คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 9
9
ภายในบ้านของเอมมิกา เอมมิกานั่งมองดูรูปบิดา มารดา และตัวของเธอ ไม่ใครเข้าใจเธอเลย มีแต่คนเทิดทูนนายพลชอน ยกเว้นบิดาของเธอ เดี่ยว หลังจากที่สึกออกมาไม่นาน เขาก็เริ่มทำมาหาเลี้ยงชีพจนได้เป็นหัวหน้าผู้จัดงานกรมการหลวงแห่งจังหวัดกรุงเทพมหานคร บ้านเกิดของเขา
“ทำไมไม่ใครเข้าใจเอมเลย”เอมมิกาบอก
แล้วเธอก็หยิบของสำคัญที่อยู่ในลิ้นชักขึ้นมามันเป็นปืนส่วนตัวของเธอที่บารอนให้ไว้ แม้ว่าเธอจะเป็นหญิง แต่เธอก็ไม่ได้แกร่งและมีความกล้าหาญมากถึงขนาดจะฆ่าคนได้ แต่ที่เธอต้องทำ เพื่อแก้แค้นให้ตนเองที่ถูกทำร้ายเมื่อสิบปีก่อน
“สักวันฉันจะทำให้คนทั้งโลกรู้ว่า นายพลชอนคือคนลวงโลก”เอมมิกาบอก
สักพักสุพรรษาก็เคาะประตูมาและบอกเอมมิกาว่า
“เอม ได้ยินแม่ไหมลูก ตอนนี้พ่อกลับมาบ้านแล้วนะลูก ลงมากินข้าวเย็นได้แล้ว”สุพรรษาบอกลูกสาว
ทุกๆวันเธอจะต้องขึ้นมาบอกลูกสาวทุกวัน เพราะว่า หลังจากที่เอมมิกาทำงานเสร็จก็ปาไปสี่โมงเย็นแล้ว ส่วนเดี่ยว สามีของเธอไม่ต้องพูดถึงเขากลับมาก็ทุ่มครึ่ง แต่ทุกคนในบ้านก็ยังคงรอกินข้าวพร้อมเขาอยู่ดี
“นี่วันนี้แม่ทำต้มยำกุ้ง ของโปรดพ่อกับเอมด้วยนะ”สุพรรษาบอกลูกสาวและสามี
“ต้องอร่อยมากแน่ๆเลย”เอมมิกาบอก
สักพักสุพรรษาก็นั่งลงเปิดทีวีดูกัน เธอมองดูข่าวของนายพลชอน
“นี่มันท่านายพลชอนนี้ ไอ้พวกคนชั่วคนไหนทำลายอีกล่ะ”สุพรรษาบอกก่อนเพิ่มเสียงโทรทัศน์
“สวัสดีค่ะ ท่านผู้ฟัง วันนี้ทางเราพาท่านผู้ชมมาพบกับท่านนายพลชอนนะค่ะ ซึ่งทราบจากทีมข่าวว่า นายพลชอนเพิ่งถูกแฟนของหญิงสาวที่ทำลายมาบุกและขู่เอาชีวิตไปฟังเสียงของนายพลชอนกันค่ะ”พิธีกรบอก
“ก็ เขาก็มาบุกบ้านของผมแล้วก็ขู่บอกว่า อย่ายุ่งกับแฟนเข้าอีกครับ ซึ่งตัวผมก็ไม่ได้ยุ่งเขาจะรู้หรือเปล่าว่าถูกแฟนเขาปั่นหัว”นายพลชอนบอก
“ไอ้คนเลว อุตส่าห์ให้ไปแก้ข่าวยังมาว่าอีก รู้งี้ไม่น่าปล่อยตั้งแต่วันนั้นเลย จะมีใครที่ทำให้คนอย่างแกยอมบอกความจริงไหมเนี่ย”เอมมิกาคิดในใจแล้วกินข้าวต่อ
เดี่ยวมองสีหน้าของลูกสาวก็พอรู้ เขารู้เรื่องการทะเลาะของภรรยาและลูกสาวจากสุนันท์ หลังจากที่สุนันท์เล่าให้เขาฟังว่า นายพลชอนผู้นี้ทำลายลูกสาวเขาจนเกือบตาย เขาเองก็อยากจะเอาปืนไปยิงนายพลชอนจริงๆ
ภายในบ้านเวียงวลา พลตำรวจเอกน้ำมนต์ เวียงวลานั่งทำงานอยู่บนห้อง เธอพยายามเก็บรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับพี่สาวของเธอและเพื่อนอีกสองคน
