็จการงานวันเกิดของลูกศร ยุวันดีและเพื่อนๆทั้งสองก็ลากลับบ้านของพวกเธอ
“นี่แกวันนี้น่าฉันจะกลับไปเอารูปยัยเอมตอนที่ใส่กระโปรงที่ฉันแอบถ่ายไปส่งทางเฟสของพวกเราสามคนรับรองยอดlike เป็นสถิติแน่นอน”สมายด์บอก
“นี่เลยฉันจะได้เอารูปตอนที่แกแอบหลับตอนทำงานไปลงเฟส บงัเญช่วงนี้ฉันว่าง” เอมมิกาบอก
ขณะที่ยุวันดีกำลังกลับบ้านรองเท้าที่ใส่มาในงานของน้องสาวเกิดขาด ยุวันดีจึงรู้ว่ามีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นมาอย่างแน่นอนจึงเปิดโทรศัพท์เครื่องเล็กที่สามารถดูทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับน้องสาวทั้งสองได้ เธอเห็นพลตำรวจเอกน้ำมนต์เข้าไปที่สถานบันเทิง แมสสา ซึ่งมีคนจ้องทำลายเธออยู่ข้างหลัง ทำให้ยุวันดีนึกเป็นห่วงน้องรีบขึ้นมอเตอร์ไซด์วิบากที่ซ่อนไว้หลังทางเข้าซอยบ้านของพ่อของเธอ ยุวันดีเร่งความเร็วที่สุดของรถเพื่อไปช่วยน้องสาวของเธอจากอันตราย เธอไม่คิดว่า น้ำมนต์จะเป็นเด็กที่ใจร้อน และดื้อมาก
ภายในแมสสา คนของคุณหญิงนริศา เพื่อนของคุณหญิงยุพิน แม่ของน้ำมนต์จะจับน้ำมนต์เข้าไปในห้องที่นริศราเตรียมไว้ให้น้ำมนต์ และโทรเรียกนักข่าวให้มาดู
“ถ่ายให้หมดเลยนะค่ะคุณนักข่าว ดูสิเนี่ยหน้าตาก็ออกจะดี พ่อแม่ก็มีหน้ามีตา ทำไมถึงได้มาเสพของพวกนี้เนี่ย”คุณหญิงนริศาบอก เธอยิ้มร้ายราวกับมีแผนซ่อนไว้
ขณะนั้นเองยุวันดีซึ่งถือด้วยปืน เตรียมเข้าไปช่วยน้องสาว เมื่อเห็นน้องสาวกำลังถูกรุมโดยคนไม่ดีอย่างคุณหญิงนริศราและลูกน้องของเธอ เธอจึงยกปืนขึ้นและพูดกับนักข่าวและคุณหญิงนริศาว่า
“หยุดถ่ายเดียวนี้นะ”ยุวันดีบอก
“ฉันจะถ่ายแล้วแกจะทำไม”คุณหญิงนริศาบอก
“คุณอยากถ่ายนักใช่ไหม….ได้……”ยุวันดีบอกและหยิบปืนเล็งที่กล้องและหยิบตัวกล้องของนักข่าวจนเสียหาย
“นี่แกจะทำอะไรน่านี่มันผลงานฉันนะ”คุณหญิงนริศาบอก
“ผลงานของคุณหญิงมันคือการทำร้ายคนบริสุทธิ์หรอค่ะ”ยุวันดีถาม
“อ้อ ฉันจำเธอได้แล้วเธอคือ………..”คุณหญิงนริศากำลังพูด
แต่ยุวันดีก็เอาตุ้มหูยาสลบขว้างภายในห้องจนทุกคนสลบ จากนั้นเธอก็นำกล้องของนักข่าวทุกคนไปทิ้ง ทำให้รูปและวิดีโอที่คุณหญิงตั้งใจให้ถ่ายหายไปจนหมด จากนั้นยุวันดีจึงฉีกยาลืมโลกให้ทุกคนในห้องยกเว้นน้ำมนต์ ซึ่งนอนสลบอยู่บนเตียง