“ถ้าบริษัทที่ดีทำงานอยู่ไม่ได้เป็นแค่บริษัทผลิตหนังสืออย่างเดียวล่ะ เพราะดูจากที่เราเห็นเธอรู้ถึงเรื่องเกี่ยวกับคดีใหญ่ๆของเธอและที่ตำรวจหลายคนหรือทั้งกองไม่รู้”น้ำมนต์บอก
สักพักเธอก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเพราะจำได้ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยแอบเข้าไปในห้องของพยุวันดีและอัดเทปเอาไว้
“นี่ไง เจอแล้ว”น้ำมนต์บอกก่อนเปิดดู
มันเป็นภาพเหตุการณ์ที่เธออยู่บ้านของยุวันดี น่าแปลกในบ้านนี้มีแต่รูปถ่ายแล้วก็กองหนังสือ ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ของสองสิ่ง แต่อยู่ที่รูปของมาริสา
“นี่มันรูปของมาริสานี่น่า ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามาริสาอยู่ไหน”พลตำรวจเอกน้ำมนต์บอกแล้วสืบหาทในคูเคิ้ล ปรากฏว่า เธอเห็นรูปศพการตายของมาริสา จึงรีบไปอ่าน
“เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม เราได้คลี่คลายของมาริสา เวียงวลา ภภรยาของพลตำรวจโทเวียง เวียงวลา ที่เสียชีวิตจากสัตว์ชนิดหนึ่ง”พลตำรวจเอกน้ำมนต์บอก
เธอคิดว่า มาริสา จะต้องทรมานแน่ๆเพราะว่าเธอต้องตายอย่างไร้สาเหตุ พูดแล้วก็คิดถึงบิดาของตนและมารดา เขาไม่เข้าใจว่าบิดาของเธอยังรัก มาริสา อยู่เต็มหัวใจ ทำไมจึงคิดที่จะแต่งงานกับมารดาของเธอ
ภายในสถานีตำรวจ พลตำรวจเอกน้ำมนต์ได้เข้าไปในห้องที่มีเอกสารเกี่ยวกับคดีต่าง เธอจำได้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนและเธอก็เป็นคนจัดเก็บห้องนี้ ข้อมูลการตายของมาริสานะจะอยู่ในห้องนี้ด้วย สักพักวิญญาณของมาริสาที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็ดลบันดาลให้แฟ้มของเธอที่อยู่ชั้นบนตกลงมาที่หัวของพลตำรวจเอกน้ำมนต์ เวียงวลา
“โอ้ย อะไรมันลงลงมาเนี่ย”น้ำมนต์บอกแล้วหยิบคิดมาดู
“คดีการตายของมาริสา ภรรยาคนแรกของพลตำรวจโทเวียง เวียงวลา ”น้ำมนต์อ่าน
“ในที่สุดฉันก็เจอ ขอบคุณมากนะค่ะที่หล่นใส่หัวฉันนะ”น้ำมนต์บอก
ก่อนหยิบแฟ้มนั้นออกไปจากห้อง และกลับบ้านของเธอเพราะอาทิตย์นี้เธอไม่มีงานให้ทำ เมื่อมาถึงห้องเธอก็มาเปิดดู
“วันที่ 1 กรกฏาคม มีหญิงสาวน่ารักคนหนึ่งเดินมาแจ้งความ พวกเราสมาชิกในสถานีตำรวจงงไปเลย เพราะเด็กเจ็ดขวบมาแจ้งความแม่ตาย”น้ำมนต์อ่าน
เธอสันนิฐานว่า มาริสาต้องขาดใจตายในวันที่ 1 กรกฏาคม ของเมื่อสิบปีก่อน แล้วเด็กผู้หญิงที่ว่าก็คือ ยุวันดี น้ำมนต์สงสัยมากเพราะมาริสาตายไปได้แค่หนึ่งเดือน ทำไมทางตำรวจเพิ่งจะมาคลี่คลายคดี
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น”น้ำมนต์บอก
แล้วเปิดอ่านแฟ้มคดีของมาริสา เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงอยากรู้คดีนี้นั้นทั้งๆที่มันผ่านมาตั้งสิบปีกว่าแล้ว อาจเป็นเพราะมันเกี่ยวกับบิดาของเธอก็เป็นได้ แต่ทุกครั้งที่เธอเห็นรูปมาริสา เธอกลับรู้สึกนึกถึงแม่ของเธอทุกครั้ง
สักพักก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น น้ำมนต์รีบเก็บแฟ้มลงในลิ้นชัก แล้วไปเปิดประตูห้องนอนพบว่าลูกศรเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยชุดนักศึกษา
“อ้าว ศรมีอะไรรึเปล่า”น้ำมนต์ถาม
“คุณพ่อนะพี่มนต์ พอรู้ข่าวว่าศรนะเกรดตก ท่านก็งดให้ศรอ่านนิยายของพี่ดีนะ”ลูกศรบอก
ใช่แล้ว น้ำมนต์คิด บางที่นิยายที่ยุวันดีแต่งให้ลูกศรอาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงคดีนี้ ว่าแล้วเธอก็ถามน้องสาวว่า
“ศร พี่ขอลองอ่านนิยายของศรได้ไหม”น้ำมนต์ถาม
“พี่เนี่ยนะจะอ่านนิยาย”ลูกศรถาม
“นี่ค่ะที่เก็บนิยายของลูกศร”ลูกศรบอก
เธอเปิดตู้สะลมนิยายให้น้ำมนต์ดู เธอมองดูนิยาย แต่ล่ะเล่มมันมีชื่อเพาะมาก ทันใดนั้นเธอเห็นหนังสือเล่มหนึ่งมันเป็นสีแดง มันมีชื่อว่า “รอยแค้นที่ต้องชำระ”ว่าแล้วน้ำมนต์ก็หยิบขึ้นมา พอลูกศรเห็นน้ำมนต์หยิบ ลูกศรก็เล่าว่า
“พี่นี้ตาถึงเนอะเรื่องนี้นะสนุกที่สุดเลย เรื่องนี้นางเอกของเรื่องนี้นะเก่งนะพี่ นางเอกนะแม่ตายตั้งแต่เด็กเพราะถูกไอ้เข้กัดจนเสียชีวิต แล้วไอ้เข้ตัวนั้นมันเป็นของชู้รักของมารดาเลี้ยงนางเอก ซึ่งเกลียดนางเอกและแม่มาก”ลูกศรเล่า
“แล้วอย่างไงต่อ”น้ำมนต์ถาม
ที่เธอยอมฟังเพราะมันเหมือนชีวิตจริงของยุวันดีเลย เริ่มจากนางเอกแม่ตาย เหมือนยุวันดีที่มารดาของเธอตายตั้งแต่เธอยังมีอายุได้เพียงห้าขวบ ส่วนที่ถูกไอ้ข้ากัดกับเจ้าของไอ้เข้นะสิที่แปลก
เมื่อฟังลูกศรเล่าเสร็จเธอก็หยิบนิยายเรื่อง รอยแค้นที่ต้องชำระมาอ่าน ไม่นานเชื่อว่ายุวันดีจะแต่งเรื่องราวของตนเองลงนิยายหมดทุกอย่างที่ไม่เขียนก็คงมีแต่งานพิเศษที่เธอทำอยู่
“ฉันนี่มองเธอผิดจริงๆ เธอเก่งยิ่งกว่าที่ฉันคิดอีกนะยุวันดี”น้ำมนต์บอก