“ถึงฉันจะไม่ค่อบชอบพ่อแม่เธอรวมถึงตัวเธอ แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้คนเลวอย่างพวกนี้ทำลายผู้บริสุทธิ์”ยุวันดีพูดเสร็จหันหน้าไปทางกระเป๋าของพลตำรวจเอกน้ำมนต์ ซึ่งอยู่ใกล้เธอและน้ำมนต์มาก สักพักเธอก็ค้นเจอยาบ้ายี่สิบเม็ด
“เลวที่สุด นี่ถ้าตำรวจจับได้ยัยมนต้องลาออกจากงาน เสียชื่อเสียงและต้องติดคุก ฉันจะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว ” ยุวันดีบอกก่อนจะใช้เชือกที่มัดตัวน้ำมนต์มาอกกุญแจมือคุณหญิงโดยไม่ให้เธอเห็นหน้า จากนั้น ยุวันดีจึงเอายาบ้าไปใส่ในกระเป๋าของคุณหญิงนริศราแทน ก่อนจะพาน้ำมนต์ออกจากห้องแล้วพากลับไปบ้านพักของเธอก่อน
“หวังว่าเราจะไม่ต้องพบกันอีกนะค่ะคุณหญิงนริศา”ยุวันดีบอกก่อนพำน้มนต์ออกไป
เธอเอาบอดี้การ์ดของคุณหญิงนริศามานอนกอดกับคุณหญิงนริศา มันอาจจะดูโหดเกินไป แต่ถ้าหญิงสาวไม่ทำแบบนี้คนไม่ดีอย่างคุณหญิงนริศาจะต้องทำร้ายและทรมานผู้บริสุทธิ์ไม่หยุดแน่นอน
ภายในบ้านเวียงวลา คุณหญิงยุพินและพลตำรวจเวียง เวียงวลา รวมถึงลูกศรที่กำลังตั้งสติดูข่าวการทำงานของพี่สาวที่หายไปอย่างมีสติ
“จากประวัติการทำงานของพี่มนต์ ศรคิดว่าไม่มีคดีไหนใกล้บ้านเราเลยนะค่ะคุณพ่อ นอกจากคดีค้าขายยาเสพติดที่พี่มนต์ไปช่วยทางสถานีตำรวจภูธรของจังหวัดเชียงใหม่ปีที่แล้ว”ลูกศรบอก
“ขอบใจนะลูก ศร เดี๋ยวพ่อจะลองโทรถามจ่าบุรินทร์ดูว่าตอนนี้จ่าให้ยัยมนต์ไปประจำการที่ไหน”พลตำรวจโทเวียง เวียงวลาบอก
เมื่อพลตำรวจเอกน้ำมนต์ เวียงวลาฟื้นขึ้นจากการถูกตีหัวของลูกน้องของคุณหญิงนริศรา เธอเดินออกจากห้องนอนซึ่งเป็นห้องนอนที่ยุวันดีตั้งใจสร้างให้กับคุณแม่ที่จากเธอไปแล้วโดยเธอคิดว่ามารดาของเธออยู่กับเธอตลอด ด้วยความมีสายโลหิตเดียวกันระหว่างแม่และลูกทำให้ยุวันดีเห็นมาริสา วิญญาณผู้เป็นแม่อย่างชัดเจนและยังสามารถพูดคุยกับแม่ของเธอได้ด้วย น้ำมนต์เดินที่หน้าทางขึ้นชั้นสองของบ้านของยุวันดี เธอเห็นรูปครอบครัวของเธอ ซึ่งแน่นอนมันเป็นภาพตัดต่อแต่ที่สำคัญคือใครเป็นคนทำภาพนี้ น้ำมนต์คิดในใจแล้วเดินสำรวจจนเห็นห้องที่มีประตูสีขาว เธอเปิดไปเห็นรูปภาพของมาริสา ภรรยาหลวงของคุณพ่อของเธอ ซึ่งถือเป็นมารหัวใจของเธอและมารดาของเธอ เธอเห็นพวงมาลัยอยู่ข้างล่างมันๆคล้ายกับการเคารพบูชาผู้มีพระคุณที่ตายแล้วที่เธอเคยเห็นมาก่อน แล้วเธอก็ออกจากห้องนั้น ระหว่างทางออกเธอเผลอทำรูปภาพหนึ่งหล่น ยุวันดีได้ยินเสียงจึงไปดู และเห็นน้องสาวมองรูปครอบครัวซึ่งเป็นรูปภาพตอนเด็กที่มียุวันดี มาริสา และพลตำรวจโทเวียง เวียงวลา พ่อของเธอด้วย
“ถ้าไม่มีฉัน แม่ ยัยศร เธอก็คงได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนในรูปนี้”น้ำมนต์บอก
“พี่ เอ้ย ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นนะ เรื่องราวพวกนี้มันจบไปตั้งแต่แม่และฉันอออกจากบ้านหลังนั้นแล้ว”ยุวันดีบอก
ว่าแล้วน้ำมนต์ก็วางรูปไว้ที่เดิม แล้วถามสาเหตุที่ตนมาอยู่ที่บ้านหลังนี้
“ฉันมาอยู่ที่บ้านของเธอได้ไง”น้ำมนต์ถาม
“คือ คืนนั้นน้อง เอ้ย คุณถูกคุณหักหลังตีหัวจนสลบแล้วมันก็พยายามเอายาบ้าใส่ลงในกระเป๋าคุณ เพื่อให้คุณถูกจับและทำให้วงศ์ตระกูลคุณเสียหายและเสียชื่อเสียง”ยุวันดีบอกตามที่ได้ยิน
“คุณหักหลัง คิดชื่อนี้ได้ไง”น้ำมนต์ถาม
“คิดตามนิสัยและพฤติกรรม”ยุวันดีบอก
เหตุการณ์นี้ทำให้พี่น้องได้มีโอกาสได้คุยกัน วิญญาณมาริสายืนมองลูกสาวคนแรกและลูกสาวคนที่สองซึ่งพลตำรวจโทเวียงวลาไม่เคยรู้ว่าน้ำมนต์เป็นลูกสาวของเธอ เพราะภรรยาคนใหม่ของสามีเธอทำให้เธอต้องพลัดพรากจากคนที่เธอรัก ไทเกอร์ สัตว์เลี้ยงของยุวันดีเห็นวิญญาณมาริสา ด้วยความเป็นวิญญาณจึงสามารถพูดเป็นสัตว์ทุกตัวได้
“ไทเกอร์ วันนี้เป็นวันที่ฉันดีใจมากในที่สุดฉันก็ได้เจอลูกสาวคนที่สองของฉันและทั้งสองยังรักกันขนาดนี้ ถึงแม้ว่าน้ำมนต์จะถูกสอนมาให้เกลียดฉันและดี”มาริสาบอก
“พี่น้องกัน ต่อให้เกลียด ฆ่ากันให้ตาย ยังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนความเป็นพี่น้องได้”ไทเกอร์บอก
มาริสานั่งมองดูลูกสาวคนโตและลูกสาวคนเล็กของเธอคุยกันเรื่องราวต่างๆทำให้เธอดีใจมากจนร้องไห้ออกมา
“ขอบคุณนะที่มาส่งฉันที่บ้าน”น้ำมนต์บอก
“อืม”ยุวันดียิ้มตอบ
น้ำมนต์รู้สึกผูกพันกับยุวันดีแปลกๆ อาจเป็นเพราะว่าเธอมีพ่อคนเดียวกัน แต่มารดาของเธอเล่าให้ฟังว่ายุวันดีเป็นลูกของชู้รักของมาริสา ทำให้น้ำมนต์ฟังใจว่า สองแม่ลูกนี้เป็นคนไม่ดี
เมื่อเธอเข้าบ้านก็เห็นบิดาและมารดาของตนรวมทั้งลูกศรนั่งรอเธออยู่