แล้วเปิดอ่านนิยายเรื่อง รอยแค้นที่ต้องชำระต่ออย่างสนุก เพราะเธอกำลังใกล้ถึงจุดจบของการสืบเรื่องราวทุกอย่างของการตายของมาริสาแล้ว
ภายในบ้านเวียงวลาในเวลาเช้า คุณหญิงยุพินได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตนเองจึงรีบรับพบว่าเป็นนายพลชอนจึงรีบรับสายไว้อย่ารวดเร็ว
“นี่คุณ คุณโทรมาหาฉันทำไม”คุณหญิงยุพินถาม
“โถ ผมคิดถึงคุณนะดาร์ลิ่ง”นายพลชอนบอก
นายพลชอน และ คุณหญิงยุพิน แอบไปมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง เพราะทั้งสองแอบชอบกันและแอบไปวางแผนร้ายต่างๆนานา แต่ที่แปลกก็คือไม่มีใครรู้เรื่องของเขาทั้งสองคน นอกจาก เดลฟี ลูกสาวแท้ๆที่เกกิดจากนายพลชอนและคุณหยิงยุพิน ซึ่งอยู่ที่จังหวัดประจวบกับมารดาของคุณหญิงยุพิน
“คิดถึงฉันหรือว่าคิดถึงเงินกันแน่ค่ะ ”คุณหญิงยุพินถาม
“ก็ทั้งสองอย่างนะครับ คุณออกมาพบผมหน่อยนะ”นายพลชอนบอก
“ก็ได้ แต่คุณอย่าลืมที่สัญญากับฉันเมื่อสี่ปีก่อนนะ ห้ามให้ใครรู้เรื่องของเราเป็นอันขาด”คุณหญิงยุพินบอก
“อืม”นายพลชอนบอก
“ที่ในว่ามา”คุณหญิงยุพินถาม
“ร้านอาหาร ONE FOOD หรอได้คุณรอก่อนนะเดี๋ยวฉันออกไป”คุณหญิงยุพินบอก
ก่อนจะออกจากบ้าน ขณะที่ออกจากบ้าน ลูกศรเดินมาหามารดา คุณหญิงยุพินมองลูกศร แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของคุณหญิงยุพิน แต่ก็ถือว่าเป็นลูกสาวคนหนึ่งที่เธอรักมากๆแน่ละสิเพราะว่าเธอรักและเลี้ยงดูลูกศรมาตั้งแต่เด็กๆ
“คุณแม่ค่ะ คุณแม่จะออกไปไหนหรอค่ะ”ลูกศรถาม
“คือ แม่ออกไปกินอาหารกับเพื่อนนะลูก ศรมีอะไรคุยกับแม่หรือเปล่า”คุณหญิงยุพินถาม
“คือ พรุ่งนี้คุณแม่ว่างไหมค่ะ”ลูกศรถาม
“วางสิลูกสำหรับศรแม่ว่างถูกวัน แม่ไปก่อนนะศรเพื่อนแม่โทรตามแล้ว”คุณหญิงยุพินบอกก่อนลาลูกสาวไปหานายพลชอน
ภายในห้องอาหารในร้ายONE FOOD นายพลชอนและคุณหญิงยุพินั่งดื่มเบียร์ด้วยกัน
“ที่ผมเรียกคุณมาวันนี้เพื่ออยากให้คุณช่วยผมเรื่องหนึ่ง”นายพลชอนบอก
“ว่ามา”คุณหญิงยุพินบอก
“คือ คุณรู้จักผู้หญิงในรูปไหม”นายพลชอนถาม
แล้วนายพลชอนก็หยิบรูปซึ่งเขาให้นักสืบไปสืบมาแล้ว มันเป็นรูปของยุวันดี
“รู้จักสิ นังนี้ชื่อ ยุวันดี เป็นลูกของผัวใหม่ฉันกับนังมาริสา”คุณหญิงยุพินบอก
“อ้อ หรอ”นายพลชอนบอก
แล้วเขาก็หาลื่อกันเรื่อง ยุวันดี เพราะถ้าพูดถึงเรื่องครอบครัวแล้ว นายพลชอนก็รู้ว่าคุณหญิงยุพินเกลียดยุวันดี มาด เขาจึงยื่นข้อเสนอให้หลอกมาหาเขาอีกครั้ง
ความคิดเห็น