“ไปไหนมาฮะ นังตัวดี” คุณหญิงยุพินบอก
“หนูไปจับพวกค้ายาเสพติดมาค่ะคุณแม่”น้ำมนต์บอก
“แล้วจับได้ไหม”พลตำรวจโทเวียง เวียงวลาบอก
“ไม่ได้ค่ะ แต่หนูก็ได้หลักฐานมัดตัวค่ะ”น้ำมนต์บอก
“หลักฐานอะไร”พลตำรวจโทเวียง เวียงวลาถาม
“นี่ค่ะ”น้ำมนต์ส่งให้บิดา
ตอนที่เธอคุยกับยุวันดี พี่สาวต่างมารดาของเธอ
“ในเมื่อคุณหายดีแล้ว ฉันจะไปส่งคุณที่บ้านเอง”ยุวันดีบอก
“ฉันยังไม่อยากกลับ”น้ำมนต์ทำหน้าเศร้า
ยุวันดีเห็นสีหน้าของน้องสาวคนนี้ก็รู้ว่า เธอมาทำคดียาเสพติดก็ควรเอาคนร้ายไม่ก็เอาอะไรติดไม้ติดมือไปเป็นหลักฐานจับตัวคนร้าย
“รอฉันเป๊ปเดียวนะ”ยุวันดีบอก
แล้วเดินไปในห้องนอน เธอเข้าไปเปิดลิ้นชัก ซึ่งมีตู้เซฟอยู่ข้างในเธอกดรหัสผ่าน แล้วหยิบเอากระดาษเอกสารซึ่งเป็นของที่ได้จากการไปช่วยน้องสาวของเธอเมื่อคืนนี้ แล้วเอาลงไปให้น้องสาว ซึ่งนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกเล็กๆของเธอ
“อืม ฉันให้”ยุวันดีบอกน้องสาว
น้ำมนต์รับไปแล้วดูเอกสารที่ยุวันดีให้ เธอเห็นแผนการส่งขายยาเสพติดออกไปขายในประเทศไทย และที่สำคัญมันยังระบุจำนวนสารเสพติดและรายชื่อผู้ส่ง
“สุดยอด บอกฉันได้ไม่ว่านี่คือของแท้หรือของปลอม แล้วคุณเอามาได้อย่างไง”น้ำมนต์ถาม
“ของแท้ แต่ฉันไม่สามารถบอกคุณได้ว่าฉันเอามาได้ ฉันอยากให้คุณช่วยเอาของชิ้นนี้ให้พ่อคุณ เพราะของชิ้นนี้จะทำให้คุณสามารถช่วยเด็กตัวเล็กคนหนึ่งร้องไห้เมื่อเห็นพ่อของตัวเองขายสารเสพติด”ยุวันดีบอก
เธอหมายถึง สาวน้อย คาราเมล ลูกสาวของหัวหน้าค้าขายยาเสพติด เสียมารดาไปตั้งแต่เกิด เธอไม่อยากให้บิดาขายยาเสพติด หลายครั้งเธอพยายามเตือนบิดา แต่บิดาของเธอไม่ฟัง เธอจึงร้องไห้และเผลอพูดออกไปว่า
“พ่อนะพ่อ รู้ทั้งรู้ว่ามันผิดกฎหมายก็ยังทำ ทำไมนะหนูถึงเกิดเป็นลูกหัวหน้าค้ายาเสพติดด้วย”คาราเมลบอก
ตอนที่สาวน้อยพูดนั้นยุวันดีแอบได้ยิน ใช่แล้วคืนนั้นเป็นคืนที่น้ำมนต์ถูกจับตัวไป เธอจึงตามหาน้องสาวของเธอ เมื่อเธอได้ยินอย่างนี้จึงไปถามถึงแผนการของกลุ่มค้าขายยาเสพติดจากเด็กสาว แล้วสัญญาว่าจะช่วยบิดาของสาวน้อยคนนี้
เมื่อพลตำรวจโทเวียง เวียงวลาเปิดดูก็เห็นแผนการทั้งหมดของกลุ่มค้าขายยาเสพติด
“ไม่จริง ลูกได้มันมาจากไหน”เวียงถามลูก
“ได้มาจากไหนไม่สำคัญค่ะคุณพ่อ รู้แต่ว่ามันเป็นของจริง และถ้าคุณพ่อมัวแต่ถามลูก พวกมันจะต้องหนีข้าวประเทศได้แน่ และต้องมีคนติดสารเสพติดเพิ่มมากขึ้นทวีคุณ”น้ำมนต์บอก
เมื่อพลตำรวจโทเวียง เวียงวลาฟังที่ลูกสาวพูดก็เดินไปหยิบโทรศัพท์บ้านซึ่งวางอยู่ที่หน้าทางขึ้นบันได เขาโทรหาหน่วยงานตำรวจสายลับซึ่ง สารวัตรก้องเกียรติ สารวัตรจรัญ และสารวัตรณรงค์ทำงานอยู่ ตอนนั้นเป็นตอนที่สารวัตรทั้งสามกำลังประชุมเรื่องคดีสังหารคนสนิทของนายพลชอนของยุวันดี เอมมิกา และสมายด์
“ตามที่ฉันคิด ผู้ร้ายต้องเป็นคนที่รู้ทางเข้าออกของแมสสาแน่นอน ถึงได้เข้ามาฆ่าคนของท่านนายพลชอนได้”สารวัตรจรัญบอก
ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันเกี่ยวกับคดีสังหารคนสนิทของนายพลชอน จ่าเพ็ง ซึ่งเป็นตำรวจพนักงานที่ทำหน้าที่รับโทรศัพท์และต้อนรับผู้มาเยือนหรือผู้เสียหาย
“ขอโทษนะครับ สารวัตร ถ้ามาขัดจังหวะ”จ่าเพ็งบอก
“ไม่เป็นไร มีอะไรหรอจ่า”สารวัตรจรัญบอก
“สารวัตรคงต้องพักเรื่อง คดีท่านนายพลก่อนนะครับ เพราะทางพลตำรวจโทเวียง เวียงวลา ตำรวจชำนาญการทางด้านสารเสพติดได้ติดต่อมาว่าได้แผนที่การส่งสารเสพติดรายใหญของประเทศได้ครับ”จ่าเพ็งบอก
เมื่อรู้เรื่องแผนที่จากจ่าเพ็ง สารวัตรทั้งสามรีบเดินทางมาที่บ้านเวียงวลา ทันที่ที่รถมาจอดที่บ้านเวียงวลา ลูกศรก็เห็นรถจอดที่หน้าบ้าน
“รถใครนะ”ลูกศรถาม
ทั้งสามลงจากรถแล้วตรงเข้าไปในบ้านเวียงวลา สารวัตรก้องเกียรติเห็นรูปภาพผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกซ่อนไว้ใต้หมอนจึงหยิบมาดู
“สวยจัง”สารวัตรก้องเกียรติรำพึง
มันคือรูปของยุวันดีตอนโต ตอนที่พลตำรวจโทเวียง เวียงวลาถูกยุวันดีไล่ออกจากบ้านเขาได้แอบเอารูปของยุวันดีมาไว้ที่ใต้หมอนในโซฟาตัวโปรดของเขา
เมื่อเห็นว่าพลตำรวจโทเวียง เวียงวลาเดินออกมาเขาก็เก็บรูปไว้ที่เดิม
“สวัสดีครับ”สารวัตรทั้งสามบอกกพลตำรวจโทเวียง เวียงวลา
“สวัสดีเช่นกันครับ คุณสารวัตร”พลตำรวจโทเวียง เวียงวลาบอกสารวัตรทั้งสาม
“ท่านเรียกพวกเรามาทำไมเหรอครับ”สารวัตรณรงค์ถาม
“เรียกผมว่า เวียงเฉยๆก็ได้ครับ เราคนกันเอง”พลตำรวจโทเวียง เวียงวลาบอก
“ครับ คุณเวียง”สารวัตรทั้งสามบอก
“คุณคงทราบดีว่า ลูกสาวคนที่สองของผมเป็นตำรวจเช่นเดียวกับพวกคุณ เมื่อวานนี้เธอได้หลักฐานแผนที่การส่งขายสารเสพติดของผู้ค้าขายยาเสพติดคนสำคัญที่ตำรวจอย่างพวกเราต้องการจับมาลงโทษตามกฎหมาย”พลตำรวจโทเวียง เวียงวลาบอก
ทั้งสามนั่งคุยกันจนเย็น คุณหญิงยุพินจึงชวนทั้งสามร่วมกินข้าว เพราะสารวัตรก้องเกียรติ์เป็นว่าที่คู่หมั้นคู่หมายของลูกศร ลูกสาวของเธอ เธอจึงตั้งใจประกาศให้ทุกคนที่ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็นกับเธอได้รู้ โดยหารู้ไม่ว่า สิ่งนี้เองที่ทำให้สารวัตรก้องเกียรติ์ผู้ไม่เคยเกรงกลัวใคร ถึงกับต้องช็อก
“ตามสบายเลยนะครับ สารวัตรก้องเกียรติ์ สารวัตรณรงค์ และสารวัตรจรัญ”พลตำรวจโทเวียง เวียงวลาบอก
“ครับ”สารวัตรทั้งสามบอก
เมื่อลูกศรกลับมาจากมหาวิทยาลัยแถวๆบ้านของเธอ เธอเห็นว่าที่คู่หมั้นคู่หมายของเธอก็เศร้าใจ เพราะเธอยังไม่อยากแต่งงานงานและรักสารวัตรก้องเกียรติ์เลยสักนิด
“อ้าว ยัยศรกลับมาแล้วเหรอลูก”พลตำรวจโทเวียง เวียงวลาบอก
“ค่ะ คุณพ่อ”ลูกศรบอก
“ลูกจำพี่ก้องได้ไหม”พลตำรวจโทเวียง เวียงวลาบอก
“จำได้ค่ะ”ลูกศรบอกสั้นๆ
“ดีแล้ว อ้อลืมไป ลูกศร นี้คุณสารวัตรจรัญ สารวัตรณรงค์ เพื่อร่วมงานของพ่อเองลูก คุณสารวัตรทั้งสามครับนี้ ลูกศร ลูกสาวคนที่สองของผมเองครับ”พลตำรวจโทเวียง เวียงวลาบอก
ขณะที่ทั้งสองพ่อลูกกำลังคุยกัน สารวัตรจรัญและสารวัตรณรงค์หันมามองสารวัตรก้องเกียรติ์ด้วยแววตาที่น่าสงสัยและถามสารวัตรก้องเกียรติ์ว่า
“นี่นายก้อง นายรู้จักน้องลูกศรด้วยหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย ”สารวัตรณรงค์ถาม
“ก็พ่อแม่ของเราทั้งสองฝ่ายหมายหมั้นฉันกับน้องเขาไว้นะสิ ฉันกับศรขัดใจท่านไม่ได้ ก็เลยปล่อยให้เรื่องไปตามเลย นะ”สารวัตรก้องเกียรติ์บอก
“อ้อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี่นี้เอง”สารวัตรจรัญบอก
เมื่อลูกศรคุยกับบิดาและสารวัตรทั้งสามเสร็จ เธอหลบขึ้นไปบนห้องเพื่อแกล้งทำเป็นการบ้านเยอะและอาบน้ำช้า ไม่ก็ง่วงนอน
“ทำไมศรต้องเจอพี่ก้องตอนนี้ด้วยเนี่ย พ่อนะพ่อทำอะไรไม่ปรึกษาศรก่อนเลย ”ลูกศรรำพึง
คุณหญิงยุพินเห็นลูกศรอาบน้ำช้าจึงไปเคาะประตูห้องของลูกศรด้วยความห่วงใย
“ยัยศร ทำอะไรอยู่ลูก พ่อกับสารวัตรทั้งสามรอลูกอยู่นะ”คุณหญิงยุพินบอก
“คือ วันนี้ศรจำได้ว่าการบ้านเยอะมากค่ะ คุณแม่ศรขอทำการบ้านก่อนนะค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้โดนอาจารย์ทำโทษ”ลูกศรบอก
“อ้าว งั้นเดี๋ยวแม่ไปบอกพ่อกับคุณสารวัตรก่อน ปล่อยให้รอนานเดี๋ยวจะหิวกันแย่”คุณหญิงยุพินบอก
หลังจากที่ได้ร่วมโต๊ะมื้อเย็นกับสมาชิกในบ้านเวียงวลา สารวัตรก้องเกียรติ์ก็ขับรถตำรวจกลับบ้าน ภายในบ้านของสารวัตรก้องเกียรติ์ แลนด์ เพื่อนของสารวัตรก้องเกียรติ์นั่งรอสารวัตรก้องเกียรติ์ด้วยแววตาอันเศร้าสร้อย
“อ้าว ไอ้แลนด์มาหาใครล่ะ เพื่อน”สารวัตรก้องเกียรติ์ถามเพื่อนรัก
“มาหาแกนั้นแหละ ”แลนด์บอก
“มาหาฉันทำไมหรอ”สารวัตรก้องเกียรติ์ถาม
“เมื่อเช้าน้ำเปิดหนังสือพิมพ์อ่าน เขาช็อกมากเลยนะ ข่าวมันออกว่า คุณนาคฤทัย พี่สาวของเขาถูกลอบสังหารจากพวกที่ทำลายท่านชอนมันคงโกรธเกลียดท่านมากถึงขนาดฆ่าคุณนาคฤทัยและก็จับตัวลูกของท่านและเธอไป”แลนด์บอก
“น้ำเขารู้แล้วหรอว่าคุณนาคฤทัยเป็นเมียน้อยของท่านนายพลชอน”สารวัตรก้องเกียรติ์บอก
“อืม ”แลนด์
“แล้วเขาว่ายังไงบ้างล่ะ”สารวัตรก้องเกียรต์ถาม
“ก็เสียใจอยู่นะ คุณนาคฤทัยเป็นคนดีไม่น่าต้องมาตายเพราะคนเลวๆอย่างพวกที่ทำลายท่านนายพลชอนเลย”แลนด์บอก
ภายในสำนักพิมพ์บารอน แม่บ้านดรุณี เปิดทีวี เพื่อฟังข่าว และทำความสะอาดด้วย เธอได้ยินข่าวเรื่องการตายของคุณนาคฤทัย
“สวัสดีค่ะ คุณสารวัตรจรัญ วันนี้นะค่ะท่านผู้ชมพวกเราได้รับเกียรติ์จากสารวัตรจรัญ ตำรวจชำนาญการที่บินมาจากอังฤกษพร้อมคณะเพื่อมาคลายคดีใหญ่ๆในประเทศไทย เรามาเริ่มเรื่องของเราเลยนะค่ะ
เมื่อคุณแม่บ้านได้ยินก็รีบขึ้นลิฟต์ไปหาสามสวาและบารอนที่ห้องทำงานใหญ่
“คุณหนูค่ะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ”แม่บ้านดรุณีบอกยุวันดี
แม่บ้านดรุณีเป็นแม่นมของยุวันดีเมื่อตอนที่เธออายุได้เพียงสามเดือน หลังจากที่รู้ว่ายุวันดีและมาริสา ผู้เป็นเจ้านายถูกไล่ออกจากบ้าน แม่บ้านดรุณีจึงลาออกเพื่อตามหายุวันดี จนวันหนึ่งเธอท้อใจจึงเดินทางกลับไปหาปู่ของเธอที่จีน และก็ได้พบยุวันดีที่จีนในสำนัก ยิวฟาง เอ่อ ยุวันดีเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่บ้านดรุณี แม่บ้านดรุณีจึงสัญญากับยุวันดีว่าจะดูแลเธอตลอดไป
“มีเรื่องอะไรค่ะ น้าณี”ยุวันดีถาม
“ลองเปิดทีวีดูสิค่ะ ”ดรุณีบอก
ว่าแล้วเอมมิกาและสมายด์ที่นั่งทำงานอยู่ก็ช่วยกันเปิดทีวี และได้ดูที่สารวัตรจรัญพูด
“คดีที่สังหารคุณนาคฤทัยภรรยาคนที่สิบสองของท่านายพลชอน คุณสารวัตรจรัญจะใช้วิธีไหนสืบค่ะ”พิธีกรสาวถาม”
“หนึ่งถามจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ว่าคุณนาคฤทัยอยู่กับใครเป็นคนสุดท้าย”สารัวตรจรัญบอก
“แล้วใครค่ะคือคนที่อยู่กับคุณนาคฤทัยเป็นคนสุดท้าย”พิธีกรสาวถาม
“ก็คนที่ฆ่าเธอนั้นแหละครับ ”สารวัตรจรัญบอก
“แล้วคุณสารวัตรสันนิฐานว่าเป็นใครค่ะ” พิธีกรสาวถาม
“ผมสันนิฐานว่าเป็นคนๆเดียวกับที่ฆ่าพวกของท่านนายพลชอนนะครับ”สารวัตรจรัญบอก
“ท่านผู้ชมค่ะ หลังจากที่ทางทีมงานของเราเชิญคุณสารวัตรจรัญแล้ว เรายังเชิญท่านนายพลชอน เหลี่ยมใจ ท่านมาในฐานะสามีของคุณนาคฤทัยค่ะ”พิธกรบอก
“ท่านรู้สึกอย่างไงค่ะที่ภรรยาถูกฆาตกรรมและลูกถูกจับตัวไป”พิธีกรถาม
“ก็เสียใจครับ ผมตั้งชื่อเด็กไว้แล้วแท้ๆแต่นาคดันจากไปก่อนแถมลูกก็ถูกจับไปไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไร”ท่านนายพลชอนแกล้งทำท่าเสียใจ
“โกหก ถ้าคุณเสียใจจริง คุณฆ่าฉันทำไม ทำร้ายลูกทำไม”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น แต่ไม่มีใครได้ยินนอกจากยุวันดีที่นั่งฟังการรสนทนาของพิธีกรสาวและท่านนายพลชอนอยู่
“ทำไมผู้หญิงคนนั้นพูดแปลกๆ”ยุวันดีถาม
“คนไหนล่ะ ยัยดี”สมายด์ถาม
“ก็คนนั้นไง ผู้หญิงที่ใส่ชุดกระโปรงสีขาวๆผมยาวๆหยิกๆ”ยุวันดีบอก
“ไหนไม่เห็นมีเลย”สมายด์บอก
“ท่านมีอะไรจะบอกคุณนาคฤทัยกับลูกหรือเปล่าค่ะ”พิธีกรสาวบอก
“นาค ถ้าคุณอยู่แถวๆนี้ ผมอยากให้คุณรู้นะว่าผมรักคุณ รักสุดหัวใจ ถ้าชาติหน้ามีจริงผมขอให้ผมได้ชดใช้ความผิดและความรักให้คุณ คุณนาค”นายพลชอนบอก
“ไม่ต้องรอชาติหน้าหรอ ไอ้นายพลชอน แกจะได้ชดใช้ความผิดที่ทำกับแม่ของเพื่อนฉันสองคน ฉัน และผู้หญิงที่คุณทำลาย”เอมิกาบอก
แล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานของเธอ แล้วเปิดไปในเว็บไซด์หน่วยงานตำรวจสายลับที่สารวัตรทั้งสามทำงานอยู่ แล้วเธอก็เห็นใบหน้าของสารวัตรจรัญ แล้วนึกขำ
“ใครที่มันกล้าขวางการทำงานของเอมมิกา คนนั้นก็ต้องไม่อยู่เป็นสุข”เอมมิกาบอก
ความคิดเห็น